พวกนายทหารวิ่งไปดูอาการบาดเจ็บของมั่วฝานเขาไม่ได้เป็นอะไร ถุงลมนิรภัยไม่ได้เด้งออกมาเขาเปิดประตูรถอย่างยากลำบาก บนหน้าผากมีลูกโนขนาดใหญ่ ตอนก้าวลงมาขาสองข้างเกิดอาการอ่อนแรงความมั่นอกมั่นใจเมื่อครู่นี้ กลายมาเป็นความคับแค้นใจ“รถยนต์ขับยากเกินไป ยากกว่ารถไถนาเสียอีก!”เฉินขุยหัวเราะและกล่าว “บอกแล้วว่าอย่าอวดเก่ง!”เจียงหยวนเป็นคนพยุงมั่วฝานและหาเก้าอี้ตัวหนึ่งให้เขานั่งจวงเหลียงเป็นคนช่วยเขาเช็ดบาดแผลและทำลูกหัวโนตรงหน้าผากให้ยุบคนวัยหนุ่มเหอหง เฉินจวิ้นหลินและอีกสองสามคน ต่างเดินล้อมรอบอยู่ข้างรถพวกเขาชอบรถ โดยเฉพาะรถออฟโรดขนาดหนักทรงพลังและมีอำนาจ…ต่างรู้สึกคันไม้คันมือ อยากขึ้นไปลองขับแต่ทว่า ไม่มีใครสามารถเปิดเครื่องยนต์รถได้สำเร็จเลยสักคนกลับเป็นเจียงหยวน ที่ไม่รู้เลยว่าเขาถอยรถออกมาและขับไปยังพื้นที่โล่งได้สำเร็จได้อย่างไรทุกคนมองเจียงหยวนอย่างประหลาดใจ รองแม่ทัพของมั่วฝานผู้นี้ไม่ธรรมดา!คิดไม่ถึงว่าจะเรียนรู้การถอยรถเป็นแล้ว!ในเวลาเดียวกัน เย่มู่มู่ส่งกระดาษแผ่นเล็กมาอีกหนึ่งแผ่น“เป็นอย่างไรบ้าง ลองขับรถแล้วหรือยัง ถ้ามีความจำเป็น พรุ่งนี้ข้าไปซื้อเ
เด็กกำพร้าและหญิงม่ายอยู่ในค่ายทหารของสวีหวยต่อไป สุดท้ายก็ไม่อาจหลีกหนีชะตาชีวิตในการถูกกินจึงได้หนีภัยมายังด่านเจิ้นกวน!อีกทั้งยังมีนายทหารบางคน ยอมเดินด้วยเท้าสามสิบลี้ท่ามกลางแสงแดดร้อนผ่าวมาถึงด่านเจิ้นกวนเพื่อให้ภรรยาและลูกมีชีวิตรอดต่อไปพวกเขาเพียงต้องการหนทางรอดชีวิตหนทางหนึ่งเท่านั้นจึงไม่กล้าจินตนาการถึงด่านเจิ้นกวนว่าดีเพียงใด ตราบใดที่มีใบไม้หญ้าและรากเพียงพอ พวกเขาก็จะยอมรับมัน!แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่า หลังจากมาถึงด่านเจิ้นกวนชาวเมืองด่านเจิ้นกวนทุกคน ล้วนใส่เสื้อผ้าสีสันสดใสที่ทำจากวัสดุฝ้ายไม่ว่าจะเป็นผู้สูงวัยหรือว่าเด็กน้อย เสื้อผ้าล้วนใหม่เอี่ยมทุกตัว!เหล่าทหารล้วนสวมใส่เสื้อผ้าที่เรียบร้อย ที่เท้าสวมไว้ด้วยรองเท้าผ้าใบ ชุดเกราะขาวสะอาดเป็นระเบียบ เสื้อซับในของชุดทหารก็ดูมีคุณภาพดีเยี่ยมเป็นเสื้อผ้าเนื้อดีกว่าของเหล่าขุนนางชนชั้นสูงที่สวมใส่ ก่อนเกิดทุพภิกขภัยก่อนหน้านี้อีก!ครั้นพวกเขาถูกพามาถึงท้องถนนบนพื้นที่อยู่อาศัยเห็นข้างหน้ามีคนกำลังต่อแถวรับน้ำก๊อกน้ำอยู่กลางถนน เพียงบิดมัน แหล่งน้ำสะอาดก็ไหลออกมาซ่า ๆ ทันทีมีคนตะโกนในกลุ่มผู้ประสบภัย
