ในเวลานั้นเอง เหล่าทหารก็พากันรายล้อมเข้ามา มองดูภาพด้านล่างกล้องสอดแนมเฉินขุยพูดด้วยความโมโหว่า “ตอนนั้น ข้าก็ควรใช้ระเบิด ระเบิดพวกมันไปให้หมดเสียเลย ดีกว่าต้องมาตายใต้คมดาบของพวกเผ่าหมาน”เฉินอู่กล่าวว่า “ท่านแม่ทัพ เคลื่อนทัพเถิดขอรับ ออกจากเมืองไปช่วยกองทหารของสวีหวยที่ถูกล้อม!”แม้สวีหวยจะไม่ถูกกับพวกเขาแต่เมื่อเห็นเขาตกอยู่ในสถานการณ์สิ้นหวัง ถูกสังหารหมู่อยู่ฝ่ายเดียวล้วนเป็นทหารของแคว้นเดียวกัน ในใจของพวกเขาก็รู้สึกไม่ดีเช่นกันมั่วฝานคอแข็ง แค่นเสียงเย็นออกมาอย่างยืนหยัดไม่ยอมแพ้“ช่วยอะไร? ตอนนั้นมันยังเบิกตามองด่านเจิ้นกวนถูกสามฝ่ายล้อมโจมตีโดยไม่ทำสิ่งใดสักอย่าง ไม่ส่งทหารมาสักคน แล้วตอนนี้พอตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไร้ทางออกบ้าง ก็คิดจะให้พวกเราเคลื่อนทัพ! ”“มันฝันเฟื่องผิดไปแล้ว! คนแบบมัน ถ้าตายในสนามรบ ยังพอจะได้ชื่อเสียงที่ดีอยู่บ้าง!”“แต่ถ้าเรื่องที่สมคบกับแคว้นฉีถูกเปิดโปงออกไป แคว้นต้าฉี่ของข้าจะต้องขายหน้าไปด้วย!”“ข้าเต็มใจให้มันตายไปให้จบ ๆ ดีกว่ามาอยู่ขายหน้าผู้คน!”คำพูดของมั่วฝาน พูดจนเหล่าแม่ทัพนายทหารที่มีหัวใจอันร้อนระอุเงียบงันไปสวีหวยโง
จ้านเฉิงอิ้นตะโกนเสียงดังอย่างรวดเร็วด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “เร็วเข้า หมอบลง!”เฉินขุยอยากถามว่าเกิดสิ่งใดขึ้นแต่เมื่อเห็นสีหน้าของจ้านเฉิงอิ้นเครียดตึง คิ้วขมวดอย่างหนัก…เขาก็รีบลงจากม้าก่อน แล้วหมอบลงบนพื้นพร้อมกับม้าครู่เดียว ลูกธนูนับไม่ถ้วนก็ถูกยิงเข้ามาทหารส่วนใหญ่พกโล่ จึงใช้โล่ปกคลุมร่างของพวกเขาไว้ในชั่วพริบตาแต่ม้าศึกถูกยิงตายไปพันกว่าตัว บรรดาม้ากรีดร้องระงมด้วยความเจ็บปวดมีม้าบางตัวได้รับความตื่นตระหนก ลุกขึ้นมา เพียงครู่เดียวก็ถูกยิงจนพรุนไปหมดเหล่าทหารยินยอมใช้โล่ปกป้องม้าศึก แต่ไม่เต็มใจจะให้ม้าศึกได้รับบาดเจ็บอีกมั่วฝานพูดไปด่าไปว่า “ข้าบอกแต่แรกแล้วว่าสวีหวยเชื่อถือไม่ได้ ก็ยืนกรานจะยกทัพออกมาให้ได้ เฉินขุย เจ้าเห็นแล้วหรือไม่?”“เขาใช้คนของตัวเองกับกองทัพชาวหมาน มาสร้างกับดัก ‘ดาบนั้นคืนสนอง!’ ใช้แผนการของเขาจัดการตัวเขาเอง“พวกเรามีหกพันคน พวกมันมีสามแสนคน! นี่จะสู้ยังไง?”“เฉินขุย หากข้าต้องตายอยู่ที่นี่ ต่อให้เป็นผีข้าก็ไม่มีทางละเว้นเจ้าแน่!”คำพูดพวกนั้น พูดจนเฉินขุยรู้สึกผิดไปหมดแล้ว!เขาอยากบุกออกไป อยากนำเหล่าพี่น้องบุกฝ่าระยะธนูออกไปเข่นฆ
