มั่วฝานสังเกตสีหน้าของจ้านเฉิงอิ้น เขาเป็นกังวลว่าจ้านเฉิงอิ้นจะร่วมมือกับกองทัพธงเหลืองจริง ๆถึงอย่างไร ในกระบวนการทางประวัติศาสตร์จริง ๆ นั้น กองทัพธงเหลืองถึงเป็นฝ่ายที่ชนะในท้ายที่สุดในชายแดนต้าฉี่ กองทัพธงเหลืองส่งเสียงดังกระหึ่มประชาชนนับไม่ถ้วนสนับสนุนกองทัพธงเหลือง โดยหวังว่าพวกเขาจะโค่นล้มการปกครองของต้าฉี่ได้เขาเองก็รู้ดีว่า ราชวงศ์ต้าฉี่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากประชาชนแม้ไม่มีกองทัพธงเหลือง ก็จะมีกองทัพธงดำ กองทัพธงแดง...ต้าฉี่ล่มลายคือผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นแน่นอนเขาหวังเพียงว่าไทเฮาจะคิดตก และใช้ชีวิตในบั้นปลายชีวิตอย่างสงบสุขจ้านเฉิงอิ้นส่งม้วนไม้ไผ่ให้สวี่หมิง แล้วเอ่ยถามว่า “ยังไม่มีข่าวของเฉินอู่หรือ?”บรรดาทหารพากันส่ายหน้าหน่วยกล้าตายของมั่วฝานแฝงเข้าไปในกองทัพธงเหลืองตั้งนานแล้ว ยังส่งข่าวมาให้อยู่เฉินอู่พาคนสนิทขี่ม้าเร็วไป คำนวณจากระยะทางน่าจะเข้าไปในหัวเมืองที่กองทัพธงเหลืองบุกยึดแล้วเหตุใดยังไม่มีข่าวอีก?มั่วฝานเห็นเขายังไม่ตอบจดหมายที่กองทัพธงเหลืองส่งมา จึงเอ่ยปากถามขึ้นว่า“เรื่องการเชิญของกองทัพธงเหลือง ท่านคิดเห็นว่าอย่างไร?”จ้านเฉิงอ
ไปต่อไปอีก ก็เป็นอาณาเขตของเผ่าหมานแล้ว!ไปทางตะวันออกเป็นชายแดนแคว้นฉู่ไปทางใต้เป็นชายแดนแคว้นฉี่!ต้าซีเป่ยรกร้าง เป็นพื้นที่ที่มีอุณหภูมิสูงที่สุด จึงเกิดความแห้งแล้งเร็วที่สุดกองกำลังกบฏชาวนาไม่ไปแย่งชิงหัวเมืองใหญ่ หรือว่าจะโจมตีแคว้นฉู่และแคว้นฉี?จ้านเฉิงอิ้นมองกระบะทราบ จากนั้นก็จ้องแผนที่ทันใดนั้นเขาก็ถามเฉินขุยขึ้นมาว่า “ยังไม่มีข่าวเฉินอู่หรือ?”เฉินขุยเองก็ไม่รู้ว่าเฉินอู่อยู่ที่ใดคนที่เขาพาไปไม่น้อย ปลอมตัวไปสองร้อยกว่าคน ขี่มาพกน้ำ เสบียงอาหารและอาหารสัตว์ติดตัวไปด้วย ของที่พวกเขาพกไปทั้งหมด หากถูกผู้ลี้ภัยล้อมระหว่างทาง ต้องถูกปล้นอย่างแน่นอนเพียงแต่ล้วนเป็นผู้ที่ฝึกการต่อสู้ และเคยผ่านศึกใหญ่คอขาดบาดตายมาแล้วทั้งนั้นไม่แน่นอนว่าอีกฝ่ายจะสู้พวกเขาได้!ทว่าขาดการติดต่อไปเดือนเศษแล้ว เขาในฐานะพี่ใหญ่เองก็เป็นกังวลเช่นกันเหยี่ยวที่ยืมมั่วฝานไปส่งจดหมายตัวหนึ่ง ก็ยังไม่บินกลับมาเช่นกัน!ไม่ว่าอย่างไร ส่งคนขี่ม้ากลับมารายงานข่าวสักสองสามคนก็ยังดีบัดนี้บิดามารดาถูกขังอยู่ในวังน้องชายก็รู้ที่อยู่ไม่แน่ชัด น้องสะใภ้พาลูกมาร้องไห้ปรับทุกข์ที่จวนทุกวัน จนฮู