จ้านเฉิงอิ้นขมวดคิ้ว!จะทำการโจมตีเมืองมะรืนนี้หรือ?อาวุธชุดที่สองที่ท่านเทพส่งมา อาจจะมาถึงไม่ทันเวลาซุนหย่าปาพูดต่อไปว่า “ฮ่องเต้แคว้นฉี : พูดไปก็ไร้ประโยชน์ รอให้หลัวซู่พาเหล่าทหารมาถึงก่อน ค่อยแบ่งหน้าที่กันอีกที!”“หลิงเซี่ยวเฟิง : การร่วมมือของสามฝ่ายต้องประสานกันอย่างดีถึงจะสามารถตีด่านเจิ้นกวนได้ แต่พระองค์กลับคิดแต่จะเหยียบศพสหายร่วมรบเพื่อเลื่อนตำแหน่ง คนอย่างพระองค์ถึงมีอยู่ก็ทำให้ด่านเจิ้นกวนไม่สามารถถูกตีได้เสียที!”“รอให้หลัวซู่มาถึงด่านเจิ้นกวนแล้ว ข้าจะร่วมมือกับเขา ส่วนเจ้า...ไปหาที่เย็น ๆ นั่งรอเงียบ ๆ เถอะ!”กล่าวจบ หลิงเซี่ยวเฟิงก็หันหลังกลับเข้ากระโจมฉีซวนเหิงถือพัดหยกขาว ส่ายพัดไปมา บนริมฝีปากเผยยิ้มเยาะ แล้วเดินกลับเข้าไปในค่ายแคว้นฉีซุนหย่าปากล่าวว่า “ท่านแม่ทัพ ข้าบอกทุกคำที่พวกเขาพูดตามความจริง น่าจะไม่มีข้อผิดพลาดขอรับ!”จ้านเฉิงอิ้นกล่าวชื่นชม “ทำได้ดี ไปที่โต๊ะในห้องโถงหารือ เอาโค้กมาดื่มสักขวดเถอะ!”ซุนหย่าปารู้สึกดีใจมาก ดวงตาของเขาทอประกายแสงสว่างในความมืด“ข้าขอสามขวดได้หรือไม่? พี่ใหญ่เว่ย เสี่ยวลิ่วจื่อ ข้าขอให้คนละขวด!”“ได้สิ!”ซุนห
เดินเท้าเข้าใกล้ระยะยิงของหน้าไม้ราชวงศ์ฉินธนูและศรเตรียมพร้อม!การยิงหน้าไม้ราชวงศ์ฉินรอบแรก หน้าไม้ทุก ๆ คันถูกผูกด้วยถุงน้ำมันดีเซล ไม่จำเป็นต้องยิงโดนตัวคน แต่แค่ยิงโดนกระโจมก็พอฟิ้ว ๆ ๆ...ในยามค่ำคืน ลูกศรหน้าไม้ราชวงศ์ฉินหลายพันดอกพุ่งออกไป ยิงโดนกระโจมของกองทัพแคว้นฉู่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างยาวนาน ความแม่นยำของหน้าไม้ราชวงศ์ฉินนั้น แม่นยำมากเกือบทุกดอกสามารถยิงโดนโดยเฉพาะกับเป้าหมายขนาดใหญ่เช่นกระโจมทหารแคว้นฉู่วิ่งออกจากกระโจม หวังจะดูว่าศัตรูมาจากทางไหนบางคนโดนน้ำมันดีเซลสาดไปบนหัว ใช้เสื้อเช็ดออกไปรอบที่สอง หน้าไม้ราชวงศ์ฉิน จุดไฟที่หัวธนูฟิ้ว~เสียงลมที่แหวกอากาศในความมืดยิ่งดังชัดเจนขึ้นกว่าเดิมชั่วขณะนั้น กระโจมของกองทัพแคว้นฉู่ตรงหน้าก็ถูกไฟเผาไม่ถึงครู่เดียว พื้นที่ค่ายพักของกองทัพแคว้นฉู่ตรงหน้าก็กลายเป็นทะเลเพลิง!จ้านเฉิงอิ้นยกดาบขึ้นม้า พูดกับเหล่าทหาร “พวกเด็กผู้ชาย ตามข้ามา ไปสังหารศัตรู!”ทหารหนึ่งหมื่นหกพันคนตอบรับคำสั่งทันที!ทิ้งทหารสี่พันคนไว้ยิงหน้าไม้ราชวงศ์ฉินต่อไป…ภายใต้การนำของจ้านเฉิงอิ้น พวกเขาโถมเข้าไปในพื้นที่กองทัพแคว้นฉู่
