“ข้าจะสลักศิลาจารึก สร้างศาลเทพให้ท่าน นำคุณูปการอันเกริกก้องของท่านสลักไว้บนศิลาจารึก”“ไม่ว่าผ่านไปสิบปี ร้อยปี พันปีก็จะมีคนจดจำท่าน”เย่มู่มู่ไม่มีความเห็นกับสิ่งนี้“เรื่องเล็กน้อยที่ข้าทำเหล่านี้ เมื่อเทียบกับเจ้าแล้ว ไม่มีค่าเลย!”จ้านเฉิงอิ้นกล่าวไม่เห็นด้วย “ไม่จริง สำหรับข้ามีความหมายมาก ถ้าไม่ใช่เพราะท่าน ข้าและเหล่านายทหารคงตายไปนานแล้ว”“เอาเถอะ ตามใจเจ้า ฝั่งของเจ้ามีภาพเหมือนหรือไม่ ถ้าไม่มีถ่ายรูปส่งมาให้ข้าที…”“ถ้าเจ้าไม่ส่งมาให้ พนักงานในพิพิธภัณฑ์จะดาวน์โหลดรูปจากออนไลน์ตามใจชอบ แล้วถือว่าเป็นเจ้า”“ข้างในพิพิธภัณฑ์ มีรูปคนแปลกหน้าแขวนอยู่ใต้ชื่อเจ้า ได้รับความเคารพจากคนรุ่นหลัง”“ถ้าเป็นข้า ข้าไม่สามารถยอมรับได้ หากมีใบหน้าธรรมดาไม่โดดเด่นหรืออัปลักษณ์น่าเกลียดของคนหนึ่งแขวนอยู่ใต้ชื่อข้า”จ้านเฉิงอิ้นตอบจดหมายกลับมา “ขอรับ ท่านเทพรอสักครู่ สาย ๆ ข้าจะถ่ายรูปส่งให้”“อืม ไม่ต้องเร่งรีบ เจ้าว่างแล้วค่อยถ่ายก็ได้”ไม่มีกระดาษข้อความเด้งออกจากแจกันอีกเย่มู่มู่ทำท่าหาวแล้วฟุบหลับไปบนโต๊ะเธอไม่รู้ว่านอนไปนานเท่าไหร่ ท่ามกลางอาการสะลึมสะลือ เธอได้ยินเสียงแ
เย่มู่มู่อ่านความคิดเห็นของเหล่าสาว ๆ ชอบใจหัวเราะคิกคักเหล่าพี่สาวพูดเก่งกันจริง ๆ พูดอีกเยอะ ๆ เธอชอบฟัง!เธอรออยู่ครู่หนึ่ง จ้านเฉิงอิ้งยังไม่ส่งภาพวาดมาให้หรือว่าจ้านเฉิงอิ้นขวยเขินกับภาพตนเองเกินไป?ไม่อยากส่งภาพมาให้?เวลาผ่านไปราวครึ่งชั่วโมง เย่มู่มู่ตัดสินใจส่งกระดาษข้อความให้เขา“จ้านเฉิงอิ้นวาดเสร็จหรือยัง?”“ยังขอรับ ข้าส่งให้ท่านเทพตอนดึกอีกทีได้หรือไม่?”“เอาเถอะ พิพิธภัณฑ์เป็นฝ่ายขอภาพเหมือนของเจ้า จะให้เมื่อไหร่ สิทธิการตัดสินใจอยู่ที่เจ้า!”“ขอบคุณท่านเทพที่เข้าใจ ท่านเทพ ข้ามีเรื่องจะขอร้อง…”“สนิทกันเพียงนี้แล้ว เจ้ายังเกรงใจอะไรข้าอีก มีอะไรพูดมาได้เลย!”เย่มู่มู่ขายวัตถุโบราณไปหนึ่งชุด ได้เงินมา3.75หมื่นล้าน ในโกดังยังมีวัตถุโบราณอีกจำนวนมากทั้งหมดนี้ล้วนเป็นทรัพย์สมบัติที่มีมูลค่ามหาศาลจ้านเฉิงอิ้นร้องขอบางอย่างจะเป็นอย่างไร!อืม แน่นอนว่าทำให้เขาได้ทุกอย่าง!“ท่านเทพสั่งซื้อธนูทดกำลังอีกหนึ่งชุดได้หรือไม่ รวมถึงลูกธนูที่ใช้กับธนูทดกำลังโดยเฉพาะ”จ้านเฉิงอิ้นบอกเล่าว่าทหารเผ่าฉู่กระสุนหมดเสบียงเกลี้ยง ม่อเป่ยอ๋องหลัวซู่จะนำกองกำลังทหารเผ่าหมานส
