เมื่อฉู่เฉินเอ่ยคำพูดนี้ออกมา หลูติ้งไห่ก็ดูหวั่นใจเล็กน้อยเช่นกัน ก่อนจะขมวดคิ้วพูดว่า “ไม่จับ? งะ...งั้นจะปล่อยให้มันทำร้ายคนต่อไปหรือไง?”“หัวหน้าหลู สามารถอพยพประชาชนรอบ ๆ ออกไปได้ อีกอย่างแจ้งเตือนชาวเมืองทั้งหมดผ่านทางสื่อว่า ห้ามไม่ให้อยู่ในพื้นที่เปลี่ยว ก็น่าจะไม่เกิดเรื่องแล้วครับ”ฉู่เฉินเอ่ยอย่างแน่ใจมากไม่ว่าสิบกว่าคนนั้นหรือว่าคนเก็บสมุนไพร ล้วนเป็นเพราะเข้าไปในภูเขา พูดอีกอย่างคือทุกคนที่เข้าไปในขอบเขตการเคลื่อนไหวของผีดิบตัวนั้นถึงจะเจอเหตุไม่คาดฝันเข้า“คุณแม่งพูดบ้าอะไรกัน?”เซียวเฟิงตบโต๊ะดังปัง แล้วเอ่ยปากพูดอย่างเย็นชา “ยังจะแจ้งทั้งเมืองผ่านสื่ออีก? คุณจะให้สื่อรายงานข่าวว่ายังไง? มีผีดิบโผล่ขึ้นรอบ ๆ เมืองเอกของมณฑล ดังนั้นขอให้ทุกคนอย่าออกจากบ้านเหรอ?” “แม่ง! ใครพาไอ้โง่แบบนี้เข้ามา!”ปัง!เซียวเฟิงเพิ่งจะพูดจบ หลูติ้งไห่ก็ตบโต๊ะอย่างรุนแรง กัดฟันกล่าวว่า “ผู้บัญชาการเซียว! ผมหวังว่าคุณจะระวังคำพูดคำจาหน่อย! คุณฉู่คือคนที่ผมเชิญมา มีปัญหาอะไรหรือไง?”นี่...เซียวเฟิงหน้าซีด อ้ำอึ้งพักใหญ่แต่ไม่ได้พูดออกมาสักคำโจวอวี้หมิงถอนหายใจกล่าวว่า “ทุกคนเลิกเ
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลูติ้งไห่ยังไม่ทันเอ่ยปาก ฉู่เฉินก็หัวเราะหยันแล้วพูดว่า “เกรงว่าเงินห้าสิบล้านนี้ คุณจะมีชีวิตได้รับ แต่คงไม่มีชีวิตได้ใช้หรอก”พอคำพูดนี้หลุดออกมา ทั่วทั้งห้องประชุมก็เงียบลงฉับพลันกู้รั่วเสวี่ยรีบดึงชายเสื้อของฉู่เฉินแล้วพูดว่า “ฉู่เฉิน นักพรตชิงซงเป็นคนมีชื่อเสียงโด่งดังในเมืองเอกของมณฑลนะ อย่าพูดเหลวไหลเด็ดขาด”นักพรตชิงซงคนนี้มีภูมิหลังอยู่บ้างจริง ๆ อีกทั้งค่อนข้างมีชื่อเสียงในแวดวงชนชั้นสูงของเมืองเอกประจำมณฑลด้วยบ้านของเศรษฐีและนักธุรกิจจำนวนไม่น้อยล้วนเคยได้รับการตรวจดูฮวงจุ้ยจากนักพรตชิงซงด้วยตัวเอง นอกจากนี้ ขอเพียงมีเหตุการณ์ประหลาดอะไรเกิดขึ้น คนแรกที่ชนชั้นสูงของเมืองเอกประจำมณฑลจะนึกถึงก็คือนักพรตชิงซงไม่อย่างนั้น เซียวเฟิงก็คงไม่พึ่งพานักพรตชิงซงมากขนาดนี้นักพรตชิงซงค่อย ๆ เชยตาขึ้นกวาดมองฉู่เฉิน กล้ามเนื้อบนใบหน้ากระตุกขึ้นตามหลายที ก่อนจะเอ่ยปากพูดอย่างเย็นชาว่า “สหายน้อยท่านนี้ ไม่ทราบว่าอาจารย์เป็นใคร มาจากสำนักใด?”เห็นได้ชัดว่านักพรตชิงซงตั้งใจจะตรวจสอบภูมิหลังฉู่เฉินให้เรียบร้อย ถึงอย่างไรสำหรับนักพรตชิงซงแล้ว การค้าขายครั้งน