“อ๊าก...เจ้าฆ่าเจ๋อเอ๋อร์ของข้า! ข้ากับเจ้าต้องตายไปด้วยกัน!”หลิงเซี่ยวเฟิงมีบุตรชายสองคน ทั้งสองล้วนตายจากการทำสงคราม!เขาเคียดแค้นจ้านเฉิงอิ้นเคียดแค้นฉู่อ๋อง!เกลียดฟ้าดินที่ไม่ยุติธรรม ทำให้เขาที่เป็นคนผมหงอกต้องส่งคนผมดำไปก่อน!ในชั่วขณะนั้น โลหิตในกายของเขาพลันพลุ่งพล่าน มือถือดาบใหญ่ เตรียมตัวที่จะสู้ศึกชีวิตกับจ้านเฉิงอิ้นทว่าเขากลับถูกทหารที่อยู่ข้างหลังคว้าเอาไว้แน่น“ท่านแม่ทัพ อย่าไปเลย ขอแค่ภูเขายังอยู่ ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องหาฟืนมาเผา!”“ท่านแม่ทัพ พวกเราจะคุ้มกันท่านถอยกลับ หากยังมีชีวิตอยู่ โอกาสยังคงมี!”“พวกเขาลอบโจมตี พวกเราไม่ควรกล้าหาญตามอารมณ์ชั่วขณะ!”“ท่านแม่ทัพ รีบไปเถอะ... รีบไปเร็ว!”หลิงเซี่ยวเฟิงถูกทหารของตนบังคับพาไปจากที่นั้น!จ้านเฉิงอิ้นต้องการจะไล่ตามฆ่า แต่กลับถูกทหารผู้ภักดีของหลิงเซี่ยวเฟิงยืนขวางไว้เขาถือดาบม่อเตาในมือฟาดไป ฆ่าทหารที่ขวางทางสิบกว่าคนจนหมดสิ้นเมื่อมองอีกที หลิงเซี่ยวเฟิงก็หายตัวไปเสียแล้วจ้านเฉิงอิ้นเต็มไปด้วยเลือด มือข้างหนึ่งจับสายบังเหียนม้า อีกข้างถือดาบม่อเตาหันหัวไปมองไปรอบ ๆ ทหารแคว้นฉี่แม้มีน้อย แต่ก็มีอ
กองทัพแคว้นฉู่ที่เคยอ้างว่าเป็นกองทัพไร้พ่ายของหัวเซี่ยในเมื่อหลายเดือนก่อน ก็ถูกเผาไปเช่นนี้สุดท้ายก็จบลงอย่างราบคาบ และกลายเป็นแค่เพียงเศษซากกองทัพที่ไม่เคยพ่ายแพ้ได้กลายเป็นแค่ตำนานในประวัติศาสตร์ และไม่เคยมีอยู่จริงอีกต่อไป!*พระอาทิตย์ขึ้นสูง อุณหภูมิก็เริ่มสูงขึ้น!จ้านเฉิงอิ้นนำแม่ทัพสิบคนและเหล่าทหารกลับเข้าเมืองการรบในครั้งนี้เป็นชัยชนะอย่างเด็ดขาด ชาวเมืองทั้งหมดที่ประตูเมืองต่างออกมาต้อนรับอย่างอบอุ่นพวกผู้หญิงทำอาหารอร่อย ๆ ไว้รอ รอเพียงพวกเขาชำระล้างตัวเสร็จ แล้วดื่มฉลองกันให้สนุกพวกผู้ชายที่ช่วยกันทำความสะอาดสนามรบได้รับน้ำและโจ๊กเหลว พวกเขาก็อดมาทั้งคืน ต้องหาของกินรองท้องก่อนพวกเด็กชาย เด็กหญิง และคนชราที่เฝ้ากำแพงเมืองทั้งคืน ต่างก็ไปพักผ่อนแล้ว!ทุกคนมีความสุขกันมากเพราะพวกเขาทำลายค่ายของกองทัพแคว้นฉู่และกองทัพแคว้นฉีได้ทั้งสองแคว้นไม่มีกำลังทหารพอที่จะต่อต้านด่านเจิ้นกวนได้อีกในที่สุด ก็เหลือเพียงเผ่าหมานฝ่ายเดียวเหมือนต้นไม้ต้นเดียวยากที่จะพยุงเพียงแค่คืนเดียว ดาบแหลมคมที่แขวนอยู่เหนือหัว ก็ถูกดึงออกมาอย่างง่ายดาย!เฉินขุยถือขวดเบียร์ ดื่มห
หลัวซู่จะบุกโจมตีในคืนนี้?พวกกองทัพเผ่าหมานที่เหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางอย่างต่อเนื่องหลายวัน ไม่ต้องการพักผ่อนบ้างหรืออย่างไร?จ้านเฉิงอิ้นกล่าวต่อ “หลัวซู่เป็นคนหยิ่งทะนงในตัวเองอย่างยิ่ง เมื่อเขาโกรธเกรี้ยว เรื่องความเหนื่อยล้าของทหาร...เขาไม่สนใจ!”“เขาจะบุกโจมตีในยามค่ำคืน หวังจะเอาชีวิตข้าให้ได้!”“และพวกทหารแคว้นฉู่กับทหารแคว้นฉีที่หลบหนีไปก่อนหน้านี้ จะเข้าร่วมกองทัพในการบุกครั้งนี้ด้วย”“หากนับรวมแล้ว กองกำลังศัตรูอาจมีถึงสองแสนเจ็ดหมื่น ถึงสามแสนคน!”“กำลังพลมหาศาลเช่นนี้ สำหรับกองทัพตระกูลจ้าน ยังคงเป็นกองกำลังที่พร้อมบดขยี้!”“วันนี้ ให้พวกเด็ก ๆ ผู้หญิงและคนชราที่ฝึกธนูทดกำลัง เข้านอนตั้งแต่หัวค่ำ ได้พักผ่อนให้เต็มที่”“ก่อนพลบค่ำให้ทุกคนรวมตัวกัน สวมชุดเกราะกันกระสุน พกธนูทดกำลัง และมารวมตัวกันที่ประตูเมือง!”“ช่วงค่ำ ให้เหล่าชายฉกรรจ์เฝ้าเมืองไว้ ส่วนทหารที่เฝ้าประตูให้รีบกินข้าว เสร็จแล้วก็รีบพักผ่อนแต่เนิ่น ๆ!”เหล่าทหารพร้อมใจกันขานรับ “ขอรับ ท่านแม่ทัพ!”เถียนฉินวิ่งเข้ามา “ท่านแม่ทัพ พวกทหารนำหูของศัตรูมาแลก...”“พวกเขาอยากแลกข้าวสารและแป้งสาลีหรือ?”“ไ
เย่มู่มู่รู้สึกจริง ๆ ว่า จ้านเฉิงอิ้นช่างแข็งแกร่งและน่าเกรงขาม!แต่จ้านเฉิงอิ้นกลับตอบกลับด้วยความอ่อนน้อมว่า “ท่านเทพ หากไม่มีอาวุธและอุปกรณ์ที่ท่านประทานให้ พวกเราย่อมไม่อาจชนะศึกโจมตีในยามค่ำคืนนี้ได้ ท่านคือผู้ที่สมควรได้รับเกียรติสูงสุด!”เขาถึงกับมอบความดีความชอบให้กับเย่มู่มู่!เย่มู่มู่กล่าวตอบ “อีกยี่สิบนาที ข้าจะส่งรถบรรทุกสามคันไปให้!”“เจ้าหาคนเรียนขับรถไว้ ข้าเห็นในวิดีโอว่าพื้นที่แถวนั้นส่วนใหญ่เป็นที่ราบ ความจริงจะขับเป็นหรือไม่ก็ไม่สำคัญ แต่จำไว้ อย่าขับในเมือง เพราะอาจชนคนเข้าได้!”“เมื่อถึงเวลาออกรบ ค่อยใช้รถบรรทุกพุ่งชนศัตรู แต่อย่าขับจนพลิกคว่ำเชียว!”เธอกลัวว่าศัตรูจะเจาะถังน้ำมัน จึงใช้แผ่นเหล็กหนาป้องกันไว้“ข้าจะสั่งของใช้จำเป็นมาเพิ่ม ช่วงบ่ายน่าจะส่งถึง!”“ขอบคุณท่านเทพที่ประทานสิ่งของมาให้!”จ้านเฉิงอิ้นหยิบแจกันขึ้นมา สวมชุดยาวสีขาวงาช้างขึ้นไปบนหลังม้า ก่อนควบม้ามุ่งหน้าไปยังลานว่างใต้กำแพงประตูเมืองตะวันออกซ่งตั๋วที่ยังไม่ได้พักผ่อน เห็นจ้านเฉิงอิ้นมาก็รู้สึกประหลาดใจ“ท่านแม่ทัพ ท่านไม่ไปพักผ่อนที่จวนแม่ทัพหรือ?”จ้านเฉิงอิ้นส่ายหน้า “ข้าจะ
“ก่อนหน้านี้เจ้าหมอนี่ชอบไปเที่ยวที่หอโคมเขียวบ่อย ๆ ไม่ใช่หรือ? ทำไมยังหน้าแดงอีกเล่า?”หลูซีมองหญิงสาวที่สวมกระโปรงสั้น เผยให้เห็นต้นขาขาวผ่องออกมา เขากล่าวอย่างกระวนกระวายว่า “ท่านเทพ ที่ต้าฉี่ไม่มีผู้ใดใส่เสื้อผ้าเช่นนี้ แม้จะเป็นขอทานก็ปิดมิดชิดทุกส่วน!”เย่มู่มู่ตอบกลับ “นั่นถือว่ายังมีจรรยาบรรณทางวิชาชีพทีเดียว”“แม้ท่านรัฐทายาทจะเป็นลูกผู้ดีมีเงิน ไปค้างคืนที่หอโคมเขียวบ่อย ๆ แต่เขาก็ไม่เคยค้างคืนกับหญิงสาวที่หอโคมเขียว...”“ฉะนั้น นี่เขายังซิงอยู่หรือ?”