แม่ทัพทุกนายต่างพากันอึ้ง!ไม่กล้าจินตนาการเลยว่า คนพวกนี้คือกองกำลังกบฏชาวนาที่กองทัพธงเหลืองกับกองทัพลู่เจ๋ออยากดึงมาเป็นพวก!ถูกแม่ทัพเฉินอู่พามายังด่านเจิ้นกวนทั้งหมดแล้ว!นี่มันตั้งสองแสนคนเชียว!มาที่ด่านเจิ้นกวนพร้อมกัน ไหนจะมีครอบครัวของพวกเขาอีก ลากถูลู่ถูกังคนทั้งครอบครัวเดินทางไกลบุกป่าฝ่าดงมาถึงด่านเจิ้นกวน!จำนวนคนของด่านเจิ้นกวนเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว กำลังทหารพุ่งถึงสามแสนนาย!ตอนนี้แม้แคว้นฉู่แคว้นฉีเผ่าหมานสามฝ่าย พร้อมร่วมมือกับแคว้นเยี่ยนและแคว้นหย่งมาโจมตีด่านเจิ้นกวนก็ไม่ต้องกลัวอีกต่อไปแล้ว!เนื่องจากด่านเจิ้นกวนไม่ขาดกำลังทหารอีกต่อไป!จ้านเฉิงอิ้นขึ้นควบม้า แล้วเอ่ยกับนายทหารคนอื่น ๆ ว่า “ไป ไปต้อนรับเฉินอู่กลับเมือง!”“ขอรับ แม่ทัพ!”นายทหารหลายนาย พร้อมกับนายกองของสวีหวย ห้อตะบึงม้าไปยังประตูเมืองอย่างรวดเร็วครั้นเหล่าชาวบ้านได้ยินว่าแม่ทัพเฉินอู่กลับมาแล้ว ก็วางงานในมือลง และมาต้อนรับแม่ทัพหวนกลับยังประตูเมืองโดยสัญชาตญาณพวกเขานำน้ำใส่กาน้ำและชามกระเบื้องมาด้วย ชาวบ้านบางคนต้มโจ๊กที่บ้าน และถือโจ๊กมารอที่หน้าประตูเมืองผ่านไปหนึ่งชั่วยาม เมื่อทุก
เพื่อให้คนในหมู่บ้านมีชีวิตรอด พวกเขาจึงคิดเอาสมบัติเงินทองออกมา และนำไปแลกเสบียงอาหารที่หัวเมืองใหญ่ ให้ชาวบ้านที่ใกล้จะหิวตายในหมู่บ้านได้มีชีวิตอยู่ต่อไปได้!ทว่าไม่รู้เพราะเหตุใด เมื่อข่าวแพร่หลายออกไป เพียงพวกเขาก้าวออกจากหมู่บ้านก็ถูกคนจ้องจะเล่นงาน หลังจากนั้นก็จะถูกโจรเร่ร่อนปล้นทำอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงส่งชายหนุ่มในหมู่บ้านไปแลกเสบียงด้วยกันเท่านั้น ถึงไม่ถูกคนดักปล้นอีกคงเป็นเพราะมีแต่ชายหนุ่ม ก่อตั้งเป็นกลุ่มจนโดดเด่นได้รับความสนใจจากผู้คนพวกเขาจึงกลายเป็นกองกำลังกบฏไปอย่างไร้สาเหตุชายหนุ่มในหลายหมู่บ้านใกล้ ๆ มาขอพึ่งพิง แต่ในยามนี้ไม่ว่าผู้ใดก็ลำบาก อู๋ลี่ทนเห็นชาวบ้านหิวตายไม่ไหว จึงรับเข้ามาทั้งหมดคนที่ตามมารวมกลุ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ พวกเขาเตรียมจะไปซื้อเสบียงอาหารที่หัวเมืองอื่น...สุดท้ายทุกที่ไม่มีเสบียงอาหาร หลายคนใกล้จะหิวตาย ในขณะที่กำลังสิ้นหวังที่สุด...อู๋ลี่ติดอยู่ที่จังหวะสำคัญ น้ำเสียงแหบพร่า พูดต่อไม่ไหว ตอนนี้คอเขาแห้งผากจนแทบจะเกิดควันลอยขึ้นมาชาวบ้านยังอยากฟังต่อ จึงรีบส่งชามกระเบื้องที่ใส่น้ำเอาไว้ในมือไปเขารับมาอย่างไม่เกรงใจ หลังดื่มไปหลายอ