ทหารผ่านศึกชักดาบเหิงเตาราชวงศ์ถังออกมา ศีรษะมนุษย์ศีรษะแรกหล่นลงพื้น เลือดพลันกระฉูดทันทีซ่งจิ้นเดือดดาลจนโพล่งด่าขึ้นมาว่า “เฉินขุย ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะกล้าฆ่าคนในเรือนของข้า คิดจะกบฏหรือ?”ศีรษะคนศีรษะที่สองหล่นลงบนพื้นเนื้อบนหน้าซ่งจิ้นกระตุก...กระทั่งศีรษะที่สาม ที่สี่ ที่ห้า...ภายในเรือนมีศพนอนระเกะระกะอยู่เต็มไปหมด ท้ายที่สุดซ่งจิ้นก็กลัวแล้วเขาสมคบคิดกับเสนาบดีที่เมืองหลวง ชอบสังหารหมู่สตรี ในบ่อน้ำแห้งขอดหลังเรือนมีศพของสตรีกองอยู่เต็มไปหมดเขาไม่เคยเห็นชีวิตคนสำคัญเลยในสายตาของเขาชาวบ้านธรรมดาทั่วไปล้วนเป็นทาสชั้นต่ำทั้งสิ้นตอนนี้ไม่คิดเลยว่าเฉินขุยจะกล้าฆ่าคนของเขาจนเกลี้ยง!นี่เขากำลังก่อกบฏอยู่...ก่อกบฏ!เมื่อเห็นเฉินขุยเดินถือดาบมาใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ซ่งจิ้นก็ตกใจจนตัวสั่นงันงกตุบ...ซ่งจิ้นคุกเข่าทั้งสองข้างลง ของเหลวสีเหลืองไหลโซกออกมาจากส่วนเป้า ในนัยน์ตาปรากฏความกลัวที่ไม่เคยมีมาก่อน“เจ้าฆ่าข้าไม่ได้นะ หากฆ่าข้า ก็เท่ากับเป็นศัตรูกับราชสำนัก ราชสำนักไม่ปล่อยเจ้าไปแน่!”เฉินขุยผายผิวดาบเย็นยะเยียบไปที่ใบหน้าของซ่งจิ้น “หึ ตอนนี้รู้จักกลัวแล้วหรือ
“หารู้ไม่ นอกเมืองยังขุดหญ้าแห้งกับหาเปลือกไม้ได้ ทว่าในเมืองกระทั่งผืนหญ้ารากหญ้ายังถูกขุดจนเกลี้ยง แลกลูกกินกันเป็นอาหารมีให้เห็นไปทั่ว!”“มีเพียงด่านเจิ้นกวนที่เดียวที่ต่างออกไป ชาวบ้านหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส แววตามีชีวิตชีวา พวกเขามีแปลงนาเพาะปลูก มีน้ำดื่ม...มอหนำซ้ำแม่ทัพยังมอบแปลงนาให้ทุกครัวเรือนอีกด้วย ปลูกผักผลไม้มีผลผลิตเลี้ยงตัวเองได้!”“เมื่อเทียบกับโลกภายนอก ด่านเจิ้นกวนคือดินแดนในอุดมคติจริง ๆ! ข้าไม่อยากไปแล้ว!”“พวกนั้นที่ซ่งจิ้นพามาด่านเจิ้นกวน เขาตายก็ตายไปแล้วกัน”“ข้ากับมั่วหย่งส่งสาสน์ให้ราชสำนัก บอกว่าซ่งจิ้นถูกโจรเร่ร่อนฆ่าตาย ไม่เกี่ยวข้องกับด่านเจิ้นกวน”“ส่วนเรื่องส่งกองกำลังไปราบกองทัพธงเหลือง แม่ทัพ เราจะตอบกลับราชสำนักว่าอย่างไรกันดี?”เวลานี้จะยื้อออกไปตลอดไม่ได้ ต้องหาข้ออ้างถูไถไป!เห็นได้ชัดว่าทั้งสองท่านนี้ฉลาดกว่าซ่งจิ้น ตั้งแต่จ้านเฉิงอิ้นไม่รับแขก ก็รู้แล้วว่าเขาจะไม่ส่งกองกำลังไปแน่นอนหากไม่ส่งกองกำลังก็ต้องหาข้ออ้างมาปิดปากพวกคนหมู่มากที่กลับขาวเป็นดำในราชสำนักเอาไว้จ้านเฉิงอิ้นตอบ “เผ่าหมานยังมีกำลังคนอีกสองแสนนาย ยกทัพใหญ่มาบุกประชิดพรม
