คำพูดไม่มีเค้าของจ้านเฉิงอิ้น ทำมั่วฝานชะงักอยู่กับที่ ครู่หนึ่งผ่านไปดวงตาเขาพลางแดงก่ำเขากล่าวอ้ำอึ้ง “ไทเฮาผู้อาวุโสเอ็นดูข้าเป็นที่สุด ข้าไม่อาจทนมองพะองค์ตายจากไป!”“จะให้กองทัพธงเหลืองบุกเข้าเมืองหลวงไม่ได้ ท่านพ่อท่านแม่ของข้าและคนทั้งตระกูลมั่ว…อยู่ที่เมืองหลวงทุกคน”“จ้านเฉิงอิ้น พลเมืองในเมืองหลวงช่างบริสุทธิ์เหลือเกิน ท่านทนมองกองทัพธงเหลืองบุกฝ่าไปถึงเมืองหลวงได้จริงหรือ?”จ้านเฉิงอิ้นถามอีกครั้ง “เจ้าเชื่อท่านเทพหรือไม่?”ใช่ นี่คือสิ่งที่ท่านเทพกล่าวไว้!บางทีถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่น เขาจะตำหนิผู้นั้นพูดจาพล่อย ๆ จะรู้สึกโมโหและลากตัวผู้นั้นออกไปฆ่าทิ้งแต่ผู้ที่ทำนายเป็นท่านเทพเป็นท่านเทพที่เคยช่วยชีวิตนับไม่ถ้วนรอดมาได้!จ้านเฉิงอิ้นเดินเข้ามาตบไหล่ปลอบใจเขา“ท่านเทพเคยกล่าวไว้ ในบันทึกประวัติศาสตร์ ตัวข้าคนเดียวยืนอยู่บนภูเขาซากศพและทะเลเลือด ปลายกระบี่ชี้ไปยังนายทหารหนึ่งแสนคนของแคว้นฉี่ สุดท้ายสิ้นชีพใต้ดาบของพวกเขา”“ประวัติศาสตร์ที่แท้จริงเป็นอย่างไร ไม่มีความสำคัญด้วยซ้ำ! เจ้าดูสิ วันนี้แม่ทัพข้ายังมีชีวิตอยู่และสบายทีเดียว”“พวกเราได้พบท่านเทพ มีชีวิตรอ
“ขอรับ แม่ทัพ!”จากนั้นเถียนฉินยื่นบัตรเชิญหลายฉบับให้เขา“แม่ทัพ ท่านมีอ่างขุมทรัพย์กับตัว ในที่สุดก็ไม่อาจปกปิดต่อไปได้อีก”“นี่คือบัตรเชิญจากสมาคมการค้าขนาดใหญ่จากแคว้นอื่น พวกเขาอยากแลกเปลี่ยนการค้ากับท่าน!”จ้านเฉิงอิ้นวางหนังสือในมือลงพ่อค้ามีชนชั้นทางสังคมต่ำสุดในแคว้นต้าฉี่ แคว้นอื่น ๆ ก็เช่นเดียวกันแต่พ่อค้ากลับเป็นกลุ่มคนที่ร่ำรวยที่สุดถึงแม้ท่านเทพส่งเสบียงมาให้ไม่ขาดสาย แต่ก็ยังต้องใช้เงินจำนวนมหาศาลในการสั่งซื้อฉะนั้น ถ้าในมือพ่อค้าเหล่านี้ มีสิ่งที่ท่านเทพต้องการหรือสิ่งของที่น่าสนใจเขาจะนำมาถวายให้ท่านเทพ“เอาบัตรเชิญให้ข้าดูหน่อย…”เถียนฉินยื่นบัตรเชิญนับสิบใบด้วยสองมือจำนวนมากเพียงนี้ นับว่าเกินความคาดหมายของจ้านเฉิงอิ้นมากบัตรเชิญสองสามใบด้านหน้าสุด ล้วนเป็นของสมาคมการค้าขนาดใหญ่ไม่กี่กลุ่มที่อยู่ในอาณาเขตหัวเซี่ยมีกลุ่มต้องการน้ำ มีกลุ่มต้องการเสบียงอาหาร…พวกเขายินยอมที่จะส่งทองคำนับหมื่น เพื่อต้องการแลกเปลี่ยนเสบียงอาหารและน้ำกับจ้านเฉิงอิ้นแน่นอนว่า พวกเขาอยากเข้ามาทำการค้าในด่านเจิ้นกวนมากกว่าจะเข้าด่านเจิ้นกวนต้องมีใบผ่านด่านและอนุญาตเ
