หลัวซู่จะบุกโจมตีในคืนนี้?พวกกองทัพเผ่าหมานที่เหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางอย่างต่อเนื่องหลายวัน ไม่ต้องการพักผ่อนบ้างหรืออย่างไร?จ้านเฉิงอิ้นกล่าวต่อ “หลัวซู่เป็นคนหยิ่งทะนงในตัวเองอย่างยิ่ง เมื่อเขาโกรธเกรี้ยว เรื่องความเหนื่อยล้าของทหาร...เขาไม่สนใจ!”“เขาจะบุกโจมตีในยามค่ำคืน หวังจะเอาชีวิตข้าให้ได้!”“และพวกทหารแคว้นฉู่กับทหารแคว้นฉีที่หลบหนีไปก่อนหน้านี้ จะเข้าร่วมกองทัพในการบุกครั้งนี้ด้วย”“หากนับรวมแล้ว กองกำลังศัตรูอาจมีถึงสองแสนเจ็ดหมื่น ถึงสามแสนคน!”“กำลังพลมหาศาลเช่นนี้ สำหรับกองทัพตระกูลจ้าน ยังคงเป็นกองกำลังที่พร้อมบดขยี้!”“วันนี้ ให้พวกเด็ก ๆ ผู้หญิงและคนชราที่ฝึกธนูทดกำลัง เข้านอนตั้งแต่หัวค่ำ ได้พักผ่อนให้เต็มที่”“ก่อนพลบค่ำให้ทุกคนรวมตัวกัน สวมชุดเกราะกันกระสุน พกธนูทดกำลัง และมารวมตัวกันที่ประตูเมือง!”“ช่วงค่ำ ให้เหล่าชายฉกรรจ์เฝ้าเมืองไว้ ส่วนทหารที่เฝ้าประตูให้รีบกินข้าว เสร็จแล้วก็รีบพักผ่อนแต่เนิ่น ๆ!”เหล่าทหารพร้อมใจกันขานรับ “ขอรับ ท่านแม่ทัพ!”เถียนฉินวิ่งเข้ามา “ท่านแม่ทัพ พวกทหารนำหูของศัตรูมาแลก...”“พวกเขาอยากแลกข้าวสารและแป้งสาลีหรือ?”“ไ
เย่มู่มู่รู้สึกจริง ๆ ว่า จ้านเฉิงอิ้นช่างแข็งแกร่งและน่าเกรงขาม!แต่จ้านเฉิงอิ้นกลับตอบกลับด้วยความอ่อนน้อมว่า “ท่านเทพ หากไม่มีอาวุธและอุปกรณ์ที่ท่านประทานให้ พวกเราย่อมไม่อาจชนะศึกโจมตีในยามค่ำคืนนี้ได้ ท่านคือผู้ที่สมควรได้รับเกียรติสูงสุด!”เขาถึงกับมอบความดีความชอบให้กับเย่มู่มู่!เย่มู่มู่กล่าวตอบ “อีกยี่สิบนาที ข้าจะส่งรถบรรทุกสามคันไปให้!”“เจ้าหาคนเรียนขับรถไว้ ข้าเห็นในวิดีโอว่าพื้นที่แถวนั้นส่วนใหญ่เป็นที่ราบ ความจริงจะขับเป็นหรือไม่ก็ไม่สำคัญ แต่จำไว้ อย่าขับในเมือง เพราะอาจชนคนเข้าได้!”“เมื่อถึงเวลาออกรบ ค่อยใช้รถบรรทุกพุ่งชนศัตรู แต่อย่าขับจนพลิกคว่ำเชียว!”เธอกลัวว่าศัตรูจะเจาะถังน้ำมัน จึงใช้แผ่นเหล็กหนาป้องกันไว้“ข้าจะสั่งของใช้จำเป็นมาเพิ่ม ช่วงบ่ายน่าจะส่งถึง!”“ขอบคุณท่านเทพที่ประทานสิ่งของมาให้!”จ้านเฉิงอิ้นหยิบแจกันขึ้นมา สวมชุดยาวสีขาวงาช้างขึ้นไปบนหลังม้า ก่อนควบม้ามุ่งหน้าไปยังลานว่างใต้กำแพงประตูเมืองตะวันออกซ่งตั๋วที่ยังไม่ได้พักผ่อน เห็นจ้านเฉิงอิ้นมาก็รู้สึกประหลาดใจ“ท่านแม่ทัพ ท่านไม่ไปพักผ่อนที่จวนแม่ทัพหรือ?”จ้านเฉิงอิ้นส่ายหน้า “ข้าจะ