หลูซีไม่เข้าใจอะไรที่เรียกว่าซิง เขาเอียงศีรษะน้อย ๆ พลางครุ่นคิดแล่วเอ่ยขึ้นว่า “อืม เขาบอกว่าผู้หญิงที่หอโคมเขียวเองก็ไม่ง่าย หากเขาค้างคืนด้วย แล้วรู้ว่านี่คือคนของเขา ก็จะไม่มีขุนนางชั้นสูงและคนตระกูลชั้นสูงผู้อื่นมาซื้อ และอาจมารังแกพวกนางได้!”เย่มู่มู่อดไม่ได้ที่จะมองรัฐทายาทน้อยตรง ๆ “นับว่าเขาเป็นคนดีทีเดียว!”“แน่นอนอยู่แล้วขอรับ...เขาเองก็ปฏิบัติกับหน่วยกล้าตายไม่เลวเช่นกัน!”ทันใดนั้น หลูซีก็ยืนตัวตรงพร้อมกำดาบเหิงเตาราชวงศ์ถังในมือแน่นสีหน้าเคร่งเครียด เขาแหงนหน้าขึ้นไป สายตาของนัยน์ตาดำขลับมองไปยังที่ที่
“ทุกท่าน เพื่อให้อนาคตมีอาวุธที่หลอมจากเหล็กใช้ไม่ขาดมือ ต้องชิงที่แห่งนี้มาให้ได้!”“ข้าคิดจะชิงตัดแหล่งที่มาของอาวุธพวกเขา ก่อนจะโจมตีกองทัพธงเหลือง”“ต้องส่งคนกลุ่มหนึ่งไปเฝ้าติดตามทางนั้นก่อน หานายทหารที่ไหวพริบดี ชำนาญการซ่อนตัวไปไปบางส่วน”“ให้ซุนเฮ่อหาชาวบ้านที่เคยขุดเหมืองมาสักสองสามคน ขับรถไปพร้อมกัน เตรียมเสบียงอาหารให้เยอะขึ้นอีกหน่อย!”เหล่านายทหารได้ยินดังนั้น นี่คือภูเขาเหมืองแร่เหล็กที่กลั่นเหล็กกล้าเลยนะหัวเซี่ยผืนแผ่นดินใหญ่ มีกองทหารของแว่นแคว้นมากมาย ทว่ายังใช้อาวุธทองสัมฤทธิ์อยู่หากเอาภูเขาเหมืองแร่หินมาได้ ก็เท่ากับแหล่งที่มาของอาวุธที่มีให้ใช้ไม่ขาดมือต้องชิงที่นี่มาให้ได้จ้าวเฉียน สวีจื่อหลิง เฉินเซียนซง จางเฉา หลัวอวี๋...ต่างคุกเข่าลงในทันใดอยากจะขอคำสั่งบุกแม้อยู่ด้วยกันมาก็ช่วงหนึ่งแล้ว ทว่าอันที่จริงจ้านเฉิงอิ้นก็ไม่ได้เข้าใจนิสัยของบรรดาผู้นำทัพเยี่ยนมากมายนักเขามองไปที่เซี่ยเวย “แม่ทัพเซี่ยคิดว่าจะส่งผู้ใดล่วงหน้าไป?”เซี่ยเวยตอบ “ท่านแม่ทัพ ระเบิดโรงงานดินปืน ให้จางเฉานำคนไปเถิด เขาคุ้นเคยกับการสู้รบตอนกลางคืน หากเป็นตอนกลางคืนอัตราความส
จ้านเฉิงอิ้นไม่ได้พูดตอบใด ๆเปลี่ยนไปจิตใจดีอะไรกัน เพียงแต่นึกไปถึงว่าหากต้าฉี่ต้องล่มสลาย เลยจะดึงเขามาเป็นพวกล่วงหน้าเท่านั้นหากมีไทเฮาคอยดูแลท่านแม่และบ้านน้องรองอยู่ในวัง เขาก็จะได้เบาใจไปสองสามส่วนจ้านเฉิงอิ้นกล่าวกับจวงเหลียงว่า “เจ้าเผยข่าวเรื่องที่ข้าถูกลอบโจมตี และได้รับบาดเจ็บหนักให้ไทเฮาทรงทราบเสีย”“แจ้งลงไป พักอยู่ที่ช่องเขาเป้าเสียสามวัน จนกว่าท่านเทพจะนำวัตุระเบิดมาไว้ในที่ว่างเปล่า แล้วค่อยออกเดินทาง”“ขอรับ ท่านแม่ทัพ!”