แม้แต่โจวอวี้หมิงเองก็รู้สึกว่าวิธีการของฉู่เฉินนั้นระมัดระวังมากเกินไปหน่อยผีดิบเหินฟ้า ผีดิบโลหิตอะไร แค่เครื่องบินยิงปืนใหญ่เข้าไป ต่อให้มีผีดิบโลหิตจริง ๆ ก็ระเบิดมันจนเป็นละอองเลือดแล้ว“งั้นผู้อาวุโสชิงซงช่วยดูรูปพวกนี้หน่อยครับ นี่เป็นรอยฟันที่ผีดิบโลหิตหรือผีดิบเหินฟ้าทิ้งไว้หรือเปล่า?”หลูติงไห่ยื่นรูปใส่มือของชิงซง แล้วเอ่ยถามด้วยสีหน้าจริงจังเมื่อได้ยินคำพูดนี้ ชิงซงก็ลูบเคราพลางหัวเราะลั่น กวาดตามมองรูปถ่ายบนโต๊ะแล้วพูดว่า “หัวหน้าหลู อย่าโดนพวกคนนอกที่ไม่มีความรู้หลอกลวงสิครับ ผีดิบโลหิตผีดิบเหินฟ้าอะไรนั่นมีที่ไหนกัน?”“นี่ก็แค่ศพเดินได้ธรรมดาเท่านั้น ขอเพียงผมใช้ยันต์ปราบศพแผ่นเดียว ก็ทำให้มันกลายเป็นเลือดน้ำหนองได้แน่นอน”ชิงซงพูดจบก็คุยโม้โอ้อวดถึงความเก่งกาจจนน้ำลายกระเซ็น“นึกถึงปีนั้น ตอนที่ผมเพิ่งลงจากเขา ผ่านไปอำเภอเถิงก็เคยเกิดเหตุการณ์คล้าย ๆ กัน ผมมีเมตตาถึงได้ลงมือช่วยเหลือ ใช้แค่ยันต์ปราบศพเดินได้แผ่นเดียว ก็ทำให้ผีดิบตัวนั้นกลายเป็นหมอกเลือด”ฉู่เฉินฟังชิงซงคุยโวโอ้อวดความเก่งกาจอย่างสดใส ยิ่งพูดโม้ยิ่งเพ้อเจ้อ จนเขาแทบจะอดไม่ไหวหัวเราะออกมากู้ร
ในขณะที่ชิงซงใคร่ครวญอยู่ในใจว่าควรจะแก้ตัวอย่างไรดี ทันใดนั้นเอง สมาชิกแก๊งมังกรคนหนึ่งก็รีบวิ่งเข้ามาในห้องประชุมก่อนจะพูดกับพวกหลูติ้งไห่และเซียวเฟิงว่า “รายงาน!” “ระบุตำแหน่งของสัตว์ประหลาดตัวนั้นได้แล้วครับ!”อะไรนะ?!ทุกคนที่กำลังนั่งอยู่พากันลุกขึ้นยืน โดยเฉพาะหลูติ้งไห่กับโจวอวี้หมิง สีหน้าดูตื่นเต้นขึ้นเล็กน้อย“อยู่ที่ไหน?” หลูติ้งไห่เอ่ยถามอย่างแทบอดทนรอไม่ไหวแล้ว“ยะ...อยู่ที่ทะเลสาบหย่งติ้งครับ”สมาชิกแก๊งมังกรคนนั้นพูดจบก็หยิบแท็บเล็ตออกมาอย่างรวดเร็ว หลังจากเปิดแผนที่แล้ว เขาก็ชี้ไปยังที่ถ้ำแห่งหนึ่งข้าง ๆ ทะเลสาบหย่งติ้งตรงชานเมืองฝั่งตะวันตกของเมืองเอกประจำมณฑล ก่อนจะกล่าวว่า “อยู่ในถ้ำนี้ครับ” “พวกเราได้ส่งทีมไปก่อนอย่างลับ ๆ แล้วครับ บริเวณรอบด้านไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ นอกจากนี้ดูเหมือนว่าสัตว์ประหลาดตัวนั้นกำลังหลับอยู่ ไม่มีทีท่าว่าจะรู้ตัวเลยครับ”“พวกเรากังวลว่าจะแหวกหญ้าให้งูตื่น ก็เลยไม่ได้บุ่มบ่ามเคลื่อนไหว แค่แจ้งกองทัพที่ประจำการให้กำหนดพื้นที่ภายในรัศมีห้าลี้ เป็นเขตหวงห้ามทางทหาร”หลังจากฟังรายงานจากสมาชิกแก๊งมังกรคนนั้นจบ หลูติ้งไห่ก็ถอนหายใ
“ต้องให้คุณลงมือหรือไง คุณจะกลัวอะไรนักหนา?”ฉู่เฉินสูดลมหายใจลึก คร้านจะอธิบายให้กับคนพวกนี้ฟัง เขาหันไปมองโจวอวี้หมิงแล้วพูดว่า “ผู้บัญชาการกองทัพโจว ชีวิตของทหารกองทัพประจำการมีค่ามากแค่ไหนครับ จะหลงเชื่อคำพูดของตาแก่นี่ง่าย ๆ ไม่ได้เด็ดขาดเลยนะครับ”“ถ้าเกิดผีดิบโลหิตบินออกมา จะต้องเกิดการบาดเจ็บล้มตายอย่างใหญ่หลวง ผู้บัญชาการกองทัพโจว...”