Share

บทที่ 219

Author: มู่โร่ว
เขาเทน้ำลงจนเต็มขวดนมต่อหน้าชายฉกรรจ์ทั้งหลาย เสร็จแล้วยังดูดไปคำหนึ่ง แล้วทอดถอนใจออกมาอย่างชื่นชมว่า

“ไม่ต้องบิดฝาขวดก็สามารถดื่มน้ำได้ ช่างสะดวกจริง ๆ!”

“ถึงขวดล้ม ก็ไม่ต้องกลัวว่าน้ำจะหกออกมา ช่างออกแบบได้เลิศล้ำจริง ๆ!”

พวกเฉินขุย เฉินอู่ และหลี่หยวนจงและคนทั้งหลาย รู้สึกว่าไม่อาจทนมองเจ้าตัวโง่งมสองตัวนี้อีกต่อไปแล้ว

ไม่ได้การ ต้องรีบแต่งเมียให้พวกมันแล้ว

ช่างน่าขายหน้าเสียเหลือเกิน!

ยามที่มั่วฝานอยู่ในเมืองหลวง ก็ชมชอบการเที่ยวคณิกา เขาจึงมองวัตถุประสงค์ของจุกนมออกในครั้งเดียว

เขากล่าวกับสองคนนั้นด้วยดวงตาที่แสดงความรังเกียจว่า “นี่เป็นขวดนมที่ใช้ป้อนให้ทารก พวกเจ้าโตขนาดนี้แล้ว ยังจะแย่งจุกนมของเด็กน้อย!”

ซี๊ด

เหอหงและเฉินจวิ้นหลินสีหน้าแดงก่ำในทันที

เหอหงรีบเทน้ำในขวดลงในชามเปล่า แล้วเก็บขวดนมเข้าไปในกล่องกระดาษ

เฉินจวิ้นหลินสีหน้าแดงก่ำ ลูบจมูกพลางมองไปทั่ว เพื่อลดความกระดากของตน!

เฉินอู่ชื่นชอบชุดของเด็กทารกจนไม่อยากวางมือ

เสื้อผ้าตัวน้อยช่างน่ารักนัก สัมผัสนุ่มสบาย คุณภาพดีอย่างมาก

เขาถามจ้านเฉิงอิ้นว่า “ท่านแม่ทัพ พวกนี้ล้วนเป็นของที่ท่านเทพมอบให้เหล่าพี่สะใภ
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 220

    “ขอเพียงอาวุธชุดนี้มาถึง ท่านแม่ทัพ ข้า เฉินขุยผู้นี้ขอรับคำสั่งออกไปสังหารศัตรูขอรับ!”เหล่าแม่ทัพที่เหลือทั้งหลาย ต่างก็พากันคุกเข่าลงข้างหนึ่งแล้วประสานคำนับ “ท่านแม่ทัพ ข้าน้อยยินดีนำทัพออกจากเมือง ไปรบกับกองทัพของแคว้นฉู่และฉีทั้งสองแคว้นให้ลือลั่นสักครั้งขอรับ!”“หากไม่อาจขับไล่แคว้นฉู่และแคว้นฉีออกไป แม้นตายก็ไม่ขอเลิกรา!”จ้านเฉิงอิ้นโบกมือ กล่าวกับพวกเขาว่า “ลุกขึ้นมาก่อน เรื่องนี้ไว้ปรึกษากันทีหลัง ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง…”เหล่าแม่ทัพนั่งกลับไปบนเก้าอี้ มองจ้านเฉิงอิ้นด้วยแววตาเจิดจ้าเป็นประกาย“ในตอนที่ผู้บัญชาการทัพแคว้นฉู่หมดสติ ฉู่อ๋องได้ออกสารลับหลายฉบับ เร่งให้เขายกทัพกลับเมือง”“แต่หลิงเซี่ยวเฟิงมิได้กลับไป เขาเพิกเฉยต่อสารลับพวกนั้น”“ฉู่อ๋องเกรี้ยวโกรธอย่างมาก จึงส่งเฟิงหยวนเต๋อ แม่ทัพใหญ่อีกคนหนึ่งมารับช่วงและควบคุมกำลังพลของกองทัพแคว้นฉู่”“ส่วนที่เหลือ…”จ้านเฉิงอิ้นมองไปที่มั่วฝาน แล้วกล่าวกับเหล่าแม่ทัพว่า “พวกเจ้าไปถามมั่วฝานเอา”ทุกคนพร้อมใจกันมองไปที่รัฐทายาทน้อยโดยมิได้นัดหมายทันทีมั่วฝานหยิบแท็บเล็ตออกมา เปิดคลิปที่ถูกถ่ายไว้ได้ออกมา“เฟิงหยวนเต๋อ