กองกำลังกบฏชาวนามีชายหนุ่มหนึ่งแสนสองหมื่นคน และยังมีครอบครัวพวกเขาอีกราวหนึ่งแสนคนรวมกันแล้วทั้งหมดสองแสนสองหมื่นคนชาวบ้านที่อยู่ตรงประตูเมืองจะส่งน้ำและโจ๊กให้อีกมากเพียงใด ก็ไม่พอให้ทุกคนกินจ้านเฉิงอิ้นบอกกับเฉินขุยว่า “พาทุกคนไปดื่มน้ำก่อน แล้วค่อยไปล้างตัวที่ข้างแม่น้ำ...”เฉินขุยขานรับ “ขอรับท่านแม่ทัพ”“ซ่งตั๋วรับผิดชอบต้มโจ๊ก รีบไปต้มโจ๊กที่พอให้สองแสนสองหมื่นคนกินเสีย”“นายทหารที่เหลือไปจัดแจงที่พักอาศัย หากไม่มีเรือนว่าง ก็ตั้งกระโจมขึ้นมา”นายทหารที่เหลือรับคำสั่ง“ขอรับ ท่านแม่ทัพ!”ครั้นอู๋ลี่เห็นจ้านเฉิงอิ้นรับรองกองกำลังกบฏอย่างดีเช่นนี้ ก็รู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างยิ่งก่อนมา เขาได้ยินเฉินอู่เล่าว่าด่านเจิ้นกวนดีเพียงใด...ทีแรกเขาไม่เชื่อ คิดว่าเฉินอู่กำลังหลอกเขาอยู่ภายหลังเฉินอู่ล้วงข้าวออกมา เม็ดขาวใสสะอาด ไม่มีเม็ดหินหรือโคลนเจือปนเขาก็เปลี่ยนมุมมองที่มีต่อคำพูดของเฉินอู่หลังจากนั้นอีก เฉินอู่ล้วงขนมปังแข็ง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป บะหมี่แห้ง...ออกมาให้แต่พวกเขารวมถึงเด็กคนแก่และสตรีมีทั้งหมดสองแสนกว่าคน อาหารเพียงน้อยนิดแค่นี้จะไปพออะไรไม่คิดเลยว่าเ
ด่านเจิ้นกวนไม่ได้มีเพียงแค่น้ำ และอาหารเท่านั้น...ยังเพาะปลูกได้อีกด้วย!พวกเขาเดินทางจากดินแดนภาคกลางมาหนึ่งเดือนกว่า เดินทางยาวนานจนท้ายที่สุดก็มาถึงด่านเจิ้นกวนทุกที่ที่เห็นล้วนเป็นดินแดง ทุกอย่างเหี่ยวเฉาและเป็นสีเหลืองไปหมดบางที่ไม่มีกระทั่งหญ้าเหี่ยวและต้นไม้เฉา ถูกคนกินจนเกลี้ยงมีเพียงด่านเจิ้นกวนที่มีสีเขียวขจีพวกเขาไม่ได้เห็นสีเขียวขจีมาเกือบครึ่งปีแล้วมีคนแก่คุกเข่าลงไปตรงนั้นเลย นัยน์ตาสีขุ่นทั้งสองข้างน้ำตาไหลพราก พลางหมอบกราบฟ้าดิน“ในที่สุดข้าก็ได้เห็นผืนดินที่เพาะปลูกได้แล้ว”“ฟ้ามีตา...!”ครั้นอู๋ลี่เห็นพื้นที่เพาะปลูกขนาดใหญ่ กวาดสายตาไปปราดเดียวมองไม่เห็นจุดสิ้นสุด เขาก็คุกเข่าโขกศีรษะไปทางจ้านเฉิงอิ้นโดยตรง“ขอท่านแม่ทัพรับเราไว้ด้วยเถิด ท่านให้เราไปต่อสู้ พวกเราก็จะไปต่อสู้ ท่านจะให้เราเพาะปลูก เราก็จะเพาะปลูก...”“ขอเพียงให้น้ำดื่ม มีโจ๊กชนิดจางให้กิน เรายอมทำงานให้ท่าน แม้ร่างกายจะแหลกลาญก็จะสู้ไม่มีวันถอย!”จ้านเฉิงอิ้นและเฉินอู่รีบประคองอู่ลี่ขึ้นมาจ้านเฉิงอิ้นเอ่ย “กองกำลังกบฏชาวนากองกำลังนี้ของเจ้ามีเด็กหนุ่มเยอะ ข้าหวังว่าพวกเขาจะเข้าร่ว
