เจ้าของโรงงานตอบกลับ “ใกล้แล้ว ใกล้แล้ว!”เย่มู่มู่เพิ่มเป็นชุดละสองหมื่นห้าพันบาท ขอเพียงเขาส่งให้ก่อนหนึ่งชุดในวันพรุ่งนี้เจ้าของร้านกล่าวว่ามีเพียงหนึ่งพันกว่าชุดเท่านั้น!ไม่เป็นไร นางต้องการด่วน!หลังจากวางสาย เธอเปิดรายชื่อผู้ติดต่อและเริ่มโทรถามเพื่อนสมัยมัธยมปลายทีละคนชั้นมัธยมปลายเธอเข้าเรียนในโรงเรียนนานาชาติ มีเพื่อนสองสามคนกำลังศึกษาที่ประเทศเหม่ยลี่ครั้นรู้ว่าเธอถามหาปืนไรเฟิลต่างรู้สึกว่าเธอบ้าจึงวางสายอย่างรีบร้อนเพื่อนของพ่อและแม่ ครั้นรับสายและรู้ว่าเป็นเธอ ก็กลัวเย่มู่มู่จะทำให้พวกเขาลำบาก เย่มู่มู่ยังไม่ทันเอ่ยถาม ก็พากันวางสายโดยตรงพวกเขาแสดงท่าทีไร้น้ำใจต่อกันได้อย่างถึงอกถึงใจจริง ๆครั้นหาปืนไรเฟิลไม่ได้ เธอทอดมองทองคำเงินเครื่องประดับที่อยู่เต็มห้องถ้าพวกเขาตายกันหมด!เธอเก็บเงินเหล่านี้ไว้ ก็ใช่ว่าจะสบายใจจะทำอย่างไรดี?*ภายในกระโจม หลังจากทุกคนส่งทองคำเงินเครื่องประดับไปแล้ว บรรยากาศเงียบสงัด ทุกคนนิ่งเงียบไม่พูดจา!พวกเขาไม่ได้อาลัยเงินทองแต่เพราะคิดว่าจะตายในอีกสองสามวัน ถึงแม้เห็นความเป็นความตายจนเคยชิน แต่ในใจก็ยังกลัวต่อความเป็น
พวกนายทหารวิ่งไปดูอาการบาดเจ็บของมั่วฝานเขาไม่ได้เป็นอะไร ถุงลมนิรภัยไม่ได้เด้งออกมาเขาเปิดประตูรถอย่างยากลำบาก บนหน้าผากมีลูกโนขนาดใหญ่ ตอนก้าวลงมาขาสองข้างเกิดอาการอ่อนแรงความมั่นอกมั่นใจเมื่อครู่นี้ กลายมาเป็นความคับแค้นใจ“รถยนต์ขับยากเกินไป ยากกว่ารถไถนาเสียอีก!”เฉินขุยหัวเราะและกล่าว “บอกแล้วว่าอย่าอวดเก่ง!”เจียงหยวนเป็นคนพยุงมั่วฝานและหาเก้าอี้ตัวหนึ่งให้เขานั่งจวงเหลียงเป็นคนช่วยเขาเช็ดบาดแผลและทำลูกหัวโนตรงหน้าผากให้ยุบคนวัยหนุ่มเหอหง เฉินจวิ้นหลินและอีกสองสามคน ต่างเดินล้อมรอบอยู่ข้างรถพวกเขาชอบรถ โดยเฉพาะรถออฟโรดขนาดหนักทรงพลังและมีอำนาจ…ต่างรู้สึกคันไม้คันมือ อยากขึ้นไปลองขับแต่ทว่า ไม่มีใครสามารถเปิดเครื่องยนต์รถได้สำเร็จเลยสักคนกลับเป็นเจียงหยวน ที่ไม่รู้เลยว่าเขาถอยรถออกมาและขับไปยังพื้นที่โล่งได้สำเร็จได้อย่างไรทุกคนมองเจียงหยวนอย่างประหลาดใจ รองแม่ทัพของมั่วฝานผู้นี้ไม่ธรรมดา!คิดไม่ถึงว่าจะเรียนรู้การถอยรถเป็นแล้ว!ในเวลาเดียวกัน เย่มู่มู่ส่งกระดาษแผ่นเล็กมาอีกหนึ่งแผ่น“เป็นอย่างไรบ้าง ลองขับรถแล้วหรือยัง ถ้ามีความจำเป็น พรุ่งนี้ข้าไปซื้อเ
