หลังจากที่เย่มู่มู่ส่งรถกลับไปแล้ว เธอก็ได้รับสายจากเถ้าแก่หลิน เจ้าของร้านขายธนูทดกำลัง“คุณหนูเย่ ต้องขออภัยเป็นอย่างสูงครับ ผมไม่สามารถดำเนินการตามคำสั่งซื้อของท่านได้”“ช่วงนี้การควบคุมเข้มงวดมาก พวกเขาได้ยินว่าต้องการปืนล่าสัตว์หนึ่งหมื่นกระบอก ก็ไม่ยอมทำการค้าด้วยแล้ว ทั้งยังเตือนผมว่าให้ระวังตัว อย่าให้เป็นเป้าสายตาจากเบื้องบน”“แต่ท่านวางใจได้ ผมจะใช้เส้นสายที่มี ซื้อปืนจากสิบสองร้าน ร้านละสิบกระบอก รวมเป็นหนึ่งร้อยยี่สิบกระบอก!”หนึ่งร้อยยี่สิบกระบอก... จำนวนนี้ยังน้อยเกินไป!แต่ในตอนนี้ก็ต้องใช้เท่าที่มีไปก่อน“ได้ค่ะ ขอบคุณเถ้าแก่หลินมาก อย่าลืมส่งกระสุนมาเพิ่มด้วยนะคะ!”“ผมจะจัดกระสุนให้หนึ่งพันนัดต่อปืนหนึ่งกระบอก เพียงพอต่อการใช้งานแน่นอนครับ!”หนึ่งหมื่นกว่านัด!ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ ทว่าเธอก็กลัวการถูกจับตามอง เลยต้องหยุดไว้เพียงเท่านี้!หลังจากจัดการธุระเสร็จแล้ว เธอจึงเดินทางลงเขาไปดูห้องรักษาความปลอดภัยที่พี่ซุนและภรรยากำลังควบคุมงานก่อสร้างห้องรักษาความปลอดภัยวางรากฐานเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทีมก่อสร้างได้เรียกระดมหนุ่มสาวในหมู่บ้านที่ว่างงานมารวมตัวกัน
ระหว่างนั้น เย่มู่มู่ได้รับสายจากโรงงานผลิตเสื้อเกราะกันกระสุนเจ้าของโรงงานแจ้งว่า เสื้อเกราะกันกระสุนใกล้จะจัดส่งแล้วเธอขับรถกระบะบรรทุกหนักไปยังโกดังเก็บของชานเมือง เปิดประตูม้วนขึ้น และรออยู่ที่นั่นไม่นานนัก เจ้าของโรงงานพาคนขับรถ ขับรถบรรทุกขนาดเล็กบรรทุกเสื้อเกราะกันกระสุนแบบเต็มตัวจำนวนหนึ่งพันชุดมาส่งที่โกดังเก็บของเพราะเย่มู่มู่เป็นลูกค้ารายแรก เจ้าของโรงงานจึงมาลงมือขนของด้วยตนเอง พร้อมสาธิตคุณสมบัติกันไฟ กันน้ำของเสื้อเกราะกันกระสุนให้ดู...เจ้าของโรงงานเป็นคนใจกล้า เขาราดน้ำมันเบนซินลงบนเสื้อเกราะกันกระสุน จากนั้นโยนออกไปที่ลานหน้าโกดังเก็บของ แล้วจุดไฟเผา...เปลวไฟลุกโชนทันที แต่เสื้อเกราะกลับไม่ไหม้กลายเป็นเถ้าถ่านไฟเผาเพียงน้ำมันที่อยู่บนเสื้อเท่านั้น!เย่มู่มู่หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาบันทึกภาพไว้หลังจากน้ำมันไหม้หมดแล้ว เจ้าของโรงงานสวมถุงมือ หยิบเสื้อเกราะขึ้นมา สะบัด ๆ...คราบเขม่าที่ติดอยู่ก็ตกลงไปเสื้อเกราะกลับมาดูเหมือนใหม่ ทำให้เย่มู่มู่ประหลาดใจมากเจ้าของโรงงานหยิบขวดน้ำแร่ขึ้นมา แล้วให้เย่มู่มู่จับมุมเสื้อเกราะแล้วขึงไว้ จากนั้นก็เทน้ำ