มั่วฝานอยากติดตามไป ทว่าถูกเจียงหยวนขวางไว้แล้ว“รัฐทายาท การเฝ้าสังเกตสถานการณ์ของศัตรู สำคัญกว่าการเข้าสู่สนามรบของท่านนะขอรับ!”เมื่อมั่วฝานได้ยินเช่นนั้น ครั้งนี้กลับให้ความร่วมมือแล้วไม่ใช่เขาไม่อยากเข้าสู่สนามรบเพื่อสังหารศัตรู แต่เขาตระหนักถึงฝีมือของตนดี ดังนั้น ไม่ไปเป็นตัวถ่วงให้พวกเขาดีกว่าในค่ายทหารของเผ่าหมาน หลัวซู่กำลังคำรามใส่หลิงเซี่ยวเฟิงว่า “เจ้าบอกว่าจ้านเฉิงอิ้นจะต้องติดกับแน่?”“ยามนี้เล่า? เขาไม่เชื่อแม้แต่น้อยเลยต่างหาก แถมยังเหลือแผนสำรองไว้ด้วย!”เขาคิดไม่ถึงเลยว่า จ้านเฉิงอิ้นมาช่วยเหลือสวีหวย ยังเอาระเบิดจำนวนมากมาด้วยพลธนูจำนวนนับไม่ถ้วนซุ่มโจมตีพวกเขา ไม่เพียงไม่อาจทำร้ายคน ยังเปิดเผยตำแหน่งที่ซ่อนกองกำลังหลักของพวกเขาอีกหลัวซู่มองบรรดาทหารที่ถูกระเบิดจนวิ่งหนีไปทั่ว แล้วตะโกนเสียงดัง“จงหยุดให้ข้าทุกคน…”หลิงเซี่ยวเฟิงเห็นกองทัพเผ่าหมานไร้วินัย เมื่อเสียงระเบิดดังขึ้นมา หากไม่หมอบลง ก็ล้วนจ้ำอ้าววิ่งหนีเขารู้สึกผิดหวังอย่างสิ้นเชิงยังคิดว่าสามารถอาศัยกองทัพเผ่าหมานในการสังหารจ้านเฉิงอิ้นได้เป็นเขาหวังมากเกินไปแล้วกองทัพที่ขาดระเบียบว
ในขณะที่จ้านเฉิงอิ้นกำลังฆ่าฟันอย่างเมามันกองกำลังกลุ่มหนึ่ง กำลังถอยออกทางด้านหลังของเนินเขาไปอย่างลับ ๆ ไร้ซุ่มเสียงพวกเขามีกันจำนวนมาก ต่างขี่ม้าศึก มิได้วิ่งหนีอลหม่านเหมือนทหารชาวหมานแต่กลับกำลังล่าถอยอย่างมีระเบียบ!มั่วฝานส่งอากาศยานไร้คนขับเข้าไปใกล้ขึ้นอีกเล็กน้อยเขาเห็นชัดแล้ว เป็นคนแคว้นฉีกับคนแคว้นฉู่ชาวฉู่และชาวฉีล้วนเป็นชาวฮั่น ลักษณะหน้าตาไม่เหมือนเผ่าหมาน ต่อให้เป็นยามค่ำคืน ก็แยกแยะได้ง่ายผู้นำกองกำลังที่อยู่ตรงกลาง มั่วฝานมองเพียงครั้งเดียวก็จำได้ทันทีว่าคือหลิงเซี่ยวเฟิง!ทิศที่พวกเขากำลังหนีไป คือประตูฝั่งทิศตะวันตกของด่านเจิ้นกวนพวกเขาคิดจะถือโอกาสที่เผ่าหมานกำลังถ่วงจ้านเฉิงอิ้นไว้ ไปโจมตีประตูฝั่งทิศตะวันตกของด่านเจิ้นกวนที่อยู่ใกล้ที่สุดเจียงหยวนก็กำลังมองภาพจากกล้องสอดแนมเช่นเดียวกัน“หลิงเซี่ยวเฟิงกับฉีซวนเหิง จะลอบโจมตีด่านเจิ้นกวน…”แคว้นฉู่ยังมีกำลังพลอีกสามหมื่นนาย ส่วนแคว้นฉีคลับคล้ายมีหกถึงแปดหมื่นเมื่อรวมกันแล้วก็ประมาณแสนคนแม่ทัพใหญ่แห่งด่านเจิ้นกวนดูเหมือนจะนำทหารมาแค่หกพันนาย แต่แท้ที่จริงแล้วคือสองหมื่นกว่าคนเฉินขุย เฉินอู่