โจวอวี้หมิงขมวดคิ้ว ทันใดนั้นก็โบกมือแล้วพูดว่า “เสียวฉู่ ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณ แต่ว่าการเป็นคนต้องหัดมีนิสัยยอมถอยนะครับ”"การที่ฝีมือสู้คนอื่นไม่ได้ไม่ใช่เรื่องน่ากลัว สิ่งที่น่ากลัวคือการดื้อดึงยืนกรานความคิดตัวเอง นั่นจะไม่มีช่องว่างอะไรให้ก้าวหน้าได้ อีกอย่าง ผมคิดว่าคุณลองกราบท่านนักพรตชิงซงเป็นอาจารย์ได้นะครับ เรียนรู้วิชาเต๋าให้ดี ๆ วันหน้าจะได้ไม่อับอายขายหน้าอีก"อะไรนะ?ฉู่เฉินหรี่ตา มองโจวอวี้หมิงอย่างพิจารณาอยู่พักใหญ่ ถึงค่อยฝืนข่มกลั้นโทสะแล้วพูดว่า “ผู้บัญชาการกองทัพโจว ขอโทษด้วยมาก ๆ ครับ ผมฉู่เฉินไม่สนใจเงินห้าสิบล้าน และไม่สนใจว่ามีชื่อเสียงอะไรหรือไม่”“สิ่งที่ผมสนใจคือชีวิตของทหารกองทัพประจำการ ถ้าเกิดเรื่องไม่คาดฝั
คำพูดเรียบง่ายของฉู่เฉินทำเอาหลูติ้งไห่กับเสี่ยวลู่อึ้งไปกับคำถามแล้วยาบำรุงปราณขายดีเป็นเทน้ำเทท่าในหมู่แวดวงชนชั้นสูงเมืองเอกของมณฑล เม็ดละยี่สิบห้าล้าน ซื้อขายกันอย่างซื่อสัตย์สุจริตไม่มีการหลอกลวงแม้แต่เด็กและคนชรา เงินห้าสิบล้านก็เท่ากับเงินที่คนอื่นขายยาบำรุงปราณสองเม็ด ซื้อชุดมาใส่ ไม่แพงเลยจริง ๆเมื่อนึกโยงอีกครั้ง เมื่อกี้เขาเข้าใจผิดคิดว่าฉู่เฉินพูดขัดขวางครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อหวังจะชิงเงินรางวัลห้าสิบล้านนั้น ใบหน้าชราของหลูติ้งไห่ก็แดงขึ้นมาคนอย่างฉู่เฉินไม่ได้ต้องการเงินห้าสิบล้านนั้นจริง ๆ ต่อให้รวมเงินห้าสิบล้านของกองทัพประจำการเข้าไปด้วย ก็ยังไม่พอกับเงินที่เขาหาเงินได้ในหนึ่งชั่วโมงเลยด้วยซ้ำ“คุณฉู่ ก่อนหน้านี้ต้องโทษผมที่มีตาหามีแววไม่ ขอให้คุณเห็นแก่หน้าของคุณหนูกู้ แล้วได้อย่าเก็บมาใส่ใจเลยนะครับ”หลูติ้งไห่ขอโทษฉู่เฉินซ้ำแล้วซ้ำเล่า จากนั้นก็โบกมือให้เสี่ยวลู่แล้วพูดว่า “ยังไม่ออกไปอีก!”เสี่ยวลู่ไม่คาดคิดเลยว่าฉู่เฉินจะเป็นขาใหญ่ระดับแสนล้าน เวลานี้เขาตกใจกลัวจนหลั่งเหงื่อเย็น ๆ ออกมา ยังจะกล้าพูดอะไรออกมาที่ไหนกัน เขาก้มศีรษะวิ่งออกไปเหมือนหมาตัวหนึ่
จนกระทั่งในห้องประชุมเหลือเพียงฉู่เฉินกับกู้รั่วเสวี่ยสองคน เกาหมิงหลายถึงได้เอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “เมื่อกี้ ติ้งไห่ได้เล่าคำพูดของคุณฉู่ให้ผมฟังหมดแล้ว”“ตามหลักแล้ว เรื่องใหญ่ขนาดนี้ การปฏิบัติการคืนนี้จะต้องโดนยกเลิก”พอได้ยินแบบนี้ ฉู่เฉินก็พยักหน้าติดต่อกันการเผชิญหน้ากับผีดิบโลหิต วิธีที่ดีที่สุดก็คืออย่าเพิ่งแหวกหญ้าให้งูตื่น รอจนรวบรวมกำลังได้มากพอแล้วค่อยกำจัดมันทีเดียวให้สิ้นซาก ถึงจะเป็นแผนการที่ดีที่สุดแต่เกาหมิงหลายกลับเอ่ยอย่างเปลี่ยนท่าทีว่า “แต่ว่าในฐานะพ่อแม่ ผมทำแบบนี้ไม่ได้”“ทำไมล่ะ?”