เวลาบ่ายสี่โมง จ้านเฉิงอิ้นได้ยินเสียงเคลื่อนไหว เขามองไปในกระโจม พบวัตถุทรงกระบอกสีดำปรากฏขึ้นมีป้ายห้อยระบุว่า “ปืนล่าสัตว์”ทุกกระบอกบรรจุอยู่ในกล่องไม้สีดำ ปูด้วยฟองน้ำสีดำ บรรจุหีบห่อดูหรูหรา ราคาย่อมแพงไม่ใช่น้อยที่มุมกระโจมยังมีกล่องวัตถุกว่าหนึ่งร้อยใบวางซ้อนกันเมื่อจ้านเฉิงอิ้นเปิดดู พบว่าข้างในบรรจุกระสุนปรายที่ทำจากเหล็กเขาไม่รู้ว่าปืนล่าสัตว์นี้ใช้ประโยชน์อย่างไร แต่เพียงแค่สัมผัสก็รู้ว่าสิ่งนี้ทรงพลังยิ่งนักตัวปืนหนัก หล่อขึ้นจากเหล็กกล้าสีดำทั้งกระบอกจากนั้น ชุดเกราะกันกระสุนจำนวนหนึ่งพันชุดร่วงลงมาจากฟ้าเกราะกันกระสุนชุดนี้แตกต่างจากชุดก่อนที่ได้รับมา วัสดุดูแข็งแรงทนทานกว่าเดิมจ้านเฉิงอิ้นดึงกริชออกมากรีดลงบนเกราะกันกระสุน แต่เกราะไม่ปรากฏรอยขีดข่วนแม้แต่น้อยเขาจ้องมองด้วยความตะลึงมีดไม่สามารถบาดเกราะได้เลย!เกราะกันกระสุนชุดที่สองเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงเสื้อกั๊กธรรมดาเช่นครั้งก่อน ระดับการป้องกันสูงมาก ครั้งก่อนส่วนแขนและขายังสามารถถูกฟันถูกบาดได้แต่เกราะกันกระสุนที่ส่งมาครั้งนี้เป็นเกราะที่ครอบคลุมทั้งร่างกาย สามารถป้องกันส่วนแขนขาได้อีกด้ว
กระสุนนั้นยิงเข้าเป้า แต่กลับไม่ทิ้งร่องรอยใดไว้เลย“นี่มันปาฏิหาริย์ชัด ๆ!”“ชุดเกราะนี้มีระดับการป้องกันที่สูงกว่าชุดก่อน ๆ มันทำได้อย่างไร?”เหอหงหยิบปืนล่าสัตว์ออกมาวางบนโต๊ะ ปืนยาวหนึ่งหมี่ สร้างจากเหล็กกล้า น้ำหนักหลายกิโลกรัมนี่คืออาวุธที่หนักและทรงพลังยิ่ง“นี่คือสิ่งที่ใช้ยิงใส่เกราะกันกระสุนหรือ? ท่านแม่ทัพ ข้าอยากลองใช้ปืนล่าสัตว์ดู!”จ้านเฉิงอิ้นเปิดวิดีโอสอนการใช้งานปืนล่าสัตว์ให้ทุกคนชมวิดีโอแรกแสดงภาพปืนล่าสัตว์ที่ใช้ยิงสัตว์ร้ายเพียงกระสุนนัดเดียว หมีขนาดหลายร้อยชั่งล้มลงไปดิ้นเพียงไม่กี่ครั้งก็สิ้นใจตายวิดีโอที่สอง เป็นการยิงกระสุนนัดเดียวเข้าที่ศีรษะหมูป่าขนาดสองสามร้อยชั่ง มันล้มลงกับพื้นและไม่ลุกขึ้นอีกวิดีโอแสดงภาพการล่าสัตว์ในแอฟริกาจำนวนมากไม่ว่าจะเป็นช้างที่สูงใหญ่เหมือนขุนเขา หรือสิงโตตัวผู้ที่ทรงพลัง… ล้วนถูกล้มด้วยกระสุนนัดเดียว!ทุกคนจ้องมองหน้าจอด้วยความตะลึงปืนล่าสัตว์ในวิดีโอทรงพลังมากช้างที่สูงใหญ่ราวภูเขา เมื่อโดนยิงเข้าที่ศีรษะ ก็ล้มลงและไม่ลุกขึ้นมาอีกเลยหมีดำตัวใหญ่ที่พวกเขาเคยล่าก่อนหน้านี้ เพียงตัวเดียวมันสังหารมนุษย์นับสิ