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 221

    สถานการณ์นั้นร้ายแรง เหล่านายทหารต่างมองเจียงหยวนเจียงหยวนพยักหน้า “ใช่ พวกเขาคือหน่วยกล้าตายที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างดี”เขาอธิบายแก่ทุกคน “พวกเขาเหน็บกระบี่ทุกคน ถ้าเป็นทหารทั่วไป จะพกดาบ เกอ หอก…อาวุธทหารแตกต่างกันไป สวมใส่ชุดเกราะ แบกหน้าไม้กับลูกธนูไว้ที่หลัง”“พวกเขาซ่อนมีดสั้นบริเวณขาและท้อง เหน็บกระบี่ตรงช่วงเอว เสื้อผ้าที่ทุกคนสวมใส่ถักด้วยผ้าไหม ไม่เคยมีการปะ มีบางคนกระทั่งห้อยจี้หยกไว้ตรงคอ”“คนกลุ่มนี้ร่ำรวยมาก พวกเขาไม่ใช่ทหารยากจนที่ต้องทำงานหนักเพื่อจุนเจือครอบครัว แต่เป็นหน่วยกล้าตายภายใต้การบ่มเลี้ยงของผู้มีอำนาจและร่ำรวยมากกว่า!”เหล่าทหารพยักหน้าเจียงหยวนพูดไม่ผิด เพื่อนร่วมอาชีพย่อมเข้าใจเพื่อนร่วมอาชีพด้วยกันแคว้นฉียกหน่วยกล้าตายหนึ่งร้อยคน ให้สวีหวยด้วยเหตุผลใด?จ้านเฉิงอิ้นอธิบายตอบในสิ่งที่ทุกคนสงสัย“สวีหวยรับคนกลุ่มนี้มาไว้ อีกไม่กี่วัน เขาจะนำกองทัพหนึ่งแสนนายเข้าสู่ด่านเจิ้นกวน แทรกหน่วยกล้าตายที่มีทักษะการต่อสู้ขั้นสูงเข้าไปในกองทัพ”“พวกเขาจะช่วยสวีหวยกำจัดคนต่างพวก เข้าควบคุมด่านเจิ้นกวน”“ถ้าผู้ใดฝ่าฝืนไม่ให้ความร่วมมือ หน่วยกล้าตายกลุ่มนี้จะก

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 222

    ศึกคราหน้าหรือไม่ตาย หรือไม่สะเทือนขวัญทั้งสามแคว้นต้าฉี่ไม่มีใครกล้าบุกโจมตีอีก!ถ้าชนะ ในหนึ่งร้อยปีไม่มีใครกล้าลงมือกับแคว้นต้าฉี่ถ้าแพ้ พวกเขาไม่เพียงแต่จะตายกันหมด พลเมืองในเมืองก็ตายด้วยครั้นบ้านเมืองแคว้นต้าฉี่ล่มสลาย ก็จะหายสาบสูญตลอดกาล!ดังนั้น พวกเขาจะพ่ายแพ้ไม่ได้!มั่วฝานพลันยืนขึ้น กล่าวอย่างโมโห “ข้าจะใช้เหยี่ยวส่งสาส์นไปยังไทเฮา กล่าวฟ้องสวีหวยสมคบกับศัตรูทรยศบ้านเมือง ให้ถอดยศตำแหน่งของเขาและไม่อนุญาตให้รับช่วงต่อด่านเจิ้นกวน”“กองกำลังหนึ่งแสนนั่นยกให้จ้านเฉิงอิ้นเป็นผู้บัญชาการ!”ถึงแม้ความคิดมั่วฝานดี แต่ไทเฮายังสำเร็จราชการแทนฮ่องเต้น้อยอยู่หนำซ้ำราชสำนักยังถูกควบคุมโดยเสนาบดีซู ฮ่องเต้น้อยเป็นเสมือนเพียงหุ่นเชิดสาส์นของไทเฮา ถ้าไม่มีการประทับตราแผ่นดินหยก สวีหวยตาแก่เจ้าเล่ห์ผู้นี้อาจไม่ยอมรับครั้นเวลานี้ไม่มีวิธีอื่น ก็ยื้อไว้จนสุดความสามารถไปก่อนมั่วฝานเขียนจดหมายทันที เขาปล่อยเหยี่ยวบินออกไปหนึ่งตัวทุกคนในกระโจมล้วนมีความรู้สึกหนักใจ หากเรื่องราวดำเนินต่อไปเช่นนี้วิกฤตด่านเจิ้นกวนไม่เพียงแต่ไม่ได้รับการแก้ไข แต่ยังจะเลวร้ายลงอีกด้วยในทุ

