วันนี้ผู้อาวุโสมู่พาลูกศิษย์มาด้วยสองคน ยังดูวัยรุ่นกันอยู่ผู้อาวุโสมู่เห็นเย่มู่มู่ผมฟู อยู่ในชุดนอน ดูยังไม่ตื่นเต็มตา “ผมมาเช้าไปหน่อย เมื่อคืนคุณนอนดึกเหรอครับ?”เย่มู่มู่หาวหวอด “ฉันนอนดึกไปหน่อย ไม่ใช่ความผิดของคุณหรอกค่ะ” ยากที่จะเห็นผู้อาวุโสมู่แต่งตัวค่อนข้างเป็นทางการ กวาดตามองสวนของบ้านเย่มู่มู่ มันเต็มไปด้วยวัชพืช กุหลาบไม่ได้ลิดกิ่ง อดบ่นเหมือนคนแก่ไม่ได้ “ทำไมไม่ดูแลสวนเลย ดูสิต้นหญ้าสูงกว่าดอกไม้หมดแล้ว”“ฉันยุ่งมาก ไม่มีเวลาเลยค่ะ”เธอเชิญผู้อาวุโสมู่เข้ามาในห้องรับแขก จากนั้นก็เดินขึ้นชั้นบนเพื่อหยิบจานกระเบื้องลงมาชั้นล่าง ผู้อาวุโสมู่และลูกศิษย์ทั้งสองกำลังนั่งยอง ๆ อยู่หน้าแจกัน เพื่อศึกษาผู้อาวุโสมู่ถือแว่นขยายอยู่ด้วยเย่มู่มู่แอบพึมพำ “ซวยแล้ว ลืมซ่อนแจกันจนได้”เธอยกจานกระเบื้องลงมาที่ชั้นหนึ่ง ผู้อาวุโสมู่ถามว่า “คุณจะขายแจกันใบนี้ไหมครับ?”เย่มู่มู่ตอบ “ไม่ขายค่ะ มันเป็นมรดกตกทอดจากบรรพบุรุษ ฉันจะไม่ขายมันเด็ดขาด”ผู้อาวุโสมู่มองเธอด้วยรอยยิ้มเหมือนไม่ยิ้มไม่ขายมรดกตกทอดจากบรรพบุรุษอะไรกัน แต่ของโบราณหลายชิ้นที่เธอขายยังวางอยู่ที่บ้านเขา ช
เย่มู่มู่ดีใจมากสังหารทหารเผ่าหมานห้าหมื่นนายภายในวันเดียว เช่นนั้นสามแสนนาย ยังเกินเอื้อมอยู่หรือ?“ท่านเทพ ครั้งนี้สามารถชนะได้ เพราะวัตถุระเบิดที่ท่านมอบให้ ทว่าศึกครั้งที่สองนี้ใช้วัตถุระเบิดเกือบหมด ท่านช่วยส่งมาเพิ่มอีกหน่อยเถิด ข้าจะไม่ใช้ให้สูญเปล่า” “มั่วฝานขอมอบเครื่องประดับหนึ่งกล่อง แลกกับวัตถุระเบิดของท่าน” กล่องไม้แกะสลักและเคลือบเงาสีแดงขนาดใหญ่ใบหนึ่งปรากฏตรงหน้าเย่มู่มู่กล่องขนาดใหญ่กว่าสามกล่องเล็กที่อยู่ในลังใหญ่ที่ได้รับเมื่อวานนี้เธอรีบเปิดมันด้วยความตื่นเต้น ภายในกล่องมีเครื่องประดับหลากหลายชนิด ทั้งทองและหยก...มีชุดเครื่องกระเบื้องเคลือบลายหงส์ครบชุดด้วยจานมีสามใบ ว่างไปหนึ่งช่อง นั่นคือจานใบที่ผู้อาวุโสมู่ซื้อไปแล้ว ชามเล็กสี่ใบ ตะเกียบทองสลักลายสี่คู่ ช้อนทองสองคัน และชามทะเลทองสองใบปิ่นระย้าประดับหงส์คาบหยกหนึ่งอัน กำไลทองประดับอัญมณีหนึ่งคู่ สร้อยคอทองคำประดับทับทิมและอัญมณีสีส้มแดงหนึ่งเส้น...มีอีกมากมาย ล้วนวางเป็นระเบียบเรียบร้อยสมบัติแต่ละชิ้นในกล่องนี้ล้วนถูกสลักด้วยคำว่าของขวัญพระราชทานในราชวงศ์เครื่องประดับบางชิ้นที่สลักลายหงส์
