ภายในกระโจมของจ้านเฉิงอิ้น เฉินขุย เฉินอู่ ซ่งตั๋ว มั่วฝาน เฉินจวิ้นหลิน จวงเหลียง...ทุกคนกำลังกินไอศกรีมกันอยู่มั่วฝานมือซ้ายถือไอศกรีมรสชาติหนึ่ง มือขวาถือไอศกรีมอีกรสชาติหนึ่ง ยังไม่พอ ไม่คิดเลยว่าในอ้อมอกยังหอบไว้อีกหนึ่งกล่อง“อร่อย เย็น เนื้อเนียนละเอียด หอมหวาน นุ่ม มิหนำซ้ำยังมีรสชาติของนมเข้มข้นอีกด้วย ของกินในโลกของท่านเทพดีกว่าที่วังของแคว้นต้าฉี่เยอะ!”เฉินขุยเอ่ยผสมโรง “นั่นน่ะสิ? ครัวหลวงในวังทำไอศกรีมออกมาไม่ได้ ช่างหอมหวานเย็นชื่นใจยิ่งนัก กินไปครู่หนึ่งก็ทำให้รู้สึกเย็นไปทั่วทั้งร่าง หากของเลิศรสเช่นนี้ขายในเมืองหลวง ไม่นานได้ถูกขุนนางสูงศักดิ์ปล้นไปแน่ ๆ!”เฉินอู่กินหมดหนึ่งอันอย่างอาลัยอาวรณ์ รสชาติของไอศกรีมยังติดอยู่ที่ลิ้นเขาไม่เจือจาง“ท่านแม่ทัพ ข้าอยากเอาไปให้พวกลูก ๆ สักอัน ได้หรือไม่?”จ้านเฉิงอิ้นล้วงออกมาหนึ่งกล่อง แล้วส่งให้เฉินอู่ “เอาไปสิ”เฉินอู่รับไปทั้งดีใจออกหน้าออกตา “ขอบคุณขอรับท่านแม่ทัพ!”ครั้นเฉินขุยเห็นน้องชายเขาได้ไปหนึ่งกล่อง เขาก็มองจ้านเฉิงอิ้นตาปริบ ๆลูกบ้านเขาเยอะ ต้องชอบเช่นกันแน่ ๆแต่ก็ไม่สามารถเอ่ยปากขอเหมือนอย่างเฉินอู่
ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาได้รู้จักอานุภาพของหน้าไม้ราชวงศ์ฉินอีกครั้งแล้วในพวกเขาห้าหมื่นคน มีหนึ่งหมื่นคนที่ติดตั้งหน้าไม้ราชวงศ์ฉิน ทว่ายังไม่มีเวลาฝึกซ้อมก็ต้องเดินทางตามท่านแม่ทัพใหญ่กลับเมืองหลวงแล้วฉะนั้นพวกเขาจึงไม่รู้ว่าอานุภาพของหน้าไม้ราชวงศ์ฉินนั้นมันร้ายแรงเพียงใดเมื่อคืนโจรขี่ม้าออกปล้นลอบโจมตี พวกเขาห้าหมื่นคนล้วนปกป้องครอบครัวอยู่ตรงที่เดิมเป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นว่ากองทัพตระกูลจ้านทำสงครามอย่างไรทุกคนต่างถูกทำให้ตกตะลึงเป็นอย่างยิ่งระลอกแรกที่โจรขี่ม้าออกปล้นเข้าโจมตี พวกเขาขี่รถยนต์ไปชนม้าก่อนโจรขี่ม้าออกปล้นที่เข้ามาโจมตีพลันสลายกองกำลัง ตกใจจนวิ่งหนีแตกกระเจิงขบวนถูกตีแตก ความน่าเกรงขามถูกบดขยี้เหลือเพียงวิ่งหนีสุดชีวิตหากอยู่ในสนามรบนี่คือสิ่งต้องห้าม ต้องมีจุดจบด้วยความพ่ายแพ้อย่างแน่นอนระลอกที่สองใช้หน้าไม้ราชวงศ์ฉิน พวกเขาถึงได้รู้ว่า ที่แท้หน้าไม้ราชวงศ์ฉินก็ยิงได้ไกลเช่นนี้อย่างไกลยิงได้หนึ่งกิโลเมตร ใกล้ที่สุดก็มีหกร้อยเมตรแม้โจรขี่ม้าออกปล้นจะวิ่งหนี ทว่าไม่สามารถหนีพ้นระยะยิงของหน้าไม้ราชวงศ์ฉินได้ในช่วงเวลาเพียงสั้น ๆ ยิ่งไปกว่านั
