Share

บทที่ 63

Author: มู่โร่ว
เขาพูดต่อ “ท่านแม่ทัพ ข้าเห็นหลัวเก๋อถูกแรงระเบิดพลัดจากหลังม้า ป่านนี้เขาน่าจะตายไปแล้ว”

เหล่านายทหารมองไปที่เฉินอู่เป็นตาเดียว

ดวงตาตกตะลึง ประหลาดใจและเหลือเชื่อ!

หลัวเก๋อถูกระเบิดจริงหรือ?

แม้แต่มั่วฝานคนเคร่งขรึมยังถามเขาว่า “เจ้าแน่ใจหรือ? เขาเป็นน้องชายร่วมสายเลือดของม่อเป่ยอ๋อง ราชสำนักม่อเป่ยไว้วางใจเขามาก จึงมอบกองกำลังสามแสนนายให้เขาบุกโจมตีเมืองนี้”

“ข้าแน่ใจ เพราะข้าจับตาดูเขาอยู่ตลอด ทั้งตั้งคันธนูและศร จุดน้ำมันตะเกียง ทันทีที่เขาปรากฏตัวขึ้น ข้าก็ยิงธนูจุดระเบิดที่ใต้เกือกม้าของเขา”

“เป็นไปตามคาด เขาถูกระเบิดคนแรก ตามด้วยคนที่อยู่ข้างหลังเขา ทหารม้าเผ่าหมานจำนวนหนึ่งถูกระเบิด ทั้งคนและม้าล้มตายอลหม่าน!”

เฉินอู่ยิ้มภูมิใจจนเห็นฟันซี่ใหญ่ “ข้ากล้ายืนยันว่าเขาตายแล้ว หรือต่อให้ไม่ตาย ก็ต้องบาดเจ็บสาหัส”

“ระเบิดที่ท่านเทพมอบให้นั้นมีประโยชน์มาก วันนี้เราสังหารทหารเผ่าหมานได้สี่หมื่นนาย สามหมื่นในนั้นตายเพราะแรงระเบิด นี่คือข้อได้เปรียบของพวกเรา”

“ท่านแม่ทัพ ขอระเบิดจากท่านเทพเพิ่มได้หรือไม่? ระเบิดนี้เป็นกุญแจสำคัญให้กองทัพเราชนะโดยสูญเสียน้อยลง”

จ้านเฉิงอิ้น
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 64

    วันนี้ผู้อาวุโสมู่พาลูกศิษย์มาด้วยสองคน ยังดูวัยรุ่นกันอยู่ผู้อาวุโสมู่เห็นเย่มู่มู่ผมฟู อยู่ในชุดนอน ดูยังไม่ตื่นเต็มตา “ผมมาเช้าไปหน่อย เมื่อคืนคุณนอนดึกเหรอครับ?”เย่มู่มู่หาวหวอด “ฉันนอนดึกไปหน่อย ไม่ใช่ความผิดของคุณหรอกค่ะ” ยากที่จะเห็นผู้อาวุโสมู่แต่งตัวค่อนข้างเป็นทางการ กวาดตามองสวนของบ้านเย่มู่มู่ มันเต็มไปด้วยวัชพืช กุหลาบไม่ได้ลิดกิ่ง อดบ่นเหมือนคนแก่ไม่ได้ “ทำไมไม่ดูแลสวนเลย ดูสิต้นหญ้าสูงกว่าดอกไม้หมดแล้ว”“ฉันยุ่งมาก ไม่มีเวลาเลยค่ะ”เธอเชิญผู้อาวุโสมู่เข้ามาในห้องรับแขก จากนั้นก็เดินขึ้นชั้นบนเพื่อหยิบจานกระเบื้องลงมาชั้นล่าง ผู้อาวุโสมู่และลูกศิษย์ทั้งสองกำลังนั่งยอง ๆ อยู่หน้าแจกัน เพื่อศึกษาผู้อาวุโสมู่ถือแว่นขยายอยู่ด้วยเย่มู่มู่แอบพึมพำ “ซวยแล้ว ลืมซ่อนแจกันจนได้”เธอยกจานกระเบื้องลงมาที่ชั้นหนึ่ง ผู้อาวุโสมู่ถามว่า “คุณจะขายแจกันใบนี้ไหมครับ?”เย่มู่มู่ตอบ “ไม่ขายค่ะ มันเป็นมรดกตกทอดจากบรรพบุรุษ ฉันจะไม่ขายมันเด็ดขาด”ผู้อาวุโสมู่มองเธอด้วยรอยยิ้มเหมือนไม่ยิ้มไม่ขายมรดกตกทอดจากบรรพบุรุษอะไรกัน แต่ของโบราณหลายชิ้นที่เธอขายยังวางอยู่ที่บ้านเขา ช