บนร่างมีลูกศรบาง ๆ ดอกหนึ่ง แทงทะลุปีกไปติดอยู่บนร่างของมันแต่ต่อให้ยากลำบากถึงเพียงนั้นมันก็มิได้ตกลงสู่พื้น แต่บินกลับมาเมื่อจวงเหลียงเห็นกระบอกไม้ไผ่เล็ก ๆ ที่ผูกอยู่บนขาของมัน สีหน้าก็ตกใจอย่างรุนแรงทันทีเขารีบถอดกระบอกไม้ไผ่ลงมา แล้วก็ได้เห็นกระดาษข้อความของมั่วฝานจวงเหลียงออกวิ่งอย่างรวดเร็วทันที เขานำกระดาษข้อความไปมอบให้หลินต้าจวิน อู๋ซานหลางและคนอื่น ๆ…ในบรรดาแม่ทัพไม่กี่นาย มีเพียงหลินต้าจวินที่มีประสบการณ์ในการรบสูงอยู่บ้างเขาเข้าร่วมกับกองทัพตระกูลจ้านมาสิบปีแล้วเขาทำการตอบสนองทันที ย้ายทหารไปป้องกันที่ประตูทางทิศตะวันตกประตูเมืองทางทิศเหนือเหลือทหารที่เคยผ่านศึกไว้ประมาณร้อยนาย เพื่อสั่งการให้เหล่าชาวบ้านช่วยกันปกป้องเมืองพวกเขาวิ่งไปตลอดทางจนถึงประตูทางทิศตะวันตกในเวลานี้ กองทัพของแคว้นฉู่และแคว้นฉี กำลังรวมตัวกันอยู่ที่ด้านล่างของประตูตะวันตกคนจำนวนหนึ่งแสนนาย กำลังโจมตีเมืองอย่างดุเดือดพวกเขามิได้ใช้รถกระทุ้งกำแพงเมือง แต่ใช้ท่อนไม้ที่หนาและใหญ่ท่อนหนึ่ง คนจำนวนหลายร้อยคนร่วมกันกระแทกประตูตะวันตกอย่างแรงแม้ประตูเมืองทางทิศตะวันตกจะเป็นประตูเหล็
จำนวนคนที่จ้านเฉิงอิ้นฆ่า เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วด้านล่างกำแพงเมือง ทหารฉู่ที่ยังมีชีวิต เหลืออยู่ไม่กี่คนแล้วต่อให้หลิงเซี่ยวเฟิงจะทำใจไม่ได้เช่นไร การจากไปก็ทำไม่ได้แล้วเพราะหน่วยดาบม่อเตา ได้ฟันบันไดไม้ไผ่หลายสิบอันนั้นล้มลงแล้วเหลืองเพียงสามอันสุดท้าย ที่เหลือไว้เพื่อให้คนของจ้านเฉิงอิ้นปีนขึ้นกำแพงเมืองได้สะดวก!จ้านเฉิงอิ้นยังพาหน่วยปืนล่าสัตว์กลับมาด้วยทันทีที่มีผู้เป็นภัยกองทัพตระกูลจ้าน ภายใต้แสงไฟสว่างเจิดจ้าบนกำแพงเมือง ก็ราวกับว่าทุกหนึ่งนัดจะมีหนึ่งคนล้มลงไปจ้านเฉิงอิ้นยังนำระเบิดกลับมาอีกด้วยใต้กำแพงเมือง เสียงระเบิดดังขึ้นตรงนั้นทีตรงนี้ทีไม่หยุดหย่อนหลังใช้เวลาไปหนึ่งชั่วยาม กำลังพลของแคว้นฉู่และฉีใต้กำแพงเมือง แทบจะถูกจ้านเฉิงอิ้นล้างบางไปหมดแล้วเมื่อฉีซวนเหิงเห็นว่าสถานการณ์ไม่ถูกต้อง ก็ไม่สนใจแม้แต่หน่วยกล้าตายที่ขึ้นไปบนกำแพงเมืองแล้วเขารีบพากองทหารพ่ายศึกชุดสุดท้าย ที่เหลืออยู่ราวหมื่นคนล่าถอยไป หลบลี้หนีหายไปอย่างรวดเร็วเขากลัวแล้ว รักษาชีวิตเป็นเรื่องสำคัญ!กองทัพแคว้นฉู่ที่เหลืออยู่ย่อมไม่อาจต้านทานการประหัตประหารของจ้านเฉิงอิ้นได้ในไ
ทหารที่นอนอยู่บนพื้น ส่งเสียงตอบรับทันทีล้วนขึ้นม้าอย่างพร้อมเพรียงกันผู้ที่ไม่มีม้า ก็วิ่งไปพร้อมกับกองทัพชาวบ้านที่ยังอายุน้อยอยู่หน่อย ก็หยิบธนูทดกำลังติดตามกองทัพออกจากเมืองไปด้วยจ้านเฉิงอิ้นจึงนำกำลังพลจำนวนสองหมื่นนาย ขี่ม้ากลับมายังจุดที่ทำการต่อสู้กับกองทัพเผ่าหมานอีกครั้งหลังจ้านเฉิงอิ้นจากไป