ฉู่เฉินกับกู้รั่วเสวี่ยเอ่ยถามขึ้นแทบจะพร้อมเพรียงกันรู้อยู่แก่ใจว่าบนเขามีเสือ แต่ยังจะขึ้นเขาไปท่องเที่ยวอีกเหรอ?แต่ปัญหาคือ ตอนนี้สิ่งที่อยู่บนเขาไม่ใช่เสือ แต่เป็นผีดิบโลหิต!เกาหมิงหลายใคร่ครวญอยู่พักหนึ่งก่อนจะขมวดคิ้วมุ่นแล้วพูดว่า “เพื่อประชาชนครับ”“ประชากรในเมืองเอกของมณฑลมีมากกว่าสิบล้านคน ผมไม่สามารถรับประกันได้ว่าการออกคำสั่งห้ามจะสามารถห้ามไม่ให้ทุกคนเข้าไปใกล้ทะเลสาบหย่งติ้งได้ ยิ่งไปกว่านั้น ที่นั่นยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกด้วย ผมไม่อาจส่งคนไปเฝ้าตรงป
จนกระทั่งเกาหมิงหลายเดินไปไกลแล้ว หลูติ้งไห่จึงหันมากล่าวกับฉู่เฉิน “คุณฉู่ คุณมั่นใจแค่ไหน?”ในเวลานี้เกาหมิงหลายถึงขั้นมีความคาดหวังในตัวฉู่เฉินสูงมาก เห็นได้ชัดว่าหลูติ้งไห่ได้เดิมพันทั้งหมดกับฉู่เฉินแล้วพูดได้ว่าฉู่เฉินคนเดียวสามารถตัดสินความเป็นความตายของคนนับพันได้นาทีนี้อนาคตหลูติ้งไห่ได้ถูกผูกติดกับฉู่เฉินอย่างแน่นหนาแล้ว“ไม่มั่นใจครับ”ฉู่เฉินพูดอย่างจริงจังมาก“มะ…ไม่มั่นใจ?”หลูติ้งไห่ได้ยินคำพูดนั้นแล้วก็อดกลืนน้ำลายลงคอไม่ได้“ใช่ คืนนี้จะสำเร็จหรือพ่ายแพ้ก็ได้แต่ลองทุ่มสุดตัวดูครับ”ฉู่เฉินหัวเราะเบา ๆ พลางกล่าวเมื่อเห็นใบหน้าฉีกยิ้มของฉู่เฉิน หลูติ้งไห่ก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดยังไงดีจริงๆแต่นี่มันถึงชีวิตเชียวนะ ทำไมฉู่เฉินยังยิ้มออกมาได้?ที่จริงแล้วฉู่เฉินยังมีไพ่ตายอยู่ในมือ ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นผีดิบเหินฟ้าก็ตาม ขอแค่อวี้ลู่ลงมือให้ก็จะสามารถสะกดข่มได้ในชั่วพริบตาแต่ถ้าไม่ถึงสถานการณ์คับขันจริงๆ ฉู่เฉินจะไม่ใช่ไพ่ไม้ตายนี้เด็ดขาดอีกทั้งระหว่างฉู่เฉินและหลูติ้งไห่ก็ไม่ได้คบค้าสมาคมเชิงลึกอะไร จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะบอกเรื่องตัวตนของอวี้ลู่“คืนนี้ฉั
ปัง!ในขณะนี้ ภายในร่างของฉู่เฉินได้เกิดเสียงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ข้อกระดูกและเส้นลมปราณมีปราณจำนวนนับไม่ถ้วนระเบิดออกเย่หัวที่ฟื้นคืนพลังบางส่วน เบิกตากว้างมองด้วยความไม่เชื่อไอ้หนูคนนี้… กำลังทะลวงระดับ?!ไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่กล้าเชื่อว่าหลังจากฉู่เฉินได้รับบาดเจ็บหนักจะสามารถทะลวงระดับได้นี่…นี่ยังเป็นคนอยู่ใช่ไหมเนี่ย?!