“เกรงใจยิ่งนัก...”“มั่วฝานถามว่า รองเท้าหนึ่งร้อยคู่จะมาถึงเมื่อไร เขายังต้องการแท็บเล็ตและลูกอมจำนวนหนึ่งขอรับ!”รัฐทายาทน้อยเพิ่งมอบเครื่องประดับและภาชนะทองคำหนึ่งกล่องให้เธอเมื่อเช้านี้เองเป็นบุรุษที่ฟุ่มเฟือยเสียจริงคำขอเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเขา เธอย่อมตบปากรับคำเย่มู่มู่ตอบว่า “ได้สิ รองเท้า แท็บเล็ต ลูกอม จัดส่งภายในครึ่งชั่วโมง”เธอขับรถไปที่ถนนสายอิเล็กทรอนิกส์จอดรถริมถนน ลงจากรถแล้วตรงไปที่ร้านค้าออฟฟิเชียลสัญลักษณ์ผลไม้ ซื้อแท็บเล็ตสองเครื่องไปร้านออฟฟิเชียลสัญลักษณ์ดอกไม้ ซื้อแท็บเล็ตสิบเครื่อง โทรศัพท์มือถือสิบเครื่อง...ซื้อพาวเวอร์แบงค์สองหมื่นมิลลิแอมป์จำนวนยี่สิบเครื่องเนื่องจากยอดซื้อขั้นสูง ร้านค้าออฟฟิเชียลจึงแถมพัดลมพกพาห้าตัวพัดลมถือติดตัวได้ วางบนโต๊ะได้ ลมแรง และสามารถอยู่ได้นานเจ็ดชั่วโมงเมื่อชาร์จเต็มแล้วด่านเจิ้นกวนเกิดภัยแล้งหนัก อากาศร้อนอบอ้าว พัดลมจะช่วยระบายความร้อนได้เธอโบกมือสบาย ๆ ซื้อพัดลมเพิ่มอีกสิบห้าตัวซื้อไฟฉายแบบชาร์จไฟได้ยี่สิบอันซื้อเครื่องโกนหนวดแบบชาร์จไฟได้ยี่สิบเครื่องพนักงานเห็นว่าเธอใช้เงินมือเติบ ทำยอดซื้อระดับสูง
หลัวเก๋อผู้นำทัพเผ่าหมาน ไม่ปรากฏตัวในสงครามครั้งถัดไป ตามที่เฉินอู่พูดว่า เขาถูกระเบิดตายไปแล้วหรือได้รับบาดเจ็บสาหัส อาจนอนไม่ได้สติ ประการใดก็ดีต่อกองทัพตระกูลจ้านทั้งนั้นว้าว...แท็บเล็ตหลายเครื่อง พาวเวอร์แบงค์ สายชาร์จ โซลาร์ชาร์จเจอร์ แผงไฟโซลาร์เซลล์ พัดลมพกพา เครื่องโกนหนวดไฟฟ้า โคมไฟสั่งการด้วยเสียง พัดลมพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดใหญ่นับสิบ...ทั้งหมดร่วงหล่นลงบนโต๊ะสิ่งที่สะดุดตาที่สุดคือแท็บเล็ตหลายเครื่องที่ถูกห่อแยกไว้จ้านเฉิงอิ้นเปิดหน้าจอ และเปิดบันทึกความจำ บันทึกความจำเขียนว่า “ข้าซื้อแท็บเล็ตสิบสองเครื่อง โทรศัพท์มือถือสิบเครื่อง โทรศัพท์มือถือก็เหมือนกับแท็บเล็ต แต่พกพาสะดวกกว่า”“แท็บเล็ตได้ดาวน์โหลดความรู้ทางทหารสมัยใหม่เอาไว้ สามารถเปิดการส่งข้อมูลผ่านบลูทูท เพื่อถ่ายโอนไปยังแท็บเล็ตเครื่องอื่น ๆ ”“วิธีเปิดใช้บลูทูทถ่ายโอนข้อมูล มีวิดีโอสอนอยู่”“มีแท็บเล็ตสัญลักษณ์ผลไม้เครื่องหนึ่ง มอบให้มั่วฝาน ได้ดาวน์โหลดหมากรุกหลายแบบ หมากล้อม หมากรุกห้าเม็ด... เพื่อเล่นฆ่าเวลาในยามว่างได้”“แผงไฟโซลาร์เซลล์ให้ติดตั้งไว้บนหอประตูเมืองและถนน แผงไฟโซลาร์เซลล์ค