หลังจากที่เย่มู่มู่ส่งรถกลับไปแล้ว เธอก็ได้รับสายจากเถ้าแก่หลิน เจ้าของร้านขายธนูทดกำลัง“คุณหนูเย่ ต้องขออภัยเป็นอย่างสูงครับ ผมไม่สามารถดำเนินการตามคำสั่งซื้อของท่านได้”“ช่วงนี้การควบคุมเข้มงวดมาก พวกเขาได้ยินว่าต้องการปืนล่าสัตว์หนึ่งหมื่นกระบอก ก็ไม่ยอมทำการค้าด้วยแล้ว ทั้งยังเตือนผมว่าให้ระวังตัว อย่าให้เป็นเป้าสายตาจากเบื้องบน”“แต่ท่านวางใจได้ ผมจะใช้เส้นสายที่มี ซื้อปืนจากสิบสองร้าน ร้านละสิบกระบอก รวมเป็นหนึ่งร้อยยี่สิบกระบอก!”หนึ่งร้อยยี่สิบกระบอก... จำนวนนี้ยังน้อยเกินไป!แต่ในตอนนี้ก็ต้องใช้เท่าที่มีไปก่อน“ได้ค่ะ ขอบคุณเถ้าแก่หลินมาก อย่าลืมส่งกระสุนมาเพิ่มด้วยนะคะ!”“ผมจะจัดกระสุนให้หนึ่งพันนัดต่อปืนหนึ่งกระบอก เพียงพอต่อการใช้งานแน่นอนครับ!”หนึ่งหมื่นกว่านัด!ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ ทว่าเธอก็กลัวการถูกจับตามอง เลยต้องหยุดไว้เพียงเท่านี้!หลังจากจัดการธุระเสร็จแล้ว เธอจึงเดินทางลงเขาไปดูห้องรักษาความปลอดภัยที่พี่ซุนและภรรยากำลังควบคุมงานก่อสร้างห้องรักษาความปลอดภัยวางรากฐานเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทีมก่อสร้างได้เรียกระดมหนุ่มสาวในหมู่บ้านที่ว่างงานมารวมตัวกัน
ระหว่างนั้น เย่มู่มู่ได้รับสายจากโรงงานผลิตเสื้อเกราะกันกระสุนเจ้าของโรงงานแจ้งว่า เสื้อเกราะกันกระสุนใกล้จะจัดส่งแล้วเธอขับรถกระบะบรรทุกหนักไปยังโกดังเก็บของชานเมือง เปิดประตูม้วนขึ้น และรออยู่ที่นั่นไม่นานนัก เจ้าของโรงงานพาคนขับรถ ขับรถบรรทุกขนาดเล็กบรรทุกเสื้อเกราะกันกระสุนแบบเต็มตัวจำนวนหนึ่งพันชุดมาส่งที่โกดังเก็บของเพราะเย่มู่มู่เป็นลูกค้ารายแรก เจ้าของโรงงานจึงมาลงมือขนของด้วยตนเอง พร้อมสาธิตคุณสมบัติกันไฟ กันน้ำของเสื้อเกราะกันกระสุนให้ดู...เจ้าของโรงงานเป็นคนใจกล้า เขาราดน้ำมันเบนซินลงบนเสื้อเกราะกันกระสุน จากนั้นโยนออกไปที่ลานหน้าโกดังเก็บของ แล้วจุดไฟเผา...เปลวไฟลุกโชนทันที แต่เสื้อเกราะกลับไม่ไหม้กลายเป็นเถ้าถ่านไฟเผาเพียงน้ำมันที่อยู่บนเสื้อเท่านั้น!เย่มู่มู่หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาบันทึกภาพไว้หลังจากน้ำมันไหม้หมดแล้ว เจ้าของโรงงานสวมถุงมือ หยิบเสื้อเกราะขึ้นมา สะบัด ๆ...คราบเขม่าที่ติดอยู่ก็ตกลงไปเสื้อเกราะกลับมาดูเหมือนใหม่ ทำให้เย่มู่มู่ประหลาดใจมากเจ้าของโรงงานหยิบขวดน้ำแร่ขึ้นมา แล้วให้เย่มู่มู่จับมุมเสื้อเกราะแล้วขึงไว้ จากนั้นก็เทน้ำ