เจียงหยวนมองจ้านเฉิงอิ้นด้วยขอบตาแดงแม้เขาจะเป็นหน่วยกล้าตายของรัฐทายาทอยู่ในด่านเจิ้นกวนมานานเพียงนี้ เขาก็เกิดความผูกพันอันลึกซึ้งต่อท่านแม่ทัพและทหารทั้งหลายพวกเขามิได้ปฏิบัติต่อเขาดังเช่นข้าทาสแต่เห็นเขาเป็นคนที่ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กัน เป็นสหายร่วมรบที่มีฐานะความเป็นมนุษย์เท่าเทียมกันเจียงหยวนชอบความรู้สึกชนิดนี้เป็นอย่างมากอยู่ที่นี่ไม่มีการกลั่นแกล้งกดดัน ไม่มีการลงทัณฑ์ลงโทษ ไม่มีวรยุทธ์ที่ฝึกไม่มีวันจบ ไม่มีภารกิจที่ทำเท่าไหร่ก็ไม่หมดเดิม เขาเป็นหน่วยกล้าตายของไทเฮาเป็นรัฐทายาทน้อยของตัวเขามาจากไทเฮาในชีวิตอันมืดมิดของเขา การเดินทางมาด่านเจิ้นกวน ทำให้ได้เห็นทิวทัศน์ที่แตกต่างออกไปเขาตัดใจจากไปไม่ได้ตัดใจจากท่านแม่ทัพ ตัดใจจากเหล่าทหารไม่ได้!ขอบตาของเจียวหยวนแดงระเรื่อ พูดเสียงเครือว่า “ท่านแม่ทัพ ข้าขอรั้งอยู่ที่นี่ได้หรือไม่? ก่อนเปิดศึกในคืนนี้ ข้าจะต้องสอนพวกเขาให้ขับรถเป็น จนส่งครอบครัวของเหล่าทหารออกไปได้สำเร็จแน่ขอรับ!”จ้านเฉิงอิ้นตบไหล่ของเขา “หากพวกเราล้มเหลวในการรบ เจ้าก็จงจากไปพร้อมกับมั่วฝานและจวงเหลียงเสีย!”นับตั้งแต่แคว้นต้าฉี่สถาปนา
ทหารทุกนายล้วนได้รับแบ่งไปคนละหนึ่งชามเล็กจ้านเฉิงอิ้นยืดหลังตรง มือทั้งสองข้างยกจอกขึ้นมา คารวะทหารทุกนายว่า “ทุกท่าน คืนนี้ เป็นศึกสุดท้ายที่เกี่ยวพันถึงความเป็นตาย การคงอยู่หรือล่มสลายของด่านเจิ้นกวน”“หากพวกเราชนะ ก็จะไม่ถูกปิดล้อมอยู่ในด่านเจิ้นกวนอีกต่อไป”“พวกท่านก็จะสามารถกลับไปที่บ้านเกิด มอบเสบียงที่ได้รับเป็นรางวัลมอบให้เหล่าญาติ อยู่อย่างพร้อมหน้าพร้อมตากับคนในครอบครัว”“ทุกคนจะได้รับการจัดสรรบ้านเรือนและที่ดิน ผู้ที่แสดงออกได้โดดเด่น ยังจะได้รับการแต่งตั้ง เลื่อนตำแหน่งด้วย!”“ทว่า หากพ่ายแพ้”“เผ่าหมานก็จะบุกสังหารเข้าสู่ต้าฉี่ทางด่านเจิ้นกวน ฆ่าล้างราษฎรชาวต้าฉี่ กำจัดราชวงศ์…แคว้นฉี่ ก็จะไม่คงอยู่อีกต่อไป!”“ดังนั้น ข้าหวังว่า คืนนี้แม้นพลีชีพก็จะต้องปกป้องด่านเจิ้นกวน ไม่อาจปล่อยให้เผ่าหมานยึดครองเป็นอันขาด!”“ตัวข้า ขอคารวะทุกท่านจอกหนึ่ง ขอบคุณสำหรับทุกสิ่ง ที่พวกท่านได้ทำเพื่อด่านเจิ้นกวน!”จ้านเฉิงอิ้นดื่มหมดในอึกเดียวเหล่าทหารต่างก็ดื่มหมดในคำเดียว ทุกคนต่างเปล่งเสียงอย่างพร้อมเพรียง เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันว่า“พวกเราจะต้องชนะ จักไม่ยอมให้เผ่าหมานยึดคร
