ป๊อบมองตามหลังของพิมด้วยแววตาผิดหวัง เขาไม่อยากให้เธอทำงานนี้เลย
เตชินเห็นพิมเปิดประตูลงมาจากรถหรู เขาถึงกับหรี่ตาลง เพ่งมองไปที่รถคันนั้น พิมรีบวิ่งเข้ามาให้ทันเวลาห้านาที เพราะไม่รู้ว่าถ้าเลยห้านาที เตชินจะสรรหาคำใดมาตำหนิเธออีก เธอเป็นคนวิ่งเร็วไม่ถึงห้านาที ก็ถึงหน้าห้องแล้ว เลยยกมือเคาะประตูห้องเขาทันที เตชินที่อยู่ด้านในเอ่ยเสียงเย็นออกมา " ประตูไม่ได้ล็อค " เธอจึงเปิดประตูเข้าไป เดินไปยืนต่อหน้าเขา แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบด้วยสีหน้านิ่งเฉย " ฉันมารายงานตัวตามที่คุณบอกแล้ว ขอตัวค่ะ " พูดจบเธอก็หันหลังเดินออกไป แต่ก้าวขายังไม่ถึงสามข้าว เตชินก็หาเรื่องพูดกับเธอเอ่ยถามขึ้นอย่างเย็นชาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม " ใครมาส่งคุณ " " เพื่อนค่ะ " เธอเอ่ยตอบอย่างไวแบบไม่ต้องคิด เตชินเผยอปากแล้วเอ่ยพร้อมกับเลิกคิ้ว ขึ้นเดินเข้ามาหาเธอ " อ้อ เพื่อนคุณเป็นแม่บ้านทีรวยใช้ได้เลยนี่ ขับรถหรูมาส่งซะด้วย " พิมตกใจ ไม่คิดว่าเขาจะแอบดูอยู่ และไม่รู้ว่า รถของอาจารย์ป๊อบเป็นรถหรู เธอรู้สึกพลาดมากที่พูดออกไปแบบนั้น เธอนิ่งเงียบไป เตชินเห็นดังนั้นจึงเอ่ยต่อว่า " กำลังคิดหาวิธีแก้คำพูดของตัวเองอยู่ล่ะสิ " เธอมองเขาด้วยแววตาไร้อารมณ์แบบสุดๆพร้อมกับพึมพำในใจอย่างหงุดหงิด [ รู้ทันไปซะทุกเรื่องจริงๆ ] แล้วเธอก็ถอนหายใจออกมาจ้องหน้าเขาอย่างไม่ยอมแพ้ แล้วเอ่ย " นั่นมันแกร็บคาร์ที่ฉันเรียกมา เพื่อนฉันก็นั่งมาส่งฉันไง " [ แล้วเราจะอธิบายไปทำไม มันเรื่องส่วนตัวหรือเปล่าว้า มันไม่สมเหตุสมผล ] เธอรู้สึกแปลกๆ ไม่เข้าใจ ว่าอธิบายให้เขาฟังไปเพื่ออะไร เตชินได้ฟังดังนั้นก็ยกยิ้มขึ้นที่มุมปากแล้วเอ่ย " คุณรู้ตัวมั้ยว่าคุณน่ะโกหกไม่เนียนเลย " เมื่อรู้ว่าตัวเองพลาดอีกเป็นครั้งที่สอง เธอก็เถียงต่อไปแบบข้างๆคูๆ " ฉันไม่ได้โกหก " " คุณยังจะเถียงอีก คุณคิดว่าคนบ้าที่ไหน ซื้อรถหรูมา เพื่อมาขับแกร็บ พูดความจริงมา ใครมาส่งคุณ " พิมเริ่มหงุดหงิดจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ " คุณเตชิน ฉันเป็นลูกจ้างคุณนะคะ ไม่ใช่แฟน คุณจะมาจับผิดฉันเหมือนสามีกำลังจับชู้แบบนี้ไม่ได้ แม้ฉันจะเป็นคนใช้บ้านคุณ ทำสัญญาร่วมกับคุณ แต่ฉันก็ต้องการเวลาส่วนตัวบ้าง แล้วตามสัญญาก็ระบุชัดเจน ว่าไม่สามารถก้าวก่ายหรือละเมิดสิทธิ์ส่วนบุคคล ได้ ดังนั้นฉันจะไปไหน ทำอะไร กับใครก็ได้ทั้งนั้นค่ะ จบนะคะ " เอ่ยจบเธอก็เดินออกจากห้องของเตชินไปโดยไม่สนใจอะไรอีก เตชินยืนอึ้ง เมื่อได้ยินเธอพูดแบบนี้ เหมือนได้สติขึ้นมาทันที ไม่เข้าใจตัวเอง ว่าทำไมถึงรู้สึกไม่ชอบใจที่เห็นเธอลงจากรถหรูคันนั้น ส่วนพิมเธอไม่รู้หรอกว่ารถที่เธอนั่งมานั้น มีราคาที่แพงแสนแพง เป็นรถหรูที่มีไม่กี่คันในไทย เตชินเดินไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอน ด้วยสีหน้าครุ่นคิดแล้วพึมพำกับตัวเอง " นี่เราเป็นอะไรไปเนี่ย ที่เธอพูดก็ถูกแล้วนี่ เธอเป็นแม่บ้าน เป็นแค่สาวใช้ จะไปอยากรู้เรื่องเธอทำไม เรากลายเป็นคนอยากรู้เรื่องของคนอื่นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน " จากนั้นเขาก็เข้าไปในผ้าห่ม ปิดไฟ หลับตาลง แต่กลับนอนไม่หลับ ภาพที่พิมลงจากรถหรูก็ลอยมา เมื่อคิดได้ว่าพิมอยู่ในรถคันนั้นอยู่นานเป็นสิบๆนาที เขาก็นอนไม่หลับอีกต่อไป หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจะโทรหาพิม แต่นั่งคิดไปคิดมาก็เปลี่ยนใจ จึงตัดสินใจลงจากเตียงแล้วเดินออกจากห้อง เพื่อลงไปถามเรื่องที่กวนใจ ทำให้เขานอนไม่หลับ พิมกลับเข้าไปในห้อง นั่งนึกถึงตอนที่อาจารย์ ป๊อบของเธอ สารภาพรักกับเธอ เธอนั่งยิ้มอย่างมีความสุขที่ฝันของเธอเป็นจริงแล้ว จากนั้นก็ลุกไปอาบน้ำด้วยสีหน้าชื่นบานอย่างอารมณ์ดี เตชินยืนอยู่หน้าห้องพิม แล้วเคาะประตูสองสามครั้ง แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับใดจากข้างใน