จ้านเฉิงอิ้นเบิกตาอย่างดุดัน สีหน้าตึงเครียด“กองทัพธงเหลืองมีความเป็นมาอย่างไร?”มั่วฝานหยิบม้วนเอกสารลับออกมาจากอกเสื้อ แล้วส่งให้จ้านเฉิงอิ้นด้วยสองมือจ้านเฉิงอิ้นดึงกระดาษสีขาวในกระบอกไม้ไผ่ออกมา เขาเปิดเอกสารลับนั้นอย่างระมัดระวังข้อความเขียนโดยหน่วยกล้าตาย พวกเขาไม่สามารถเข้าถึงบุคคลสำคัญในระดับสูงได้ สมาชิกทั้งหมดในตอนนี้ กินโจ๊กที่ทำจากข้าวฟ่างข้าวฟ่างสะอาดมาก ไม่มีกรวดปะปน ไม่มีการผสมเปลือกข้าวและรำข้าวข้าวฟ่าง หรืออีกชื่อคือข้าวเม็ดเล็ก เป็นสิ่งที่ท่านเทพประทานมาให้จำนวนมาก ชาวบ้านในด่านเจิ้นกวนกลับชอบกินข้าวขาวและแป้งสาลีมากกว่า ข้าวขาวนำมาทำเป็นโจ๊ก ส่วนแป้งสาลีนำมาทำเป็นแป้งเหลวหรือก้อนแป้งข้าวเม็ดเล็กกลับไม่มีใครเต็มใจจะแลก ดังนั้นจึงถูกกองไว้ในคลังเสบียงปัจจุบันนี้ ความอดอยากเกิดขึ้นมาหนึ่งปีแล้ว ธัญพืชไม่สามารถเจริญเติบโตได้ แม้จะมีข้าวเก็บ ก็ไม่อาจเพียงพอเลี้ยงคนจำนวนมากขนาดนี้ได้ผู้ที่อยู่เบื้องหลังกองทัพธงเหลือง เกรงว่าคงมาจากโลกเดียวกับเทพเจ้าใต้กระดาษสีขาวนั้น มีภาพวาดของอาวุธที่กองทัพธงเหลืองใช้งานส่วนใหญ่เป็นดาบและกระบี่ รวมถึงอาวุธทหารรูป
เธอค้นหาหนังสือจากในตู้หนังสือแถมหนังสือเล่มหนึ่งชื่อ “อุดมการณ์และแนวคิดของมาร์กซิสต์-เลนินนิสต์”เธอถอดม้วนกระดาษบทกวีที่มีชื่อว่า “วสันต์สวนชิ่น : หิมะ” ที่แขวนอยู่บนผนังลงมาเธออุ้มหนังสือที่ซ้อนทับ พร้อมเขียนข้อความลงบนกระดาษ ส่งหนังสือที่ล้ำค่า รวมถึงม้วนบทกวีเหล่านี้ขอให้เขาอ่านให้จบก่อนส่วนเรื่องการบริหารจัดการชาวบ้านในชายแดนด่านเจิ้นกวนอย่างไรในอนาคต เธอจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวอย่างไรก็ตาม หากมีการก่อกบฏทุกพื้นที่ หากต้องการดึงกองกำลังก่อกบฏอื่น ๆ มาเข้าพวก จะต้องพิจารณาปัญหาจากจุดยืนของพวกเขาต้องทำให้ชาวบ้านจำนวนมากมีชีวิตรอดต่อไปให้ได้ส่วนแคว้นต้าฉี่ในตอนนี้ เธอยังไม่แน่ใจว่าระบบที่ใช้อยู่คือระบบทาสหรือระบบศักดินาเย่มู่มู่โยนแท็บเล็ตและกระดาษข้อความลงไปจากนั้นก็ใส่หนังสือจำนวนหนึ่งกับม้วนภาพม้วนหนึ่งลงในแจกันในตอนนั้น คนหวงโทรศัพท์หาเธอ แจ้งว่าขบวนรถห้าคันของพวกเขาเดินทางมาถึงโกดังที่ตีนเขาแล้ว เถ้าแก่ชียังส่งรถบรรทุกปลายข้าวมาอีกหนึ่งคัน ตอนนี้กำลังจอดรถเพื่อขนถ่ายสินค้าอยู่ที่ตีนเขา เย่มู่มู่กอดแจกันไว้แน่นก่อนจะขับรถกระบะลงจากภูเขา *จ้านเฉิงอิ้