จ้านเฉิงอิ้นกล่าวว่า “ไม่ต้อง บอกให้มั่วฝานใช้อากาศยานไร้คนขับบินไปดูก่อน หากยังไม่เห็นเผ่าหมานอีก ถึงเวลานั้นค่อยพาคนออกจากเมือง”“เขายังเลี้ยงเหยี่ยวไว้ด้วย ถ้าแม้แต่เหยี่ยวก็ยังหาตำแหน่งของเผ่าหมานไม่เจอ ถึงเวลานั้นค่อยนำกำลังคนออกจากเมือง”“ขอเพียงกองทัพตระกูลจ้านยังอยู่ จะปล่อยให้เจ้าออกไปเสี่ยงอันตรายนอกเมืองคนเดียวได้อย่างไร!”เขาเห็นคนทั้งสามมิได้สวมชุดเกราะกันกระสุนรุ่นใหม่ที่ท่านเทพส่งมาให้จึงสั่งการพวกเขาว่า “ไปที่กระโจมทัพของข้า ข้าเหลือชุดกันกระสุนไว้ให้พวกเจ้าสามตัว”เว่ยกวงรู้ว่าชุดกันกระสุนรุ่นใหม่ล่าสุดล้ำค่าอย่างมาก และมีจำนวนไม่มากเขาเห็นด้วยตาตัวเอง ว่ามีทหารลองสวมแล้วใช้ดาบฟันกันเอง เพื่อทดลองความแข็งแกร่งของชุด!ผลลัพธ์ที่ได้พบน่าตกตะลึงอย่างมาก เพราะชุดเกราะกันกระสุนถึงกับฟันไม่เข้าเนื้อผ้าที่อยู่ชั้นนอกไม่มีรอยขีดข่วนแม้แต่น้อย!นั่นเป็นของหายากที่ทวยเทพประทานมาเลยนะ!เขาจึงรีบลากน้องชายทั้งสองคน บึ่งไปที่กระโจมทัพของท่านแม่ทัพเพื่อไปเปลี่ยนชุดเกราะกันกระสุนทันที!ในตอนที่จ้านเฉิงอิ้นหาตัวมั่วฝานพบนั้น…เมื่อเขาเห็นเจียงหยวนเก็บของรักชิ้นเล็ก ๆที่
ในเวลานั้นเอง เหล่าทหารก็พากันรายล้อมเข้ามา มองดูภาพด้านล่างกล้องสอดแนมเฉินขุยพูดด้วยความโมโหว่า “ตอนนั้น ข้าก็ควรใช้ระเบิด ระเบิดพวกมันไปให้หมดเสียเลย ดีกว่าต้องมาตายใต้คมดาบของพวกเผ่าหมาน”เฉินอู่กล่าวว่า “ท่านแม่ทัพ เคลื่อนทัพเถิดขอรับ ออกจากเมืองไปช่วยกองทหารของสวีหวยที่ถูกล้อม!”แม้สวีหวยจะไม่ถูกกับพวกเขาแต่เมื่อเห็นเขาตกอยู่ในสถานการณ์สิ้นหวัง ถูกสังหารหมู่อยู่ฝ่ายเดียวล้วนเป็นทหารของแคว้นเดียวกัน ในใจของพวกเขาก็รู้สึกไม่ดีเช่นกันมั่วฝานคอแข็ง แค่นเสียงเย็นออกมาอย่างยืนหยัดไม่ยอมแพ้“ช่วยอะไร? ตอนนั้นมันยังเบิกตามองด่านเจิ้นกวนถูกสามฝ่ายล้อมโจมตีโดยไม่ทำสิ่งใดสักอย่าง ไม่ส่งทหารมาสักคน แล้วตอนนี้พอตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไร้ทางออกบ้าง ก็คิดจะให้พวกเราเคลื่อนทัพ! ”“มันฝันเฟื่องผิดไปแล้ว! คนแบบมัน ถ้าตายในสนามรบ ยังพอจะได้ชื่อเสียงที่ดีอยู่บ้าง!”“แต่ถ้าเรื่องที่สมคบกับแคว้นฉีถูกเปิดโปงออกไป แคว้นต้าฉี่ของข้าจะต้องขายหน้าไปด้วย!”“ข้าเต็มใจให้มันตายไปให้จบ ๆ ดีกว่ามาอยู่ขายหน้าผู้คน!”คำพูดของมั่วฝาน พูดจนเหล่าแม่ทัพนายทหารที่มีหัวใจอันร้อนระอุเงียบงันไปสวีหวยโง
“ข้าจะออกจากเมืองไปฆ่าเขาเอง!”แม่ทัพผู้ทรยศต่อบ้านเมืองขาดน้ำไร้เสบียงคนหนึ่ง กลับยังกล้าไม่เห็นหัวพวกเขาให้เกียรติมันเกินไปแล้ว! จ้านเฉิงอิ้นเอ่ยขึ้นว่า “เขาอยากได้ด่านเจิ้นกวน พวกเราก็ย่อมหมายจะได้กองกำลังของเขาเช่นกัน!” “คอยดูเถิด อีกหน่อย สวีหวยจะล้มเอง” สิ้นคำพูดของเขา ทันใดนั้น จากมุมอับหนึ่งของกระโจมข้าง ๆ ปืนล่าสัตว์ก็ยื่นออกมา มือปืนเหนี่ยวไก ยิงกระสุนตรงเข้าหัวใจของสวีหวย ปัง~ ระยะที่ใกล้เกินไป ทำให้สวีหวยและหลี่หู่รู้สึกตัว แต่ก็สายเกินกว่าจะหลบหลีกได้ ทั้งสองรู้จักเพียงคันธนู แต่ไม่รู้จักสิ่งที่เรียกว่าปืน สวีหวยที่ถูกยิงก็ล้มลงทันที...