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 65

    เย่มู่มู่ดีใจมากสังหารทหารเผ่าหมานห้าหมื่นนายภายในวันเดียว เช่นนั้นสามแสนนาย ยังเกินเอื้อมอยู่หรือ?“ท่านเทพ ครั้งนี้สามารถชนะได้ เพราะวัตถุระเบิดที่ท่านมอบให้ ทว่าศึกครั้งที่สองนี้ใช้วัตถุระเบิดเกือบหมด ท่านช่วยส่งมาเพิ่มอีกหน่อยเถิด ข้าจะไม่ใช้ให้สูญเปล่า” “มั่วฝานขอมอบเครื่องประดับหนึ่งกล่อง แลกกับวัตถุระเบิดของท่าน” กล่องไม้แกะสลักและเคลือบเงาสีแดงขนาดใหญ่ใบหนึ่งปรากฏตรงหน้าเย่มู่มู่กล่องขนาดใหญ่กว่าสามกล่องเล็กที่อยู่ในลังใหญ่ที่ได้รับเมื่อวานนี้เธอรีบเปิดมันด้วยความตื่นเต้น ภายในกล่องมีเครื่องประดับหลากหลายชนิด ทั้งทองและหยก...มีชุดเครื่องกระเบื้องเคลือบลายหงส์ครบชุดด้วยจานมีสามใบ ว่างไปหนึ่งช่อง นั่นคือจานใบที่ผู้อาวุโสมู่ซื้อไปแล้ว ชามเล็กสี่ใบ ตะเกียบทองสลักลายสี่คู่ ช้อนทองสองคัน และชามทะเลทองสองใบปิ่นระย้าประดับหงส์คาบหยกหนึ่งอัน กำไลทองประดับอัญมณีหนึ่งคู่ สร้อยคอทองคำประดับทับทิมและอัญมณีสีส้มแดงหนึ่งเส้น...มีอีกมากมาย ล้วนวางเป็นระเบียบเรียบร้อยสมบัติแต่ละชิ้นในกล่องนี้ล้วนถูกสลักด้วยคำว่าของขวัญพระราชทานในราชวงศ์เครื่องประดับบางชิ้นที่สลักลายหงส์

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 66

    “เกรงใจยิ่งนัก...”“มั่วฝานถามว่า รองเท้าหนึ่งร้อยคู่จะมาถึงเมื่อไร เขายังต้องการแท็บเล็ตและลูกอมจำนวนหนึ่งขอรับ!”รัฐทายาทน้อยเพิ่งมอบเครื่องประดับและภาชนะทองคำหนึ่งกล่องให้เธอเมื่อเช้านี้เองเป็นบุรุษที่ฟุ่มเฟือยเสียจริงคำขอเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเขา เธอย่อมตบปากรับคำเย่มู่มู่ตอบว่า “ได้สิ รองเท้า แท็บเล็ต ลูกอม จัดส่งภายในครึ่งชั่วโมง”เธอขับรถไปที่ถนนสายอิเล็กทรอนิกส์จอดรถริมถนน ลงจากรถแล้วตรงไปที่ร้านค้าออฟฟิเชียลสัญลักษณ์ผลไม้ ซื้อแท็บเล็ตสองเครื่องไปร้านออฟฟิเชียลสัญลักษณ์ดอกไม้ ซื้อแท็บเล็ตสิบเครื่อง โทรศัพท์มือถือสิบเครื่อง...ซื้อพาวเวอร์แบงค์สองหมื่นมิลลิแอมป์จำนวนยี่สิบเครื่องเนื่องจากยอดซื้อขั้นสูง ร้านค้าออฟฟิเชียลจึงแถมพัดลมพกพาห้าตัวพัดลมถือติดตัวได้ วางบนโต๊ะได้ ลมแรง และสามารถอยู่ได้นานเจ็ดชั่วโมงเมื่อชาร์จเต็มแล้วด่านเจิ้นกวนเกิดภัยแล้งหนัก อากาศร้อนอบอ้าว พัดลมจะช่วยระบายความร้อนได้เธอโบกมือสบาย ๆ ซื้อพัดลมเพิ่มอีกสิบห้าตัวซื้อไฟฉายแบบชาร์จไฟได้ยี่สิบอันซื้อเครื่องโกนหนวดแบบชาร์จไฟได้ยี่สิบเครื่องพนักงานเห็นว่าเธอใช้เงินมือเติบ ทำยอดซื้อระดับสูง