สถานการณ์การรบก็เลวร้ายเป็นอย่างมากเฉินขุยกับเฉินอู่ที่เป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกัน ร่วมกันต่อสู้กับหลัวซู่อย่างรู้ใจ ทว่า มิเพียงไม่ได้เปรียบกลับยังถูกฟันจนเกิดบาดแผลไปทั่วทั้งตัวด้วยพวกเขาสวมชุดเกราะกันกระสุนรุ่นใหม่ล่าสุดแต่ดาบของหลัวซู่หนักหน่วง แม้เสื้อกันกระสุนและชุดเกราะจะสามารถป้องกันการเกิดบาดแผลภายนอกได้ แต่เมื่อดาบฟันลงมา ก็ยังคงถูกน้ำหนักอันรุนแรงกระแทกจนซี่โครงหักคนทั้งสองได้รับบาดเจ็บไม่เบาส่วนทหารที่เหลือหมื่นกว่านาย แบ่งเป็นกลุ่มละสามคน ต้านทานเผ่าหมานไว้อย่างยากลำบากจนกระทั่ง จ้านเฉิงอิ้นนำกำลังพลสองหมื่นคนที่เหลืออยู่ในเมือง บุกสังหารกลับมาหลัวซู่จึงรู้ว่า หลิงเซี่ยวเฟิงและฉีซวนเหิง พวกเขาโจมตีเมืองล้มเหลวแล้วไม่เช่นนั้น จ้านเฉิงอิ้นไม่มีทางกลั
จ้านเฉิงอิ้นมองดูหน้าจอ กำลังคนและม้าของสวีหวยสวมอุปกรณ์เต็มตัว มุ่งหน้ามาอย่างกระตือรือร้นออกหน้าในกองทัพตระกูลจ้านมีทหารบาดเจ็บจำนวนไม่น้อย ถ้ากลับเข้าเมืองเกรงว่าคงไม่ทันจ้านเฉิงอิ้นถามซ่งตั๋ว “ยังมีระเบิดอีกเท่าไหร่?”ซ่งตั๋วตอบ “ไม่มีแล้วขอรับ! ตอนระเบิดทหารเผ่าฉู่และฉีสองกองทัพที่ใต้ประตูเมือง ถูกใช้จนหมดแล้วขอรับ!”เขากำลังมองหน่วยหน้าไม้ราชวงศ์ฉินพวกเขาชักคันธนูตลอดทั้งคืน เหนื่อยจนแทบยืนไม่ไหวนั่งอยู่ที่พื้นทุกคน มีบางคนถึงกระทั่งนอนหลับไปเรียบร้อยหน่วยดาบม่อเตาเหนื่อยล้ายิ่งกว่า ล้วนนอนกองอยู่กับพื้นไม่สนใจนองเลือดในพื้นทรายและศพทหารเผ่าหมานที่นอนเกลื่อนกลาดพวกเขาเหนื่อยมาก เหนื่อยมาก ๆ !ครั้นรถสองคันจอดนิ่ง ทหารยิงธนูทดกำลังบนรถ กระบอกใส่ลูกธนูล้วนว่างเปล่าไม่มีเหลือจ้านเฉิงอิ้นกล่าว “พยุงผู้บาดเจ็บขึ้นรถแล้วส่งกลับไป!”“คนทั้งหมด สองคนควมม้าหนึ่งตัว คนร่างผอมหน่อยสามคนควบม้าหนึ่งตัว…แล้วกลับเมือง!”มั่วฝานถาม “ทันการณ์หรือไม่?”จ้านเฉิงอิ้นส่ายศีรษะ ตอบกลับตามจริง “ไม่ทันการณ์แล้ว!”ทหารที่เตรียมขี่ม้าในตอนแรก หยุดขี่ม้าทั้งหมดทันที!“เช่นนั้นจะทำอย
“ข้าจะออกจากเมืองไปฆ่าเขาเอง!”แม่ทัพผู้ทรยศต่อบ้านเมืองขาดน้ำไร้เสบียงคนหนึ่ง กลับยังกล้าไม่เห็นหัวพวกเขาให้เกียรติมันเกินไปแล้ว! จ้านเฉิงอิ้นเอ่ยขึ้นว่า “เขาอยากได้ด่านเจิ้นกวน พวกเราก็ย่อมหมายจะได้กองกำลังของเขาเช่นกัน!” “คอยดูเถิด อีกหน่อย สวีหวยจะล้มเอง” สิ้นคำพูดของเขา ทันใดนั้น จากมุมอับหนึ่งของกระโจมข้าง ๆ ปืนล่าสัตว์ก็ยื่นออกมา มือปืนเหนี่ยวไก ยิงกระสุนตรงเข้าหัวใจของสวีหวย ปัง~ ระยะที่ใกล้เกินไป ทำให้สวีหวยและหลี่หู่รู้สึกตัว แต่ก็สายเกินกว่าจะหลบหลีกได้ ทั้งสองรู้จักเพียงคันธนู แต่ไม่รู้จักสิ่งที่เรียกว่าปืน สวีหวยที่ถูกยิงก็ล้มลงทันที...