แม้ว่าเขาจะอยากขัดขวางฉู่เฉิน แต่ปัญหาคืออาการบาดเจ็บของเขาในตอนนี้ ทำให้ขยับเขยื้อนตัวไม่ได้เลยในขณะนี้ จิตสำนึกของฉู่เฉินได้รวมรวมอยู่ที่จุดหนึ่งอย่างสมบูรณ์แล้ว บุกทะลวงขีดจำกัดของระดับพลังอย่างบ้าคลั่งหลิ่วหรูเยียนเองก็มีสีหน้าตกใจและจ้องไปที่ฉู่เฉิน ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา แต่ทำได้แค่ถือกระบี่โดยสัญชาตญาณและยืนอยู่ข้างหน้าฉู่เฉิน“แก... แกอย่ามานะ ฉัน... ฉันก็กล้าฆ่าคนเหมือนกันนะ”ใบหน้าเล็กของหลิ่วหรูเยียนขาวซีด ตัวสั่นไปทั้งร่าง ถือกระบี่ยาวด้วยมือที่สั่นเทาชี้ไปที่เย่หัวและกล่าวออกมาเย่หัวยิ้มเย็น แม้กระทั่งคร้านที่จะมองหลิ่วหรูเยียนอีกผู้หญิงโง่คนนี้ ถ้าตอนนี้เธอใช้ดาบแทงเขา เกรงว่าเขาคงตายอย่างน่าอนาถอยู่ที่นี่แน่แต่โชคดีที่เธอไม่กล
“เย่หัวเอามือกุมหน้าอกอย่างไม่อยากเชื่อ แม้แต่ถอยหลังไปหลายก้าวและใช้กระบี่ชิงหลงค้ำพื้นเอาไว้ จึงฝืนไม่ล้มลงไปได้แค่ก! ในวินาทีต่อมา เย่หัวและฉู่เฉินก็กระอักเลือดออกแทบจะพร้อมกัน “นี่เป็นไปได้ยังไง?”เย่หัวเพียงรู้สึกเหมือนอวัยวะภายในกำลังจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เจ็บปวดจนกระทั่งเขาไม่มีแรงพอที่จะยกกระบี่ขึ้นได้ ผู้บำเพ็ญอิสระระดับสร้างรากฐานชั้นที่สี่ เหตุใดถึงสามารถทำร้ายเขาได้?!แค่ก!เย่หัวรู้สึกถึงเลือดลมแปรปรวน ก่อนจะกระอักเลือดออกมาอีกคำใหญ่แต่ฉู่เฉินในขณะนี้ก็ไม่ได้ต่างกันนัก เมื่อกี้นี้เขารับกระบี่ของเย่ฮัวอย่างเต็มแรง แม้ภายนอกดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่แท้จริงแล้วไม่เป็นเช่นนั้น แค่แรงสะท้อนก็ทำให้แขนทั้งสองข้างของฉู่เฉินชาไปหมดแล้ว และภายในจุดตันเถียนก็ยิ่งรู้สึกถึงเลือดลมพลุ่งพล่านถ้าไม่ใช่เพราะเงามังกรในร่างกายที่ช่วยต้านการโจมตีไว้มากกว่าครึ่ง เกรงว่าตอนนี้ฉู่เฉินคงจะศีรษะขาดจากร่างกายไปแล้ว “ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้หรอก วังเทียนเจี้ยนของพวกคุณก็แค่นี้แหละ มาอีกสิ!”ฉู่เฉินพยายามอดทนกับเลือดลมที่พลุ่งพล่านในร่างกายและยิ้มกว้างออกมา ความจริงแล
ดูเหมือนว่าฉู่เฉินที่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวัง ปัดป้องเจตจำนงกระบี่ที่พุ่งเข้ามาไปพลาง ขณะเดียวกันก็พูดเหน็บแนมว่า “ลูกเล่นนี่ใช้ได้เลยนี่ แต่เสียดายที่วิชาแมวสามขานี้ยังไม่เข้าตาผม”เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เย่หัวยิ้มอย่างภูมิใจและเงยหน้าขึ้นกล่าวว่า “ไม่เข้าตาแก? มากสุดสามลมหายใจ ฉันจะทำให้เลือดของแกเลือดกระเซ็นไปห้าก้าว!”