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 67

    หลัวเก๋อผู้นำทัพเผ่าหมาน ไม่ปรากฏตัวในสงครามครั้งถัดไป ตามที่เฉินอู่พูดว่า เขาถูกระเบิดตายไปแล้วหรือได้รับบาดเจ็บสาหัส อาจนอนไม่ได้สติ ประการใดก็ดีต่อกองทัพตระกูลจ้านทั้งนั้นว้าว...แท็บเล็ตหลายเครื่อง พาวเวอร์แบงค์ สายชาร์จ โซลาร์ชาร์จเจอร์ แผงไฟโซลาร์เซลล์ พัดลมพกพา เครื่องโกนหนวดไฟฟ้า โคมไฟสั่งการด้วยเสียง พัดลมพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดใหญ่นับสิบ...ทั้งหมดร่วงหล่นลงบนโต๊ะสิ่งที่สะดุดตาที่สุดคือแท็บเล็ตหลายเครื่องที่ถูกห่อแยกไว้จ้านเฉิงอิ้นเปิดหน้าจอ และเปิดบันทึกความจำ บันทึกความจำเขียนว่า “ข้าซื้อแท็บเล็ตสิบสองเครื่อง โทรศัพท์มือถือสิบเครื่อง โทรศัพท์มือถือก็เหมือนกับแท็บเล็ต แต่พกพาสะดวกกว่า”“แท็บเล็ตได้ดาวน์โหลดความรู้ทางทหารสมัยใหม่เอาไว้ สามารถเปิดการส่งข้อมูลผ่านบลูทูท เพื่อถ่ายโอนไปยังแท็บเล็ตเครื่องอื่น ๆ ”“วิธีเปิดใช้บลูทูทถ่ายโอนข้อมูล มีวิดีโอสอนอยู่”“มีแท็บเล็ตสัญลักษณ์ผลไม้เครื่องหนึ่ง มอบให้มั่วฝาน ได้ดาวน์โหลดหมากรุกหลายแบบ หมากล้อม หมากรุกห้าเม็ด... เพื่อเล่นฆ่าเวลาในยามว่างได้”“แผงไฟโซลาร์เซลล์ให้ติดตั้งไว้บนหอประตูเมืองและถนน แผงไฟโซลาร์เซลล์ค

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 68

    สายลมเย็นลอยมากระทบร่างกายของทุกคนทุกคนนั่งยอง ๆ อยู่หน้าพัดลมตั้งพื้นอย่างสงสัย อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกตะลึงจนทำตัวไม่ถูก “สิ่งนี้ล้ำสมัยเหนือธรรมชาติมาก!”“แค่ใช้แสงอาทิตย์ขับเคลื่อนก็ได้แล้ว สรุปว่าหลักการของมันคืออะไรกันแน่?”“นั่นสิ อาชากินอาหารถึงวิ่งได้ แต่เจ้าสิ่งที่เรียกพัดลมนี้ แค่โดนแสงแดดใบพัดก็หมุนได้เองแล้ว ไม่เคยได้ยินเรื่องแปลกเช่นนี้มาก่อนเลย!” “สิ่งของจากโลกของท่านเทพ น่าประหลาดใจเช่นนี้เอง”“เย็นสบายมาก ฮ่า ๆ ข้าไม่ต้องสะดุ้งตื่นกลางดึกเพราะร้อนอีกแล้ว” มั่วฝานกล่าวกับจ้านเฉิงอิ้น “เครื่องนี้ของท่าน ข้าจะเอาเครื่องของตัวเองกลับ” จากพัดลมตั้งพื้นหลายตัว เขาเลือกตัวที่ดูสมบูรณ์ที่สุด ยัดมันใส่มือของกุนซือจวงเหลียง“เลือกสิ เราทุกคนนำกลับไปติดตั้งที่จวน”เฉินขุยเห็นเขาทำท่าทางเห็นแก่ตัว จึงแกะพัดลมตั้งพื้นของตัวเอง สั่งให้ผู้ช่วยติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาหอประตูเมืองภายในห้อง พัดลมตั้งพื้นสองตัวที่ด้านหน้าและด้านหลัง กระจายลมทั่วทิศทางทุกคนได้รับการดูแลทั่วถึง เย็นสบายกันหมดสิ่งที่ท่านเทพส่งมาให้ครั้งนี้ ช่างใส่ใจมาก ล้วนจำเป็นต่อพวกเขาทั้งสิ้นไม

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 69

    คนกลุ่มหนึ่งมาถึงลานหลังจวนเหล่าหญิงปักผ้าสิบกว่าคนต่อหนึ่งกลุ่ม กำลังตัดเย็บเสื้อผ้าในลานกว้างไม่มีเก้าอี้ ทั้งหมดจึงนั่งกับพื้น ก้มหน้าก้มตาเร่งตัดเย็บเสื้อผ้าฮูหยินเฉินพาพวกเขาไปที่ห้องโกดังปลอดคน“ท่านแม่ทัพ ห้องเก็บผ้า ได้ทำความสะอาดเสร็จแล้วเจ้าค่ะ”ห้องขนาดใหญ่มาก เมื่อก่อนพ่อค้าผู้มั่งคั่งเคยใช้เก็บสินค้า“ห้องนี้ก็เพียงพอแล้ว”จ้านเฉิงอิ้นยื่นมือไปทางเถียนฉินที่อยู่ด้านหลัง รับแท็บเล็ตแล้วมอบให้ฮูหยินเฉินฮูหยินเฉินไม่รู้ว่าเหตุใด ท่านแม่ทัพจึงยื่นกระดานเล็กแผ่นหนึ่งให้นาง เฉินขุยรีบขยิบตาส่งสัญญาณให้ฮูหยินทันที นี่เป็นของดีที่ท่านเทพประทานให้ ได้รับโดยไม่ต้องร้องขอ!ฮูหยินเฉินรีบรับมันมา “ขอบคุณท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ!”จ้านเฉิงอิ้นกล่าวว่า “ข้าจะสอนเจ้าเปิดหน้าจอและปลดล็อก”เมื่อหน้าจอของกระดานดำแผ่นเล็กสว่างขึ้น นางก็เป็นอันต้องสะดุ้งตกใจ ภายในโกดังอันมืดมิด ความสว่างของแท็บเล็ตเครื่องเล็ก สว่างกว่าเชิงเทียนขนาดเล็กเสียอีก“เจ้าสิ่งนี้ น่าอัศจรรย์จริง ๆ ”จ้านเฉิงอิ้นสอนนางตั้งรหัสผ่าน และบันทึกลายนิ้วมือจากนั้นสอนให้นางเปิดวิดีโอเมื่อฮูหยินเฉินดูวิดีโอด