สายลมเย็นลอยมากระทบร่างกายของทุกคนทุกคนนั่งยอง ๆ อยู่หน้าพัดลมตั้งพื้นอย่างสงสัย อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกตะลึงจนทำตัวไม่ถูก “สิ่งนี้ล้ำสมัยเหนือธรรมชาติมาก!”“แค่ใช้แสงอาทิตย์ขับเคลื่อนก็ได้แล้ว สรุปว่าหลักการของมันคืออะไรกันแน่?”“นั่นสิ อาชากินอาหารถึงวิ่งได้ แต่เจ้าสิ่งที่เรียกพัดลมนี้ แค่โดนแสงแดดใบพัดก็หมุนได้เองแล้ว ไม่เคยได้ยินเรื่องแปลกเช่นนี้มาก่อนเลย!” “สิ่งของจากโลกของท่านเทพ น่าประหลาดใจเช่นนี้เอง”“เย็นสบายมาก ฮ่า ๆ ข้าไม่ต้องสะดุ้งตื่นกลางดึกเพราะร้อนอีกแล้ว” มั่วฝานกล่าวกับจ้านเฉิงอิ้น “เครื่องนี้ของท่าน ข้าจะเอาเครื่องของตัวเองกลับ” จากพัดลมตั้งพื้นหลายตัว เขาเลือกตัวที่ดูสมบูรณ์ที่สุด ยัดมันใส่มือของกุนซือจวงเหลียง“เลือกสิ เราทุกคนนำกลับไปติดตั้งที่จวน”เฉินขุยเห็นเขาทำท่าทางเห็นแก่ตัว จึงแกะพัดลมตั้งพื้นของตัวเอง สั่งให้ผู้ช่วยติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาหอประตูเมืองภายในห้อง พัดลมตั้งพื้นสองตัวที่ด้านหน้าและด้านหลัง กระจายลมทั่วทิศทางทุกคนได้รับการดูแลทั่วถึง เย็นสบายกันหมดสิ่งที่ท่านเทพส่งมาให้ครั้งนี้ ช่างใส่ใจมาก ล้วนจำเป็นต่อพวกเขาทั้งสิ้นไม
คนกลุ่มหนึ่งมาถึงลานหลังจวนเหล่าหญิงปักผ้าสิบกว่าคนต่อหนึ่งกลุ่ม กำลังตัดเย็บเสื้อผ้าในลานกว้างไม่มีเก้าอี้ ทั้งหมดจึงนั่งกับพื้น ก้มหน้าก้มตาเร่งตัดเย็บเสื้อผ้าฮูหยินเฉินพาพวกเขาไปที่ห้องโกดังปลอดคน“ท่านแม่ทัพ ห้องเก็บผ้า ได้ทำความสะอาดเสร็จแล้วเจ้าค่ะ”ห้องขนาดใหญ่มาก เมื่อก่อนพ่อค้าผู้มั่งคั่งเคยใช้เก็บสินค้า“ห้องนี้ก็เพียงพอแล้ว”จ้านเฉิงอิ้นยื่นมือไปทางเถียนฉินที่อยู่ด้านหลัง รับแท็บเล็ตแล้วมอบให้ฮูหยินเฉินฮูหยินเฉินไม่รู้ว่าเหตุใด ท่านแม่ทัพจึงยื่นกระดานเล็กแผ่นหนึ่งให้นาง เฉินขุยรีบขยิบตาส่งสัญญาณให้ฮูหยินทันที นี่เป็นของดีที่ท่านเทพประทานให้ ได้รับโดยไม่ต้องร้องขอ!ฮูหยินเฉินรีบรับมันมา “ขอบคุณท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ!”จ้านเฉิงอิ้นกล่าวว่า “ข้าจะสอนเจ้าเปิดหน้าจอและปลดล็อก”เมื่อหน้าจอของกระดานดำแผ่นเล็กสว่างขึ้น นางก็เป็นอันต้องสะดุ้งตกใจ ภายในโกดังอันมืดมิด ความสว่างของแท็บเล็ตเครื่องเล็ก สว่างกว่าเชิงเทียนขนาดเล็กเสียอีก“เจ้าสิ่งนี้ น่าอัศจรรย์จริง ๆ ”จ้านเฉิงอิ้นสอนนางตั้งรหัสผ่าน และบันทึกลายนิ้วมือจากนั้นสอนให้นางเปิดวิดีโอเมื่อฮูหยินเฉินดูวิดีโอด
เมื่อส่งของเสร็จแล้ว เธอก็ไปซื้อขนมที่ซูเปอร์มาร์เก็ตอีกครั้งมันฝรั่งแผ่นทอดกรอบ ล่าเถียว ปลาเผ็ดปรุงรส ตีนไก่ดองพริก ถั่ว ขนมปังกรอบ ลูกอมรสนมกระต่ายขาว...อมยิ้ม ช็อกโกแลต วุ้นแช่เย็น ขนมบุกหม่าล่า...