บนร่างมีลูกศรบาง ๆ ดอกหนึ่ง แทงทะลุปีกไปติดอยู่บนร่างของมันแต่ต่อให้ยากลำบากถึงเพียงนั้นมันก็มิได้ตกลงสู่พื้น แต่บินกลับมาเมื่อจวงเหลียงเห็นกระบอกไม้ไผ่เล็ก ๆ ที่ผูกอยู่บนขาของมัน สีหน้าก็ตกใจอย่างรุนแรงทันทีเขารีบถอดกระบอกไม้ไผ่ลงมา แล้วก็ได้เห็นกระดาษข้อความของมั่วฝานจวงเหลียงออกวิ่งอย่างรวดเร็วทันที เขานำกระดาษข้อความไปมอบให้หลินต้าจวิน อู๋ซานหลางและคนอื่น ๆ…ในบรรดาแม่ทัพไม่กี่นาย มีเพียงหลินต้าจวินที่มีประสบการณ์ในการรบสูงอยู่บ้างเขาเข้าร่วมกับกองทัพตระกูลจ้านมาสิบปีแล้วเขาทำการตอบสนองทันที ย้ายทหารไปป้องกันที่ประตูทางทิศตะวันตกประตูเมืองทางทิศเหนือเหลือทหารที่เคยผ่านศึกไว้ประมาณร้อยนาย เพื่อสั่งการให้เหล่าชาวบ้านช่วยกันปกป้องเมืองพวกเขาวิ่งไปตลอดทางจนถึงประตูทางทิศตะวันตกในเวลานี้ กองทัพของแคว้นฉู่และแคว้นฉี กำลังรวมตัวกันอยู่ที่ด้านล่างของประตูตะวันตกคนจำนวนหนึ่งแสนนาย กำลังโจมตีเมืองอย่างดุเดือดพวกเขามิได้ใช้รถกระทุ้งกำแพงเมือง แต่ใช้ท่อนไม้ที่หนาและใหญ่ท่อนหนึ่ง คนจำนวนหลายร้อยคนร่วมกันกระแทกประตูตะวันตกอย่างแรงแม้ประตูเมืองทางทิศตะวันตกจะเป็นประตูเหล็
จำนวนคนที่จ้านเฉิงอิ้นฆ่า เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วด้านล่างกำแพงเมือง ทหารฉู่ที่ยังมีชีวิต เหลืออยู่ไม่กี่คนแล้วต่อให้หลิงเซี่ยวเฟิงจะทำใจไม่ได้เช่นไร การจากไปก็ทำไม่ได้แล้วเพราะหน่วยดาบม่อเตา ได้ฟันบันไดไม้ไผ่หลายสิบอันนั้นล้มลงแล้วเหลืองเพียงสามอันสุดท้าย ที่เหลือไว้เพื่อให้คนของจ้านเฉิงอิ้นปีนขึ้นกำแพงเมืองได้สะดวก!จ้านเฉิงอิ้นยังพาหน่วยปืนล่าสัตว์กลับมาด้วยทันทีที่มีผู้เป็นภัยกองทัพตระกูลจ้าน ภายใต้แสงไฟสว่างเจิดจ้าบนกำแพงเมือง ก็ราวกับว่าทุกหนึ่งนัดจะมีหนึ่งคนล้มลงไปจ้านเฉิงอิ้นยังนำระเบิดกลับมาอีกด้วยใต้กำแพงเมือง เสียงระเบิดดังขึ้นตรงนั้นทีตรงนี้ทีไม่หยุดหย่อนหลังใช้เวลาไปหนึ่งชั่วยาม กำลังพลของแคว้นฉู่และฉีใต้กำแพงเมือง แทบจะถูกจ้านเฉิงอิ้นล้างบางไปหมดแล้วเมื่อฉีซวนเหิงเห็นว่าสถานการณ์ไม่ถูกต้อง ก็ไม่สนใจแม้แต่หน่วยกล้าตายที่ขึ้นไปบนกำแพงเมืองแล้วเขารีบพากองทหารพ่ายศึกชุดสุดท้าย ที่เหลืออยู่ราวหมื่นคนล่าถอยไป หลบลี้หนีหายไปอย่างรวดเร็วเขากลัวแล้ว รักษาชีวิตเป็นเรื่องสำคัญ!กองทัพแคว้นฉู่ที่เหลืออยู่ย่อมไม่อาจต้านทานการประหัตประหารของจ้านเฉิงอิ้นได้ในไ