แม่ทัพทุกนายต่างพากันอึ้ง!ไม่กล้าจินตนาการเลยว่า คนพวกนี้คือกองกำลังกบฏชาวนาที่กองทัพธงเหลืองกับกองทัพลู่เจ๋ออยากดึงมาเป็นพวก!ถูกแม่ทัพเฉินอู่พามายังด่านเจิ้นกวนทั้งหมดแล้ว!นี่มันตั้งสองแสนคนเชียว!มาที่ด่านเจิ้นกวนพร้อมกัน ไหนจะมีครอบครัวของพวกเขาอีก ลากถูลู่ถูกังคนทั้งครอบครัวเดินทางไกลบุกป่าฝ่าดงมาถึงด่านเจิ้นกวน!จำนวนคนของด่านเจิ้นกวนเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว กำลังทหารพุ่งถึงสามแสนนาย!ตอนนี้แม้แคว้นฉู่แคว้นฉีเผ่าหมานสามฝ่าย พร้อมร่วมมือกับแคว้นเยี่ยนและแคว้นหย่งมาโจมตีด่านเจิ้นกวนก็ไม่ต้องกลัวอีกต่อไปแล้ว!เนื่องจากด่านเจิ้นกวนไม่ขาดกำลังทหารอีกต่อไป!จ้านเฉิงอิ้นขึ้นควบม้า แล้วเอ่ยกับนายทหารคนอื่น ๆ ว่า “ไป ไปต้อนรับเฉินอู่กลับเมือง!”“ขอรับ แม่ทัพ!”นายทหารหลายนาย พร้อมกับนายกองของสวีหวย ห้อตะบึงม้าไปยังประตูเมืองอย่างรวดเร็วครั้นเหล่าชาวบ้านได้ยินว่าแม่ทัพเฉินอู่กลับมาแล้ว ก็วางงานในมือลง และมาต้อนรับแม่ทัพหวนกลับยังประตูเมืองโดยสัญชาตญาณพวกเขานำน้ำใส่กาน้ำและชามกระเบื้องมาด้วย ชาวบ้านบางคนต้มโจ๊กที่บ้าน และถือโจ๊กมารอที่หน้าประตูเมืองผ่านไปหนึ่งชั่วยาม เมื่อทุก
เพื่อให้คนในหมู่บ้านมีชีวิตรอด พวกเขาจึงคิดเอาสมบัติเงินทองออกมา และนำไปแลกเสบียงอาหารที่หัวเมืองใหญ่ ให้ชาวบ้านที่ใกล้จะหิวตายในหมู่บ้านได้มีชีวิตอยู่ต่อไปได้!ทว่าไม่รู้เพราะเหตุใด เมื่อข่าวแพร่หลายออกไป เพียงพวกเขาก้าวออกจากหมู่บ้านก็ถูกคนจ้องจะเล่นงาน หลังจากนั้นก็จะถูกโจรเร่ร่อนปล้นทำอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงส่งชายหนุ่มในหมู่บ้านไปแลกเสบียงด้วยกันเท่านั้น ถึงไม่ถูกคนดักปล้นอีกคงเป็นเพราะมีแต่ชายหนุ่ม ก่อตั้งเป็นกลุ่มจนโดดเด่นได้รับความสนใจจากผู้คนพวกเขาจึงกลายเป็นกองกำลังกบฏไปอย่างไร้สาเหตุชายหนุ่มในหลายหมู่บ้านใกล้ ๆ มาขอพึ่งพิง แต่ในยามนี้ไม่ว่าผู้ใดก็ลำบาก อู๋ลี่ทนเห็นชาวบ้านหิวตายไม่ไหว จึงรับเข้ามาทั้งหมดคนที่ตามมารวมกลุ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ พวกเขาเตรียมจะไปซื้อเสบียงอาหารที่หัวเมืองอื่น...สุดท้ายทุกที่ไม่มีเสบียงอาหาร หลายคนใกล้จะหิวตาย ในขณะที่กำลังสิ้นหวังที่สุด...อู๋ลี่ติดอยู่ที่จังหวะสำคัญ น้ำเสียงแหบพร่า พูดต่อไม่ไหว ตอนนี้คอเขาแห้งผากจนแทบจะเกิดควันลอยขึ้นมาชาวบ้านยังอยากฟังต่อ จึงรีบส่งชามกระเบื้องที่ใส่น้ำเอาไว้ในมือไปเขารับมาอย่างไม่เกรงใจ หลังดื่มไปหลายอ