หลังเย่มู่มู่เลี้ยงอาหารจ้านเฉิงอิ้นเสร็จ ก็ได้รับสายของลู่ฉีหยางรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยเขาบอกว่าจะมาตอนสิบโมงเช้า ตอนนี้อีกหนึ่งชั่วโมงกว่าจะสิบโมงเช้าแล้วเย่มู่มู่หวีผมล้างหน้าแต่งตัวง่าย ๆ แต่งหน้าบาง ๆ แล้วเดินไปยังโรงจอดรถ ก่อนจะขับรถบรรทุกคันน้อยออกจากประตูไปอย่างเคยชินครั้นขับลงจากเขาไปเธอถึงพลันตระหนักขึ้นได้ว่า รถที่เธอขับมาในวันนี้คือรถบรรทุกคันน้อย!ไปรับคุณชายน้อยที่ถูกจัดอันดับอยู่ในนักธุรกิจห้าร้อยอันดับแรกรู้สึกเคอะเขินอยู่นิดหน่อย!เย่มู่มู่เองก็ขี้เกียจจะกลับไปเปลี่ยนรถสปอร์ตแล้ว จึงไปรับเขาที่สนามบินเลยหลังถึงสนามบิน เครื่องบินดีเลย์สี่สิบนาทีเย่มู่มู่ติดต่อเพื่อนร่วมเรียนในคลาสเรียนก่อนหน้านี้ คนที่ชอบพูดซุบซิบนินทาคนนั้นเธอค่อนข้างคุ้นชื่อลู่ฉีหยางเป็นอย่างดี เพราะในคลาสเรียนมีเพื่อนร่วมเรียนหญิงคนหนึ่ง เป็นแฟนคลับตัวยงของลู่ฉีหยางราวกับรับผิดชอบหน้าที่อะไรสักอย่างในองค์การนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยเธอถามเพื่อนร่วมชั้นหญิงในกลุ่ม “ใครรู้จักลู่ฉีหยางบ้าง?”เพื่อนร่วมเรียนที่อยู่หอข้าง ๆ กัน คิดว่าเย่มู่มู่เองก็เป็นแฟนคลับของลู่ฉีหยางเช่นกัน จึงตอบทักทา
“เยี่ยมเลย!”พวกเขาเดินไปยังลานจอดรถด้วยกัน รถบรรทุกคันน้อยคันหนึ่งจอดอยู่ข้างบรรดารถเล็กอย่างโดดเด่นข้าง ๆ ยังเป็นซูเปอร์คาร์ที่ราคาไม่ธรรมดาอีกสองคันทีแรกลู่ฉีหยางคิดว่ารถของเย่มู่มู่ ต้องเป็นเฟอร์รารีสีแดงแน่นอนสุดท้ายเห็นเธอเดินไปข้างรถบรรทุกคันน้อย จากนั้นก็เปิดประตูแล้วฉีกยิ้มเชิญเขาขึ้นรถทันใดนั้น ลู่ฉีหยางจำต้องกลายเป็นหินไปสองวินาทีเขามองนาฬิกาข้อมือที่เย่มู่มู่สวมใส่อยู่บนข้อมืออีกครั้ง เป็นริชาร์ด มิลล์สำหรับผู้หญิงรุ่นลิมิติดอิดิชันที่มีไม่กี่เรือนบนโลก ราคามากกว่ายี่สิบห้าล้าน!ทว่ารถบรรทุกคันน้อย ไม่มีกระทั่งป้ายทะเบียน ไม่แน่ว่าจะราคาเพียงสองแสนห้าเขาฉีกยิ้มอย่างอ่อนโยนพลางเอ่ย “มู่มู่ น้องถ่อมตัวเกินไปหน่อยหรือเปล่า!”หลังเย่มู่มู่เชิญเขาขึ้นรถอย่างเคอะเขิน ก็ขับรถไปยังร้านอาหารที่มีชื่อเสียงที่สุดในท้องที่เธอจองห้องรับรองเอาไว้ล่วงหน้าก่อนที่อาหารจะมาเสิร์ฟ ลู่ฉีหยางส่งของขวัญแสนประณีตให้เธอชิ้นหนึ่งทีแรกเย่มู่มู่ไม่อยากรับ ทว่าลู่ฉีหยางเอ่ยขึ้นว่า “รับไปเถอะ ไม่แน่ว่าสองสามวันนี้ยังต้องรบกวนน้องอีก!”หลังเย่มู่มู่รับมา ลู่ฉีหยางก็เอ่ยขึ้นอีกว่า “