*ตอนบ่ายเย่มู่มู่ไปยังพื้นที่ก่อสร้างท่ามกลางแสงแดดที่แผดเผาเธอเห็นรัฐทายาทน้อยที่เนื้อตัวเปื้อนไปด้วยโคลน กำลังเข็นรถเข็นสามล้อคันน้อยพร้อมออกแรงสุดชีวิตภายในรถเข็นคันน้อยใส่หินเอาไว้เต็มคันรถเขากำลังเข็นไปยังใต้กำแพงทั้งเหงื่อท่วมหัว จากนั้นก็ย้ายขึ้นไปกองยังชั้นสามทีละก้อน ๆก่อนจะเดินลงมาทั้งขากะเผลกตลอดทั้งทางอีกครั้งส้นเท้าถูกบดจนเลือดออก นิ้วเต็มไปด้วยตุ่มพอง“มั่วฝาน หลูซี...ไป ข้าจะพาพวกเจ้าไปทำซิมการ์ดกับบัตรธนาคาร!”ทั้งสองคนวางงานในมือลง แล้วรีบวิ่งมาทันทีบนใบหน้ามอมแมมไปหมด บนร่างกายเองก็ไม่มีจุดไหนที่สะอาดเช่นกัน
ซ่งอวิ๋นฮุยรีบป้อนยาให้จ้านเฉิงอิ้น รอเขาสงบสติอารมณ์ลงเล็กน้อย ค่อยจับชีพจรต่อเขากล่าวว่า “ท่านแม่ทัพ ต้องห้ามมีอารมณ์พลุ่งพล่านเกินไปเป็นอันขาด มันไม่ดีต่อการฟื้นฟูอาการบาดเจ็บของท่าน!”จ้านเฉิงอิ้นพยักหน้า!ต่อต้านต้องต่อต้าน!ทว่าตอนนี้ต้องจัดการกองทัพธงเหลืองก่อนและต้องพาครอบครัวที่อยู่เมืองหลวงออกมาบัดนี้บิดามารดาของเฉินขุยเฉินอู่...และมารดา พี่ใหญ่ ทั้งครอบครัวพี่รองของเขา...ถูกขังอยู่ในวัง!จวนตระกูลจ้านยังมีท่านย่า น้องชายสี่ น้องหญิงห้า...ต้องพาทุกคนออกมาครอบครัวของนายทหารส่วนใหญ่ล้วนอยู่ที่เมืองหลวง ต้องลอบย้ายคนออกมาอย่างลับ ๆจ้านเฉิงอิ้นมองไปที่เฉินขุย เฉินอู่ เฉินจวิ้นหลินและซ่งตั๋ว...“เฉินขุย เฉินอู่ พวกเจ้าไปถามพวกทหารผ่านศึกว่า ผู้ใดยังมีครอบครัวอยู่ที่เมืองหลวงอีกบ้าง และทำบันทึกเอาไว้”“นายทหารที่ตายไปเหล่านั้นหากมีครอบครัวอยู่ที่เมืองหลวง ก็อย่าให้ตกหล่นเป็นอันขาด”“เฉินจวิ้นหลิน เจ้านำกองกำลังกองหนึ่งล่วงหน้าเข้าเมือง โยกย้ายครอบครัวออกมาจากเมืองหลวงอย่างลับ ๆ ก่อน ไม่จำเป็นต้องโยกย้ายจำนวนมาก นำคนออกจากเมืองชุดหนึ่งทุก ๆ สองสามวัน กระทั่งจะ
หลังจากกลุ่มคนจากไป จวงเหลียงก็หยิบพระราชโองการลับของไทเฮาออกมาไทเฮาทรงเขียนถึงมั่วฝาน เพียงแต่เขาไม่อยู่ จวงเหลียงจึงเปิดพระราชโองการออกด้านบนเขียนไว้ว่า แคว้นฉู่ แคว้นฉี แคว้นเยี่ยน เผ่าหมาน... ล้วนส่งสาส์นตราแผ่นดินมายังฮ่องเต้แคว้นต้าฉี่พวกเขามีเจตนาที่จะผูกมิตรไมตรีกับแคว้นต้าฉี่ยินดีลงนามในข้อตกลงหยุดสงครามเป็นเวลาห้าสิบปีพวกเขายินดีที่จะยกเมืองบางเมืองให้ เผ่าหมานส่งวัวและแกะมาถวาย...ข้อเรียกร้องเพียงข้อเดียวของข้อตกลงหยุดสงคราม เนื่องมาจากจ้านเฉิงอิ้นสังหารทหารของพวกเขาไปมากมายในเมื่อลงนามในข้อตกลงหยุดสงครามแล้ว จ้านเฉิงอิ้นก็ไร้ประโยชน์พวกเขาเรียกร้องให้ฮ่องเต้น้อยสังหารจ้านเฉิงอิ้นแล้วค่อยลงนามในข้อตกลงจ้านเฉิงอิ้นเห็นจดหมายลับฉบับนี้ โทสะก็ลุกโชน เส้นเลือดที่หลังมือปูดโปนเขาเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเพื่อแคว้นต้าฉี่กองทัพตระกูลจ้านสองแสนนายของเขา บาดเจ็บล้มตายนับไม่ถ้วน เหลือไม่ถึงสองหมื่นนายฮ่องเต้น้อยไม่เพียงแต่ไม่เลื่อนบรรดาศักดิ์ให้เขาผู้มีคุณูปการใหญ่หลวงแต่ยังแสดงเจตนาสังหารอย่างชัดเจน!ในจดหมายลับ ไทเฮากล่าวถึงฮ่องเต้น้อยทรงสนพระทัยการเจรจาสันติภ