เด็กกำพร้าและหญิงม่ายอยู่ในค่ายทหารของสวีหวยต่อไป สุดท้ายก็ไม่อาจหลีกหนีชะตาชีวิตในการถูกกินจึงได้หนีภัยมายังด่านเจิ้นกวน!อีกทั้งยังมีนายทหารบางคน ยอมเดินด้วยเท้าสามสิบลี้ท่ามกลางแสงแดดร้อนผ่าวมาถึงด่านเจิ้นกวนเพื่อให้ภรรยาและลูกมีชีวิตรอดต่อไปพวกเขาเพียงต้องการหนทางรอดชีวิตหนทางหนึ่งเท่านั้นจึงไม่กล้าจินตนาการถึงด่านเจิ้นกวนว่าดีเพียงใด ตราบใดที่มีใบไม้หญ้าและรากเพียงพอ พวกเขาก็จะยอมรับมัน!แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่า หลังจากมาถึงด่านเจิ้นกวนชาวเมืองด่านเจิ้นกวนทุกคน ล้วนใส่เสื้อผ้าสีสันสดใสที่ทำจากวัสดุฝ้ายไม่ว่าจะเป็นผู้สูงวัยหรือว่าเด็กน้อย เสื้อผ้าล้วนใหม่เอี่ยมทุกตัว!เหล่าทหารล้วนสวมใส่เสื้อผ้าที่เรียบร้อย ที่เท้าสวมไว้ด้วยรองเท้าผ้าใบ ชุดเกราะขาวสะอาดเป็นระเบียบ เสื้อซับในของชุดทหารก็ดูมีคุณภาพดีเยี่ยมเป็นเสื้อผ้าเนื้อดีกว่าของเหล่าขุนนางชนชั้นสูงที่สวมใส่ ก่อนเกิดทุพภิกขภัยก่อนหน้านี้อีก!ครั้นพวกเขาถูกพามาถึงท้องถนนบนพื้นที่อยู่อาศัยเห็นข้างหน้ามีคนกำลังต่อแถวรับน้ำก๊อกน้ำอยู่กลางถนน เพียงบิดมัน แหล่งน้ำสะอาดก็ไหลออกมาซ่า ๆ ทันทีมีคนตะโกนในกลุ่มผู้ประสบภัย
จ้านเฉิงอิ้นขมวดคิ้ว!จะทำการโจมตีเมืองมะรืนนี้หรือ?อาวุธชุดที่สองที่ท่านเทพส่งมา อาจจะมาถึงไม่ทันเวลาซุนหย่าปาพูดต่อไปว่า “ฮ่องเต้แคว้นฉี : พูดไปก็ไร้ประโยชน์ รอให้หลัวซู่พาเหล่าทหารมาถึงก่อน ค่อยแบ่งหน้าที่กันอีกที!”“หลิงเซี่ยวเฟิง : การร่วมมือของสามฝ่ายต้องประสานกันอย่างดีถึงจะสามารถตีด่านเจิ้นกวนได้ แต่พระองค์กลับคิดแต่จะเหยียบศพสหายร่วมรบเพื่อเลื่อนตำแหน่ง คนอย่างพระองค์ถึงมีอยู่ก็ทำให้ด่านเจิ้นกวนไม่สามารถถูกตีได้เสียที!”“รอให้หลัวซู่มาถึงด่านเจิ้นกวนแล้ว ข้าจะร่วมมือกับเขา ส่วนเจ้า...ไปหาที่เย็น ๆ นั่งรอเงียบ ๆ เถอะ!”กล่าวจบ หลิงเซี่ยวเฟิงก็หันหลังกลับเข้ากระโจมฉีซวนเหิงถือพัดหยกขาว ส่ายพัดไปมา บนริมฝีปากเผยยิ้มเยาะ แล้วเดินกลับเข้าไปในค่ายแคว้นฉีซุนหย่าปากล่าวว่า “ท่านแม่ทัพ ข้าบอกทุกคำที่พวกเขาพูดตามความจริง น่าจะไม่มีข้อผิดพลาดขอรับ!”จ้านเฉิงอิ้นกล่าวชื่นชม “ทำได้ดี ไปที่โต๊ะในห้องโถงหารือ เอาโค้กมาดื่มสักขวดเถอะ!”ซุนหย่าปารู้สึกดีใจมาก ดวงตาของเขาทอประกายแสงสว่างในความมืด“ข้าขอสามขวดได้หรือไม่? พี่ใหญ่เว่ย เสี่ยวลิ่วจื่อ ข้าขอให้คนละขวด!”“ได้สิ!”ซุนห
