กองทัพแคว้นฉู่ที่เคยอ้างว่าเป็นกองทัพไร้พ่ายของหัวเซี่ยในเมื่อหลายเดือนก่อน ก็ถูกเผาไปเช่นนี้สุดท้ายก็จบลงอย่างราบคาบ และกลายเป็นแค่เพียงเศษซากกองทัพที่ไม่เคยพ่ายแพ้ได้กลายเป็นแค่ตำนานในประวัติศาสตร์ และไม่เคยมีอยู่จริงอีกต่อไป!*พระอาทิตย์ขึ้นสูง อุณหภูมิก็เริ่มสูงขึ้น!จ้านเฉิงอิ้นนำแม่ทัพสิบคนและเหล่าทหารกลับเข้าเมืองการรบในครั้งนี้เป็นชัยชนะอย่างเด็ดขาด ชาวเมืองทั้งหมดที่ประตูเมืองต่างออกมาต้อนรับอย่างอบอุ่นพวกผู้หญิงทำอาหารอร่อย ๆ ไว้รอ รอเพียงพวกเขาชำระล้างตัวเสร็จ แล้วดื่มฉลองกันให้สนุกพวกผู้ชายที่ช่วยกันทำความสะอาดสนามรบได้รับน้ำและโจ๊กเหลว พวกเขาก็อดมาทั้งคืน ต้องหาของกินรองท้องก่อนพวกเด็กชาย เด็กหญิง และคนชราที่เฝ้ากำแพงเมืองทั้งคืน ต่างก็ไปพักผ่อนแล้ว!ทุกคนมีความสุขกันมากเพราะพวกเขาทำลายค่ายของกองทัพแคว้นฉู่และกองทัพแคว้นฉีได้ทั้งสองแคว้นไม่มีกำลังทหารพอที่จะต่อต้านด่านเจิ้นกวนได้อีกในที่สุด ก็เหลือเพียงเผ่าหมานฝ่ายเดียวเหมือนต้นไม้ต้นเดียวยากที่จะพยุงเพียงแค่คืนเดียว ดาบแหลมคมที่แขวนอยู่เหนือหัว ก็ถูกดึงออกมาอย่างง่ายดาย!เฉินขุยถือขวดเบียร์ ดื่มห
หลัวซู่จะบุกโจมตีในคืนนี้?พวกกองทัพเผ่าหมานที่เหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางอย่างต่อเนื่องหลายวัน ไม่ต้องการพักผ่อนบ้างหรืออย่างไร?จ้านเฉิงอิ้นกล่าวต่อ “หลัวซู่เป็นคนหยิ่งทะนงในตัวเองอย่างยิ่ง เมื่อเขาโกรธเกรี้ยว เรื่องความเหนื่อยล้าของทหาร...เขาไม่สนใจ!”“เขาจะบุกโจมตีในยามค่ำคืน หวังจะเอาชีวิตข้าให้ได้!”“และพวกทหารแคว้นฉู่กับทหารแคว้นฉีที่หลบหนีไปก่อนหน้านี้ จะเข้าร่วมกองทัพในการบุกครั้งนี้ด้วย”“หากนับรวมแล้ว กองกำลังศัตรูอาจมีถึงสองแสนเจ็ดหมื่น ถึงสามแสนคน!”“กำลังพลมหาศาลเช่นนี้ สำหรับกองทัพตระกูลจ้าน ยังคงเป็นกองกำลังที่พร้อมบดขยี้!”“วันนี้ ให้พวกเด็ก ๆ ผู้หญิงและคนชราที่ฝึกธนูทดกำลัง เข้านอนตั้งแต่หัวค่ำ ได้พักผ่อนให้เต็มที่”“ก่อนพลบค่ำให้ทุกคนรวมตัวกัน สวมชุดเกราะกันกระสุน พกธนูทดกำลัง และมารวมตัวกันที่ประตูเมือง!”“ช่วงค่ำ ให้เหล่าชายฉกรรจ์เฝ้าเมืองไว้ ส่วนทหารที่เฝ้าประตูให้รีบกินข้าว เสร็จแล้วก็รีบพักผ่อนแต่เนิ่น ๆ!”เหล่าทหารพร้อมใจกันขานรับ “ขอรับ ท่านแม่ทัพ!”เถียนฉินวิ่งเข้ามา “ท่านแม่ทัพ พวกทหารนำหูของศัตรูมาแลก...”“พวกเขาอยากแลกข้าวสารและแป้งสาลีหรือ?”“ไ