กองกำลังกบฏชาวนามีชายหนุ่มหนึ่งแสนสองหมื่นคน และยังมีครอบครัวพวกเขาอีกราวหนึ่งแสนคนรวมกันแล้วทั้งหมดสองแสนสองหมื่นคนชาวบ้านที่อยู่ตรงประตูเมืองจะส่งน้ำและโจ๊กให้อีกมากเพียงใด ก็ไม่พอให้ทุกคนกินจ้านเฉิงอิ้นบอกกับเฉินขุยว่า “พาทุกคนไปดื่มน้ำก่อน แล้วค่อยไปล้างตัวที่ข้างแม่น้ำ...”เฉินขุยขานรับ “ขอรับท่านแม่ทัพ”“ซ่งตั๋วรับผิดชอบต้มโจ๊ก รีบไปต้มโจ๊กที่พอให้สองแสนสองหมื่นคนกินเสีย”“นายทหารที่เหลือไปจัดแจงที่พักอาศัย หากไม่มีเรือนว่าง ก็ตั้งกระโจมขึ้นมา”นายทหารที่เหลือรับคำสั่ง“ขอรับ ท่านแม่ทัพ!”ครั้นอู๋ลี่เห็นจ้านเฉิงอิ้นรับรองกองกำลังกบฏอย่างดีเช่นนี้ ก็รู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างยิ่งก่อนมา เขาได้ยินเฉินอู่เล่าว่าด่านเจิ้นกวนดีเพียงใด...ทีแรกเขาไม่เชื่อ คิดว่าเฉินอู่กำลังหลอกเขาอยู่ภายหลังเฉินอู่ล้วงข้าวออกมา เม็ดขาวใสสะอาด ไม่มีเม็ดหินหรือโคลนเจือปนเขาก็เปลี่ยนมุมมองที่มีต่อคำพูดของเฉินอู่หลังจากนั้นอีก เฉินอู่ล้วงขนมปังแข็ง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป บะหมี่แห้ง...ออกมาให้แต่พวกเขารวมถึงเด็กคนแก่และสตรีมีทั้งหมดสองแสนกว่าคน อาหารเพียงน้อยนิดแค่นี้จะไปพออะไรไม่คิดเลยว่าเ
ด่านเจิ้นกวนไม่ได้มีเพียงแค่น้ำ และอาหารเท่านั้น...ยังเพาะปลูกได้อีกด้วย!พวกเขาเดินทางจากดินแดนภาคกลางมาหนึ่งเดือนกว่า เดินทางยาวนานจนท้ายที่สุดก็มาถึงด่านเจิ้นกวนทุกที่ที่เห็นล้วนเป็นดินแดง ทุกอย่างเหี่ยวเฉาและเป็นสีเหลืองไปหมดบางที่ไม่มีกระทั่งหญ้าเหี่ยวและต้นไม้เฉา ถูกคนกินจนเกลี้ยงมีเพียงด่านเจิ้นกวนที่มีสีเขียวขจีพวกเขาไม่ได้เห็นสีเขียวขจีมาเกือบครึ่งปีแล้วมีคนแก่คุกเข่าลงไปตรงนั้นเลย นัยน์ตาสีขุ่นทั้งสองข้างน้ำตาไหลพราก พลางหมอบกราบฟ้าดิน“ในที่สุดข้าก็ได้เห็นผืนดินที่เพาะปลูกได้แล้ว”“ฟ้ามีตา...!”ครั้นอู๋ลี่เห็นพื้นที่เพาะปลูกขนาดใหญ่ กวาดสายตาไปปราดเดียวมองไม่เห็นจุดสิ้นสุด เขาก็คุกเข่าโขกศีรษะไปทางจ้านเฉิงอิ้นโดยตรง“ขอท่านแม่ทัพรับเราไว้ด้วยเถิด ท่านให้เราไปต่อสู้ พวกเราก็จะไปต่อสู้ ท่านจะให้เราเพาะปลูก เราก็จะเพาะปลูก...”“ขอเพียงให้น้ำดื่ม มีโจ๊กชนิดจางให้กิน เรายอมทำงานให้ท่าน แม้ร่างกายจะแหลกลาญก็จะสู้ไม่มีวันถอย!”จ้านเฉิงอิ้นและเฉินอู่รีบประคองอู่ลี่ขึ้นมาจ้านเฉิงอิ้นเอ่ย “กองกำลังกบฏชาวนากองกำลังนี้ของเจ้ามีเด็กหนุ่มเยอะ ข้าหวังว่าพวกเขาจะเข้าร่ว
กระทั่งสื่อยังหันกล้องมาจ่อเขาหลังจากนั้นหลูหมิงและหลูซีที่อยู่บนรถก็ลงมาวันนี้ทั้งสองคนบรรจงแต่งตัว สวมชุดคลุมยาวเนื้อผ้าเดียวกับมั่วฝาน ทว่าคนละแบบ และผูกผมยาวไว้ตรงท้ายทอยหลูซีกระทั่งลวดมือหยิบกระบี่ยาววัสดุสไตล์โบราณเอาไว้ตลอดกระบี่ยาวอยู่ในมือเขา กลับกลมกลืนอย่างคาดไม่ถึง!เย่มู่มู่ให้เขาเลือกมาหนึ่งเล่ม จากในบรรดากระบี่ชื่อดังสิบกว่าเล่มที่เถ้าแก่โรงงานเลียนแบบของโบราณเคยส่งมา!