ทหารที่นอนอยู่บนพื้น ส่งเสียงตอบรับทันทีล้วนขึ้นม้าอย่างพร้อมเพรียงกันผู้ที่ไม่มีม้า ก็วิ่งไปพร้อมกับกองทัพชาวบ้านที่ยังอายุน้อยอยู่หน่อย ก็หยิบธนูทดกำลังติดตามกองทัพออกจากเมืองไปด้วยจ้านเฉิงอิ้นจึงนำกำลังพลจำนวนสองหมื่นนาย ขี่ม้ากลับมายังจุดที่ทำการต่อสู้กับกองทัพเผ่าหมานอีกครั้งหลังจ้านเฉิงอิ้นจากไป สถานการณ์การรบก็เลวร้ายเป็นอย่างมากเฉินขุยกับเฉินอู่ที่เป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกัน ร่วมกันต่อสู้กับหลัวซู่อย่างรู้ใจ ทว่า มิเพียงไม่ได้เปรียบกลับยังถูกฟันจนเกิดบาดแผลไปทั่วทั้งตัวด้วยพวกเขาสวมชุดเกราะกันกระสุนรุ่นใหม่ล่าสุดแต่ดาบของหลัวซู่หนักหน่วง แม้เสื้อกันกระสุนและชุดเกราะจะสามารถป้องกันการเกิดบาดแผลภายนอกได้ แต่เมื่อดาบฟันลงมา ก็ยังคงถูกน้ำหนักอันรุนแรงกระแทกจนซี่โครงหักคนทั้งสองได้รับบาดเจ็บไม่เบาส่วนทหารที่เหลือหมื่นกว่านาย แบ่งเป็นกลุ่มละสามคน ต้านทานเผ่าหมานไว้อย่างยากลำบากจนกระทั่ง จ้านเฉิงอิ้นนำกำลังพลสองหมื่นคนที่เหลืออยู่ในเมือง บุกสังหารกลับมาหลัวซู่จึงรู้ว่า หลิงเซี่ยวเฟิงและฉีซวนเหิง พวกเขาโจมตีเมืองล้มเหลวแล้วไม่เช่นนั้น จ้านเฉิงอิ้นไม่มีทางกลั
จ้านเฉิงอิ้นมองดูหน้าจอ กำลังคนและม้าของสวีหวยสวมอุปกรณ์เต็มตัว มุ่งหน้ามาอย่างกระตือรือร้นออกหน้าในกองทัพตระกูลจ้านมีทหารบาดเจ็บจำนวนไม่น้อย ถ้ากลับเข้าเมืองเกรงว่าคงไม่ทันจ้านเฉิงอิ้นถามซ่งตั๋ว “ยังมีระเบิดอีกเท่าไหร่?”ซ่งตั๋วตอบ “ไม่มีแล้วขอรับ! ตอนระเบิดทหารเผ่าฉู่และฉีสองกองทัพที่ใต้ประตูเมือง ถูกใช้จนหมดแล้วขอรับ!”เขากำลังมองหน่วยหน้าไม้ราชวงศ์ฉินพวกเขาชักคันธนูตลอดทั้งคืน เหนื่อยจนแทบยืนไม่ไหวนั่งอยู่ที่พื้นทุกคน มีบางคนถึงกระทั่งนอนหลับไปเรียบร้อยหน่วยดาบม่อเตาเหนื่อยล้ายิ่งกว่า ล้วนนอนกองอยู่กับพื้นไม่สนใจนองเลือดในพื้นทรายและศพทหารเผ่าหมานที่นอนเกลื่อนกลาดพวกเขาเหนื่อยมาก เหนื่อยมาก ๆ !ครั้นรถสองคันจอดนิ่ง ทหารยิงธนูทดกำลังบนรถ กระบอกใส่ลูกธนูล้วนว่างเปล่าไม่มีเหลือจ้านเฉิงอิ้นกล่าว “พยุงผู้บาดเจ็บขึ้นรถแล้วส่งกลับไป!”“คนทั้งหมด สองคนควมม้าหนึ่งตัว คนร่างผอมหน่อยสามคนควบม้าหนึ่งตัว…แล้วกลับเมือง!”มั่วฝานถาม “ทันการณ์หรือไม่?”จ้านเฉิงอิ้นส่ายศีรษะ ตอบกลับตามจริง “ไม่ทันการณ์แล้ว!”ทหารที่เตรียมขี่ม้าในตอนแรก หยุดขี่ม้าทั้งหมดทันที!“เช่นนั้นจะทำอย