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 223

    เย่มู่มู่นั่งเบื่อหน่ายมากมายอยู่หน้าประตูโกดังชานเมืองวันนี้ลุงหยางกลับบ้านเกิดไปพักร้อนที่บ้านลูกสาว สองสามวันนี้จะไม่กลับมาถ้ามีของมาส่ง เย่มู่มู่ต้องไปเฝ้าที่โกดังตอนนี้ เย่มู่มู่กำลังรอเจ้าของร้านนำแท็บเล็ต หน้าจอ เครื่องมือไฟฟ้ามาส่งขณะกำลังรู้สึกเบื่อ เธอได้รับโทรศัพท์จากรองผู้อำนวยการจาง“มู่มู่ ผมกับนักวิจัยโบราณคดี พบว่าในถ้วยสิบใบที่คุณบริจาคให้พิพิธภัณฑ์ มีอยู่สองใบที่จ้านเฉิงอิ้นแม่ทัพใหญ่เคยใช้เมื่อยังมีชีวิต”“อะไรนะ จ้านเฉิงอิ้นเคยใช้?”เป็นไปไม่ได้~เธอได้แยกจานกระเบื้องออกเป็นหมวดหมู่ประเภทหมดแล้วมีการเคลือบเงา มีตัวหนังสือตรงก้นถ้วย ล้วนถูกเก็บไว้ชั้นบนสามร้อยสามสิบชิ้นที่เธอปล่อยขาย เป็นถ้วยแจกันสีกากีที่ไม่มีสีอื่นทุกชิ้นพูดตามตรง เธอมองไม่ออกเลยว่ามีความพิเศษอะไรรองผู้อำนวยการจางดีใจมากและกล่าวต่อ “ประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับแคว้นต้าฉี่ ในบันทึกประวัติศาสตร์ที่ไม่ได้บันทึกอย่างเป็นทางการ สิ่งที่ได้บันทึกไว้มากที่สุดคือเรื่องราวอันกล้าหาญของแม่ทัพหนุ่มจ้านเฉิงอิ้น ดังนั้น พิพิธภัณฑ์จึงจะเปิดแคว้นฉี่รอบพิเศษ โดยแนะนำจ้านเฉิงอิ้นเป็นหลัก…”“คุณ

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 224

    “ข้าจะสลักศิลาจารึก สร้างศาลเทพให้ท่าน นำคุณูปการอันเกริกก้องของท่านสลักไว้บนศิลาจารึก”“ไม่ว่าผ่านไปสิบปี ร้อยปี พันปีก็จะมีคนจดจำท่าน”เย่มู่มู่ไม่มีความเห็นกับสิ่งนี้“เรื่องเล็กน้อยที่ข้าทำเหล่านี้ เมื่อเทียบกับเจ้าแล้ว ไม่มีค่าเลย!”จ้านเฉิงอิ้นกล่าวไม่เห็นด้วย “ไม่จริง สำหรับข้ามีความหมายมาก ถ้าไม่ใช่เพราะท่าน ข้าและเหล่านายทหารคงตายไปนานแล้ว”“เอาเถอะ ตามใจเจ้า ฝั่งของเจ้ามีภาพเหมือนหรือไม่ ถ้าไม่มีถ่ายรูปส่งมาให้ข้าที…”“ถ้าเจ้าไม่ส่งมาให้ พนักงานในพิพิธภัณฑ์จะดาวน์โหลดรูปจากออนไลน์ตามใจชอบ แล้วถือว่าเป็นเจ้า”“ข้างในพิพิธภัณฑ์ มีรูปคนแปลกหน้าแขวนอยู่ใต้ชื่อเจ้า ได้รับความเคารพจากคนรุ่นหลัง”“ถ้าเป็นข้า ข้าไม่สามารถยอมรับได้ หากมีใบหน้าธรรมดาไม่โดดเด่นหรืออัปลักษณ์น่าเกลียดของคนหนึ่งแขวนอยู่ใต้ชื่อข้า”จ้านเฉิงอิ้นตอบจดหมายกลับมา “ขอรับ ท่านเทพรอสักครู่ สาย ๆ ข้าจะถ่ายรูปส่งให้”“อืม ไม่ต้องเร่งรีบ เจ้าว่างแล้วค่อยถ่ายก็ได้”ไม่มีกระดาษข้อความเด้งออกจากแจกันอีกเย่มู่มู่ทำท่าหาวแล้วฟุบหลับไปบนโต๊ะเธอไม่รู้ว่านอนไปนานเท่าไหร่ ท่ามกลางอาการสะลึมสะลือ เธอได้ยินเสียงแ

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 225

    เย่มู่มู่อ่านความคิดเห็นของเหล่าสาว ๆ ชอบใจหัวเราะคิกคักเหล่าพี่สาวพูดเก่งกันจริง ๆ พูดอีกเยอะ ๆ เธอชอบฟัง!เธอรออยู่ครู่หนึ่ง จ้านเฉิงอิ้งยังไม่ส่งภาพวาดมาให้หรือว่าจ้านเฉิงอิ้นขวยเขินกับภาพตนเองเกินไป?ไม่อยากส่งภาพมาให้?เวลาผ่านไปราวครึ่งชั่วโมง เย่มู่มู่ตัดสินใจส่งกระดาษข้อความให้เขา“จ้านเฉิงอิ้นวาดเสร็จหรือยัง?”“ยังขอรับ ข้าส่งให้ท่านเทพตอนดึกอีกทีได้หรือไม่?”“เอาเถอะ พิพิธภัณฑ์เป็นฝ่ายขอภาพเหมือนของเจ้า จะให้เมื่อไหร่ สิทธิการตัดสินใจอยู่ที่เจ้า!”“ขอบคุณท่านเทพที่เข้าใจ ท่านเทพ ข้ามีเรื่องจะขอร้อง…”“สนิทกันเพียงนี้แล้ว เจ้ายังเกรงใจอะไรข้าอีก มีอะไรพูดมาได้เลย!”เย่มู่มู่ขายวัตถุโบราณไปหนึ่งชุด ได้เงินมา3.75หมื่นล้าน ในโกดังยังมีวัตถุโบราณอีกจำนวนมากทั้งหมดนี้ล้วนเป็นทรัพย์สมบัติที่มีมูลค่ามหาศาลจ้านเฉิงอิ้นร้องขอบางอย่างจะเป็นอย่างไร!อืม แน่นอนว่าทำให้เขาได้ทุกอย่าง!“ท่านเทพสั่งซื้อธนูทดกำลังอีกหนึ่งชุดได้หรือไม่ รวมถึงลูกธนูที่ใช้กับธนูทดกำลังโดยเฉพาะ”จ้านเฉิงอิ้นบอกเล่าว่าทหารเผ่าฉู่กระสุนหมดเสบียงเกลี้ยง ม่อเป่ยอ๋องหลัวซู่จะนำกองกำลังทหารเผ่าหมานส