หลี่หู่รีบตะโกนอย่างร้อนรน “มีนักฆ่า ทหาร”“เร็ว มาช่วยแม่ทัพ...”พลทหารในกระโจมใกล้เคียง เมื่อได้ยินเสียงผิดปกติ ก็คว้าดาบพุ่งเข้ามายังที่ซ่อนของเฉินขุยและพรรคพวกทันที... ฟิ้ว~ ดาบที่เพิ่งถูกยกขึ้น ก็ถูกหน้าไม้ราชวงศ์ฉินบนกำแพงเมืองตะวันตกยิงเข้าอย่างแม่นยำ ร่างนั้นล้มลงในทันที เสียงจากลำโพงบนกำแพงเมืองดังกึกก้อง ในค่ำคืนอันเงียบสงัด เสียงนั้นยิ่งชัดเจน! “หากคิดจะเข้าด่านเจิ้นกวน อย่าได้ประมาทหรือ
จ้านเฉิงอิ้นเดินออกจากกระโจม ร่วมดื่มเหล้าและกินเนื้อกับเหล่าทหาร ในช่วงเที่ยง พ่อครัวยุ่งวุ่นวายกับการจัดเตรียมอาหารสำหรับชาวเมือง มีทั้งปลานึ่ง เป็ดแย่ง ไก่ตุ๋น...กลิ่นหอมอบอวลของอาหารเหล่านี้แผ่กระจายไปทั่วทั้งค่ายทหาร ชาวบ้านที่เคยกินเพียงข้าวต้มขาวทุกวัน บางครั้งถึงกับต้องเอาข้าวสารไปแลกเนื้อม้ากับโรงครัวเพื่อประทังชีวิต แต่งานเลี้ยงฉลองชัยในวันนี้ กลับมีปลานึ่งที่ชาวบ้านจำนวนมากไม่เคยเห็นมาก่อน ในพื้นที่ตอนเหนือ แม้ก่อนจะเกิดภัยแล้ง ฝนก็ตกน้อยมาก ปลาจึงกลายเป็นของหายาก! จะพบได้เฉพาะในแม่น้ำชานเมืองใกล้เมืองหลวง ซึ่งแม่น้ำถูกชนชั้นสูงเหมาไว้เลี้ยงปลาปลาจึงเป็นอาหารที่ราคาแพงอย่างยิ่งในเมืองหลวง วันนี้ ชาวเมืองทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กต่างได้ลิ้มรสเนื้อปลาเป็นครั้งแรก รอยยิ้มเปี่ยมสุขปรากฏบนใบหน้าของทุกคน พวกเขากินกันอย่างเอร็ดอร่อย นอกจากนี้ ยังมีไก่ตุ๋น เป็ดย่าง... และอาหารอร่อยอื่น ๆ อีกมากมาย ชาวบ้านที่ตรากตรำทำงานหนักตลอดชีวิต ไม่เคยมีโอกาสได้ลิ้มรสอาหารที่อุดมสมบูรณ์ขนาดนี้มาก่อน สุราขาวและเบียร์มากกว่าพันลังถูกนำออกมา เหล่าทหารดื่มกินกันอย่างเต็
*หลังจากซ่อมกระโจมของจ้านเฉิงอิ้นเสร็จ เถียนฉินเดินเข้ามารายงาน“แม่ทัพ สวีหวยกับกองกำลังคนและม้าหนึ่งแสนคน ตั้งค่ายพักที่ประตูทิศตะวันออก ไม่ยอมจากไปขอรับ”“สมาชิกในครอบครัวของพวกทหารล่ะ?”เถียนฉินถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “เมื่อคืน เพื่อล่อให้ท่านออกจากเมือง สมาชิกในครอบครัวหนึ่งหมื่นกว่าคนของทหาร ถูกฆ่าตายหกพันคน เหลือเพียงผู้หญิงและเด็กที่บาดเจ็บจำนวนหนึ่งเท่านั้น!”“พวกนางอยากเข้าด่านเจิ้นกวน แต่สวีหวยไม่ยอมปล่อยคน”“วันนี้ แม่ทัพเฉินขุยเฉินอู่เกณฑ์ทหาร มีคนสนใจจำนวนมากขอรับ แต่กลับถูกสวีหวยฆ่าตายถึงสามคนที่ตรงนั้น คนที่เหลือเลยไม่มีใครกล้าขยับตัวอีก!”