เดินเท้าเข้าใกล้ระยะยิงของหน้าไม้ราชวงศ์ฉินธนูและศรเตรียมพร้อม!การยิงหน้าไม้ราชวงศ์ฉินรอบแรก หน้าไม้ทุก ๆ คันถูกผูกด้วยถุงน้ำมันดีเซล ไม่จำเป็นต้องยิงโดนตัวคน แต่แค่ยิงโดนกระโจมก็พอฟิ้ว ๆ ๆ...ในยามค่ำคืน ลูกศรหน้าไม้ราชวงศ์ฉินหลายพันดอกพุ่งออกไป ยิงโดนกระโจมของกองทัพแคว้นฉู่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างยาวนาน ความแม่นยำของหน้าไม้ราชวงศ์ฉินนั้น แม่นยำมากเกือบทุกดอกสามารถยิงโดนโดยเฉพาะกับเป้าหมายขนาดใหญ่เช่นกระโจมทหารแคว้นฉู่วิ่งออกจากกระโจม หวังจะดูว่าศัตรูมาจากทางไหนบางคนโดนน้ำมันดีเซลสาดไปบนหัว ใช้เสื้อเช็ดออกไปรอบที่สอง หน้าไม้ราชวงศ์ฉิน จุดไฟที่หัวธนูฟิ้ว~เสียงลมที่แหวกอากาศในความมืดยิ่งดังชัดเจนขึ้นกว่าเดิมชั่วขณะนั้น กระโจมของกองทัพแคว้นฉู่ตรงหน้าก็ถูกไฟเผาไม่ถึงครู่เดียว พื้นที่ค่ายพักของกองทัพแคว้นฉู่ตรงหน้าก็กลายเป็นทะเลเพลิง!จ้านเฉิงอิ้นยกดาบขึ้นม้า พูดกับเหล่าทหาร “พวกเด็กผู้ชาย ตามข้ามา ไปสังหารศัตรู!”ทหารหนึ่งหมื่นหกพันคนตอบรับคำสั่งทันที!ทิ้งทหารสี่พันคนไว้ยิงหน้าไม้ราชวงศ์ฉินต่อไป…ภายใต้การนำของจ้านเฉิงอิ้น พวกเขาโถมเข้าไปในพื้นที่กองทัพแคว้นฉู่
“อ๊าก...เจ้าฆ่าเจ๋อเอ๋อร์ของข้า! ข้ากับเจ้าต้องตายไปด้วยกัน!”หลิงเซี่ยวเฟิงมีบุตรชายสองคน ทั้งสองล้วนตายจากการทำสงคราม!เขาเคียดแค้นจ้านเฉิงอิ้นเคียดแค้นฉู่อ๋อง!เกลียดฟ้าดินที่ไม่ยุติธรรม ทำให้เขาที่เป็นคนผมหงอกต้องส่งคนผมดำไปก่อน!ในชั่วขณะนั้น โลหิตในกายของเขาพลันพลุ่งพล่าน มือถือดาบใหญ่ เตรียมตัวที่จะสู้ศึกชีวิตกับจ้านเฉิงอิ้นทว่าเขากลับถูกทหารที่อยู่ข้างหลังคว้าเอาไว้แน่น“ท่านแม่ทัพ อย่าไปเลย ขอแค่ภูเขายังอยู่ ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องหาฟืนมาเผา!”“ท่านแม่ทัพ พวกเราจะคุ้มกันท่านถอยกลับ หากยังมีชีวิตอยู่ โอกาสยังคงมี!”“พวกเขาลอบโจมตี พวกเราไม่ควรกล้าหาญตามอารมณ์ชั่วขณะ!”“ท่านแม่ทัพ รีบไปเถอะ... รีบไปเร็ว!”หลิงเซี่ยวเฟิงถูกทหารของตนบังคับพาไปจากที่นั้น!จ้านเฉิงอิ้นต้องการจะไล่ตามฆ่า แต่กลับถูกทหารผู้ภักดีของหลิงเซี่ยวเฟิงยืนขวางไว้เขาถือดาบม่อเตาในมือฟาดไป ฆ่าทหารที่ขวางทางสิบกว่าคนจนหมดสิ้นเมื่อมองอีกที หลิงเซี่ยวเฟิงก็หายตัวไปเสียแล้วจ้านเฉิงอิ้นเต็มไปด้วยเลือด มือข้างหนึ่งจับสายบังเหียนม้า อีกข้างถือดาบม่อเตาหันหัวไปมองไปรอบ ๆ ทหารแคว้นฉี่แม้มีน้อย แต่ก็มีอ
กองทัพแคว้นฉู่ที่เคยอ้างว่าเป็นกองทัพไร้พ่ายของหัวเซี่ยในเมื่อหลายเดือนก่อน ก็ถูกเผาไปเช่นนี้สุดท้ายก็จบลงอย่างราบคาบ และกลายเป็นแค่เพียงเศษซากกองทัพที่ไม่เคยพ่ายแพ้ได้กลายเป็นแค่ตำนานในประวัติศาสตร์ และไม่เคยมีอยู่จริงอีกต่อไป!*พระอาทิตย์ขึ้นสูง อุณหภูมิก็เริ่มสูงขึ้น!