เมื่อฟ้ามืด จ้านเฉิงอิ้นให้เซี่ยเวยนำกำลังพลห้าหมื่นเฝ้าอยู่ข้าง ๆ คนในครอบครัวไม่เพียงแค่คนในครอบครัว สิ่งสำคัญคือเฝ้ารักษาเสบียงยี่สิบคันและน้ำมันยี่สิบคัน…เมื่อความมืดมาเยือน ทรายเหลืองพัดเสียงดังพรึ่บภายใต้แสงจันทร์ที่ยังส่องสว่าง จ้านเฉิงอิ้นกับเฉินขุยแบ่งกำลังพลเป็นสองฝั่ง ควบม้าใช้ทางอ้อม กำจัดทหารสะกดรอยตามหนึ่งหมื่นคนของชนเผ่าหมานได้จนเสร็จสิ้นพวกเขาแน่ใจกับตำแหน่งชนเผ่าหมาน แล้วจึงเคลื่อนพลอ้อมทางไกล จู่โจมจากค่ายประจำการของกำลังพลหนึ่งหมื่นเนื่องจากนำกำลังพลออกมาสี่หมื่น จึงโจมตีทหารเผ่าหมานได้หนึ่งหมื่นกว่าคนครั้นพบค่ายประจำการของชนเผ่าหมานและทำการซ่อนตัวใกล้ ๆ แล้วทันใดนั้น สัญญาณเตือนอันหนึ่งแตกระเบิดกลางท้องฟ้าอันมืดมิดกองทัพตระกูลจ้านเคลื่อนไหวแล้ว พวกเขาโจมตีจากสองด้าน โดยใช้หน้าไม้ราชวงศ์ฉินกำจัดคนครึ่งหนึ่งก่อนจ้านเฉิงอิ้นนำกำลังพลบุกเข้าไปเมื่ออุปกรณ์สวมใส่ของชนเผ่าหมานปะทะกับกองทัพตระกูลจ้าน มันไม่อาจให้การป้องกันได้เลยด้วยซ้ำถึงแม้ทักษะการยิงระหว่างขี่ม้าเก่งกาจก็ทำได้เพียงหลบหนี แต่ก็กลับถูกพลยิงหนูหน้าไม้ราชวงศ์ฉินที่ล้อมชั้นนอกสุดยิงตายพ
จ้านเฉิงอิ้นกล่าว “อืม ไปเรียกซื่อเมิ่งมาช่วยให้พวกเขาหลุดพ้นเถอะ”“ขอรับ!”กองทัพตระกูลจ้านมีคนมาก พวกเขาเก็บกระดูกในบ้านในเรือนออกมาทุกหลังฝังไว้ตรงพื้นที่โล่งหน้าประตูเมืองทั้งหมดนักพรตประกอบพิธีช่วยให้หลุดพ้น พลทหารเผากระดาษเงินและจุดธูปสามดอกหน้าหลุมศพแต่ละหลุมของพวกเขาท่านเทพเป็นผู้ส่งกระดาษเงินมาให้ มีชื่อเรียกว่าลู่ลู่ทง บนกระดาษพิมพ์ลายจักรพรรดิหยกผู้เกรียงไกร…กระดาษเงินหนาปึก น่าจะมีใช้เหลือเฟือหลังจากเผากระดาษเงินเสร็จ บรรยากาศอึมครึมข้างในเมืองจึงบรรเทาลงไปบ้างพวกเขาออกจากเมืองและพบถ้ำแห่งหนึ่ง ตั้งใจจะเข้าไปพักด้านในครั้งนี้ไม่จำเป็นต้องกางกระโจมจ้านเฉิงอิ้นยืนอยู่ทางเข้าถ้ำ สวี่หมิงกางกระโจมให้เขาหนึ่งหลังเพิ่งเข้ามาข้างในกระโจม เย่มู่มู่ก็ส่งกระดาษข้อความมาให้ “พวกเจ้ายังเหลืออีกกี่วันจะถึงช่องเขาเป้าเสีย?”“หกวัน ถ้าเดินเร็ว ไม่ถึงหกวัน!”“มั่นใจหรือว่าพวกเขาจะซุ่มโจมตี?”“ขอรับ ก่อนจะถึงด่านถงกวน ช่องเขาเป้าเสียเป็นสถานที่อันตรายเพียงแห่งเดียว เพราะว่าที่แห่งนี้ สวีหวยไม่ยอมให้กำลังพลหนึ่งแสนต้องเสี่ยงอันตราย ครั้นได้รับคำขอช่วยเหลือจากกองทัพตระก
หลังจากพ่อแม่ตายไป เย่มู่มู่ก็ใช้ชีวิตอย่างเลอะ ๆ เลือน ๆ มาตลอดจึงไม่ได้สังเกตเห็นแต่แรกว่าในบ้านมีสิ่งของเพิ่มขึ้นมาโดยไร้สาเหตุยกตัวอย่างเช่นบางครั้งก็เป็นกระดาษเหลืองโบราณที่เขียนรายงานเกี่ยวกับการรบ ภัยแล้งและทุพภิกขภัยด้วยอักษรตัวเต็มบางคราก็เป็นเศษชามกระเบื้องเก่า ๆ ที่แตกไปครึ่งหนึ่งมีหนหนึ่งที่จู่ ๆ ในบ้านก็มีเศษดาบเปื้อนเลือดปรากฏขึ้นมาเธอถึงได้ค้นพบด้วยความตกอกตกใจ นึกว่าในบ้านมีผีแล้วเสียอีก!