เวลาบ่ายสี่โมง จ้านเฉิงอิ้นได้ยินเสียงเคลื่อนไหว เขามองไปในกระโจม พบวัตถุทรงกระบอกสีดำปรากฏขึ้นมีป้ายห้อยระบุว่า “ปืนล่าสัตว์”ทุกกระบอกบรรจุอยู่ในกล่องไม้สีดำ ปูด้วยฟองน้ำสีดำ บรรจุหีบห่อดูหรูหรา ราคาย่อมแพงไม่ใช่น้อยที่มุมกระโจมยังมีกล่องวัตถุกว่าหนึ่งร้อยใบวางซ้อนกันเมื่อจ้านเฉิงอิ้นเปิดดู พบว่าข้างในบรรจุกระสุนปรายที่ทำจากเหล็กเขาไม่รู้ว่าปืนล่าสัตว์นี้ใช้ประโยชน์อย่างไร แต่เพียงแค่สัมผัสก็รู้ว่าสิ่งนี้ทรงพลังยิ่งนักตัวปืนหนัก หล่อขึ้นจากเหล็กกล้าสีดำทั้งกระบอกจากนั้น ชุดเกราะกันกระสุนจำนวนหนึ่งพันชุดร่วงลงมาจากฟ้าเกราะกันกระสุนชุดนี้แตกต่างจากชุดก่อนที่ได้รับมา วัสดุดูแข็งแรงทนทานกว่าเดิมจ้านเฉิงอิ้นดึงกริชออกมากรีดลงบนเกราะกันกระสุน แต่เกราะไม่ปรากฏรอยขีดข่วนแม้แต่น้อยเขาจ้องมองด้วยความตะลึงมีดไม่สามารถบาดเกราะได้เลย!เกราะกันกระสุนชุดที่สองเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงเสื้อกั๊กธรรมดาเช่นครั้งก่อน ระดับการป้องกันสูงมาก ครั้งก่อนส่วนแขนและขายังสามารถถูกฟันถูกบาดได้แต่เกราะกันกระสุนที่ส่งมาครั้งนี้เป็นเกราะที่ครอบคลุมทั้งร่างกาย สามารถป้องกันส่วนแขนขาได้อีกด้ว
กระสุนนั้นยิงเข้าเป้า แต่กลับไม่ทิ้งร่องรอยใดไว้เลย“นี่มันปาฏิหาริย์ชัด ๆ!”“ชุดเกราะนี้มีระดับการป้องกันที่สูงกว่าชุดก่อน ๆ มันทำได้อย่างไร?”เหอหงหยิบปืนล่าสัตว์ออกมาวางบนโต๊ะ ปืนยาวหนึ่งหมี่ สร้างจากเหล็กกล้า น้ำหนักหลายกิโลกรัมนี่คืออาวุธที่หนักและทรงพลังยิ่ง“นี่คือสิ่งที่ใช้ยิงใส่เกราะกันกระสุนหรือ? ท่านแม่ทัพ ข้าอยากลองใช้ปืนล่าสัตว์ดู!”จ้านเฉิงอิ้นเปิดวิดีโอสอนการใช้งานปืนล่าสัตว์ให้ทุกคนชมวิดีโอแรกแสดงภาพปืนล่าสัตว์ที่ใช้ยิงสัตว์ร้ายเพียงกระสุนนัดเดียว หมีขนาดหลายร้อยชั่งล้มลงไปดิ้นเพียงไม่กี่ครั้งก็สิ้นใจตายวิดีโอที่สอง เป็นการยิงกระสุนนัดเดียวเข้าที่ศีรษะหมูป่าขนาดสองสามร้อยชั่ง มันล้มลงกับพื้นและไม่ลุกขึ้นอีกวิดีโอแสดงภาพการล่าสัตว์ในแอฟริกาจำนวนมากไม่ว่าจะเป็นช้างที่สูงใหญ่เหมือนขุนเขา หรือสิงโตตัวผู้ที่ทรงพลัง… ล้วนถูกล้มด้วยกระสุนนัดเดียว!ทุกคนจ้องมองหน้าจอด้วยความตะลึงปืนล่าสัตว์ในวิดีโอทรงพลังมากช้างที่สูงใหญ่ราวภูเขา เมื่อโดนยิงเข้าที่ศีรษะ ก็ล้มลงและไม่ลุกขึ้นมาอีกเลยหมีดำตัวใหญ่ที่พวกเขาเคยล่าก่อนหน้านี้ เพียงตัวเดียวมันสังหารมนุษย์นับสิ
เจียงหยวนมองจ้านเฉิงอิ้นด้วยขอบตาแดงแม้เขาจะเป็นหน่วยกล้าตายของรัฐทายาทอยู่ในด่านเจิ้นกวนมานานเพียงนี้ เขาก็เกิดความผูกพันอันลึกซึ้งต่อท่านแม่ทัพและทหารทั้งหลายพวกเขามิได้ปฏิบัติต่อเขาดังเช่นข้าทาสแต่เห็นเขาเป็นคนที่ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กัน เป็นสหายร่วมรบที่มีฐานะความเป็นมนุษย์เท่าเทียมกันเจียงหยวนชอบความรู้สึกชนิดนี้เป็นอย่างมากอยู่ที่นี่ไม่มีการกลั่นแกล้งกดดัน ไม่มีการลงทัณฑ์ลงโทษ ไม่มีวรยุทธ์ที่ฝึกไม่มีวันจบ ไม่มีภารกิจที่ทำเท่าไหร่ก็ไม่หมดเดิม เขาเป็นหน่วยกล้าตายของไทเฮาเป็นรัฐทายาทน้อยของตัวเขามาจากไทเฮาในชีวิตอันมืดมิดของเขา การเดินทางมาด่านเจิ้นกวน ทำให้ได้เห็นทิวทัศน์ที่แตกต่างออกไปเขาตัดใจจากไปไม่ได้ตัดใจจากท่านแม่ทัพ ตัดใจจากเหล่าทหารไม่ได้!