จ้านเฉิงอิ้นนำแม่ทัพสิบคนและเหล่าทหารกลับเข้าเมืองการรบในครั้งนี้เป็นชัยชนะอย่างเด็ดขาด ชาวเมืองทั้งหมดที่ประตูเมืองต่างออกมาต้อนรับอย่างอบอุ่นพวกผู้หญิงทำอาหารอร่อย ๆ ไว้รอ รอเพียงพวกเขาชำระล้างตัวเสร็จ แล้วดื่มฉลองกันให้สนุกพวกผู้ชายที่ช่วยกันทำความสะอาดสนามรบได้รับน้ำและโจ๊กเหลว พวกเขาก็อดมาทั้งคืน ต้องหาของกินรองท้องก่อนพวกเด็กชาย เด็กหญิง และคนชราที่เฝ้ากำแพงเมืองทั้งคืน ต่างก็ไปพักผ่อนแล้ว!ทุกคนมีความสุขกันมากเพราะพวกเขาทำลายค่ายของกองทัพแคว้นฉู่และกองทัพแคว้นฉีได้ทั้งสองแคว้นไม่มีกำลังทหารพอที่จะต่อต้านด่านเจิ้นกวนได้อีกในที่สุด ก็เหลือเพียงเผ่าหมานฝ่ายเดียวเหมือนต้นไม้ต้นเดียวยากที่จะพยุงเพียงแค่คืนเดียว ดาบแหลมคมที่แขวนอยู่เหนือหัว ก็ถูกดึงออกมาอย่างง่ายดาย!เฉินขุยถือขวดเบียร์ ดื่มห
หลัวซู่จะบุกโจมตีในคืนนี้?พวกกองทัพเผ่าหมานที่เหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางอย่างต่อเนื่องหลายวัน ไม่ต้องการพักผ่อนบ้างหรืออย่างไร?จ้านเฉิงอิ้นกล่าวต่อ “หลัวซู่เป็นคนหยิ่งทะนงในตัวเองอย่างยิ่ง เมื่อเขาโกรธเกรี้ยว เรื่องความเหนื่อยล้าของทหาร...เขาไม่สนใจ!”“เขาจะบุกโจมตีในยามค่ำคืน หวังจะเอาชีวิตข้าให้ได้!”“และพวกทหารแคว้นฉู่กับทหารแคว้นฉีที่หลบหนีไปก่อนหน้านี้ จะเข้าร่วมกองทัพในการบุกครั้งนี้ด้วย”“หากนับรวมแล้ว กองกำลังศัตรูอาจมีถึงสองแสนเจ็ดหมื่น ถึงสามแสนคน!”“กำลังพลมหาศาลเช่นนี้ สำหรับกองทัพตระกูลจ้าน ยังคงเป็นกองกำลังที่พร้อมบดขยี้!”“วันนี้ ให้พวกเด็ก ๆ ผู้หญิงและคนชราที่ฝึกธนูทดกำลัง เข้านอนตั้งแต่หัวค่ำ ได้พักผ่อนให้เต็มที่”“ก่อนพลบค่ำให้ทุกคนรวมตัวกัน สวมชุดเกราะกันกระสุน พกธนูทดกำลัง และมารวมตัวกันที่ประตูเมือง!”“ช่วงค่ำ ให้เหล่าชายฉกรรจ์เฝ้าเมืองไว้ ส่วนทหารที่เฝ้าประตูให้รีบกินข้าว เสร็จแล้วก็รีบพักผ่อนแต่เนิ่น ๆ!”เหล่าทหารพร้อมใจกันขานรับ “ขอรับ ท่านแม่ทัพ!”เถียนฉินวิ่งเข้ามา “ท่านแม่ทัพ พวกทหารนำหูของศัตรูมาแลก...”“พวกเขาอยากแลกข้าวสารและแป้งสาลีหรือ?”“ไ
เวลานั้น หลูหมิงหยิบกริชที่ฝังอัญมณีออกมา “ท่านเทพ โปรดนำกริชเล่มนี้ไปแลกเป็นเสบียงเถิด เวลาทำศึก สิ่งที่หมดเร็วที่สุดก็คือเสบียงกับน้ำ รวมถึงอาวุธและเสบียงอื่น ๆ ด้วย...”“ข้าไม่อยากให้กองทัพตระกูลจ้าน ต้องสิ้นหวังเหมือนตอนที่ถูกล้อมอยู่ที่ด่านเจิ้นกวนอีก!”เย่มู่มู่ดันกริชกลับไป“พอแล้ว ข้าอยู่นี่ทั้งคน ไม่มีทางให้เจ้าต้องออกเงินหรอก แค่ช่วยกันทำความสะอาดลานบ้านของข้าก็พอแล้ว!”