หลังจากรถขุดถูกส่งลงมา จ้านเฉิงอิ้นสั่งให้เฉินขุยไปหาคนมาเรียนรู้วิธีการใช้งานรถขุดในชั่วพริบตา เหล่าทหารผ่านศึกพากันล้อมเฉินขุยแน่นขนัด ต่างแย่งกันอยากเรียนวิธีขับรถขุดผู้ที่ได้ขับเครื่องจักรยักษ์ใหญ่เช่นนี้ คงจะดูสง่างามและทรงอำนาจนี่จึงถือเป็นทักษะชั้นเลิศที่ทุกคนล้วนอยากได้ในค่ายทหาร ผู้ที่ขับรถบรรทุกใหญ่ได้ จะได้รับอาหารทุกมื้อเทียบเท่ากับเหล่าแม่ทัพแถมยังมีสิ่งของพิเศษ เช่น สบู่ ผ้าขนหนู และผงซักฟอกปริมาณเสบียงที่ได้รับก็เป็นสองเท่าของทหารผ่านศึก...มีแม่สื่อไม่น้อยที่แย่งกันมาทาบทามให้เขาแต่งงาน จนธรณีประตูแทบพังยิ่งไปกว่านั้น ชายเช่นนี้เพียงแค่ก้าวออกจากบ้าน ก็สามารถเก็บผ้าเช็ดหน้าได้เป็นสิบผืน ในอกเต็มไปด้วยขนมของว่างถึงขั้นมีสาวแรกรุ่นหลายคนมาเยือนถึงหน้าประตูบ้าน แย่งกันประกาศตัวอยากแต่งงานกับเขาเหล่าทหารหนุ่มโสดในค่าย ต่างอิจฉาตาร้อน!เฉินขุยถูกทหารผ่านศึกรุมล้อมจนก้าวเดินไปอย่างยากลำบาก สุดท้าย มั่วฝานจึงต้องเข้ามาช่วยลากเขาออกมาได้สำเร็จ!หลังจากนั้น มั่วฝานก็กลายเป็นบุรุษคนแรกที่ได้ขับรถขุดในค่ายทหาร!*ที่ด่านเจิ้นกวน ในคืนที่จันทร์กระจ่างดาราริบหร
นี่คือสิ่งที่ฝังลึกอยู่ในสายเลือดของพวกเขา หยุดพักแค่วันเดียวก็รู้สึกผิดแล้วชาวบ้านที่ด่านเจิ้นกวนที่เห็นชาวแคว้นฉู่ขยันขันแข็งถึงเพียงนี้ ก็ยิ่งทุ่มเททำงานหนักขึ้นกว่าเดิมจ้านเฉิงอิ้นออกคำสั่งให้ติดประกาศไว้ที่ประตูเมืองทั้งสี่ทิศ“ประชาชนในเมือง ผู้ใดทำการเพาะปลูกที่ดินหนึ่งหมู่ จะได้รับรางวัลข้าวปลายหนึ่งชั่ง”“เพาะปลูกที่ดินห้าหมู่ จะได้รับแป้งสาลีหรือข้าวฟ่างหนึ่งชั่ง”“เพาะปลูกที่ดินสิบหมู่ จะได้รับผักสดห้าชั่ง และเกลือหนึ่งถุง”“เพาะปลูกที่ดินยี่สิบหมู่ จะได้รับเนื้อสองชั่ง และผ้าหนึ่งม้วน”“เพาะปลูกที่ดินสามสิบหมู่ จะได้รับเครื่องมือเกษตรที่ใช้แล้วหนึ่งชุด สบู่กำมะถันหนึ่งก้อน ผ้าขนหนูหนึ่งผืน และชุดเครื่องใช้สแตนเลสหนึ่งชุด...”“เพาะปลูกที่ดินห้าสิบหมู่ขึ้นไป จะได้รับที่ดิน และกองทัพตระกูลจ้านจะช่วยสร้างบ้านให้ พร้อมทั้งจดทะเบียนกลายเป็นประชาชนของแคว้นต้าฉีถาวร!!”“รางวัลทั้งหมดนี้สามารถสะสมได้ ระหว่างช่วงเพาะปลูก จะมีข้าวต้มขาวสองมื้อทุกวัน โดยมีไข่และหมูสับรวมอยู่ด้วย...”เมื่อประกาศถูกเผยแพร่ออกไปเหล่าชาวบ้านผู้อพยพใหม่ที่เข้ามาในด่านเจิ้นกวน รวมถึงชาวแคว้นฉู่
เย่มู่มู่บินต่อเนื่องมาครึ่งเดือนเต็ม และในที่สุดก็กลับมาถึงเมืองร้านขายของโบราณได้รับการตกแต่งจนเสร็จเรียบร้อย พร้อมสำหรับการเปิดร้านในวันเปิดร้านและตัดริบบิ้น เธอนำไม้เนื้อดีล้ำค่าที่จ้านเฉิงอิ้นส่งมา ถูกนำมาทำเป็นผลิตภัณฑ์ครึ่งสำเร็จรูป แล้วนำมาวางขายในร้าน!ทั้งหมดนี้เป็นของที่แม่ทัพเฉินขุยส่งมาจากสำนักช่างไม้ ส่งเก้าอี้หวงหลีฮวาที่อยู่ในขั้นตอนทำเสร็จครึ่งเดียว...เปลไม้ขนาดเล็กและดาบไม้เล็กที่ทำจากไม้หนานมู่เนื้อทองชามไม้ใบเล็กและตัวต่อหลู่ปันที่ทำจากไม้ยินเฉิน...