ผ่านไปหนึ่งเดือนกว่า บริษัทไลฟ์ช่วยเหลือเกษตรกรของเย่มู่มู่ก็เริ่มไลฟ์สดแล้วผู้จัดการบ้านพักตากอากาศเป็นคนช่วยเธอจัดการแม้ผู้จัดการท่านนี้จะไม่ชำนาญไลฟ์สดขายของ แต่ก็ชำนาญเรื่องการตลาดเป็นอย่างยิ่ง!ตอนบ้านพักตากอากาศเซียนหยวนเปิดกิจการในช่วงแรก เขาก็เป็นคนโน้มน้าวให้แม่ทุ่มเงินจำนวนมากหาเน็ตไอดอลมาถ่ายภาพ ทุ่มเงินซื้อการเข้าชมโฆษณา หานักเขียนที่คิดคำโฆษณาสวย ๆบ้านพักตากอากาศเซียนหยวนถึงได้มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วประเทศเริ่มการไลฟ์ขายของช่วยเหลือเกษตรกร เขาก็ซื้อการเข้าชมและหานักเขียนมาเขียนคำอธิบายความหมายช่วยเหลือเกษตรกรเขียนความเจ็บปวดที่เกษตรกรผู้ปลูกผลผลิตถูกพ่อค้ากดราคา ทว่าก็ต้องขายให้กับพ่อค้าแม้ว่าทนไม่ไหวที่จะต้องรับการขาดทุนก็ตาม...กระทั่งตัดคลิปภาพด้านหลังที่หญิงชราร้องไห้อยู่บนคันนาออกมาด้วยซื้อการเข้าชมเป็นจำนวนมาก เมื่อแฮชแท็กขึ้นมา ก็เป็นกระแสในสื่อมีเดียทันทีระหว่างการไลฟ์ คนนับไม่ถ้วนหลั่งไหลเข้ามาซื้อสินค้าช่วยเกษตรกรไลฟ์สดแรกเพื่อเปิดยอดขายและชื่อเสียง ผลิตผลพลอยได้ทางการเกษตรที่ขายไม่ออกของบริเวณรอบ ๆ ก็จะเอามาให้ทีมไลฟ์สดขายของที่บ้านพักตากอากาศ
อีกหกเดือนก็จะกักเก็บเสบียงอาหาร เพื่อนำไปใช้ในภัยหิมะอีกสองปีข้างหน้าได้หลังเย่มู่มู่ส่งปลายข้าวหลายล้านชั่งมา จ้านเฉิงอิ้นก็ไม่ได้ขอเสบียงอาหารอีกเนื่องจากเถามันเทศกินได้แล้วเถาฟักทองก็นำมาผัดได้แล้วอีกไม่กี่วันแตงกวา พริก มะเขือเทศ มะเขือม่วงก็จะเก็บเกี่ยวได้แล้ว...ไม่นานชาวบ้านที่ด่านเจิ้นกวนก็จะเลี้ยงดูตัวเองได้ ไม่จำเป็นต้องให้เย่มู่มู่คอยให้อาหารอย่างต่อเนื่องแล้วพูดตามตรง เมื่อไม่ต้องให้ส่งเสบียงอาหารมาอีก เย่มู่มู่จิตตกมากทีเดียวเพราะการมอบให้ทำให้คนเสพติดได้ง่าย!ความรู้สึกถูกคนต้องการ ทำให้เย่มู่มู่พึงพอใจเป็นอย่างมากตอนนี้เธออารมณ์คงที่ ภาวะซึมเศร้าหายไปหมดแล้วนี่เป็นเรื่องที่วินวินกันทั้งคู่เรื่องหนึ่งตอนนี้เธอกับจ้านเฉิงอิ้นต่างกำลังขยันขันแข็งเพื่อรวมหัวเซี่ยเป็นหนึ่งเดียวก้าวต่อไป จ้านเฉิงอิ้นอยากจะสร้างโรงเรียน และส่งเด็ก ๆ ไปเรียนเรียนความรู้ในยุคปัจจุบันของเย่มู่มู่ไปด้วย และเรียนความรู้ของลัทธิขงจื๊อที่จวงเหลียงสอนไปด้วยยังมีเรื่องที่น่ายินดีมากอีกเรื่องหนึ่ง นักพรตที่นามว่าซื่อเมิ่งคนนั้น แก้ปัญหาเรื่องสัดส่วนของดินปืนได้แล้วเขาหาวัตถุด
สองมือจ้านเฉิงอิ้นกำเป็นหมัด เส้นเอ็นหลังมือปูดขึ้นมาฮ่องเต้น้อยกำลังข่มขู่เขาสมคบคิดกับเสนาบดีซู บีบบังคับเขากับเฉินขุยให้กลับเมืองหลวงวันนี้เฉินขุยกำลังมีชื่อเสียงในกองทัพตระกูลจ้านถ้าวางแผนลอบสังหารระหว่างทางสองสามครั้งแล้วฆ่าพวกเขาสำเร็จกองทัพตระกูลจ้านจะเสมือนเรือขาดหางเสือ หลังจากนั้นถูกฮ่องเต้น้อยเข้าควบคุม!