คราวก่อน เย่มู่มู่รับสต็อกสินค้าจากร้านที่สองของเจ้าของร้านขายข้าวมาแล้วของมีเยอะก็จริง แต่หากเกิดสงครามหลายด้านขึ้นพร้อมกัน ก็ยังไม่เพียงพอแน่นอนเธอจึงสั่งซื้อเสบียงจากนอกทะเลมายี่สิบตู้คอนเทนเนอร์เนื้อวัว เนื้อหมู เนื้อแกะ แม้แต่พวกที่ฝรั่งไม่นิยมกินอย่าง น่องไก่ กระเพาะหมู และขาหมู...ก็ซื้อมาเหมือนกัน!กินพื้นที่ไปประมาณสิบกว่าตู้คอนเทนเนอร์แต่เสบียงเหล่านี้ยังล่องลอยอยู่กลางทะเล ยังมาไม่ถึงท่าเรือตอนนี้สถานการณ์สงครามตึงเครียด เธอต้องซื้อเสบียงจำนวนมหาศาล อีกทั้งยังต้องเตรียมซื้อของอีกมากมาย ยา อุปกรณ์ และวัสดุก่อสร้างสำหรับสร้างกำแพงเมือง เช่น ปูนซีเมนต์กับเหล็กเส้น ให้พร้อมนอกจากนี้ย
เซี่ยเวยปะทะกับเจียงเหว่ยแห่งแคว้นฉู่ กองทัพหนึ่งแสนของเจียงเหว่ยถูกเซี่ยเวยสังหารไปกว่าครึ่ง ส่วนที่เหลืออีกห้าหมื่นคนแตกพ่ายหนีเตลิดไปเท่จริง ๆ!เย่มู่มู่เพิ่งเคยได้ยินชื่อเจียงเหว่ยเป็นครั้งแรก แม่ทัพหนุ่มที่สามารถเผยตัวขึ้นมาใต้ร่มเงาของหลิงเสี่ยวเฟิงที่มีชื่อเสียงโด่งดังได้ คงไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน!แต่การพ่ายแพ้อย่างยับเยินในศึกแรก คงเป็นเพราะเขาประเมินเซี่ยเวยต่ำเกินไปเย่มู่มู่เปิดจดหมายฉบับที่สอง ก็พบว่าคู่ปรับเก่าอย่างฉีซวนเหิงกลับมาอีกแล้วเขานำทัพมาถึงหนึ่งแสนห้าหมื่นนาย แต่กลับแพ้ติดต่อกันถึงหกครั้ง!เย่มู่มู่เองก็ไม่เข้าใจเลยว่าคนผู้นี้คิดอะไรอยู่คนทั่วไปแค่แพ้สามครั้งก็คงยอมถอดใจแล้ว อย่าว่าแต่สามเลย แค่เธอเล่นเกมแพ้ติดกันสองรอบยังไม่อยากเล่นต่อเลยด้วยซ้ำ!พี่ชายคนนี้แพ้ไปหกครั้งแล้วยังไม่ถอยทัพอีกเขากะจะแพ้จนหมดตัวเลยหรือไง!?เย่มู่มู่มองจดหมายจากจ้านเฉิงอิ้น ขณะที่สองพี่น้องหลูหมิงและหลูซีต่างก็จับจ้องมาอย่างใจจดใจจ่อพวกเขาเองก็อยากรู้เหมือนกันว่า ภูเขาเหมืองเป็นอย่างไรบ้างหรือว่ากองทัพเผ่าหมานของแคว้นเยี่ยนกับกองทัพธงเหลืองยังคงปิดล้อมกองทัพตระกูลจ้านอย
ผลปรากฏว่า ทันทีที่พวกเขามาถึงก็เข้าปะทะทันทีขบวนรถศึกขนาดมหึมา พร้อมด้วยการยิงหน้าไม้ราชวงศ์ฉินจากบนรถ ทำให้ทหารแคว้นฉีที่ยังเตรียมตัวไม่พร้อมต้องเผชิญกับความสูญเสียอย่างหนักศึกแรกยังไม่ทันได้ปะทะกันโดยตรง ข้าศึกก็แตกพ่ายหนีตายไปเสียแล้วคาดว่าความพ่ายแพ้ครั้งแรกคงสร้างความอัปยศอดสูไม่น้อยกองทัพแคว้นฉีที่มีกำลังพลมหาศาล กลับต้องพ่ายแพ้ให้กับขบวนรถศึกเพียงร้อยกว่าคัน และเหล่าทหารที่ยังไม่ได้ลงจากรถ เพียงแค่การยิงหน้าไม้ราชวงศ์ฉิน ก็ทำให้พวกมันสูญเสียกำลังพลไปมหาศาลเช้าวันถัดมา ฉีซวนเหิงเร่งระดมพลอย่างรวดเร็ว เปิดฉากโจมตีอีกครั้ง เป้าหมายของเขาคือกองทัพที่เพิ่งเดินทางมาเหนื่อยล้าและยังไม่ทันได้ฟื้นตัวเต็มที่บางทีอาจเป็นเพราะกองทัพแคว้นฉีอ่อนแอและไร้ประสิทธิภาพแม้จ้าวเฉียนและทหารสองหมื่นกว่าคนจะยังไม่ได้ฟื้นตัวเต็มที่ แต่ยังคงฮึกเหิมพร้อมเข้าสู่สนามรบทว่าเมื่อได้ปะทะกันจริง ๆ บรรดาทหารผ่านศึกก็พลันเข้าใจว่า สาเหตุที่กองทัพแคว้นฉีทำผลงานได้ย่ำแย่เมื่อวันก่อน ไม่ใช่เพราะพวกเขาอ่อนแอเกินไป แต่เป็นเพราะกองทัพของพวกเขามีอาวุธที่ได้เปรียบ หน้าไม้ราชวงศ์ฉินที่มีระยะยิงไกลและพลังท
เหมืองแร่ ทหารนายหนึ่งวิ่งมาจากที่ไกลโพ้น ในมือกำจดหมายแน่น เร่งฝีเท้ามายังหน้ากระโจมบัญชาการของจ้านเฉิงอิ้นด้วยท่าทางร้อนรน“ท่านแม่ทัพ รายงาน รายงานขอรับ...”จ้านเฉิงอิ้นได้ยินดังนั้นก็วางแผนที่ลงทันที ก่อนจะก้าวออกจากกระโจมบัญชาการพร้อมกับเฉินขุย เฉินอู่ ซ่งตั๋ว และจวงเหลียง บนใบหน้าหล่อเหลาของเขาปรากฏแววแห่งความยินดี“ว่าอย่างไร? หลี่หยวนจงส่งข่าวมาแล้วหรือ?”สีหน้าของทหารที่นำข่าวมาถึงกับชะงักแข็งค้าง ก่อนจะยื่นจดหมายในมือส่งให้จ้านเฉิงอิ้นด้วยสองมือ แล้วกล่าวว่า “ไม่ใช่ข่าวจากแม่ทัพหลี่ขอรับ แต่เป็นชัยชนะครั้งใหญ่ของแคว้นเยี่ยน! แม่ทัพเซี่ยเวยและจ้าวเฉียนสามารถต้านทัพของแคว้นฉู่และแคว้นฉีไว้ได้แล้ว!”เมื่อได้ยินเช่นนั้นแล้ว จ้านเฉิงอิ้นรู้สึกเสียดายอยู่เล็กน้อย แต่เขาก็ปรับอารมณ์ได้อย่างรวดเร็ว ก่อนจะเผยรอยยิ้มออกมา“พวกเขาชนะแล้วหรือ? ข้ารู้อยู่แล้วว่าพวกเขาต้องชนะได้แน่!”เขาคลี่จดหมายออกอ่าน...เป็นจดหมายจากเซี่ยเวย ใจความระบุว่า “เรียนท่านแม่ทัพใหญ่ ข้าถึงด่านเจิ้นกวนในวันแรก ก็ได้ปะทะกับเจียงเหว่ยจากแคว้นฉู่โดยบังเอิญ เขานำทัพหนึ่งแสนมาเผชิญหน้ากับทหารสองหมื่นห้า
ตราบใดที่เขายังรักษาสภาพเดิมไว้ ก็จะกลายเป็นแคว้นที่แข็งแกร่งอันดับหนึ่งได้อย่างแน่นอนแต่ด้วยนิสัยของฉีซวนเหิง เขาจะยอมทิ้งโอกาสดี ๆ แบบนี้ไป ยกดินแดนแคว้นเยี่ยนที่ไม่มีใครเฝ้า ซึ่งเป็นเนื้อชิ้นโตให้กับแคว้นฉู่อย่างนั้นหรือ?เป็นไปไม่ได้!ฉีซวนเหิงจะต้องโจมตีแคว้นเยี่ยนอย่างแน่นอนถึงตอนนั้นก็หวังแค่ว่าจ้าวเฉียนจะสามารถรักษาแคว้นเยี่ยนไว้ได้ไม่รู้ว่าสถานการณ์ทางฝั่งจ้าวเฉียนเป็นอย่างไรบ้าง?แคว้นฉู่และแคว้นฉีตั้งอยู่ทางใต้และเหนือของแคว้นเยี่ยนแคว้นฉู่อยู่ทางใต้ แคว้นฉีอยู่ทางเหนือโดยมีแคว้นเยี่ยนอันกว้างใหญ่อยู่ตรงกลางขณะที่แม่ทัพทั้งสามกำลังหารือกันว่าจะทำการโจมตีในตอนกลางคืนเพื่อบีบให้เจียงเหว่ยส่งกองทัพออกไป...“รายงาน...”ทหารน้อยตะโกนเข้ามา ทำให้ทหารหลายคนในค่ายได้ยินเซี่ยเวย จางเฉา และเฉินเซียนซงหยุดดูแผนที่ในมือ หันไปมองทหารที่มารายงานเห็นทหารผิวคล้ำแดด หน้าตาเบิกบาน ฟันขาวสะอาดของเขาดูสดใสเป็นพิเศษภายใต้แสงแดด“รายงาน ท่านแม่ทัพ แม่ทัพจ้าวเฉียนส่งข่าวดีมา...”เมื่อแม่ทัพทั้งสามได้ยินว่าเป็นข่าวจากจ้าวเฉียน พวกเขาก็รีบเข้าไปถามทหาร“ข่าวอะไร?”ทหารผ่านศึ