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 70

    เมื่อส่งของเสร็จแล้ว เธอก็ไปซื้อขนมที่ซูเปอร์มาร์เก็ตอีกครั้งมันฝรั่งแผ่นทอดกรอบ ล่าเถียว ปลาเผ็ดปรุงรส ตีนไก่ดองพริก ถั่ว ขนมปังกรอบ ลูกอมรสนมกระต่ายขาว...อมยิ้ม ช็อกโกแลต วุ้นแช่เย็น ขนมบุกหม่าล่า...เธอซื้อเต็มรถเข็นสามคันรวดพนักงานของซูเปอร์มาร์เก็ตช่วยยกของใส่ท้ายกระบะให้เธอ ยังมีรองเท้าหนึ่งร้อยคู่ที่มั่วฝานอยากได้เธอเดินเข้าร้านค้าออฟฟิเชียลร้านหนึ่ง ซื้อรองเท้าผู้ชายหกสิบคู่ โดยเลือกรองเท้าที่มีลวดลายสีสันมากที่สุด ราคาแพงที่สุดซื้อรองเท้าผู้หญิงสี่สิบคู่ โดยเลือกรองเท้าผ้าใบสวมใส่สบาย สีขาว...ซื้อถุงเท้าคละสีสองร้อยคู่เนื่องจากเย่มู่มู่ซื้อสินค้าจำนวนมาก พนักงานจึงยิ้มไม่หุบผู้จัดการร้านแถมถุงเท้าผู้หญิงหนึ่งร้อยคู่ ชุดกีฬาหนึ่งเซต กระเป๋าสะพายไหล่หนึ่งใบ กระเป๋าสะพายหลังหนึ่งใบ และรองเท้าแตะฤดูร้อนสองคู่...รถกระบะได้บรรทุกเต็มอัตราอีกครั้งเธอขับรถไปยังสถานที่ปลอดคน ทำการถ่ายโอนของในรถ เป็นอันเสร็จสิ้นภารกิจทั้งหมด เจ้าของโรงงานรองเท้าผ้าโทรหาเธอ แจ้งว่าสินค้ามาถึงเมืองของเธอแล้วสายเรียกเข้าจากโรงงานเหล็กแผ่นกันกระสุนเพิ่งดัง รถบรรทุกของพวกเขาก็ขับ

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 71

    เฉินขุยพูดไม่ทันจบบท ขนมและลูกกวาดก็ร่วงลงมารอบแจกันอีกมากมาย...ปริมาณและความหลากหลายมีมากกว่าที่ให้เด็ก ๆ เมื่อวานหางตาของเฉินขุยยังมีคราบน้ำตา ริมฝีปากกล่าวขอบคุณต่อท่านเทพมือเปิดเป็ดรมควันห่อหนึ่งและหักขาเป็ดลิ้มรสชาติโดยไม่ให้เสียเวลาจู่ ๆ รูม่านตาของเขาก็ขยายกว้าง โห อร่อยมากจริง ๆ!เขาหักขาเป็ดอีกข้างหนึ่งให้ฮูหยินทีแรกฮูหยินไม่ยอมกิน แต่เฉินขุยยัดใส่ที่มือนางนางใช้แขนเสื้อปิดปากแล้วชิมคำหนึ่งรสชาติเข้มข้น หมักด้วยเครื่องเทศหลายชนิดอร่อยมาก!เป็นรสอร่อยที่พ่อครัวหลวงแห่งแคว้นต้าฉี่ก็ไม่สามารถทำได้!อาหารมาก่อน เฉินขุยยัดเป็ดรมควันสองห่อให้ฮูหยินโดยไม่สนใจว่าจ้านเฉิงอิ้นยังอยู่ ตีนไก่ไร้กระดูกหนึ่งห่อ ไข่นกกระทาหนึ่งห่อเมื่อเห็นว่าเขากระทำการเหิมเกริม ฮูหยินรีบกล่าวห้ามแต่จ้านเฉิงอิ้นกลับพูด “ยังมีอีกมาก ให้เด็ก ๆ กินเถอะ!”เฉินขุยตะคอกฮึ่ม “ท่านเทพมอบทั้งหมดนี้ให้มั่วฝาน เมื่อวานมั่วฝานเอาลูกอมไปแล้วไม่ใช่หรือ วันนี้พวกเราเอากลับสองสามห่อ ถือว่าเท่าเทียมกัน”หลังจากพูดจบ เฉินขุยหยิบเนื้อแดดเดียว หมูแผ่น ถั่วธัญพืชอีกสองสามห่อ...ให้ฮูหยินอ้อมอกของฮูหยิ