เขาเลือกกระบี่มังกรเล่มหนึ่ง!ในวินาทีที่เย่มู่มู่ลงมาจากรถ เมื่อรองผู้อำนวยการจางได้ยินเสียงข่าว ก็ออกมาต้อนรับพวกเขาเข้าไปด้วยตนเอง“มู่ม่ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ ผมคิดว่าคุณจะมาถึงสายกว่านี้ซะอีก ไม่คิดเลยว่าจะมาเร็วที่สุด!”“มา ๆ เชิญชั้นบนเลย!”“พวกผู้อาวุโสจาง ผู้อาวุโสสวี่ ผู้อาวุโสมู่เขามาหรือยังคะ?”“ยังครับ เหล่าจางยังไม่ได้ขึ้นเครื่องบิน เหล่ามู่ยังเข้าสอนนักเรียนอยู่ ผู้อาวุโสสวี่อีกคนติดต่อไม่ได้ ไม่เป็นไรครับ ติดต่อกับผู้ช่วยของพวกเขาเรียบร้อยแล้ว ต้องมาอย่างแน่นอน เกรงก็แต่ว่าไม่ถึงวินาทีสุดท้ายของพิธีตัดริบบิ้น จะไม่โผล่หัวมา!”“คุณวางใจเถอะครับ ขอแค่คุณมาถึงแล้ว พวกเขาจะต้องมา
มั่วฝานจะไปยับยั้งการร่วมมือของราชสำนักกับกองทัพธงเหลือง โดยผ่านมุมมองนี้ได้ เป็นสิ่งที่เธอคิดไม่ถึงในบันทึกประวัติศาสตร์ไม่เป็นทางการ การตายของฮ่องเต้น้อย เกิดขึ้นหลังจากที่กองทัพธงเหลืองบุกเข้าไปในเมืองหลวง ฆ่าเขาขณะเกิดการนองเลือดในราชวังแน่นอนว่าในหนังสือประวัติศาสตร์บันทึกอย่างไม่เป็นทางการจดบันทึกอย่างเร่งรีบข้ามไปข้ามมา ไม่มีประโยคเพิ่มเติมมาเขียนถึงฮ่องเต้น้อยเลยคงเป็นเพราะตายในการนองเลือดที่ราชวัง!ทว่าตอนนี้มั่วฝานร้อนใจอยากจะฆ่าเขาให้ตาย เย่มู่มู่ไม่มีอะไรจะพูด“ในเมื่อเจ้าตัดสินใจแล้ว ข้าของให้เจ้าประสบความสำเร็จ”“แน่นอนว่า ก่อนเจ้าจะกลับไปต้าฉี่ พรุ่งนี้ข้าจะพาเจ้าไปที่หนึ่งก่อน!”มั่วฝานถามขึ้นว่า “สำคัญมากหรือไม่?”ตอนนี้เขาค่อนข้างร้อนใจกับต้าฉี่เย่มู่มู่ตอบ “สำคัญมาก พรุ่งนี้เช้าเราจะไปนั่งรถไฟความเร็วสูงกัน!”“คืนนี้พวกเจ้าพักผ่อนให้สบายใจ ทางนั้นยังมีจ้านเฉิงอิ้นอยู่”“เขาเป็นถึงโหวขั้นหนึ่งที่มีชื่อเสียงตั้งแต่อายุยังน้อย เติบโตมาอยู่ในค่ายทหารตั้งแต่เด็ก เคยรับมือกับแม่ทัพใหญ่ในสงครามมานับไม่ถ้วน!”“กะอีแค่การโจมตีของพันธมิตรไม่กี่ฝ่ายไม่ใช่หรือ? เ
มั่วฝานถามหลูหมิง หลูหมิงจึงบอกสถานการณ์ยากลำบากของกองทัพตระกูลจ้านเมื่อเขารู้ว่าฮ่องเต้น้อยร่วมมือกับกองทัพธงเหลืองก็พลันโพล่งเสียงหัวเราะออกมาขำไป ๆ ก็คุกเข่าร้องไห้กับพื้นเขารู้ทิศทางของประวัติศาสตร์ผู้อาวุโสยังถ่ายบันทึกประวัติศาสตร์อย่างไม่เป็นทางการ ที่บันทึกเกี่ยวกับต้าฉี่และจ้านเฉิงอิ้นมาให้เย่มู่มู่อ่านจากในหนังสือสะสมที่ไม่ได้เผยแพร่จากพิพิธภัณฑ์เย่มู่มู่พิมพ์ออกมา แล้วให้คนโบราณทั้งสามคนอ่านทิศทางสุดท้ายของประวัติศาสตร์จ้านเฉิงอิ้นตายอยู่ที่ด่านเจิ้นกวน กองทักตระกูลจ้านแหลกสลายตายทั้งกองทัพจริง ๆชาวบ้านด่านเจิ้นกวนถูกเผ่าหมาน แคว้นฉู่และฉีสังหารไปกึ่งหนึ่งในวันนั้นเลย!