“วู้ฮู้…”ชาวบ้านนับไม่ถ้วนปรบมือร้องดีใจ!เฉินขุยอยู่ข้างหลังแม่ทัพ ชูลำโพงประกาศเสียงขึ้นสูงพร้อมเปิดซ้ำตลอดทาง“กองทัพตระกูลจ้านชนะแล้ว กองทัพเผ่าฉู่ตายเกลี้ยง กองทัพรเผ่าฉีเผ่นหนี ชนเผ่าหมานวิ่งหนี…”“ด่านเจิ้นกวนของเราเป็นอิสระแล้ว!”“ด่านเจิ้นกวนเป็นอิสระแล้ว!”“แม่ทัพใหญ่องอาจห้าวหาญ!”“แม่ทัพเฉินขุยองอาจห้าวหาญ!”“กองทัพตระกูลจ้านองอาจห้าวหาญ!”พลเมืองนับไม่ถ้วนหัวเราะเสียงดังมีความสุขกลุ่มเด็ก ๆ ดีใจกระโดดโลดเต้น“พวกเราสามารถแผ่ขยายได้แล้ว สามารถมีชีวิตรอดต่อไปได้แล้ว!”กลุ่มคนสูงวัยต่างคุกเข่า กราบไหว้ต่อสรวงสวรรค์“เทวดาฟ้าสวรรค์ ทรงเปิดตาเสียที ให้แม่ทัพชนะศึกสงคราม ด่านเจิ้นกวนจะไม่ถูกปิดล้อม พวกเราสามารถมีชีวิตรอดและเดินออกไปได้แล้ว!”กลุ่มผู้หญิงใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตา หนึ่งปีที่ผ่านมา เป็นห่วงว่าด่านเจิ้นกวนจะถูกบุกทะลวงกังวลว่าจะถูกชนเผ่าหมานลากไปทำเป็นอาหารเนื้อคนความรู้สึกทุกข์ทรมานจากความวิตกกังวลเช่นนี้ ในที่สุดก็จบลงเสียที!กลุ่มบุรุษส่งคืนธนูทดกำลังด้วยสองมือเสร็จ พอหันหลังก็ปาดน้ำตาเงียบ ๆ !กลุ่มพลเมืองถึงแม้ส่วนใหญ่ไม่ได้เข้าร่วมการรบแต่มี
จ้านเฉิงอิ้นสวมเสื้อยาวขาวดุจหิมะ มีลายพิมพ์ต้นไผ่อยู่ตรงหัวไหล่ของเสื้อยาว ใบไผ่ประดับตรงปลายแขนเสื้อ ช่วงเอวเหน็บเครื่องประดับทรงกลมไว้เขาเดินออกจากจวนแม่ทัพ ราวกับท่านชายฟ้าหลังฝน!ตรงทางเข้าประตูจวนแม่ทัพ เขาเดินผ่านพลเมืองสองสามคนทุกคนเคยชินกับแม่ทัพผู้สวมชุดเกราะอย่างวีรบุรุษ น้อยครั้งที่จะเห็นเขาแต่งตัวเช่นนี้คนตรงหน้าคือชายหนุ่มรูปหล่อรวบผมหางม้าสูง ใบหน้าเรียวผอมราวมีดเล่มยาว ดูไม่ออกเลยว่าจะเป็นแม่ทัพที่สังหารศัตรูในสนามรบมาแล้วจำนวนนับไม่ถ้วนเถียนฉินจูงม้าขาวเดินเข้ามาจ้านเฉิงอิ้นพลิกตัวขึ้นหลังม้าอย่างกระฉับกระเฉงและเริ่มขี่ม้าจากไปพลเมืองข้างนอกจวนแม่ทัพมองยิ้มแย้มดูนั่น ชายหนุ่มจิตใจฮึกเฮิมผู้นั้น คือหนิงกวนโหวผู้กำจัดสองกองทัพของแคว้นฉู่และแคว้นฉีและขับไล่ชนเผ่าหมานออกไปจ้านเฉิงอิ้นขี่ม้ามาถึงค่ายทหารพื้นที่ว่างในค่ายทหารถูกวางเต็มไปด้วยโต๊ะเก้าอี้วันนี้ ไม่เพียงแต่เป็นงานเลี้ยงฉลองความสำเร็จของกองทัพตระกูลจ้านแต่ยังเป็นงานเลี้ยงฉลองความสำเร็จของชาวเมืองทั่วทั้งเมืองอีกด้วยพลเมืองทั่วทั้งเมืองมาร่วมยินดีทุกคน!ครั้นพ่อครัวไม่เพียงพอ พวกชาวบ้านจึ
นายทหารหนึ่งในนั้นกลับยกกาน้ำแล้วเริ่มดื่มน้ำเนื่องจากดื่มเร็วและรีบเกินไป น้ำจึงไหลตามมุมปากลงมาที่ลำคอและทำให้คอเสื้อเปียกเขาไม่ประหยัดน้ำแม้แต่น้อย!จวบจนวินาทีนี้ ทุกคนจึงมั่นใจว่าในเมืองด่านเจิ้นกวนมีน้ำ มีเสบียง…นายทหารข้างล่างกำแพงเมือง เผยดวงตาอันแดงก่ำพวกเขาแทบอดไม่ได้ที่จะปีนขึ้นไปบนกำแพงแล้วแย่งน้ำมาดื่มเองแย่งข้าวสารของพวกเขาแล้วกินเข้าไปเอง!พวกเขาอยากดื่มน้ำ อยากกินเนื้อมากจริง ๆที่ทำเกินไปยิ่งกว่านั้น โต๊ะที่ห่างจากกำแพงเมืองโต๊ะนั้น มีทหารหนึ่งคนถือกะละมังเคลือบเซรามิกไว้อันหนึ่ง ข้างในมีข้าวหุงสุกข้าวหุงสุกเป็นเม็ด ๆ ชัดเจน พวกเขาใช้กะละมังเคลือบเซรามิกที่ใหญ่กว่าหม้อมาใส่ข้าว และราดเต็มไปด้วยเนื้อกับผักเขานั่งยองบนกำแพงเมือง ใช้ตะเกียบหนึ่งคู่ปัดเข้าปากอย่างเต็มกำลังเขากินอย่างรวดเร็วและรีบเร่ง…จนนายทหารข้างล่างที่ทอดมองมา พากันกลืนน้ำลายไม่หยุดถ้าสามารถบินได้ พวกเขาจะบินขึ้นบนกำแพงเมืองและแย่งข้าวหุงสุกกะละมังนั้นมาจากเขาให้จงได้ทหารชั้นผู้น้อยที่เฝ้าเมืองคนนี้ เหน็ดเหนื่อยเป็นอย่างมาก อันเนื่องจากจ้านเฉิงอิ้นเดินทางไปกลับเมื่อคืนเขาเหนื่อ
ลำโพงประกาศเสียงบนกำแพงเมืองราวกับเสียงประหลาดที่ดังก้องหู มันเล่นซ้ำแล้วซ้ำเล่าทหารใต้บังคับบัญชาของสวีหวยล้วนรู้สึกสนใจ!ก่อนที่พวกเขาจะมาที่นี่ สำหรับข่าวคราวที่ว่าด่านเจิ้นกวนมีน้ำมีเสบียงอาหาร บางทียังยึดมั่นในความสงสัยวันนี้เมื่อเห็นบนกำแพงมีทหารชั้นผู้น้อยเฝ้าประตูเมือง กินข้าวโดยใช้กะละมังและดื่มน้ำอย่างตามใจโดยไม่รู้สึกสิ้นเปลือง!ชีวิตดี ๆ ที่พวกเขามี เทียบได้กับช่วงก่อนเกิดภัยแล้งและทุพภิกขภัยไม่ ดีกว่าช่วงก่อนเกิดภัยแล้งและทุพภิกขภัยเสียอีกชีวิตของทหารในด่านเจิ้นกวน เทียบเท่ากับตระกูลชนชั้นสูงของเมืองหลวง ทำให้คนที่อยู่ข้างล่างนับไม่ถ้วนล้วนเกิดแรงปรารถนาพวกเขาอยากเข้าไปในเมือง อยากเข้าร่วมกองทัพตระกูลจ้าน อยากมีข้าวสวยกินทุกวัน อยากมีน้ำที่ดื่มไม่หมดทุกคน!สวีหวยโมโหและดุด่า “ไปเรียกจ้านเฉิงอิ้นออกมา ข้ามารับช่วงด่านเจิ้นกวนพร้อมด้วยพระราชโองการจากฮ่องเต้!”ครั้งนี้ คนที่อยู่ใกล้กำแพงเมืองไม่กี่คน มองสวีหวยคราหนึ่งโดยไม่แสดงอารมณ์ใดในสายตานั้น ไร้ซึ่งความเคารพและความกลัวของทหารที่พึงมีต่อแม่ทัพอย่างสิ้นเชิงใช้แววตาเรียบนิ่งมองสวีหวย กระทั่งแฝงความรังเกียจ
“แม้ว่าเขาจะไม่ขยายอิทธิพลในแคว้นต้าฉี่ แต่หากไปยังแคว้นอื่น ก็ยังคงเป็นศัตรูที่รับมือได้ยากอยู่ดี!”ถูกแล้ว มั่วฝานพูดไม่ผิดหากมู่ฉีซิวยังมีชีวิตอยู่ ต่อให้ต้องตายถึงสามร้อยครั้งก็ยังฟื้นคืนมาได้ด้วยนิสัยของเขา ไม่ว่าไปอยู่ที่ใดก็ต้องตั้งหลักได้อย่างแน่นอนหากปล่อยให้เขามีโอกาสเติบใหญ่ เกรงว่าจะกลับมาแก้แค้นได้อีก!เฉียนเซียงตัวตะโกนบอกเหล่าทหาร “ไป ไป ไป ไปกินข้าวก่อน กินเสร็จแล้วพวกเราจะออกเดินทางทันที ไปฆ่ามู่ฉีซิวให้ได้ จะได้ล้างแค้นให้กับสี่เดือนที่ต้องหนีหัวซุกหัวซุนเพราะเขา!”เหล่าทหารต่างขานรับพร้อมเพรียง ก่อนจะพากันนั่งล้อมวงที่โต๊ะอาหารเมื่อเห็นกับข้าวมากมายจัดเรียงเต็มโต๊ะทุกคนต่างอุทานออกมาด้วยความตกตะลึง“โห ข้าเกิดมาในตระกูลมั่งคั่ง ไม่เคยขาดแคลนเงินทอง แต่ไม่เคยเห็นโต๊ะอาหารที่อุดมสมบูรณ์ขนาดนี้มาก่อน!”“กระต่ายตัวใหญ่ทั้งตัวถูกย่างแบบนี้เลยหรือ?”“ห่านนี่ก็ด้วย พวกเราปกติเอาไปต้มซุปกันแท้ ๆ!”“กลิ่นเครื่องเทศนี่มันอะไรกัน หอมเหลือเกิน! หากสามารถนำเครื่องเทศพวกนี้ไปขายยังดินแดนต่าง ๆ คงทำเงินได้มหาศาลแน่!”หยางชิงเหอมองคนกลุ่มนี้ “พวกเขาสู้กับมู่ฉีซิวมา
“คืนนี้ ข้ากับทหารผ่านศึกตระกูลจ้านจะลงมือ ออกเดินทางทั้งวันทั้งคืนเพื่อสกัดพวกเขา”“ส่วนภารกิจตามหามู่ฉีซิว...”เฉียนเซียงตัวคิดตามทันที ก่อนหันไปรับรองกับจ้านเฉิงอิ้น “วางใจเถิด แม่ทัพใหญ่ ข้าจัดการเรื่องนี้ให้ได้แน่นอน”จากนั้นเขาบ่นพึมพำ “มู่ฉีซิวผู้นี้ช่างต่ำช้าไร้ยางอายเสียจริง ตัวเองเป็นคนเชื่อมโยงเรื่องทั้งหมด ดึงให้ฮ่องเต้ต้าฉี่ส่งทัพมาปราบท่าน แล้วผลลัพธ์ล่ะ!”“เขายังแอบเก็บกำลังทหารส่วนหนึ่งไว้ เพื่อบุกโจมตีเมืองหลวงต้าฉี่ เอาฮ่องเต้น้อยมาเล่นเป็นตัวตลกเสียด้วย!”“เชอะ! ฮ่องเต้ผู้นี้ไร้ความสามารถ ส่วนมู่ฉีซิวนั้นไร้ยางอายเกินจะกล่าว ข้าพ่ายแพ้ให้เขามากว่าสิบศึก ก็สมควรแล้ว!”“แต่ตราบใดที่ข้าชนะในศึกสุดท้าย ข้าย่อมเป็นผู้ชนะตัวจริง!”ความมองโลกในแง่ดีของเฉียนเซียงตัวทำให้จ้านเฉิงอิ้นประทับใจลึกซึ้งแม้ชายผู้นี้อาจไม่มีความเป็นผู้นำมากนัก แต่เรื่องทัศนคติในการใช้ชีวิตกลับไม่มีที่ติจ้านเฉิงอิ้นเอ่ยถาม “เจ้าต้องการอะไรอีกหรือไม่? ขอมาได้เลย!”ดวงตาคู่เล็กของเฉียนเซียงตัวที่ปกติหรี่เป็นเส้นเล็ก ตอนนี้กลับเบิกกว้างขึ้นมาในทันที“ท่านพูดเองนะ ข้าจะไม่เกรงใจแล้ว!”“ไม่ม
ที่แท้ขั้นตอนในโรงงานเป็นแบบนี้นี่เอง สะดวกและรวดเร็วกว่าช่างตีดาบตีเหล็กมากนักพวกเขายังได้เห็นรถเครนยกของที่ยกแร่เหล็กลงมาจากยอดเขาเป็นตะกร้า ๆ เข้าไปในโกดังของโรงงานยังมีรอกเชือกสลิงที่ขนแร่ลงมาจากเหมืองคนกลุ่มนี้สงสัยว่าขุดแร่กันอย่างไร ทำไมถึงขนลงมาเป็นตะกร้า ๆ ได้รวดเร็วขนาดนี้เมื่อไปถึงยอดเขา ทุกคนก็เบิกตากว้าง มองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าด้วยความตกใจน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้วมันเกินจริงมาก!แม่ทัพคนหนึ่งที่อยู่ข้าง ๆ เฉียนเซียงตัวอ้าปากค้าง “โห... นี่มันรถอะไร แขนยาวขนาดนี้!”“ดูนั่นสิ รถแขนยาวคันนั้นมีหัวสว่านติดอยู่ สามารถเจาะเข้าไปในแร่เหล็ก ตีแร่ให้แตก แล้วขุดออกมาได้!”เดิมทีพวกเขาคิดว่า คนงานเหมืองต้องลำบากมากแต่พอมาเห็นกับตาก็พบว่า มันลำบากจริง ๆ!พวกเขาต้องบรรจุแร่ใส่รอกแล้วปล่อยลงไปส่วนการขุดแร่ การบรรจุใส่ตะกร้า หรือแม้แต่การขึ้นรถเครนยกของ พวกเขาก็ไม่ต้องลงมือทำเองสิ่งที่พวกเขาทำมีเพียงแค่หยิบตะกร้าเปล่าออกจากรอก แล้ววางตะกร้าที่บรรจุแร่เต็มลงไป ปล่อยลงไป...พวกเขาเดินกลับลงมาจากเขาเป็นขบวนใหญ่ตลอดทางไม่มีใครพูดอะไร“เพราะกองทัพตระกูลจ้านทำให้พวกเขาตกต