คิดว่าเธอจงใจไม่ตอบเขา เขารู้สึกไม่พอใจขึ้นมา แล้วอยู่ๆความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมา [ หรือว่าเธอจะหนีตามผู้ชายไปแล้ว ] เพื่อความแน่ใจ ว่าตัวเองไม่ได้คิดมากไป เขาจึงเดินไปหยิบกุญแจบ้าน แล้วเดินมาเปิดประตูห้องพิม เมื่อเข้ามาในห้องแล้วไม่เห็นพิม ก็คิดว่าเธอหนีไปกับผู้ชายแล้วจริงๆ พิมที่อาบน้ำอย่างอารมณ์ดี เดินออกมาจากห้องน้ำ ทันทีเห็นแผ่นหลังของผู้ชายเธอตกใจกรี๊ดลั่นบ้านทันที เตชินเองก็ตกใจเสียงกรี๊ด จึงหันขวับไปทางที่มาของเสียง พร้อมกับเข้าไปประชิด ปิดปากเธอเอาไว้ ดันตัวเธอแนบชิดผนังห้องทันที พิมเบิกตากว้างกว่าเดิมด้วยความตกใจ จนตัวใจเต้นตุบๆ แทบจะหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มแล้ว เมื่อคนตรงหน้าคือเตชินนายจ้างของเธอ เตชินมองร่างระหง กับสัมผัสนุ่มๆที่รู้สึกได้จากท่อนแขนที่ดันคนไว้ก็ถึงกับกลืนน้ำลายลงคอ ผิวขาวเนียนละเอียด ไหปลาร้าเรียวสวย เซ็กซี่น่าหลงไหล ดวงตากลมโตเบิกกว้าง ใบหน้าเรียวเล็กเท่าฝ่ามือ ขาวใส เนียนละเอียดดุจไข่มุก ถูกปิดไปครึ่งหน้าด้วยฝ่ามือเขา พิมยืนนิ่งไม่กล้าขยับ มือเล็กๆจับผ้าเช็ดตัวตรงหน้าอกไว้แน่นเพราะกลัวผ้าหลุด เตชินเผลอเอ่ยออกมาอย่างลืมตัว แววตาหลงไหลความงามที่อยู่ตรงหน้า " สวยมาก " แล้วมือเขาก็ค่อยๆขยับไปสัมผัสเอวบางของเธอเบาๆ ก้มลงจูบริมฝีปากอวบอิ่มที่ดึงดูดความต้องการของเขาจนยากจะหักห้ามใจไหว เขาเป็นผู้ชาย เมื่อมีสิ่งล่อตาล่อใจ ก็ยากที่จะไม่หลงไหลหรือเคลิบเคลิ้มไปกับมัน และในตอนนี้มีบางสิ่งที่ซ่อนอยู่ใต้ชุดนอน กำลังผงาดพร้อมที่จะทำงานเต็มที จนพิมรู้สึกได้ แต่ตอนนี้เธอทำอะไรไม่ได้ หากเธอปล่อยมือใดมือหนึ่งไป ผ้าเช็ดตัวต้องหลุดแน่ ซึ่งเธอก็ไม่กล้าเสี่ยง ตอนนี้เธอหวังแค่เขาถอนริมฝีปากออกจากปากเธอก็ถือว่าบุญแล้ว ร่างสูงใหญ่ของเตชินจับร่างระหงเข้ามาแนบชิดกับสิ่งที่กำลังผงาดอยู่ เขาแทบจะอดใจไม่ไหวแล้ว แต่ก็อยากจูบริมฝีปากนุ่มนิ่ม จนกว่าจะรู้สึกอิ่มหนำสำราญใจ เพราะยังไง วันนี้ร่างระหงตรงหน้า ก็ต้องตกเป็นของเขาทั้งคืน เขาไม่รีบ เขาอุ้มเธอขึ้นมาแต่ไม่ยอมผละปากออกจากเธอแล้วไปวางเธอลงบนเตียง ลูบคลำไปทั่วร่าง พิมเกรงตัว พยายามจะใช้ขาถีบ ทำให้เขามีสติ เขากลับทับขาเธอไว้แล้วใช้ฝ่ามือสัมผัสร่างกายเธอ เธอพยายามใช้มือดันเขา ตีเขา แต่เหมือนกับมันไม่ระคายเคืองผิวเขาเลย ทั้งยังจับมือเธอขึงไว้เหนือศรีษะด้วยฝ่ามือเพียงข้างเดียวของเขา จากนั้นเตชินก็ถอนริมฝีปากออกจากปากเธอมองใบหน้างามที่อยู่ใต้ร่าง ที่ดูหวาดกลัว นัยน์ตาสั่นระริก ร่างกายบิดเกรง เขาจึงเอ่ยว่า " อย่ากลัวเลย มันเป็นเรื่องธรรมชาติ ปล่อยตัวสบายๆนะ ผมจะค่อยๆทำช้าๆโอเคมั้ย " พูดจบก็ก้มลงประกบริมฝีปากจูบเธออีกครั้ง พิมพยายามตั้งสติ เธอไม่อยากเสียตัวให้กับคนที่เธอไม่ได้รัก และยิ่งไม่ยอมได้ชื่อว่าเป็นลูกจ้างที่ถูกนายจ้างขืนใจเป็นอันขาด เธอจึงรับจูบเขา แสร้งทำเป็นเชื่อฟัง ยื่นมือไปคล้องคอเขาไว้ แล้วยกมือขึ้นจะตีท้ายทอยเขาเหมือนคราวที่แล้ว แต่เตชินกลับรู้ทัน จับมือเธอไว้ แล้วถอน ริมฝีปากออกมายิ้มเยาะแล้วเอ่ย " ผมจะบอกคุณไว้นะ หากคิดจะทำอะไรผม อย่าใช้วิธีซ้ำๆ เข้าใจมั้ย วันนี้ผมอารมณ์ดีจะไม่ลงโทษคุณ เพราะผมต้องการตัวคุณ ขอแค่คุณไม่ดื้อ เชื่อฟัง ผมจะดูแลคุณอย่างดีโดยที่คุณไม่ต้องทำงานบ้านแล้วตกลงมั้ย " คำพูดเขาทำให้เธอโกรธมาก ศักดิ์ศรีความเป็นคนที่มี ถูกเขาย่ำยีด้วยคำพูดและการกระทำที่ต่ำช้า เธออยากจะฆ่าเขาจนใจจะขาด ที่เขาคิดจะเก็บเธอไว้ในฐานะนางบำเรอ [ เลวที่สุด ] เธอตกอยู่ในสถานการณ์เสี่ยง จะผลีผลามทำอะไรตามใจไม่ได้ เธอพยายามอดทนทำให้ใจสงบคิดหาวิธีเอาตัวรอดแล้วเอ่ยอย่างใจเย็น พร้อมกับทำท่ายั่วสวาท ราวกับช่ำชอนในเรื่องอย่างว่า " แต่ฉันมีแฟนแล้ว ฉันเพิ่งจะตกเป็นของเขาเมื่อวาน คุณรับได้เหรอ ที่ฉันไม่บริสุทธิ์แล้ว หากคุณไม่รังเกียจ ฉันยินดีที่จะปรนเปรอคุณแน่นอน ขอแค่คุณเก็บเรื่องของเราไว้เป็นความลับ ฉันจะอยู่กับคุณ คอยสนองความต้องการของคุณทุกวัน แต่มีข้อแม้ ถ้าแฟนฉันกลับมา ขอฉันไปทำให้เขาผ่อนคลายเป็นครั้งคราว ข้อเสนอนี้คุณโอเคมั้ย เราสองคนก็จะได้เสพสุขกันในบ้านอย่างเต็มที่ดีมั้ยคะ " ได้ยินดังนั้น คิ้วของเตชินก็ขมวดเข้าหากันเป็นปม แววตาแสดงความรังเกียจออกมาชัดเจน ที่เธอคิดจะให้เขาเป็นชู้ของเธอ เมื่อนึกถึงจุดประสงค์เดิม ที่เขามาที่ห้องเธอ ก็เพื่อจะมาถามเรื่องที่เธออยู่ในรถนานเป็นสิบๆนาที เขาจึงเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา " คุณทำกับเขาที่ไหน เมื่อไหร่ " พิมนึกถึงตอนที่เขาแอบดูเธอในกล้องวงจรปิดหน้าบ้าน ตอนที่ป๊อบสารภาพรักกับเธอในรถ เธอคำนวณเวลาดูแล้ว น่าจะใช้เวลานานอยู่ เธอจึงโกหกไปว่า " ฉันก็บอกคุณไปแล้วว่าเมื่อวาน ส่วนทำที่ไหน น่ะเหรอ รอบแรกเราทำกันที่โรงแรม รอบสองก็ทำในรถหน้าบ้านคุณเมื่อวานค่ะ ที่ฉันลงรถช้าก็เพราะเรากำลังทำกันอยู่ คุณรู้มั้ย เขาทำได้ถึงใจมาก ร้อนแรงสุดๆ ตอนนี้ฉันอยากรู้แล้วสิ ว่าถ้าทำกับคุณ ฉันจะมีจุกบ้างมั้ย ตอนนี้ฉันอยากทำกับคุณแล้ว เราอย่ามัวเสียเวลาพูดคุยอีกเลย มาต่อกันเถอะค่ะ " เธอเอามือคล้องคอเขา แล้วทำท่าจะจูบริมฝีปากเขา แต่เตชินกลับผลักเธอออกไปอย่างรังเกียจ แล้วเอ่ยด้วยสีหน้าที่ดูอารมณ์ไม่ดีแบบสุดๆว่า " น่ารังเกียจ " แล้วเปิดประตูเดินออกจากห้องเธอไป หลังจากเขาไปแล้ว พิมพ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก เธอก็พอมองออกว่าคนอย่างเตชินที่รักความสะอาด นิสัยเย่อหยิ่ง จองหอง เย็นชาขนาดนั้น ไม่มีทางที่จะแตะเนื้อต้องตัวผู้หญิงที่ไม่บริสุทธิ์หรอก เพราะเธอสังเกตจาก ตอนงานปาร์ตี้วันเกิด ผู้หญิงคนที่เขาเลือกนั้นดูใสซื่อ บริสุทธิ์ ดูก็รู้ว่าไม่มีประสบการณ์ ไม่ผ่านมือใคร ดังนั้นเธอจึงมั่นใจ เสี่ยงเดิมพัน โดยการแสร้งทำเป็นร่าน ช่ำชอน มากตัณหา มากประสบการณ์ และร้อนแรงหาใครเทียบ เพื่อให้เตชินรู้สึกขยะแขยง รังเกียจ และไม่สนใจในตัวเธออีกต่อไป ทั้งที่ความจริง เธอกลัวเขาแทบตาย ไม่อยากอยู่บ้านเขาแล้ว อยากจะลาออกแล้วไปจากบ้านหลังทันที แต่เมื่อนึกถึงสัญญาที่เพิ่งเซ็นไปสีหน้าเธอก็หงอยไปเลย เมื่อต้องอยู่จนหมดสัญญา สิ่งเดียวที่จะทำให้เธอรอดจากเงื้อมมือของเตชินคือ ต้องร่าน ต้องแรง ต้องแรด เพื่อให้รอด นี่คือสโลแกนใหม่ของเธอในการอาศัยร่วมชายคาเดียวกันกับเตชินพิมนึกแค้นเตชินในใจ ที่ไม่เว้นแม้กระทั่งเธอที่เป็นสาวใช้ จึงโทรไปหาเพื่อนสาว เมื่อเพื่อนสาวรับสาย เธอจึงทำเป็นร้องห่มร้องให้ เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เพื่อนสาวฟัง" อีเท่ ฉันถูกผู้ชายปล้ำ ฮือๆๆๆ "เพื่อนสาวของเธอได้ยินดังนั้นก็ร้องขึ้น พร้อมกับเอานิ้วที่กรีดกรายปิดปากอย่างตกใจ" อุ๊บ! "แล้วเอ่ยถาม โดยที่คนฟังแยกไม่ออกว่าเป็นห่วงเธอหรือเปล่า" อีพิม เธอพูดจริงป้ะเนี่ย "" ฉันพูดจริงๆ ใครจะมาล้อเล่นเรื่องพรรณนี้กันล่ะ "เพื่อนสาวจึงถามด้วยความสนใจใคร่รู้ต่อว่า" แล้วผู้ เป็นใคร หล่อมั้ย สูงเท่าไหร่ ผิวสีอะไร อ้วนหรือผอม หน้าที่การงานเป็นยังไง รวยมั้ย ระดับไหน ตอบ! "ได้ยินดังนั้นเธอจึงเอ่ยอย่างหงุดหงิด" อีเท่ นี่แกจะถามอะไรเยอะแยะไปทำไม "เพื่อนสาวของเธอที่นั่งทาเล็บอยู่ก็เอ่ยต่อว่า" ก็ถ้าโปรไฟล์ดี ดีกรีเยี่ยม หน้าตาหล่อ เธอก็ถือซะว่ามันเป็นวันไนท์สแตนด์แล้วกัน แต่ๆๆๆ ถ้ามันไม่หล่อไม่มีดีสักอย่าง ต่อให้มันอยู่ขุมนรกไหนฉันกับอีมี่และอีมิกเกลก็จะไปลากคอมันมาลงโทษแล้วลากมันเข้าคุกให้เธอ "เธอรู้สึกเอือมระอากับเพื่อนสาวของเธอ จนไม่รู้จะพูดยังยังเธอจึงทำงอแงร้องเรียกชื่อเพื่อนสาวเสีย