พวกเขาสังหารยังไม่พอ ไม่คิดเลยว่าจะย่างกินด้วยกินอยู่สามวันสามคืน และนำคนที่เหลือมาทำเป็นของแห้ง ขับไล่บุกโจมตีหัวเมืองอื่น ๆ ของต้าฉี่ตลอดทั้งทางเดิมทียังเจอการต้านทานบางส่วนอีกด้วย กองกำลังเล็ก ๆ ของสวีหวยหนึ่งแสนคนต้านทานเอาไว้ครู่หนึ่งแต่พบว่าสู้ไม่ได้ จึงรีบเผ่นออกไปทันทีเขารวมกับกองกำลังสองแสนคนของแม่ทัพลู่เดิมทีพวกเขาสามแสนคน ยังพอมีกำลังทำศึก ต้านทานทัพพันธมิตรฉู่ ฉีและเผ่า
หลังเย่มู่มู่ส่งของไป ก็หยุดไม่ได้เนื่องจากกองทัพตระกูลจ้านขาดคนไปห้าหมื่นคนในฉับพลัน ต้องรีบรับสมัครทหารใหม่หน้าไม้ราชวงศ์ฉิน ดาบม่อเตา ชุดเกราะ...ต้องสั่งมาอีกชุด!เกราะกันกระสุนต้องเติมสต็อกต่อให้ของเซี่ยเวยเอาไปหมดแล้ว กองทัพตระกูลจ้านที่เหลืออยู่ล่ะ?เธอติดต่อซื้อปลายข้าวกับเจ้าของร้านขายข้าวอีกแน่นอนว่าตอนต่อสายไปหาเขาก็เป็นเวลาดึกดื่นเที่ยงคืนแล้วแม้ทั้งสองคนจะเป็นพาร์ตเนอร์เปิดบริษัทการค้าต่างประเทศ ทว่าเขากับพี่เขยแทบจะไม่สนใจเลยกระทั่งเขายังคิดจะถอนหุ้นเสียด้วยซ้ำเนื่องจากเดือนที่แล้วเขาเปิดร้านสินค้าเกษตรและโภคภัณฑ์อีกร้านหนึ่ง ธุรกิจไม่ค่อยดีนัก กักตุนสินค้าไว้จำนวนมาก เงินทุนหมุนเวียนติดขัดเมื่อเอ่ยปากกับเย่มู่มู่ ความตั้งใจเดิมคือคิดจะยืมเงินเธอทว่าเย่มู่มู่เข้าใจปิด ถอนหุ้นให้เขาทันทีโดยไม่พูดพร่ำทำเพลงโอนเงินไปยังบัญชีเขาแม้จะบอกว่าความร่วมมือไม่สำเร็จ ทว่าการซื้อขายยังอยู่ หากเย่มู่มู่แสดงออกว่าต้องการ จะยังซื้อข้าวจากร้านของเขาต่อประโยคเดียวทำเอาเจ้าของร้านขายข้าวอัดอั้นแทบแย่ทว่าเย่มู่มู่จะซื้อธัญพืชตอนดึกดื่นเที่ยงคืน ทำเอาเขาดีใจเป็นอย่า
ด้านในล้างจนสะอาดหมดแล้วเย่มู่มู่กลิ้งถังน้ำเข้าไปในบ่อน้ำข้าง ๆ โดยตรง ใส่น้ำเข้าไปโดยอัตโนมัติครึ่งชั่วโมง ทั้งหมดก็ถูกใส่จนเต็มนาทีสุดท้ายในสี่ชั่วโมง รถบรรทุกน้ำมันยี่สิบคันขับเข้ามาอีกฝ่ายสวมหน้ากากอนามัยและแว่นดำ ไร้ซึ่งความเกรงใจ ให้เย่มู่มู่โอนทั้งหมดจ่ายเงินของรถบรรทุกน้ำมันพร้อมกันทีเดียวหลังเย่มู่มู่จ่ายเงิน สีหน้าของคนที่นำขบวนมาถึงค่อย ๆ ผ่อนคลายขึ้นมาพวกเขาขับรถเก๋งสองสามคันกลับไปเวลานี้ฟ้ามืดสนิทแล้วเย่มู่มู่มองเวลา ระยะเวลาสี่ชั่วโมงยังเหลือไม่กี่นาทีสุดท้ายเธอใส่รถบรรทุกน้ำมันทั้งหมดเข้าไปในที่ว่างเปล่าตอนนี้ที่เธอทำได้ก็ทำหมดแล้วที่ช่วยได้ก็พยายามช่วยสุดความสามารถส่วนทางกองกำลังห้าหมื่นคนของเซี่ยเวยนั้น จะปกป้องแคว้นเยี่ยนเอาไว้ได้หรือไม่เธอทำได้เพียงรอดูแล้วแต่เธอหวังว่าเซี่ยเวยจะปกป้องเอาไว้ได้หากราบรื่นก็ผลัดเปลี่ยนแผ่นดินแคว้นเยี่ยนเช่นนั้นความปรารถนาที่จะรวมทั้งใต้หล้าเป็นหนึ่งเดียว แว่นแคว้นแรกก็บรรลุผลแล้วเมื่อเย่มู่มู่คิดมาถึงตรงนี้ ความรู้สึกเหนื่อยล้าก็แผ่ซ่านขึ้นมาทั้งตัวแวบหนึ่งพร้อมกับพลันตื่นเต้นขึ้นมาเธอหวังเป็นอย