ขอบตาของเจียวหยวนแดงระเรื่อ พูดเสียงเครือว่า “ท่านแม่ทัพ ข้าขอรั้งอยู่ที่นี่ได้หรือไม่? ก่อนเปิดศึกในคืนนี้ ข้าจะต้องสอนพวกเขาให้ขับรถเป็น จนส่งครอบครัวของเหล่าทหารออกไปได้สำเร็จแน่ขอรับ!”จ้านเฉิงอิ้นตบไหล่ของเขา “หากพวกเราล้มเหลวในการรบ เจ้าก็จงจากไปพร้อมกับมั่วฝานและจวงเหลียงเสีย!”นับตั้งแต่แคว้นต้าฉี่สถาปนา
ทหารทุกนายล้วนได้รับแบ่งไปคนละหนึ่งชามเล็กจ้านเฉิงอิ้นยืดหลังตรง มือทั้งสองข้างยกจอกขึ้นมา คารวะทหารทุกนายว่า “ทุกท่าน คืนนี้ เป็นศึกสุดท้ายที่เกี่ยวพันถึงความเป็นตาย การคงอยู่หรือล่มสลายของด่านเจิ้นกวน”“หากพวกเราชนะ ก็จะไม่ถูกปิดล้อมอยู่ในด่านเจิ้นกวนอีกต่อไป”“พวกท่านก็จะสามารถกลับไปที่บ้านเกิด มอบเสบียงที่ได้รับเป็นรางวัลมอบให้เหล่าญาติ อยู่อย่างพร้อมหน้าพร้อมตากับคนในครอบครัว”“ทุกคนจะได้รับการจัดสรรบ้านเรือนและที่ดิน ผู้ที่แสดงออกได้โดดเด่น ยังจะได้รับการแต่งตั้ง เลื่อนตำแหน่งด้วย!”“ทว่า หากพ่ายแพ้”“เผ่าหมานก็จะบุกสังหารเข้าสู่ต้าฉี่ทางด่านเจิ้นกวน ฆ่าล้างราษฎรชาวต้าฉี่ กำจัดราชวงศ์…แคว้นฉี่ ก็จะไม่คงอยู่อีกต่อไป!”“ดังนั้น ข้าหวังว่า คืนนี้แม้นพลีชีพก็จะต้องปกป้องด่านเจิ้นกวน ไม่อาจปล่อยให้เผ่าหมานยึดครองเป็นอันขาด!”“ตัวข้า ขอคารวะทุกท่านจอกหนึ่ง ขอบคุณสำหรับทุกสิ่ง ที่พวกท่านได้ทำเพื่อด่านเจิ้นกวน!”จ้านเฉิงอิ้นดื่มหมดในอึกเดียวเหล่าทหารต่างก็ดื่มหมดในคำเดียว ทุกคนต่างเปล่งเสียงอย่างพร้อมเพรียง เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันว่า“พวกเราจะต้องชนะ จักไม่ยอมให้เผ่าหมานยึดคร
“ถึงแม้จะถืออาวุธเหล็กกล้าก็ไม่มีประโยชน์!”“อาวุธเย็นไม่อาจสู้กับอาวุธร้อนได้ เจ้าคิดจะทำให้ชนเผ่าหมานม่อเป่ยกลายเป็นพวกที่ร้องรำทำเพลงหรืออย่างไร?"“รอให้ข้าสร้างปืนและปืนใหญ่ขึ้นมา ต่อไปพวกเขาจะต้องเต้นเก่งทุกคน!”เฉินขุย เฉินอู่ ซ่งตั๋ว รวมถึงจวงเหลียง...ทุกคนตาเป็นประกายเฉินอู่ถามอย่างสงสัย “จริงหรือ?”“แน่นอน แค่ทำให้พวกเขากลัว ข้าถึงต้องการท่อเหล็กหมื่นท่อ เพราะว่าแค่ไม่กี่ร้อยหรือพันท่อ ไม่สามารถข่มขู่คนเจ็ดแสนกว่าคนได้!”“ถ้ามีปืนใหญ่หมื่นกระบอก ก็เพียงพอที่จะข่มขู่มู่ฉีซิว เขาถึงจะถอยทัพ!”“บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตยุคใหม่ของเรามีคำกล่าวที่แพร่หลายว่า ความจริงอยู่ในระยะยิงของปืนใหญ่ ศักดิ์ศรีอยู่บนคมดาบ“มีอาวุธที่ทรงพลังพอ พวกเผ่าหมานจะกล้าสู้กับเราหรือไม่? พวกเขายังไม่ทันขี่ม้ามาถึงหน้าเรา ข้ายิงปืนใหญ่ทีเดียวก็ตายไปสิบกว่าคนแล้ว!”“ในอนาคตเจอเราก็ต้องวิ่งหนี!”จ้านเฉิงอิ้นครุ่นคิดถึงคำพูดของหยางชิงเหอที่ว่า ความจริงอยู่ในระยะยิงของปืนใหญ่ ศักดิ์ศรีอยู่บนคมดาบ...ตอนนี้อาวุธยุทโธปกรณ์ของเขาก็เหนือกว่าทุกแคว้นแล้ว แต่แคว้นเหล่านั้นยังไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาทำไม~
ทหารผ่านศึกเหนื่อยล้าจากการต่อสู้ตลอดทั้งคืน แต่พวกเขาก็ยังคงฮึกเหิมในการต่อสู้ในวันนี้ คนส่วนใหญ่กินไปก็หลับไปคนที่ยังดื่มได้ก็ดื่มไปไม่กี่แก้วแล้วก็ฟุบหลับไปบนโต๊ะพวกชาวบ้านกลับกินกันอย่างเอร็ดอร่อยพืชที่ปลูกยังไม่ถึงเวลาเก็บเกี่ยว กองทัพตระกูลจ้านเป็นผู้ดูแลเรื่องอาหาร แต่ปกติแล้วทุกคนกินแค่ขนมปังแป้งสาลีและโจ๊กเนื้อ... บางครั้งก็ต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกับเส้นบะหมี่รวมกัน อาหารเหล่านั้นดีกว่าก่อนภัยแล้งเสียอีก!ตั้งแต่เกิดมาพวกเขาไม่เคยกินอาหารที่อุดมสมบูรณ์ขนาดนี้มาก่อน!ทันใดนั้นพวกเขาก็มีความสุข กินและหยิบอาหารกลับบ้าน!ทหารผ่านศึกที่ยังกินอยู่บนโต๊ะก็ไม่ได้ห้าม ปล่อยพวกเขาไปทหารแคว้นเยี่ยนที่มาถึงคนสุดท้าย อาหารและเครื่องดื่มบนโต๊ะหนึ่งร้อยยี่สิบตัว เป็นของพวกเขาทหารผ่านศึกกินไม่หมดก็รีบกลับไปนอน เหลืออาหารบนโต๊ะขนาดใหญ่พวกเขาและชาวบ้านก็เหมือนกัน ไปที่โต๊ะข้าง ๆ กินและหยิบอาหารทหารแคว้นเยี่ยนบางคนเปิดถุงใสที่คลุมโต๊ะออก งานเลี้ยงที่เต็มไปด้วยสีสัน กลิ่น และรสชาติก็ปรากฏแก่สายตาหมูหันย่างตัวนั้น พวกเขาหยิบหนังกรอบมากินชิ้นหนึ่งเคี้ยวจนเสียงกรอบดังออกมา...
เพียงพอที่จะทำให้ชั่วชีวิตไม่ต้องกังวลเรื่องเสื้อผ้าและอาหาร ทั้งยังสามารถนำพาให้ครอบครัวไปสู่ความมั่งคั่งได้ด้วยหากพวกเขาลังเล ก็คงเป็นแค่คนโง่เง่าเท่านั้นทุกคนคุกเข่าลง พลางกล่าวกับเฉินขุยอย่างพร้อมเพรียงกันว่า “พวกข้าน้อยยินดีเข้าร่วมกับกองทัพตระกูลจ้าน แม้เป็นตายก็ไม่กลัวขอรับ!”“ท่านแม่ทัพใหญ่ให้พวกข้าน้อยทำอันใด พวกเราก็จะทำทั้งนั้น!”“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พวกเราคือทหารภายใต้ธงของกองทัพตระกูลจ้าน!”