เพียงแต่เรื่องนี้ฮ่องเต้น้อยคิดง่ายไปแม้ว่าจ้านเฉิงอิ้นกับเฉินขุยถูกลอบสังหารระหว่างทางกลับ แต่เฉินอู่ก็จะก้าวออกมานำทางกองทัพตระกูลจ้านเป็นคนต่อไปถ้าเฉินอู่ตายอีกคน ยังมีหลี่หยวนจง เปี้ยนจื่อผิง เหอหง…กองทัพตระกูลจ้านยังไม่ถึงคราวของฮ่องเต้น้อยที่จะเข้ามาควบคุมเสบียงทหารไม่เคยจัดสรรให้สักครั้ง เครื่องแบบทหารรองเท้าฟางก็ไม่เคยส่งให้สักครั้งเพียงอาศัยสถานะการเป็นฮ่องเต้แคว้นต้าฉี่ ก็คิดจะเข้าคุมรวบกองทัพตระกูลจ้านมาอยู่ในมือช่างเป็นความเพ้อฝันของคนปัญญาอ่อนสิ้นดี!ขุนนางราชสำนักสองคนนั่งกระสับส่ายดุจนั่งอยู่บนพรมเข็ม จ้องมองสีหน้าแววตาที่จ้านเฉิงอิ้นกำลังสาดส่องพวกเขารู้สึกเกรงกลัวจากในใจมาถึงด่านเจิ้นกวนนานเช่นนี้ พวกเขาเห็นชัดเป็นอย่างยิ่งว่าในเข
จ้านเฉิงอิ้นถามมั่วฝาน “มู่ฉีซิวผู้นี้มีประวัติอย่างไร?”“กองทัพธงเหลืองตั้งตนขึ้นจากการสนับสนุนของกลุ่มตระกูลผู้มีอำนาจ เขามาจากตระกูลผู้มีอำนาจที่ใหญ่ที่สุดในลั่วจิง เป็นลูกหลานในตระกูลมู่ที่ฉายแววมากที่สุด ได้ยินว่าเป็นคนฉลาดปราดเปรื่องตั้งแต่เกิด ห้าขวบอ่านหนังสือได้อย่างคล่องแคล่ว เจ็ดขวบเริ่มอ่านคัมภีร์ประวัติศาสตร์ คัมภีร์ทางทหารและคัมภีร์สะสมของตระกูลต่าง ๆ”“สิบขวบสอบเข้าสำนักศึกษาที่หนึ่งของเมืองฉางเหอ เป็นข้อสอบที่ออกโดยอาจารย์ของจวงเหลียง เขาสอบได้อันดับหนึ่งในชั้นที่หนึ่ง!”แม้แต่จวงเหลียงยังกล่าว “ท่านอาจารย์เคยกล่าวว่า บุคคลผู้นี้ฉลาดเหนือข้า!”เมื่อฉลาดปราดเปรื่องเพียงนี้และมาจากต้นตระกูลมีชื่อเสียง วงศ์ตระกูลจึงตั้งความหวังไว้ที่เขาสูงมากเขาถึงกระทั่งสามารถสร้างกองทัพธงเหลืองขึ้นมา เสนอแบ่งที่ดินทำกินให้พลเมืองทุกคนเท่ากันและยกเว้นภาษีเป็นเวลาสามปี จนได้รับการสนับสนุนจากผู้คนมากมายสารลับที่ส่งมาครั้งแรก เขายอมยกตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ซือหม่าให้เพียงเท่านั้นสารลับที่ส่งมาครั้งนี้ กล่าวว่าจะปกครองร่วมกันในใต้ฟ้าเขาวาดขนมแป้งใหญ่ให้สัญญาลอย ๆ ไม่เป็นจริงหรือ?ไม่ เ
“ถ้าเรื่องนี้ได้รับการยืนยัน ชีวิตนี้คุณจะทั้งร่ำรวยและยิ่งใหญ่ ห้ามพลาดเด็ดขาดในช่วงเวลาสำคัญนี้!”เย่มู่มู่รีบปฏิเสธทันที “ไม่หรอกน่า ฉันไม่มีวันพลาดแน่นอน วางใจได้เลย!"เวินลี่วางสายแล้วหันมาบอกเย่มู่มู่ “ฉันจองตั๋วเครื่องบินชั้นหนึ่งให้พวกคุณแล้ว ออกเดินทางพรุ่งนี้ ถ้ายังไม่กลับ ป้าหลิว คงรอจนแทบถอดใจแล้ว ทางวิทยาลัยติดต่อคุณไม่ได้ เลยโทรหาฉันหลายรอบแล้ว!”“คุณขอลาไปเดือนหนึ่งเต็ม ๆ แล้วนะ จะถ่วงเวลาอีกไม่ได้แล้ว ฉันบอกอาจารย์ที่ปรึกษาว่าคุณจะกลับไปภายในไม่กี่วันนี้แน่นอน”“เอาล่ะ ๆ ฉันเข้าใจแล้ว!”