เวินลี่ตอบตกลงว่าจะหารถบรรทุกน้ำมันมาให้ ภายใต้การรับรองซ้ำแล้วซ้ำเล่าของเย่มู่มู่ส่วนจำนวนที่แน่ชัด ยังตอบตกลงไม่ได้เย่มู่มู่กระทั่งพูดกับเธออย่างกล้าหาญว่า หวังว่าจะรวมไปถึงปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งด้วยแบบนั้นจะได้ขนน้ำมันมาได้อย่างต่อเนื่องในเวลานี้เอง เวินลี่ก็ตัดสายทิ้งไปเลยรวมถึงปั๊มน้ำมันด้วยภูมิหลังไม่เท่าไร ไม่มีเส้นสายบริษัทน้ำมัน จึงไม่ได้โควตา...ยากเป็นอย่างมาก!สำเร็จเรียบร้อย เย่มู่มู่ยังหาโรงงานที่ทำขนส่งถังใส่น้ำในพื้นที่ และเหมาสต็อกทั้งหมดเงื่อนไขเพียงหนึ่งเดียวคือต้องล้างภายในถังเหล็กให้สะอาด และฆ่าเชื้อให้เรียบร้อยขนมาภายในสามชั่วโมงเธอต้องการบรรจุน้ำใส่ถังใหญ่เหล่านี้ให้เรียบร้อย แล้วใส่ในที่ว่างเปล่าภายในแจกันผ่านไปครึ่งชั่วโมง รถขนส่งหลาบขบวน ขับมาถึงใต้ตีนเขาเย่มู่มู่ตรวจสอบถังน้ำมัน ทั้งหมดถูกเติมจนเต็มแล้วน้ำมันเครื่อง น้ำยาล้างกระจกและอะไหล่ต่าง ๆ เตรียมไว้ครบหมดแล้วขบวนรถล็อตแรกยี่สิบคัน เธอจ่ายเงินค่าเช่าหนึ่งปีเลยเงินนี้แทบจะซื้อรถบรรทุกเก่า ๆ ได้สักคันแล้วหัวหน้าของขบวนรถที่มองอยู่อึ้งไปเลย เธอแก้ไขสัญญากับมือ บอกว่าหากหนึ่งปียั
ความกดดันที่เขาเผชิญในตอนนี้ มากมายเสียยิ่งกว่าพวกเขากลับไปป้องกันแคว้นเยี่ยนเสียอีกทว่ากลับตัดสินใจให้พวกเขากลับไปปกป้องเมืองอย่างแน่วแน่ความเชื่อใจนี้ บุญคุณนี้ พวกเขาหกคนจะไม่มีวันลืมทั้งหกคนลุกขึ้นขอตัวลากับจ้านเฉิงอิ้นทันทีจ้านเฉิงอิ้นให้เวลาพวกเขาได้เตรียมตัวเพียงสองชั่วยามเท่านั้นผ่านไปสองชั่วยาม ต้องออกเดินทางกลับแคว้นเยี่ยนเมื่อเย่มู่มู่ได้ยินเรื่องนี้ ก็ถามจ้านเฉิงอิ้น...“ตอนนี้มีรถกี่คัน? อาหารกับแหล่งน้ำล่ะ?”คนห้าหมื่นคนกลับไปรักษาป้องกัน และช่วงชิงเวลากับแคว้นฉู่และฉีสองแคว้นตามแผนที่ที่จ้านเฉิงอิ้นส่งมา และคำอธิบายของหลูซีกับหลูหมิง แคว้นฉู่และฉีอยู่ใกล้กับแคว้นเยี่ยนมากกว่า...พวกเขารีบกลับไปป้องกัน...และยังต้องต้องแก้ปัญหาอาหารการกิน และน้ำท่าของราษฎรเมืองหลวงแคว้นเยี่ยนให้เรียบร้อย ราษฎรแคว้นเยี่ยนจะได้มีกำลังมาสนับสนุนพวกเขาอย่างเต็มที่อย่าว่าแต่ผลัดเปลี่ยนแผ่นดินเลย ขอเพียงพวกเขามีน้ำและอาหาร ก็ถูกสนับสนุนให้เป็นฮ่องเต้แล้วฉะนั้น ตอนนี้จ้านเฉิงอิ้นยังมีเสบียงอีกเท่าไร?จ้านเฉิงอิ้นกล่าว “รถบรรทุกยี่สิบคัน รถบรรทุกขนาดกลางสามสิบคัน รถเล็กสิบค