ซุนหลินก็เข้ามาในกระโจมด้วย รีบคุกเข่าลงข้าง ๆ ซุนเฮ่อ“ท่านแม่ทัพ ท่านลุงสามรู้สถานที่ตั้งของเหมืองแร่เหล็กจริง ๆ ขอท่านให้โอกาสเขา เขาเพียงแค่ถูกกองทัพธงเหลืองล้างสมอง ถึงได้บังอาจซ่อนระเบิดเพื่อระเบิดท่าน!”จ้านเฉิงอิ้นพูดกับซุนเฮ่อ “ลุกขึ้นก่อน!”“ขอบคุณท่านแม่ทัพ”พวกเขาสี่ร้อยคนถูกทิ้งไว้ในกองทัพตระกูลจ้าน มีหน้าที่ต้มโจ๊กให้ทหารโดยเฉพาะได้เห็นว่าทรัพยากรของกองทัพตระกูลจ้านนั้นอุดมสมบูรณ์เพียงใดได้รู้ว่าน้ำของกองทัพตระกูลจ้าน บรรจุด้วยรถคันใหญ่ มีไม่จำกัด ดื่มได้ไม่อั้นทุกวัน!แค่สองวันนี้ พวกเขาอ้วนขึ้นแล้วแก้มที่ตอบก็มีเนื้อขึ้นมาและตอนต้มโจ๊ก อ้างว่าชิมรสชาติ ใช้ชามเล็กแอบกิน ถูกคนในโรงครัวเห็น ก็ไม่มีใครว่าพวกเขาพวกเขาล้วนอยากอยู่ที่นี่ ไม่อยากกลับไปยังเมืองที่กองทัพธงเหลืองยึดครองอีกแล้วซุนเฮ่อเตรียมตัวมาอย่างดี หยิบแผนที่ที่ซ่อนไว้ออกมาเป็นแผนที่ที่วาดบนหนังวัวที่ตั้งอยู่ในภูเขาลึกทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองหยงโจวท่านเทพส่งเหมืองแร่เหล็กให้เขา หนังสือเหมืองถ่านหินก็ถูกระบุไว้เช่นกันท่านเทพระบุไว้ว่า เหมืองแร่เหล็กหมู่บ้านฮั่นจงโกว...จ้านเฉิงอิ้นหยิ
ในสายตาของนักปราชญ์อย่างจวงเหลียง การแต่งกายเช่นนี้ถือว่าผิดจริยธรรมมันยิ่งกว่าการแต่งตัวของขอทานที่...ขาดรุ่งริ่งเสียอีกทายาทตระกูลมั่วผู้สง่างาม หลานชายแท้ ๆ ของไทเฮา เหตุใดจึงตกต่ำถึงเพียงนี้“ท่านแม่ทัพ ให้รัฐทายาทน้อยกลับมาเถิด!”แต่จ้านเฉิงอิ้นกลับคิดว่ามันเป็นเรื่องดี อย่างน้อยในโลกของท่านเทพ มั่วฝานก็สามารถหางานทำเลี้ยงตัวเองได้อย่างน้อยก็ไม่ต้องให้ท่านเทพเลี้ยงดู และเพิ่มภาระให้ท่านเทพ!“ไม่ต้องหรอก ตอนนี้เขาทำงานได้ ก็ดีแล้ว!”“แต่...”“มั่วฝานสมัครใจเอง หากเขาไม่ต้องการทำงาน ท่านเทพก็คงบังคับเขาไม่ได้”แม้จะพูดเช่นนั้น แต่จวงเหลียงมองดูแล้วก็อดปวดใจไม่ได้เขาอยู่ที่นี่ใช้ชีวิตอย่างไร ทุกวันนั่งอยู่ในรถ เปิดแอร์เย็น ดื่มเครื่องดื่มเย็นกินข้าวสวย มีคนจากจวนรัฐทายาทคอยปรุงอาหารวันละสามมื้อให้เขากินเขาเคยลำบากแบบนี้เมื่อไหร่กันจ้านเฉิงอิ้นเห็นเขายังคงเหม่อลอย จึงถามว่า “เป็นอะไร?”เขาส่งจดหมายลับในมือให้ด้วยมือทั้งสอง“หวังเซิ่งจากกองทัพธงเหลืองส่งข่าวมา พวกเขาเพิ่มกำลังการผลิตระเบิด สถานที่ผลิตระเบิดอยู่ในภูเขาของอวิ๋นโจว ห่างจากเมืองทั้งห้ามาก อยู่ห่างจา