เย่มู่มู่มองหลูหมิงแวบหนึ่ง พวกเขาสามคนได้ปรึกษากันก่อนเข้ามาในเมืองหลวงหลูซีจะเข้าเรียนมัธยมปลายชั้นปีที่หนึ่งในโรงเรียนเอกชนระดับสูง ยังไงผลการเรียนก็เป็นแบบนี้อยู่แล้ว คงทำได้แค่ค่อย ๆ ติวเสริมในชั้นปีที่หนึ่งเย่มู่มู่ครุ่นคิด เส้นทางสอบเข้ามหาวิทยาลัยตามระบบปกติคงหวังไม่ได้แล้วถ้าอย่างนั้น ลองใช้เส้นทางสายกีฬาสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ไหมนะอย่างอื่นอย่าเพิ่งพูด วิชากังฟูดั้งเดิมก็น่าจะพอไม่ต้องถึงขั้นเข้าทีมระดับจังหวัดหรือติดทีมชาติ ขอแค่สอบเข้ามหาวิทยาลัยทั่วไปได้ก็พอแต
เย่มู่มู่พยักหน้ารัว ๆ “แน่นอนค่ะ! ของมาถึงมือหนูแล้ว ก็ไม่เกี่ยวกับอาอีกต่อไป!”"ดี! อาเตือนหนูแล้วนะ ถ้ามีปัญหาทีหลัง อย่ามาหาอาล่ะ!"เย่มู่มู่หัวเราะออกมา “โอเคค่ะ! หนูไม่มีวันไปหาอาแน่นอน!”ข้าวของถูกขนย้ายเกือบหมดแล้ว เย่มู่มู่เช็กตัวเลขจากเครื่องชั่งน้ำหนัก เห็นว่าจำนวนถูกต้องเป๊ะ!“สามร้อยตันไม่มีพลาด หนูจะโอนเงินส่วนที่เหลือให้เดี๋ยวนี้!”พอเจ้าของโรงงานกับเซียวหัวเห็นยอดเงินหนึ่งพันล้านที่ถูกโอนเข้ามา สีหน้าของทั้งคู่ก็ปิดไม่มิดอีกต่อไปขายวัตถุระเบิดมันเสี่ยงก็จริง แต่เงินมันดีเกินไป!แต่หากเดินกลางคืนบ่อยเข้า อาจจะเจอผีเข้าสักวัน!ครั้งนี้ เจ้าของโรงงานกับเซียวหัวปฏิเสธคำชวนมื้อเที่ยงจากเย่มู่มู่ พวกเขารีบขับรถกลับไปทันทีเพียงแต่เซียวหัวขับรถออกไปก่อนส่วนเจ้าของโรงงานขึ้นไปนั่งบนรถบรรทุกขนาดใหญ่ พอเครื่องยนต์ติดแล้ว รถก็จอดนิ่งอยู่ตรงทางเข้าเย่มู่มู่เห็นท่าทีผิดปกติ จึงเดินเข้าไปถามเจ้าของโรงงาน “รถเสียเหรอคะ? ในตัวเมืองมีอู่ซ่อมรถนะ จะให้พาไปซ่อมไหมคะ?"เจ้าของโรงงานหยิบนามบัตรออกจากกระเป๋าสตางค์ แล้วยื่นให้เย่มู่มู่เขาถอนหายใจแล้วพูดว่า “ผมกับเซียวหัวทำธุร
“ไม่รู้ว่าพ่อกับแม่เป็นอย่างไรบ้าง ฮ่องเต้น้อยทำให้พวกเขาลำบากหรือไม่”สองพี่น้องพูดพลางดวงตาแดงก่ำมั่วฝานขับรถมาหยุดตรงหน้าพวกเขา ก่อนจะโบกมือเรียก“ขึ้นรถเถอะ ทหารทุกคนเตรียมพร้อมแล้ว!”จ้านเฉิงอิ้นมีมิติพิเศษ ส่วนใหญ่จึงเก็บเสบียงไว้ข้างใน เหลือเพียงน้ำและอาหารสำหรับไม่กี่วัน อาวุธบางส่วน และอาหารม้าไว้บนรถเท่านั้นภายในรถมีพื้นที่กว้างขวาง ทหารจึงไม่ต้องเบียดเสียดกันมากนักสองพี่น้องขึ้นรถของมั่วฝานจวงเหลียงเป็นคนขับ ส่วนมั่วฝานนั่งเบาะข้างคนขับเฉินขุยและเฉินอู่นั่งแถวกลาง ขณะที่ซ่งตั๋วและจ้านเฉิงอิ้นนั่งอยู่ด้านหลังมั่วฝานหันกลับไปมองสองพี่น้อง “เลิกร้องได้แล้ว ไม่อย่างนั้นข้าจะถ่ายรูปหน้าแย่ ๆ ของท่านไปให้พี่สะใภ้ดู ดูสิว่านางจะหัวเราะเยาะเจ้าอย่างไร!”