เฉินขุยพึงพออย่างยิ่งกับท่าทีของเหล่าเชลยศึกมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่กำลังลังเลตอนที่กลับมาพวกเขาก็ไม่ให้ความร่วมมือ คุมตัวกลับมาต่างก็ต้องผลักดันให้กลับพอถามจึงได้รู้ว่าเป็นองครักษ์คนสนิทของแม่ทัพผู้เฒ่าถึงกระนั้น เฉินขุยก็ไม่ได้ฝืนใจพวกเขา ให้ทหารแคว้นเยี่ยนคนอื่น ๆ นำตัวมาที่ด้านหน้าของโอ่งน้ำเมื่อพวกเขามองเห็นโอ่งน้ำเป็นแถวเป็นแนว ก็สงสัยในตัวเองเป็นอย่างแรกในตอนแรกค่อนข้างดื้อดึงดีทีเดียวทว่าเมื่อมองเห็นคนอื่นดื่มน้ำ ก็ไม่ใส่ใจศักดิ์ศรีและก้มศีรษะลงเพื่อดื่มน้ำด้วยคำพูดของเฉินขุยเมื่อครู่นี้ ทำให้เชลยศึกทั้งหมดของกองทัพแคว้นเยี่ยนคลายความสงสัย และสมัตรใจเ
ทหารชั้นผู้น้อยคนนี้ผอมแห้ง อีกทั้งยังอยู่ในวัยผู้ใหญ่ ทว่าเตี้ยกว่าคนอื่น ๆ หนึ่งช่วงหัวเป็นผู้ที่มีชีวิตยากลำบากคนหนึ่งเฉินขุยให้ทหารพยุงเขาขึ้นมาเมื่อเขามองไปก็เห็นเหล่าทหารจำนวนมาก ดื่มน้ำไปถอดทอนใจไปมีบางคนที่ได้กลิ่นหอมของเนื้อ ทว่าเมื่อคิดถึงจุบจบว่าอาจจะถูกฝังทั้งเป็นหรือถูกทำงานหนักจนตายพวกเขาแต่ละคนก็ไร้ชีวิตชีวาแม้ว่าจะดื่มน้ำจนพอแล้ว แต่จุดจบของเชลยศึกล้วนไม่ค่อยดีนักเมื่อสองพันกว่าปีก่อน จุดจบของเชลยศึกจะต้องตกไปเป็นทาสทาสจำนวนมากมักจะถูกสังหารเพื่อใช้เป็นเครื่องสังเวยตั้งแต่อายุยังน้อยจุดจบของพวกเขา คงจะหนีไม่พ้นการถูกสังหารเพื่อนำไปเป็นเครื่องบูชายัญ!อย่างไรก็ตาม เฉินขุยเคยอ่านหนังสือที่มาจากยุคปัจจุบันมาหลายเล่ม คนในยุคปัจจุบันนั้นเท่าเทียมกัน ทว่าที่ต้าฉี่ยังไม่สามารถกระทำได้ในช่วงเวลาอันสั้นแต่การเห็นผู้อื่นเป็นมนุษย์นั้น จะไม่สามารถปฏิบัติต่อผู้อื่นเป็นเหมือนทาสได้อีกท่านแม่ทัพใหญ่เคยพูดไว้ด้วยว่า เขาจะหาวิธียกเลิกการสังหารทาสเพื่อมาเป็นเครื่องบูชายัญดังนั้นเขาจึงหยิบลำโพงประกาศเสียงขนาดใหญ่ แล้วพูดกับเชลยศึกด้วยเสียงอันเปี่ยมพลังว่า“ตาม
ทหารผ่านศึกหลายคนอาศัยอยู่ในห้องเดียวกัน บนหลังคาติดตั้งแผงไฟโซลาร์เซลล์ มีหน้าต่างกระจก จุดตะเกียง และพัดลมเพดาน…เมื่อเข้ามาข้างในไม่ร้อนอบอ้าวเลยแม้แต่น้อย นอกจากจะเปิดหน้าต่างเพื่อระบายอากาศแล้ว ยังมีพัดลมเพดานที่สามารถพัดได้ด้วยเตียงของพวกเขาล้วนแต่ทำมาจากโครงเหล็กเสื่อของพวกเขา สานมาจากไม้ไผ่อีกทั้งแต่ละคนต่างก็มีแก้วน้ำที่ทำมาจากเหล็กผ้าขนหนูหนึ่งผืน กะละมังเคลือบเซรามิกหนึ่งใบ แก้วน้ำพลาสติกหนึ่งใบ ที่ภายในใส่แปรงสีฟันและยาสีฟันเอาไว้เฉียนเซียงตัวหยิบยาสีฟันและแปรงสีฟันขึ้นมา แล้วถามมั่วฝานด้วยความสงสัย“สหายมั่ว สิ่งนี้คืออันใดกัน?”มั่วฝานหัวเราะพลางหยิบแท็บเล็ตขึ้นมา แล้วเล่นโฆษณายาสีฟันชิ้นหนึ่งในจอภาพนั้น สตรีงดงามนางหนึ่งกำลังบีบยาสีฟัน หลังจากนั้นก็เป็นฉากแปรงฟันเฉียนเซียงตัวตะลึงจนอ้าปากค้าง สายตาถูกสาวงามดึงดูดไปอย่างสมบูรณ์เขาเดินไปอย่างงุนงง พลางใช้มือสัมผัสไปที่หน้าจอวิดีโอหยุดลงจากนั้นเมื่อแตะเบา ๆ อีกครั้ง วิดีโอก็เล่นต่อเขาประหลาดใจถึงขีดสุด “นะ นี่มันคือสิ่งใดกันแน่ ช่างอัศจรรย์เกินไปแล้ว!”“ใส่คนลงไปข้างในได้ด้วยงั้นหรือ?”มั่วฝานเปิ