เหตุใดจ้านเฉิงอิ้นจะไม่รู้ถึงความกดดันของห้าหมื่นคน ที่ต้องเผชิญหน้ากับคนห้าแสนคนแม้จะช่วงชิงภูเขาเหมืองและระเบิดโรงงานดินปืนทิ้งไปแล้ว สูญเสียไปหนึ่งแสนคนยังมีอีกสี่แสนคนแต่เขาเองก็รู้ว่า จะให้ไปเฝ้าเมืองหลวงแคว้นเยี่ยนเอาไว้ มีเพียงเซี่ยเวยที่มีเหตุผลและน่าเชื่อถือที่สุดจ้านเฉิงอิ้นสั่งให้เถียนฉินตามตัวเซี่ยเวยและทหารกลุ่มหนึ่งมาพวกเขาทุกคนกึ่งคุกเข่าพร้อมพยักหน้าจ้านเฉิงอิ้นมองพวกเขา หลังจากอยู่ด้วยกันมาระยะหนึ่ง ความรู้สึกของทุกคนก็ยิ่งลึกซึ้งมากขึ้นวันนี้เมื่อยืนยันว่าฮ่องเต้แคว้นเยี่ยนนำกองกำลังทหารทั้งหมดมายังต้าฉี่จะต้องมีกองกำลังแคว้นอื่นที่ฉวยโอกาสช่วงโกลาหลเข้ามาแน่พวกเขาจะต้องเฝ้าเอาไว้ให้ดีจ้านเฉิงอิ้นกล่าว “ตามรายงานที่น่าเชื่อถือได้ เยี่ยนซวี่รวบรวมกองกำลังสองแสนห้าหมื่นนายสุดท้ายของแคว้นเยี่ยนนำมาที่ต้าฉี่ เพื่อจัดการข้าและกองทัพตระกูลจ้าน...”พวกเซี่ยเวย จ้าวเฉียนต่างพากันเงยหน้าขึ้นมา พวกเขาเผยสีหน้าคาดไม่ถึงออกมาในทันใดกระทั่งเซี่ยเวยเอ่ยปากออกมาด้วยความตกตะลึง “เขาบ้าไปแล้วหรือ? รวบรวมกำลังทหารทั้งหมดมาที่ต้าฉี่ เพื่อจัดการท่านเนี่ยนะ?”“หากแ
ขับตรงไปยังเมืองหลวงของแคว้นเยี่ยนโดยตรง ชักอาวุธออกมา กวาดล้างกองทหารประจำการณ์ในเมืองหลวงของพวกเขา ฆ่าขุนนางในราชสำนัก ให้ดีที่สุดต้องเอาเลือดของราชวงศ์แคว้นเยี่ยนล้างรอบหนึ่งด้วยหากให้คนพวกเขาได้อีกสองสามหมื่นคน เขาสามารถผลัดเปลี่ยนแผ่นดินแคว้นเยี่ยนได้เลย!เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ หลี่หยวนจงก็อดรนทนไม่ไหวที่จะออกเดินทางเมื่อเลือกจำนวนคนเรียบร้อยแล้ว ก็เลือกทหารผ่านศึกของกองทัพตระกูลจ้านสองในสามส่วนเมื่อจ้านเฉิงอิ้นไป ทิ้งทหารผ่านศึกเอาไว้สองสามพันนายคนพวกนี้ส่วนใหญ่เป็นลูกน้องเบื้องล่างของหลี่หยวนจงและยังมีทหารเบื้องล่างของอู๋ลี่ที่ฝีมือไม่เลวส่วนหนึ่งพวกเขาไม่เคยผ่านกลิ่นคาวเลือดและความโหดร้ายของสนามรบมาก่อน ครั้งนี้ถือเสียว่าเป็นประสบการณ์ขับรถไปกลับรวดเร็วเป็นอย่างมาก!หลังทั้งสองคนหารือกันเสร็จ ตอนค่ำก็ออกเดินทางวันนี้ อู๋ลี่กับหน่วยเก่าของสวีหวยทะเลาะกัน จะแพร่งพรายออกไปทั้งค่ายทหาร และแพร่งพรายไปทั่วทั้งด่านเจิ้นกวน...หัวข้อบทสนทนาหลังกินข้าวที่ทุกคนพูดคุยกันอย่างสนุกสนานไม่หยุด คืออู๋ลี่เลาะกับเว่ยโจวกองกำลังทั้งสองฝั่งลงไม้ลงมือ ซัดกันจนกระโจมพังไปหมดผลลั