จ้านเฉิงอิ้นกล่าวต่อว่า “ยังมีรถอีกสองร้อยคัน ข้าและทหารผ่านศึกห้าหมื่นคนจะนั่งรถบรรทุกขนาดใหญ่สองร้อยคัน พร้อมกับม้าศึกที่เหลืออยู่ในฐาน ไปสกัดคนที่มู่ฉีซิวส่งไปแทรกซึมเข้าเมืองหลวง คนเหล่านั้นมีประมาณสองแสนสามหมื่นคน แม้จะปลอมตัวมา แต่จำนวนมากขนาดนั้น น่าจะหาได้ไม่ยาก!”“ต้องหยุดพวกเขาให้ได้ หวังเซิ่ง หลีชิง เสียวอู่ และคนอื่น ๆ ที่เคยแทรกซึมเข้าไปในกองทัพธงเหลือง ให้ไปด้วยกัน!”เมื่อหยางชิงเหอได้ยินดังนั้น นางก็วางตะเกียบลงและกล่าวด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ข้าไปด้วย!”เฉินอู่ต้องการจะปฏิเสธหวังเซิ่งและเสียวอู่ที่โต๊ะข้าง ๆ ลุกขึ้นยืนทันทีหวังเซิ่งไม่เห็นด้วย “ไม่ได้ มันอันตรายเกินไป!”เสียวอู่ก็กล่าวว่า “พี่ชิงเหอ ข้าไม่ได้มีอคติกับเจ้า แต่เจ้าเป็นสตรี ไม่มีวรยุทธ์ติดตัว พวกเราต้องเสียสมาธิมาคอยปกป้องเจ้า”“พวกเขามีสองแสนกว่าคน แต่เรามีแค่ห้าหมื่นคน เกรงว่าจะดูแลไม่ทั่วถึง”หยางชิงเหอกล่าวว่า “ข้าไม่ต้องการให้พวกเจ้ามาปกป้องข้า ถ้าหาก...”“ข้าสามารถโน้มน้าวให้พวกเขาเข้าร่วมกองทัพตระกูลจ้านได้ ท่านแม่ทัพจะไว้ชีวิตพวกเขาได้หรือไม่”“แม้ว่าจะต้องซ่อนตัวอยู่ในภูเขานี้ตลอดชีวิต ท
“ถึงแม้จะถืออาวุธเหล็กกล้าก็ไม่มีประโยชน์!”“อาวุธเย็นไม่อาจสู้กับอาวุธร้อนได้ เจ้าคิดจะทำให้ชนเผ่าหมานม่อเป่ยกลายเป็นพวกที่ร้องรำทำเพลงหรืออย่างไร?"“รอให้ข้าสร้างปืนและปืนใหญ่ขึ้นมา ต่อไปพวกเขาจะต้องเต้นเก่งทุกคน!”เฉินขุย เฉินอู่ ซ่งตั๋ว รวมถึงจวงเหลียง...ทุกคนตาเป็นประกายเฉินอู่ถามอย่างสงสัย “จริงหรือ?”“แน่นอน แค่ทำให้พวกเขากลัว ข้าถึงต้องการท่อเหล็กหมื่นท่อ เพราะว่าแค่ไม่กี่ร้อยหรือพันท่อ ไม่สามารถข่มขู่คนเจ็ดแสนกว่าคนได้!”“ถ้ามีปืนใหญ่หมื่นกระบอก ก็เพียงพอที่จะข่มขู่มู่ฉีซิว เขาถึงจะถอยทัพ!”“บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตยุคใหม่ของเรามีคำกล่าวที่แพร่หลายว่า ความจริงอยู่ในระยะยิงของปืนใหญ่ ศักดิ์ศรีอยู่บนคมดาบ“มีอาวุธที่ทรงพลังพอ พวกเผ่าหมานจะกล้าสู้กับเราหรือไม่? พวกเขายังไม่ทันขี่ม้ามาถึงหน้าเรา ข้ายิงปืนใหญ่ทีเดียวก็ตายไปสิบกว่าคนแล้ว!”“ในอนาคตเจอเราก็ต้องวิ่งหนี!”จ้านเฉิงอิ้นครุ่นคิดถึงคำพูดของหยางชิงเหอที่ว่า ความจริงอยู่ในระยะยิงของปืนใหญ่ ศักดิ์ศรีอยู่บนคมดาบ...ตอนนี้อาวุธยุทโธปกรณ์ของเขาก็เหนือกว่าทุกแคว้นแล้ว แต่แคว้นเหล่านั้นยังไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาทำไม~