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 226

    เขาไม่ได้เขียนอะไรอีกเพียงคิดก็รู้แล้วว่าเขาวิตกกังวลมากเย่มู่มู่ยกปลายปากกา ตอบจดหมายกลับไป“จ้านเฉิงอิ้น เจ้าคือแม่ทัพใหญ่ที่เบื้องหน้ามองไม่เห็นสิ่งใด ย้อนกลับไปไม่เห็นผู้ใด เมื่อมองภาพรวมประวัติศาสตร์ทั้งหมดของแคว้นฉี่ ไม่ว่าจะเป็นฮ่องเต้หรือขุนนาง ไม่มีใครถูกบันทึกชื่อในหนังสือประวัติศาสตร์ เจ้าคือหนึ่งเดียวที่ถูกละเลงด้วยหมึกเข้มข้น ได้รับการยกย่องในหนังสือประวัติศาสตร์”“ศึงสงครามครานี้ เจ้าจะได้รับชัยชนะแน่ โปรดเชื่อมั่นในตนเอง”“ข้าจะช่วยเจ้าด้วยกำลังทั้งหมดที่ข้ามี”“ถ้าศึกสงครามครั้งนี้ได้รับชัยชนะ ด่านเจิ้นกวนจะไม่ถูกปิดล้อมและเหล่าพลเมืองจะได้รับอิสระด้วยใช่หรือไม่?”หลังจากเย่มู่มู่หย่อนจดหมายลงไป เพียงครู่หนึ่ง จ้านเฉิงอิ้นก็ส่งจดหมายกลับมา“ขอรับ ถ้าครั้งนี้เอาชนะการปิดล้อมจากสามทิศได้ จะไม่มีแคว้นใดกล้าจ้องตาเป็นมันกับต้าฉี่อีก และในหนึ่งร้อยปีจะไม่มีใครกล้ากระทำอีกด้วย!”“จ้านเฉิงอิ้น เจ้าต้องสู้นะ จงมีชีวิตรอดกลับมา!!”“เจ้าเคยรับปากข้า ว่าจะรวมหัวเซี่ยให้เป็นหนึ่งและไปพิชิตต่างแดน”“เจ้าห้ามผิดสัญญา!”เป็นเวลานาน กว่าจะมีจดหมายส่งกลับมาในแจกัน“ขอรับ

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 227

    “ในช่วงเวลานี้ ข้าได้เล่นอากาศยานไร้คนขับ ได้ขับรถแทร็กเตอร์ ได้ใช้แท็บเล็ต…ชีวิตนี้นับว่าคุ้มค่าแล้ว”สายตาทุกคนทอดมองรัฐทายาทน้อยอย่างปลื้มใจเขาเปลี่ยนไปมาก เปลี่ยนไปมากที่สุดในหมู่นายทหารเมื่อก่อนเขากลัวว่าต้องลงสนามรบ ไม่กล้าฆ่าคนตั้งแต่เกิดภัยแล้งและทุพภิกขภัย อุปนิสัยเขาเปลี่ยนไปมาก เลิกทัศนคติเยาะเย้ยถากถางสังคมและเริ่มฝึกซ้อมศิลปะการต่อสู้ในสนามครั้นเผ่าหมานบุกมารุกราน เขายังลงสนามรบไปช่วยฆ่าศัตรูใช้อากาศยานไร้คนขับพกพาระเบิด บังคับเล่นมันประหนึ่งมืออาชีพพันธมิตรสามฝ่ายถอยทัพเมื่อครั้งก่อน มั่วฝานมีผลงานความดีควรได้รับยกย่องเขานำทรัพย์สมบัติทั้งหมดออกมา มอบถวายให้ท่านเทพ เป็นเพราะรู้ว่าศึกสงครามหน้ายากจริง ๆ !ครั้นทุกคนเห็นความใจกว้างของมั่วฝาน จึงเปิดกล่องของตนเองด้วยอย่างเด็ดขาดเป็นทองคำเงินเครื่องประดับทั้งนั้นทรัพย์สินครอบครัวถูกนำออกมาจนไม่เหลือพวกเขามีความคิดเช่นเดียวกับมั่วฝาน หากพ่ายแพ้ขึ้นมา จะให้ศัตรูได้ประโยชน์ไปง่าย ๆ ไม่ได้หากได้รับชัยชนะ ถึงแม้ทรัพย์สินครอบครัวจะหมดลง แต่ท่านเทพไม่มีทางดูพวกเขาอดตายท่านจะส่งน้ำและเสบียงอาหารมาให้อีกในป