Latest chapter

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 652

    บัดนี้ พวกเขาทุกคนกลายเป็นเชลยศึกพวกเขาทำได้เพียงอ้อนวอน ขอให้กองทัพตระกูลจ้านเมตตาปล่อยผ่าน ขอเพียงได้มื้ออาหารให้มีชีวิตรอดก็เพียงพอ!ซ่งตั๋วสั่งให้เชลยรวบรวมศพทั้งหมดมากองรวมกัน นำไปวางบนไม้แห้ง ราดน้ำมัน แล้วจุดไฟเผาขณะที่เหล่าทหารผ่านศึกต่างเหนื่อยล้า นั่งพักกระจัดกระจายเต็มพื้นสนามรบจ้านเฉิงอิ้นหยิบวิทยุสื่อสารขึ้นมา สอบถามขบวนรถ “พวกเผ่าหมานส่งกำลังมาสนับสนุนกองทัพธงเหลืองหรือไม่?”“ท่านแม่ทัพ ไม่มีขอรับ...พวกเราไม่กล้าดับเครื่องรถเลย กลัวพวกมันจะควบม้าบุกมาเล่นงานเรา แต่แปลกมาก ทั้งที่พวกมันรู้ดีว่ากองทัพธงเหลืองกำลังรบกับพวกเรา”“เสียงระเบิดดังไปไกลขนาดนั้น แต่พวกมันยังนิ่งเฉย ปล่อยให้พวกนั้นตายไปต่อหน้าต่อตา!”จ้านเฉิงอิ้นกล่าว “ข้าเข้าใจแล้ว พวกเจ้าจับตาดูต่อไป หากพวกมันบุกเข้ามา ให้ใช้ระเบิดไล่ต้อน”“รับทราบ ท่านแม่ทัพ!”จ้านเฉิงอิ้นปิดวิทยุสื่อสารก่อนหน้านี้ เขาคิดว่ากองทัพธงเหลืองกับเผ่าหมานม่อเป่ยมีพันธมิตรอันแน่นแฟ้นเมื่อชนเผ่าป่าเถื่อนจับผู้คนมากินเป็นอาหาร และสังหารประชาชนแคว้นต้าฉี่ แต่กองทัพธงเหลืองกลับทำเป็นไม่เห็นเสียอย่างนั้นแต่ดูจากสถานการณ์ตอน

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 651

    ครั้งนี้ ทันทีที่ได้ยินเสียงซ่งตั๋วประกาศคำสั่ง กองทัพธงเหลืองทั้งหมดต่างพากันทิ้งอาวุธและยอมจำนนทหารกว่าสิบหมื่นนาย นอกจากผู้ที่เสียชีวิตในสนามรบแล้ว!ที่เหลือล้วนแต่ยอมจำนน!พวกเขาคุกเข่าลงอย่างพร้อมเพรียงกัน ชูอาวุธขึ้นเหนือศีรษะ ก้มหน้าลงต่ำด้วยความพ่ายแพ้ ตามธรรมเนียมของสงครามที่ผ่านมา ผู้ที่ถูกจับเป็นเชลยจะมีเพียงสองทางเลือกถูกสังหารในที่นั้น หรือกลายเป็นทาส ใช้ชีวิตอย่างต่ำต้อยเหมือนตายทั้งเป็นแต่พวกเขาอยากเสี่ยงเดิมพัน!พวกเขาทั้งหมดเป็นชาวบ้านผู้หิวโหยที่ไม่มีทางรอด จึงมาสมัครเป็นทหารของกองทัพธงเหลืองเพราะรู้ว่าที่นี่มีเสบียงให้กิน พวกเขาจึงเข้าร่วมหากยังพอมีอาหารให้ประทังชีวิต แม้ไม่ใช่ทาส แม้ต้องลงเหมืองทำงานหนัก พวกเขาก็ยอม!ขอเพียงได้รับค่าตอบแทนตามกำหนด ได้ส่งเงินกลับไปเลี้ยงดูครอบครัวพวกเขายอมทำทุกอย่าง!ซ่งตั๋วสั่งให้ทหารผ่านศึกเข้ายึดอาวุธจากผู้ที่ยอมจำนนให้คนที่ยอมจำนนยืนเข้าแถวทีละคน เตรียมพร้อมสำหรับการตรวจนับจำนวนจ้านเฉิงอิ้นยืนอยู่กลางสมรภูมิที่เต็มไปด้วยบาดแผลแห่งสงคราม ซากศพเกลื่อนกลาดทั่วทุกหนแห่ง~ชนะแล้ว!พวกเขาชนะแล้ว!เดิมที คิดว่า