วันนี้ตอนกลางวันแสก ๆ ในบ้านอยู่ดี ๆ ก็มีเสื้อชั้นในยุคโบราณเปื้อนเลือดโผล่มา เสื้อชั้นในตัวนั้นมีสีออกเหลืองเปื้อนคราบเหงื่อไคลมือเธอไปสัมผัสโดนเข้าพอดี~อ้าก~เสื้อยังอุ่นอยู่เลย!เลือดก็อุ่นเหมือนกัน!เย่มู่มู่กรีดร้องเสียงหลงด้วยความตกใจนานทีเดียว จนกระทั่งในบ้านไม่มีสิ่งของโผล่มาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยอีก เธอถึงสงบสติเย็นลงได้เย่มู่มู่หยิบเสื้อชั้นในขึ้นมาอย่างระมัดระวัง แน่ใจว่าเป็นเสื้อชั้นในแบบโบราณ เป็นของผู้ชาย เจ้าของเสื้อชั้นในตัวนี้สูงเกินหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตร ช่วงไหล่กว้างจุดที่เสื้อชั้นในปรากฏขึ้นคือ พาดอยู่บนปากแจกันดอกไม้ใบเขื่องตรงมุมห้องรับแขก
จ้านเฉิงอิ้นหันขวับไปทางนั้น แจกันเขรอะฝุ่นตรงมุมผนังมีน้ำพุ่งออกมาไม่หยุดน้ำพุ่งรุนแรงมาก สาดถูกอาภรณ์ของเขากับหมอซ่งจนเปียกชุ่มเขาผุดลุกขึ้นยืน มือสองข้างกำแน่นจนสั่นน้อย ๆ“นี่ คือน้ำงั้นรึ?”ทุกคนไม่ได้เห็นน้ำมาครึ่งค่อนปีแล้ว หมอซ่งใช้สองมือกอบน้ำมาดื่มหวานเย็นชุ่มชื้น เป็นน้ำจริง ๆ ด้วย!เขาร้องเสียงดังด้วยความพลุ่งพล่านใจ “ท่านแม่ทัพ เป็นน้ำจริง ๆ ด้วย!”เหล่าทหารในด่านเจิ้นกวนเฝ้ารอน้ำทุกวัน รอมาครึ่งค่อนปีแล้วขุดหาแหล่งน้ำใต้ดิน ขุดไปสิบกว่าบ่อ ขุดลงไปลึกเกินสามสิบจั้ง[1]แล้วก็เจอแต่ทรายเหลืองแห้ง ๆ ไม่เจอน้ำแต่อย่างใดหมอซ่งนำชามแตกเป็นรูมารองน้ำให้แม่ทัพ ประคองด้วยสองมือที่สั่นระริก“ท่านแม่ทัพ ท่านลองชิมดูสิ”จ้านเฉิงอิ้นใช้มือข้างเดียวรับมาจิบคำหนึ่ง หวานเย็นชื่นใจ เป็นน้ำสะอาดเขาดื่มรวดเดียวจนหมด!“สวรรค์ประทานน้ำอมฤต สวรรค์ไม่ได้ต้องการให้กองทัพตระกูลจ้านของข้าพินาศ!”สิ้นคำ นายทหารหลายนายก็ถลาเข้ามาด้วยความยินดี ใช้สองมือรองน้ำดื่มอึก ๆ ๆหมอซ่งรองน้ำให้แม่ทัพอีกชาม ส่งมาให้เขาดื่มนายทหารหลายนายนั้นดื่มน้ำไปพลางเอ่ยด้วยความยินดี “ท่านแม่ทัพ เทพยดาบ
จ้านเฉิงอิ้นกล่าว “อืม ไปเรียกซื่อเมิ่งมาช่วยให้พวกเขาหลุดพ้นเถอะ”“ขอรับ!”กองทัพตระกูลจ้านมีคนมาก พวกเขาเก็บกระดูกในบ้านในเรือนออกมาทุกหลังฝังไว้ตรงพื้นที่โล่งหน้าประตูเมืองทั้งหมดนักพรตประกอบพิธีช่วยให้หลุดพ้น พลทหารเผากระดาษเงินและจุดธูปสามดอกหน้าหลุมศพแต่ละหลุมของพวกเขาท่านเทพเป็นผู้ส่งกระดาษเงินมาให้ มีชื่อเรียกว่าลู่ลู่ทง บนกระดาษพิมพ์ลายจักรพรรดิหยกผู้เกรียงไกร…กระดาษเงินหนาปึก น่าจะมีใช้เหลือเฟือหลังจากเผากระดาษเงินเสร็จ บรรยากาศอึมครึมข้างในเมืองจึงบรรเทาลงไปบ้างพวกเขาออกจากเมืองและพบถ้ำแห่งหนึ่ง ตั้งใจจะเข้าไปพักด้านในครั้งนี้ไม่จำเป็นต้องกางกระโจมจ้านเฉิงอิ้นยืนอยู่ทางเข้าถ้ำ สวี่หมิงกางกระโจมให้เขาหนึ่งหลังเพิ่งเข้ามาข้างในกระโจม เย่มู่มู่ก็ส่งกระดาษข้อความมาให้ “พวกเจ้ายังเหลืออีกกี่วันจะถึงช่องเขาเป้าเสีย?”