“ขอรับ แม่ทัพ!”จากนั้นเถียนฉินยื่นบัตรเชิญหลายฉบับให้เขา“แม่ทัพ ท่านมีอ่างขุมทรัพย์กับตัว ในที่สุดก็ไม่อาจปกปิดต่อไปได้อีก”“นี่คือบัตรเชิญจากสมาคมการค้าขนาดใหญ่จากแคว้นอื่น พวกเขาอยากแลกเปลี่ยนการค้ากับท่าน!”จ้านเฉิงอิ้นวางหนังสือในมือลงพ่อค้ามีชนชั้นทางสังคมต่ำสุดในแคว้นต้าฉี่ แคว้นอื่น ๆ ก็เช่นเดียวกันแต่พ่อค้ากลับเป็นกลุ่มคนที่ร่ำรวยที่สุดถึงแม้ท่านเทพส่งเสบียงมาให้ไม่ขาดสาย แต่ก็ยังต้องใช้เงินจำนวนมหาศาลในการสั่งซื้อฉะนั้น ถ้าในมือพ่อค้าเหล่านี้ มีสิ่งที่ท่านเทพต้องการหรือสิ่งของที่น่าสนใจเขาจะนำมาถวายให้ท่านเทพ“เอาบัตรเชิญให้ข้าดูหน่อย…”เถียนฉินยื่นบัตรเชิญนับสิบใบด้วยสองมือจำนวนมากเพียงนี้ นับว่าเกินความคาดหมายของจ้านเฉิงอิ้นมากบัตรเชิญสองสามใบด้านหน้าสุด ล้วนเป็นของสมาคมการค้าขนาดใหญ่ไม่กี่กลุ่มที่อยู่ในอาณาเขตหัวเซี่ยมีกลุ่มต้องการน้ำ มีกลุ่มต้องการเสบียงอาหาร…พวกเขายินยอมที่จะส่งทองคำนับหมื่น เพื่อต้องการแลกเปลี่ยนเสบียงอาหารและน้ำกับจ้านเฉิงอิ้นแน่นอนว่า พวกเขาอยากเข้ามาทำการค้าในด่านเจิ้นกวนมากกว่าจะเข้าด่านเจิ้นกวนต้องมีใบผ่านด่านและอนุญาตเ
จ้านเฉิงอิ้นเบิกตาอย่างดุดัน สีหน้าตึงเครียด“กองทัพธงเหลืองมีความเป็นมาอย่างไร?”มั่วฝานหยิบม้วนเอกสารลับออกมาจากอกเสื้อ แล้วส่งให้จ้านเฉิงอิ้นด้วยสองมือจ้านเฉิงอิ้นดึงกระดาษสีขาวในกระบอกไม้ไผ่ออกมา เขาเปิดเอกสารลับนั้นอย่างระมัดระวังข้อความเขียนโดยหน่วยกล้าตาย พวกเขาไม่สามารถเข้าถึงบุคคลสำคัญในระดับสูงได้ สมาชิกทั้งหมดในตอนนี้ กินโจ๊กที่ทำจากข้าวฟ่างข้าวฟ่างสะอาดมาก ไม่มีกรวดปะปน ไม่มีการผสมเปลือกข้าวและรำข้าวข้าวฟ่าง หรืออีกชื่อคือข้าวเม็ดเล็ก เป็นสิ่งที่ท่านเทพประทานมาให้จำนวนมาก ชาวบ้านในด่านเจิ้นกวนกลับชอบกินข้าวขาวและแป้งสาลีมากกว่า ข้าวขาวนำมาทำเป็นโจ๊ก ส่วนแป้งสาลีนำมาทำเป็นแป้งเหลวหรือก้อนแป้งข้าวเม็ดเล็กกลับไม่มีใครเต็มใจจะแลก ดังนั้นจึงถูกกองไว้ในคลังเสบียงปัจจุบันนี้ ความอดอยากเกิดขึ้นมาหนึ่งปีแล้ว ธัญพืชไม่สามารถเจริญเติบโตได้ แม้จะมีข้าวเก็บ ก็ไม่อาจเพียงพอเลี้ยงคนจำนวนมากขนาดนี้ได้ผู้ที่อยู่เบื้องหลังกองทัพธงเหลือง เกรงว่าคงมาจากโลกเดียวกับเทพเจ้าใต้กระดาษสีขาวนั้น มีภาพวาดของอาวุธที่กองทัพธงเหลืองใช้งานส่วนใหญ่เป็นดาบและกระบี่ รวมถึงอาวุธทหารรูป