ในเวลาเดียวกัน เฉินขุยเปิดม่านกระโจมเดินเข้ามาหลังจากเขานั่งลง เขาดื่มน้ำคำใหญ่ก่อน จากนั้นเริ่มระบายความโกรธด่าทอสวีหวย“ในมือเขาไม่มีเสบียงอาหารแต่ก็ไม่ยอมให้นายทหารใต้บัญชาเข้าเมือง!”“และยังเชือดไก่ให้ลิงดู!”“คนที่ติดตามเขา นับว่าโชคร้ายแปดชั่วอายุคน”“วางใจเถอะ สามีของหลานสาวข้าเฉิงจื่อเซียว กล่วว่าคืนนี้จะนำคนกลุ่มหนึ่งเข้าเมือง เขาทนการฆ่าผู้บริสุทธิ์ของสวีหวยไม่ไหวแล้วเช่นกัน”สวีหวยทำเช่นนี้ เขากำลังเดิมพันเดิมพั
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นเธอซื้อของใช้ประจำวันมากหน่อยและส่งไปด่านเจิ้นกวนหลังจากพูดคุยกับจ้านเฉิงอิ้นเสร็จเธอชำระล้างง่าย ๆ แล้วลงไปข้างล่างเธอกินอาหารเช้าพร้อมใช้มือถือสั่งของผู้หญิงล้วนชอบซื้อของทุกคนเธอซื้อของอย่างมีความสุขมากเธอเข้าไปร้านค้าออนไลน์ของศูนย์การค้าท้องถิ่น สั่งซื้อน้ำหอม ครีมบำรุงผิว เครื่องสำอางค์ ลิปสติก ปากกาเขียนคิ้ว อายแชโดว์ รองพื้น โฟมล้างหน้าก่อน…ให้พี่ขนส่งหรือพี่รับจัดการเรื่องแทนส่งมาให้จากนั้นเธอซื้อของใช้มีประโยชน์เช่น ผ้าเช็ดทำความสะอาด ทรายขัดผิว สบู่กำมะถัน รองเท้าแตะ ถุงเท้า ถุงมือแรงงานและยากำจัดเหาต่อ…หนึ่งร้อยลังเป็นอย่างต่ำ เธอพูดคุยกับร้านค้า ให้เจ้าของร้านส่งของถึงหน้าประตู!หลังจากหนึ่งชั่วโมงผ่านไป เจ้าของร้านข้าวมาพร้อมกับแอลกอฮอล์หนึ่งคันรถพี่ซุนเรียกยามมาช่วยขนถ่ายสินค้าเมื่อมีคนมาก การขนถ่ายจึงรวดเร็ว ของที่สั่งล้วนวางไว้ข้างในโกดังจอดรถของคฤหาสน์ หลังจากคนเดินออกไปแล้ว เย่มู่มู่ดึงประตูม้วนโกดังลงมาและทำการส่งแอลกอฮอล์เครื่องดื่มไปให้จากนั้นคนขับหวงขับรถมาส่งเนื้อสัตว์ไม่มีใครช่วยคนขับหวงขนถ่าย เธอจึงให้คนข
*จ้านเฉิงอิ้นนั่งลง หยิบกระดาษจับพู่กันแล้วตอบจดหมายเย่มู่มู่“ท่านเทพ ตื่นแล้วหรือ?”เย่มู่มู่มองเวลาเก้าโมงเช้า ยังดี ถือว่าตื่นเช้า!“ด่านเจิ้นกวนเริ่มงานเลี้ยงฉลองความสำเร็จแล้วหรือ?”“ใช่ กำลังกินขอรับ”“ในค่ายทหารทำของอร่อยอะไรบ้าง?”“เมื่อคืนนำเนื้อม้ากลับมาได้จำนวนมาก จึงทำเนื้อม้าเป็นกะมะลังใหญ่ ยังมีพืชผักที่ส่งมาเมื่อครั้งก่อน มีข้าวสารนึ่งสุก พลเมืองทั่วทั้งเมืองมาร่วมกินด้วยกันทุกคน ทุกคนดีใจมาก...”กระบี่คมกริบที่แขวนไว้ในด่านเจิ้นกวนหายไปแล้วเย่มู่มู่จินตนาการได้ว่าทุกคนดีใจเพียงใดหนึ่งปี!หนึ่งปีเต็ม ๆ กองทัพตระกูลจ้านต้องสูญเสียคนถึงหนึ่งแสนแปดหมื่นคนชาวเมืองด่านเจิ้นกวนสองแสนคนล้มตายเสียชีวิตจากนี้ไป ทุกคนสามารถดำรงชีวิตต่อไปและเดินทางเข้าออกเมืองได้อย่างอิสระ จะไม่มีกองทัพศัตรูปิดล้อมพวกเขาอีกแล้ว!“ทำดีมาก! นักเรียนจ้านเฉิงอิ้น เมื่อคืนเจ้าทำตัวกล้าหาญองอาจเป็นอย่างมาก!”“ท่านเทพยกยอเกินไป เป็นเพราะท่านเทพส่งเสื้อเกราะกันกระสุนกับปืนล่าสัตว์มาได้ทันเวลา ทำให้หน่วยดาบม่อเตาที่เป็นแนวหน้า ฆ่าฟันศัตรูได้ตามใจชอบราวกับเข้าไปในดินแดนไร้คน…”“อืม ในเม