Latest chapter

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 452

    ราวกับจะเป็นสัญชาตญาณ กลัวว่าคะแนนของตนจะไม่ดี จะทำให้คุณหนูเย่ไม่พอใจเขาขยันเป็นอย่างมาก ตั้งใจเรียนสุดชีวิตตอนนี้ นอกจากกินข้าว นอนหลับ เวลาทั้งหมดก็ใช้อยู่กับการเรียนนักเรียนพรรค์นี้ต้องบังคับตัวเองเรียน อาจจะลำบาก ไม่ใช่คนมีพรสวรรค์ระดับสูงอาจารย์ในแต่ละวิชา แต่ละคนประเมินผลให้เขาไม่เลวเลยทีเดียว เคารพอาจารย์เป็นอย่างยิ่ง และขยันมาก เพียงแต่พื้นฐานแย่เกินไปเย่มู่มู่ทำได้เพียงให้อั่งเปาซองโตไป ขอให้บรรดาอาจารย์ใส่ใจให้มาก ๆ หน่อยยังมีอีกหนึ่งปัญหาคือ พื้นฐานของเขาอ่อนเกินไป หากเข้าในโรงเรียนตระกูลไฮโซ ไม่ต้องคิดเลยคะแนนต้องต่ำเตี้ยเรี่ยดินที่สุดอยู่แล้ว กลัวว่าเขาจะปรับตัวไม่ได้ช่างเถอะ ด้วยทักษะมือเท้าของเขา คงไม่ถูกคนอื่นรังแกแน่นอนวันต่อมา เย่มู่มู่ หลูหมิง หลูซี นั่งเครื่องบินมายังตำบลเล็ก ๆ ด้วยกันผู้นำของเทศบาลตำบลมาต้อนรับพวกเขาพวกเขาคิดว่า ผู้ที่มาจะเป็นทีมทีมหนึ่ง อย่างน้อยก็เป็นคนของบริษัท ไม่คิดเลยว่าผู้ที่มาจะเป็นเด็กวัยรุ่นสามคน เด็กผู้หญิงหน้าตาสะสวยคนหนึ่ง เด็กอายุสิบกว่าปีหนึ่งคนและเด็กวัยรุ่นที่อารมณ์ค่อนข้างรุนแรงคนหนึ่งเทศบาลตำบลเองก็เพิ่งเ

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 451

    จ้านเฉิงอิ้นเองก็สัมผัสได้ ในที่ว่างเปล่ามีห้องหับเล็ก ๆ เพิ่มขึ้นมาอีกสองห้องแลคเกอร์สีขาว หน้าต่างกระจก ด้านในมีอุปกรณ์นานาชนิดอาทิ ท่อ จอบ พลั่ว และยังมีปุ๋ย เมล็ดพันธุ์พืช เมล็ดพันธุ์ผักนานาชนิด...ยังมีรถสามล้อคันเล็กอีกหนึ่งคัน และบัวรดน้ำเป็นอุปกรณ์ใช้รดน้ำต้นไม้ของท่านเทพแท้บ้านทางพวกเขาก็หน้าตาเป็นเช่นนี้นี่เอง เป็นทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสเป็นระเบียบ ทาด้วยสีขาว ใช้กระจกแสนงดงามมาทำเป็นหน้าต่างน่าเสียดาย เขายังไม่ทันได้สังเกตห้องจนพอใจ ก็ถูกย้ายไปแล้วบัดนี้เขายิ่งมีความสนใจกับโรงงานที่ท่านเทพกล่าวมากขึ้นเข้าไปใหญ่ตุบเย่มู่มู่ส่งหนังสือเรื่องไฟฟ้า สิ่งปลูกสร้าง ฐานของสิ่งปลูกสร้าง และหนังสืออื่น ๆ มานางกล่าวว่า “แม้ที่ดินทางด้านพวกเจ้า จะถูกแดดเผาจนแข็ง แต่เมื่อย้ายโรงงานไป ระยะแรกก็ยังต้องทำฐานให้มั่นคง”“เจ้าเอาหนังสือพวกนี้ไปอ่านก่อน อ่านด้วยกันกับช่างเบื้องล่าง สร้างฐานเรียบร้อยแล้ว ก็จะได้เริ่มก่อสร้างโรงงาน!”เย่มู่มู่กล่าวจบ ก็ไม่มีข้อความอีกเนื่องจาก พนักงานในตำบลส่งข้อความมาบอกว่า “คุณหนูเย่ เทศบาลตำบลเปิดประชุมและตัดสินใจว่า จะขายโรงงานหนึ่งร้อยล้าน ท