เธอซื้อเต็มรถเข็นสามคันรวดพนักงานของซูเปอร์มาร์เก็ตช่วยยกของใส่ท้ายกระบะให้เธอ ยังมีรองเท้าหนึ่งร้อยคู่ที่มั่วฝานอยากได้เธอเดินเข้าร้านค้าออฟฟิเชียลร้านหนึ่ง ซื้อรองเท้าผู้ชายหกสิบคู่ โดยเลือกรองเท้าที่มีลวดลายสีสันมากที่สุด ราคาแพงที่สุดซื้อรองเท้าผู้หญิงสี่สิบคู่ โดยเลือกรองเท้าผ้าใบสวมใส่สบาย สีขาว...ซื้อถุงเท้าคละสีสองร้อยคู่เนื่องจากเย่มู่มู่ซื้อสินค้าจำนวนมาก พนักงานจึงยิ้มไม่หุบผู้จัดการร้านแถมถุงเท้าผู้หญิงหนึ่งร้อยคู่ ชุดกีฬาหนึ่งเซต กระเป๋าสะพายไหล่หนึ่งใบ กระเป๋าสะพายหลังหนึ่งใบ และรองเท้าแตะฤดูร้อนสองคู่...รถกระบะได้บรรทุกเต็มอัตราอีกครั้งเธอขับรถไปยังสถานที่ปลอดคน ทำการถ่ายโอนของในรถ เป็นอันเสร็จสิ้นภารกิจทั้งหมด เจ้าของโรงงานรองเท้าผ้าโทรหาเธอ แจ้งว่าสินค้ามาถึงเมืองของเธอแล้วสายเรียกเข้าจากโรงงานเหล็กแผ่นกันกระสุนเพิ่งดัง รถบรรทุกของพวกเขาก็ขับ
เฉินขุยพูดไม่ทันจบบท ขนมและลูกกวาดก็ร่วงลงมารอบแจกันอีกมากมาย...ปริมาณและความหลากหลายมีมากกว่าที่ให้เด็ก ๆ เมื่อวานหางตาของเฉินขุยยังมีคราบน้ำตา ริมฝีปากกล่าวขอบคุณต่อท่านเทพมือเปิดเป็ดรมควันห่อหนึ่งและหักขาเป็ดลิ้มรสชาติโดยไม่ให้เสียเวลาจู่ ๆ รูม่านตาของเขาก็ขยายกว้าง โห อร่อยมากจริง ๆ!เขาหักขาเป็ดอีกข้างหนึ่งให้ฮูหยินทีแรกฮูหยินไม่ยอมกิน แต่เฉินขุยยัดใส่ที่มือนางนางใช้แขนเสื้อปิดปากแล้วชิมคำหนึ่งรสชาติเข้มข้น หมักด้วยเครื่องเทศหลายชนิดอร่อยมาก!เป็นรสอร่อยที่พ่อครัวหลวงแห่งแคว้นต้าฉี่ก็ไม่สามารถทำได้!อาหารมาก่อน เฉินขุยยัดเป็ดรมควันสองห่อให้ฮูหยินโดยไม่สนใจว่าจ้านเฉิงอิ้นยังอยู่ ตีนไก่ไร้กระดูกหนึ่งห่อ ไข่นกกระทาหนึ่งห่อเมื่อเห็นว่าเขากระทำการเหิมเกริม ฮูหยินรีบกล่าวห้ามแต่จ้านเฉิงอิ้นกลับพูด “ยังมีอีกมาก ให้เด็ก ๆ กินเถอะ!”เฉินขุยตะคอกฮึ่ม “ท่านเทพมอบทั้งหมดนี้ให้มั่วฝาน เมื่อวานมั่วฝานเอาลูกอมไปแล้วไม่ใช่หรือ วันนี้พวกเราเอากลับสองสามห่อ ถือว่าเท่าเทียมกัน”หลังจากพูดจบ เฉินขุยหยิบเนื้อแดดเดียว หมูแผ่น ถั่วธัญพืชอีกสองสามห่อ...ให้ฮูหยินอ้อมอกของฮูหยิ
ทีแรกทั้งสองฝ่ายสู้กันมือเปล่า ทัพพันธมิตรสี่แคว้นด้วยจำนวนคนมาก จึงได้เปรียบอยู่เล็กน้อยหลังจ้านเฉิงอิ้นใช้วัตถุระเบิดจนหมดส่วนพวกเซี่ยเวยและจ้าวเฉียน นำห้าหมื่นคนเข้าสู่สนามรบสถานการณ์พลันพลิกกลับอาวุธของพวกเขาล้ำสมัยยิ่งนัก แม้ยังฝึกใช้ดาบม่อเตาไม่คล่อง ทว่าชุดเกราะและเสื้อกันกระสุนก็ป้องกันได้สองชั้นอาวุธของทัพศัตรูไม่สามารถทำร้ายพวกเขาได้ทัพแคว้นเยี่ยค่อย ๆ ถอยทัพทีละก้าว ๆคนเริ่มน้อยลงเรื่อย ๆห้าหมื่นนายถูกระเบิดตายไปหลายพันนายเข่นฆ่ากับจ้านเฉิงอิ้นตายไปอีกบางส่วนตอนนี้เซี่ยเวยนำห้าหมื่นคนเข้าสู่สนามรบจำนวนของทหารแคว้นเยี่ยน กำลังลดลงไปอย่างรวดเร็วจากสี่หมื่นสองพันคน เพียงระยะเวลาไม่ถึงครึ่งถ้วยชา ลดลงไปถึงสามหมื่นสองหมื่น...