เย่มู่มู่เพิ่งจะได้รับข่าวเมื่อช่วงบ่ายว่าจ้านเฉิงอิ้นชนะศึก…เธอไม่กล้าจินตนาการเลยว่าพวกเขาจะชนะกองทัพศัตรูที่มีถึงเจ็ดแสนคน !นั้นเป็นการผนึกกำลังกันของสี่กองทัพ เผ่าหมาน แคว้นเยี่ยน กองทัพธงเหลือง และทหารต้าฉี่…จำนวนคนเมื่อนับรวมกันแล้วมีถึงเจ็ดแสนกว่าคนนึกไม่ถึงว่าจะถูกหยางชิงเหอใช้ปืนใหญ่ที่ติดอยู่บนกำแพงเมืองทำให้ตกใจจนวิ่งหนีไปทว่าปืนใหญ่พวกนั้นเป็นของปลอมนี่น่า!ใช้ยางรถยนต์เก่ากับโครงเหล็กประคองขึ้นมา ไม่สามารถยิงกระสุนปืนใหญ่ได้ทว่ามู่ฉีซิวก็ถูกทำให้หวาดกลัวจนหนีไปเสียแล้วกระสุนปืนใหญ่ทำขึ้นมาจากกระบอกไม้ไผ่อย่างง่าย ๆ แล้วนำท่อเหล็กไหลหยางมาทำเป็นกระบอกปืน ทำให้ทหารเกรงกลัวจนถอยทัพเรื่องราวตลกและไร้สาระขนาดนี้เชียวพวกเขายังถูกทหารผ่านศึกของจ้านเฉิงอิ้นและกองทัพลู่เจ๋อซุ่มโจมตีด้วยเยี่ยนซวี่ถูกยิงตายวิธีตายเรียบง่ายไปหน่อยถูกจ้านเฉิงอิ้นใช้หน้าไม้ราชวงศ์ฉินยิงตาย!พร้อมกับความสิ้นหวังของเยี่ยนซวี่ แคว้นเยี่ยนก็กลายเป็นแคว้นที่ไร้ซึ่งผู้นำ…ไม่ต้องพูดถึงแคว้นฉู่และแคว้นฉี เกรงว่าเผ่าหมานที่หนีไปคงไม่กลับไปที่ม่อเป่ย ทว่าคงรวมตัวอีกครั้งเพื่อไปเก็บกวาดแ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งทหารแคว้นเยี่ยน เมื่อวานซืนพวกเขามีแป้งทอดรากไม้กับแกลบอาหารของเมื่อวานนี้พวกเขาก็ขุดรากไม้ แทะเปลือกไม้กินเพื่อประทังความหิวก่อนที่จะมีศึกใหญ่ในวันนี้ เยี่ยนซวี่สั่งการให้สังหารม้าศึกหลายพันตัว เพื่อให้ทหารได้อิ่มท้องสักมื้อ พวกเขาถึงได้กินอาหารจานเนื้อเป็นมื้อแรกในรอบครึ่งปีเนื้อของม้าศึกทั้งเหนียวและคาวอย่างมาก ไม่มีรสชาติ พอย่างสุกแล้วกินไปสองสามคำ แทบจะกลืนไม่ลงถึงกระนั้น ก็เป็นอาหารจานเนื้อมื้อแรกที่พวกเขาได้กินในรอบครึ่งปีพวกเขารู้ว่า เมื่อกินเสร็จแล้ว มีสงครามที่ดุเดือดที่ต้องสู้รบ หากทำได้ไม่ดีอาจต้องทิ้งชีวิตไว้ในที่แห่งนี้ก็เป็นได้ หลายคนกินไปร้องไห้ไปทว่าตอนนี้ นึกไม่ถึงเลยว่าอาหารของกองทัพตระกูลจ้านจะเป็นซาลาเปาไส้เนื้อทั้งยังมีหมั่นโถว หมั่วโถวเกลียว และแป้งทอดด้วย...และยังมีน้ำให้อย่างไม่จำกัดเฉินขุยเห็นหลายคนดวงตาแดงก่ำ ไม่เชื่อว่าสิ่งที่อากาศยานไร้คนขับประกาศออกมาจะเป็นความจริงเข้ายิ้มออกมาอย่างสดใสพลางกล่าวว่า “ไป ไปที่ค่ายทหารกันให้หมด พ่อครัวเตรียมอาหารไว้พร้อมแล้ว”“ชัยชนะอย่างยิ่งใหญ่ในวันนี้ แม่ทัพคงไม่เย็นลง ถ้าไม่ได้ให้ทุ
จ้านเฉิงอิ้นพยักหน้า ให้มั่วฝานพาพวกเขาไปที่โรงงานมั่วฝานมองไปยังเฉียนเซียงตัว ชายอ้วนผู้นี้สวมชุดเกราะเงิน เข็มขัดที่อยู่รอบเอวใกล้จะแตกออกมันมีขนาดเล็กกว่ารอบเอวของเขาทว่าเขาไม่รังเกียจผู้ที่มีชาติกำเนิดมาจากพ่อค้า ผู้ที่สามารถเป็นถึงผู้นำอันดับสองของกองกำลังกบฏได้ ย่อมไม่ใช่พวกปัญญานิ่มเขาชี้ไปที่อากาศยานไร้คนขับที่บินวนอย่างต่อเนื่องอยู่บนท้องฟ้า และถามเฉียนเซียงตัวว่า“มองเห็นเครื่องที่บินได้นั่นหรือไม่?”เฉียนเซียงตัวเงยหน้าขึ้น เขามองเห็นมันตั้งนานแล้ว!แต่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร ถึงสามารถกระจายเสียงผ่านลำโพงขนาดใหญ่ได้ เสียงนั่นดังมาก จนยอดเขาหลายแห่งสามารถได้ยินเขาตอบตามความจริง “มองเห็นแล้ว!”“ดี ในเมื่อพวกเจ้าทั้งหมดเข้าร่วมกับกองทัพตระกูลจ้านแล้ว ถือว่าเป็นของขวัญยามพบหน้า ข้าจะมอบอากาศยานไร้คนขับขนาดกลางให้กับพวกเจ้า ลำโพงขนาดใหญ่หนึ่งตัว และลำโพงประกาศเสียงอันใหญ่แปดตัว...”เฉียนเซียงตัวไม่อยากจะเชื่อเลยว่า สิ่งที่มั่วฝานพูดจะเป็นเรื่องจริงเขาตกตะลึงไปหลายวินาที แล้วมองไปที่อากาศยานไร้คนขับที่บินวนอยู่อีกครั้งในเวลานี้ เสียงของอากาศยานไร้คนขับก็ดังขึ้นเสี
คนพวกนี้ ท้ายที่สุดแล้วก็เอาชีวิตมากฝังกลบไว้ที่นี่มู่ฉีซิวพาคนมาด้วยราว ๆ หนึ่งแสนห้าหมื่นคน ไม่เกินสองแสนเขานำพาคนจำนวนสี่หมื่นคนฝ่าวงล้อมออกไป แล้วทิ้งคนเอาไว้หนึ่งแสนคน ที่ท้ายที่สุดแล้วก็จะถูกฝังเอาไว้บนภูเขาตลอดกาลนี่เป็นครั้งแรกที่กองทัพตระกูลจ้านกับกองทัพลู่เจ๋อมาบรรจบกันผู้นำของกองทัพลู่เจ๋อ เป็นชายอ้วนพุงพลุ้ยผู้หนึ่งเป็นคนอ้วนที่อายุสามสิบกว่าปี และก่อนหน้านี้ทำการค้าเดิมทีกองทัพลู่เจ๋อเป็นพวกบรรดาพ่อค้า ที่ออกเงินก่อตั้งกองกำลังกบฏชาวนา ทหารส่วนใหญ่มาจากเขตลู่เจ๋อ!ชายอ้วนผู้นี้มีชื่อว่าเฉียนเซียงตัว...บิดาของเขาลงทุนมากที่สุด เขาจึงถูกผลักดันให้เป็นผู้นำของกองทัพลู่เจ๋อในช่วงแรก บิดาของเขาสามารถสนับสนุนเงินได้อย่างต่อเนื่องทว่าเมื่อเนิ่นนานไป ในจวนไม่มีข้าว และไม่มีเงินสนับสนุนกองกำลังกบฏอีกต่อไปแล้วเดิมทีเขาคิดจะกลับบ้านทว่าเมื่อทุกคนมองดูแล้ว ก็เห็นว่าผู้นำคนนี้ไม่มีสิ่งใดที่ไม่ดีถึงจะบอกว่าผู้มีเมตตาไม่สามารถปกครองทหารได้ ทว่าเขาเป็นคนใจดี ไม่เคยแตกคอกับผู้อื่นไม่ว่านายทหารหรือว่าทหารชั้นผู้น้อยจะทะเลาะกัน เขาล้วนทำหน้าที่เป็นผู้รักษาสันติทุ