เย่มู่มู่รู้สึกจริง ๆ ว่า จ้านเฉิงอิ้นช่างแข็งแกร่งและน่าเกรงขาม!แต่จ้านเฉิงอิ้นกลับตอบกลับด้วยความอ่อนน้อมว่า “ท่านเทพ หากไม่มีอาวุธและอุปกรณ์ที่ท่านประทานให้ พวกเราย่อมไม่อาจชนะศึกโจมตีในยามค่ำคืนนี้ได้ ท่านคือผู้ที่สมควรได้รับเกียรติสูงสุด!”เขาถึงกับมอบความดีความชอบให้กับเย่มู่มู่!เย่มู่มู่กล่าวตอบ “อีกยี่สิบนาที ข้าจะส่งรถบรรทุกสามคันไปให้!”“เจ้าหาคนเรียนขับรถไว้ ข้าเห็นในวิดีโอว่าพื้นที่แถวนั้นส่วนใหญ่เป็นที่ราบ ความจริงจะขับเป็นหรือไม่ก็ไม่สำคัญ แต่จำไว้ อย่าขับในเมือง เพราะอาจชนคนเข้าได้!”“เมื่อถึงเวลาออกรบ ค่อยใช้รถบรรทุกพุ่งชนศัตรู แต่อย่าขับจนพลิกคว่ำเชียว!”เธอกลัวว่าศัตรูจะเจาะถังน้ำมัน จึงใช้แผ่นเหล็กหนาป้องกันไว้“ข้าจะสั่งของใช้จำเป็นมาเพิ่ม ช่วงบ่ายน่าจะส่งถึง!”“ขอบคุณท่านเทพที่ประทานสิ่งของมาให้!”จ้านเฉิงอิ้นหยิบแจกันขึ้นมา สวมชุดยาวสีขาวงาช้างขึ้นไปบนหลังม้า ก่อนควบม้ามุ่งหน้าไปยังลานว่างใต้กำแพงประตูเมืองตะวันออกซ่งตั๋วที่ยังไม่ได้พักผ่อน เห็นจ้านเฉิงอิ้นมาก็รู้สึกประหลาดใจ“ท่านแม่ทัพ ท่านไม่ไปพักผ่อนที่จวนแม่ทัพหรือ?”จ้านเฉิงอิ้นส่ายหน้า “ข้าจะ
หลังจากที่เย่มู่มู่ส่งรถกลับไปแล้ว เธอก็ได้รับสายจากเถ้าแก่หลิน เจ้าของร้านขายธนูทดกำลัง“คุณหนูเย่ ต้องขออภัยเป็นอย่างสูงครับ ผมไม่สามารถดำเนินการตามคำสั่งซื้อของท่านได้”“ช่วงนี้การควบคุมเข้มงวดมาก พวกเขาได้ยินว่าต้องการปืนล่าสัตว์หนึ่งหมื่นกระบอก ก็ไม่ยอมทำการค้าด้วยแล้ว ทั้งยังเตือนผมว่าให้ระวังตัว อย่าให้เป็นเป้าสายตาจากเบื้องบน”“แต่ท่านวางใจได้ ผมจะใช้เส้นสายที่มี ซื้อปืนจากสิบสองร้าน ร้านละสิบกระบอก รวมเป็นหนึ่งร้อยยี่สิบกระบอก!”หนึ่งร้อยยี่สิบกระบอก... จำนวนนี้ยังน้อยเกินไป!แต่ในตอนนี้ก็ต้องใช้เท่าที่มีไปก่อน“ได้ค่ะ ขอบคุณเถ้าแก่หลินมาก อย่าลืมส่งกระสุนมาเพิ่มด้วยนะคะ!”“ผมจะจัดกระสุนให้หนึ่งพันนัดต่อปืนหนึ่งกระบอก เพียงพอต่อการใช้งานแน่นอนครับ!”หนึ่งหมื่นกว่านัด!ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ ทว่าเธอก็กลัวการถูกจับตามอง เลยต้องหยุดไว้เพียงเท่านี้!หลังจากจัดการธุระเสร็จแล้ว เธอจึงเดินทางลงเขาไปดูห้องรักษาความปลอดภัยที่พี่ซุนและภรรยากำลังควบคุมงานก่อสร้างห้องรักษาความปลอดภัยวางรากฐานเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทีมก่อสร้างได้เรียกระดมหนุ่มสาวในหมู่บ้านที่ว่างงานมารวมตัวกัน
ระหว่างนั้น เย่มู่มู่ได้รับสายจากโรงงานผลิตเสื้อเกราะกันกระสุนเจ้าของโรงงานแจ้งว่า เสื้อเกราะกันกระสุนใกล้จะจัดส่งแล้วเธอขับรถกระบะบรรทุกหนักไปยังโกดังเก็บของชานเมือง เปิดประตูม้วนขึ้น และรออยู่ที่นั่นไม่นานนัก เจ้าของโรงงานพาคนขับรถ ขับรถบรรทุกขนาดเล็กบรรทุกเสื้อเกราะกันกระสุนแบบเต็มตัวจำนวนหนึ่งพันชุดมาส่งที่โกดังเก็บของเพราะเย่มู่มู่เป็นลูกค้ารายแรก เจ้าของโรงงานจึงมาลงมือขนของด้วยตนเอง พร้อมสาธิตคุณสมบัติกันไฟ กันน้ำของเสื้อเกราะกันกระสุนให้ดู...เจ้าของโรงงานเป็นคนใจกล้า เขาราดน้ำมันเบนซินลงบนเสื้อเกราะกันกระสุน จากนั้นโยนออกไปที่ลานหน้าโกดังเก็บของ แล้วจุดไฟเผา...เปลวไฟลุกโชนทันที แต่เสื้อเกราะกลับไม่ไหม้กลายเป็นเถ้าถ่านไฟเผาเพียงน้ำมันที่อยู่บนเสื้อเท่านั้น!เย่มู่มู่หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาบันทึกภาพไว้หลังจากน้ำมันไหม้หมดแล้ว เจ้าของโรงงานสวมถุงมือ หยิบเสื้อเกราะขึ้นมา สะบัด ๆ...คราบเขม่าที่ติดอยู่ก็ตกลงไปเสื้อเกราะกลับมาดูเหมือนใหม่ ทำให้เย่มู่มู่ประหลาดใจมากเจ้าของโรงงานหยิบขวดน้ำแร่ขึ้นมา แล้วให้เย่มู่มู่จับมุมเสื้อเกราะแล้วขึงไว้ จากนั้นก็เทน้ำ
เวลาบ่ายสี่โมง จ้านเฉิงอิ้นได้ยินเสียงเคลื่อนไหว เขามองไปในกระโจม พบวัตถุทรงกระบอกสีดำปรากฏขึ้นมีป้ายห้อยระบุว่า “ปืนล่าสัตว์”ทุกกระบอกบรรจุอยู่ในกล่องไม้สีดำ ปูด้วยฟองน้ำสีดำ บรรจุหีบห่อดูหรูหรา ราคาย่อมแพงไม่ใช่น้อยที่มุมกระโจมยังมีกล่องวัตถุกว่าหนึ่งร้อยใบวางซ้อนกันเมื่อจ้านเฉิงอิ้นเปิดดู พบว่าข้างในบรรจุกระสุนปรายที่ทำจากเหล็กเขาไม่รู้ว่าปืนล่าสัตว์นี้ใช้ประโยชน์อย่างไร แต่เพียงแค่สัมผัสก็รู้ว่าสิ่งนี้ทรงพลังยิ่งนักตัวปืนหนัก หล่อขึ้นจากเหล็กกล้าสีดำทั้งกระบอกจากนั้น ชุดเกราะกันกระสุนจำนวนหนึ่งพันชุดร่วงลงมาจากฟ้าเกราะกันกระสุนชุดนี้แตกต่างจากชุดก่อนที่ได้รับมา วัสดุดูแข็งแรงทนทานกว่าเดิมจ้านเฉิงอิ้นดึงกริชออกมากรีดลงบนเกราะกันกระสุน แต่เกราะไม่ปรากฏรอยขีดข่วนแม้แต่น้อยเขาจ้องมองด้วยความตะลึงมีดไม่สามารถบาดเกราะได้เลย!เกราะกันกระสุนชุดที่สองเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงเสื้อกั๊กธรรมดาเช่นครั้งก่อน ระดับการป้องกันสูงมาก ครั้งก่อนส่วนแขนและขายังสามารถถูกฟันถูกบาดได้แต่เกราะกันกระสุนที่ส่งมาครั้งนี้เป็นเกราะที่ครอบคลุมทั้งร่างกาย สามารถป้องกันส่วนแขนขาได้อีกด้ว