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 650

    ความมุ่งมั่นในการต่อสู้ของเขาดูเหมือนจะสลายไปหมดแล้ว เขาคุกเข่าลงกับพื้นอย่างสิ้นหวังไม่ง่ายเลยกว่าเขาจะเดินมาถึงจุดนี้!ไม่ยินยอมยิ่งนัก!ต่อให้เป็นเช่นนี้ เขาก็ยังคงไม่ยอมจำนน คำรามอย่างไม่ยอมแพ้ “ข้าไม่...”ด้านหลังของเขา ซ่งตั๋วรังเกียจที่เขาส่งเสียงดัง จึงใช้ดาบในมือฟาดเขาจนสลบ“ยุ่งยากเสียจริง!”หลีชิงกับสวีจู้กล่าวว่า “ชื่อเสียงของคนผู้นี้ไม่ได้แย่นัก เพียงแต่ไม่รู้ว่า ไยมู่ฉีซิวถึงได้มอบหมายตำแหน่งสำคัญเช่นนี้ให้กับเขา!”ซ่งตั๋วกล่าวว่า “ด้วยความภักดีของเขา สามารถรับตำแหน่งที่สำคัญของมู่ฉีซิวได้ ก็ไม่น่าประหลาดใจอันใด!”ในตอนนี้ ซ่งตั๋วขึ้นไปบนรถคันเล็กของมั่วฝาน นำลำโพงที่อยู่ตรงเบาะหลังของเขา ย้ายไปไว้ที่กระโปรงท้ายรถทั้งหมดหลังจากนั้นก็ขับรถไล่ตามไปยังทิศทางที่ทหารของกองทัพธงเหลืองหลบหนีไปไล่ตามไปด้วย ตะโกนใส่ลำโพงประกาศเสียงขนาดใหญ่ไปด้วย“ผู้ที่ยอมจำนน และมอบอาวุธจะไม่ถูกสังหาร!”“ผู้ที่หันมาพึ่งพิงกองทัพตระกูลจ้านและสร้างผลงาน ไม่มีตำแหน่งขุนนางชั้นสูง ไม่มีที่ศักดินาหนึ่งพันครัวเรือน ที่ดินอันอุดมสมบูรณ์หนึ่งพันหมู่ให้!”“ทหารกองทัพตระกูลจ้านมีอาหารวันละส

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 649

    เมื่อจ้านเฉิงอิ้นโบกมือ อากาศยานไร้คนขับขนาดเล็กจำนวนสิบลำก็ปรากฏขึ้น ด้านบนผูกดินระเบิดเอาไว้เรียบร้อยแล้วมั่วฝานควบคุมอากาศยานไร้คนขับลำหนึ่ง ลอยขึ้นไปอย่างช้า ๆ ไล่ตามไปทางที่พวกมู่ฉีซิวหลบหนีไปยิ่งไปกว่านั้นเฉินอู่ได้พาทหารผ่านศึกกลุ่มใหญ่ บุกเข้าไปในกลุ่มของกองทัพธงเหลืองเขาตะโกน “เหล่าสหาย สังหาร รถคันใหญ่ของพวกเราหนีไปแล้ว!”“อย่าปล่อยให้พวกมันหนีไปได้เป็นอันขาด!”“หากเอารถคันใหญ่มาไม่ได้ ก็ต้องเอารถยนต์คันเล็กมาให้ได้สักคัน บุก...”กองทัพธงเหลืองที่เดิมทีต่อสู้อย่างดุเดือดอยู่แนวหน้า อยู่ ๆ ก็ละทิ้งชุดเกราะกันเป็นจำนวนมากอย่างไม่มีเหตุผล ทั้งหมดวิ่งหนีไปที่ด้านหลังพวกเขายังไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นจนกระทั่งมีคนตะโกนขึ้นมา “ท่านผู้นำให้ถอยทัพ เร็วเข้า รีบถอยทัพ!”คนพวกนั้นถึงได้มีปฏิกิริยาตอบสนอง วิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิตเวลานี้กองทัพตระกูลจ้านประสมธนู หน้าไม้ราชวงศ์ฉิน และดินระเบิด...เข้าด้วยกันขวัญกำลังใจของพวกเขาเต็มเปี่ยม ทั้งหมดบุกสังหารด้วยท่าทางดุดันทหารกองทัพธงเหลืองวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิตท่านผู้นำยังหนีไปแล้ว ขวัญกำลังใจจึงลดลงไปอย่างมาก เหลือแค่เ