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 450

    แถมตำแหน่งที่ตั้งยังอยู่ในเขตภูเขาสามสายวางไว้ในปัจจุบันตอนนี้โรงงานไม่มีคนเฝ้า เต็มไปด้วยวัชพืชแต่เครื่องมือตีเหล็กยังสามารถใช้งานได้เธอต้องการย้ายโรงงานทั้งหมดไปที่ยุคโบราณไม่มีไฟฟ้า เราก็มีวิธีเล่นแบบไม่มีไฟฟ้าแต่อาวุธสามารถผลิตในยุคโบราณได้ดีที่สุดยุคปัจจุบัน~เว้นแต่จะซื้อจากต่างประเทศ ไม่อย่างนั้นจะถูกจับตามองไม่ช้าก็เร็วแต่เมื่อมองไปทั่วโลก นอกจากอุตสาหกรรมของจีนที่พัฒนาแล้ว จะซื้อจากที่ไหนได้อีกเย่มู่มู่จึงขนส่งโรงงานจ้านเฉิงอิ้นได้ยินเย่มู่มู่พูดเช่นนั้น ก็รู้สึกตื่นเต้นมาก“ท่านเทพ จริงหรือ? ย้ายโรงงานตีเหล็กมา สามารถตีเหล็กเหมือนดาบราชวงศ์ถังได้?”“น่าจะต่างกันเล็กน้อย แต่เจ้าวางใจ ข้าจะซื้อวัตถุดิบเหล็กสำเร็จรูปด้วย”“โรงงานเป็นเพียงการใช้แร่เหล็ก แยกเหล็กบริสุทธิ์ออกมา”“การตีเป็นอาวุธ ต้องใช้ไฟฟ้า เป็นโรงงานอื่น!”“ไม่เป็นไร ข้าจะคิดหาวิธี หาโรงงานที่ไม่ต้องใช้ไฟฟ้า!”คำพูดของเย่มู่มู่ ทำให้จ้านเฉิงอิ้นก็รู้สึกตื่นเต้นจนความคิดพลุ่งพล่านโรงงานตีเหล็กบริสุทธิ์...เขาจินตนาการไม่ออกว่าใหญ่แค่ไหน หน้าตาเป็นอย่างไรเขานึกถึงอาวุธที่ท่านประทานมา

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 449

    ตอนเช้าตรู่ เย่มู่มู่ได้ยินเสียงจ้านเฉิงอิ้นเคาะแจกันเบาๆ“ท่านเทพ อยู่หรือไม่?”“อยู่สิ? เจ้าตื่นเช้าจัง?”จ้านเฉิงอิ้นไม่พูด เพียงแค่สอดกระดาษแผ่นหนึ่งเข้าไปในแจกันเย่มู่มู่หยิบกระดาษที่ลอยลงมาเห็นเนื้อหาที่เขียนอยู่บนนั้นดวงตาเบิกกว้าง ใบหน้างดงามเต็มไปด้วยความตกตะลึง“ไม่นะ หัวหน้ากองทัพธงเหลือง มู่ฉีซิว ที่แท้ก็เป็นคนยุคปัจจุบันเหรอ?”“เขา เป็นคนยุคปัจจุบัน และยังเป็นหนุ่มวิศวะจากมหาวิทยาลัยชั้นนำด้วย?”“หึ คนคนนี้ช่างหลงตัวเองนัก คิดว่าตนเองข้ามเวลามาแล้ว จะสามารถเตะหลี่ขุย ต่อยจางเฟย เหมือนกับพระเอกในนิยาย เปลี่ยนราชวงศ์ ตั้งตนเป็นอ๋องเหรอ?”“เขาคิดง่ายเกินไปแล้ว!”“เดี๋ยวนะ...”เย่มู่มู่เห็นด้านหลัง มู่ฉีซิวผู้นี้ทำหน้าที่ล้างสมองให้กับเหล่าชาวบ้านที่มาพึ่งพาเขาไปพร้อมกัน อีกด้านหนึ่งกลับทำลายราชวงศ์ที่ใกล้ล่มสลายต้าฉี่ล่มสลาย~เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้!เสนาบดีซูสมรู้ร่วมคิดกับกองทัพธงเหลือง และมอบเงินจำนวนมากให้พวกเขาก่อกบฏอีกด้านหนึ่งก็ยังอยู่ในต้าฉี่ ใช้กลวิธีต่างๆ ขูดรีดทรัพย์สินของประชาชน สนับสนุนศัตรู!ตอนนี้ยังกล้าซื้อระเบิดมาซุ่มโจมตีสังหารคนส