ทันทีที่พูดจบ เย่หัวก็เร่งความเร็วในการโจมตีมากขึ้นในเสี้ยววินาที แม้แต่อากาศโดยรอบล้วนปกคลุมไปด้วยลมกระบี่ที่หนาวเหน็บฉู่เฉินรับมืออย่างเยือกเย็นไปพลาง ขณะเดียวกันก็กำลังมองหาจุดอ่อนในท่าทางของเย่หัวความจริงแล้ว ตาข่ายกระบี่ที่ดูเหมือนจะยุ่งยากนี้ไม่ได้ไร้ช่องโหว่ แต่คนทั่วไปยังไม่ทันจะสังเกตเห็นจุดอ่อนก็ถูกพลังอำนาจของเย่หัวทำให้ตกใจกลัวโชคดีที่ในมรดกของมังกรเฒ่ามีทักษะกายาที่เรียกว่าเจ็ดก้าวดารา แม้จะเป็นทักษะกายาที่ใช้หนีเอาชีวิตรอด แต่ก็ยังเป็นวิชาระดับสวรรค์และถึงแม้ว่าฉู่เฉินจะอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบในขณะนี้ แต่ก็สามารถมองเห็นช่องโหว่ในกระบวนกระบี่ของเย่หัวและลอบคำนวณหาจังหวะทำลายการโจมตีในวินาทีต่อมา ฉู่เฉินเปลี่ยนท่าทีอย่างกะทันหัน แทงกร
ในมุมมองของเย่หัว ฉู่เฉินที่เป็นแค่คนธรรมดาระดับสร้างรากฐานชั้นสี่ ไม่มีค่าพอที่เขาจะลงมือด้วยซ้ำเพราะเย่หัวเองมีพื้นเพมาจากหนึ่งในสิบสำนักใหญ่อย่างวังเทียนเจี้ยน!วิชาที่สืบทอด ไม่รู้ว่าแข็งแกร่งกว่าฉู่เฉินที่เป็นแค่ผู้บำเพ็ญอิสระตัวเล็กๆ สักกี่เท่าแค่เรื่องระดับ ก็เหนือกว่าฉู่เฉินหนึ่งชั้นแล้วแม้จะเป็นการต่อสู้ในระดับเดียวกัน ผู้บำเพ็ญอิสระทั่วไปก็ไม่ใช่คู่มือของศิษย์จากสำนักใหญ่เลยและในมุมมองของเขา หลิงเสวี่ยให้ฉู่เฉินทำลายพลังของตัวเอง ถือเป็นความกรุณาแล้วถ้ายึดตามตามความต้องการของเขา คนโง่เง่าหัวแข็งที่กล้าท้าทายศิษย์พี่หลิงเสวี่ยแบบนี้ก็ควรถูกดาบฟันจนตายถึงจะถูก“ถ้าคุณตัดแขนขาทั้งสองข้างต่อหน้าผม ผมก็อาจจะพิจารณาไว้ชีวิตคุณก็ได้”ฉู่เฉินวางหลิ่วหรูเยียนในอ้อมแขนลง แล้วกล่าวอย่างเยือกเย็น“แกพูดว่าอะไรนะ?”เย่หัวเบิกตาขึ้นทันที ดวงตาปล่อยแสงเย็นเยียบมองไปที่ฉู่เฉินแล้วกล่าวว่า “ฉู่เฉิน แกเป็นแค่ผู้บำเพ็ญอิสระ ใครให้ความกล้าหาญแกมาพูดจาไร้สาระกับฉันที่เป็นศิษย์ของวังเทียนเจี้ยนอย่างนี้!”เมื่อคำว่าวังเทียนเจี้ยนสามคำถูกพูดออกมา สีหน้าของเย่หัวยิ่งแสดงความภูมิใจมากข
หยางเทียนหลงและคนอื่นๆ ก็เดินตามหลังฉู่เฉินไป พร้อมเดินไปทางลิฟต์ด้วยกันหลิงเสวี่ยมองแผ่นหลังของฉู่เฉินและหลิ่วหรูเยียนด้วยสายตาที่เย็นชา ดวงตาส่องประกายแสงเยือกเย็นสองเส้น! “คุณหลิงเสวี่ยครับ ไอ้หนูคนนี้อวดดีเกินไปแล้ว ต้องสั่งสอนให้เขารู้สำนึกบ้างแล้ว” เหล่าคนที่นำโดยเฉียนฮ่าวตงมองตามแผ่นหลังของฉู่เฉินที่เดินห่างออกไป เกลียดจนกัดฟันกรอด“ศิษย์พี่ ต้องทำ...”หลิงเฟิงก็ก้าวเดินไปข้างหน้า จ้องไปที่แผ่นหลังของฉู่เฉินและคนอื่นๆ พลางทำท่าตัดคอแล้วกล่าวเสียงเย็นหลิงเสวี่ยสูดหายใจเข้าลึก ทันใดนั้นใบหน้าสวยมีรอยยิ้มปรากฏขึ้น กล่าวว่า “ช่างเถอะ งานเลี้ยงยังต้องดำเนินต่อ อย่าให้คนที่ไม่รู้คุณค่ามาทำลายบรรยากาศสนุกของทุกคนเลย”พูดจบ หลิงเสวี่ยก็เดินกลับไปนั่งบนโซฟา โบกมือให้หลิงเฟิงและกล่าวว่า “อีกเดี๋ยว ให้คนไปสั่งสอนฉู่เฉินสักหน่อย”“และจำกัดเวลาให้ส่งมอบหยกโลหิตกิเลนภายในหนึ่งเดือน ไม่งั้นจะต้องรับผิดชอบผลที่ตามมาเอง!”หลิงเฟิงได้ยินดังนั้น ก็พยักหน้าหนักๆ แล้วกล่าวว่า “ศิษย์พี่ ศิษย์พี่ความหมายว่า…”“ทำลายพลังของเขาก่อนเถอะ”หลิงเสวี่ยพูดด้วยความมั่นใจอย่างมากแค่ระดับสร้างรา