“หกวัน ถ้าเดินเร็ว ไม่ถึงหกวัน!”“มั่นใจหรือว่าพวกเขาจะซุ่มโจมตี?”“ขอรับ ก่อนจะถึงด่านถงกวน ช่องเขาเป้าเสียเป็นสถานที่อันตรายเพียงแห่งเดียว เพราะว่าที่แห่งนี้ สวีหวยไม่ยอมให้กำลังพลหนึ่งแสนต้องเสี่ยงอันตราย ครั้นได้รับคำขอช่วยเหลือจากกองทัพตระก
เมื่อฟ้ามืด จ้านเฉิงอิ้นให้เซี่ยเวยนำกำลังพลห้าหมื่นเฝ้าอยู่ข้าง ๆ คนในครอบครัวไม่เพียงแค่คนในครอบครัว สิ่งสำคัญคือเฝ้ารักษาเสบียงยี่สิบคันและน้ำมันยี่สิบคัน…เมื่อความมืดมาเยือน ทรายเหลืองพัดเสียงดังพรึ่บภายใต้แสงจันทร์ที่ยังส่องสว่าง จ้านเฉิงอิ้นกับเฉินขุยแบ่งกำลังพลเป็นสองฝั่ง ควบม้าใช้ทางอ้อม กำจัดทหารสะกดรอยตามหนึ่งหมื่นคนของชนเผ่าหมานได้จนเสร็จสิ้นพวกเขาแน่ใจกับตำแหน่งชนเผ่าหมาน แล้วจึงเคลื่อนพลอ้อมทางไกล จู่โจมจากค่ายประจำการของกำลังพลหนึ่งหมื่นเนื่องจากนำกำลังพลออกมาสี่หมื่น จึงโจมตีทหารเผ่าหมานได้หนึ่งหมื่นกว่าคนครั้นพบค่ายประจำการของชนเผ่าหมานและทำการซ่อนตัวใกล้ ๆ แล้วทันใดนั้น สัญญาณเตือนอันหนึ่งแตกระเบิดกลางท้องฟ้าอันมืดมิดกองทัพตระกูลจ้านเคลื่อนไหวแล้ว พวกเขาโจมตีจากสองด้าน โดยใช้หน้าไม้ราชวงศ์ฉินกำจัดคนครึ่งหนึ่งก่อนจ้านเฉิงอิ้นนำกำลังพลบุกเข้าไปเมื่ออุปกรณ์สวมใส่ของชนเผ่าหมานปะทะกับกองทัพตระกูลจ้าน มันไม่อาจให้การป้องกันได้เลยด้วยซ้ำถึงแม้ทักษะการยิงระหว่างขี่ม้าเก่งกาจก็ทำได้เพียงหลบหนี แต่ก็กลับถูกพลยิงหนูหน้าไม้ราชวงศ์ฉินที่ล้อมชั้นนอกสุดยิงตายพ
“เยี่ยมเลย!”พวกเขาเดินไปยังลานจอดรถด้วยกัน รถบรรทุกคันน้อยคันหนึ่งจอดอยู่ข้างบรรดารถเล็กอย่างโดดเด่นข้าง ๆ ยังเป็นซูเปอร์คาร์ที่ราคาไม่ธรรมดาอีกสองคันทีแรกลู่ฉีหยางคิดว่ารถของเย่มู่มู่ ต้องเป็นเฟอร์รารีสีแดงแน่นอนสุดท้ายเห็นเธอเดินไปข้างรถบรรทุกคันน้อย จากนั้นก็เปิดประตูแล้วฉีกยิ้มเชิญเขาขึ้นรถทันใดนั้น ลู่ฉีหยางจำต้องกลายเป็นหินไปสองวินาทีเขามองนาฬิกาข้อมือที่เย่มู่มู่สวมใส่อยู่บนข้อมืออีกครั้ง เป็นริชาร์ด มิลล์สำหรับผู้หญิงรุ่นลิมิติดอิดิชันที่มีไม่กี่เรือนบนโลก ราคามากกว่ายี่สิบห้าล้าน!ทว่ารถบรรทุกคันน้อย ไม่มีกระทั่งป้ายทะเบียน ไม่แน่ว่าจะราคาเพียงสองแสนห้าเขาฉีกยิ้มอย่างอ่อนโยนพลางเอ่ย “มู่มู่ น้องถ่อมตัวเกินไปหน่อยหรือเปล่า!”