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 448

    แต่ก่อนเป็นผู้สูงอายุที่เข้าถึงได้ง่าย ไม่รู้ทำไม เย่มู่มู่รู้สึกว่าเขาเย็นชาลงมากอาจเป็นเพราะลู่ฉีหยางพาเธอไปปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชน ทำให้ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทไม่พอใจพนักงานเก่าของบริษัทหายไปหลายคน มีพนักงานหน้าใหม่เข้ามามากมายเย่มู่มู่ถามรองประธาน เขาพูดว่า “บริษัทต้องการลดขนาด ช่วงนี้ธุรกิจทำยาก แม้ว่าบริษัทจะพัฒนาไปได้ดี แต่ค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นก็ควรประหยัด ปีที่แล้วมีบริษัทปิดตัวลงมากมาย”เย่มู่มู่ไม่ได้มีส่วนร่วมในการบริหาร จึงไม่ได้พูดอะไรมากหลังจากเยี่ยมชมบริษัท ไม่พบปัญหาพิเศษอะไร จึงจากไปเธอใกล้จะต้องกลับไปเรียนหนังสือที่เมืองหลวงแล้วไม่มีเวลาอยู่ที่นี่มากนักบริษัทไลฟ์สดได้จัดตั้งทีมงานเฉพาะ ตอนนี้ทีมขยายเป็นสองสามร้อยคนสร้างพื้นที่สำนักงานไว้ใต้บ้านพักตากอากาศ สร้างบ้านตามสไตล์โบราณ กลมกลืนกับสถาปัตยกรรมพื้นหลังของบ้านพักตากอากาศเซียนหยวนเธอมอบบริษัทไลฟ์สดให้กับอดีตผู้จัดการบ้านพักตากอากาศเซียนหยวนยังรับสมัครรองประธานที่เชี่ยวชาญด้านการตลาดอีกคนหลังจากมอบบริษัทให้พวกเขา เธอก็สบายใจเย่มู่มู่จะไปเรียนหนังสือที่เมืองหลวง แต่อายุของหลูซี เขาต้องไปโ

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 447

    เรื่องราวเหล่านี้ พวกเขาแอบสืบมาอย่างลับๆ โดยใช้บุญคุณเล็กๆ น้อยๆ กับทหารที่ติดตามมู่ฉีซิวมานานหลังจากที่รู้แน่ชัดถึงตัวตนของมู่ฉีซิว พวกเขาก็รู้ว่า คนผู้นี้ไม่ควรปล่อยให้เป็นผู้ชนะในท้ายที่สุดแม้แต่รัฐทายาทก็ยังดีกว่าเขา อย่างน้อยรัฐทายาทก็ยังรักษาความดีงามไว้แต่มู่ฉีซิวกลับไม่มีความดีงามขั้นพื้นฐานเลยหลังจากที่กลุ่มคนปรึกษาหารือกันครู่หนึ่ง ก็แยกย้ายกันไป และมอบขนมปังกรอบให้กับทหารเด็กที่ช่วยเฝ้ายามให้เขานำกลับบ้านไปให้แม่กินทหารเด็กก็วิ่งกลับไปอย่างมีความสุขค่ำคืนมาเยือน~หวังเซิ่งเปลี่ยนชุดดำ สวมเสื้อเกราะกันกระสุนไว้ด้านใน หยิบธนูราชวงศ์ฉินขึ้นไปบนหลังคาอาคารที่สูงที่สุดในเมืองเขาหมอบราบอยู่บนนั้นเขาใช้กล้องส่องทางไกล มองเห็นห้องประชุมของแม่ทัพสูงสุดของกองทัพลู่เจ๋อภายในห้องสว่างไสวกองทัพลู่เจ๋อทำเช่นนี้มาหลายวันติดต่อกัน!พวกเขาคงรู้ว่าสถานการณ์ไม่สู้ดีนัก หากยังคงโจมตีต่อไป เกรงว่าจะไม่ได้อะไรเลย และยังจะสูญเสียไพ่ตายแปดหมื่นคนทั้งหมดที่นี่หวังเซิ่งคำนวณระยะทาง ใช้ปลายลูกธนูราชวงศ์ฉินสอดจดหมายกระดาษสีขาว เล็งไปที่ห้องฟิ้ว~เสียงแหวกอากาศดังขึ้นในยามค

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 446

    “มี!”“คืนนี้ ข้าจะยิงธนูหนึ่งดอก ผูกจดหมายไว้ที่ลูกธนู ให้แม่ทัพลู่เจ๋อไปสวามิภักดิ์กับกองทัพตระกูลจ้าน คนของพวกเขาหนีไปไม่น้อย เหลือเพียงแปดหมื่น หากยังสู้ต่อไป เฮอะ ไม่เกินครึ่งเดือน ตายเรียบแน่!”“ต้องการให้พวกเราช่วยกำบังหรือไม่?”“ไม่ต้อง ข้ารู้ว่าควรยิงธนูจากมุมไหน จึงจะตรงไปยังกระโจมแม่ทัพลู่เจ๋อ!”“เอาล่ะ อาหารที่ท่านแม่ทัพมอบให้พวกเรา เก็บซ่อนไว้ให้ดี อย่าให้ใครพบ หัวหน้าอาจเป็นคนจากโลกของท่านเทพ!”หวังเซิ่งพูดจบ กระโจมก็เงียบกริบใช่ พวกเขาได้ยินกันหมดมู่ฉีซิวไม่ใช่คนของโลกนี้ดังนั้น เขาจึงมีความคิดแปลกใหม่มากมายเขาเปลี่ยนเกลือหยาบให้เป็นเกลือขาวละเอียด วางขายในเมืองหลวง และยังส่งออกไปขายแคว้นอื่นได้ ทำเงินได้มากมายเขายังผลิตสบู่ ที่คล้ายกับของที่ท่านเทพมอบให้เพียงแต่ว่างานหยาบกว่า กลิ่นหอมสู้ของที่ท่านเทพประทานมาไม่ได้สบู่เป็นที่นิยมในหมู่ขุนนางแคว้นต่างๆทำให้เขาร่ำรวยมหาศาลเขายังเปิดโรงเตี๊ยมและร้านอาหาร ปรุงอาหารที่ขุนนางต้าฉี่ไม่เคยเห็นมาก่อนเช่น หม้อไฟ บาร์บีคิว ตลาดกลางคืน...เงินที่เขาหาได้ กองเป็นภูเขา!เขาเริ่มต้นสะสมความมั่งคั่งอย่างรวดเร็