หลี่หู่รีบตะโกนอย่างร้อนรน “มีนักฆ่า ทหาร”“เร็ว มาช่วยแม่ทัพ...”พลทหารในกระโจมใกล้เคียง เมื่อได้ยินเสียงผิดปกติ ก็คว้าดาบพุ่งเข้ามายังที่ซ่อนของเฉินขุยและพรรคพวกทันที... ฟิ้ว~ ดาบที่เพิ่งถูกยกขึ้น ก็ถูกหน้าไม้ราชวงศ์ฉินบนกำแพงเมืองตะวันตกยิงเข้าอย่างแม่นยำ ร่างนั้นล้มลงในทันที เสียงจากลำโพงบนกำแพงเมืองดังกึกก้อง ในค่ำคืนอันเงียบสงัด เสียงนั้นยิ่งชัดเจน! “หากคิดจะเข้าด่านเจิ้นกวน อย่าได้ประมาทหรือ
จ้านเฉิงอิ้นเดินออกจากกระโจม ร่วมดื่มเหล้าและกินเนื้อกับเหล่าทหาร ในช่วงเที่ยง พ่อครัวยุ่งวุ่นวายกับการจัดเตรียมอาหารสำหรับชาวเมือง มีทั้งปลานึ่ง เป็ดแย่ง ไก่ตุ๋น...กลิ่นหอมอบอวลของอาหารเหล่านี้แผ่กระจายไปทั่วทั้งค่ายทหาร ชาวบ้านที่เคยกินเพียงข้าวต้มขาวทุกวัน บางครั้งถึงกับต้องเอาข้าวสารไปแลกเนื้อม้ากับโรงครัวเพื่อประทังชีวิต แต่งานเลี้ยงฉลองชัยในวันนี้ กลับมีปลานึ่งที่ชาวบ้านจำนวนมากไม่เคยเห็นมาก่อน ในพื้นที่ตอนเหนือ แม้ก่อนจะเกิดภัยแล้ง ฝนก็ตกน้อยมาก ปลาจึงกลายเป็นของหายาก! จะพบได้เฉพาะในแม่น้ำชานเมืองใกล้เมืองหลวง ซึ่งแม่น้ำถูกชนชั้นสูงเหมาไว้เลี้ยงปลาปลาจึงเป็นอาหารที่ราคาแพงอย่างยิ่งในเมืองหลวง วันนี้ ชาวเมืองทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กต่างได้ลิ้มรสเนื้อปลาเป็นครั้งแรก รอยยิ้มเปี่ยมสุขปรากฏบนใบหน้าของทุกคน พวกเขากินกันอย่างเอร็ดอร่อย นอกจากนี้ ยังมีไก่ตุ๋น เป็ดย่าง... และอาหารอร่อยอื่น ๆ อีกมากมาย ชาวบ้านที่ตรากตรำทำงานหนักตลอดชีวิต ไม่เคยมีโอกาสได้ลิ้มรสอาหารที่อุดมสมบูรณ์ขนาดนี้มาก่อน สุราขาวและเบียร์มากกว่าพันลังถูกนำออกมา เหล่าทหารดื่มกินกันอย่างเต็
*หลังจากซ่อมกระโจมของจ้านเฉิงอิ้นเสร็จ เถียนฉินเดินเข้ามารายงาน“แม่ทัพ สวีหวยกับกองกำลังคนและม้าหนึ่งแสนคน ตั้งค่ายพักที่ประตูทิศตะวันออก ไม่ยอมจากไปขอรับ”“สมาชิกในครอบครัวของพวกทหารล่ะ?”เถียนฉินถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “เมื่อคืน เพื่อล่อให้ท่านออกจากเมือง สมาชิกในครอบครัวหนึ่งหมื่นกว่าคนของทหาร ถูกฆ่าตายหกพันคน เหลือเพียงผู้หญิงและเด็กที่บาดเจ็บจำนวนหนึ่งเท่านั้น!”“พวกนางอยากเข้าด่านเจิ้นกวน แต่สวีหวยไม่ยอมปล่อยคน”“วันนี้ แม่ทัพเฉินขุยเฉินอู่เกณฑ์ทหาร มีคนสนใจจำนวนมากขอรับ แต่กลับถูกสวีหวยฆ่าตายถึงสามคนที่ตรงนั้น คนที่เหลือเลยไม่มีใครกล้าขยับตัวอีก!”