รวมทั้งหมดสิบกว่าชิ้นเธอขับรถกระบะเข้าไปในถนนสายของโบราณ ทั้งถนนประดับไปด้วยตะกร้าดอกไม้ตะกร้าดอกไม้เหล่านี้เป็นของขวัญแสดงความยินดีที่ส่งมาจากประธานสมาคมการค้าใหญ่ และนักธุรกิจผู้ทรงอิทธิพลเย่มู่มู่ขณะเดียวกันก็ยังพึมพำในใจนี่เป็นร้านของใครกัน ถึงกับเปิดในวันเดียวกับร้านของเธอแต่เมื่อเธอจอดรถตรงหน้าร้านของตัวเอง ก็เห็นตะกร้าดอกไม้นับไม่ถ้วนเรียงรายอยู่ยังไม่รวมบอดีการ์ดในชุดดำที่ยืนเรียงกันอย่างเป็นระเบียบอยู่สองฝั่งข้างร้าน กีดขวางหน้าประตูร้านอื่นจนหมด!แต่ไม่มีใครออกมาพูดอะไรสักคำ!เย่มู่มู่เห
เย่มู่มู่เปิดท้ายรถ หยิบเก้าอี้ไม้ตัวหนึ่งที่ยังไม่ได้ลงสีออกมา“ไม้หวงฮวาหลีท่านลองดูสิว่าใช่หรือเปล่า?”ผู้อาวุโสจางรับมาชั่งน้ำหนักในมือก่อนจะพิจารณาดูเนื้อไม้ใกล้ ๆ“มันคือไม้หวงฮวาหลีจริง ๆ!”“เก้าอี้ตัวนี้ผมเอา!”ผู้อาวุโสมู่พึ่งก้าวออกมาจากหน้าร้าน เห็นสองคนที่หน้าด้านแย่งกันซื้อของโบราณ เขาตะโกนเสียงดังลั่น “วางลง วางของลงเดี๋ยวนี้!”“ตอนนี้ ทุกคนถอยไป! ซ่งจือเซี่ยน ลู่เทา...ยังไม่รีบออกมาขนของอีก?”บรรดาผู้มีอิทธิพลต่างถอยกรูดทันทีหลังผู้อาวุโสมู่ตวาดลั่นเวินลี่ สวีหยาง ซ่งจือเซี่ยน และลู่เทารีบออกมาจากในร้านทันที พวกเขาช่วยกันยกของโบราณออกจากท้ายรถอย่างระมัดระวังวันนี้ ผู้อำนวยการหลี่เจิ้งชิงและรองผู้อำนวยการจางต่างก็มาแล้วเมื่อได้ยินเสียงเอะอะ พวกเขารีบเดินออกมาจากหน้าร้านทันทีที่เห็นเฟอร์นิเจอร์ไม้โบราณอายุกว่าสองพันปี ทั้งคู่ต่างรีบวิ่งกรูลงมาผู้อำนวยการหลี่มือสั่นเทา เมื่อรับชามไม้ที่ยังไม่ได้เคลือบ ใต้ก้นชามมีอักษรรูปภาพโบราณ เขาหัวเราะจนปากแทบหุบไม่ลง“มาถูกที่แล้ว มาคราวนี้คุ้มจริง ๆ!”จางหลินช่วยยกเก้าอี้อย่างระมัดระวัง เก้าอี้ตัวนั้นมีรูปทรงค
เพื่อให้คนในหมู่บ้านมีชีวิตรอด พวกเขาจึงคิดเอาสมบัติเงินทองออกมา และนำไปแลกเสบียงอาหารที่หัวเมืองใหญ่ ให้ชาวบ้านที่ใกล้จะหิวตายในหมู่บ้านได้มีชีวิตอยู่ต่อไปได้!ทว่าไม่รู้เพราะเหตุใด เมื่อข่าวแพร่หลายออกไป เพียงพวกเขาก้าวออกจากหมู่บ้านก็ถูกคนจ้องจะเล่นงาน หลังจากนั้นก็จะถูกโจรเร่ร่อนปล้นทำอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงส่งชายหนุ่มในหมู่บ้านไปแลกเสบียงด้วยกันเท่านั้น ถึงไม่ถูกคนดักปล้นอีกคงเป็นเพราะมีแต่ชายหนุ่ม ก่อตั้งเป็นกลุ่มจนโดดเด่นได้รับความสนใจจากผู้คนพวกเขาจึงกลายเป็นกองกำลังกบฏไปอย่างไร้สาเหตุชายหนุ่มในหลายหมู่บ้านใกล้ ๆ มาขอพึ่งพิง แต่ในยามนี้ไม่ว่าผู้ใดก็ลำบาก อู๋ลี่ทนเห็นชาวบ้านหิวตายไม่ไหว จึงรับเข้ามาทั้งหมดคนที่ตามมารวมกลุ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ พวกเขาเตรียมจะไปซื้อเสบียงอาหารที่หัวเมืองอื่น...