เมื่อรู้สึกถึงแรงกดดันอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนถาโถมเข้าใส่อย่างฉับพลัน หลิ่วหรูเยียนก็อดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน ร่างกายแนบชิดกับฉู่เฉินแน่นตามสัญชาตญาณอย่าหลงกลรอยยิ้มบนใบหน้าของหลิงเสวี่ย แต่รอบตัวกลับแผ่เจตนาฆ่าอย่างรุนแรงจนยากจะปกปิดฉู่เฉินยิ้มบางแล้วกล่าวว่า “ฆาตกร ย่อมถูกคนฆ่าตอบ”“ไม่ว่าเกาเซิ่งอี้จะเป็นสุนัขของใคร กล้ามาจ้องสมบัติล้ำค่าของตระกูลฉู่ของผม ก็สมควรได้รับโทษ ผมฆ่าเขาแล้วจะทำไมครับ”ซี้ดๆ!เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา ทุกคนรอบข้างต่างสูดลมหายใจเข้าลึกแม้ฉู่เฉินจะมีฝีมือ แต่หลิงเสวี่ยเป็นตัวแทนของหอการค้ากิเลนในมณฑลเจียงเขากล้าใช้น้ำเสียงแบบนี้กับหลิงเสวี่ยได้ยังไง?“ฉู่เฉิน ไม่ว่าจะพูดยังไงก็เป็นความผิดของคุณก่อน คุณหลิงเสวี่ยก็ไม่ได้ถือโทษ กลับยังเชื้อเชิญอย่างอบอุ่น การขอโทษคุณหลิงเสวี่ย ก็เป็นสิ่งที่ควรทำไม่ใช่เหรอครับ?”ในขณะนี้ ในฝูงชน มีชายวัยกลางคนผิวขาวสะอาดอายุราวสามสิบกว่าก้าวออกมา มองฉู่เฉินด้วยสีหน้ายิ้มเยาะแล้วกล่าวออกมาเมื่อคำพูดของเขาหยุดลง ผู้มีอิทธิพลจำนวนไม่น้อยที่อยู่ข้างหอการค้ากิเลนต่างพากันเปิดปากล่าวประณามฉู่เฉิน“พูดจาไร้สาระ!”ในขณะที่ท
อย่างไรเสียงานเลี้ยงนี้จัดโดยหอการค้ากิเลน ใครจะกล้าหักหน้า?“ทั้งสองท่าน กรุณาแสดงบัตรเชิญของพวกคุณด้วยครับ”เมื่อมาถึงประตู ชายหนุ่มสองคนสวมเสื้อแขนสั้นสีดำและตัดผมสั้นก็มาขวางทางของฉู่เฉินและหลิ่วหรูเยียน“นี่คือบัตรเชิญของเรา เชิญตรวจสอบได้เลยค่ะ”หลิ่วหรูเยียนกล่าว พลางหยิบบัตรเชิญสองใบออกจากกระเป๋าสะพายแล้วยื่นให้ไปหนึ่งในชายผมสั้นรับบัตรเชิญไปเปิดดู กวาดตามองชื่อบนนั้น ความเย็นเยือกในแววตาวาบผ่าน จากนั้นจึงกล่าวกับฉู่เฉินและหลิ่วหรูเยียนว่า “ทั้งสองท่านเชิญด้านนี้ครับ”ขณะพูด ชายผมสั้นก็พาฉู่เฉินและหลิ่วหรูเยียนเข้าไปในลิฟต์ส่วนตัวที่อยู่ข้างๆ จากนั้นกดปุ่มชั้นสิบเอ็ด ก่อนจะส่งยิ้มให้และเดินจากไปแต่ในเสี้ยววินาทีที่ประตูลิฟต์ปิดลง รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาพลันเปลี่ยนเป็นเย็นชาในทันที หยิบวิทยุสื่อสารขึ้นมาและกล่าวกับอีกฝ่ายว่า “ศิษย์พี่หลิงเฟิง ฉู่เฉินมาถึงแล้วครับ”“อืม ฉันรู้แล้ว”หลิงเฟิงตอบรับเสียงเรียบก่อนจะวางวิทยุสื่อสารลง รีบก้าวไปหน้าโซฟากลางห้องโถงจัดเลี้ยง ก่อนจะโน้มตัวลงกระซิบข้างหูหลิงเสวี่ยอยู่ครู่หนึ่งหลิงเสวี่ยพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆ หันไปยังประตูทา