ในเวลาเดียวกัน เฉินขุยเปิดม่านกระโจมเดินเข้ามาหลังจากเขานั่งลง เขาดื่มน้ำคำใหญ่ก่อน จากนั้นเริ่มระบายความโกรธด่าทอสวีหวย“ในมือเขาไม่มีเสบียงอาหารแต่ก็ไม่ยอมให้นายทหารใต้บัญชาเข้าเมือง!”“และยังเชือดไก่ให้ลิงดู!”“คนที่ติดตามเขา นับว่าโชคร้ายแปดชั่วอายุคน”“วางใจเถอะ สามีของหลานสาวข้าเฉิงจื่อเซียว กล่วว่าคืนนี้จะนำคนกลุ่มหนึ่งเข้าเมือง เขาทนการฆ่าผู้บริสุทธิ์ของสวีหวยไม่ไหวแล้วเช่นกัน”สวีหวยทำเช่นนี้ เขากำลังเดิมพันเดิมพั
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นเธอซื้อของใช้ประจำวันมากหน่อยและส่งไปด่านเจิ้นกวนหลังจากพูดคุยกับจ้านเฉิงอิ้นเสร็จเธอชำระล้างง่าย ๆ แล้วลงไปข้างล่างเธอกินอาหารเช้าพร้อมใช้มือถือสั่งของผู้หญิงล้วนชอบซื้อของทุกคนเธอซื้อของอย่างมีความสุขมากเธอเข้าไปร้านค้าออนไลน์ของศูนย์การค้าท้องถิ่น สั่งซื้อน้ำหอม ครีมบำรุงผิว เครื่องสำอางค์ ลิปสติก ปากกาเขียนคิ้ว อายแชโดว์ รองพื้น โฟมล้างหน้าก่อน…ให้พี่ขนส่งหรือพี่รับจัดการเรื่องแทนส่งมาให้จากนั้นเธอซื้อของใช้มีประโยชน์เช่น ผ้าเช็ดทำความสะอาด ทรายขัดผิว สบู่กำมะถัน รองเท้าแตะ ถุงเท้า ถุงมือแรงงานและยากำจัดเหาต่อ…หนึ่งร้อยลังเป็นอย่างต่ำ เธอพูดคุยกับร้านค้า ให้เจ้าของร้านส่งของถึงหน้าประตู!หลังจากหนึ่งชั่วโมงผ่านไป เจ้าของร้านข้าวมาพร้อมกับแอลกอฮอล์หนึ่งคันรถพี่ซุนเรียกยามมาช่วยขนถ่ายสินค้าเมื่อมีคนมาก การขนถ่ายจึงรวดเร็ว ของที่สั่งล้วนวางไว้ข้างในโกดังจอดรถของคฤหาสน์ หลังจากคนเดินออกไปแล้ว เย่มู่มู่ดึงประตูม้วนโกดังลงมาและทำการส่งแอลกอฮอล์เครื่องดื่มไปให้จากนั้นคนขับหวงขับรถมาส่งเนื้อสัตว์ไม่มีใครช่วยคนขับหวงขนถ่าย เธอจึงให้คนข
*จ้านเฉิงอิ้นนั่งลง หยิบกระดาษจับพู่กันแล้วตอบจดหมายเย่มู่มู่“ท่านเทพ ตื่นแล้วหรือ?”เย่มู่มู่มองเวลาเก้าโมงเช้า ยังดี ถือว่าตื่นเช้า!“ด่านเจิ้นกวนเริ่มงานเลี้ยงฉลองความสำเร็จแล้วหรือ?”“ใช่ กำลังกินขอรับ”“ในค่ายทหารทำของอร่อยอะไรบ้าง?”“เมื่อคืนนำเนื้อม้ากลับมาได้จำนวนมาก จึงทำเนื้อม้าเป็นกะมะลังใหญ่ ยังมีพืชผักที่ส่งมาเมื่อครั้งก่อน มีข้าวสารนึ่งสุก พลเมืองทั่วทั้งเมืองมาร่วมกินด้วยกันทุกคน ทุกคนดีใจมาก...”กระบี่คมกริบที่แขวนไว้ในด่านเจิ้นกวนหายไปแล้วเย่มู่มู่จินตนาการได้ว่าทุกคนดีใจเพียงใดหนึ่งปี!หนึ่งปีเต็ม ๆ กองทัพตระกูลจ้านต้องสูญเสียคนถึงหนึ่งแสนแปดหมื่นคนชาวเมืองด่านเจิ้นกวนสองแสนคนล้มตายเสียชีวิตจากนี้ไป ทุกคนสามารถดำรงชีวิตต่อไปและเดินทางเข้าออกเมืองได้อย่างอิสระ จะไม่มีกองทัพศัตรูปิดล้อมพวกเขาอีกแล้ว!