ขณะที่ในสนามรบเหลือไม่ถึงหนึ่งหมื่นคนเยี่ยนเย่รู้ว่าสู้ไม่ไหวแล้วเขาหวังเพียงว่าคนอื่นจะช่วยเขาได้ทว่าครั้นเขาหันหลังกลับไปมองเจียงเหว่ยกับเกาอี้กลับนำคนเข้ามามีเพียงมู่ซาและกำลังพลห้าหมื่นนายของเขาขวางไว้ได้เพียงครู่หนึ่ง หลังพวกเขาลิ้มลอง ก็ค้นพบว่าอุปกรณ์ของกองทัพตระกูลจ้านร้ายแรงเพียงใดมู่ซาเองก็ต้านไม่อยู่ ตายไปหนึ่ง
ในจังหวะนี้เอง จู่ ๆ เบื้องหลังของพวกเขาก็มีกองทัพตระกูลจ้านห้าหมื่นนายปรากฏตัวขึ้นมาพวกเขาติดอุปกรณ์สมบูรณ์แบบ กำลังถือดาบม่อเตาและดาบเหิงเตาราชวงศ์ถัง พร้อมแบกหน้าไม้ราชวงศ์ฉิน...จู่ ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นมา กำลังคนและม้าสองแสนนายกำลังพุ่งเข้ามาด้วยทีท่าดุเดือดครั้นเยี่ยนเย่ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวเบื้องหลัง ก็พลันหันหน้ากลับไปเห็นเฉินขุย เฉินอู่และซ่งตั๋วนำกำลังคนจำนวนมากพุ่งเข้ามา!มู่ซาตะโกนเสียงดัง “พวกเขาออกมาจากไหน? เหตุใดถึงมาขวางทางหนีทีไล่เรา?”เจียงเหว่ยด่ากราดอย่างเดือดดาล “ข้ารู้อยู่แล้วไอ้คนไร้ประโยชน์เช่นเจ้า หนึ่งคิดกลอุบายไม่เป็น สองนำทหารสู้รบไม่เป็น กระทั่งสถานการณ์ข้าศึกแข็งแกร่งเราอ่อนแอก็ยังไม่รู้”“ข้าเคยบอกแล้วอย่างไร ตอนนี้ไม่ใช่โอกาสเหมาะในการฆ่าจ้านเฉิงอิ้น ตอนนี้จบเห่แล้ว กลับกันตอนนี้ยังถูกจัดการได้อย่างง่ายดายอีก!”เกาอี้ผู้บัญชาการแคว้นฉีกล่าวขึ้นทั้งเดือดเป็นฟืนเป็นไฟว่า “เลิกทะเลาะกันได้แล้ว คิดหาวิธีฝ่าวงล้อมก่อน กองทัพตระกูลจ้านสองพันนายเรายังรับมือไม่ได้ ตอนนี้กองทัพตระกูลจ้านยกทัพมาทั้งกองทัพ พวกเจ้าอยากตายอยู่ที่นี่หรือ? ยังจะมาทะเลาะกันเอง
ส่วนที่แข็งแกร่งของจ้านเฉิงอิ้นคือ ทหารผ่านศึกในกองทัพของเขาล้วนมีประสบการณ์ในการรบอย่างโชกโชน ทุกคนที่รอดชีวิตมาได้ล้วนมีฝีมือไม่ธรรมดาเกราะและอาวุธของกองทัพตระกูลจ้านมีคุณภาพสูง สามารถต่อกรกับศัตรูได้ในสัดส่วนหนึ่งต่อสิบนอกจากนี้ การซื้อใจชาวบ้านสี่ร้อยคนที่ถูกใช้เป็นระเบิดมนุษย์ ทำให้จ้านเฉิงอิ้นได้เปรียบยิ่งขึ้นอุปกรณ์และระเบิดเหล่านี้ยิ่งทำให้ช่องว่างระหว่างพวกเขาขยายกว้างขึ้นหากเป็นเมื่อครู่ พวกเขายังกล้ายืนยันได้อย่างมั่นใจว่าจ้านเฉิงอิ้นต้องตายอย่างแน่นอนแต่ตอนนี้ ความหวังที่จะชนะเลือนลางลงบางคนเริ่มอยากล่าถอย เพราะไม่ต้องการไปตายขณะที่เจียงเหว่ยถอยหลังไปไม่กี่ก้าว ทันใดนั้นกลับถูกทหารของเยี่ยนเย่ขวางทางไว้เยี่ยนเย่นำกองทัพหนึ่งแสนคน โดยมีห้าหมื่นคนคอยติดตามอยู่ข้างกายหน้าที่ของพวกเขาคือปกป้องเยี่ยนเย่ พร้อมทั้งจับตาดูความเคลื่อนไหวในสนามรบอยู่ตลอดเวลาเสียงเยียบเย็นของเยี่ยนเย่ดังขึ้น “แม่ทัพแคว้นฉู่กำลังจะไปไหนหรือ?”