เฉินขุยตาเบิกโพลงอย่างดุดันทันที “อย่าเชียวนะ! ไม่อย่างนั้นข้าจะฟาดเจ้าให้เข็ด!”มั่วฝานเหลือบมองจ้านเฉิงอิ้นและซ่งตั๋วที่นั่งอยู่เบาะหลัง ทั้งสองกำลังดูแผนที่และปรึกษากันว่าจะเลือกเส้นทางใดตอนนี้ แม่น้ำแห้งขอด เส้นทางริมแม่น้ำใกล้ที่สุด แต่ทรายอาจเยอะจนรถติดหล่มหากเลือกทางขึ้นเขา ถนนก็ขรุขระเต็มไปด้วยหลุมบ่อ อาจ
แม่ทัพหนุ่มประสานมือคารวะ ก่อนโค้งคำนับจ้านเฉิงอิ้นอย่างลึกซึ้งใบหน้าหนุ่มแน่นที่ยังดูไร้เดียงสา ค่อย ๆ เก็บซ่อนแววหยิ่งทะนงและท้าทายเมื่อครู่ลงไปสีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม ดวงตาที่เคยไร้ชีวิตชีวากลับเปล่งประกายขึ้น พร้อมด้วยความหวังครั้งใหม่“ข้า เซี่ยงหงเซวียน ขอให้คำสัตย์ปฏิญาณ ณ ที่นี้ ว่าจะเดินตามท่านแม่ทัพใหญ่ ขอเป็นทหารม้าแนวหน้าของท่านแม่ทัพใหญ่ในการออกรบพิชิตใต้หล้า...”จ้านเฉิงอิ้นประคองเขาขึ้น พลางแย้มยิ้มบาง ๆ ที่มุมปาก “ดี คราวนี้เมื่อกลับไปยังแคว้นเยี่ยน ต้องรักษาแผ่นดินต้าเยี่ยนเอาไว้ให้ได้!”เหล่าเชลยศึกแคว้นเยี่ยนทั้งหมดต่างคุกเข่าลงข้างหนึ่ง ประสานมือคำนับพร้อมกัน เปล่งเสียงกึกก้องเป็นหนึ่งเดียว“พวกเราขอสาบานว่าจะปกป้องแคว้นเยี่ยนด้วยชีวิต ไม่ให้ท่านแม่ทัพใหญ่ต้องผิดหวัง!”“ไปเถอะ หากเจอพวกเผ่าหมานอย่าได้หวาดกลัว พวกเจ้าไม่ได้ด้อยกว่าพวกมัน!”“ขอรับ!”จ้านเฉิงอิ้นมองส่งพวกเขาจากไป ครึ่งหนึ่งนั่งอยู่บนรถม้าที่สั่นโคลงไปมาด้านล่างของเกวียนบรรทุกเสบียง ส่วนด้านบนมีเหล่าทหารยืนหรือนั่งเบียดเสียดกันทหารเจ็ดหมื่นนายควบม้า...ม้าที่ถูกคัดเลือกมาอย่างดี
“แม้ว่าเขาจะไม่ขยายอิทธิพลในแคว้นต้าฉี่ แต่หากไปยังแคว้นอื่น ก็ยังคงเป็นศัตรูที่รับมือได้ยากอยู่ดี!”ถูกแล้ว มั่วฝานพูดไม่ผิดหากมู่ฉีซิวยังมีชีวิตอยู่ ต่อให้ต้องตายถึงสามร้อยครั้งก็ยังฟื้นคืนมาได้ด้วยนิสัยของเขา ไม่ว่าไปอยู่ที่ใดก็ต้องตั้งหลักได้อย่างแน่นอนหากปล่อยให้เขามีโอกาสเติบใหญ่ เกรงว่าจะกลับมาแก้แค้นได้อีก!เฉียนเซียงตัวตะโกนบอกเหล่าทหาร “ไป ไป ไป ไปกินข้าวก่อน กินเสร็จแล้วพวกเราจะออกเดินทางทันที ไปฆ่ามู่ฉีซิวให้ได้ จะได้ล้างแค้นให้กับสี่เดือนที่ต้องหนีหัวซุกหัวซุนเพราะเขา!”เหล่าทหารต่างขานรับพร้อมเพรียง ก่อนจะพากันนั่งล้อมวงที่โต๊ะอาหารเมื่อเห็นกับข้าวมากมายจัดเรียงเต็มโต๊ะทุกคนต่างอุทานออกมาด้วยความตกตะลึง“โห ข้าเกิดมาในตระกูลมั่งคั่ง ไม่เคยขาดแคลนเงินทอง แต่ไม่เคยเห็นโต๊ะอาหารที่อุดมสมบูรณ์ขนาดนี้มาก่อน!”“กระต่ายตัวใหญ่ทั้งตัวถูกย่างแบบนี้เลยหรือ?”“ห่านนี่ก็ด้วย พวกเราปกติเอาไปต้มซุปกันแท้ ๆ!”“กลิ่นเครื่องเทศนี่มันอะไรกัน หอมเหลือเกิน! หากสามารถนำเครื่องเทศพวกนี้ไปขายยังดินแดนต่าง ๆ คงทำเงินได้มหาศาลแน่!”หยางชิงเหอมองคนกลุ่มนี้ “พวกเขาสู้กับมู่ฉีซิวมา