สุดท้ายทุกที่ไม่มีเสบียงอาหาร หลายคนใกล้จะหิวตาย ในขณะที่กำลังสิ้นหวังที่สุด...อู๋ลี่ติดอยู่ที่จังหวะสำคัญ น้ำเสียงแหบพร่า พูดต่อไม่ไหว ตอนนี้คอเขาแห้งผากจนแทบจะเกิดควันลอยขึ้นมาชาวบ้านยังอยากฟังต่อ จึงรีบส่งชามกระเบื้องที่ใส่น้ำเอาไว้ในมือไปเขารับมาอย่างไม่เกรงใจ หลังดื่มไปหลายอ
แม่ทัพทุกนายต่างพากันอึ้ง!ไม่กล้าจินตนาการเลยว่า คนพวกนี้คือกองกำลังกบฏชาวนาที่กองทัพธงเหลืองกับกองทัพลู่เจ๋ออยากดึงมาเป็นพวก!ถูกแม่ทัพเฉินอู่พามายังด่านเจิ้นกวนทั้งหมดแล้ว!นี่มันตั้งสองแสนคนเชียว!มาที่ด่านเจิ้นกวนพร้อมกัน ไหนจะมีครอบครัวของพวกเขาอีก ลากถูลู่ถูกังคนทั้งครอบครัวเดินทางไกลบุกป่าฝ่าดงมาถึงด่านเจิ้นกวน!จำนวนคนของด่านเจิ้นกวนเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว กำลังทหารพุ่งถึงสามแสนนาย!ตอนนี้แม้แคว้นฉู่แคว้นฉีเผ่าหมานสามฝ่าย พร้อมร่วมมือกับแคว้นเยี่ยนและแคว้นหย่งมาโจมตีด่านเจิ้นกวนก็ไม่ต้องกลัวอีกต่อไปแล้ว!เนื่องจากด่านเจิ้นกวนไม่ขาดกำลังทหารอีกต่อไป!จ้านเฉิงอิ้นขึ้นควบม้า แล้วเอ่ยกับนายทหารคนอื่น ๆ ว่า “ไป ไปต้อนรับเฉินอู่กลับเมือง!”“ขอรับ แม่ทัพ!”นายทหารหลายนาย พร้อมกับนายกองของสวีหวย ห้อตะบึงม้าไปยังประตูเมืองอย่างรวดเร็วครั้นเหล่าชาวบ้านได้ยินว่าแม่ทัพเฉินอู่กลับมาแล้ว ก็วางงานในมือลง และมาต้อนรับแม่ทัพหวนกลับยังประตูเมืองโดยสัญชาตญาณพวกเขานำน้ำใส่กาน้ำและชามกระเบื้องมาด้วย ชาวบ้านบางคนต้มโจ๊กที่บ้าน และถือโจ๊กมารอที่หน้าประตูเมืองผ่านไปหนึ่งชั่วยาม เมื่อทุก
“หารู้ไม่ นอกเมืองยังขุดหญ้าแห้งกับหาเปลือกไม้ได้ ทว่าในเมืองกระทั่งผืนหญ้ารากหญ้ายังถูกขุดจนเกลี้ยง แลกลูกกินกันเป็นอาหารมีให้เห็นไปทั่ว!”“มีเพียงด่านเจิ้นกวนที่เดียวที่ต่างออกไป ชาวบ้านหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส แววตามีชีวิตชีวา พวกเขามีแปลงนาเพาะปลูก มีน้ำดื่ม...มอหนำซ้ำแม่ทัพยังมอบแปลงนาให้ทุกครัวเรือนอีกด้วย ปลูกผักผลไม้มีผลผลิตเลี้ยงตัวเองได้!”“เมื่อเทียบกับโลกภายนอก ด่านเจิ้นกวนคือดินแดนในอุดมคติจริง ๆ! ข้าไม่อยากไปแล้ว!”“พวกนั้นที่ซ่งจิ้นพามาด่านเจิ้นกวน เขาตายก็ตายไปแล้วกัน”“ข้ากับมั่วหย่งส่งสาสน์ให้ราชสำนัก บอกว่าซ่งจิ้นถูกโจรเร่ร่อนฆ่าตาย ไม่เกี่ยวข้องกับด่านเจิ้นกวน”“ส่วนเรื่องส่งกองกำลังไปราบกองทัพธงเหลือง แม่ทัพ เราจะตอบกลับราชสำนักว่าอย่างไรกันดี?”เวลานี้จะยื้อออกไปตลอดไม่ได้ ต้องหาข้ออ้างถูไถไป!เห็นได้ชัดว่าทั้งสองท่านนี้ฉลาดกว่าซ่งจิ้น ตั้งแต่จ้านเฉิงอิ้นไม่รับแขก ก็รู้แล้วว่าเขาจะไม่ส่งกองกำลังไปแน่นอนหากไม่ส่งกองกำลังก็ต้องหาข้ออ้างมาปิดปากพวกคนหมู่มากที่กลับขาวเป็นดำในราชสำนักเอาไว้จ้านเฉิงอิ้นตอบ “เผ่าหมานยังมีกำลังคนอีกสองแสนนาย ยกทัพใหญ่มาบุกประชิดพรม