พิมเข้าไปเช็ดรอยลิปสติกที่เลอะริมฝีปากออก แล้วเดินออกมาเห็นเตชินยืนรอหน้าห้องน้ำ เธอทำตาเขียวใส่เขา แล้วเดินผ่านเขาออกไปเตชินยิ้มอย่างสบายๆ เดินตามเธอออกไป จากนั้นก็หันไปเอ่ยกับผู้ช่วยคังที่อยู่หน้าห้องว่า" ส่งเธอกลับบ้าน "ผู้ช่วยคังจึงเอ่ยถามขึ้น" วันนี้คุณชายไม่ให้คุณพิมอยู่ทานข้าวด้วยแล้วเหรอครับ "เตชินเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยเจือเย็นชา" วันนี้ผมกับณัชชาต้องกลับไปทานข้าวที่คฤหาสน์ ไม่รู้ครั้งนี้ จะมีเรื่องน่าสนใจอะไรเซอร์ไพรส์อีกบ้าง "" ครับ "เอ่ยจบเตชินก็เดินกลับเข้าห้องไป ผู้ช่วยคังก็ไปส่งพิมกลับบ้านเมื่อกลับไปถึงห้องพิมเอาชุดทั้งหมดที่เตรียมไว้ยัดใส่ถุงขยะด้วยความอารมณ์เสียตอนนี้เธอไม่รู้วิธีรับมือกับเตชินแล้ว เธอนั่งเครียดด้วยสีหน้าบึ้งตึงอย่างจนปัญญาเตชินก็จ้องแต่จะจับเธอเป็นนางบำเรอ ชีวิตเหมือนแขวนอยู่บนเชือกเส้นเดียวบนที่สูงๆ ต้องก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างระมัดระวังเพื่อให้ตัวเองรอดปลอดภัยช่วงบ่ายเตชินกลับไปทานข้าวที่คฤหาสน์พร้อมกับณัชชาเมื่อทานข้าวเสร็จคุณหญิงจารวีก็เอ่ยขึ้น" เตชิน อีกเดี๋ยวทนายประจำตระกูลจะมาพูดเรื่องพินัยกรรม ลูกกับหนูณัชชาอยู่รอก่อนนะ "
คุณหญิงจารวีเอาก็ยิ้มอย่างมีความหวังเช่นกันที่ลูกชายยอมเห็นด้วยกัณัชชาแบบนี้แต่เตชินกลับเอ่ยขึ้น ด้วยสีหน้าเรียบเฉยเย็นชาทำลายความหวังของทุกคนจนแตกเป็นเสี่ยงๆ" แต่จะไม่จดทะเบียนสมรสกับณัชชา ผมไม่ได้รักณัชชา และคนที่ผมรักก็ไม่ใช่ณัชชา คุณแม่อย่ามาคาดหวังจากผมกับณัชชาอีกเลย ผมรักณัชชาแบบพี่น้องรักเหมือนน้องสาวแท้ๆ ผมอยากให้เธอได้พบเจอคนดีๆ ที่รักและดูแลเธอได้ นี่คือความหวังดีของพี่ชายคนหนึ่งที่มีต่อน้องสาว "ได้ยินดังนั้นรอยยิ้มของณัชชาก่อนหน้านี้ค่อยๆหุบลงน้ำตาค่อยๆซึมออกมาจากแววตา ด้วยความผิดหวังและเสียใจเธอรักเขามาตลอด ทุกคนรู้ โลกรู้ จนถูกจับคู่ให้แต่งงานแม้เธอจะรู้ว่าเขาไม่ได้รักเธอ แต่ทุกครั้งที่เขาแสดงความเป็นห่วงเป็นใยเธอก็เข้าใจว่าเขามีใจให้เธอ เพียงแต่ไม่กล้าพูดออกมาทุกครั้งที่เธอ เดือดร้อน ต้องการความช่วยเหลือ ต้องการพบเขา เขาจะมาทันที แบบนี้ถ้าไม่เรียกว่ารักจะเรียกว่าอะไรแต่สุดท้ายทุกอย่างก็ชัดเจนเมื่อทุกคำพูดออกจากปากของเขาบอกว่ารักเธอ แต่รักเธอในฐานะน้องสาว ดับความหวังที่จะเป็นภรรยาเขาที่มีเพียงอันน้อยนิดของเธอลงไปทันทีแล้วเตชินก็หันมาพูดกับณัชชาด้วยสีหน้
ตอนเย็น เตชินออกจากบริษัทนั่งรถกลับบ้าน ระหว่างทาง เขามองออกไปนอกหน้าต่าง คิดอะไรเพลินๆ[ หากพิมเป็นเด็กสาวบริสุทธิ์ก็คงดี ผู้ชายในคืนนั้นเป็นใครกันนะ ที่พรากความสาวของเธอไป ]เมื่อคิดถึงผู้ชายของพิมในคืนนั้น เขาไม่เข้าใจว่าพิมไปมีวันไนท์สแตนด์ทำไมเขานั่งวิเคราะห์ถึงความเป็นไปได้อย่างเงียบๆ[ แล้วที่เธอทำเป็นหวงเนื้อหวงตัว เป็นการเสแสร้งงั้นเหรอ เธอเป็นผู้หญิงแบบไหนกันนะ ]เนื่องจากในช่วงเช้าก่อนที่พิมจะมาถึงบริษัทผู้ช่วยคังไปสอบถามจากช่างแต่งหน้า ที่มาแต่งหน้าทำผมให้พิมวันนี้ทำให้ได้เบอร์โทรของเพื่อนพิมที่ชื่อเทเท่มา ผู้ช่วยคังจึงโทรไปถาม" สวัสดีครับ ไม่ทราบว่าผมเรียนสายอยู่กับคุณเทเท่ใช่มั้ยครับ "เทเท่จึงตอบไปว่า" ใช่ค่ะ "แล้วผู้ช่วยคังก็แนะนำตัว" ผมชื่อคังนะครับ เป็นผู้ช่วยส่วนตัวของท่านประธานบริษัทอสังหาริมทรัพย์แห่งประเทศไทยและเป็นเพื่อนร่วมงานกับพิม พอดีทางท่านประธานของเรารับคุณพิมเข้าทำงานเลยต้องการทราบเกี่ยวกับประวัติของคุณพิมให้เลียดเอียดตามกฏของบริษัทครับ "ผู้ช่วยคังเอ่ยอธิบาย จากนั้นก็เริ่มเอ่ยถาม" คุณเทเท่เป็นเพื่อนสนิทสมัยเรียนของคุณพิมใช่มั้ยครับ "" ใช่ค่ะ
คุณหญิงจารวีมาที่บ้านของเตชิน มาถึงก็เดินเข้ามาในบ้านด้วยท่าทางเย่อหยิ่ง ในมือถือกระเป๋าแบรนด์เนมราคาแพง เมื่อเดินมาถึงห้องรับแขกเขาวางกระเป๋าลงบนโต๊ะแล้วนั่งลงบนโซฟาด้วยท่าทางสง่างามสมกับผู้ดีที่สูงส่ง เพื่อข่มให้พิมรู้สึกต่ำต้อยและเกรงกลัวในตัวเขาพิมไม่พูดไม่จา เดินถือน้ำเข้ามา วางน้ำลงบนโต๊ะ แล้วเอ่ย" คุณหญิงเชิญตามสบายเลยนะคะ ฉันขอตัวไปทำงานบ้านก่อน หากต้องการอะไรเพิ่ม สามารถเรียกใช้ได้ตลอดเลยค่ะ "พอคุณหญิงจารวีได้ยินประโยคที่ว่า เชิญตามสบาย เขารู้สึกไม่พอใจขึ้นมาแล้วเอ่ย" เธอไม่ต้องมาพูดเหมือนกับตัวเองเป็นเจ้าของบ้านหรอกนะ นี่เป็นบ้านของลูกชายฉัน ฉันรู้ว่าฉันจะต้องอยู่ยังไง ไม่จำเป็นต้องให้เธอมาบอก "พิมไม่อยากมีปัญหา จึงเลือกที่จะนิ่งเงียบ ไม่ต่อความยาวสาวความยืด แล้วเอ่ยเพียง" ขอโทษค่ะ "คุณหญิงจารวีจ้องเขม่นไปยังพิม พิมยืนทำหน้านิ่งเฉย สีหน้าเย็นชาไร้อารมณ์ ไม่มีความเกรงกลัวใดๆยิ่งทำให้คุณหญิงจารวีไม่พอใจพิมไม่อยากอยู่เผชิญหน้ากับคุณหญิงจารวีที่วางท่าสูงส่งคอยแต่จะข่มเธอเธอจึงเลือกที่จะเดินหนีไป เพราะการควบคุมอารมณ์ของเธอก็มีขีดจำกัดเช่นกันเพราะเธอถูกสอนมาตลอดว่
ควาเฉยชาบนใบหน้าเธอไปขัดลูกตาคุณหญิงจารวีอย่างมาก คุณหญิงจารวีจึงเอ่ยขึ้น" ลูกดูสิ แม่สาวใช้อุ่นเตียงของลูก ทำหน้ายังกับคนเบื่อโลก สีหน้ายังกับวิญญาณล่องลอยไร้อารมณ์ ถ้าไม่ติดว่าหล่อนผิวดีหน้าตาสวยนะแม่จะไม่ให้อยู่ข้างกายลูกเลย "เตชินตกใจกับคำพูดของผู้เป็นแม่เล็กน้อยที่มันเว่อร์วังเกินจริงไปหน่อย แต่จากนั้นเขาก็ยิ้มขึ้นมาที่มุมปากอย่างเจ้าเล่ห์เล็กน้อย ยอมรับมันโดยไม่เอ่ยปฏิเสธใดๆ[ สาวใช้อุ่นเตียงเหรอ ฟังแล้วรื่นหูดี ]เตชินมองหน้าผู้เป็นแม่แล้วเอ่ย" คุณแม่ครับ เรื่องที่จะหาคนมาอุ้มท้องทายาทผม ผมคิดว่าพิมก็เหมาะสมดีนะครับหน้าตา ผิวพรรณใช้ได้ ไม่มีพันธะผูกมัดกับใคร ไม่คิดที่จะจับผู้ชายที่มีฐานะเพื่อยกระดับตัวเองเธอตรงไปตรงมา และยังเป็นคนฉลาด มีไหวพริบดี เอาตัวรอดเก่งที่สำคัญเธอรักเงินมาก และยังสะอาดหมดจดครับ "ได้ฟังลูกชายพูด คุณหญิงจารวีก็พยักหน้าเห็นด้วย แล้วเอ่ยด้วยสีหน้าไม่มั่นใจ" แล้วเธอจะยอมรับข้อเสนอของลูกเหรอ นิสัยแข็งกระด้างของเธอแม่ว่าเธอคงไม่ยอมแน่อีกอย่างเรื่องการอุ้มท้องลูก เป็นเรื่องที่ผู้หญิงทุกคนต้องคิดอย่างละเอียดรอบคอบ เป็นความเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในชี
ตอนเย็นพิมออกไปยืนรอเตชินที่หน้าบ้าน ผู้ช่วยคังมาจอดรถรอข้างๆพิมทั้งสองยืนคุยกันอย่างสนิทสนม พอผู้ช่วยคังเห็นเตชินเดินออกมาจากในบ้าน เขาก็รีบหันไปเปิดประตูรถรอพิมยืนรอเตชินขึ้นไปนั่ง ส่วนเธอก็จะไปนั่งข้างคนขับแต่เตชินกลับจับแขนเธอ แล้วยัดเธอเข้าไปนั่งที่เบาะหลังโดยที่ไม่บอกไม่กล่าวอะไรแล้วเขาก็ตามเข้าไปนั่งข้างๆเธอ พิมขมวดคิ้วด้วยความไม่ชอบใจแต่ก็ไม่พูดอะไรผู้ช่วยคังที่มองดูการกระทำของเจ้านายก็ถึงกับยืนอึ้งไปจากนั้นก็เดินอ้อมไปเปิดประตู ฝั่งคนขับแล้วขับรถออกไประหว่างทางเตชินจึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า" ต่อไปคุณไม่ต้องทำงานบ้านแล้ว ผมจะจ้างแม่บ้านมาทำแทนคุณ สัญญาฉบับนั้นก็จะถูกยกเลิกไป "ได้ยินดังนั้น สีหน้าพิมดูดีขึ้นมาทันทีแล้วเผยรอยยิ้มสดใสน่ารัก หันมามองคนข้างๆพร้อมกับเอ่ยด้วยความตื่นเต้นดีใจ" คุณพูดจริงเหรอ คุณไม่ได้ล้อฉันเล่นใช่มั้ย "เตชินตะลึงในความสดใสน่ารักของพิมไปครู่หนึ่ง พอได้สติ เขาก็หันหน้ากลับมา มองตรงไปข้างหน้าแล้วเอ่ย" ผมพูดคำไหนคำนั้น เมื่อพูดออกไปแล้ว ก็รักษาสัจจะเสมอ "พิมดีใจมาก จากนั้นเธอก็หยิบเอกสารสัญญาฉบับนั้นออกมาแล้วยื่นไปให้เตชินด้วยควา
เช้าวันต่อมา พิมกับเตชิน นั่งจดทะเบียนสมรสกันในห้องรับแขกโดยมีนายทะเบียนสองคนและมีผู้คังอีกหนึ่งคนคอยเป็นสักขีพยานในการจดทะเบียนครั้งนี้" ขอให้คุณเตชินกับคุณพิมถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชร์ มีลูกเต็มบ้านมีหลานเต็มเมืองนะครับ "นายทะเบียนอวยพรให้ทั้งสองคน พิมนั่งนิ่งเฉยไม่รู้สึกอะไรกับคำอวยพร เตชินจึงเอ่ยว่า" ขอบคุณครับ "แล้วนายทะเบียนอีกคนก็เอ่ยว่า" หน้าที่ของเราเสร็จสิ้นแล้ว พวกผมสองคนขอตัวกลับก่อนนะครับ "เตชินพยักหน้าให้เบาๆ แล้วส่งสายตาไปให้ผู้ช่วยคังเมื่อนายทะเบียนสองคนลุกจากโซฟา ก็เดินออกจากห้องรับแขกไป โดยมีผู้ช่วยคังเดินตามไปส่งแล้วเอ่ยกับนายทะเบียนว่า" คุณสองคนช่วยเก็บเรื่องในวันนี้ไว้เป็นความลับด้วยนะครับ "เอ่ยจบเขาก็ยื่นซองใส่เงินให้ทั้งสองแล้วเอ่ย" ค่าน้ำใจเล็กๆน้อยๆจากคุณชายครับ "นายทะเบียนสองคน หันกลับไปมองเตชินที่นั่งบนโซฟาสุดหรูในห้องรับแขกอย่างสง่าดูองอาจราวกับราชาผู้ยิ่งใหญ่ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์เตชินยิ้มอย่างมีเลศนัยพร้อมกับพยักหน้าให้พวกเขารับค่าน้ำใจนายทะเบียนทั้งสองยิ้มแห้งแล้วค้อมหัวขอบคุณเล็กน้อยแล้วหันหน้ากลับลมาเดินออกจากบ้านขอเตชินไปขึ้นรถ โด