“คืนนี้ ข้ากับทหารผ่านศึกตระกูลจ้านจะลงมือ ออกเดินทางทั้งวันทั้งคืนเพื่อสกัดพวกเขา”“ส่วนภารกิจตามหามู่ฉีซิว...”เฉียนเซียงตัวคิดตามทันที ก่อนหันไปรับรองกับจ้านเฉิงอิ้น “วางใจเถิด แม่ทัพใหญ่ ข้าจัดการเรื่องนี้ให้ได้แน่นอน”จากนั้นเขาบ่นพึมพำ “มู่ฉีซิวผู้นี้ช่างต่ำช้าไร้ยางอายเสียจริง ตัวเองเป็นคนเชื่อมโยงเรื่องทั้งหมด ดึงให้ฮ่องเต้ต้าฉี่ส่งทัพมาปราบท่าน แล้วผลลัพธ์ล่ะ!”“เขายังแอบเก็บกำลังทหารส่วนหนึ่งไว้ เพื่อบุกโจมตีเมืองหลวงต้าฉี่ เอาฮ่องเต้น้อยมาเล่นเป็นตัวตลกเสียด้วย!”“เชอะ! ฮ่องเต้ผู้นี้ไร้ความสามารถ ส่วนมู่ฉีซิวนั้นไร้ยางอายเกินจะกล่าว ข้าพ่ายแพ้ให้เขามากว่าสิบศึก ก็สมควรแล้ว!”“แต่ตราบใดที่ข้าชนะในศึกสุดท้าย ข้าย่อมเป็นผู้ชนะตัวจริง!”ความมองโลกในแง่ดีของเฉียนเซียงตัวทำให้จ้านเฉิงอิ้นประทับใจลึกซึ้งแม้ชายผู้นี้อาจไม่มีความเป็นผู้นำมากนัก แต่เรื่องทัศนคติในการใช้ชีวิตกลับไม่มีที่ติจ้านเฉิงอิ้นเอ่ยถาม “เจ้าต้องการอะไรอีกหรือไม่? ขอมาได้เลย!”ดวงตาคู่เล็กของเฉียนเซียงตัวที่ปกติหรี่เป็นเส้นเล็ก ตอนนี้กลับเบิกกว้างขึ้นมาในทันที“ท่านพูดเองนะ ข้าจะไม่เกรงใจแล้ว!”“ไม่ม
ที่แท้ขั้นตอนในโรงงานเป็นแบบนี้นี่เอง สะดวกและรวดเร็วกว่าช่างตีดาบตีเหล็กมากนักพวกเขายังได้เห็นรถเครนยกของที่ยกแร่เหล็กลงมาจากยอดเขาเป็นตะกร้า ๆ เข้าไปในโกดังของโรงงานยังมีรอกเชือกสลิงที่ขนแร่ลงมาจากเหมืองคนกลุ่มนี้สงสัยว่าขุดแร่กันอย่างไร ทำไมถึงขนลงมาเป็นตะกร้า ๆ ได้รวดเร็วขนาดนี้เมื่อไปถึงยอดเขา ทุกคนก็เบิกตากว้าง มองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าด้วยความตกใจน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้วมันเกินจริงมาก!แม่ทัพคนหนึ่งที่อยู่ข้าง ๆ เฉียนเซียงตัวอ้าปากค้าง “โห... นี่มันรถอะไร แขนยาวขนาดนี้!”“ดูนั่นสิ รถแขนยาวคันนั้นมีหัวสว่านติดอยู่ สามารถเจาะเข้าไปในแร่เหล็ก ตีแร่ให้แตก แล้วขุดออกมาได้!”เดิมทีพวกเขาคิดว่า คนงานเหมืองต้องลำบากมากแต่พอมาเห็นกับตาก็พบว่า มันลำบากจริง ๆ!พวกเขาต้องบรรจุแร่ใส่รอกแล้วปล่อยลงไปส่วนการขุดแร่ การบรรจุใส่ตะกร้า หรือแม้แต่การขึ้นรถเครนยกของ พวกเขาก็ไม่ต้องลงมือทำเองสิ่งที่พวกเขาทำมีเพียงแค่หยิบตะกร้าเปล่าออกจากรอก แล้ววางตะกร้าที่บรรจุแร่เต็มลงไป ปล่อยลงไป...พวกเขาเดินกลับลงมาจากเขาเป็นขบวนใหญ่ตลอดทางไม่มีใครพูดอะไร“เพราะกองทัพตระกูลจ้านทำให้พวกเขาตกต