เขาไม่ได้เขียนอะไรอีกเพียงคิดก็รู้แล้วว่าเขาวิตกกังวลมากเย่มู่มู่ยกปลายปากกา ตอบจดหมายกลับไป“จ้านเฉิงอิ้น เจ้าคือแม่ทัพใหญ่ที่เบื้องหน้ามองไม่เห็นสิ่งใด ย้อนกลับไปไม่เห็นผู้ใด เมื่อมองภาพรวมประวัติศาสตร์ทั้งหมดของแคว้นฉี่ ไม่ว่าจะเป็นฮ่องเต้หรือขุนนาง ไม่มีใครถูกบันทึกชื่อในหนังสือประวัติศาสตร์ เจ้าคือหนึ่งเดียวที่ถูกละเลงด้วยหมึกเข้มข้น ได้รับการยกย่องในหนังสือประวัติศาสตร์”“ศึงสงครามครานี้ เจ้าจะได้รับชัยชนะแน่ โปรดเชื่อมั่นในตนเอง”“ข้าจะช่วยเจ้าด้วยกำลังทั้งหมดที่ข้ามี”“ถ้าศึกสงครามครั้งนี้ได้รับชัยชนะ ด่านเจิ้นกวนจะไม่ถูกปิดล้อมและเหล่าพลเมืองจะได้รับอิสระด้วยใช่หรือไม่?”หลังจากเย่มู่มู่หย่อนจดหมายลงไป เพียงครู่หนึ่ง จ้านเฉิงอิ้นก็ส่งจดหมายกลับมา“ขอรับ ถ้าครั้งนี้เอาชนะการปิดล้อมจากสามทิศได้ จะไม่มีแคว้นใดกล้าจ้องตาเป็นมันกับต้าฉี่อีก และในหนึ่งร้อยปีจะไม่มีใครกล้ากระทำอีกด้วย!”“จ้านเฉิงอิ้น เจ้าต้องสู้นะ จงมีชีวิตรอดกลับมา!!”“เจ้าเคยรับปากข้า ว่าจะรวมหัวเซี่ยให้เป็นหนึ่งและไปพิชิตต่างแดน”“เจ้าห้ามผิดสัญญา!”เป็นเวลานาน กว่าจะมีจดหมายส่งกลับมาในแจกัน“ขอรับ
“ในช่วงเวลานี้ ข้าได้เล่นอากาศยานไร้คนขับ ได้ขับรถแทร็กเตอร์ ได้ใช้แท็บเล็ต…ชีวิตนี้นับว่าคุ้มค่าแล้ว”สายตาทุกคนทอดมองรัฐทายาทน้อยอย่างปลื้มใจเขาเปลี่ยนไปมาก เปลี่ยนไปมากที่สุดในหมู่นายทหารเมื่อก่อนเขากลัวว่าต้องลงสนามรบ ไม่กล้าฆ่าคนตั้งแต่เกิดภัยแล้งและทุพภิกขภัย อุปนิสัยเขาเปลี่ยนไปมาก เลิกทัศนคติเยาะเย้ยถากถางสังคมและเริ่มฝึกซ้อมศิลปะการต่อสู้ในสนามครั้นเผ่าหมานบุกมารุกราน เขายังลงสนามรบไปช่วยฆ่าศัตรูใช้อากาศยานไร้คนขับพกพาระเบิด บังคับเล่นมันประหนึ่งมืออาชีพพันธมิตรสามฝ่ายถอยทัพเมื่อครั้งก่อน มั่วฝานมีผลงานความดีควรได้รับยกย่องเขานำทรัพย์สมบัติทั้งหมดออกมา มอบถวายให้ท่านเทพ เป็นเพราะรู้ว่าศึกสงครามหน้ายากจริง ๆ !ครั้นทุกคนเห็นความใจกว้างของมั่วฝาน จึงเปิดกล่องของตนเองด้วยอย่างเด็ดขาดเป็นทองคำเงินเครื่องประดับทั้งนั้นทรัพย์สินครอบครัวถูกนำออกมาจนไม่เหลือพวกเขามีความคิดเช่นเดียวกับมั่วฝาน หากพ่ายแพ้ขึ้นมา จะให้ศัตรูได้ประโยชน์ไปง่าย ๆ ไม่ได้หากได้รับชัยชนะ ถึงแม้ทรัพย์สินครอบครัวจะหมดลง แต่ท่านเทพไม่มีทางดูพวกเขาอดตายท่านจะส่งน้ำและเสบียงอาหารมาให้อีกในป
เจ้าของโรงงานตอบกลับ “ใกล้แล้ว ใกล้แล้ว!”เย่มู่มู่เพิ่มเป็นชุดละสองหมื่นห้าพันบาท ขอเพียงเขาส่งให้ก่อนหนึ่งชุดในวันพรุ่งนี้เจ้าของร้านกล่าวว่ามีเพียงหนึ่งพันกว่าชุดเท่านั้น!ไม่เป็นไร นางต้องการด่วน!หลังจากวางสาย เธอเปิดรายชื่อผู้ติดต่อและเริ่มโทรถามเพื่อนสมัยมัธยมปลายทีละคนชั้นมัธยมปลายเธอเข้าเรียนในโรงเรียนนานาชาติ มีเพื่อนสองสามคนกำลังศึกษาที่ประเทศเหม่ยลี่ครั้นรู้ว่าเธอถามหาปืนไรเฟิลต่างรู้สึกว่าเธอบ้าจึงวางสายอย่างรีบร้อนเพื่อนของพ่อและแม่ ครั้นรับสายและรู้ว่าเป็นเธอ ก็กลัวเย่มู่มู่จะทำให้พวกเขาลำบาก เย่มู่มู่ยังไม่ทันเอ่ยถาม ก็พากันวางสายโดยตรงพวกเขาแสดงท่าทีไร้น้ำใจต่อกันได้อย่างถึงอกถึงใจจริง ๆครั้นหาปืนไรเฟิลไม่ได้ เธอทอดมองทองคำเงินเครื่องประดับที่อยู่เต็มห้องถ้าพวกเขาตายกันหมด!เธอเก็บเงินเหล่านี้ไว้ ก็ใช่ว่าจะสบายใจจะทำอย่างไรดี?*ภายในกระโจม หลังจากทุกคนส่งทองคำเงินเครื่องประดับไปแล้ว บรรยากาศเงียบสงัด ทุกคนนิ่งเงียบไม่พูดจา!พวกเขาไม่ได้อาลัยเงินทองแต่เพราะคิดว่าจะตายในอีกสองสามวัน ถึงแม้เห็นความเป็นความตายจนเคยชิน แต่ในใจก็ยังกลัวต่อความเป็น
พวกนายทหารวิ่งไปดูอาการบาดเจ็บของมั่วฝานเขาไม่ได้เป็นอะไร ถุงลมนิรภัยไม่ได้เด้งออกมาเขาเปิดประตูรถอย่างยากลำบาก บนหน้าผากมีลูกโนขนาดใหญ่ ตอนก้าวลงมาขาสองข้างเกิดอาการอ่อนแรงความมั่นอกมั่นใจเมื่อครู่นี้ กลายมาเป็นความคับแค้นใจ“รถยนต์ขับยากเกินไป ยากกว่ารถไถนาเสียอีก!”เฉินขุยหัวเราะและกล่าว “บอกแล้วว่าอย่าอวดเก่ง!”เจียงหยวนเป็นคนพยุงมั่วฝานและหาเก้าอี้ตัวหนึ่งให้เขานั่งจวงเหลียงเป็นคนช่วยเขาเช็ดบาดแผลและทำลูกหัวโนตรงหน้าผากให้ยุบคนวัยหนุ่มเหอหง เฉินจวิ้นหลินและอีกสองสามคน ต่างเดินล้อมรอบอยู่ข้างรถพวกเขาชอบรถ โดยเฉพาะรถออฟโรดขนาดหนักทรงพลังและมีอำนาจ…ต่างรู้สึกคันไม้คันมือ อยากขึ้นไปลองขับแต่ทว่า ไม่มีใครสามารถเปิดเครื่องยนต์รถได้สำเร็จเลยสักคนกลับเป็นเจียงหยวน ที่ไม่รู้เลยว่าเขาถอยรถออกมาและขับไปยังพื้นที่โล่งได้สำเร็จได้อย่างไรทุกคนมองเจียงหยวนอย่างประหลาดใจ รองแม่ทัพของมั่วฝานผู้นี้ไม่ธรรมดา!คิดไม่ถึงว่าจะเรียนรู้การถอยรถเป็นแล้ว!ในเวลาเดียวกัน เย่มู่มู่ส่งกระดาษแผ่นเล็กมาอีกหนึ่งแผ่น“เป็นอย่างไรบ้าง ลองขับรถแล้วหรือยัง ถ้ามีความจำเป็น พรุ่งนี้ข้าไปซื้อเ
เด็กกำพร้าและหญิงม่ายอยู่ในค่ายทหารของสวีหวยต่อไป สุดท้ายก็ไม่อาจหลีกหนีชะตาชีวิตในการถูกกินจึงได้หนีภัยมายังด่านเจิ้นกวน!อีกทั้งยังมีนายทหารบางคน ยอมเดินด้วยเท้าสามสิบลี้ท่ามกลางแสงแดดร้อนผ่าวมาถึงด่านเจิ้นกวนเพื่อให้ภรรยาและลูกมีชีวิตรอดต่อไปพวกเขาเพียงต้องการหนทางรอดชีวิตหนทางหนึ่งเท่านั้นจึงไม่กล้าจินตนาการถึงด่านเจิ้นกวนว่าดีเพียงใด ตราบใดที่มีใบไม้หญ้าและรากเพียงพอ พวกเขาก็จะยอมรับมัน!แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่า หลังจากมาถึงด่านเจิ้นกวนชาวเมืองด่านเจิ้นกวนทุกคน ล้วนใส่เสื้อผ้าสีสันสดใสที่ทำจากวัสดุฝ้ายไม่ว่าจะเป็นผู้สูงวัยหรือว่าเด็กน้อย เสื้อผ้าล้วนใหม่เอี่ยมทุกตัว!เหล่าทหารล้วนสวมใส่เสื้อผ้าที่เรียบร้อย ที่เท้าสวมไว้ด้วยรองเท้าผ้าใบ ชุดเกราะขาวสะอาดเป็นระเบียบ เสื้อซับในของชุดทหารก็ดูมีคุณภาพดีเยี่ยมเป็นเสื้อผ้าเนื้อดีกว่าของเหล่าขุนนางชนชั้นสูงที่สวมใส่ ก่อนเกิดทุพภิกขภัยก่อนหน้านี้อีก!ครั้นพวกเขาถูกพามาถึงท้องถนนบนพื้นที่อยู่อาศัยเห็นข้างหน้ามีคนกำลังต่อแถวรับน้ำก๊อกน้ำอยู่กลางถนน เพียงบิดมัน แหล่งน้ำสะอาดก็ไหลออกมาซ่า ๆ ทันทีมีคนตะโกนในกลุ่มผู้ประสบภัย
จ้านเฉิงอิ้นขมวดคิ้ว!จะทำการโจมตีเมืองมะรืนนี้หรือ?อาวุธชุดที่สองที่ท่านเทพส่งมา อาจจะมาถึงไม่ทันเวลาซุนหย่าปาพูดต่อไปว่า “ฮ่องเต้แคว้นฉี : พูดไปก็ไร้ประโยชน์ รอให้หลัวซู่พาเหล่าทหารมาถึงก่อน ค่อยแบ่งหน้าที่กันอีกที!”“หลิงเซี่ยวเฟิง : การร่วมมือของสามฝ่ายต้องประสานกันอย่างดีถึงจะสามารถตีด่านเจิ้นกวนได้ แต่พระองค์กลับคิดแต่จะเหยียบศพสหายร่วมรบเพื่อเลื่อนตำแหน่ง คนอย่างพระองค์ถึงมีอยู่ก็ทำให้ด่านเจิ้นกวนไม่สามารถถูกตีได้เสียที!”“รอให้หลัวซู่มาถึงด่านเจิ้นกวนแล้ว ข้าจะร่วมมือกับเขา ส่วนเจ้า...ไปหาที่เย็น ๆ นั่งรอเงียบ ๆ เถอะ!”กล่าวจบ หลิงเซี่ยวเฟิงก็หันหลังกลับเข้ากระโจมฉีซวนเหิงถือพัดหยกขาว ส่ายพัดไปมา บนริมฝีปากเผยยิ้มเยาะ แล้วเดินกลับเข้าไปในค่ายแคว้นฉีซุนหย่าปากล่าวว่า “ท่านแม่ทัพ ข้าบอกทุกคำที่พวกเขาพูดตามความจริง น่าจะไม่มีข้อผิดพลาดขอรับ!”จ้านเฉิงอิ้นกล่าวชื่นชม “ทำได้ดี ไปที่โต๊ะในห้องโถงหารือ เอาโค้กมาดื่มสักขวดเถอะ!”ซุนหย่าปารู้สึกดีใจมาก ดวงตาของเขาทอประกายแสงสว่างในความมืด“ข้าขอสามขวดได้หรือไม่? พี่ใหญ่เว่ย เสี่ยวลิ่วจื่อ ข้าขอให้คนละขวด!”“ได้สิ!”ซุนห
“ข้าจะออกจากเมืองไปฆ่าเขาเอง!”แม่ทัพผู้ทรยศต่อบ้านเมืองขาดน้ำไร้เสบียงคนหนึ่ง กลับยังกล้าไม่เห็นหัวพวกเขาให้เกียรติมันเกินไปแล้ว! จ้านเฉิงอิ้นเอ่ยขึ้นว่า “เขาอยากได้ด่านเจิ้นกวน พวกเราก็ย่อมหมายจะได้กองกำลังของเขาเช่นกัน!” “คอยดูเถิด อีกหน่อย สวีหวยจะล้มเอง” สิ้นคำพูดของเขา ทันใดนั้น จากมุมอับหนึ่งของกระโจมข้าง ๆ ปืนล่าสัตว์ก็ยื่นออกมา มือปืนเหนี่ยวไก ยิงกระสุนตรงเข้าหัวใจของสวีหวย ปัง~ ระยะที่ใกล้เกินไป ทำให้สวีหวยและหลี่หู่รู้สึกตัว แต่ก็สายเกินกว่าจะหลบหลีกได้ ทั้งสองรู้จักเพียงคันธนู แต่ไม่รู้จักสิ่งที่เรียกว่าปืน สวีหวยที่ถูกยิงก็ล้มลงทันที...หลี่หู่รีบตะโกนอย่างร้อนรน “มีนักฆ่า ทหาร”“เร็ว มาช่วยแม่ทัพ...”พลทหารในกระโจมใกล้เคียง เมื่อได้ยินเสียงผิดปกติ ก็คว้าดาบพุ่งเข้ามายังที่ซ่อนของเฉินขุยและพรรคพวกทันที... ฟิ้ว~ ดาบที่เพิ่งถูกยกขึ้น ก็ถูกหน้าไม้ราชวงศ์ฉินบนกำแพงเมืองตะวันตกยิงเข้าอย่างแม่นยำ ร่างนั้นล้มลงในทันที เสียงจากลำโพงบนกำแพงเมืองดังกึกก้อง ในค่ำคืนอันเงียบสงัด เสียงนั้นยิ่งชัดเจน! “หากคิดจะเข้าด่านเจิ้นกวน อย่าได้ประมาทหรือ
จ้านเฉิงอิ้นเดินออกจากกระโจม ร่วมดื่มเหล้าและกินเนื้อกับเหล่าทหาร ในช่วงเที่ยง พ่อครัวยุ่งวุ่นวายกับการจัดเตรียมอาหารสำหรับชาวเมือง มีทั้งปลานึ่ง เป็ดแย่ง ไก่ตุ๋น...กลิ่นหอมอบอวลของอาหารเหล่านี้แผ่กระจายไปทั่วทั้งค่ายทหาร ชาวบ้านที่เคยกินเพียงข้าวต้มขาวทุกวัน บางครั้งถึงกับต้องเอาข้าวสารไปแลกเนื้อม้ากับโรงครัวเพื่อประทังชีวิต แต่งานเลี้ยงฉลองชัยในวันนี้ กลับมีปลานึ่งที่ชาวบ้านจำนวนมากไม่เคยเห็นมาก่อน ในพื้นที่ตอนเหนือ แม้ก่อนจะเกิดภัยแล้ง ฝนก็ตกน้อยมาก ปลาจึงกลายเป็นของหายาก! จะพบได้เฉพาะในแม่น้ำชานเมืองใกล้เมืองหลวง ซึ่งแม่น้ำถูกชนชั้นสูงเหมาไว้เลี้ยงปลาปลาจึงเป็นอาหารที่ราคาแพงอย่างยิ่งในเมืองหลวง วันนี้ ชาวเมืองทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กต่างได้ลิ้มรสเนื้อปลาเป็นครั้งแรก รอยยิ้มเปี่ยมสุขปรากฏบนใบหน้าของทุกคน พวกเขากินกันอย่างเอร็ดอร่อย นอกจากนี้ ยังมีไก่ตุ๋น เป็ดย่าง... และอาหารอร่อยอื่น ๆ อีกมากมาย ชาวบ้านที่ตรากตรำทำงานหนักตลอดชีวิต ไม่เคยมีโอกาสได้ลิ้มรสอาหารที่อุดมสมบูรณ์ขนาดนี้มาก่อน สุราขาวและเบียร์มากกว่าพันลังถูกนำออกมา เหล่าทหารดื่มกินกันอย่างเต็
*หลังจากซ่อมกระโจมของจ้านเฉิงอิ้นเสร็จ เถียนฉินเดินเข้ามารายงาน“แม่ทัพ สวีหวยกับกองกำลังคนและม้าหนึ่งแสนคน ตั้งค่ายพักที่ประตูทิศตะวันออก ไม่ยอมจากไปขอรับ”“สมาชิกในครอบครัวของพวกทหารล่ะ?”เถียนฉินถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “เมื่อคืน เพื่อล่อให้ท่านออกจากเมือง สมาชิกในครอบครัวหนึ่งหมื่นกว่าคนของทหาร ถูกฆ่าตายหกพันคน เหลือเพียงผู้หญิงและเด็กที่บาดเจ็บจำนวนหนึ่งเท่านั้น!”“พวกนางอยากเข้าด่านเจิ้นกวน แต่สวีหวยไม่ยอมปล่อยคน”“วันนี้ แม่ทัพเฉินขุยเฉินอู่เกณฑ์ทหาร มีคนสนใจจำนวนมากขอรับ แต่กลับถูกสวีหวยฆ่าตายถึงสามคนที่ตรงนั้น คนที่เหลือเลยไม่มีใครกล้าขยับตัวอีก!”ในเวลาเดียวกัน เฉินขุยเปิดม่านกระโจมเดินเข้ามาหลังจากเขานั่งลง เขาดื่มน้ำคำใหญ่ก่อน จากนั้นเริ่มระบายความโกรธด่าทอสวีหวย“ในมือเขาไม่มีเสบียงอาหารแต่ก็ไม่ยอมให้นายทหารใต้บัญชาเข้าเมือง!”“และยังเชือดไก่ให้ลิงดู!”“คนที่ติดตามเขา นับว่าโชคร้ายแปดชั่วอายุคน”“วางใจเถอะ สามีของหลานสาวข้าเฉิงจื่อเซียว กล่วว่าคืนนี้จะนำคนกลุ่มหนึ่งเข้าเมือง เขาทนการฆ่าผู้บริสุทธิ์ของสวีหวยไม่ไหวแล้วเช่นกัน”สวีหวยทำเช่นนี้ เขากำลังเดิมพันเดิมพั
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นเธอซื้อของใช้ประจำวันมากหน่อยและส่งไปด่านเจิ้นกวนหลังจากพูดคุยกับจ้านเฉิงอิ้นเสร็จเธอชำระล้างง่าย ๆ แล้วลงไปข้างล่างเธอกินอาหารเช้าพร้อมใช้มือถือสั่งของผู้หญิงล้วนชอบซื้อของทุกคนเธอซื้อของอย่างมีความสุขมากเธอเข้าไปร้านค้าออนไลน์ของศูนย์การค้าท้องถิ่น สั่งซื้อน้ำหอม ครีมบำรุงผิว เครื่องสำอางค์ ลิปสติก ปากกาเขียนคิ้ว อายแชโดว์ รองพื้น โฟมล้างหน้าก่อน…ให้พี่ขนส่งหรือพี่รับจัดการเรื่องแทนส่งมาให้จากนั้นเธอซื้อของใช้มีประโยชน์เช่น ผ้าเช็ดทำความสะอาด ทรายขัดผิว สบู่กำมะถัน รองเท้าแตะ ถุงเท้า ถุงมือแรงงานและยากำจัดเหาต่อ…หนึ่งร้อยลังเป็นอย่างต่ำ เธอพูดคุยกับร้านค้า ให้เจ้าของร้านส่งของถึงหน้าประตู!หลังจากหนึ่งชั่วโมงผ่านไป เจ้าของร้านข้าวมาพร้อมกับแอลกอฮอล์หนึ่งคันรถพี่ซุนเรียกยามมาช่วยขนถ่ายสินค้าเมื่อมีคนมาก การขนถ่ายจึงรวดเร็ว ของที่สั่งล้วนวางไว้ข้างในโกดังจอดรถของคฤหาสน์ หลังจากคนเดินออกไปแล้ว เย่มู่มู่ดึงประตูม้วนโกดังลงมาและทำการส่งแอลกอฮอล์เครื่องดื่มไปให้จากนั้นคนขับหวงขับรถมาส่งเนื้อสัตว์ไม่มีใครช่วยคนขับหวงขนถ่าย เธอจึงให้คนข
*จ้านเฉิงอิ้นนั่งลง หยิบกระดาษจับพู่กันแล้วตอบจดหมายเย่มู่มู่“ท่านเทพ ตื่นแล้วหรือ?”เย่มู่มู่มองเวลาเก้าโมงเช้า ยังดี ถือว่าตื่นเช้า!“ด่านเจิ้นกวนเริ่มงานเลี้ยงฉลองความสำเร็จแล้วหรือ?”“ใช่ กำลังกินขอรับ”“ในค่ายทหารทำของอร่อยอะไรบ้าง?”“เมื่อคืนนำเนื้อม้ากลับมาได้จำนวนมาก จึงทำเนื้อม้าเป็นกะมะลังใหญ่ ยังมีพืชผักที่ส่งมาเมื่อครั้งก่อน มีข้าวสารนึ่งสุก พลเมืองทั่วทั้งเมืองมาร่วมกินด้วยกันทุกคน ทุกคนดีใจมาก...”กระบี่คมกริบที่แขวนไว้ในด่านเจิ้นกวนหายไปแล้วเย่มู่มู่จินตนาการได้ว่าทุกคนดีใจเพียงใดหนึ่งปี!หนึ่งปีเต็ม ๆ กองทัพตระกูลจ้านต้องสูญเสียคนถึงหนึ่งแสนแปดหมื่นคนชาวเมืองด่านเจิ้นกวนสองแสนคนล้มตายเสียชีวิตจากนี้ไป ทุกคนสามารถดำรงชีวิตต่อไปและเดินทางเข้าออกเมืองได้อย่างอิสระ จะไม่มีกองทัพศัตรูปิดล้อมพวกเขาอีกแล้ว!“ทำดีมาก! นักเรียนจ้านเฉิงอิ้น เมื่อคืนเจ้าทำตัวกล้าหาญองอาจเป็นอย่างมาก!”“ท่านเทพยกยอเกินไป เป็นเพราะท่านเทพส่งเสื้อเกราะกันกระสุนกับปืนล่าสัตว์มาได้ทันเวลา ทำให้หน่วยดาบม่อเตาที่เป็นแนวหน้า ฆ่าฟันศัตรูได้ตามใจชอบราวกับเข้าไปในดินแดนไร้คน…”“อืม ในเม
จ้านเฉิงอิ้นกล่าวหยุดเฉินขุย“เจ้าออกไปทางลับ ถ้ามีคนยอมติดตามกองทัพตระกูลจ้าน นำตัวกลับเข้ากองทัพ!”“ขอรับ แม่ทัพ!”“สำหรับสวีหวย ข้าไม่ลงมือฆ่าเขาด้วยตนเอง ถือว่าให้ความเมตตาที่สุดแล้ว!”“พระราชโองการนั่นที่เขากล่าวถึง ข้าออกรบชนะศึก ฮ่องเต้จะยกให้คนอื่นมารับช่วงด่านเจิ้นกวนต่อได้อย่างไร ต้องเป็นของปลอมแน่!”เฉินขุยเฉินอู่พยักหน้าซ้ำ ๆ เห็นด้วย“ใช่ เป็นของปลอม สวีหวยประกาศพระราชโองการปลอม ความผิดของเขาต้องฆ่าทิ้งทันที!”“เพื่อเพิ่มความปรีดาให้แก่ท่าน ข้าน้อยจะไปกวาดล้างคนเลวข้างกายฮ่องเต้ ตัดหัวสวีหวยผู้ประกาศพระราชโองการปลอมเดี๋ยวนี้!”สองพี่น้องนำคนและม้าออกจากเมืองไปอย่างยิ่งใหญ่เกรียงไกรจ้านเฉิงอิ้นจึงนั่งลงอีกครั้ง เห็นมั่วฝานทอดมองแผ่นหลังที่กำลังจากไปของสองพี่น้องพร้อมกับขมวดคิ้วเขาจึงถามมั่วฝาน “เป็นอะไรไป?”“ตอนนี้ยังฆ่าสวีหวยไม่ได้!”“เพราะเหตุใด?”มั่วฝานนำสารลับที่ได้รับวันนี้จากไทเฮา ยื่นให้จ้านเฉิงอิ้นจ้านเฉิงอิ้นเปิดสารลับอ่าน คิ้วยาวดุจดาบพลางขมวดเล็กน้อยมั่วฝานกล่าวต่อ “บุตรสาวของสวีหวยได้รับความโปรดปรานเป็นอย่างมากในพระราชวังถูกแต่งตั้งให้เป็นกุ้
อำนาจทางการทหารของกองทัพตระกูลจ้านจะถูกส่งต่อให้กับคนอื่นกองทัพตระกูลจ้านไม่เป็นที่พอใจในสายตาของฮ่องเต้ตั้งแต่ต้นวันนี้พวกเขามีเสบียงมีน้ำ มีอุปกรณ์ติดตัวที่ยอดเยี่ยม…สมาชิกราชวงศ์ต้าฉี่ประพฤติตนไร้สาระ เสนาบดีซูขูดรีดพลเมืองสภาพการณ์ของชาวเมือง ไม่ต่างจากด่านเจิ้นกวนในเวลานั้นภายในแคว้นต้าฉี่มีอิทธิพลหลายกลุ่มเริ่มผนึกตัว เพียงแต่ถูกกำลังทหารสองแสนคนขวางไว้ถ้าชาวเมืองมีชีวิตต่อไปได้ ใครจะรวมพลก่อกบฏอีกเล่าทุกคนล้วนอยู่ภายใต้หนทางตัน สุดท้ายจึงจำใจเลือกเส้นทางนี้จ้านเฉิงอิ้นทำลายกองทัพพันธมิตรของแคว้นฉู่กับแคว้นฉีอย่างแสนสาหัส ทำให้กองทัพเผ่าหมานต้องถอยทัพด้วยความปราชัย ชื่อเสียงของเขาในหมู่พลเมือง อยู่เหนือกว่าสมาชิกราชวงศ์ไปมากฮ่องเต้ไม่อาจยอมรับเขาได้ถอดชุดเกราะเป็นเพียงก้าวแรก ยึดอำนาจทางการทหารของแม่ทัพแล้วยังไม่สบายใจต้องประหารชีวิตแม่ทัพอย่างแน่นอน!พวกเขามีมิตรภาพที่ผ่านความตายมาด้วยกันทั้งนั้น เผชิญความอดอยากด้วยกันในด่านเจิ้นกวน ฆ่าศัตรูในสนามรบไปด้วยกันยิ่งไปกว่านั้น แม่ทัพสามารถติดต่อกับท่านเทพเช่นนั้นแม่ทัพจะกลับเข้าเมืองหลวงไม่ได้ในเวลานี้ ทุ
ลำโพงประกาศเสียงบนกำแพงเมืองราวกับเสียงประหลาดที่ดังก้องหู มันเล่นซ้ำแล้วซ้ำเล่าทหารใต้บังคับบัญชาของสวีหวยล้วนรู้สึกสนใจ!ก่อนที่พวกเขาจะมาที่นี่ สำหรับข่าวคราวที่ว่าด่านเจิ้นกวนมีน้ำมีเสบียงอาหาร บางทียังยึดมั่นในความสงสัยวันนี้เมื่อเห็นบนกำแพงมีทหารชั้นผู้น้อยเฝ้าประตูเมือง กินข้าวโดยใช้กะละมังและดื่มน้ำอย่างตามใจโดยไม่รู้สึกสิ้นเปลือง!ชีวิตดี ๆ ที่พวกเขามี เทียบได้กับช่วงก่อนเกิดภัยแล้งและทุพภิกขภัยไม่ ดีกว่าช่วงก่อนเกิดภัยแล้งและทุพภิกขภัยเสียอีกชีวิตของทหารในด่านเจิ้นกวน เทียบเท่ากับตระกูลชนชั้นสูงของเมืองหลวง ทำให้คนที่อยู่ข้างล่างนับไม่ถ้วนล้วนเกิดแรงปรารถนาพวกเขาอยากเข้าไปในเมือง อยากเข้าร่วมกองทัพตระกูลจ้าน อยากมีข้าวสวยกินทุกวัน อยากมีน้ำที่ดื่มไม่หมดทุกคน!สวีหวยโมโหและดุด่า “ไปเรียกจ้านเฉิงอิ้นออกมา ข้ามารับช่วงด่านเจิ้นกวนพร้อมด้วยพระราชโองการจากฮ่องเต้!”ครั้งนี้ คนที่อยู่ใกล้กำแพงเมืองไม่กี่คน มองสวีหวยคราหนึ่งโดยไม่แสดงอารมณ์ใดในสายตานั้น ไร้ซึ่งความเคารพและความกลัวของทหารที่พึงมีต่อแม่ทัพอย่างสิ้นเชิงใช้แววตาเรียบนิ่งมองสวีหวย กระทั่งแฝงความรังเกียจ
นายทหารหนึ่งในนั้นกลับยกกาน้ำแล้วเริ่มดื่มน้ำเนื่องจากดื่มเร็วและรีบเกินไป น้ำจึงไหลตามมุมปากลงมาที่ลำคอและทำให้คอเสื้อเปียกเขาไม่ประหยัดน้ำแม้แต่น้อย!จวบจนวินาทีนี้ ทุกคนจึงมั่นใจว่าในเมืองด่านเจิ้นกวนมีน้ำ มีเสบียง…นายทหารข้างล่างกำแพงเมือง เผยดวงตาอันแดงก่ำพวกเขาแทบอดไม่ได้ที่จะปีนขึ้นไปบนกำแพงแล้วแย่งน้ำมาดื่มเองแย่งข้าวสารของพวกเขาแล้วกินเข้าไปเอง!พวกเขาอยากดื่มน้ำ อยากกินเนื้อมากจริง ๆที่ทำเกินไปยิ่งกว่านั้น โต๊ะที่ห่างจากกำแพงเมืองโต๊ะนั้น มีทหารหนึ่งคนถือกะละมังเคลือบเซรามิกไว้อันหนึ่ง ข้างในมีข้าวหุงสุกข้าวหุงสุกเป็นเม็ด ๆ ชัดเจน พวกเขาใช้กะละมังเคลือบเซรามิกที่ใหญ่กว่าหม้อมาใส่ข้าว และราดเต็มไปด้วยเนื้อกับผักเขานั่งยองบนกำแพงเมือง ใช้ตะเกียบหนึ่งคู่ปัดเข้าปากอย่างเต็มกำลังเขากินอย่างรวดเร็วและรีบเร่ง…จนนายทหารข้างล่างที่ทอดมองมา พากันกลืนน้ำลายไม่หยุดถ้าสามารถบินได้ พวกเขาจะบินขึ้นบนกำแพงเมืองและแย่งข้าวหุงสุกกะละมังนั้นมาจากเขาให้จงได้ทหารชั้นผู้น้อยที่เฝ้าเมืองคนนี้ เหน็ดเหนื่อยเป็นอย่างมาก อันเนื่องจากจ้านเฉิงอิ้นเดินทางไปกลับเมื่อคืนเขาเหนื่อ