เหล่าทหารผ่านศึกต่างโห่ร้องด้วยความยินดี~พวกเขารู้ดีว่า พัดลมตัวเล็ก ไฟฉายขนาดเล็ก และแผงไฟโซลาร์เซลล์...ของเล็ก ๆ พวกนี้ หากนำไปขายให้พ่อค้าร่ำรวยในแคว้นต้าฉี่ จะสามารถแลกกับคฤหาสน์สามทางเข้า ที่มีเรือนปีกข้างหากใครได้รับของเหล่านี้ไป แล้วนำไปขายให้พ่อค้าที่ทำธุรกิจใหญ่โตเช่นนั้นชาตินี้ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องคฤหาสน์ใหญ่สามทางเข้าอีกต่อไปแล้วฆ่าศัตรูเพิ่มอีกสักสองสามคน ได้รับเสบียงมาอีกหลายสิบชั่ง ชาตินี้ก็มีทั้งบ้าน เงินทอง และภรรยาแล้วพวกเขาไม่ได้กำลังต้านทัพแคว้นฉู่ที่บุกโจมตีแคว้นเยี่ยน แต่กำลังสร้างเนื้อสร้างตัวต่างหาก! ดังนั้นทุกคนจึงฮึกเหิมเหมือนได้รับยากระตุ้น กระตือรือร้นกว่าก่อนหน้านี้เสียอีกที่แท้ ในสายตากองทัพตระกูลจ้าน การได้ออกรบถือเป็นเรื่องน่ายินดีและน่าอิจฉาเหล่าทหารผ่านศึกของกองทัพตระกูลจ้าน เมื่อเห็นพวกเขากำลังเก็บข้าวของเพื่อกลับไปป้องกันแคว้นเยี่ยน แต่ละคนก็เผยสีหน้าอิจฉาออกมา!ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจแล้ว!มีอาวุธยุทโธปกรณ์ชั้นยอดขนาดนี้ ต่อให้พวกเขามีจำนวนน้อยแล้วอย่างไร?พวกเขาก็ยังสามารถเอาชนะกองทัพแคว้นฉู่ได้!อย่าว่าแต่ทัพแคว้นฉู่จะยกมาแค่แสน
และเหลือไว้ส่วนหนึ่งไม่พูดถึงไม่ได้เลยว่า เขากลายเป็นคนระวังมากขึ้นวันที่แปด หลี่หยวนจงก็ยังไม่ส่งข่าวกลับมาแม้แต่จ้าวเฉียนกับเซี่ยเวยต่างส่งข่าวกลับมาแล้ว แต่พวกเขาไม่ส่งกลับมาเซี่ยเวยเผชิญหน้ากับกำลังพลหนึ่งแสนคนของแคว้นฉู่ผู้บัญชาการกองทัพของแคว้นฉู่คือเจียงเหว่ย เป็นชายหนุ่มที่มีพลัง มีชื่อเสียงตั้งแต่เด็ก เข้าสู่สนามรบตอนอายุสิบแปดและสร้างผลงานไว้อย่างยิ่งใหญ่!ถึงแม้ในเวลานั้น แคว้นฉู่มีเทพแห่งสงครามอย่างหลิงเซี่ยวเฟิง แต่เจียงเหว่ยก็ลุกขึ้นจากความรุ่งโรจน์ด้วยความสามารถของเขาเองตอนนี้ได้รับความไว้วางใจเป็นอย่างยิ่งจากฉู่อ๋อง ปัจจุบันแคว้นฉู่มีกำลังทหารสองแสนคนอยู่ภายใต้การบัญชาของเจียงเหว่ยบางทีเขาอาจยังหนุ่มเกินไป เขาไม่มองแคว้นเยี่ยนอยู่ในสายตาและนำกองกำลังหนึ่งแสนคนบุกโจมตีแคว้นเยี่ยนกลับไม่คิดว่าจะได้พบกับเซี่ยเวยและศึกสงครามครั้งใหญ่กำลังจะเกิดขึ้นระหว่างเขาสองคนเซี่ยเวยเห็นว่าจำนวนคนของฝ่ายตรงข้ามเป็นสี่เท่าของเขาเดิมทีไม่มีความมั่นใจรู้สึกเอาชนะไม่ได้แต่พอสู้กันจริง ๆ เขาเพิ่งพบว่าดาบม่อเตานั้นดุดันถึงเพียงใดระยะยิงของหน้าไม้ราชวงศ์ฉินก็ไกลมาก ไ