“ทำดีมาก! นักเรียนจ้านเฉิงอิ้น เมื่อคืนเจ้าทำตัวกล้าหาญองอาจเป็นอย่างมาก!”“ท่านเทพยกยอเกินไป เป็นเพราะท่านเทพส่งเสื้อเกราะกันกระสุนกับปืนล่าสัตว์มาได้ทันเวลา ทำให้หน่วยดาบม่อเตาที่เป็นแนวหน้า ฆ่าฟันศัตรูได้ตามใจชอบราวกับเข้าไปในดินแดนไร้คน…”“อืม ในเม
จ้านเฉิงอิ้นกล่าวหยุดเฉินขุย“เจ้าออกไปทางลับ ถ้ามีคนยอมติดตามกองทัพตระกูลจ้าน นำตัวกลับเข้ากองทัพ!”“ขอรับ แม่ทัพ!”“สำหรับสวีหวย ข้าไม่ลงมือฆ่าเขาด้วยตนเอง ถือว่าให้ความเมตตาที่สุดแล้ว!”“พระราชโองการนั่นที่เขากล่าวถึง ข้าออกรบชนะศึก ฮ่องเต้จะยกให้คนอื่นมารับช่วงด่านเจิ้นกวนต่อได้อย่างไร ต้องเป็นของปลอมแน่!”เฉินขุยเฉินอู่พยักหน้าซ้ำ ๆ เห็นด้วย“ใช่ เป็นของปลอม สวีหวยประกาศพระราชโองการปลอม ความผิดของเขาต้องฆ่าทิ้งทันที!”“เพื่อเพิ่มความปรีดาให้แก่ท่าน ข้าน้อยจะไปกวาดล้างคนเลวข้างกายฮ่องเต้ ตัดหัวสวีหวยผู้ประกาศพระราชโองการปลอมเดี๋ยวนี้!”สองพี่น้องนำคนและม้าออกจากเมืองไปอย่างยิ่งใหญ่เกรียงไกรจ้านเฉิงอิ้นจึงนั่งลงอีกครั้ง เห็นมั่วฝานทอดมองแผ่นหลังที่กำลังจากไปของสองพี่น้องพร้อมกับขมวดคิ้วเขาจึงถามมั่วฝาน “เป็นอะไรไป?”“ตอนนี้ยังฆ่าสวีหวยไม่ได้!”“เพราะเหตุใด?”มั่วฝานนำสารลับที่ได้รับวันนี้จากไทเฮา ยื่นให้จ้านเฉิงอิ้นจ้านเฉิงอิ้นเปิดสารลับอ่าน คิ้วยาวดุจดาบพลางขมวดเล็กน้อยมั่วฝานกล่าวต่อ “บุตรสาวของสวีหวยได้รับความโปรดปรานเป็นอย่างมากในพระราชวังถูกแต่งตั้งให้เป็นกุ้
อำนาจทางการทหารของกองทัพตระกูลจ้านจะถูกส่งต่อให้กับคนอื่นกองทัพตระกูลจ้านไม่เป็นที่พอใจในสายตาของฮ่องเต้ตั้งแต่ต้นวันนี้พวกเขามีเสบียงมีน้ำ มีอุปกรณ์ติดตัวที่ยอดเยี่ยม…สมาชิกราชวงศ์ต้าฉี่ประพฤติตนไร้สาระ เสนาบดีซูขูดรีดพลเมืองสภาพการณ์ของชาวเมือง ไม่ต่างจากด่านเจิ้นกวนในเวลานั้นภายในแคว้นต้าฉี่มีอิทธิพลหลายกลุ่มเริ่มผนึกตัว เพียงแต่ถูกกำลังทหารสองแสนคนขวางไว้ถ้าชาวเมืองมีชีวิตต่อไปได้ ใครจะรวมพลก่อกบฏอีกเล่าทุกคนล้วนอยู่ภายใต้หนทางตัน สุดท้ายจึงจำใจเลือกเส้นทางนี้จ้านเฉิงอิ้นทำลายกองทัพพันธมิตรของแคว้นฉู่กับแคว้นฉีอย่างแสนสาหัส ทำให้กองทัพเผ่าหมานต้องถอยทัพด้วยความปราชัย ชื่อเสียงของเขาในหมู่พลเมือง อยู่เหนือกว่าสมาชิกราชวงศ์ไปมากฮ่องเต้ไม่อาจยอมรับเขาได้ถอดชุดเกราะเป็นเพียงก้าวแรก ยึดอำนาจทางการทหารของแม่ทัพแล้วยังไม่สบายใจต้องประหารชีวิตแม่ทัพอย่างแน่นอน!พวกเขามีมิตรภาพที่ผ่านความตายมาด้วยกันทั้งนั้น เผชิญความอดอยากด้วยกันในด่านเจิ้นกวน ฆ่าศัตรูในสนามรบไปด้วยกันยิ่งไปกว่านั้น แม่ทัพสามารถติดต่อกับท่านเทพเช่นนั้นแม่ทัพจะกลับเข้าเมืองหลวงไม่ได้ในเวลานี้ ทุ