“ในเมื่อทุกคนร่วมกันวางแผนสังหารจ้านเฉิงอิ้น เจ้าจะถอนตัวเองไปโดยพลการได้อย่างไร”“วางใจเถอะ ต่อให้ต้องบุกทะลวง กองทัพแคว้นเยี่ยนของข้าจ
ซุนหลินพยักหน้าพร้อมกล่าวว่า “กินได้สิ!”พูดจบ เขาหยิบมันเทศขึ้นมาเช็ดกับเสื้อ แล้วหักออก...เนื้อสีม่วงแดงของมันเทศก็เผยออกมากลิ่นหอมเฉพาะตัวของมันเทศลอยออกมาให้ได้กลิ่นชัดเจนซุนหลินกลัวว่าคนอื่นจะไม่เชื่อ เขาเลยกัดไปคำหนึ่ง เนื้อกรอบหวานละมุนใจ“อร่อยจริงๆ!”“มันเทศสามารถนำไปปิ้งหรือนึ่งก็ได้ หรือจะใช้ต้มทำเป็นโจ๊ก หรือข้าวมันเทศก็ได้... มีวิธีกินเยอะแยะ ทั้งหวานทั้งเหนียว หอมอร่อยมาก!"จากนั้นเขาก็ยื่นมันเทศให้ซุนเฮ่อ “ลุงสาม ลองชิมดูสักคำสิ”ซุนเฮ่อชะงักเล็กน้อยก่อนรับมันเทศมาลองกัดคำหนึ่งทันทีที่กัดเข้าไป เขาเบิกตากว้างกล่าวด้วยความประหลาดใจ “หวานจริง ๆ แถมยังมีน้ำในเนื้ออีก กรอบมาก...”เขาพูดพร้อมเคี้ยวอีกสองสามคำ “อร่อยมาก!”ซุนหลินยิ้มอย่างภูมิใจ “อร่อยใช่ไหมล่ะ! ที่ด่านเจิ้นกวนของเราปลูกมันเทศไว้มากกว่าหมื่นหมู่ ต่อไปนี้ทุกคนก็จะได้กินกันทั่วหน้า!”เหล่าชาวบ้านต่างพากันเบิกตากว้างอย่างตกตะลึง ขณะฟังซุนหลินกล่าว “หมื่นหมู่ นั่นเป็นพื้นที่กว้างขนาดไหนกันนะ!”“ไร่นาทุกผืนล้วนมีน้ำรดได้ แม่น้ำที่ด่านเจิ้นกวนไม่ขาดแคลนน้ำเลยจริงๆ!”“คำพูดของท่านแม่ทัพใหญ่เป็นค
ลูกน้องของผู้นำให้คำสั่งเด็ดขาดกับพวกเขาก่อนจากมา ยังได้กำชับเป็นพิเศษว่า“จงคิดถึงครอบครัวของพวกเจ้า พ่อแม่ที่แก่ชรา ภรรยาที่อ่อนแอ และลูก ๆ ที่ยังเล็กจนต้องการการดูแล...”“แม่ทัพต้องการได้ยินข่าวดี หากสำเร็จ ภรรยา พ่อแม่ และลูก ๆ ของพวกเจ้า ผู้นำจะดูแลพวกเขาให้ จะไม่ปล่อยให้พวกเขาขาดอาหารแม้แต่มื้อเดียว และยังจะแบ่งบ้านกับที่ดินสิบหมู่ให้ด้วย!"“ไปเถอะ อย่าทำให้ท่านผู้ผิดหวัง!”แต่ตอนนี้ พวกเขามองดูน้ำในกระบอกน้ำเก็บความร้อน มองดูแป้งห่อ โจ๊กหวาน และเสบียงแห้ง...ท่านแม่ทัพถูกกองกำลังพันธมิตรจากสี่แคว้นปิดล้อมไว้ที่นี้ และถูกต้อนจนมุม แต่กลับยังเลือกที่จะมอบเสบียงอาหารและน้ำที่ล้ำค่าที่สุดให้พวกเขาพวกเขาไม่อาจทรยศหักหลังด้วยการกระทำชั่วช้าเช่นการระเบิดสังหารท่านแม่ทัพและกองทัพตระกูลจ้านได้พวกเขาลงมือไม่ลงในขณะที่ทุกคนจมอยู่ในความเงียบงัน ผู้นำกลุ่มของพวกเขาอย่างซุนเฮ่อจึงเอ่ยขึ้นว่า“ท่านแม่ทัพ พวกเรายังมีครอบครัวอยู่ในเมืองหยงโจว สามารถพาออกมาได้ จะได้รับอาหารกับน้ำหรือไม่?”จ้านเฉิงอิ้นกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า“แน่นอน ตราบใดที่เป็นประชาชนแคว้นต้าฉี่ ทุกคนย่อมมีอาหารก