กระสุนนั้นยิงเข้าเป้า แต่กลับไม่ทิ้งร่องรอยใดไว้เลย“นี่มันปาฏิหาริย์ชัด ๆ!”“ชุดเกราะนี้มีระดับการป้องกันที่สูงกว่าชุดก่อน ๆ มันทำได้อย่างไร?”เหอหงหยิบปืนล่าสัตว์ออกมาวางบนโต๊ะ ปืนยาวหนึ่งหมี่ สร้างจากเหล็กกล้า น้ำหนักหลายกิโลกรัมนี่คืออาวุธที่หนักและทรงพลังยิ่ง“นี่คือสิ่งที่ใช้ยิงใส่เกราะกันกระสุนหรือ? ท่านแม่ทัพ ข้าอยากลองใช้ปืนล่าสัตว์ดู!”จ้านเฉิงอิ้นเปิดวิดีโอสอนการใช้งานปืนล่าสัตว์ให้ทุกคนชมวิดีโอแรกแสดงภาพปืนล่าสัตว์ที่ใช้ยิงสัตว์ร้ายเพียงกระสุนนัดเดียว หมีขนาดหลายร้อยชั่งล้มลงไปดิ้นเพียงไม่กี่ครั้งก็สิ้นใจตายวิดีโอที่สอง เป็นการยิงกระสุนนัดเดียวเข้าที่ศีรษะหมูป่าขนาดสองสามร้อยชั่ง มันล้มลงกับพื้นและไม่ลุกขึ้นอีกวิดีโอแสดงภาพการล่าสัตว์ในแอฟริกาจำนวนมากไม่ว่าจะเป็นช้างที่สูงใหญ่เหมือนขุนเขา หรือสิงโตตัวผู้ที่ทรงพลัง… ล้วนถูกล้มด้วยกระสุนนัดเดียว!ทุกคนจ้องมองหน้าจอด้วยความตะลึงปืนล่าสัตว์ในวิดีโอทรงพลังมากช้างที่สูงใหญ่ราวภูเขา เมื่อโดนยิงเข้าที่ศีรษะ ก็ล้มลงและไม่ลุกขึ้นมาอีกเลยหมีดำตัวใหญ่ที่พวกเขาเคยล่าก่อนหน้านี้ เพียงตัวเดียวมันสังหารมนุษย์นับสิ
เจียงหยวนมองจ้านเฉิงอิ้นด้วยขอบตาแดงแม้เขาจะเป็นหน่วยกล้าตายของรัฐทายาทอยู่ในด่านเจิ้นกวนมานานเพียงนี้ เขาก็เกิดความผูกพันอันลึกซึ้งต่อท่านแม่ทัพและทหารทั้งหลายพวกเขามิได้ปฏิบัติต่อเขาดังเช่นข้าทาสแต่เห็นเขาเป็นคนที่ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กัน เป็นสหายร่วมรบที่มีฐานะความเป็นมนุษย์เท่าเทียมกันเจียงหยวนชอบความรู้สึกชนิดนี้เป็นอย่างมากอยู่ที่นี่ไม่มีการกลั่นแกล้งกดดัน ไม่มีการลงทัณฑ์ลงโทษ ไม่มีวรยุทธ์ที่ฝึกไม่มีวันจบ ไม่มีภารกิจที่ทำเท่าไหร่ก็ไม่หมดเดิม เขาเป็นหน่วยกล้าตายของไทเฮาเป็นรัฐทายาทน้อยของตัวเขามาจากไทเฮาในชีวิตอันมืดมิดของเขา การเดินทางมาด่านเจิ้นกวน ทำให้ได้เห็นทิวทัศน์ที่แตกต่างออกไปเขาตัดใจจากไปไม่ได้ตัดใจจากท่านแม่ทัพ ตัดใจจากเหล่าทหารไม่ได้!ขอบตาของเจียวหยวนแดงระเรื่อ พูดเสียงเครือว่า “ท่านแม่ทัพ ข้าขอรั้งอยู่ที่นี่ได้หรือไม่? ก่อนเปิดศึกในคืนนี้ ข้าจะต้องสอนพวกเขาให้ขับรถเป็น จนส่งครอบครัวของเหล่าทหารออกไปได้สำเร็จแน่ขอรับ!”จ้านเฉิงอิ้นตบไหล่ของเขา “หากพวกเราล้มเหลวในการรบ เจ้าก็จงจากไปพร้อมกับมั่วฝานและจวงเหลียงเสีย!”นับตั้งแต่แคว้นต้าฉี่สถาปนา
“ก่อนหน้านี้เจ้าหมอนี่ชอบไปเที่ยวที่หอโคมเขียวบ่อย ๆ ไม่ใช่หรือ? ทำไมยังหน้าแดงอีกเล่า?”หลูซีมองหญิงสาวที่สวมกระโปรงสั้น เผยให้เห็นต้นขาขาวผ่องออกมา เขากล่าวอย่างกระวนกระวายว่า “ท่านเทพ ที่ต้าฉี่ไม่มีผู้ใดใส่เสื้อผ้าเช่นนี้ แม้จะเป็นขอทานก็ปิดมิดชิดทุกส่วน!”เย่มู่มู่ตอบกลับ “นั่นถือว่ายังมีจรรยาบรรณทางวิชาชีพทีเดียว”“แม้ท่านรัฐทายาทจะเป็นลูกผู้ดีมีเงิน ไปค้างคืนที่หอโคมเขียวบ่อย ๆ แต่เขาก็ไม่เคยค้างคืนกับหญิงสาวที่หอโคมเขียว...”