ลำโพงประกาศเสียงบนกำแพงเมืองราวกับเสียงประหลาดที่ดังก้องหู มันเล่นซ้ำแล้วซ้ำเล่าทหารใต้บังคับบัญชาของสวีหวยล้วนรู้สึกสนใจ!ก่อนที่พวกเขาจะมาที่นี่ สำหรับข่าวคราวที่ว่าด่านเจิ้นกวนมีน้ำมีเสบียงอาหาร บางทียังยึดมั่นในความสงสัยวันนี้เมื่อเห็นบนกำแพงมีทหารชั้นผู้น้อยเฝ้าประตูเมือง กินข้าวโดยใช้กะละมังและดื่มน้ำอย่างตามใจโดยไม่รู้สึกสิ้นเปลือง!ชีวิตดี ๆ ที่พวกเขามี เทียบได้กับช่วงก่อนเกิดภัยแล้งและทุพภิกขภัยไม่ ดีกว่าช่วงก่อนเกิดภัยแล้งและทุพภิกขภัยเสียอีกชีวิตของทหารในด่านเจิ้นกวน เทียบเท่ากับตระกูลชนชั้นสูงของเมืองหลวง ทำให้คนที่อยู่ข้างล่างนับไม่ถ้วนล้วนเกิดแรงปรารถนาพวกเขาอยากเข้าไปในเมือง อยากเข้าร่วมกองทัพตระกูลจ้าน อยากมีข้าวสวยกินทุกวัน อยากมีน้ำที่ดื่มไม่หมดทุกคน!สวีหวยโมโหและดุด่า “ไปเรียกจ้านเฉิงอิ้นออกมา ข้ามารับช่วงด่านเจิ้นกวนพร้อมด้วยพระราชโองการจากฮ่องเต้!”ครั้งนี้ คนที่อยู่ใกล้กำแพงเมืองไม่กี่คน มองสวีหวยคราหนึ่งโดยไม่แสดงอารมณ์ใดในสายตานั้น ไร้ซึ่งความเคารพและความกลัวของทหารที่พึงมีต่อแม่ทัพอย่างสิ้นเชิงใช้แววตาเรียบนิ่งมองสวีหวย กระทั่งแฝงความรังเกียจ
นายทหารหนึ่งในนั้นกลับยกกาน้ำแล้วเริ่มดื่มน้ำเนื่องจากดื่มเร็วและรีบเกินไป น้ำจึงไหลตามมุมปากลงมาที่ลำคอและทำให้คอเสื้อเปียกเขาไม่ประหยัดน้ำแม้แต่น้อย!จวบจนวินาทีนี้ ทุกคนจึงมั่นใจว่าในเมืองด่านเจิ้นกวนมีน้ำ มีเสบียง…นายทหารข้างล่างกำแพงเมือง เผยดวงตาอันแดงก่ำพวกเขาแทบอดไม่ได้ที่จะปีนขึ้นไปบนกำแพงแล้วแย่งน้ำมาดื่มเองแย่งข้าวสารของพวกเขาแล้วกินเข้าไปเอง!พวกเขาอยากดื่มน้ำ อยากกินเนื้อมากจริง ๆที่ทำเกินไปยิ่งกว่านั้น โต๊ะที่ห่างจากกำแพงเมืองโต๊ะนั้น มีทหารหนึ่งคนถือกะละมังเคลือบเซรามิกไว้อันหนึ่ง ข้างในมีข้าวหุงสุกข้าวหุงสุกเป็นเม็ด ๆ ชัดเจน พวกเขาใช้กะละมังเคลือบเซรามิกที่ใหญ่กว่าหม้อมาใส่ข้าว และราดเต็มไปด้วยเนื้อกับผักเขานั่งยองบนกำแพงเมือง ใช้ตะเกียบหนึ่งคู่ปัดเข้าปากอย่างเต็มกำลังเขากินอย่างรวดเร็วและรีบเร่ง…จนนายทหารข้างล่างที่ทอดมองมา พากันกลืนน้ำลายไม่หยุดถ้าสามารถบินได้ พวกเขาจะบินขึ้นบนกำแพงเมืองและแย่งข้าวหุงสุกกะละมังนั้นมาจากเขาให้จงได้ทหารชั้นผู้น้อยที่เฝ้าเมืองคนนี้ เหน็ดเหนื่อยเป็นอย่างมาก อันเนื่องจากจ้านเฉิงอิ้นเดินทางไปกลับเมื่อคืนเขาเหนื่อ