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 445

    หวังเซิ่งและหลีชิงสบตากัน พวกเขาเห็นความตกตะลึงในดวงตาของกันและกันแม้ว่าจะไม่เข้าใจว่าผู้ชายสายวิศวะคืออะไร!แต่พวกเขาจดจำคำพูดของมู่ฉีซิวไว้ได้หัวหน้ากองทัพกบฏ เขาไม่ใช่คนในยุคนี้อาจมาจากโลกของท่านเทพในยุคปัจจุบันไม่น่าแปลกใจที่ประวัติศาสตร์จะเปลี่ยนไป กองทัพธงเหลืองล้มล้างอำนาจของต้าฉี่และสถาปนาแคว้นกลายเป็นผู้ชนะในท้ายที่สุด!ข่าวนี้สำคัญมาก ทั้งคู่สบตากันแล้วถอยออกจากกระโจมขณะกำลังจากไป ได้พบกับรองแม่ทัพเซวียเหวินเต๋อ ผู้ที่เคยสนับสนุนหวังเซิ่ง!เซวียเหวินเต๋อเรียกหวังเซิ่งและคนอื่น ๆ “พวกเจ้าไม่ได้จะไปพบหัวหน้าหรือ? ทำไมถึงกลับมา!”หวังเซิ่งย่องเข้าไปกระซิบข้างหูเซวียเหวินเต๋อเบา ๆ ว่า “ชู่... ตอนนี้หัวหน้ากำลังโกรธอยู่ในกระโจม กาน้ำชาและชุดจอกสุราถูกปาทิ้งหมดแล้ว อารมณ์เขาไม่ดี เราอย่าไปหาเรื่องใส่ตัวเลยดีกว่า”“รอเขาอารมณ์ดีแล้ว พวกเราค่อยไปพบ!”หวังเซิ่งพูดจบ ก็ได้ยินเสียงชั้นวางตกแตกดังมาจากข้างในเซวียเหวินเต๋อลูบจมูก หันหลังกลับ และเดินจากไปพร้อมกับคนอื่น ๆเขายังรู้สึกกลัว “โชคดีที่เจ้าเตือนข้า หัวหน้าเขาเป็นอะไร? ทำไมถึงโกรธขนาดนี้!”ปกติหัวหน้าอารมณ์ค

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 444

    ตอนนี้ฮ่องเต้โตแล้ว เผด็จการและหยิ่งผยอง รวบอำนาจไว้ในมือตนเองเขาฆ่าพรรคพวกของเสนาบดีไปมากมาย แม้ว่าทั้งสองฝ่ายจะยังไม่แตกหักแต่ฮ่องเต้องค์น้อยก็รวบอำนาจ และค่อย ๆ คิดจะกำจัดเขาฮ่องเต้องค์น้อยในวัยเยาว์กับตอนนี้ เหมือนเป็นคนละคนวัยเยาว์เป็นเพียงหุ่นเชิด ควบคุมได้ง่ายพอโตขึ้น เหมือนคนวิกลจริต อารมณ์แปรปรวน พร้อมที่จะชักดาบฆ่าคนได้ทุกเมื่อเรื่องที่เขาสมรู้ร่วมคิดกับกองทัพธงเหลือง หากถูกเปิดโปงต่อหน้าฮ่องเต้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือเท็จ เพียงแค่ฮ่องเต้จับผิดเขาได้ เขาจะต้องถูกประหารชีวิตเมื่อคิดถึงตรงนี้ เสนาบดีซูก็มีเหงื่อเย็นไหลออกมาเขาเดินวนเวียนในห้องหนังสือ สถานการณ์ตอนนี้เขาจะพลิกฟื้นได้อย่างไร จะรอดชีวิตก่อนที่ฮ่องเต้จะทรงพิโรธได้อย่างไรหลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็บอกหลี่สวิน “เรียกนายบัญชีสิบคนมา ภายในหนึ่งชั่วยาม ให้ตรวจนับทรัพย์สินทั้งหมดในจวน โฉนดที่ดิน โฉนดบ้าน คฤหาสน์ ร้านค้าหลายแห่งบนถนนไม่กี่สาย และสถานที่เก็บเสบียง...”“จัดทำเป็นบัญชี ข้าจะเข้าวังตอนค่ำ เพื่อเข้าเฝ้าฝ่าบาท!”“อีกอย่าง หวยหนานอ๋องชอบอนุคนใหม่ไม่ใช่หรือ? เจ้าสั่งคนให้อนุแต่งตัวให้สว

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status