หลังเย่มู่มู่เชิญเขาขึ้นรถอย่างเคอะเขิน ก็ขับรถไปยังร้านอาหารที่มีชื่อเสียงที่สุดในท้องที่เธอจองห้องรับรองเอาไว้ล่วงหน้าก่อนที่อาหารจะมาเสิร์ฟ ลู่ฉีหยางส่งของขวัญแสนประณีตให้เธอชิ้นหนึ่งทีแรกเย่มู่มู่ไม่อยากรับ ทว่าลู่ฉีหยางเอ่ยขึ้นว่า “รับไปเถอะ ไม่แน่ว่าสองสามวันนี้ยังต้องรบกวนน้องอีก!”หลังเย่มู่มู่รับมา ลู่ฉีหยางก็เอ่ยขึ้นอีกว่า “
หลังเย่มู่มู่เลี้ยงอาหารจ้านเฉิงอิ้นเสร็จ ก็ได้รับสายของลู่ฉีหยางรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยเขาบอกว่าจะมาตอนสิบโมงเช้า ตอนนี้อีกหนึ่งชั่วโมงกว่าจะสิบโมงเช้าแล้วเย่มู่มู่หวีผมล้างหน้าแต่งตัวง่าย ๆ แต่งหน้าบาง ๆ แล้วเดินไปยังโรงจอดรถ ก่อนจะขับรถบรรทุกคันน้อยออกจากประตูไปอย่างเคยชินครั้นขับลงจากเขาไปเธอถึงพลันตระหนักขึ้นได้ว่า รถที่เธอขับมาในวันนี้คือรถบรรทุกคันน้อย!ไปรับคุณชายน้อยที่ถูกจัดอันดับอยู่ในนักธุรกิจห้าร้อยอันดับแรกรู้สึกเคอะเขินอยู่นิดหน่อย!เย่มู่มู่เองก็ขี้เกียจจะกลับไปเปลี่ยนรถสปอร์ตแล้ว จึงไปรับเขาที่สนามบินเลยหลังถึงสนามบิน เครื่องบินดีเลย์สี่สิบนาทีเย่มู่มู่ติดต่อเพื่อนร่วมเรียนในคลาสเรียนก่อนหน้านี้ คนที่ชอบพูดซุบซิบนินทาคนนั้นเธอค่อนข้างคุ้นชื่อลู่ฉีหยางเป็นอย่างดี เพราะในคลาสเรียนมีเพื่อนร่วมเรียนหญิงคนหนึ่ง เป็นแฟนคลับตัวยงของลู่ฉีหยางราวกับรับผิดชอบหน้าที่อะไรสักอย่างในองค์การนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยเธอถามเพื่อนร่วมชั้นหญิงในกลุ่ม “ใครรู้จักลู่ฉีหยางบ้าง?”เพื่อนร่วมเรียนที่อยู่หอข้าง ๆ กัน คิดว่าเย่มู่มู่เองก็เป็นแฟนคลับของลู่ฉีหยางเช่นกัน จึงตอบทักทา
ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาได้รู้จักอานุภาพของหน้าไม้ราชวงศ์ฉินอีกครั้งแล้วในพวกเขาห้าหมื่นคน มีหนึ่งหมื่นคนที่ติดตั้งหน้าไม้ราชวงศ์ฉิน ทว่ายังไม่มีเวลาฝึกซ้อมก็ต้องเดินทางตามท่านแม่ทัพใหญ่กลับเมืองหลวงแล้วฉะนั้นพวกเขาจึงไม่รู้ว่าอานุภาพของหน้าไม้ราชวงศ์ฉินนั้นมันร้ายแรงเพียงใดเมื่อคืนโจรขี่ม้าออกปล้นลอบโจมตี พวกเขาห้าหมื่นคนล้วนปกป้องครอบครัวอยู่ตรงที่เดิมเป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นว่ากองทัพตระกูลจ้านทำสงครามอย่างไรทุกคนต่างถูกทำให้ตกตะลึงเป็นอย่างยิ่งระลอกแรกที่โจรขี่ม้าออกปล้นเข้าโจมตี พวกเขาขี่รถยนต์ไปชนม้าก่อนโจรขี่ม้าออกปล้นที่เข้ามาโจมตีพลันสลายกองกำลัง ตกใจจนวิ่งหนีแตกกระเจิงขบวนถูกตีแตก ความน่าเกรงขามถูกบดขยี้เหลือเพียงวิ่งหนีสุดชีวิตหากอยู่ในสนามรบนี่คือสิ่งต้องห้าม ต้องมีจุดจบด้วยความพ่ายแพ้อย่างแน่นอนระลอกที่สองใช้หน้าไม้ราชวงศ์ฉิน พวกเขาถึงได้รู้ว่า ที่แท้หน้าไม้ราชวงศ์ฉินก็ยิงได้ไกลเช่นนี้อย่างไกลยิงได้หนึ่งกิโลเมตร ใกล้ที่สุดก็มีหกร้อยเมตรแม้โจรขี่ม้าออกปล้นจะวิ่งหนี ทว่าไม่สามารถหนีพ้นระยะยิงของหน้าไม้ราชวงศ์ฉินได้ในช่วงเวลาเพียงสั้น ๆ ยิ่งไปกว่านั