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 648

    จ้านเฉิงอิ้นขึ้นขี่ม้า สวมหมวกกันน็อก มือถือดาบม่อเตา แล้วขี่ออกมาเพื่อเผชิญหน้าเฉินอู่กับซ่งตั๋วตามติดอยู่ด้านหลังครั้งนี้ เหลือหน่วยกล้าตายส่วนหนึ่งไว้เพื่อปกป้องมั่วฝานมั่วฝานกล่าวว่า “พวกเจ้าไปสังหารศัตรูกันให้หมด ไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงข้า!”เขาขึ้นนั่งบนรถ และขับพุ่งเข้าไปท่ามกลางฝูงชนของกองทัพธงเหลืองการศึกในครั้งนี้ต่อสู้กันอย่างดุเดือดฝ่ายตรงข้ามมีจำนวนคนมากเกินไป พวกเขามาถึงใกล้กับเมืองหลวงแล้ว ไม่ยอมละทิ้งความมั่งคั่งที่ได้มาอย่างง่ายดายต้องการสังหารกองทัพตระกูลจ้านกองทัพตระกูลจ้านมีประสบการณ์ในการรบมากกว่ากองทัพธงเหลือง อาวุธและอุปกรณ์สวมใส่ดียิ่งกว่ากองทัพธงเหลืองอย่างไรก็ดีฝ่ายตรงข้ามมีคนจำนวนมากพวกเขาต่อสู้อย่างยากลำบาก!หน่วยปืนล่าสัตว์ถูกคุกคามอย่างต่อเนื่อง แม้แต่หน่วยหน้าไม้ราชวงศ์ฉินยังทิ้งคันธนูและศร หยิบดาบม่อเตามาต่อสู้กับศัตรู...ในเวลานี้ หวังเซิ่งคิดว่าหากต่อสู้ต่อไป กองทัพตระกูลจ้านจะร่อยหรอสองแสนคนเมื่อเทียบกับสามหมื่นคน มากมายเกินไปจริง ๆ อีกทั้ง พวกเขายังถูกโอบล้อม หากอยากฝ่าวงล้อม มีแต่ต้องสังหารกองทัพธงเหลืองให้สิ้นเท่านั้นเขามอ

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 647

    เย่มู่มู่กำลังต่อรองราคากับเจ้าของร้าน อยากจะซื้อปืนล่าสัตว์จำนวนมากเจ้าของร้านจนใจยืนยันคำเดิมอย่างหนักแน่นว่าเขาขายเพียงกระบอกเดียวเท่านั้นเย่มู่มู่เตรียมจะใช้เงินติดสิบน เพื่องัดปากเจ้าของร้านทันใดนั้นเอง ภายในสมองของนางก็ได้ยินเสียงของจ้านเฉิงอิ้นที่แฝงไปด้วยความตื้นตันอย่างชัดเจนว่า “ท่านเทพ บุญคุณในวันนี้ เฉิงอิ้นจะจดจำเอาไว้”“เฉิงอิ้นไม่มีอันใดจะตอบแทน ข้าจะสังหารศัตรูอย่างกล้าหาญ พิชิตกองทัพธงเหลืองให้ได้ และทำภารกิจนี้ให้สำเร็จ!”เมื่อเย่มู่มู่ได้ยิน ก็กอดแจกันพลางรีบวิ่งเข้าไปในรถเมื่อเจ้าของร้านเห็นดังนั้น ก็ตะโกนไล่หลังนาง “นี่ คุณยังเอาอยู่ไหม นำเข้าจากเยอรมัน นำเข้าจากรัสเซียมีหมด อานุภาพสูง จะล่าหมีก็ไม่มีปัญหา!”“รอเดี๋ยวค่ะ ฉันจะกลับมาซื้อ!”เย่มู่มู่รีบเข้าไปนั่งในรถ กอดแจกันไว้ พลางถามจ้านเฉิงอิ้นด้วยความตื่นเต้น“จ้านเฉิงอิ้น เจ้าเห็นปืนสองพันกระบอกแล้วหรือไม่?”“ขอโทษด้วย ข้าสามารถซื้อมาได้เพียงเท่านี้ เจ้าของร้านเกรงว่าจะถูกตรวจสอบ ไม่ว่าอย่างไรก็ขายให้ข้าได้เพียงเท่านี้!”ภายในแจกัน เสียงแหบและทุ้มต่ำจากสองพันปีก่อนดังออกมา“ท่านเทพ บุญคุณใหญ่หลว

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 646

    ชนทหารกองทัพธงเหลืองที่อยู่ระหว่างทางตายไปไม่น้อยกองทัพธงเหลืองที่เดิมทีถูกปลุกปั่น และกำลังเตรียมพร้อมทำศึกสงครามครั้งใหญ่ จู่ ๆ ก็มีรถกระบะเข้ามาก่อกวนแผนการของพวกเขารถคันนี้ทั้งพุ่งทั้งชนอุตลุด แล้วขับไปอยู่ที่เบื้องหน้าของกองทัพตระกูลจ้าน จนเศษฝุ่นลอยขึ้นมาเดิมทีกองทัพตระกูลจ้านต่างก็ดึงสายหน้าไม้ราชวงศ์ฉินเพื่อเตรียมพร้อม เมื่อเห็นว่ารถกระบะขับเข้ามา ทั้งหมดก็หยุดการเคลื่อนไหวการเผชิญหน้ากันของกองทัพทั้งสองถูกทำลายลงโดยรถยนต์คันหนึ่งมั่วฝานขับรถมาอยู่ตรงหน้ากองทัพตระกูลจ้าน และเหยียบเบรกอย่างรวดเร็วจากนั้น เขาก็เปิดประตูรถ ใช้เสื้อคลุมยาวห่อแจกันเอาไว้ แล้วมาอยู่ตรงหน้าของจ้านเฉิงอิ้น“ปืน ท่านเทพส่งปืนล่าสัตว์มาสองพันกระบอก กระสุนปืนห้าร้อยกล่อง...”เฉินอู่ ซ่งตั๋ว แม้กระทั่งหวังเซิ่งและคนอื่น ๆ ต่างก็ได้ยินคำพูดของมั่วฝาน!“ปะ ปืนล่าสัตว์สองพันกว่ากระบอกงั้นหรือ?”“กระสุนปืนห้าร้อยกล่อง?”“ปืนล่าสัตว์นี้มีอานุภาพในการสังหารรุนแรงมาก ท่านเทพนำมาให้มากมายถึงเพียงนี้เชียวหรือ?”มั่วฝานกล่าวว่า “นางรู้ว่ากองทัพตระกูลจ้านกำลังเผชิญหน้ากับเผ่าหมานสองแสนคน และกองทัพธง