" ก็สั่งสอนแบบนี้ไง "เคอร์ฟิวจับณชาขึ้นมานั่งบนตักแล้วจูบเธอทันที ณชาตกใจจนดวงตาเบิกกว้างป้าใจเดินเข้ามาส่งพิซซ่าในห้องเจอเข้ากับฉากนี้พอดี แกจึงหมุนตัวหันหลังจะเดินออกไปแบบเงียบๆเคอร์ฟิวถอนริมฝีปากออกจากริมฝีปากณชาแล้วเอ่ย" ป้าไม่ต้องออกไปหรอก คุณณชาเธอหิวจนจะกลืนกินผมอยู่แล้ว "" พี่พูดอะไรน่ะ "เธอเอ่ยอย่างหน้านิ่วคิ้วขมวดพร้อมกับทุบตีอกของเขาหนึ่งทีป้าใจยิ้มเจื่อนแล้วหมุนตัวเดินเข้ามาวางพิซซ่าลงบนโต๊ะจากนั้นก็หมุนตัวเดินออกไป ปล่อยให้ทั้งสองได้อยู่ด้วยกันตามลำพังเคอร์ฟิววางณชาลงนั่งข้างๆแล้วเปิดกล่องพิซซ่าออกมาหยิบพิซซ่าขึ้นมาหนึ่งชิ้นแล้วเอ่ยกับณชาที่นั่งแข็งทื่ออย่างทำอะไรไม่ถูก" หิวไม่ใช่เหรอ อ้าปากสิ "ณชาเหลือบมองเขาอย่างหน้านิ่วแล้วเอ่ยเสียงขุ่น" ฉันทานเองได้ "เธอขยับมือจะหยิบพิซซ่ามาทานเอง แต่เคอร์ฟิวกลับจับมือเธอไว้แล้วเอ่ย" พี่อยากป้อน อ้าปาก ถ้าไม่อ้าปากพี่จะใช้ปากป้อนแล้วนะ "ณชาได้แต่มองแรงใส่เขาแล้วยอมอ้าปากให้เขาป้อน เขายิ้มแล้วเอ่ย" เชื่อฟังแบบนี้ค่อยน่ารักหน่อย "เคอร์ฟิวป้อนไปยิ้มไปอย่างพอใจ ณชาทานจนอิ่มลืมความโมโหและความไม่พอใจไปหมดสิ้น แล้วเปลี่ยนม
เช้าวันรุ่งขึ้น ป๊อบกับณัชชาลากกระเป๋าเดินทางออกมาจากห้อง แล้วไปเคาะประตูห้องลูกสาวณชาที่ยังหลับอยู่บนเตียง พอได้ยินเสียงเคาะประตูเธอก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมาแล้วลุกมานั่งหาว จากนั้นก็ลงจากเตียงเดินไปเปิดประตูให้พ่อกับแม่ด้วยท่าทางงัวเงียเธอหาวออกมาอีกครั้ง แล้วยื่นมือไปเปิดประตู เมื่อเห็นว่าพ่อกับแม่กำลังจะออกเดินทางแล้วเธอจึงเอ่ยขึ้น" คุณพ่อคุณแม่จะไปแล้วเหรอคะ ทำไมไปเช้าจัง "ณัชชายิ้มอ่อนแล้วเอ่ย" ต้องไปไกล ลงจากเครื่องเสร็จก็ต้องนั่งรถไปต่ออีกแล้วต่อด้วยนั่งเรือไปเกาะก็ต้องไปให้ทันเวลา พ่อกับแม่แค่จะมาบอกให้ลูกรู้ว่าจะออกไปแล้ว อีกเรื่องนะ เวลาไปเข้าค่ายเตรียมยาที่จำเป็นไว้ให้พร้อมด้วย เแล้วก็อาหมวกแก๊ปกับเสื้อแขนยาวไปด้วยนะ "" ค่ะ คุณพ่อกับคุณแม่ไปเที่ยวให้สนุกนะคะ "ณัชชากับป๊อบพยักหน้าเบาๆ จากนั้นป๊อบก็เอ่ยกำชับลูกสาวอีกครั้งด้วยความเป็นห่วงว่า" เวลาอยู่ในค่ายน่ะ ดูแลตัวเองให้ดีๆนะ อย่าไปนั่งใกล้ผู้ชายคนอื่น ยกเว้นพี่เคอร์ฟิวของลูก เข้าใจมั้ย "เขาเป็นพ่อที่ค่อนข้างหวงลูกสาวมากคนหนึ่ง ถึงแม้ลูกสาวเขาจะห้าวๆแต่มันก็ไม่ได้ทำให้พ่ออย่างเขาหวงลูกสาวน้อยลงเลยณชารู้และเข้าใจดีว่
ทุกคนเริ่มจับอุปกรณ์ ทานข้าวกันอย่างเงียบๆ ระหว่างทานข้าวพิมมองหน้าลูกชายแล้วเอ่ยถามขึ้น" เคอร์ฟิว เปิดเทอมแล้วเป็นยังไงบ้าง อยู่โรงเรียนได้เจอกับน้องณชาบ้างมั้ย "เคอร์ฟิวได้ยินดังนั้นจึงยิ้มอ่อนออกมาแล้วเอ่ยตอบแม่ว่า" ก็ดีครับ อยู่โรงเรียนผมกับน้องอยู่คนละชั้น เรียนกันคนละตึกเลยไม่ค่อยได้เจอกันครับ "เตชินหันมามองลูกชายที่มีใบหน้าหล่อกระชากลากใจราวกับออกมาจากแม่พิมพ์เดียวกันกับเขาแล้วเอ่ยเสียงเรียบ" ยังไงน้องก็เป็นคู่หมั้นลูก ลูกก็ดูแลน้องให้ดีๆอย่าเปิดโอกาสให้หนุ่มคนอื่นมาสร้างความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทสนม จนทำให้น้องหวั่นไหวนะลูก ลูกผู้ชายต้องกล้าแสดงตัวหน่อย เข้าใจมั้ย "เคอร์ฟิวเอ่บตอบรับคำด้วยสีหน้าเรียบเฉยเพียงสั้นๆว่า" ครับ "" นี่ คุณสอนอะไรลูกน่ะ หนูณชายังเด็กก็ต้องมีเพื่อนทั้งผู้หญิงและผู้ชายเป็นธรรมดา การหมั้นหมายเป็นการตกลงกันของพวกเรา หากลูกหรือหนูณชาไม่ได้ชอบพอกันก็ต้องยกเลิกไป มันไม่สามารถบังคับกันได้ค่ะ "พิมเอ่ยออกมาตรงๆโดยที่ไม่รู้เลยว่าเจ้าลูกชายของเธอนั้นเริ่มแอบณชาเข้าแล้วและจริงจังกับการเป็นคู่หมั้นนี้มากเตชินจึงโต้ตอบกับพิมว่า" ลูกชายเราหล่อแถมยังเป็นปร
พอออกมาจากสนามกอล์ฟ ทั้งสองครอบครัวก็ไปทานข้าวด้วยกัน ในร้านอาหารชื่อดังสุดหรูที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองที่เป็นแหล่งร้านอาหารสำหรับคนรวยซึ่งตัวอาคารติดด้วยกระจกสะท้อนความร้อน ทำให้คนข้างในสามารถมองเห็นวิวบ้านเมืองและตึกสูงข้างนอกได้อย่างสวยงามในขณะทานข้าวทั้งสองครอบครัวนั่งทานข้าวกันอย่างมีความสุข ณชากับเคอร์ฟิวก็นั่งทานข้าวบนเก้าอี้อย่างเรียบร้อยโดยที่ไม่รบกวนหรือเล่นซนเลย10 ปี ต่อมา.......ณ โรงเรียนนานาชาติชื่อดังแห่งหนึ่งของประเทศ เป็นแหล่งรวมการเรียนรู้ของเด็กนักเรียนอินเตอร์จำนวนมากมีหลากหลายภาษา หลากหลายวัฒนธรรมและหลากหลายชนชาติมาเรียนร่วมกันเมื่อถึงเวลาเลิกเรียนเด็กนักเรียนต่างทยอยกันเดินออกมาจากอาคารเรียน รอผู้ปกครองมารับบางคนบางกลุ่มที่บ้านใกล้โรงเรียนก็ออกจากโรงเรียนเดินเท้ากลับตามทางฟุตบาทเคอร์ฟิวกับกลุ่มเพื่อนๆกำลังเดินออกมาจากห้องเรียนลงไปยังใต้อาคาร ชุดนักเรียนชายโรงเรียนนี้ ประกอบไปด้วยเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาว เสื้อสูทสีดำ มีตราสัญลักษณ์โรงเรียนปัก มีเน็กไทและกางเกงขายาวลายสก๊อตสีดำส่วนณชาที่เป็นรุ่นน้องของเคอร์ฟิวก็กำลังเดินลงจากอาคารเรียนเช่นกันแต่อยู่คนละตึกในต
ยามเย็นณัชชากับป๊อบลงมาเดินเล่นที่ชายหาด ส่วนลูกสาวก็อยู่กับตายาบนบ้านทั้งสองนั่งดูพระอาทิตย์ตกขอบทะเลด้วยกันอย่างโรแมนติก นั่งยาวไปจนถึงช่วงเวลาโพล้เพล้เธอนั่งเอาหัวพิงไหล่ป๊อบแล้วเอ่ย" ฉันมีความสุขจังเลยค่ะ เมื่อก่อนฉันรู้สึกอิจฉาคุณพิมมากที่สามีรักสามีหลงจนยอมตามใจทุกอย่าง "ป๊อบยิ้มอ่อนแล้วเอ่ย" ต่อไปนี้คุณไม่ต้องไปอิจฉาพิมแล้ว เพราะถ้าไม่มีคุณผมก็อยู่ไม่ได้ การลองใจของคุณที่ผ่านมามันทำให้ผมรู้ว่า ผมก็เป็นสามีที่รักและหลงภรรยามากเช่นกัน ตอนที่คิดว่าคุณไม่อยู่แล้วคุณผมแทบจะเป็นบ้าจนเกือบจะเสียสติไปแล้วรู้มั้ย "" ฉันขอโทษนะ "เธอเอ่ยเสียงอ่อน" ไม่เป็นไรหรอก แค่คุณไม่จากผมไปไหน อยู่กับผม ให้ผมสัมผัส และจับต้องคุณได้แบบนี้ทุกวัน ก็พอแล้ว "ณัชชายิ้มแล้วยื่นหน้าไปหอมแก้มเขาเบาๆสบตากับเขาพร้อมกับเอ่ยอย่างซึ้งใจ" ขอบคุณค่ะ "ป๊อบสบตากับภรรยาอย่างลึกซึ้งแล้วค่อยๆโน้มหน้าเข้าไปจูบริมฝีปากเธอเบาๆจูบอย่างนุ่มนวลใจเย็น ในหัวใจของทั้งสองเต็มไปด้วยความรักที่บานฉ่ำ ตอนนี้ความปรารถนาของณัชชาเป็นจริงแล้ว เธอมีสามีที่น่ารัก ที่คอยเทคแคร์เอาอกเอาใจเธอเป็นอย่างดีมีลูกสาวที่น่ารัก มีครอบ
ณัชชาเดินออกมาจากห้องน้ำ เห็นพ่อกับแม่นั่งจ้องเธอตาเขม็งเธอยิ้มแหยๆออกออกมาพอให้เห็นฟันเล็กน้อยแล้วเดินเบี่ยงไปนั่งลงข้างๆลูก โดยไม่กล้าสบตาพ่อกับแม่อีกเธอจ้องมองใบหน้าแบเบาะอันน่ารักน่าชังที่ถูกห่อหุ้มด้วยผ้าอ้อมแล้วเอ่ย" ณชา สาวน้อยของแม่ แม่คิดถึงลูกที่สุดเลย แม่ขอโทษนะที่ไม่ได้อยู่กับลูก ลูกไม่โกรธแม่ใช่มั้ยคะ น้าพิมกับคุณพ่อดูแลหนูดีมากมั้ยคะ "เด็กน้อยทำปากจู๋ แววตาดูใสแป๋วเปล่งประกายแวววาว ขนตาดกดำยาวสวย ส่งให้ดวงตาสวยมีเสน่ห์สมกับคำชมของเคอร์ฟิวน้อยเด็กน้อยยิ้มแป้นออกมาอย่างไร้เดียงสา ทำให้ผู้เป็นคุณแม่มือใหม่ หลงรักหนักเข้าไปอีก เธอจ้องหน้าลูกด้วยรอยยิ้มแล้วเอ่ยต่อว่า" งุ้ยน่ารักน่าชังที่สุดเลย ต่อไปคุณแม่จะไม่ไปไหนแล้วนะคะ คุณแม่จะอยู่กับเบบี๋น้อยทุกวันทุกคืนเลยค่ะ "น้ำเสียงนุ่มนวลของณัชชาทำให้เด็กน้อยสัมผัสได้ถึงไออุ่นรักที่พิเศษกว่าพิมที่เป็นน้ามาก เพราะความเป็นแม่ลูกสามารถสัมผัสได้ผ่านจิตใจและความรู้สึกนั่นเองพ่อของณัชชานั่งยิ้มอ่อนบนโซฟามองลูกสาวด้วยแววตาอบอุ่นส่วนแม่ณัชชาพอเห็นว่าลูกสาวคุยกับลูกนานพอสมควรแล้วเขาจึงเอ่ยขึ้นเสียงแข็งด้วยสีหน้าจริงจัง" ณัชชาลูกท