ภายในกระโจมของจ้านเฉิงอิ้น เฉินขุย เฉินอู่ ซ่งตั๋ว มั่วฝาน เฉินจวิ้นหลิน จวงเหลียง...ทุกคนกำลังกินไอศกรีมกันอยู่มั่วฝานมือซ้ายถือไอศกรีมรสชาติหนึ่ง มือขวาถือไอศกรีมอีกรสชาติหนึ่ง ยังไม่พอ ไม่คิดเลยว่าในอ้อมอกยังหอบไว้อีกหนึ่งกล่อง“อร่อย เย็น เนื้อเนียนละเอียด หอมหวาน นุ่ม มิหนำซ้ำยังมีรสชาติของนมเข้มข้นอีกด้วย ของกินในโลกของท่านเทพดีกว่าที่วังของแคว้นต้าฉี่เยอะ!”เฉินขุยเอ่ยผสมโรง “นั่นน่ะสิ? ครัวหลวงในวังทำไอศกรีมออกมาไม่ได้ ช่างหอมหวานเย็นชื่นใจยิ่งนัก กินไปครู่หนึ่งก็ทำให้รู้สึกเย็นไปทั่วทั้งร่าง หากของเลิศรสเช่นนี้ขายในเมืองหลวง ไม่นานได้ถูกขุนนางสูงศักดิ์ปล้นไปแน่ ๆ!”เฉินอู่กินหมดหนึ่งอันอย่างอาลัยอาวรณ์ รสชาติของไอศกรีมยังติดอยู่ที่ลิ้นเขาไม่เจือจาง“ท่านแม่ทัพ ข้าอยากเอาไปให้พวกลูก ๆ สักอัน ได้หรือไม่?”จ้านเฉิงอิ้นล้วงออกมาหนึ่งกล่อง แล้วส่งให้เฉินอู่ “เอาไปสิ”เฉินอู่รับไปทั้งดีใจออกหน้าออกตา “ขอบคุณขอรับท่านแม่ทัพ!”ครั้นเฉินขุยเห็นน้องชายเขาได้ไปหนึ่งกล่อง เขาก็มองจ้านเฉิงอิ้นตาปริบ ๆลูกบ้านเขาเยอะ ต้องชอบเช่นกันแน่ ๆแต่ก็ไม่สามารถเอ่ยปากขอเหมือนอย่างเฉินอู่
เมื่อคืน พวกจ้านเฉิงอิ้นเจอโจรขี่ม้าออกปล้นลอบโจมตี โชคดีที่โจรขี่ม้าออกปล้นไม่มีประสบการณ์ในการรบอะไรถูกย้อนฆ่าไปเจ็ดพันกว่าคนกองทัพตระกูลจ้านไม่ได้รับบาดเจ็บเลยสักคนเดียวเยี่ยมมาก ความอันตรายระลอกแรกผ่านไปแล้วอันที่จริงเย่มู่มู่คิดว่าโจรขี่ม้าออกปล้นเหล่านี้ตาบอดอยู่นิดหน่อย!จ้านเฉิงอิ้นคือใครกัน?เทพสงครามแห่งต้าฉี่เมื่อสองพันก่อนเลยนะ!ไม่สิ ต้องบอกว่าเป็นเทพสงครามแห่งหัวเซี่ยเขาชนะในสงครามปิดล้อมเมืองที่จำนวนคนห่างกันเป็นอย่างมาก จนเลื่องชื่อไปทั้งหัวเซี่ยโจรขี่ม้าออกปล้นกลุ่มนี้คิดไม่ตกแค่ไหน ไม่คิดเลยว่าจะลอบโจมตีเขานี่มันโยนตัวเองไปให้เขาเชือดแท้ ๆ ไม่ใช่หรือ?ในทีมของเย่มู่มู่ก็มีคนพรรค์นี้อยู่ กดทีเดียวสิบห้านัด!คริสตัลระเบิดไปเลย ช่างมัน!เย่มู่มู่เขียนจดหมายส่งให้จ้านเฉิงอิ้น “เป็นอย่างไรบ้าง? อากาศร้อนหรือไม่? พวกเจ้าตั้งค่ายที่ไหน? ปลอดภัยหรือไม่?”“ท่านเทพ ไม่ต้องเป็นกังวล ตอนนี้เราปลอดภัยดี! มีคนลาดตระเวน ตอนกลางวันเกรงว่าจะส่งจดหมายให้ท่านไม่ได้ ต้องพักผ่อนนอนหลับให้เต็มที่เพื่อเดินทาง”“ได้ เจ้าพักผ่อนให้เต็มที่ก่อนเถิด ข้าไม่รบกวนเจ้าแล้ว หากต