ไม่นานนัก ข่าวหอการค้ากิเลนที่เข้ามามีบทบาทในมณฑลเจียงได้แพร่กระจายไปทั่ววงการของมณฑลเจียงคนจำนวนไม่น้อยที่เคยเข้าร่วมกับหอการค้าราชันมังกรก็ล้วนอยู่ในความหวาดระแวงเนื่องจากอิทธิพลของหอการค้ากิเลนไม่ใช่สิ่งที่นักธุรกิจมั่งคั่งเหล่านี้จะสามารถต้านทานได้แม้แต่หอการค้าราชันมังกรเอง เมื่อเผชิญหน้ากับหอการค้ากิเลนก็ไม่อาจต้านทานได้เช่นกันดังนั้น หลังจากคนจำนวนไม่น้อยชั่งน้ำหนักข้อดีและข้อเสียแล้ว จึงเลือกที่จะถอนตัวออกจากหอการค้าราชันมังกรเพื่อปกป้องตัวเองในเวลาไม่นาน โลกธุรกิจของมณฑลเจียงล้วนมีท่าทีเหมือนพายุฝนกำลังจะมาเยือนภายในคฤหาสน์ตระกูลเซียว เซียวจี้เซียนถือบัตรเชิญของหลิงเสวี่ยไว้ พลางมองไปที่เซียวถิงฮั่นด้วยสีหน้าลำบากใจ“พ่อครับ ความหมายของหอการค้ากิเลนชัดเจนมากแล้ว กำลังบีบให้พวกเราเลือกข้าง”“พ่อว่าคุณฉู่จะสู้กับหอการค้ากิเลนได้ไหมครับ?”ตระกูลเซียวเพิ่งเข้าร่วมฉู่เฉินไปหมาดๆ หากในเวลานี้หักหลังฉู่เฉินและกันไปเข้าข้างหอการค้ากิเลนอีกครั้ง ผลลัพธ์ที่ตามมาก็คงไม่ต้องสงสัยถ้าฉู่เฉินพ่ายแพ้ก็แล้วไป แต่ถ้ากำจัดหอการค้ากิเลนเหมือนที่เคยกำจัดเกาเซิ่งอี้ งั้นผู้โชคร้ายค
ความจริงแล้ว สิ่งที่สวีปินพูดก็เป็นเรื่องจริง ในสถานการณ์ตอนนั้น ใครจะกล้าพูดคำว่า “ไม่” กันล่ะ? เขาเชื่อว่าฉู่เฉินจะลงมือโดยไม่ลังเลแน่นอนส่วนเรื่องการชำระบัญชีกับหอการค้ากิเลน นั่นเป็นเรื่องของอนาคตอีกอย่าง กฎหมายไม่อาจลงโทษฝูงชนได้!หอการค้าตะวันออกใหญ่ทั้งหมด แค่ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมก็มีมากกว่าร้อยคนแล้ว หอการค้ากิเลนคงไม่สามารถฆ่าทุกคนได้หรอกใช่ไหม?“โอ้? หมายความว่าตอนที่เกาเซิ่งอี้ถูกฆ่า คุณก็อยู่ที่นั่นและเห็นทุกอย่างด้วยตาตัวเองงั้นเหรอ?”หลิงเสวี่ยขมวดคิ้ว ดวงตาค่อยๆ เย็นชาลง พร้อมตั้งคำถามด้วยน้ำเสียงเย็น“ไม่ใช่แค่ผมคนเดียวที่เห็น วันนั้นทุกคนที่ไปร่วมงานฉลองครบรอบต่างก็เห็นกันหมด แต่จะทำอะไรได้ล่ะครับ? พวกเราเป็นแค่นักธุรกิจธรรมดา จะไปช่วยคุณเกาได้ยังไง...”สวีปินกล่าวแก้ตัวด้วยสีหน้าเศร้าโศก“งั้นฉันจะถามคุณ ใครเป็นคนฆ่าเกาเซิ่งอี้?”หลิงเสวี่ยลุกขึ้นช้าๆ มือหยกเรียวกดลงบนไหล่ของสวีปินเบาๆทันใดนั้น ความเย็นเยือกถึงกระดูกก็กลืนร่างของสวีปินไปจนหมด“คะ...คือชายคนหนึ่งชื่อฉู่เฉิน และดูเหมือนว่าบนตัวของฉู่เฉินจะมีหยกโลหิตกิเลนที่คุณเกาตามหาอยู่ด้วยครับ”สวีปิ