เย่มู่มู่ยังโยนแท็บเล็ตเข้าไปในแจกันด้วยตุ้บ แท็บเล็ตหล่นลงมาจ้านเฉิงอิ้นหยิบขึ้นมา เปิดอัลบั้มรูปในแท็บเล็ตเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยสองคนสวมเสื้อยืดแขนสั้นรูปแบบทันสมัย ร่างกายสกปรกมีจุดปูนซีเมนต์ติดอยู่พวกเขากำลังขนอิฐในพื้นที่ก่อสร้างใหม่โดยเฉพาะมั่วฝาน ที่มองไม่ออกเลยว่าเคยเป็นรัฐทายาทเมืองหลวงเจ้าสำราญมาก่อนมีภาพถ่ายหลายภาพที่แสดงให้เห็นว่า มีคนงานคนหนึ่งส่งบุหรี่ให้มั่วฝาน แต่เขากลับโบกมือปฏิเสธ และยังโค้งคำนับเพื่อขอบคุณอีกด้วยสองหนุ่มน้อยทั้งสุภาพและนอบน้อม อีกทั้งยังหน้าตาดี ทำให้พวกเขาได้รับความชื่นชอบจากเพื่อนร่วมงานในพื้นที่ก่อสร้างเป็นอย่างมากเย่มู่มู่เคาะแจกันเบา ๆ แล้วพูดว่า “เห็นหรือเปล่า?”จ้านเฉิงอิ้นมองมั่วฝานที่ใบหน้าเลอะเทอะไปด้วยคราบสกปรก และอดถามไม่ได้ “นี่มั่วฝานจริง ๆ หรือ?”“ของแท้แน่นอน ไม่ใช่ของปลอม!”“ดีมาก ปล่อยให้เขาอยู่ทางนั้น หาเงินสร้างบ้านต่อไปเถอะ หากเขาอยู่สบายเกินไปเมื่อไร ก็ค่อยส่งเขากลับมา!”เย่มู่มู่ “…”นางรู้สึกเหมือนจะได้ยินน้ำเสียงของจ้านเฉิงอิ้นแฝงความอิจฉาเล็กน้อยนี่มันไม่น่าจะเป็นไปได้ใช่ไหม?การแบกอิฐในพื้นที่ก่อสร้างม
“จริงแท้แน่นอน ข้าน้อยไม่กล้าปิดบัง!”“เจ้าเห็นด้วยตาตัวเองหรือ?”“ขอรับ ท่านแม่ทัพใหญ่เพียงสัมผัสแจกัน จากนั้นแจกันก็พ่นกล่องอาหารออกมา และ...และยัง...”“และอะไร?”“ซ่งอวิ๋นฮุยหมอประจำกองทัพ ดูเหมือนจะไม่ได้แปลกใจ รีบหยิบกล่องอาหารขึ้นมาให้ข้าน้อยสามกล่อง และยังแบ่งอีกยี่สิบกว่ากล่องไปให้แม่ทัพคนอื่นได้ร่วมรับประทานด้วย!”“ท่านแม่ทัพ ตำนานกระถางวิเศษเป็นเรื่องจริง แจกันนี้สามารถพ่นสิ่งของที่ต้องการออกมาได้ตามใจ!”เมื่อทหารผ่านศึกพูดจบ บรรยากาศในกระโจมก็ตกอยู่ในความเงียบงันอย่างประหลาด“แบบนี้ก็หมายความว่า รถและสิ่งของทั้งหมดอาจถูกท่านแม่ทัพเก็บไว้ในกระถางวิเศษ”“ใช่ รถคันใหญ่ขนาดนั้น ในพื้นที่รกร้างแบบนี้ไม่มีทางซ่อนได้แน่!”“แล้วอาหารพวกนี้กินได้หรือเปล่า? ข้าหิวมากแล้ว”ข้าวสิบกล่องพอดีสำหรับแบ่งกันคนละกล่องพอดีเซี่ยเวยเลือกที่จะประหยัดเสบียง โดยหยิบอาหารออกมาเพียงห้ากล่อง และให้ทุกคนเอาชามสเตนเลสของตัวเองออกมาข้าวแต่ละคนได้แบ่งเพียงครึ่งกล่องกับข้าวก็แบ่งกันคนละครึ่งกล่องเช่นกันจ้าวเฉียนเป็นคนแรกที่เริ่มกิน เขาหยิบน่องไก่ชิ้นใหญ่ขึ้นมา และกัดไปหนึ่งคำ รสชาติหอมกรุ