“ฉะนั้น นี่เขายังซิงอยู่หรือ?”หลูซีไม่เข้าใจอะไรที่เรียกว่าซิง เขาเอียงศีรษะน้อย ๆ พลางครุ่นคิดแล่วเอ่ยขึ้นว่า “อืม เขาบอกว่าผู้หญิงที่หอโคมเขียวเองก็ไม่ง่าย หากเขาค้างคืนด้วย แล้วรู้ว่านี่คือคนของเขา ก็จะไม่มีขุนนางชั้นสูงและคนตระกูลชั้นสูงผู้อื่นมาซื้อ และอาจมารังแกพวกนางได้!”เย่มู่มู่อดไม่ได้ที่จะมองรัฐทายาทน้อยตรง ๆ “นับว่าเขาเป็นคนดีทีเดียว!”“แน่นอนอยู่แล้วขอรับ...เขาเองก็ปฏิบัติกับหน่วยกล้าตายไม่เลวเช่นกัน!”ทันใดนั้น หลูซีก็ยืนตัวตรงพร้อมกำดาบเหิงเตาราชวงศ์ถังในมือแน่นสีหน้าเคร่งเครียด เขาแหงนหน้าขึ้นไป สายตาของนัยน์ตาดำขลับมองไปยังที่ที่
“ทุกท่าน เพื่อให้อนาคตมีอาวุธที่หลอมจากเหล็กใช้ไม่ขาดมือ ต้องชิงที่แห่งนี้มาให้ได้!”“ข้าคิดจะชิงตัดแหล่งที่มาของอาวุธพวกเขา ก่อนจะโจมตีกองทัพธงเหลือง”“ต้องส่งคนกลุ่มหนึ่งไปเฝ้าติดตามทางนั้นก่อน หานายทหารที่ไหวพริบดี ชำนาญการซ่อนตัวไปไปบางส่วน”“ให้ซุนเฮ่อหาชาวบ้านที่เคยขุดเหมืองมาสักสองสามคน ขับรถไปพร้อมกัน เตรียมเสบียงอาหารให้เยอะขึ้นอีกหน่อย!”เหล่านายทหารได้ยินดังนั้น นี่คือภูเขาเหมืองแร่เหล็กที่กลั่นเหล็กกล้าเลยนะหัวเซี่ยผืนแผ่นดินใหญ่ มีกองทหารของแว่นแคว้นมากมาย ทว่ายังใช้อาวุธทองสัมฤทธิ์อยู่หากเอาภูเขาเหมืองแร่หินมาได้ ก็เท่ากับแหล่งที่มาของอาวุธที่มีให้ใช้ไม่ขาดมือต้องชิงที่นี่มาให้ได้จ้าวเฉียน สวีจื่อหลิง เฉินเซียนซง จางเฉา หลัวอวี๋...ต่างคุกเข่าลงในทันใดอยากจะขอคำสั่งบุกแม้อยู่ด้วยกันมาก็ช่วงหนึ่งแล้ว ทว่าอันที่จริงจ้านเฉิงอิ้นก็ไม่ได้เข้าใจนิสัยของบรรดาผู้นำทัพเยี่ยนมากมายนักเขามองไปที่เซี่ยเวย “แม่ทัพเซี่ยคิดว่าจะส่งผู้ใดล่วงหน้าไป?”เซี่ยเวยตอบ “ท่านแม่ทัพ ระเบิดโรงงานดินปืน ให้จางเฉานำคนไปเถิด เขาคุ้นเคยกับการสู้รบตอนกลางคืน หากเป็นตอนกลางคืนอัตราความส
จ้านเฉิงอิ้นไม่ได้พูดตอบใด ๆเปลี่ยนไปจิตใจดีอะไรกัน เพียงแต่นึกไปถึงว่าหากต้าฉี่ต้องล่มสลาย เลยจะดึงเขามาเป็นพวกล่วงหน้าเท่านั้นหากมีไทเฮาคอยดูแลท่านแม่และบ้านน้องรองอยู่ในวัง เขาก็จะได้เบาใจไปสองสามส่วนจ้านเฉิงอิ้นกล่าวกับจวงเหลียงว่า “เจ้าเผยข่าวเรื่องที่ข้าถูกลอบโจมตี และได้รับบาดเจ็บหนักให้ไทเฮาทรงทราบเสีย”“แจ้งลงไป พักอยู่ที่ช่องเขาเป้าเสียสามวัน จนกว่าท่านเทพจะนำวัตุระเบิดมาไว้ในที่ว่างเปล่า แล้วค่อยออกเดินทาง”“ขอรับ ท่านแม่ทัพ!”