เมื่อครู่พวกเขาต่างตั้งใจฟังอย่างจดจ่อซุนหลินได้รับรางวัลเป็นเสบียงอาหารกว่าพันชั่ง!นี่แสดงให้เห็นว่ากองทัพตระกูลจ้านไม่ได้ขาดแคลนเสบียงสำหรับชาวแคว้นต้าฉี่ที่เผชิญกับภัยแล้งมาเกือบปี ข้าวปลาอาหารและแหล่งน้ำมีเสน่ห์ดึงดูดที่ไม่อาจต้านทานได้พวกเขาหิวและกระหายเกินกว่าจะอดทนไหว แม้ในเมืองหยงโจวจะมีโจ๊กแจก แต่ในแต่ละวันกลับได้เพียงถ้วยเล็ก ๆ ของโจ๊กข้าวโพด ซึ่งไม่พอให้ประทังความหิวได้เลยผู้คนมากมายต่างพยายามทุกวิถีทางที่จะลอกเปลือกไม้ หรือขุดหาผักป่า...ในเมืองหยงโจว เมื่อจำนวนผู้คนเพิ่มมากขึ้น ผู้คนถึงกับทะเลาะวิวาทแย่งชิงรากหญ้าและเปลือกไม้ จนถึงขั้นมีการฆ่ากันตายก็ไม่น้อยขณะนั้น ชาวบ้านสี่ร้อยคนต่างจ้องมองด้วยสายตาเปี่ยมความหวัง หลายคนถึงกับลุกขึ้นยืนและเดินเข้าไปใกล้ปากถ้ำโดยไม่รู้ตัวเฉินจวิ้นหลินและเหล่าทหารผ่านศึกอีกสิบกว่าคน ได้นำเสบียงอาหารที่เหลือจากคนสองร้อยกว่าชีวิตที่เสียชีวิตไปแล้วออกมาแจกจ่ายนอกจากสิ่งที่ถูกระเบิดจนเสียหายและไม่สามารถกินได้ พวกเขายังนำแป้งห่อจำนวนมาก โจ๊กธัญพืชแปดชนิดสองร้อยกระป๋อง และขนมปังแข็งกว่าสองร้อยกล่องออกมาแจกจ่ายเฉินจวิ้นหลินพูด
“ครอบครัวและชาวบ้านในหมู่บ้านจะอยู่รอดไปได้อีกสักระยะ!”ซุนหลินยังคงจินตนาการถึงความสุขในการที่ตนนำเสบียงกลับไปให้ครอบครัวแต่เมื่อชาวบ้านสี่ร้อยคนได้ยินเรื่องเสบียงกว่าหนึ่งพันชั่งดวงตาเบิกกว้าง จ้องมองไปที่ซุนหลินอย่างแน่วแน่เสบียงอาหาร หนึ่งพันกว่าชั่งเชียวนะหากนำไปต้มเป็นโจ๊ก จะเลี้ยงคนได้มากแค่ไหนกันเมื่อซุนเฮ่อได้ยินคำพูดของซุนหลิน ริมฝีปากก็ขยับ เหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่กลับพูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว“ท่านลุงสาม เหตุใดถึงไม่พูดอะไรเลยเล่า ครอบครัวสบายดีหรือไม่?”ซุนหลินยังคงจมอยู่ในจินตนาการของตัวเอง พอเห็นซุนเฮ่อไม่พูดอะไร จึงเงยหน้ามองเขาแต่สิ่งที่เห็นคือ ดวงตาของซุนเฮ่อเต็มไปด้วยเส้นเลือดแดง เขาดูเหมือนอยากจะร้องไห้ แต่หยาดน้ำตาในดวงตานั้นกลับแห้งเหือดไปหมดแล้วเขาเบิกตาแดงก่ำ ก่อนจะก้มศีรษะหนักอึ้งลงต่ำก้มหน้าอยู่นานก่อนจะพูดว่า “พวกเจ้า... ครอบครัวของพวกเจ้า... ตายหมดแล้ว!”“คนทั้งหมู่บ้าน... มีเพียงสามชีวิตที่รอด หนึ่งคือข้า และอีกสองคน...”ซุนหลินกระชากคอเสื้อของซุนเฮ่ออย่างแรง ยกตัวเขาที่ผอมแห้งลอยขึ้นจากพื้นดวงตาของซุนหลินแดงฉานเต็มไปด้วยความ