ทหารผ่านศึกเหนื่อยล้าจากการต่อสู้ตลอดทั้งคืน แต่พวกเขาก็ยังคงฮึกเหิมในการต่อสู้ในวันนี้ คนส่วนใหญ่กินไปก็หลับไปคนที่ยังดื่มได้ก็ดื่มไปไม่กี่แก้วแล้วก็ฟุบหลับไปบนโต๊ะพวกชาวบ้านกลับกินกันอย่างเอร็ดอร่อยพืชที่ปลูกยังไม่ถึงเวลาเก็บเกี่ยว กองทัพตระกูลจ้านเป็นผู้ดูแลเรื่องอาหาร แต่ปกติแล้วทุกคนกินแค่ขนมปังแป้งสาลีและโจ๊กเนื้อ... บางครั้งก็ต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกับเส้นบะหมี่รวมกัน อาหารเหล่านั้นดีกว่าก่อนภัยแล้งเสียอีก!ตั้งแต่เกิดมาพวกเขาไม่เคยกินอาหารที่อุดมสมบูรณ์ขนาดนี้มาก่อน!ทันใดนั้นพวกเขาก็มีความสุข กินและหยิบอาหารกลับบ้าน!ทหารผ่านศึกที่ยังกินอยู่บนโต๊ะก็ไม่ได้ห้าม ปล่อยพวกเขาไปทหารแคว้นเยี่ยนที่มาถึงคนสุดท้าย อาหารและเครื่องดื่มบนโต๊ะหนึ่งร้อยยี่สิบตัว เป็นของพวกเขาทหารผ่านศึกกินไม่หมดก็รีบกลับไปนอน เหลืออาหารบนโต๊ะขนาดใหญ่พวกเขาและชาวบ้านก็เหมือนกัน ไปที่โต๊ะข้าง ๆ กินและหยิบอาหารทหารแคว้นเยี่ยนบางคนเปิดถุงใสที่คลุมโต๊ะออก งานเลี้ยงที่เต็มไปด้วยสีสัน กลิ่น และรสชาติก็ปรากฏแก่สายตาหมูหันย่างตัวนั้น พวกเขาหยิบหนังกรอบมากินชิ้นหนึ่งเคี้ยวจนเสียงกรอบดังออกมา...
เพียงพอที่จะทำให้ชั่วชีวิตไม่ต้องกังวลเรื่องเสื้อผ้าและอาหาร ทั้งยังสามารถนำพาให้ครอบครัวไปสู่ความมั่งคั่งได้ด้วยหากพวกเขาลังเล ก็คงเป็นแค่คนโง่เง่าเท่านั้นทุกคนคุกเข่าลง พลางกล่าวกับเฉินขุยอย่างพร้อมเพรียงกันว่า “พวกข้าน้อยยินดีเข้าร่วมกับกองทัพตระกูลจ้าน แม้เป็นตายก็ไม่กลัวขอรับ!”“ท่านแม่ทัพใหญ่ให้พวกข้าน้อยทำอันใด พวกเราก็จะทำทั้งนั้น!”“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พวกเราคือทหารภายใต้ธงของกองทัพตระกูลจ้าน!”เฉินขุยพึงพออย่างยิ่งกับท่าทีของเหล่าเชลยศึกมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่กำลังลังเลตอนที่กลับมาพวกเขาก็ไม่ให้ความร่วมมือ คุมตัวกลับมาต่างก็ต้องผลักดันให้กลับพอถามจึงได้รู้ว่าเป็นองครักษ์คนสนิทของแม่ทัพผู้เฒ่าถึงกระนั้น เฉินขุยก็ไม่ได้ฝืนใจพวกเขา ให้ทหารแคว้นเยี่ยนคนอื่น ๆ นำตัวมาที่ด้านหน้าของโอ่งน้ำเมื่อพวกเขามองเห็นโอ่งน้ำเป็นแถวเป็นแนว ก็สงสัยในตัวเองเป็นอย่างแรกในตอนแรกค่อนข้างดื้อดึงดีทีเดียวทว่าเมื่อมองเห็นคนอื่นดื่มน้ำ ก็ไม่ใส่ใจศักดิ์ศรีและก้มศีรษะลงเพื่อดื่มน้ำด้วยคำพูดของเฉินขุยเมื่อครู่นี้ ทำให้เชลยศึกทั้งหมดของกองทัพแคว้นเยี่ยนคลายความสงสัย และสมัตรใจเ