*ตอนบ่ายเย่มู่มู่ไปยังพื้นที่ก่อสร้างท่ามกลางแสงแดดที่แผดเผาเธอเห็นรัฐทายาทน้อยที่เนื้อตัวเปื้อนไปด้วยโคลน กำลังเข็นรถเข็นสามล้อคันน้อยพร้อมออกแรงสุดชีวิตภายในรถเข็นคันน้อยใส่หินเอาไว้เต็มคันรถเขากำลังเข็นไปยังใต้กำแพงทั้งเหงื่อท่วมหัว จากนั้นก็ย้ายขึ้นไปกองยังชั้นสามทีละก้อน ๆก่อนจะเดินลงมาทั้งขากะเผลกตลอดทั้งทางอีกครั้งส้นเท้าถูกบดจนเลือดออก นิ้วเต็มไปด้วยตุ่มพอง“มั่วฝาน หลูซี...ไป ข้าจะพาพวกเจ้าไปทำซิมการ์ดกับบัตรธนาคาร!”ทั้งสองคนวางงานในมือลง แล้วรีบวิ่งมาทันทีบนใบหน้ามอมแมมไปหมด บนร่างกายเองก็ไม่มีจุดไหนที่สะอาดเช่นกัน
ซ่งอวิ๋นฮุยรีบป้อนยาให้จ้านเฉิงอิ้น รอเขาสงบสติอารมณ์ลงเล็กน้อย ค่อยจับชีพจรต่อเขากล่าวว่า “ท่านแม่ทัพ ต้องห้ามมีอารมณ์พลุ่งพล่านเกินไปเป็นอันขาด มันไม่ดีต่อการฟื้นฟูอาการบาดเจ็บของท่าน!”จ้านเฉิงอิ้นพยักหน้า!ต่อต้านต้องต่อต้าน!ทว่าตอนนี้ต้องจัดการกองทัพธงเหลืองก่อนและต้องพาครอบครัวที่อยู่เมืองหลวงออกมาบัดนี้บิดามารดาของเฉินขุยเฉินอู่...และมารดา พี่ใหญ่ ทั้งครอบครัวพี่รองของเขา...ถูกขังอยู่ในวัง!จวนตระกูลจ้านยังมีท่านย่า น้องชายสี่ น้องหญิงห้า...ต้องพาทุกคนออกมาครอบครัวของนายทหารส่วนใหญ่ล้วนอยู่ที่เมืองหลวง ต้องลอบย้ายคนออกมาอย่างลับ ๆจ้านเฉิงอิ้นมองไปที่เฉินขุย เฉินอู่ เฉินจวิ้นหลินและซ่งตั๋ว...“เฉินขุย เฉินอู่ พวกเจ้าไปถามพวกทหารผ่านศึกว่า ผู้ใดยังมีครอบครัวอยู่ที่เมืองหลวงอีกบ้าง และทำบันทึกเอาไว้”“นายทหารที่ตายไปเหล่านั้นหากมีครอบครัวอยู่ที่เมืองหลวง ก็อย่าให้ตกหล่นเป็นอันขาด”“เฉินจวิ้นหลิน เจ้านำกองกำลังกองหนึ่งล่วงหน้าเข้าเมือง โยกย้ายครอบครัวออกมาจากเมืองหลวงอย่างลับ ๆ ก่อน ไม่จำเป็นต้องโยกย้ายจำนวนมาก นำคนออกจากเมืองชุดหนึ่งทุก ๆ สองสามวัน กระทั่งจะ
หลังจากกลุ่มคนจากไป จวงเหลียงก็หยิบพระราชโองการลับของไทเฮาออกมาไทเฮาทรงเขียนถึงมั่วฝาน เพียงแต่เขาไม่อยู่ จวงเหลียงจึงเปิดพระราชโองการออกด้านบนเขียนไว้ว่า แคว้นฉู่ แคว้นฉี แคว้นเยี่ยน เผ่าหมาน... ล้วนส่งสาส์นตราแผ่นดินมายังฮ่องเต้แคว้นต้าฉี่พวกเขามีเจตนาที่จะผูกมิตรไมตรีกับแคว้นต้าฉี่ยินดีลงนามในข้อตกลงหยุดสงครามเป็นเวลาห้าสิบปีพวกเขายินดีที่จะยกเมืองบางเมืองให้ เผ่าหมานส่งวัวและแกะมาถวาย...ข้อเรียกร้องเพียงข้อเดียวของข้อตกลงหยุดสงคราม เนื่องมาจากจ้านเฉิงอิ้นสังหารทหารของพวกเขาไปมากมายในเมื่อลงนามในข้อตกลงหยุดสงครามแล้ว จ้านเฉิงอิ้นก็ไร้ประโยชน์พวกเขาเรียกร้องให้ฮ่องเต้น้อยสังหารจ้านเฉิงอิ้นแล้วค่อยลงนามในข้อตกลงจ้านเฉิงอิ้นเห็นจดหมายลับฉบับนี้ โทสะก็ลุกโชน เส้นเลือดที่หลังมือปูดโปนเขาเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเพื่อแคว้นต้าฉี่กองทัพตระกูลจ้านสองแสนนายของเขา บาดเจ็บล้มตายนับไม่ถ้วน เหลือไม่ถึงสองหมื่นนายฮ่องเต้น้อยไม่เพียงแต่ไม่เลื่อนบรรดาศักดิ์ให้เขาผู้มีคุณูปการใหญ่หลวงแต่ยังแสดงเจตนาสังหารอย่างชัดเจน!ในจดหมายลับ ไทเฮากล่าวถึงฮ่องเต้น้อยทรงสนพระทัยการเจรจาสันติภ