ช่วงบ่ายพ่อกับแม่ของป๊อบมาที่บ้านณัชชา พวกเขาก็นั่งพูดคุยกันตามประสาคนรู้จักมักคุ้นอย่างสนิทสนมแล้วแม่ของณัชชาก็เอ่ยถามสารทุกข์สุขดิบอย่างมีความนัยแอบแฝง" เป็นยังไงกันบ้างอยู่บ้านโน้นสบายดีกันทุกคนมั้ยคะ "คุณแม่ป๊อบยิ้มแล้วเอ่ยตอบอย่างเข้าใจความหมายแฝง" สบายดีค่ะ ยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตองเลยค่ะ สุขภาพดีขึ้นมาก โรคภัยไข้เจ็บก็ไม่มีแล้วค่ะ "" ดีๆ นับว่าเป็นข่าวดี เป็นสิ่งที่ดีจริงๆ "แม่ณัชชาเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้มนานแล้วที่เขาไม่ได้เจอลูกสาวเลยนับตั้งแต่วันคลอด เขาดีใจมากที่ได้ยินแม่ของลูกเขยพูดแบบนั้นคำพูดพวกนี้คนที่ไม่รู้อะไรอย่างป๊อบได้แต่นั่งฟังอยู่ข้างลูกสาวอย่างเงียบๆโดยไม่รู้เลยว่าแม่ตัวเองกับแม่ยายกำลังพูดเรื่องสุขภาพของภรรยาเขาอยู่" อ้อ จริงสิ ที่ฉันมาวันนี้ เพื่อมาบอกว่าตาป๊อบน่ะมีบ้านพักริมทะเลอยู่หลังหนึ่ง บรรยากาศดีมาก "" จริงเหรอคะ "คุณแม่ณัชชาออกอาการตื่นเต้นเมื่อได้ยินแบบนั้น " จริงค่ะ ฉันเพิ่งกลับมาจากที่นั่น ก็มาหาคุณเลย "แม่ของป๊อบกับแม่ณัชชา จากนั้นก็หันไปทางลูกชายแล้วเอ่ย" ป๊อบ พรุ่งนี้ลูกก็พาลูกสาวกับพ่อตาแม่ยายไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจหน่อยสิ จิตใจทุกคนจะได
เมื่อภารกิจบนเตียงจบลงเตชินก็ก้มลงจูบภรรยาเบาๆแล้วนอนกอดเธอไว้ในอ้อมกอดอย่างแนบแน่นพอสายๆพวกเขาก็ตื่นขึ้นมาไปอาบน้ำ แต่งตัว แล้วออกมาจากห้องพร้อมกันเตชินกอดไหล่ภรรยาอย่างรักใคร่ แล้วเดินลงบันไดพร้อมกันสีหน้าดูสดใสยิ้มแย้ม ป้าใจกำลังจะเข้าไปหาเคอร์ฟิวน้อยในห้องนั่งเล่นก็หันไปเห็นสองสามีภรรยาเดินลงบันไดมา ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มไม่บึ้งตึงใส่กันอีก แกรู้สึกดีใจและสบายใจเอามากๆ ที่ครอบครัวกลับมาเป็นครอบครัว[ คุณชายน้อยคงดีใจและมีความสุขมากถ้ารู้ว่าพ่อแม่ดีกันแล้ว ]หลังจากแอบพึมพำจบป้าใจก็ยิ้มขึ้นพร้อมกับเอ่ยถามเตชินว่า" คุณชายจะให้เตรียมอาหารเช้าเลยมั้ยคะ "แกถามเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขากลับมาสู่สถานการณ์ปกติแบบ100%" อื้อ ป้ากับนวลก็ทานด้วยพร้อมกันเลยนะ "" ค่ะ "เอ่ยจบเตชินก็โอบไหล่ภรรยาเดินเข้าไปหาลูกชายที่กำลังนั่งเล่นอยู่ เคอร์ฟิวละสายตาจากของเล่นแล้วเงยหน้ามองพ่อกับแม่ด้วยความสงสัย แต่ไม่กล้าเข้าไปหา " เคอร์ฟิว มาหาพ่อกับแม่สิ "เตชินเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มพร้อมกับอ้าแขนรับเคอร์ฟิวแน่ใจแล้วว่าพ่อกับแม่ไม่ได้โกรธกันอีกจึงยิ้มออกมาแล้วลุกขึ้นวิ่งมาหาพ่อกับแม่ด้วยความดีใจพิมกอดลูกชายด
เช้าวันต่อมา คุณแม่กับคุณพ่อของป๊อบเก็บกระเป๋าเตรียมออกเดินทางกลับจากนั้นทั้งสองท่านก็นั่งรถออกจากบ้านพักริมทะเลตั้งแต่เช้าระหว่างทางคุณแม่ป๊อบนั่งนึกถึงเรื่องราวก่อนหน้านี้แกก็แอบอมยิ้มเบาๆก่อนหน้านี้คุณแม่ของณัชชาได้มาขอความร่วมมือจากเขาและเล่าแผนแกล้งตายให้ฟัง แกรู้สึกว่ามันเข้าท่าดี จึงรับปากอย่างไม่ลังเลช่วยลูกสะใภ้เล่นละครหลอกลูกชายตัวร้ายของเขา ที่เอาแต่รักคนที่มีลูกมีสามีแล้วแกเองก็ปวดใจไม่น้อยที่เห็นลูกมูฟออนไม่ได้สักที ทั้งยังสงสารและเห็นใจลูกสะใภ้คนสวยของแกที่สุดพอถึงวันที่ณัชชาไปคลอดแม่ของณัชชาก็โทรมาแจ้งให้เขาทราบพอรู้ว่าลูกสะใภ้คลอดแล้วแกกับสามีก็ตื่นมานั่งรอแต่เช้า รอลูกชายคนเล็กมาบอกข่าวแต่รอวันแล้ววันเล่า เจ้าลูกชายตัวดีก็ไม่โผล่หัวมาสักทีจนเขาเกือบจะโทรไปหาลูกเองแล้วแต่สามีห้ามไว้ สุดท้ายก็อดทนรออีกวัน ถึงจะเห็นลูกชายโผล่หน้ากลับมาด้วยสีหน้าเศร้าหมองแกแอบขำลูกชายเบาๆ พอลูกชายบอกข่าวเรื่องลูกสะใภ้เสียชีวิต แกก็เล่นใหญ่แกล้งทำเป็นตกใจจนช็อกไปแล้วบีบน้ำตาร้องห่มร้องให้ออกมา จากนั้นก็แกล้งหมดสติไปหลังจากนั้นเมื่อลูกสะใภ้ออกจากโรงพยาบาลแกก็มาอยู่เป็นเพื่อนคอ