ทหารชั้นผู้น้อยคนนี้ผอมแห้ง อีกทั้งยังอยู่ในวัยผู้ใหญ่ ทว่าเตี้ยกว่าคนอื่น ๆ หนึ่งช่วงหัวเป็นผู้ที่มีชีวิตยากลำบากคนหนึ่งเฉินขุยให้ทหารพยุงเขาขึ้นมาเมื่อเขามองไปก็เห็นเหล่าทหารจำนวนมาก ดื่มน้ำไปถอดทอนใจไปมีบางคนที่ได้กลิ่นหอมของเนื้อ ทว่าเมื่อคิดถึงจุบจบว่าอาจจะถูกฝังทั้งเป็นหรือถูกทำงานหนักจนตายพวกเขาแต่ละคนก็ไร้ชีวิตชีวาแม้ว่าจะดื่มน้ำจนพอแล้ว แต่จุดจบของเชลยศึกล้วนไม่ค่อยดีนักเมื่อสองพันกว่าปีก่อน จุดจบของเชลยศึกจะต้องตกไปเป็นทาสทาสจำนวนมากมักจะถูกสังหารเพื่อใช้เป็นเครื่องสังเวยตั้งแต่อายุยังน้อยจุดจบของพวกเขา คงจะหนีไม่พ้นการถูกสังหารเพื่อนำไปเป็นเครื่องบูชายัญ!อย่างไรก็ตาม เฉินขุยเคยอ่านหนังสือที่มาจากยุคปัจจุบันมาหลายเล่ม คนในยุคปัจจุบันนั้นเท่าเทียมกัน ทว่าที่ต้าฉี่ยังไม่สามารถกระทำได้ในช่วงเวลาอันสั้นแต่การเห็นผู้อื่นเป็นมนุษย์นั้น จะไม่สามารถปฏิบัติต่อผู้อื่นเป็นเหมือนทาสได้อีกท่านแม่ทัพใหญ่เคยพูดไว้ด้วยว่า เขาจะหาวิธียกเลิกการสังหารทาสเพื่อมาเป็นเครื่องบูชายัญดังนั้นเขาจึงหยิบลำโพงประกาศเสียงขนาดใหญ่ แล้วพูดกับเชลยศึกด้วยเสียงอันเปี่ยมพลังว่า“ตาม
ทหารผ่านศึกหลายคนอาศัยอยู่ในห้องเดียวกัน บนหลังคาติดตั้งแผงไฟโซลาร์เซลล์ มีหน้าต่างกระจก จุดตะเกียง และพัดลมเพดาน…เมื่อเข้ามาข้างในไม่ร้อนอบอ้าวเลยแม้แต่น้อย นอกจากจะเปิดหน้าต่างเพื่อระบายอากาศแล้ว ยังมีพัดลมเพดานที่สามารถพัดได้ด้วยเตียงของพวกเขาล้วนแต่ทำมาจากโครงเหล็กเสื่อของพวกเขา สานมาจากไม้ไผ่อีกทั้งแต่ละคนต่างก็มีแก้วน้ำที่ทำมาจากเหล็กผ้าขนหนูหนึ่งผืน กะละมังเคลือบเซรามิกหนึ่งใบ แก้วน้ำพลาสติกหนึ่งใบ ที่ภายในใส่แปรงสีฟันและยาสีฟันเอาไว้เฉียนเซียงตัวหยิบยาสีฟันและแปรงสีฟันขึ้นมา แล้วถามมั่วฝานด้วยความสงสัย“สหายมั่ว สิ่งนี้คืออันใดกัน?”มั่วฝานหัวเราะพลางหยิบแท็บเล็ตขึ้นมา แล้วเล่นโฆษณายาสีฟันชิ้นหนึ่งในจอภาพนั้น สตรีงดงามนางหนึ่งกำลังบีบยาสีฟัน หลังจากนั้นก็เป็นฉากแปรงฟันเฉียนเซียงตัวตะลึงจนอ้าปากค้าง สายตาถูกสาวงามดึงดูดไปอย่างสมบูรณ์เขาเดินไปอย่างงุนงง พลางใช้มือสัมผัสไปที่หน้าจอวิดีโอหยุดลงจากนั้นเมื่อแตะเบา ๆ อีกครั้ง วิดีโอก็เล่นต่อเขาประหลาดใจถึงขีดสุด “นะ นี่มันคือสิ่งใดกันแน่ ช่างอัศจรรย์เกินไปแล้ว!”“ใส่คนลงไปข้างในได้ด้วยงั้นหรือ?”มั่วฝานเปิ