โจรขี่ม้าออกปล้นหนึ่งแสนกว่าคนไม่เคยเจอสถานการณ์แก้ยากเช่นนี้มาก่อน แม้จะเคยประมือกับกองกำลังของหลัวซู่มาหลายครั้งก็ตามและพวกเขาเองก็เคยได้เปรียบมาก่อนแต่ไม่คิดเลยว่าปล้นขบวนกลับเมืองหลวงของจ้านเฉิงอิ้น จะต้องมาเจอการบดขยี้ของรถยนต์ก่อนจากนั้นก็ถูกหน้าไม้ราชวงศ์ฉินยิงตามหลัง!มิหนำซ้ำยังลอบโจมตีพร้อมกับน้ำมันก๊าดอีกด้วย...หากถูกลูกศรยิง แม้นโจรขี่ม้าออกปล้นจะไม่ถึงขั้นถึงแก่ความตาย แต่ก็ถูกน้ำมันก๊าดแผดเผาจนเจ็บหนักอยู่ดีโจรขี่ม้าออกปล้นไม่น้อยล้มลงบนพื้นกลิ้งไปกลิ้งมาไม่หยุด พยายามดับไฟลูกใหญ่ที่แผดเผาอยู่ทว่านี่คือน้ำมันเบนซิน ไม่มีน้ำก็ดับไม่ได้ระหว่างที่โจรขี่ม้าออกปล้นไม่น้อยส่งเสียงกรีดร้องแสนเศร้ารันทดพลางกลิ้งไปมา การเผาไหม้ก็รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็นเถ้าถ่านโจรขี่ม้าออกปล้นที่ยังมีชีวิตอยู่ ไม่เคยเห็นคนตายอย่างน่าอนาถเช่นนี้มาก่อนพวกเขากลัวแล้ว!บางคนเกิดนึกเสียใจขึ้นมาแล้วนึกเสียใจในความวู่วามของตัวเอง เหตุใดต้องมาปล้นขบวนของจ้านเฉิงอิ้นด้วยพวกเขาไม่มีกระทั่งชุดเกราะ จะสู้จ้านเฉิงอิ้นที่มีอุปกรณ์ครบครันและทหารที่ผ่านการฝึกมาอย่างดีได้อย่างไรยิ่งไ
เขาส่งแท็บเล็ตไปให้ “มีโจรขี่ม้าออกปล้น พวกเขาล้อมพวกเราเอาไว้!”จ้านเฉิงอิ้นมองภาพที่อากาศยานไร้คนขับถ่ายได้เป็นเผ่าหมาน...แต่ไม่ใช่ทหารเบื้องล่างหลัวซู่ แม้นายทหารเผ่าหมานของหลัวซู่จะเกียจคร้าน แต่ก็ล้วนสวมใส่ชุดเกราะที่ยึดมาได้หลากหลายที่น้อยที่จะสวมเสื้อผ้าปะขาดรุ่งริ่งพร้อมถือมีดมาปล้น“โจรขี่ม้าออกปล้น?”“ใช่ ไม่ใช่เพียงแค่โจรขี่ม้าออกปล้นจากเผ่าหมาน แต่ยังมีชาวบ้านที่ใช้ชีวิตอยู่ในแคว้นฉู่ แค้วนฉีและแคว้นเยี่ยนไม่ได้อีกด้วย จำนวนคนของพวกเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ว่ากันว่ามีหนึ่งแสนกว่าคนแล้ว และยังมีคนหนุ่มอีกมากมายเข้าร่วมกองโจรขี่ม้าออกปล้นทุกวัน”“พวกเขาอยู่ในทุ่งหญ้า คิดจะชิงอำนาจปกครองของหลัวซู่อยู่หลายครั้ง ทว่าไม่สำเร็จ”“แน่นอนว่าคนกลุ่มนี้ก็ไม่ใช่คนดีเด่อะไร เข้ายึดครองทุ่งหญ้า วัว แกะและม้าของคนเลี้ยงสัตว์ เหตุใดคนมากมายถึงเข้าร่วมกับพวกเขา เนื่องจากเมื่อปล้นมาได้แล้วก็จะฆ่าม้า ฆ่าวัว ฆ่าแกะกินเนื้อ ไม่ได้เลี้ยงแกะหรือวัวก็ฆ่าคน”“ทุกที่ที่ไปถึงไม่มีใบไม้ต้นหญ้างอกงามแม้แต่ต้นเดียว”“หลัวซู่ทำลายพวกเขาไม่ได้ และทำอะไรพวกเขาไม่ได้ สองสามวันก่อนพวกเขายังไม่มา