ซุนหลินก็เข้ามาในกระโจมด้วย รีบคุกเข่าลงข้าง ๆ ซุนเฮ่อ“ท่านแม่ทัพ ท่านลุงสามรู้สถานที่ตั้งของเหมืองแร่เหล็กจริง ๆ ขอท่านให้โอกาสเขา เขาเพียงแค่ถูกกองทัพธงเหลืองล้างสมอง ถึงได้บังอาจซ่อนระเบิดเพื่อระเบิดท่าน!”จ้านเฉิงอิ้นพูดกับซุนเฮ่อ “ลุกขึ้นก่อน!”“ขอบคุณท่านแม่ทัพ”พวกเขาสี่ร้อยคนถูกทิ้งไว้ในกองทัพตระกูลจ้าน มีหน้าที่ต้มโจ๊กให้ทหารโดยเฉพาะได้เห็นว่าทรัพยากรของกองทัพตระกูลจ้านนั้นอุดมสมบูรณ์เพียงใดได้รู้ว่าน้ำของกองทัพตระกูลจ้าน บรรจุด้วยรถคันใหญ่ มีไม่จำกัด ดื่มได้ไม่อั้นทุกวัน!แค่สองวันนี้ พวกเขาอ้วนขึ้นแล้วแก้มที่ตอบก็มีเนื้อขึ้นมาและตอนต้มโจ๊ก อ้างว่าชิมรสชาติ ใช้ชามเล็กแอบกิน ถูกคนในโรงครัวเห็น ก็ไม่มีใครว่าพวกเขาพวกเขาล้วนอยากอยู่ที่นี่ ไม่อยากกลับไปยังเมืองที่กองทัพธงเหลืองยึดครองอีกแล้วซุนเฮ่อเตรียมตัวมาอย่างดี หยิบแผนที่ที่ซ่อนไว้ออกมาเป็นแผนที่ที่วาดบนหนังวัวที่ตั้งอยู่ในภูเขาลึกทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองหยงโจวท่านเทพส่งเหมืองแร่เหล็กให้เขา หนังสือเหมืองถ่านหินก็ถูกระบุไว้เช่นกันท่านเทพระบุไว้ว่า เหมืองแร่เหล็กหมู่บ้านฮั่นจงโกว...จ้านเฉิงอิ้นหยิ
ในสายตาของนักปราชญ์อย่างจวงเหลียง การแต่งกายเช่นนี้ถือว่าผิดจริยธรรมมันยิ่งกว่าการแต่งตัวของขอทานที่...ขาดรุ่งริ่งเสียอีกทายาทตระกูลมั่วผู้สง่างาม หลานชายแท้ ๆ ของไทเฮา เหตุใดจึงตกต่ำถึงเพียงนี้“ท่านแม่ทัพ ให้รัฐทายาทน้อยกลับมาเถิด!”แต่จ้านเฉิงอิ้นกลับคิดว่ามันเป็นเรื่องดี อย่างน้อยในโลกของท่านเทพ มั่วฝานก็สามารถหางานทำเลี้ยงตัวเองได้อย่างน้อยก็ไม่ต้องให้ท่านเทพเลี้ยงดู และเพิ่มภาระให้ท่านเทพ!“ไม่ต้องหรอก ตอนนี้เขาทำงานได้ ก็ดีแล้ว!”“แต่...”“มั่วฝานสมัครใจเอง หากเขาไม่ต้องการทำงาน ท่านเทพก็คงบังคับเขาไม่ได้”แม้จะพูดเช่นนั้น แต่จวงเหลียงมองดูแล้วก็อดปวดใจไม่ได้เขาอยู่ที่นี่ใช้ชีวิตอย่างไร ทุกวันนั่งอยู่ในรถ เปิดแอร์เย็น ดื่มเครื่องดื่มเย็นกินข้าวสวย มีคนจากจวนรัฐทายาทคอยปรุงอาหารวันละสามมื้อให้เขากินเขาเคยลำบากแบบนี้เมื่อไหร่กันจ้านเฉิงอิ้นเห็นเขายังคงเหม่อลอย จึงถามว่า “เป็นอะไร?”เขาส่งจดหมายลับในมือให้ด้วยมือทั้งสอง“หวังเซิ่งจากกองทัพธงเหลืองส่งข่าวมา พวกเขาเพิ่มกำลังการผลิตระเบิด สถานที่ผลิตระเบิดอยู่ในภูเขาของอวิ๋นโจว ห่างจากเมืองทั้งห้ามาก อยู่ห่างจา