เธอค้นหาหนังสือจากในตู้หนังสือแถมหนังสือเล่มหนึ่งชื่อ “อุดมการณ์และแนวคิดของมาร์กซิสต์-เลนินนิสต์”เธอถอดม้วนกระดาษบทกวีที่มีชื่อว่า “วสันต์สวนชิ่น : หิมะ” ที่แขวนอยู่บนผนังลงมาเธออุ้มหนังสือที่ซ้อนทับ พร้อมเขียนข้อความลงบนกระดาษ ส่งหนังสือที่ล้ำค่า รวมถึงม้วนบทกวีเหล่านี้ขอให้เขาอ่านให้จบก่อนส่วนเรื่องการบริหารจัดการชาวบ้านในชายแดนด่านเจิ้นกวนอย่างไรในอนาคต เธอจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวอย่างไรก็ตาม หากมีการก่อกบฏทุกพื้นที่ หากต้องการดึงกองกำลังก่อกบฏอื่น ๆ มาเข้าพวก จะต้องพิจารณาปัญหาจากจุดยืนของพวกเขาต้องทำให้ชาวบ้านจำนวนมากมีชีวิตรอดต่อไปให้ได้ส่วนแคว้นต้าฉี่ในตอนนี้ เธอยังไม่แน่ใจว่าระบบที่ใช้อยู่คือระบบทาสหรือระบบศักดินาเย่มู่มู่โยนแท็บเล็ตและกระดาษข้อความลงไปจากนั้นก็ใส่หนังสือจำนวนหนึ่งกับม้วนภาพม้วนหนึ่งลงในแจกันในตอนนั้น คนหวงโทรศัพท์หาเธอ แจ้งว่าขบวนรถห้าคันของพวกเขาเดินทางมาถึงโกดังที่ตีนเขาแล้ว เถ้าแก่ชียังส่งรถบรรทุกปลายข้าวมาอีกหนึ่งคัน ตอนนี้กำลังจอดรถเพื่อขนถ่ายสินค้าอยู่ที่ตีนเขา เย่มู่มู่กอดแจกันไว้แน่นก่อนจะขับรถกระบะลงจากภูเขา *จ้านเฉิงอิ้
หลังจากรถขุดถูกส่งลงมา จ้านเฉิงอิ้นสั่งให้เฉินขุยไปหาคนมาเรียนรู้วิธีการใช้งานรถขุดในชั่วพริบตา เหล่าทหารผ่านศึกพากันล้อมเฉินขุยแน่นขนัด ต่างแย่งกันอยากเรียนวิธีขับรถขุดผู้ที่ได้ขับเครื่องจักรยักษ์ใหญ่เช่นนี้ คงจะดูสง่างามและทรงอำนาจนี่จึงถือเป็นทักษะชั้นเลิศที่ทุกคนล้วนอยากได้ในค่ายทหาร ผู้ที่ขับรถบรรทุกใหญ่ได้ จะได้รับอาหารทุกมื้อเทียบเท่ากับเหล่าแม่ทัพแถมยังมีสิ่งของพิเศษ เช่น สบู่ ผ้าขนหนู และผงซักฟอกปริมาณเสบียงที่ได้รับก็เป็นสองเท่าของทหารผ่านศึก...มีแม่สื่อไม่น้อยที่แย่งกันมาทาบทามให้เขาแต่งงาน จนธรณีประตูแทบพังยิ่งไปกว่านั้น ชายเช่นนี้เพียงแค่ก้าวออกจากบ้าน ก็สามารถเก็บผ้าเช็ดหน้าได้เป็นสิบผืน ในอกเต็มไปด้วยขนมของว่างถึงขั้นมีสาวแรกรุ่นหลายคนมาเยือนถึงหน้าประตูบ้าน แย่งกันประกาศตัวอยากแต่งงานกับเขาเหล่าทหารหนุ่มโสดในค่าย ต่างอิจฉาตาร้อน!เฉินขุยถูกทหารผ่านศึกรุมล้อมจนก้าวเดินไปอย่างยากลำบาก สุดท้าย มั่วฝานจึงต้องเข้ามาช่วยลากเขาออกมาได้สำเร็จ!หลังจากนั้น มั่วฝานก็กลายเป็นบุรุษคนแรกที่ได้ขับรถขุดในค่ายทหาร!*ที่ด่านเจิ้นกวน ในคืนที่จันทร์กระจ่างดาราริบหร
นี่คือสิ่งที่ฝังลึกอยู่ในสายเลือดของพวกเขา หยุดพักแค่วันเดียวก็รู้สึกผิดแล้วชาวบ้านที่ด่านเจิ้นกวนที่เห็นชาวแคว้นฉู่ขยันขันแข็งถึงเพียงนี้ ก็ยิ่งทุ่มเททำงานหนักขึ้นกว่าเดิมจ้านเฉิงอิ้นออกคำสั่งให้ติดประกาศไว้ที่ประตูเมืองทั้งสี่ทิศ“ประชาชนในเมือง ผู้ใดทำการเพาะปลูกที่ดินหนึ่งหมู่ จะได้รับรางวัลข้าวปลายหนึ่งชั่ง”“เพาะปลูกที่ดินห้าหมู่ จะได้รับแป้งสาลีหรือข้าวฟ่างหนึ่งชั่ง”“เพาะปลูกที่ดินสิบหมู่ จะได้รับผักสดห้าชั่ง และเกลือหนึ่งถุง”“เพาะปลูกที่ดินยี่สิบหมู่ จะได้รับเนื้อสองชั่ง และผ้าหนึ่งม้วน”“เพาะปลูกที่ดินสามสิบหมู่ จะได้รับเครื่องมือเกษตรที่ใช้แล้วหนึ่งชุด สบู่กำมะถันหนึ่งก้อน ผ้าขนหนูหนึ่งผืน และชุดเครื่องใช้สแตนเลสหนึ่งชุด...”“เพาะปลูกที่ดินห้าสิบหมู่ขึ้นไป จะได้รับที่ดิน และกองทัพตระกูลจ้านจะช่วยสร้างบ้านให้ พร้อมทั้งจดทะเบียนกลายเป็นประชาชนของแคว้นต้าฉีถาวร!!”“รางวัลทั้งหมดนี้สามารถสะสมได้ ระหว่างช่วงเพาะปลูก จะมีข้าวต้มขาวสองมื้อทุกวัน โดยมีไข่และหมูสับรวมอยู่ด้วย...”เมื่อประกาศถูกเผยแพร่ออกไปเหล่าชาวบ้านผู้อพยพใหม่ที่เข้ามาในด่านเจิ้นกวน รวมถึงชาวแคว้นฉู่
เย่มู่มู่บินต่อเนื่องมาครึ่งเดือนเต็ม และในที่สุดก็กลับมาถึงเมืองร้านขายของโบราณได้รับการตกแต่งจนเสร็จเรียบร้อย พร้อมสำหรับการเปิดร้านในวันเปิดร้านและตัดริบบิ้น เธอนำไม้เนื้อดีล้ำค่าที่จ้านเฉิงอิ้นส่งมา ถูกนำมาทำเป็นผลิตภัณฑ์ครึ่งสำเร็จรูป แล้วนำมาวางขายในร้าน!ทั้งหมดนี้เป็นของที่แม่ทัพเฉินขุยส่งมาจากสำนักช่างไม้ ส่งเก้าอี้หวงหลีฮวาที่อยู่ในขั้นตอนทำเสร็จครึ่งเดียว...เปลไม้ขนาดเล็กและดาบไม้เล็กที่ทำจากไม้หนานมู่เนื้อทองชามไม้ใบเล็กและตัวต่อหลู่ปันที่ทำจากไม้ยินเฉิน...รวมทั้งหมดสิบกว่าชิ้นเธอขับรถกระบะเข้าไปในถนนสายของโบราณ ทั้งถนนประดับไปด้วยตะกร้าดอกไม้ตะกร้าดอกไม้เหล่านี้เป็นของขวัญแสดงความยินดีที่ส่งมาจากประธานสมาคมการค้าใหญ่ และนักธุรกิจผู้ทรงอิทธิพลเย่มู่มู่ขณะเดียวกันก็ยังพึมพำในใจนี่เป็นร้านของใครกัน ถึงกับเปิดในวันเดียวกับร้านของเธอแต่เมื่อเธอจอดรถตรงหน้าร้านของตัวเอง ก็เห็นตะกร้าดอกไม้นับไม่ถ้วนเรียงรายอยู่ยังไม่รวมบอดีการ์ดในชุดดำที่ยืนเรียงกันอย่างเป็นระเบียบอยู่สองฝั่งข้างร้าน กีดขวางหน้าประตูร้านอื่นจนหมด!แต่ไม่มีใครออกมาพูดอะไรสักคำ!เย่มู่มู่เห
เย่มู่มู่เปิดท้ายรถ หยิบเก้าอี้ไม้ตัวหนึ่งที่ยังไม่ได้ลงสีออกมา“ไม้หวงฮวาหลีท่านลองดูสิว่าใช่หรือเปล่า?”ผู้อาวุโสจางรับมาชั่งน้ำหนักในมือก่อนจะพิจารณาดูเนื้อไม้ใกล้ ๆ“มันคือไม้หวงฮวาหลีจริง ๆ!”“เก้าอี้ตัวนี้ผมเอา!”ผู้อาวุโสมู่พึ่งก้าวออกมาจากหน้าร้าน เห็นสองคนที่หน้าด้านแย่งกันซื้อของโบราณ เขาตะโกนเสียงดังลั่น “วางลง วางของลงเดี๋ยวนี้!”“ตอนนี้ ทุกคนถอยไป! ซ่งจือเซี่ยน ลู่เทา...ยังไม่รีบออกมาขนของอีก?”บรรดาผู้มีอิทธิพลต่างถอยกรูดทันทีหลังผู้อาวุโสมู่ตวาดลั่นเวินลี่ สวีหยาง ซ่งจือเซี่ยน และลู่เทารีบออกมาจากในร้านทันที พวกเขาช่วยกันยกของโบราณออกจากท้ายรถอย่างระมัดระวังวันนี้ ผู้อำนวยการหลี่เจิ้งชิงและรองผู้อำนวยการจางต่างก็มาแล้วเมื่อได้ยินเสียงเอะอะ พวกเขารีบเดินออกมาจากหน้าร้านทันทีที่เห็นเฟอร์นิเจอร์ไม้โบราณอายุกว่าสองพันปี ทั้งคู่ต่างรีบวิ่งกรูลงมาผู้อำนวยการหลี่มือสั่นเทา เมื่อรับชามไม้ที่ยังไม่ได้เคลือบ ใต้ก้นชามมีอักษรรูปภาพโบราณ เขาหัวเราะจนปากแทบหุบไม่ลง“มาถูกที่แล้ว มาคราวนี้คุ้มจริง ๆ!”จางหลินช่วยยกเก้าอี้อย่างระมัดระวัง เก้าอี้ตัวนั้นมีรูปทรงค
เย่มู่มู่เห็นคนงานในไซต์ก่อสร้างทำงานจนเหงื่อท่วมตัว เธอจึงเหมาซื้อน้ำและเครื่องดื่มทั้งหมดในตู้แช่ริมถนนคนงานแต่ละคนได้รับน้ำคนละขวด และไอศกรีมแท่งคนละแท่งในตู้เย็นยังมีของเหลือพอสำหรับรอบที่สองให้พวกเขาดื่มกินอีกหัวหน้าผู้รับเหมาเห็นว่าเย่มู่มู่เป็นคนพูดคุยง่าย จึงถามขึ้น“คุณหนูเย่ครับ แผนกบริหารตลาดการค้าเกษตร ท่านคิดจะให้ใครมาดูแลครับ? ได้คนแล้วหรือยัง?”“ถ้าท่านไม่ได้มาคอยดูเองบ่อย ๆ ก็ต้องหาคนที่ไว้ใจได้มาทำแทนนะครับ!”เย่มู่มู่ยิ้มแล้วตอบว่า “ไม่ต้องหรอกค่ะ ในเมื่อผู้ใหญ่บ้านแนะนำคุณมาให้ฉันได้ ฉันก็ไว้ใจคนที่เขาแนะนำได้เหมือนกัน!”หัวหน้าผู้รับเหมาหัวเราะเจื่อน ๆ “ช่วงสองสามปีนี้งานก่อสร้างไม่ค่อยดีเลยครับ อสังหาริมทรัพย์กำลังตกต่ำ งานหลายที่ยังไม่ได้รับค่าจ้าง ผมเองก็คิดอยากเปลี่ยนสายงานเหมือนกัน” เย่มู่มู่ไม่ได้ไม่เชื่อใจหัวหน้าผู้รับเหมา เพียงแค่ยังรู้จักเขาไม่มากพอ“พวกเรามาช่วยกันสร้างตลาดให้เสร็จก่อนนะคะ ท่านอยู่แถวนี้รู้จักคนเยอะ...”เย่มู่มู่ไม่ได้พูดต่อแต่หัวหน้าผู้รับเหมาเองก็ไม่ใช่คนซื่อจนไม่เข้าใจ เขาเข้าใจความหมายที่เย่มู่มู่ต้องการสื่อถ้าเขาทำงา
กระทั่งสื่อยังหันกล้องมาจ่อเขาหลังจากนั้นหลูหมิงและหลูซีที่อยู่บนรถก็ลงมาวันนี้ทั้งสองคนบรรจงแต่งตัว สวมชุดคลุมยาวเนื้อผ้าเดียวกับมั่วฝาน ทว่าคนละแบบ และผูกผมยาวไว้ตรงท้ายทอยหลูซีกระทั่งลวดมือหยิบกระบี่ยาววัสดุสไตล์โบราณเอาไว้ตลอดกระบี่ยาวอยู่ในมือเขา กลับกลมกลืนอย่างคาดไม่ถึง!เย่มู่มู่ให้เขาเลือกมาหนึ่งเล่ม จากในบรรดากระบี่ชื่อดังสิบกว่าเล่มที่เถ้าแก่โรงงานเลียนแบบของโบราณเคยส่งมา!เขาเลือกกระบี่มังกรเล่มหนึ่ง!