จ้านเฉิงอิ้นกล่าวหยุดเฉินขุย“เจ้าออกไปทางลับ ถ้ามีคนยอมติดตามกองทัพตระกูลจ้าน นำตัวกลับเข้ากองทัพ!”“ขอรับ แม่ทัพ!”“สำหรับสวีหวย ข้าไม่ลงมือฆ่าเขาด้วยตนเอง ถือว่าให้ความเมตตาที่สุดแล้ว!”“พระราชโองการนั่นที่เขากล่าวถึง ข้าออกรบชนะศึก ฮ่องเต้จะยกให้คนอื่นมารับช่วงด่านเจิ้นกวนต่อได้อย่างไร ต้องเป็นของปลอมแน่!”เฉินขุยเฉินอู่พยักหน้าซ้ำ ๆ เห็นด้วย“ใช่ เป็นของปลอม สวีหวยประกาศพระราชโองการปลอม ความผิดของเขาต้องฆ่าทิ้งทันที!”“เพื่อเพิ่มความปรีดาให้แก่ท่าน ข้าน้อยจะไปกวาดล้างคนเลวข้างกายฮ่องเต้ ตัดหัวสวีหวยผู้ประกาศพระราชโองการปลอมเดี๋ยวนี้!”สองพี่น้องนำคนและม้าออกจากเมืองไปอย่างยิ่งใหญ่เกรียงไกรจ้านเฉิงอิ้นจึงนั่งลงอีกครั้ง เห็นมั่วฝานทอดมองแผ่นหลังที่กำลังจากไปของสองพี่น้องพร้อมกับขมวดคิ้วเขาจึงถามมั่วฝาน “เป็นอะไรไป?”“ตอนนี้ยังฆ่าสวีหวยไม่ได้!”“เพราะเหตุใด?”มั่วฝานนำสารลับที่ได้รับวันนี้จากไทเฮา ยื่นให้จ้านเฉิงอิ้นจ้านเฉิงอิ้นเปิดสารลับอ่าน คิ้วยาวดุจดาบพลางขมวดเล็กน้อยมั่วฝานกล่าวต่อ “บุตรสาวของสวีหวยได้รับความโปรดปรานเป็นอย่างมากในพระราชวังถูกแต่งตั้งให้เป็นกุ้
อำนาจทางการทหารของกองทัพตระกูลจ้านจะถูกส่งต่อให้กับคนอื่นกองทัพตระกูลจ้านไม่เป็นที่พอใจในสายตาของฮ่องเต้ตั้งแต่ต้นวันนี้พวกเขามีเสบียงมีน้ำ มีอุปกรณ์ติดตัวที่ยอดเยี่ยม…สมาชิกราชวงศ์ต้าฉี่ประพฤติตนไร้สาระ เสนาบดีซูขูดรีดพลเมืองสภาพการณ์ของชาวเมือง ไม่ต่างจากด่านเจิ้นกวนในเวลานั้นภายในแคว้นต้าฉี่มีอิทธิพลหลายกลุ่มเริ่มผนึกตัว เพียงแต่ถูกกำลังทหารสองแสนคนขวางไว้ถ้าชาวเมืองมีชีวิตต่อไปได้ ใครจะรวมพลก่อกบฏอีกเล่าทุกคนล้วนอยู่ภายใต้หนทางตัน สุดท้ายจึงจำใจเลือกเส้นทางนี้จ้านเฉิงอิ้นทำลายกองทัพพันธมิตรของแคว้นฉู่กับแคว้นฉีอย่างแสนสาหัส ทำให้กองทัพเผ่าหมานต้องถอยทัพด้วยความปราชัย ชื่อเสียงของเขาในหมู่พลเมือง อยู่เหนือกว่าสมาชิกราชวงศ์ไปมากฮ่องเต้ไม่อาจยอมรับเขาได้ถอดชุดเกราะเป็นเพียงก้าวแรก ยึดอำนาจทางการทหารของแม่ทัพแล้วยังไม่สบายใจต้องประหารชีวิตแม่ทัพอย่างแน่นอน!พวกเขามีมิตรภาพที่ผ่านความตายมาด้วยกันทั้งนั้น เผชิญความอดอยากด้วยกันในด่านเจิ้นกวน ฆ่าศัตรูในสนามรบไปด้วยกันยิ่งไปกว่านั้น แม่ทัพสามารถติดต่อกับท่านเทพเช่นนั้นแม่ทัพจะกลับเข้าเมืองหลวงไม่ได้ในเวลานี้ ทุ