เย่มู่มู่ยังโยนแท็บเล็ตเข้าไปในแจกันด้วยตุ้บ แท็บเล็ตหล่นลงมาจ้านเฉิงอิ้นหยิบขึ้นมา เปิดอัลบั้มรูปในแท็บเล็ตเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยสองคนสวมเสื้อยืดแขนสั้นรูปแบบทันสมัย ร่างกายสกปรกมีจุดปูนซีเมนต์ติดอยู่พวกเขากำลังขนอิฐในพื้นที่ก่อสร้างใหม่โดยเฉพาะมั่วฝาน ที่มองไม่ออกเลยว่าเคยเป็นรัฐทายาทเมืองหลวงเจ้าสำราญมาก่อนมีภาพถ่ายหลายภาพที่แสดงให้เห็นว่า มีคนงานคนหนึ่งส่งบุหรี่ให้มั่วฝาน แต่เขากลับโบกมือปฏิเสธ และยังโค้งคำนับเพื่อขอบคุณอีกด้วยสองหนุ่มน้อยทั้งสุภาพและนอบน้อม อีกทั้งยังหน้าตาดี ทำให้พวกเขาได้รับความชื่นชอบจากเพื่อนร่วมงานในพื้นที่ก่อสร้างเป็นอย่างมากเย่มู่มู่เคาะแจกันเบา ๆ แล้วพูดว่า “เห็นหรือเปล่า?”จ้านเฉิงอิ้นมองมั่วฝานที่ใบหน้าเลอะเทอะไปด้วยคราบสกปรก และอดถามไม่ได้ “นี่มั่วฝานจริง ๆ หรือ?”“ของแท้แน่นอน ไม่ใช่ของปลอม!”“ดีมาก ปล่อยให้เขาอยู่ทางนั้น หาเงินสร้างบ้านต่อไปเถอะ หากเขาอยู่สบายเกินไปเมื่อไร ก็ค่อยส่งเขากลับมา!”เย่มู่มู่ “…”นางรู้สึกเหมือนจะได้ยินน้ำเสียงของจ้านเฉิงอิ้นแฝงความอิจฉาเล็กน้อยนี่มันไม่น่าจะเป็นไปได้ใช่ไหม?การแบกอิฐในพื้นที่ก่อสร้างม
“จริงแท้แน่นอน ข้าน้อยไม่กล้าปิดบัง!”“เจ้าเห็นด้วยตาตัวเองหรือ?”“ขอรับ ท่านแม่ทัพใหญ่เพียงสัมผัสแจกัน จากนั้นแจกันก็พ่นกล่องอาหารออกมา และ...และยัง...”“และอะไร?”“ซ่งอวิ๋นฮุยหมอประจำกองทัพ ดูเหมือนจะไม่ได้แปลกใจ รีบหยิบกล่องอาหารขึ้นมาให้ข้าน้อยสามกล่อง และยังแบ่งอีกยี่สิบกว่ากล่องไปให้แม่ทัพคนอื่นได้ร่วมรับประทานด้วย!”“ท่านแม่ทัพ ตำนานกระถางวิเศษเป็นเรื่องจริง แจกันนี้สามารถพ่นสิ่งของที่ต้องการออกมาได้ตามใจ!”เมื่อทหารผ่านศึกพูดจบ บรรยากาศในกระโจมก็ตกอยู่ในความเงียบงันอย่างประหลาด“แบบนี้ก็หมายความว่า รถและสิ่งของทั้งหมดอาจถูกท่านแม่ทัพเก็บไว้ในกระถางวิเศษ”“ใช่ รถคันใหญ่ขนาดนั้น ในพื้นที่รกร้างแบบนี้ไม่มีทางซ่อนได้แน่!”“แล้วอาหารพวกนี้กินได้หรือเปล่า? ข้าหิวมากแล้ว”ข้าวสิบกล่องพอดีสำหรับแบ่งกันคนละกล่องพอดีเซี่ยเวยเลือกที่จะประหยัดเสบียง โดยหยิบอาหารออกมาเพียงห้ากล่อง และให้ทุกคนเอาชามสเตนเลสของตัวเองออกมาข้าวแต่ละคนได้แบ่งเพียงครึ่งกล่องกับข้าวก็แบ่งกันคนละครึ่งกล่องเช่นกันจ้าวเฉียนเป็นคนแรกที่เริ่มกิน เขาหยิบน่องไก่ชิ้นใหญ่ขึ้นมา และกัดไปหนึ่งคำ รสชาติหอมกรุ