ในวินาทีที่เย่มู่มู่ลงมาจากรถ เมื่อรองผู้อำนวยการจางได้ยินเสียงข่าว ก็ออกมาต้อนรับพวกเขาเข้าไปด้วยตนเอง“มู่ม่ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ ผมคิดว่าคุณจะมาถึงสายกว่านี้ซะอีก ไม่คิดเลยว่าจะมาเร็วที่สุด!”“มา ๆ เชิญชั้นบนเลย!”“พวกผู้อาวุโสจาง ผู้อาวุโสสวี่ ผู้อาวุโสมู่เขามาหรือยังคะ?”“ยังครับ เหล่าจางยังไม่ได้ขึ้นเครื่องบิน เหล่ามู่ยังเข้าสอนนักเรียนอยู่ ผู้อาวุโสสวี่อีกคนติดต่อไม่ได้ ไม่เป็นไรครับ ติดต่อกับผู้ช่วยของพวกเขาเรียบร้อยแล้ว ต้องมาอย่างแน่นอน เกรงก็แต่ว่าไม่ถึงวินาทีสุดท้ายของพิธีตัดริบบิ้น จะไม่โผล่หัวมา!”“คุณวางใจเถอะครับ ขอแค่คุณมาถึงแล้ว พวกเขาจะต้องมา
มั่วฝานจะไปยับยั้งการร่วมมือของราชสำนักกับกองทัพธงเหลือง โดยผ่านมุมมองนี้ได้ เป็นสิ่งที่เธอคิดไม่ถึงในบันทึกประวัติศาสตร์ไม่เป็นทางการ การตายของฮ่องเต้น้อย เกิดขึ้นหลังจากที่กองทัพธงเหลืองบุกเข้าไปในเมืองหลวง ฆ่าเขาขณะเกิดการนองเลือดในราชวังแน่นอนว่าในหนังสือประวัติศาสตร์บันทึกอย่างไม่เป็นทางการจดบันทึกอย่างเร่งรีบข้ามไปข้ามมา ไม่มีประโยคเพิ่มเติมมาเขียนถึงฮ่องเต้น้อยเลยคงเป็นเพราะตายในการนองเลือดที่ราชวัง!ทว่าตอนนี้มั่วฝานร้อนใจอยากจะฆ่าเขาให้ตาย เย่มู่มู่ไม่มีอะไรจะพูด“ในเมื่อเจ้าตัดสินใจแล้ว ข้าของให้เจ้าประสบความสำเร็จ”“แน่นอนว่า ก่อนเจ้าจะกลับไปต้าฉี่ พรุ่งนี้ข้าจะพาเจ้าไปที่หนึ่งก่อน!”มั่วฝานถามขึ้นว่า “สำคัญมากหรือไม่?”ตอนนี้เขาค่อนข้างร้อนใจกับต้าฉี่เย่มู่มู่ตอบ “สำคัญมาก พรุ่งนี้เช้าเราจะไปนั่งรถไฟความเร็วสูงกัน!”“คืนนี้พวกเจ้าพักผ่อนให้สบายใจ ทางนั้นยังมีจ้านเฉิงอิ้นอยู่”“เขาเป็นถึงโหวขั้นหนึ่งที่มีชื่อเสียงตั้งแต่อายุยังน้อย เติบโตมาอยู่ในค่ายทหารตั้งแต่เด็ก เคยรับมือกับแม่ทัพใหญ่ในสงครามมานับไม่ถ้วน!”“กะอีแค่การโจมตีของพันธมิตรไม่กี่ฝ่ายไม่ใช่หรือ? เ
มั่วฝานถามหลูหมิง หลูหมิงจึงบอกสถานการณ์ยากลำบากของกองทัพตระกูลจ้านเมื่อเขารู้ว่าฮ่องเต้น้อยร่วมมือกับกองทัพธงเหลืองก็พลันโพล่งเสียงหัวเราะออกมาขำไป ๆ ก็คุกเข่าร้องไห้กับพื้นเขารู้ทิศทางของประวัติศาสตร์ผู้อาวุโสยังถ่ายบันทึกประวัติศาสตร์อย่างไม่เป็นทางการ ที่บันทึกเกี่ยวกับต้าฉี่และจ้านเฉิงอิ้นมาให้เย่มู่มู่อ่านจากในหนังสือสะสมที่ไม่ได้เผยแพร่จากพิพิธภัณฑ์เย่มู่มู่พิมพ์ออกมา แล้วให้คนโบราณทั้งสามคนอ่านทิศทางสุดท้ายของประวัติศาสตร์จ้านเฉิงอิ้นตายอยู่ที่ด่านเจิ้นกวน กองทักตระกูลจ้านแหลกสลายตายทั้งกองทัพจริง ๆชาวบ้านด่านเจิ้นกวนถูกเผ่าหมาน แคว้นฉู่และฉีสังหารไปกึ่งหนึ่งในวันนั้นเลย!พวกเขาสังหารยังไม่พอ ไม่คิดเลยว่าจะย่างกินด้วยกินอยู่สามวันสามคืน และนำคนที่เหลือมาทำเป็นของแห้ง ขับไล่บุกโจมตีหัวเมืองอื่น ๆ ของต้าฉี่ตลอดทั้งทางเดิมทียังเจอการต้านทานบางส่วนอีกด้วย กองกำลังเล็ก ๆ ของสวีหวยหนึ่งแสนคนต้านทานเอาไว้ครู่หนึ่งแต่พบว่าสู้ไม่ได้ จึงรีบเผ่นออกไปทันทีเขารวมกับกองกำลังสองแสนคนของแม่ทัพลู่เดิมทีพวกเขาสามแสนคน ยังพอมีกำลังทำศึก ต้านทานทัพพันธมิตรฉู่ ฉีและเผ่า
หลังเย่มู่มู่ส่งของไป ก็หยุดไม่ได้เนื่องจากกองทัพตระกูลจ้านขาดคนไปห้าหมื่นคนในฉับพลัน ต้องรีบรับสมัครทหารใหม่หน้าไม้ราชวงศ์ฉิน ดาบม่อเตา ชุดเกราะ...ต้องสั่งมาอีกชุด!เกราะกันกระสุนต้องเติมสต็อกต่อให้ของเซี่ยเวยเอาไปหมดแล้ว กองทัพตระกูลจ้านที่เหลืออยู่ล่ะ?เธอติดต่อซื้อปลายข้าวกับเจ้าของร้านขายข้าวอีกแน่นอนว่าตอนต่อสายไปหาเขาก็เป็นเวลาดึกดื่นเที่ยงคืนแล้วแม้ทั้งสองคนจะเป็นพาร์ตเนอร์เปิดบริษัทการค้าต่างประเทศ ทว่าเขากับพี่เขยแทบจะไม่สนใจเลยกระทั่งเขายังคิดจะถอนหุ้นเสียด้วยซ้ำเนื่องจากเดือนที่แล้วเขาเปิดร้านสินค้าเกษตรและโภคภัณฑ์อีกร้านหนึ่ง ธุรกิจไม่ค่อยดีนัก กักตุนสินค้าไว้จำนวนมาก เงินทุนหมุนเวียนติดขัดเมื่อเอ่ยปากกับเย่มู่มู่ ความตั้งใจเดิมคือคิดจะยืมเงินเธอทว่าเย่มู่มู่เข้าใจปิด ถอนหุ้นให้เขาทันทีโดยไม่พูดพร่ำทำเพลงโอนเงินไปยังบัญชีเขาแม้จะบอกว่าความร่วมมือไม่สำเร็จ ทว่าการซื้อขายยังอยู่ หากเย่มู่มู่แสดงออกว่าต้องการ จะยังซื้อข้าวจากร้านของเขาต่อประโยคเดียวทำเอาเจ้าของร้านขายข้าวอัดอั้นแทบแย่ทว่าเย่มู่มู่จะซื้อธัญพืชตอนดึกดื่นเที่ยงคืน ทำเอาเขาดีใจเป็นอย่า
ด้านในล้างจนสะอาดหมดแล้วเย่มู่มู่กลิ้งถังน้ำเข้าไปในบ่อน้ำข้าง ๆ โดยตรง ใส่น้ำเข้าไปโดยอัตโนมัติครึ่งชั่วโมง ทั้งหมดก็ถูกใส่จนเต็มนาทีสุดท้ายในสี่ชั่วโมง รถบรรทุกน้ำมันยี่สิบคันขับเข้ามาอีกฝ่ายสวมหน้ากากอนามัยและแว่นดำ ไร้ซึ่งความเกรงใจ ให้เย่มู่มู่โอนทั้งหมดจ่ายเงินของรถบรรทุกน้ำมันพร้อมกันทีเดียวหลังเย่มู่มู่จ่ายเงิน สีหน้าของคนที่นำขบวนมาถึงค่อย ๆ ผ่อนคลายขึ้นมาพวกเขาขับรถเก๋งสองสามคันกลับไปเวลานี้ฟ้ามืดสนิทแล้วเย่มู่มู่มองเวลา ระยะเวลาสี่ชั่วโมงยังเหลือไม่กี่นาทีสุดท้ายเธอใส่รถบรรทุกน้ำมันทั้งหมดเข้าไปในที่ว่างเปล่าตอนนี้ที่เธอทำได้ก็ทำหมดแล้วที่ช่วยได้ก็พยายามช่วยสุดความสามารถส่วนทางกองกำลังห้าหมื่นคนของเซี่ยเวยนั้น จะปกป้องแคว้นเยี่ยนเอาไว้ได้หรือไม่เธอทำได้เพียงรอดูแล้วแต่เธอหวังว่าเซี่ยเวยจะปกป้องเอาไว้ได้หากราบรื่นก็ผลัดเปลี่ยนแผ่นดินแคว้นเยี่ยนเช่นนั้นความปรารถนาที่จะรวมทั้งใต้หล้าเป็นหนึ่งเดียว แว่นแคว้นแรกก็บรรลุผลแล้วเมื่อเย่มู่มู่คิดมาถึงตรงนี้ ความรู้สึกเหนื่อยล้าก็แผ่ซ่านขึ้นมาทั้งตัวแวบหนึ่งพร้อมกับพลันตื่นเต้นขึ้นมาเธอหวังเป็นอย
เวินลี่ตอบตกลงว่าจะหารถบรรทุกน้ำมันมาให้ ภายใต้การรับรองซ้ำแล้วซ้ำเล่าของเย่มู่มู่ส่วนจำนวนที่แน่ชัด ยังตอบตกลงไม่ได้เย่มู่มู่กระทั่งพูดกับเธออย่างกล้าหาญว่า หวังว่าจะรวมไปถึงปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งด้วยแบบนั้นจะได้ขนน้ำมันมาได้อย่างต่อเนื่องในเวลานี้เอง เวินลี่ก็ตัดสายทิ้งไปเลยรวมถึงปั๊มน้ำมันด้วยภูมิหลังไม่เท่าไร ไม่มีเส้นสายบริษัทน้ำมัน จึงไม่ได้โควตา...ยากเป็นอย่างมาก!สำเร็จเรียบร้อย เย่มู่มู่ยังหาโรงงานที่ทำขนส่งถังใส่น้ำในพื้นที่ และเหมาสต็อกทั้งหมดเงื่อนไขเพียงหนึ่งเดียวคือต้องล้างภายในถังเหล็กให้สะอาด และฆ่าเชื้อให้เรียบร้อยขนมาภายในสามชั่วโมงเธอต้องการบรรจุน้ำใส่ถังใหญ่เหล่านี้ให้เรียบร้อย แล้วใส่ในที่ว่างเปล่าภายในแจกันผ่านไปครึ่งชั่วโมง รถขนส่งหลาบขบวน ขับมาถึงใต้ตีนเขาเย่มู่มู่ตรวจสอบถังน้ำมัน ทั้งหมดถูกเติมจนเต็มแล้วน้ำมันเครื่อง น้ำยาล้างกระจกและอะไหล่ต่าง ๆ เตรียมไว้ครบหมดแล้วขบวนรถล็อตแรกยี่สิบคัน เธอจ่ายเงินค่าเช่าหนึ่งปีเลยเงินนี้แทบจะซื้อรถบรรทุกเก่า ๆ ได้สักคันแล้วหัวหน้าของขบวนรถที่มองอยู่อึ้งไปเลย เธอแก้ไขสัญญากับมือ บอกว่าหากหนึ่งปียั
ความกดดันที่เขาเผชิญในตอนนี้ มากมายเสียยิ่งกว่าพวกเขากลับไปป้องกันแคว้นเยี่ยนเสียอีกทว่ากลับตัดสินใจให้พวกเขากลับไปปกป้องเมืองอย่างแน่วแน่ความเชื่อใจนี้ บุญคุณนี้ พวกเขาหกคนจะไม่มีวันลืมทั้งหกคนลุกขึ้นขอตัวลากับจ้านเฉิงอิ้นทันทีจ้านเฉิงอิ้นให้เวลาพวกเขาได้เตรียมตัวเพียงสองชั่วยามเท่านั้นผ่านไปสองชั่วยาม ต้องออกเดินทางกลับแคว้นเยี่ยนเมื่อเย่มู่มู่ได้ยินเรื่องนี้ ก็ถามจ้านเฉิงอิ้น...“ตอนนี้มีรถกี่คัน? อาหารกับแหล่งน้ำล่ะ?”คนห้าหมื่นคนกลับไปรักษาป้องกัน และช่วงชิงเวลากับแคว้นฉู่และฉีสองแคว้นตามแผนที่ที่จ้านเฉิงอิ้นส่งมา และคำอธิบายของหลูซีกับหลูหมิง แคว้นฉู่และฉีอยู่ใกล้กับแคว้นเยี่ยนมากกว่า...พวกเขารีบกลับไปป้องกัน...และยังต้องต้องแก้ปัญหาอาหารการกิน และน้ำท่าของราษฎรเมืองหลวงแคว้นเยี่ยนให้เรียบร้อย ราษฎรแคว้นเยี่ยนจะได้มีกำลังมาสนับสนุนพวกเขาอย่างเต็มที่อย่าว่าแต่ผลัดเปลี่ยนแผ่นดินเลย ขอเพียงพวกเขามีน้ำและอาหาร ก็ถูกสนับสนุนให้เป็นฮ่องเต้แล้วฉะนั้น ตอนนี้จ้านเฉิงอิ้นยังมีเสบียงอีกเท่าไร?จ้านเฉิงอิ้นกล่าว “รถบรรทุกยี่สิบคัน รถบรรทุกขนาดกลางสามสิบคัน รถเล็กสิบค
เหตุใดจ้านเฉิงอิ้นจะไม่รู้ถึงความกดดันของห้าหมื่นคน ที่ต้องเผชิญหน้ากับคนห้าแสนคนแม้จะช่วงชิงภูเขาเหมืองและระเบิดโรงงานดินปืนทิ้งไปแล้ว สูญเสียไปหนึ่งแสนคนยังมีอีกสี่แสนคนแต่เขาเองก็รู้ว่า จะให้ไปเฝ้าเมืองหลวงแคว้นเยี่ยนเอาไว้ มีเพียงเซี่ยเวยที่มีเหตุผลและน่าเชื่อถือที่สุดจ้านเฉิงอิ้นสั่งให้เถียนฉินตามตัวเซี่ยเวยและทหารกลุ่มหนึ่งมาพวกเขาทุกคนกึ่งคุกเข่าพร้อมพยักหน้าจ้านเฉิงอิ้นมองพวกเขา หลังจากอยู่ด้วยกันมาระยะหนึ่ง ความรู้สึกของทุกคนก็ยิ่งลึกซึ้งมากขึ้นวันนี้เมื่อยืนยันว่าฮ่องเต้แคว้นเยี่ยนนำกองกำลังทหารทั้งหมดมายังต้าฉี่จะต้องมีกองกำลังแคว้นอื่นที่ฉวยโอกาสช่วงโกลาหลเข้ามาแน่พวกเขาจะต้องเฝ้าเอาไว้ให้ดีจ้านเฉิงอิ้นกล่าว “ตามรายงานที่น่าเชื่อถือได้ เยี่ยนซวี่รวบรวมกองกำลังสองแสนห้าหมื่นนายสุดท้ายของแคว้นเยี่ยนนำมาที่ต้าฉี่ เพื่อจัดการข้าและกองทัพตระกูลจ้าน...”พวกเซี่ยเวย จ้าวเฉียนต่างพากันเงยหน้าขึ้นมา พวกเขาเผยสีหน้าคาดไม่ถึงออกมาในทันใดกระทั่งเซี่ยเวยเอ่ยปากออกมาด้วยความตกตะลึง “เขาบ้าไปแล้วหรือ? รวบรวมกำลังทหารทั้งหมดมาที่ต้าฉี่ เพื่อจัดการท่านเนี่ยนะ?”“หากแ
ขับตรงไปยังเมืองหลวงของแคว้นเยี่ยนโดยตรง ชักอาวุธออกมา กวาดล้างกองทหารประจำการณ์ในเมืองหลวงของพวกเขา ฆ่าขุนนางในราชสำนัก ให้ดีที่สุดต้องเอาเลือดของราชวงศ์แคว้นเยี่ยนล้างรอบหนึ่งด้วยหากให้คนพวกเขาได้อีกสองสามหมื่นคน เขาสามารถผลัดเปลี่ยนแผ่นดินแคว้นเยี่ยนได้เลย!เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ หลี่หยวนจงก็อดรนทนไม่ไหวที่จะออกเดินทางเมื่อเลือกจำนวนคนเรียบร้อยแล้ว ก็เลือกทหารผ่านศึกของกองทัพตระกูลจ้านสองในสามส่วนเมื่อจ้านเฉิงอิ้นไป ทิ้งทหารผ่านศึกเอาไว้สองสามพันนายคนพวกนี้ส่วนใหญ่เป็นลูกน้องเบื้องล่างของหลี่หยวนจงและยังมีทหารเบื้องล่างของอู๋ลี่ที่ฝีมือไม่เลวส่วนหนึ่งพวกเขาไม่เคยผ่านกลิ่นคาวเลือดและความโหดร้ายของสนามรบมาก่อน ครั้งนี้ถือเสียว่าเป็นประสบการณ์ขับรถไปกลับรวดเร็วเป็นอย่างมาก!หลังทั้งสองคนหารือกันเสร็จ ตอนค่ำก็ออกเดินทางวันนี้ อู๋ลี่กับหน่วยเก่าของสวีหวยทะเลาะกัน จะแพร่งพรายออกไปทั้งค่ายทหาร และแพร่งพรายไปทั่วทั้งด่านเจิ้นกวน...หัวข้อบทสนทนาหลังกินข้าวที่ทุกคนพูดคุยกันอย่างสนุกสนานไม่หยุด คืออู๋ลี่เลาะกับเว่ยโจวกองกำลังทั้งสองฝั่งลงไม้ลงมือ ซัดกันจนกระโจมพังไปหมดผลลั