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 645

    “ว้าว...”“รถบรรทุกขนาดใหญ่ นี่มันรถบรรทุกขนาดใหญ่เชียวนะ!”กองทัพตระกูลจ้านระเบิดเสียงโห่ร้องออกมาด้วยความดีใจทุกคนกระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุขทหารผ่านศึกจำนวนไม่น้อยดีใจถึงขนาดกระโดดโลดเต้น!พวกเขานั่งรถบรรทุก โคลงเคลงตลอดทางมาถึงที่นี่หลายคนคิดว่าหากตนเองมีรถบรรทุกเช่นนี้สักหนึ่งคันจะดีสักเพียงใดรถบรรทุกมีโครงใหญ่ ล้อใหญ่ วิ่งได้หนึ่งพันลี้ต่อวัน!อีกทั้งรถคันนี้มีคุณภาพสมน้ำสมเนื้อ จอดห่างออกไปไม่กี่ลี้ไม่เหมือนกับคำมั่นลม ๆ แล้ง ๆ ของมู่ฉีซิว ขุนนางชั้นสูงอันใดกัน?นั่นก็ต้องก่อการกบฏให้สำเร็จ สังหารฮ่องเต้ กำจัดขุนนาง ยึดเอาแผ่นดินต้าฉี่มาให้ได้!รางวัลที่ท่านแม่ทัพใหญ่ให้เป็นสิ่งที่มีอยู่จริง ไม่ผิดสัญญาแม้แต่ครั้งเดียวและ มู่ฉีซิวแห่งกองทัพธงเหลือง ตลอดมาก็อาศัยคำมั่นที่ให้กับทหาร วาดฝันให้กับทุกคน ถึงเดินมาถึงจุดนี้ได้หากพวกเขาสนับสนุนให้มู่ฉีซิวขึ้นสู่บัลลังก์ แล้วคำมั่นที่เขาให้ไม่มีทางเป็นจริงได้เขาก็จะยิ่งประสบกับการแว้งกัดที่รุนแรงยิ่งขึ้น!ตอนนี้ทุกหนทุกแห่งกำลังประสบทุพภิกขภัย ต่อให้ท่านแม่ทัพให้ที่นาเป็นรางวัล ก็จะให้ที่นาที่มีน้ำ มีคนและที่นาเ

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 644

    กองทัพธงเหลืองจำนวนไม่น้อยหวาดกลัว พวกเขาไม่เพียงแต่ไม่กล้าพุ่งมาข้างหน้าเท่านั้น ซ้ำยังล่าถอยกันอย่างต่อเนื่องด้วยเมื่อมู่ฉีซิวเห็นฉากดังกล่าว ก็ยกโล่ขึ้นมาอย่างโกรธแค้น พลางตะโกนอย่างควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ว่า “ฆ่าให้หมด สังหารกองทัพตระกูลจ้านให้สิ้น!” “พวกมันมีเพียงแค่สามหมื่นคน พวกเรามีสองแสนคน ต่อให้พวกมันมีปืน แล้วอย่างไรเล่า? พวกมันต้องใช้เวลาในการบรรจุลูกกระสุนปืน ตราบใดที่เร็วพอ โจมตีในระยะประชิดพวกมันก็จะไม่มีเวลาบรรจุลูกกระสุนและยิงปืน”ทว่าเหล่าทหารไม่เข้าใจหลักการของปืนถึงแม้ไม่ได้ล่าถอยต่อไป แต่ก็ไม่มีผู้ใดกล้าบุกไปยังเบื้องหน้าของกองทัพตระกูลจ้านเพราะพวกเขารู้ว่าผู้ใดที่ยื่นหน้าออกมา จะต้องถูกสังหารอย่างแน่นอนในมุมมองของพวกเขา ยังไม่ทันได้สัมผัสเสื้อผ้าของฝ่ายตรงข้าม ก็ถูกฆ่าตายเสียแล้ววิธีการตายเช่นนี้น่าคับข้องใจยิ่งนัก!เนื่องจากทหารกลัวตาย มู่ฉีซิวจึงตะโกนออกไปอย่างมีโทสะว่า “ผู้ใดสังหารกองทัพตระกูลจ้านได้หนึ่งคน ตกรางวัลข้าวโพดหนึ่งกระสอบ สังหารสองคน บุกเข้าไปในวังหลวง ตกรางวัลเป็นทาสสองคน!” “ผู้ที่สังหารกองทัพตระกูลจ้านได้ห้าคนขึ้นไป จะได้เป็นนายกอง และ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status