ลำโพงประกาศเสียงบนกำแพงเมืองราวกับเสียงประหลาดที่ดังก้องหู มันเล่นซ้ำแล้วซ้ำเล่าทหารใต้บังคับบัญชาของสวีหวยล้วนรู้สึกสนใจ!ก่อนที่พวกเขาจะมาที่นี่ สำหรับข่าวคราวที่ว่าด่านเจิ้นกวนมีน้ำมีเสบียงอาหาร บางทียังยึดมั่นในความสงสัยวันนี้เมื่อเห็นบนกำแพงมีทหารชั้นผู้น้อยเฝ้าประตูเมือง กินข้าวโดยใช้กะละมังและดื่มน้ำอย่างตามใจโดยไม่รู้สึกสิ้นเปลือง!ชีวิตดี ๆ ที่พวกเขามี เทียบได้กับช่วงก่อนเกิดภัยแล้งและทุพภิกขภัยไม่ ดีกว่าช่วงก่อนเกิดภัยแล้งและทุพภิกขภัยเสียอีกชีวิตของทหารในด่านเจิ้นกวน เทียบเท่ากับตระกูลชนชั้นสูงของเมืองหลวง ทำให้คนที่อยู่ข้างล่างนับไม่ถ้วนล้วนเกิดแรงปรารถนาพวกเขาอยากเข้าไปในเมือง อยากเข้าร่วมกองทัพตระกูลจ้าน อยากมีข้าวสวยกินทุกวัน อยากมีน้ำที่ดื่มไม่หมดทุกคน!สวีหวยโมโหและดุด่า “ไปเรียกจ้านเฉิงอิ้นออกมา ข้ามารับช่วงด่านเจิ้นกวนพร้อมด้วยพระราชโองการจากฮ่องเต้!”ครั้งนี้ คนที่อยู่ใกล้กำแพงเมืองไม่กี่คน มองสวีหวยคราหนึ่งโดยไม่แสดงอารมณ์ใดในสายตานั้น ไร้ซึ่งความเคารพและความกลัวของทหารที่พึงมีต่อแม่ทัพอย่างสิ้นเชิงใช้แววตาเรียบนิ่งมองสวีหวย กระทั่งแฝงความรังเกียจ
นายทหารหนึ่งในนั้นกลับยกกาน้ำแล้วเริ่มดื่มน้ำเนื่องจากดื่มเร็วและรีบเกินไป น้ำจึงไหลตามมุมปากลงมาที่ลำคอและทำให้คอเสื้อเปียกเขาไม่ประหยัดน้ำแม้แต่น้อย!จวบจนวินาทีนี้ ทุกคนจึงมั่นใจว่าในเมืองด่านเจิ้นกวนมีน้ำ มีเสบียง…นายทหารข้างล่างกำแพงเมือง เผยดวงตาอันแดงก่ำพวกเขาแทบอดไม่ได้ที่จะปีนขึ้นไปบนกำแพงแล้วแย่งน้ำมาดื่มเองแย่งข้าวสารของพวกเขาแล้วกินเข้าไปเอง!พวกเขาอยากดื่มน้ำ อยากกินเนื้อมากจริง ๆที่ทำเกินไปยิ่งกว่านั้น โต๊ะที่ห่างจากกำแพงเมืองโต๊ะนั้น มีทหารหนึ่งคนถือกะละมังเคลือบเซรามิกไว้อันหนึ่ง ข้างในมีข้าวหุงสุกข้าวหุงสุกเป็นเม็ด ๆ ชัดเจน พวกเขาใช้กะละมังเคลือบเซรามิกที่ใหญ่กว่าหม้อมาใส่ข้าว และราดเต็มไปด้วยเนื้อกับผักเขานั่งยองบนกำแพงเมือง ใช้ตะเกียบหนึ่งคู่ปัดเข้าปากอย่างเต็มกำลังเขากินอย่างรวดเร็วและรีบเร่ง…จนนายทหารข้างล่างที่ทอดมองมา พากันกลืนน้ำลายไม่หยุดถ้าสามารถบินได้ พวกเขาจะบินขึ้นบนกำแพงเมืองและแย่งข้าวหุงสุกกะละมังนั้นมาจากเขาให้จงได้ทหารชั้นผู้น้อยที่เฝ้าเมืองคนนี้ เหน็ดเหนื่อยเป็นอย่างมาก อันเนื่องจากจ้านเฉิงอิ้นเดินทางไปกลับเมื่อคืนเขาเหนื่อ