จ้านเฉิงอิ้นและคนอื่น ๆ อีกหลายคนเดินออกมาส่วนใหญ่เป็นทหารผ่านศึก ซึ่งมีคนหนึ่งจำซุนเฮ่อได้เขาตะโกนด้วยความตื่นเต้น “ลุง ลุงสาม... ทำไมถึงเป็นท่าน?”“ท่านมาที่ช่องเขาเป้าเสียได้อย่างไร?”คนที่จำซุนเฮ่อได้ ชื่อซุนหลิน อายุยี่สิบกว่าปี เข้าร่วมกองทัพมาห้าปีแล้ว!เขาเป็นนายกองพันภายใต้การบังคับบัญชาของจ้านเฉิงอิ้นก่อนหน้านี้เขาเคยอยู่ในหน่วยหน้าไม้ราชวงศ์ฉิน แต่พบว่าตนเองไม่ได้สังหารศัตรูมากเท่าคนอื่น จึงรู้สึกเสียศักดิ์ศรีอย่างมากหลังจากนั้น ก็อาสาเป็นทหารทัพหน้าบุกทะลวงแม้จะต้องเสี่ยงอันตรายแม้ว่าทหารทัพหน้าจะต้องเสี่ยงชีวิต แต่ก็พร้อมจะตายได้ทุกเมื่อเขาเป็นคนกล้าหาญ พยายามเป็นทหารทัพหน้าและสังหารศัตรูมากมายสะสมเสบียงอาหารได้มากกว่าหนึ่งพันชั่ง แป้งสาลีแปดร้อยชั่งได้รับเลื่อนตำแหน่งเป็นนายกองพันครั้งนี้ที่เข้าไปในหุบเขา ซุนหลินก็ลุงสามาเองเขาอยากได้พัดลมพลังงานแสงอาทิตย์เพิ่มอีกสองสามชุด เพื่อมอบให้กับคนในหมู่บ้านแต่ไม่คิดเลยว่าจะได้พบกับซุนเฮ่อที่เป็นคนในหมู่บ้านเดียวกันที่นี่ซุนเฮ่อเป็นลุงสามของเขา เป็นคนในตระกูลเดียวกัน!เขาวิ่งออกมาด้วยความดีใจ วิ่งไปหาซุ
“ใครก็ได้ ไปเฝ้าบริเวณใกล้ถ้ำที่จ้านเฉิงอิ้นซ่อนตัวอยู่ หากเกิดระเบิดแล้วยังไม่ตาย ให้คอยสกัดไม่ให้คนด้านในหลบหนีออกมาได้...”มู่ซาถาม “จะให้ส่งไปกี่คน?”“ยี่สิบคน ล้อมเอาไว้อย่าให้เหลือไปแม้แต่คนเดียว”“ไม่จำเป็นต้องใช้คนมากขนาดนี้ก็ได้กระมัง?”แม่ทัพแคว้นฉู่เจียงเหว่ยพูดว่า “เจ้าไม่รู้อะไร เกราะป้องกันของจ้านเฉิงอิ้นอยู่ในระดับสูงมาก สามารถต้านทานการโจมตีจากคนสิบคนได้เพียงลำพัง และอาวุธก็แหลมคม สามารถฟันดาบเสี้ยวของพวกเผ่าหมานได้ง่ายดายราวกับหั่นผักหั่นปลา”“เพื่อไม่ให้เสียเวลา เมื่อระบุตำแหน่งของจ้านเฉิงอิ้นแล้ว ทุกคนจงล้อมที่นี่ไว้ให้แน่นหนา ห้ามปล่อยให้คนข้างในหนีออกมาได้แม้แต่คนเดียว”แม่ทัพทั้งสี่แคว้นต่างก็ให้ความสำคัญพวกเขารู้ดีว่า หากฆ่าจ้านเฉิงอิ้นได้ ประชาชนต้าฉี่ก็จะกลายเป็นเสบียงของแคว้นต่าง ๆ ของพวกเขาไม่มีเสบียงแล้วจะทำไม?ชาวต้าฉี่มีจำนวนมาก เพียงพอให้พวกเขากินได้อีกนานผ่านพ้นช่วงความอดอยากไปได้อย่างไม่มีปัญหาเลยยิ่งไปกว่านั้น ราชวงศ์ต้าฉี่ก็ร่ำรวยได้ยินมาว่า ทรัพย์สมบัติในวังหลวงนั้นกองสูงเป็นภูเขาเสนาบดีซูยังรวบรวมสมบัติล้ำค่าหายากให้กับฮ่องเต้น้อย