ทหารผ่านศึกชักดาบเหิงเตาราชวงศ์ถังออกมา ศีรษะมนุษย์ศีรษะแรกหล่นลงพื้น เลือดพลันกระฉูดทันทีซ่งจิ้นเดือดดาลจนโพล่งด่าขึ้นมาว่า “เฉินขุย ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะกล้าฆ่าคนในเรือนของข้า คิดจะกบฏหรือ?”ศีรษะคนศีรษะที่สองหล่นลงบนพื้นเนื้อบนหน้าซ่งจิ้นกระตุก...กระทั่งศีรษะที่สาม ที่สี่ ที่ห้า...ภายในเรือนมีศพนอนระเกะระกะอยู่เต็มไปหมด ท้ายที่สุดซ่งจิ้นก็กลัวแล้วเขาสมคบคิดกับเสนาบดีที่เมืองหลวง ชอบสังหารหมู่สตรี ในบ่อน้ำแห้งขอดหลังเรือนมีศพของสตรีกองอยู่เต็มไปหมดเขาไม่เคยเห็นชีวิตคนสำคัญเลยในสายตาของเขาชาวบ้านธรรมดาทั่วไปล้วนเป็นทาสชั้นต่ำทั้งสิ้นตอนนี้ไม่คิดเลยว่าเฉินขุยจะกล้าฆ่าคนของเขาจนเกลี้ยง!นี่เขากำลังก่อกบฏอยู่...ก่อกบฏ!เมื่อเห็นเฉินขุยเดินถือดาบมาใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ซ่งจิ้นก็ตกใจจนตัวสั่นงันงกตุบ...ซ่งจิ้นคุกเข่าทั้งสองข้างลง ของเหลวสีเหลืองไหลโซกออกมาจากส่วนเป้า ในนัยน์ตาปรากฏความกลัวที่ไม่เคยมีมาก่อน“เจ้าฆ่าข้าไม่ได้นะ หากฆ่าข้า ก็เท่ากับเป็นศัตรูกับราชสำนัก ราชสำนักไม่ปล่อยเจ้าไปแน่!”เฉินขุยผายผิวดาบเย็นยะเยียบไปที่ใบหน้าของซ่งจิ้น “หึ ตอนนี้รู้จักกลัวแล้วหรือ
ไปต่อไปอีก ก็เป็นอาณาเขตของเผ่าหมานแล้ว!ไปทางตะวันออกเป็นชายแดนแคว้นฉู่ไปทางใต้เป็นชายแดนแคว้นฉี่!ต้าซีเป่ยรกร้าง เป็นพื้นที่ที่มีอุณหภูมิสูงที่สุด จึงเกิดความแห้งแล้งเร็วที่สุดกองกำลังกบฏชาวนาไม่ไปแย่งชิงหัวเมืองใหญ่ หรือว่าจะโจมตีแคว้นฉู่และแคว้นฉี?จ้านเฉิงอิ้นมองกระบะทราบ จากนั้นก็จ้องแผนที่ทันใดนั้นเขาก็ถามเฉินขุยขึ้นมาว่า “ยังไม่มีข่าวเฉินอู่หรือ?”เฉินขุยเองก็ไม่รู้ว่าเฉินอู่อยู่ที่ใดคนที่เขาพาไปไม่น้อย ปลอมตัวไปสองร้อยกว่าคน ขี่มาพกน้ำ เสบียงอาหารและอาหารสัตว์ติดตัวไปด้วย ของที่พวกเขาพกไปทั้งหมด หากถูกผู้ลี้ภัยล้อมระหว่างทาง ต้องถูกปล้นอย่างแน่นอนเพียงแต่ล้วนเป็นผู้ที่ฝึกการต่อสู้ และเคยผ่านศึกใหญ่คอขาดบาดตายมาแล้วทั้งนั้นไม่แน่นอนว่าอีกฝ่ายจะสู้พวกเขาได้!ทว่าขาดการติดต่อไปเดือนเศษแล้ว เขาในฐานะพี่ใหญ่เองก็เป็นกังวลเช่นกันเหยี่ยวที่ยืมมั่วฝานไปส่งจดหมายตัวหนึ่ง ก็ยังไม่บินกลับมาเช่นกัน!ไม่ว่าอย่างไร ส่งคนขี่ม้ากลับมารายงานข่าวสักสองสามคนก็ยังดีบัดนี้บิดามารดาถูกขังอยู่ในวังน้องชายก็รู้ที่อยู่ไม่แน่ชัด น้องสะใภ้พาลูกมาร้องไห้ปรับทุกข์ที่จวนทุกวัน จนฮู