จ้านเฉิงอิ้นกล่าวต่อว่า “ยังมีรถอีกสองร้อยคัน ข้าและทหารผ่านศึกห้าหมื่นคนจะนั่งรถบรรทุกขนาดใหญ่สองร้อยคัน พร้อมกับม้าศึกที่เหลืออยู่ในฐาน ไปสกัดคนที่มู่ฉีซิวส่งไปแทรกซึมเข้าเมืองหลวง คนเหล่านั้นมีประมาณสองแสนสามหมื่นคน แม้จะปลอมตัวมา แต่จำนวนมากขนาดนั้น น่าจะหาได้ไม่ยาก!”“ต้องหยุดพวกเขาให้ได้ หวังเซิ่ง หลีชิง เสียวอู่ และคนอื่น ๆ ที่เคยแทรกซึมเข้าไปในกองทัพธงเหลือง ให้ไปด้วยกัน!”เมื่อหยางชิงเหอได้ยินดังนั้น นางก็วางตะเกียบลงและกล่าวด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ข้าไปด้วย!”เฉินอู่ต้องการจะปฏิเสธหวังเซิ่งและเสียวอู่ที่โต๊ะข้าง ๆ ลุกขึ้นยืนทันทีหวังเซิ่งไม่เห็นด้วย “ไม่ได้ มันอันตรายเกินไป!”เสียวอู่ก็กล่าวว่า “พี่ชิงเหอ ข้าไม่ได้มีอคติกับเจ้า แต่เจ้าเป็นสตรี ไม่มีวรยุทธ์ติดตัว พวกเราต้องเสียสมาธิมาคอยปกป้องเจ้า”“พวกเขามีสองแสนกว่าคน แต่เรามีแค่ห้าหมื่นคน เกรงว่าจะดูแลไม่ทั่วถึง”หยางชิงเหอกล่าวว่า “ข้าไม่ต้องการให้พวกเจ้ามาปกป้องข้า ถ้าหาก...”“ข้าสามารถโน้มน้าวให้พวกเขาเข้าร่วมกองทัพตระกูลจ้านได้ ท่านแม่ทัพจะไว้ชีวิตพวกเขาได้หรือไม่”“แม้ว่าจะต้องซ่อนตัวอยู่ในภูเขานี้ตลอดชีวิต ท
“ถึงแม้จะถืออาวุธเหล็กกล้าก็ไม่มีประโยชน์!”“อาวุธเย็นไม่อาจสู้กับอาวุธร้อนได้ เจ้าคิดจะทำให้ชนเผ่าหมานม่อเป่ยกลายเป็นพวกที่ร้องรำทำเพลงหรืออย่างไร?"“รอให้ข้าสร้างปืนและปืนใหญ่ขึ้นมา ต่อไปพวกเขาจะต้องเต้นเก่งทุกคน!”เฉินขุย เฉินอู่ ซ่งตั๋ว รวมถึงจวงเหลียง...ทุกคนตาเป็นประกายเฉินอู่ถามอย่างสงสัย “จริงหรือ?”“แน่นอน แค่ทำให้พวกเขากลัว ข้าถึงต้องการท่อเหล็กหมื่นท่อ เพราะว่าแค่ไม่กี่ร้อยหรือพันท่อ ไม่สามารถข่มขู่คนเจ็ดแสนกว่าคนได้!”“ถ้ามีปืนใหญ่หมื่นกระบอก ก็เพียงพอที่จะข่มขู่มู่ฉีซิว เขาถึงจะถอยทัพ!”“บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตยุคใหม่ของเรามีคำกล่าวที่แพร่หลายว่า ความจริงอยู่ในระยะยิงของปืนใหญ่ ศักดิ์ศรีอยู่บนคมดาบ“มีอาวุธที่ทรงพลังพอ พวกเผ่าหมานจะกล้าสู้กับเราหรือไม่? พวกเขายังไม่ทันขี่ม้ามาถึงหน้าเรา ข้ายิงปืนใหญ่ทีเดียวก็ตายไปสิบกว่าคนแล้ว!”“ในอนาคตเจอเราก็ต้องวิ่งหนี!”จ้านเฉิงอิ้นครุ่นคิดถึงคำพูดของหยางชิงเหอที่ว่า ความจริงอยู่ในระยะยิงของปืนใหญ่ ศักดิ์ศรีอยู่บนคมดาบ...ตอนนี้อาวุธยุทโธปกรณ์ของเขาก็เหนือกว่าทุกแคว้นแล้ว แต่แคว้นเหล่านั้นยังไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาทำไม~