ฟางอวี่เจิ้งรีบวิ่งไปชำระเงินที่หน้าเคาน์เตอร์ หลังจากออกมาพร้อมกับฉู่เฉินถึงค่อยเอ่ยเสียงเบาว่า “คุณฉู่ ผมไม่ได้พูดผิดใช่ไหม เสี่ยวหนานคนนั้นเยี่ยมมากเลยใช่หรือเปล่า?”ฉู่เฉินขมวดคิ้ว มองฟางอวี่เจิ้งแวบหนึ่งแล้วพูดว่า “ฟังจากความหมายของประธานฟาง คุณก็เคยเรียกเสี่ยวหนานด้วยเหรอ?” เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ฟางอวี่เจิ้งก็รีบส่ายหน้ากล่าวว่า “ไม่นะครับ คุณฉู่ ผมสาบานต่อฟ้าเลยว่าไม่เคยเรียกเสี่ยวหนานมาก่อน” ฉู่เฉินหัวเราะเบา ๆ แล้วตบไหล่ฟางอวี่เจิ้งก่อนจะพูดว่า “ประธานฟาง ทางที่ดีคราวหน้าอย่ามาที่นี่เลยนะครับ”ฉู่เฉินกล่าวจบก็เดินเข้าไปนั่งในรถโดยไม่รอให้ฟางอวี่เจิ้งเอ่ยปาก“คุณฉู่ เสี่ยวหนานคนนั้นทำเรื่องไม่ดีใช่หรือเปล่า ผมสามารถ...”ฉู่เฉินโบกมือเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ประธานฟาง จำคำพูดของผมไว้นะครับ อย่ามาเที่ยวที่นี่อีก ไม่งั้นจะเอาชีวิตไปทิ้ง” ฉู่เฉินพูดจบก็สตาร์ตรถ มุ่งหน้าไปทางบ้านเก่าของตระกูลฉู่เขาไม่เข้าใจจริง ๆ เสี่ยวหนานคนนั้นมีโอกาสแท้ ๆ แต่ทำไมไม่ลงมืออีกล่ะ?นอกจากนี้ ร้านนวดแผนไทยร้านนั้นจะต้องมีปัญหามากแน่ ๆพอคิดได้ดังนี้ ฉู่เฉินเหยียบเบรกฉับพลันก่อนจะกลับรถ แล้วขับไ
เมื่อฉู่เฉินกลับไปถึงบ้านเก่าของตระกูลฉู่ พวกอวี้ลู่กำลังนั่งปรึกษาเรื่องชุดเดรสรุ่นใหม่ด้วยกัน พอเห็นฉู่เฉินกลับมา ต้วนหลิงเวยก็รีบเข้าไปต้อนรับ“นายท่าน คุณกลับมาแล้ว”ฉู่เฉินแต่พยักหน้าเล็กน้อย แล้วเดินไปทางห้องลับอย่างรวดเร็วพอเห็นฉู่เฉินเพิ่งกลับมาก็ขังตัวเองไว้ในห้องลับ ต้วนหลิงเวยเลยมองไปทางสองสาวที่เหลืออย่างงุนงง“ใครจะไปรู้ว่าเขาเป็นบ้าอะไร อย่าไปสนใจเขาเลย รีบมานี่สิ ชุดสีชมพูตัวนี้ดูเหมาะกับข้ามากกว่า”อวี้ลู่กวักมือเรียกต้วนหลิงเวย“อ้อ” ต้วนหลิงเวยตอบรับ แล้วมองไปทางห้องลับอย่างกังวลใจอยู่พักใหญ่ จากนั้นถึงค่อยเดินไปข้างโซฟาแล้วพูดคุยเรื่องเดรสรุ่นใหม่กับอวี้ลู่.....จนกระทั่งผ่านไปหลายชั่วโมง ฉู่เฉินถึงค่อยเดินออกมาจากห้องลับด้วยใบหน้าอ่อนล้า มือของเขาถือขวดยาเล็ก ๆ ไว้หลายขวด ก่อนจะแบ่งให้อวี้ลู่และสองพี่น้องตระกูลต้วน“นี่คืออะไร?”อวี้ลู่รับขวดยาเล็ก ๆ เปิดฝาออกมาดม แล้วพูดด้วยความประหลาดใจว่า “ยาสร้างกล้ามเนื้อ?”ฉู่เฉินพยักหน้าอย่างหนักแน่นแล้วพูดว่า “ใช่แล้ว ยาสร้างกล้ามเนื้อ คนละสามเม็ด ถ้าเกิดเจออันตราย มันจะช่วยปกป้องชีวิตได้”อวี้ลู่ขมวดคิ้วขึ้น
หญิงวัยกลางคนตรงเคาน์เตอร์ในร้านนวดก่อนหน้านี้ ตอนนี้ก็สวมชุดชาวเหมียวเจียง เพียงแต่ใบหน้ากลับดูแก่ชราขึ้นมาก มองแวบแรก อย่างน้อยก็ต้องเป็นหญิงชราวัยหกสิบปีขึ้นไป“ท่านสตรีศักดิ์สิทธิ์ เบื้องหลังของผู้ชายคนนี้ยังไม่ชัดเจน จะฆ่าโดยพลการไม่ได้”หญิงชราขมวดคิ้วมุ่น กล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง“ท่านยาย นี่ท่านยายหมายความว่ายังไง?”นัยน์ตางดงามของเสี่ยวหนานเคร่งขรึมขึ้นมา มองไปทางหญิงชราด้วยความงุนงงพลางเอ่ยถาม“สำนักบำเพ็ญเพียรที่สามารถทำลายหนอนกู่โลหิตสามศพได้จะต้องมีเบื้องหลังที่ยิ่งใหญ่แน่นอน ยายสงสัยว่าข้อมูลจากสำนักอวี้ซือจะมีความผิดพลาด ถ้าเกิดหาเรื่องกับสำนักใหญ่ขึ้นมาจริง ๆ เกรงว่าอาจจะนำภัยใหญ่หลวงมาสู่เหมียวเจียงของเราได้”“สงครามนองเลือดเมื่อร้อยปีก่อนนั้นจะเกิดขึ้นอีกครั้งไม่ได้เด็ดขาด ไม่อย่างนั้นเชื้อสายของชาวเหมียวเจียงเราก็คงหมดหวังที่จะฟื้นฟูกลับมาแล้วจริง ๆ”หญิงชราเอ่ยอย่างกังวลใจมาก การสังหารฉู่เฉินเป็นเรื่องเล็ก แต่ถ้าเกิดหาเรื่องกับขุมกำลังที่ไม่ควรหาเรื่องขึ้นมา เช่นนั้นชาวเหมียวเจียงคงได้จบสิ้นแล้วจริง ๆ “ท่านยาย ยายหมายความว่าหมอนั่นเป็นคนของวังคุนหลุนเหรอ?”
เมื่อพระจันทร์สีขาวสดใสลอยขึ้นมาอีกครั้ง ทั่วทั้งรีสอร์ทบนภูเขาก็ไม่มีลมหายใจของสิ่งมีชีวิตอีกต่อไปแล้ว.....เช้าวันรุ่งขึ้น ขณะที่ฉู่เฉินกำลังนอนหลับฝัน ลูบคลำความอ่อนนุ่มของต้วนหลิงเสวี่ย โทรศัพท์ที่อยู่ข้างมือพลันส่งเสียงริงโทนดังขึ้นมาอย่างถี่กระชั้นฉู่เฉินเห็นว่ากู้รั่วเสวี่ยเป็นคนโทรมา เขาถึงได้หาวพลางกดรับสาย“พี่ฉู่เฉิน ตื่นหรือยังคะ?”น้ำเสียงของกู้รั่วเสวี่ยที่อยู่อีกฝั่งของโทรศัพท์ฟังดูร้อนรนเล็กน้อย“หาว...”ฉู่เฉินหาวพลางเอ่ยอย่างงัวเงียว่า “ต่อให้ยังไม่ตื่น ก็โดนคุณปลุกจนตื่นแล้ว พูดมาเถอะ มีอะไรเหรอครับ?”“เอ่อ...”กู้รั่วเสวี่ยใคร่ครวญอยู่พักหนึ่งแล้วค่อยเอ่ยอย่างลำบากใจเล็กน้อยง่า “จริง ๆ แล้วไม่ใช่เรื่องของฉันหรอกค่ะ แต่ที่เมืองเอกของมณฑลเกิดคดีใหญ่ขึ้น เช้านี้คุณลุงหลูโทรมาหาฉัน ถามว่าใครเป็นคนช่วยตระกูลกู้แก้ปัญหาเรื่องประหลาดที่ไซต์ก่อสร้างในเมืองหมอตู”“ตอนนั้นฉันไม่ได้คิดอะไรมาก เลยเล่าเรื่องอสูรน้ำให้ฟัง คุณลุงหลูเลย...อยากเจอพี่ค่ะ”คุณลุงหลู?ฉู่เฉินเกาหัวพลางเอ่ยว่า “คุณลุงหลูอะไรนี่ต้องการอะไรเหรอ?”“อีกอย่าง คดีใหญ่ที่เมืองเอกของมณฑลเกี่ยวอะ
ฉู่เฉินวางโทรศัพท์ลง หลังจากทานอาหารเช้าแบบง่าย ๆ นิดหน่อยแล้ว เขาก็มุ่งหน้าไปยังเมืองเอกของมณฑลกับกู้รั่วเสวี่ย“ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดคดีสังหารหมู่แบบนี้นะคะ ครั้งก่อนเป็นคนเก็บสมุนไพรสามคนที่ขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพร พวกเขาก็ตายอย่างอนาถในภูเขาด้วยเหมือนกัน”กู้รั่วเสวี่ยขับรถพลางยื่นเอกสารข้อมูลที่เกี่ยวข้องใส่มือของฉู่เฉินฉู่เฉินมองดูวันที่บนนั้น เกิดขึ้นเมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อนพอดี หรือว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับสำนักอวี้ซือ?ทว่าต่อมาฉู่เฉินก็ล้มเลิกความคิดนี้ออกไปทันที ถ้าเกิดสำนักอวี้ซือมีความสามารถในการเลี้ยงศพได้จริง ๆ เกรงว่าคงจะบุกมาหาถึงหน้าประตูนานแล้ว ยังต้องรอจนถึงวันนี้ด้วยเหรอ?อีกอย่าง คนเลี้ยงศพมักจะไม่ปล่อยให้มันทำร้ายคนตามใจชอบ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดกระแสสังคมมากเกินไป พอถึงตอนนั้นจะไม่สามารถเก็บกวาดได้“เป็นไงบ้างคะ เห็นเบาะแสอะไรบ้างไหม?”กู้รั่วเสวี่ยขับรถพลางเอ่ยถามด้วยความกังวลใจ ฉู่เฉินส่ายหน้า ชี้ไปยังภาพถ่ายพวกนั้นบนอินเทอร์เน็ตแล้วเอ่ยว่า “ภาพมันเบลอเกินไป มองอะไรไม่ออกเลย แต่ผมยืนยันได้ว่าไม่ใช่อสูรน้ำ”อสูรน้ำกินแค่คนตาย นอกจากนี้บริเวณที่
ฉู่เฉินมองภาพสถานที่เกิดเหตุบนสไลด์ก่อนจะพูดกับหลูติ้งไห่ว่า “คุณลุงหัวหน้าหลู ไม่ทราบว่าทางคุณมีรูปที่มีความละเอียดสูงไหมครับ?”“มีครับ!”หลูติ้งไห่กวักมือเรียกเสี่ยวลู่แล้วเอ่ยว่า “เสี่ยวลู่ รีบเอารูปความละเอียดสูงรูปนั้นของนายมาให้คุณฉู่ดูสิ”เสี่ยวลู่แค่นหัวเราะแล้วกล่าวว่า “หัวหน้าหลู นี่ไม่เห็นจำเป็นเลยครับ อีกอย่างเขาไม่ได้เป็นสมาชิกทีมสืบสวนพิเศษของเรา การให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องดูข้อมูลตามใจชอบมันผิดระเบียบนะครับ”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉู่เฉินก็อดขมวดคิ้วเล็กน้อยไม่ได้ ดูท่าทางเขาเหมือนจะไม่ค่อยเป็นที่ต้อนรับเลยหลูติ้งไห่ยังไม่ทันเอ่ยปาก เซียวเฟิงที่อยู่ทางด้านข้างก็หัวเราะหยันแล้วเอ่ยว่า “โอ๊ย สมัยนี้ใครๆ ก็ปลอมตัวเป็นปรมาจารย์ได้หรือไง? แถมยังปราบอสูรน้ำอีก ฮ่า ๆๆ...”“อุ๊ย ขำจะตายอยู่แล้วจริง ๆ บางคนเคยเห็นอสูรน้ำมาก่อนไหมว่าหน้าตาเป็นยังไง?”เมื่อคำพูดนี้ออกมา แม้แต่ชายในชุดทหารคนนั้นก็เผยรอยยิ้มดูแคลนออกมา สีหน้าของหลูติ้งไห่ก็เปลี่ยนเป็นย่ำแย่ในพริบตา ก่อนจะขมวดคิ้วพูดว่า “ผู้บัญชาการเซียว จะพูดแบบนี้ไม่ได้นะครับ การเข้าสู่วิถีเต๋าไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเริ่มก่อนหรือหล
“ฮึ!”เซียวเฟิงแค่นเสียงเย็นแล้วหันไปทางด้านข้างทันที ไม่แม้แต่จะมองฉู่เฉินสักแวบหนึ่ง“เสี่ยวฉู่ คุณ...อย่าถือสาเลยนะครับ เซียวเฟิงก็แค่พูดไม่คิด มาครับ รีบนั่งเถอะ”หลูติ้งไห่เว้นที่นั่งให้ฉู่เฉินด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วนฉู่เฉินเอ่ยด้วยยิ้มบาง ๆ ว่า “ขอบคุณครับ หัวหน้าหลู ไม่เป็นไรหรอกครับ ใครให้วันนี้ผมออกจากบ้านโดยไม่ได้ดูปฏิทินโหราศาสตร์กันละ เพิ่งจะเข้ามาก็ทำให้หมากัดซะแล้ว แต่คุณวางใจได้ครับ ผมกัดหมาไม่ได้หรอก”เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เซียวเฟิงก็โกรธจนขาว ถลึงตาจ้องเขม็งไปที่ฉู่เฉินอย่างเคียดแค้น คาดว่าหากไม่ใช่เพราะหลูติ้งไห่กับโจวอวี้หมิงอยู่ตรงนี้ เขาคงตบหน้าฉู่เฉินไปนานแล้วกล้ามเนื้อบนใบหน้าของหลูติ้งไห่ก็กระตุกหลายทีเช่นกันอย่างไรก็ตาม ใครใช้ให้เซียวเฟิงหาเรื่องก่อนละ เขาก็ยากจะพูดอะไรมากเหมือนกัน ดังนั้นเลยพูดกับเสี่ยวลู่ว่า “ยังไม่รีบเอารูปมาให้คุณฉู่ดูอีก!”เสี่ยวลู่หยิบภาพถ่ายอย่างไม่เต็มใจ ก่อนจะโยนใส่เบื้องหน้าฉู่เฉินฉู่เฉินหัวเราะเบา ๆ ไม่สนใจเขา แต่ก้มหน้ามองภาพถ่ายสถานที่เกิดเหตุตรงหน้า “หัวหน้าหลู ศพพวกนี้มีลักษณะเฉพาะร่วมกันอย่างหนึ่ง คือตรงข้อมือหรื
เมื่อฉู่เฉินเอ่ยคำพูดนี้ออกมา หลูติ้งไห่ก็ดูหวั่นใจเล็กน้อยเช่นกัน ก่อนจะขมวดคิ้วพูดว่า “ไม่จับ? งะ...งั้นจะปล่อยให้มันทำร้ายคนต่อไปหรือไง?”“หัวหน้าหลู สามารถอพยพประชาชนรอบ ๆ ออกไปได้ อีกอย่างแจ้งเตือนชาวเมืองทั้งหมดผ่านทางสื่อว่า ห้ามไม่ให้อยู่ในพื้นที่เปลี่ยว ก็น่าจะไม่เกิดเรื่องแล้วครับ”ฉู่เฉินเอ่ยอย่างแน่ใจมากไม่ว่าสิบกว่าคนนั้นหรือว่าคนเก็บสมุนไพร ล้วนเป็นเพราะเข้าไปในภูเขา พูดอีกอย่างคือทุกคนที่เข้าไปในขอบเขตการเคลื่อนไหวของผีดิบตัวนั้นถึงจะเจอเหตุไม่คาดฝันเข้า“คุณแม่งพูดบ้าอะไรกัน?”เซียวเฟิงตบโต๊ะดังปัง แล้วเอ่ยปากพูดอย่างเย็นชา “ยังจะแจ้งทั้งเมืองผ่านสื่ออีก? คุณจะให้สื่อรายงานข่าวว่ายังไง? มีผีดิบโผล่ขึ้นรอบ ๆ เมืองเอกของมณฑล ดังนั้นขอให้ทุกคนอย่าออกจากบ้านเหรอ?” “แม่ง! ใครพาไอ้โง่แบบนี้เข้ามา!”ปัง!เซียวเฟิงเพิ่งจะพูดจบ หลูติ้งไห่ก็ตบโต๊ะอย่างรุนแรง กัดฟันกล่าวว่า “ผู้บัญชาการเซียว! ผมหวังว่าคุณจะระวังคำพูดคำจาหน่อย! คุณฉู่คือคนที่ผมเชิญมา มีปัญหาอะไรหรือไง?”นี่...เซียวเฟิงหน้าซีด อ้ำอึ้งพักใหญ่แต่ไม่ได้พูดออกมาสักคำโจวอวี้หมิงถอนหายใจกล่าวว่า “ทุกคนเลิกเ
ปัง!ในขณะนี้ ภายในร่างของฉู่เฉินได้เกิดเสียงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ข้อกระดูกและเส้นลมปราณมีปราณจำนวนนับไม่ถ้วนระเบิดออกเย่หัวที่ฟื้นคืนพลังบางส่วน เบิกตากว้างมองด้วยความไม่เชื่อไอ้หนูคนนี้… กำลังทะลวงระดับ?!ไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่กล้าเชื่อว่าหลังจากฉู่เฉินได้รับบาดเจ็บหนักจะสามารถทะลวงระดับได้นี่…นี่ยังเป็นคนอยู่ใช่ไหมเนี่ย?!แม้ว่าเขาจะอยากขัดขวางฉู่เฉิน แต่ปัญหาคืออาการบาดเจ็บของเขาในตอนนี้ ทำให้ขยับเขยื้อนตัวไม่ได้เลยในขณะนี้ จิตสำนึกของฉู่เฉินได้รวมรวมอยู่ที่จุดหนึ่งอย่างสมบูรณ์แล้ว บุกทะลวงขีดจำกัดของระดับพลังอย่างบ้าคลั่งหลิ่วหรูเยียนเองก็มีสีหน้าตกใจและจ้องไปที่ฉู่เฉิน ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา แต่ทำได้แค่ถือกระบี่โดยสัญชาตญาณและยืนอยู่ข้างหน้าฉู่เฉิน“แก... แกอย่ามานะ ฉัน... ฉันก็กล้าฆ่าคนเหมือนกันนะ”ใบหน้าเล็กของหลิ่วหรูเยียนขาวซีด ตัวสั่นไปทั้งร่าง ถือกระบี่ยาวด้วยมือที่สั่นเทาชี้ไปที่เย่หัวและกล่าวออกมาเย่หัวยิ้มเย็น แม้กระทั่งคร้านที่จะมองหลิ่วหรูเยียนอีกผู้หญิงโง่คนนี้ ถ้าตอนนี้เธอใช้ดาบแทงเขา เกรงว่าเขาคงตายอย่างน่าอนาถอยู่ที่นี่แน่แต่โชคดีที่เธอไม่กล
“เย่หัวเอามือกุมหน้าอกอย่างไม่อยากเชื่อ แม้แต่ถอยหลังไปหลายก้าวและใช้กระบี่ชิงหลงค้ำพื้นเอาไว้ จึงฝืนไม่ล้มลงไปได้แค่ก! ในวินาทีต่อมา เย่หัวและฉู่เฉินก็กระอักเลือดออกแทบจะพร้อมกัน “นี่เป็นไปได้ยังไง?”เย่หัวเพียงรู้สึกเหมือนอวัยวะภายในกำลังจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เจ็บปวดจนกระทั่งเขาไม่มีแรงพอที่จะยกกระบี่ขึ้นได้ ผู้บำเพ็ญอิสระระดับสร้างรากฐานชั้นที่สี่ เหตุใดถึงสามารถทำร้ายเขาได้?!แค่ก!เย่หัวรู้สึกถึงเลือดลมแปรปรวน ก่อนจะกระอักเลือดออกมาอีกคำใหญ่แต่ฉู่เฉินในขณะนี้ก็ไม่ได้ต่างกันนัก เมื่อกี้นี้เขารับกระบี่ของเย่ฮัวอย่างเต็มแรง แม้ภายนอกดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่แท้จริงแล้วไม่เป็นเช่นนั้น แค่แรงสะท้อนก็ทำให้แขนทั้งสองข้างของฉู่เฉินชาไปหมดแล้ว และภายในจุดตันเถียนก็ยิ่งรู้สึกถึงเลือดลมพลุ่งพล่านถ้าไม่ใช่เพราะเงามังกรในร่างกายที่ช่วยต้านการโจมตีไว้มากกว่าครึ่ง เกรงว่าตอนนี้ฉู่เฉินคงจะศีรษะขาดจากร่างกายไปแล้ว “ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้หรอก วังเทียนเจี้ยนของพวกคุณก็แค่นี้แหละ มาอีกสิ!”ฉู่เฉินพยายามอดทนกับเลือดลมที่พลุ่งพล่านในร่างกายและยิ้มกว้างออกมา ความจริงแล
ดูเหมือนว่าฉู่เฉินที่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวัง ปัดป้องเจตจำนงกระบี่ที่พุ่งเข้ามาไปพลาง ขณะเดียวกันก็พูดเหน็บแนมว่า “ลูกเล่นนี่ใช้ได้เลยนี่ แต่เสียดายที่วิชาแมวสามขานี้ยังไม่เข้าตาผม”เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เย่หัวยิ้มอย่างภูมิใจและเงยหน้าขึ้นกล่าวว่า “ไม่เข้าตาแก? มากสุดสามลมหายใจ ฉันจะทำให้เลือดของแกเลือดกระเซ็นไปห้าก้าว!”ทันทีที่พูดจบ เย่หัวก็เร่งความเร็วในการโจมตีมากขึ้นในเสี้ยววินาที แม้แต่อากาศโดยรอบล้วนปกคลุมไปด้วยลมกระบี่ที่หนาวเหน็บฉู่เฉินรับมืออย่างเยือกเย็นไปพลาง ขณะเดียวกันก็กำลังมองหาจุดอ่อนในท่าทางของเย่หัวความจริงแล้ว ตาข่ายกระบี่ที่ดูเหมือนจะยุ่งยากนี้ไม่ได้ไร้ช่องโหว่ แต่คนทั่วไปยังไม่ทันจะสังเกตเห็นจุดอ่อนก็ถูกพลังอำนาจของเย่หัวทำให้ตกใจกลัวโชคดีที่ในมรดกของมังกรเฒ่ามีทักษะกายาที่เรียกว่าเจ็ดก้าวดารา แม้จะเป็นทักษะกายาที่ใช้หนีเอาชีวิตรอด แต่ก็ยังเป็นวิชาระดับสวรรค์และถึงแม้ว่าฉู่เฉินจะอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบในขณะนี้ แต่ก็สามารถมองเห็นช่องโหว่ในกระบวนกระบี่ของเย่หัวและลอบคำนวณหาจังหวะทำลายการโจมตีในวินาทีต่อมา ฉู่เฉินเปลี่ยนท่าทีอย่างกะทันหัน แทงกร
ในมุมมองของเย่หัว ฉู่เฉินที่เป็นแค่คนธรรมดาระดับสร้างรากฐานชั้นสี่ ไม่มีค่าพอที่เขาจะลงมือด้วยซ้ำเพราะเย่หัวเองมีพื้นเพมาจากหนึ่งในสิบสำนักใหญ่อย่างวังเทียนเจี้ยน!วิชาที่สืบทอด ไม่รู้ว่าแข็งแกร่งกว่าฉู่เฉินที่เป็นแค่ผู้บำเพ็ญอิสระตัวเล็กๆ สักกี่เท่าแค่เรื่องระดับ ก็เหนือกว่าฉู่เฉินหนึ่งชั้นแล้วแม้จะเป็นการต่อสู้ในระดับเดียวกัน ผู้บำเพ็ญอิสระทั่วไปก็ไม่ใช่คู่มือของศิษย์จากสำนักใหญ่เลยและในมุมมองของเขา หลิงเสวี่ยให้ฉู่เฉินทำลายพลังของตัวเอง ถือเป็นความกรุณาแล้วถ้ายึดตามตามความต้องการของเขา คนโง่เง่าหัวแข็งที่กล้าท้าทายศิษย์พี่หลิงเสวี่ยแบบนี้ก็ควรถูกดาบฟันจนตายถึงจะถูก“ถ้าคุณตัดแขนขาทั้งสองข้างต่อหน้าผม ผมก็อาจจะพิจารณาไว้ชีวิตคุณก็ได้”ฉู่เฉินวางหลิ่วหรูเยียนในอ้อมแขนลง แล้วกล่าวอย่างเยือกเย็น“แกพูดว่าอะไรนะ?”เย่หัวเบิกตาขึ้นทันที ดวงตาปล่อยแสงเย็นเยียบมองไปที่ฉู่เฉินแล้วกล่าวว่า “ฉู่เฉิน แกเป็นแค่ผู้บำเพ็ญอิสระ ใครให้ความกล้าหาญแกมาพูดจาไร้สาระกับฉันที่เป็นศิษย์ของวังเทียนเจี้ยนอย่างนี้!”เมื่อคำว่าวังเทียนเจี้ยนสามคำถูกพูดออกมา สีหน้าของเย่หัวยิ่งแสดงความภูมิใจมากข
หยางเทียนหลงและคนอื่นๆ ก็เดินตามหลังฉู่เฉินไป พร้อมเดินไปทางลิฟต์ด้วยกันหลิงเสวี่ยมองแผ่นหลังของฉู่เฉินและหลิ่วหรูเยียนด้วยสายตาที่เย็นชา ดวงตาส่องประกายแสงเยือกเย็นสองเส้น! “คุณหลิงเสวี่ยครับ ไอ้หนูคนนี้อวดดีเกินไปแล้ว ต้องสั่งสอนให้เขารู้สำนึกบ้างแล้ว” เหล่าคนที่นำโดยเฉียนฮ่าวตงมองตามแผ่นหลังของฉู่เฉินที่เดินห่างออกไป เกลียดจนกัดฟันกรอด“ศิษย์พี่ ต้องทำ...”หลิงเฟิงก็ก้าวเดินไปข้างหน้า จ้องไปที่แผ่นหลังของฉู่เฉินและคนอื่นๆ พลางทำท่าตัดคอแล้วกล่าวเสียงเย็นหลิงเสวี่ยสูดหายใจเข้าลึก ทันใดนั้นใบหน้าสวยมีรอยยิ้มปรากฏขึ้น กล่าวว่า “ช่างเถอะ งานเลี้ยงยังต้องดำเนินต่อ อย่าให้คนที่ไม่รู้คุณค่ามาทำลายบรรยากาศสนุกของทุกคนเลย”พูดจบ หลิงเสวี่ยก็เดินกลับไปนั่งบนโซฟา โบกมือให้หลิงเฟิงและกล่าวว่า “อีกเดี๋ยว ให้คนไปสั่งสอนฉู่เฉินสักหน่อย”“และจำกัดเวลาให้ส่งมอบหยกโลหิตกิเลนภายในหนึ่งเดือน ไม่งั้นจะต้องรับผิดชอบผลที่ตามมาเอง!”หลิงเฟิงได้ยินดังนั้น ก็พยักหน้าหนักๆ แล้วกล่าวว่า “ศิษย์พี่ ศิษย์พี่ความหมายว่า…”“ทำลายพลังของเขาก่อนเถอะ”หลิงเสวี่ยพูดด้วยความมั่นใจอย่างมากแค่ระดับสร้างรา
เมื่อรู้สึกถึงแรงกดดันอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนถาโถมเข้าใส่อย่างฉับพลัน หลิ่วหรูเยียนก็อดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน ร่างกายแนบชิดกับฉู่เฉินแน่นตามสัญชาตญาณอย่าหลงกลรอยยิ้มบนใบหน้าของหลิงเสวี่ย แต่รอบตัวกลับแผ่เจตนาฆ่าอย่างรุนแรงจนยากจะปกปิดฉู่เฉินยิ้มบางแล้วกล่าวว่า “ฆาตกร ย่อมถูกคนฆ่าตอบ”“ไม่ว่าเกาเซิ่งอี้จะเป็นสุนัขของใคร กล้ามาจ้องสมบัติล้ำค่าของตระกูลฉู่ของผม ก็สมควรได้รับโทษ ผมฆ่าเขาแล้วจะทำไมครับ”ซี้ดๆ!เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา ทุกคนรอบข้างต่างสูดลมหายใจเข้าลึกแม้ฉู่เฉินจะมีฝีมือ แต่หลิงเสวี่ยเป็นตัวแทนของหอการค้ากิเลนในมณฑลเจียงเขากล้าใช้น้ำเสียงแบบนี้กับหลิงเสวี่ยได้ยังไง?“ฉู่เฉิน ไม่ว่าจะพูดยังไงก็เป็นความผิดของคุณก่อน คุณหลิงเสวี่ยก็ไม่ได้ถือโทษ กลับยังเชื้อเชิญอย่างอบอุ่น การขอโทษคุณหลิงเสวี่ย ก็เป็นสิ่งที่ควรทำไม่ใช่เหรอครับ?”ในขณะนี้ ในฝูงชน มีชายวัยกลางคนผิวขาวสะอาดอายุราวสามสิบกว่าก้าวออกมา มองฉู่เฉินด้วยสีหน้ายิ้มเยาะแล้วกล่าวออกมาเมื่อคำพูดของเขาหยุดลง ผู้มีอิทธิพลจำนวนไม่น้อยที่อยู่ข้างหอการค้ากิเลนต่างพากันเปิดปากล่าวประณามฉู่เฉิน“พูดจาไร้สาระ!”ในขณะที่ท
อย่างไรเสียงานเลี้ยงนี้จัดโดยหอการค้ากิเลน ใครจะกล้าหักหน้า?“ทั้งสองท่าน กรุณาแสดงบัตรเชิญของพวกคุณด้วยครับ”เมื่อมาถึงประตู ชายหนุ่มสองคนสวมเสื้อแขนสั้นสีดำและตัดผมสั้นก็มาขวางทางของฉู่เฉินและหลิ่วหรูเยียน“นี่คือบัตรเชิญของเรา เชิญตรวจสอบได้เลยค่ะ”หลิ่วหรูเยียนกล่าว พลางหยิบบัตรเชิญสองใบออกจากกระเป๋าสะพายแล้วยื่นให้ไปหนึ่งในชายผมสั้นรับบัตรเชิญไปเปิดดู กวาดตามองชื่อบนนั้น ความเย็นเยือกในแววตาวาบผ่าน จากนั้นจึงกล่าวกับฉู่เฉินและหลิ่วหรูเยียนว่า “ทั้งสองท่านเชิญด้านนี้ครับ”ขณะพูด ชายผมสั้นก็พาฉู่เฉินและหลิ่วหรูเยียนเข้าไปในลิฟต์ส่วนตัวที่อยู่ข้างๆ จากนั้นกดปุ่มชั้นสิบเอ็ด ก่อนจะส่งยิ้มให้และเดินจากไปแต่ในเสี้ยววินาทีที่ประตูลิฟต์ปิดลง รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาพลันเปลี่ยนเป็นเย็นชาในทันที หยิบวิทยุสื่อสารขึ้นมาและกล่าวกับอีกฝ่ายว่า “ศิษย์พี่หลิงเฟิง ฉู่เฉินมาถึงแล้วครับ”“อืม ฉันรู้แล้ว”หลิงเฟิงตอบรับเสียงเรียบก่อนจะวางวิทยุสื่อสารลง รีบก้าวไปหน้าโซฟากลางห้องโถงจัดเลี้ยง ก่อนจะโน้มตัวลงกระซิบข้างหูหลิงเสวี่ยอยู่ครู่หนึ่งหลิงเสวี่ยพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆ หันไปยังประตูทา
ไม่นานนัก ข่าวหอการค้ากิเลนที่เข้ามามีบทบาทในมณฑลเจียงได้แพร่กระจายไปทั่ววงการของมณฑลเจียงคนจำนวนไม่น้อยที่เคยเข้าร่วมกับหอการค้าราชันมังกรก็ล้วนอยู่ในความหวาดระแวงเนื่องจากอิทธิพลของหอการค้ากิเลนไม่ใช่สิ่งที่นักธุรกิจมั่งคั่งเหล่านี้จะสามารถต้านทานได้แม้แต่หอการค้าราชันมังกรเอง เมื่อเผชิญหน้ากับหอการค้ากิเลนก็ไม่อาจต้านทานได้เช่นกันดังนั้น หลังจากคนจำนวนไม่น้อยชั่งน้ำหนักข้อดีและข้อเสียแล้ว จึงเลือกที่จะถอนตัวออกจากหอการค้าราชันมังกรเพื่อปกป้องตัวเองในเวลาไม่นาน โลกธุรกิจของมณฑลเจียงล้วนมีท่าทีเหมือนพายุฝนกำลังจะมาเยือนภายในคฤหาสน์ตระกูลเซียว เซียวจี้เซียนถือบัตรเชิญของหลิงเสวี่ยไว้ พลางมองไปที่เซียวถิงฮั่นด้วยสีหน้าลำบากใจ“พ่อครับ ความหมายของหอการค้ากิเลนชัดเจนมากแล้ว กำลังบีบให้พวกเราเลือกข้าง”“พ่อว่าคุณฉู่จะสู้กับหอการค้ากิเลนได้ไหมครับ?”ตระกูลเซียวเพิ่งเข้าร่วมฉู่เฉินไปหมาดๆ หากในเวลานี้หักหลังฉู่เฉินและกันไปเข้าข้างหอการค้ากิเลนอีกครั้ง ผลลัพธ์ที่ตามมาก็คงไม่ต้องสงสัยถ้าฉู่เฉินพ่ายแพ้ก็แล้วไป แต่ถ้ากำจัดหอการค้ากิเลนเหมือนที่เคยกำจัดเกาเซิ่งอี้ งั้นผู้โชคร้ายค
ความจริงแล้ว สิ่งที่สวีปินพูดก็เป็นเรื่องจริง ในสถานการณ์ตอนนั้น ใครจะกล้าพูดคำว่า “ไม่” กันล่ะ? เขาเชื่อว่าฉู่เฉินจะลงมือโดยไม่ลังเลแน่นอนส่วนเรื่องการชำระบัญชีกับหอการค้ากิเลน นั่นเป็นเรื่องของอนาคตอีกอย่าง กฎหมายไม่อาจลงโทษฝูงชนได้!หอการค้าตะวันออกใหญ่ทั้งหมด แค่ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมก็มีมากกว่าร้อยคนแล้ว หอการค้ากิเลนคงไม่สามารถฆ่าทุกคนได้หรอกใช่ไหม?“โอ้? หมายความว่าตอนที่เกาเซิ่งอี้ถูกฆ่า คุณก็อยู่ที่นั่นและเห็นทุกอย่างด้วยตาตัวเองงั้นเหรอ?”หลิงเสวี่ยขมวดคิ้ว ดวงตาค่อยๆ เย็นชาลง พร้อมตั้งคำถามด้วยน้ำเสียงเย็น“ไม่ใช่แค่ผมคนเดียวที่เห็น วันนั้นทุกคนที่ไปร่วมงานฉลองครบรอบต่างก็เห็นกันหมด แต่จะทำอะไรได้ล่ะครับ? พวกเราเป็นแค่นักธุรกิจธรรมดา จะไปช่วยคุณเกาได้ยังไง...”สวีปินกล่าวแก้ตัวด้วยสีหน้าเศร้าโศก“งั้นฉันจะถามคุณ ใครเป็นคนฆ่าเกาเซิ่งอี้?”หลิงเสวี่ยลุกขึ้นช้าๆ มือหยกเรียวกดลงบนไหล่ของสวีปินเบาๆทันใดนั้น ความเย็นเยือกถึงกระดูกก็กลืนร่างของสวีปินไปจนหมด“คะ...คือชายคนหนึ่งชื่อฉู่เฉิน และดูเหมือนว่าบนตัวของฉู่เฉินจะมีหยกโลหิตกิเลนที่คุณเกาตามหาอยู่ด้วยครับ”สวีปิ