มั่วฝานสังเกตสีหน้าของจ้านเฉิงอิ้น เขาเป็นกังวลว่าจ้านเฉิงอิ้นจะร่วมมือกับกองทัพธงเหลืองจริง ๆถึงอย่างไร ในกระบวนการทางประวัติศาสตร์จริง ๆ นั้น กองทัพธงเหลืองถึงเป็นฝ่ายที่ชนะในท้ายที่สุดในชายแดนต้าฉี่ กองทัพธงเหลืองส่งเสียงดังกระหึ่มประชาชนนับไม่ถ้วนสนับสนุนกองทัพธงเหลือง โดยหวังว่าพวกเขาจะโค่นล้มการปกครองของต้าฉี่ได้เขาเองก็รู้ดีว่า ราชวงศ์ต้าฉี่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากประชาชนแม้ไม่มีกองทัพธงเหลือง ก็จะมีกองทัพธงดำ กองทัพธงแดง...ต้าฉี่ล่มลายคือผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นแน่นอนเขาหวังเพียงว่าไทเฮาจะคิดตก และใช้ชีวิตในบั้นปลายชีวิตอย่างสงบสุขจ้านเฉิงอิ้นส่งม้วนไม้ไผ่ให้สวี่หมิง แล้วเอ่ยถามว่า “ยังไม่มีข่าวของเฉินอู่หรือ?”บรรดาทหารพากันส่ายหน้าหน่วยกล้าตายของมั่วฝานแฝงเข้าไปในกองทัพธงเหลืองตั้งนานแล้ว ยังส่งข่าวมาให้อยู่เฉินอู่พาคนสนิทขี่ม้าเร็วไป คำนวณจากระยะทางน่าจะเข้าไปในหัวเมืองที่กองทัพธงเหลืองบุกยึดแล้วเหตุใดยังไม่มีข่าวอีก?มั่วฝานเห็นเขายังไม่ตอบจดหมายที่กองทัพธงเหลืองส่งมา จึงเอ่ยปากถามขึ้นว่า“เรื่องการเชิญของกองทัพธงเหลือง ท่านคิดเห็นว่าอย่างไร?”จ้านเฉิงอ
แล้วทำไมถึงไม่ไปหาท่านแม่ทัพใหญ่?เพราะไม่กล้า!ตอนนี้ จ้านเฉิงอิ้นมีอำนาจสูงส่ง ยิ่งไปกว่านั้น เขายังเลือกหลบเลี่ยงไม่พบหน้า พวกเขารู้ดีว่าครั้งนี้เกรงว่าจะกลับไปมือเปล่าอีกคนหนึ่งคือ ผู้ช่วยในราชสำนักมั่วหย่ง เขาเป็นคนของไทเฮา และยังมีความเกี่ยวพันทางสายเลือดห่าง ๆ กับมั่วฝานเมื่อมาถึงด่านเจิ้นกวน กลุ่มของเขาเลือกเข้าพักในจวนของรัฐทายาททั้งวันก็มัวแต่ขลุกอยู่ในจวน ไม่รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ ไม่ยอมออกมาดูเหมือนว่าพวกเขาจะลืมหน้าที่เกลี้ยกล่อมจ้านเฉิงอิ้นให้นำทัพออกศึกไปจนหมดสิ้นแล้วหากทั้งสามคนวางตัวอย่างสงบเรียบร้อยในด่านเจิ้นกวน บรรดาทหารอาจยังพอให้ความเคารพอยู่บ้าง แต่ถ้าต่างคนต่างทำตัวแบบซ่งจิ้น กล้าทำตัวโอหังใส่แม่ทัพ ใครจะไปรู้ว่าวันไหนหัวกับตัวอาจจะแยกจากกันก็ได้ยิ่งไปกว่านั้น ด่านเจิ้นกวนแห่งนี้อยู่ห่างไกลจากอำนาจของฮ่องเต้ทุกอย่างขึ้นอยู่กับคำสั่งของแม่ทัพใหญ่จ้านเฉิงอิ้นถามมั่วฝาน “เขาเป็นคนของเสนาบดีซูใช่หรือไม่?”มั่วฝานพยักหน้า “ใช่แล้ว หลายปีมานี้ เขาและเสนาบดีซูสมคบคิดกันอย่างหน้าไม่อาย ขูดเลือดขูดเนื้อจากราษฎรไปไม่น้อย!”เป็นคนของเสนาบดีซูอย่างนั้นห