หลายวันที่ผ่านมาเขามีการพักผ่อนที่ไม่ดีแม้ว่าภายนอกเขาไม่แสดงออกและดูไม่ได้ต่างไปจากวันปกติเฉินขุย เฉินอู่ ซ่งตั๋ว จวงเหลียงและคนอื่น ๆ ต่างก็มองออกว่าเขามีความกดดันมากครั้งนี้ มันเกี่ยวข้องกับความเป็นและความตายของกองทัพตระกูลจ้านถ้าพวกเขาชนะ พวกเขาก็จะสยบหกแคว้นได้และจะไม่มีใครกล้าทำอะไรบุ่มบ่ามกับพวกเขาอีกแม้แต่ฮ่องเต้น้อยก็ยังต้องคอยหลบปลายดาบถ้าพวกเขาแพ้ ก็เท่ากับพ่ายแพ้จริง ๆและยังจะทำให้ด่านเจิ้นกวนถูกแต่ละแคว้นแบ่งกลืนดินแดนน้ำ เสบียงอาหารและที่ดินในนั้นก็จะถูกปล้นไปพลเมืองจะถูกสังหารหมู่และทำเป็นเสบียงอาหารดินแดนในอุดมคติที่พวกเขาสร้างมากับมือก็จะถูกทำลายลงทั้งหมดในคราเดียว!ดังนั้น พวกเขาต้องมีสติให้มากเฉินขุย เฉินอู่ไปเตรียมการรบตามแผนการจัดกำลังพลของจ้านเฉิงอิ้น อีกทั้งยังให้ทหารผ่านศึกช่วยฝึนฝนพลเรือนไปด้วยเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่พลเมืองเป็นทหารได้ทุกคนจวงเหลียงรับผิดชอบฝ่ายธุรการรวมถึงปัญหาการแบ่งเสบียงอาหารซุนเฮ่อรับผิดชอบการต้มปรุงโจ๊ก แจกจ่ายเสบียงอาหารของพลเมืองและเหล่าเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารให้เรียบร้อยให้ทุก ๆ คนได้กินอิ่มท้อง!และจวงเหลียงร
พลเมืองที่ต่ำต้อย ไม่ว่าจะกี่ร้อยปีหรือกี่พันปีก็มีแต่จะยากจนลงไปเรื่อย ๆความเจริญรุ่งเรืองที่เธอคาดหวังคือทุก ๆ คนมีข้าวให้กินทุก ๆ คนมีหนังสือให้เรียนขอเพียงยอมขยันขันแข็ง ทุกคนก็ล้วนขยับขึ้นไปที่สูงได้ทั้งนั้นและที่สำคัญ พวกเขายังมีความรู้อีกมากมายที่ต้องเรียนรู้ เครื่องจักรกล ไฟฟ้าและวิทยาศาสตร์…ดังนั้น~สารลับที่จ้านเฉิงอิ้นส่งให้หลี่หยวนจง นั่นก็คือต้องกำจัดตระกูลขุนนางชนชั้นสูงกับขุนนางที่กระทำการทุจริตอย่างหนักของแคว้นเยี่ยนให้สิ้นซากการกระทำนี้อาจถูกปัญญาชนใต้ฟ้าถ่มน้ำลายต่อว่าและวิพากษ์วิจารณ์อาจถึงกระทั่งถูกคนรุ่นหลังสังหารด้วยปลายพู่กันและตอกย้ำความอับอายตลอดกาลแต่ตอนนี้ เขาคิดว่าสิ่งที่เขาทำอยู่นั้นไม่มีความผิดอยากจะพัฒนา อยากจะสร้างบ้านเมืองในอุดมคติตามคำกล่าวของท่านเทพอยากจะรวมให้เป็นหนึ่งเดียวกันและออกสู่ท้องทะเลไปพิชิตทั่วทุกหนแห่งขั้นตอนนี้ จึงจำเป็นต้องทำเขาไม่กลัวว่าจะถูกปัญญาชนใต้ฟ้าถ่มน้ำลายตำหนิเขาไม่กลัวว่าจะถูกคนรุ่นหลังสังหารด้วยปลายพู่กันต่อให้มองว่าเขาสังหารหมู่เป็นคนชั่วที่กระทำความผิดมหันต์…เขาก็จะยอมรับ!เขาคิดว่าตนเอง ได้ท