ผู้ที่ลงมือวางยาคงคาดไม่ถึงว่า ทะเลสาบเก็บน้ำแห่งนี้มีทหารคอยเฝ้ารักษาการอยู่ตลอดเวลาเส้นทางขึ้นเขาทุกสายล้วนติดตั้งกล้องวงจรปิด หากมีผู้ใดขึ้นเขามา ไม่ว่าจะเป็นกลางวันหรือกลางคืน ระบบสัญญาณเตือนภัยที่ติดตั้งไว้จะถูกเปิดใช้งานในทันที เพื่อแจ้งเตือนทหารที่เฝ้าทะเลสาบเสียงของจ้านเฉิงอิ้นเย็นชา “ง้างปากพวกมันให้ได้ ยืนยันให้ได้ว่าคนของเสนาบดีซูเป็นผู้ลงมือวางยา!”“รับทราบ ท่านแม่ทัพ!” เทียนฉินขานรับ ก่อนจะรีบออกจากกระโจมไปในขณะนั้นเอง เหล่าทหารหลายนายเดินเข้ามายังกระโจมของจ้านเฉิงอิ้น ก่อนจะยกมือทำความเคารพเฉินขุยเอ่ยขึ้นก่อนใคร “ท่านแม่ทัพ ข้าน้อยไม่อาจทนกับพวกสามคนนั้นได้อีกแล้ว หากท่านอนุญาต ข้าน้อยขอจัดการพวกมันด้วยดาบ!”จ้านเฉิงอิ้นเงยหน้าขึ้น กวาดมองทุกคนพบว่าหลายคนมีสีหน้าขุ่นเคือง โดยเฉพาะเฉินขุย ที่ดูเหมือนจะโกรธจนหน้าแดงก่ำคิ้วคมของจ้านเฉิงอิ้นขมวดเล็กน้อย ถามเขาว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”หลี่หยวนจงรีบก้าวขึ้นมารายงานก่อน “ท่านแม่ทัพ ขุนนางผู้ตรวจการซ่งจิ้น เพิ่งจะออกไปเดินหาโรงเตี๊ยมตามท้องถนน หวังจะเที่ยวหอนางโลม แต่ที่ด่านเจิ้นกวนของพวกเราจะมีหอนางโลมได้อย
“ว้าว~”“ทองคำและเงินสมบัติกว่าหนึ่งร้อยสามสิบหีบ!”เย่มู่มู่แทบจินตนาการไม่ออกเลยว่าถ้าขายออกทั้งหมดจะได้เงินเท่าไร!และยิ่งไปกว่านั้น คฤหาสน์หลังนี้ก็ใกล้จะไม่มีที่เก็บแล้วจริง ๆถ้าส่งสมบัติเหล่านี้มาจริง ๆ คงต้องจัดการห้องโฮมเธียเตอร์ในชั้นใต้ดินชั้นสองออกไปก่อน“สมบัติชุดนี้ฝากไว้ที่เจ้าก่อนนะ ทางข้าไม่มีที่จะวางแล้ว”จากนั้น จ้านเฉิงอิ้นก็ส่งข้อความตอบกลับมาอีก“อืม เดือนหน้า จะมีร้านค้าจากอีกหลายสิบแห่งย้ายเข้ามาที่ด่านเจิ้นกวน พวกเขาก็จะมอบทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เหมือนกัน ตอนนั้นคงมีสมบัติอีกมากเพิ่มเข้ามา!”“ท่านเทพ ข้าจะช่วยท่านเก็บสมบัติไว้ก่อน ท่านจะใช้เมื่อได้ก็ได้!”เย่มู่มู่อ่านข้อความบนกระดาษแล้วหัวเราะออกมาดูสิ~สมกับเป็นแม่ทัพใหญ่ที่เธอเลี้ยงดูมาจริง ๆ! ยอมมอบเงินให้โดยสมัครใจ!ทันใดนั้น เย่มู่มู่ก็นึกขึ้นได้ว่า ก่อนหน้านี้จ้านเฉิงอิ้นเคยฝากหยกเนื้อดีที่ทำจากหยกไขมันแกะไว้กับเธอที่นี่คงถึงเวลาที่ต้องคืนเขาแล้วเธอเดินขึ้นไปหยิบกล่องผ้าที่เก็บไว้ในห้อง ภายในนั้นบรรจุหยกแขวนของจ้านเฉิงอิ้นไว้ระหว่างนั้น ก็ยังนึกถึงของขวัญที่ได้รับวันนี้ในงานเปิดร้านให