หืม?กู่ฉางเซิงได้ยินคำกล่าวก็ขมวดคิ้วมองไปทางฉู่เฉินแล้วกล่าวว่า “ปกป้องฉันให้รอดตาย? เด็กไร้ยางอายอย่างคุณพูดออกมาได้ ถ้าเกิดไม่ใช่เพราะคุณให้คนไปแจ้งแก๊งมังกร เวลานี้ คุณคงเป็นศพอยู่ที่นี่ไปนานแล้ว!”ฉู่เฉินได้ยินคำกล่าวก็หัวเราะหยันแล้วเอ่ยว่า “ใช่เหรอครับ?”“งั้นผมขอถามเจียงหย่วนหน่อยว่า ใครเรียกคนของแก๊งมังกรมากันแน่” ทันทีที่สิ้นเสียงพูด ฉู่เฉินค่อย ๆ หันหน้ามองไปทางเจียงหย่วน เวลานี้เจียงหย่วนก็มองเห็นฉู่เฉินแล้วเช่นกัน เขารีบเดินมาหาฉู่เฉินอย่างรวดเร็ว ก่อนจะประสานมือคารวะกล่าวว่า “คุณฉู่”เมื่อเห็นฉากนี้ ไม่ว่าจะเป็นกู่ฉางเซิงหรือว่าพวกหยางเส้าหัวต่างก็ตกใจ! ฉู่เฉินมีความสัมพันธ์กับคนของแก๊งมังกรด้วยเหรอ?นี่เป็นเรื่องที่กู่ฉางเซิงคิดไม่ถึงอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อเห็นท่าทางของเจียงหย่วน ดูเหมือนหวาดกลัวฉู่เฉินมากเลยแย่แล้ว!กู่ฉางเซิงอดรู้สึกหนักอึ้งไม่ได้ฉู่เฉินเอามือข้างหนึ่งไพล่หลัง ปรายตามองเจียงหย่วนแล้วกล่าวว่า “หัวหน้าเจียง คุณมาที่นี่ได้ยังไงครับ?” เจียงหย่วนได้ยินคำกล่าวแล้วจะกล้าปิดบังที่ไหน เขายื่นแท็บเล็ตในมือให้ฉู่เฉินโดยตรงแล้วพูดว่า “คุณฉู่ เมื่
ตุบ!หยางเส้าหัวสมกับเป็นลูกชายเศรษฐีอันดับหนึ่ง คุกเข่าลงอย่างคล่องแคล่วฉับไว ไม่มีอืดอาดยืดยาดเลยแม้แต่น้อย “พะ...พี่ฉู่ ผมผิดไปแล้ว ผมเต็มใจยอมรับความพ่ายแพ้”ในขณะที่หน้าผากของหยางเส้าหัวกำลังจะแตะพื้น กลับถูกหนังรองเท้าของฉู่เฉินขวางไว้ ปากของหยางเส้าหัวเลยสัมผัสแนบชิดกับหนังรองเท้าของฉู่เฉินทันที“พี่ฉู่ ผมยอมแล้วจริง ๆ” หยางเส้าหัวเงยหน้าขึ้นมา มองฉู่เฉินด้วยท่าทางน่าสงสาร “ขอโทษคุณหนูเย่!” ฉู่เฉินเอานิ้วชี้ไปที่เย่ชิ่นเหยียนแล้วเอ่ยอย่างเรียบนิ่งหยางเส้าหัวได้ยินคำกล่าว ความเคียดแค้นที่ยากจะสังเกตเห็นก็แล่นวาบขึ้นมาในดวงตา เขาก้มหน้าลง กัดฟันสูดลมหายใจลึกเฮือกหนึ่งเมื่อเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นยิ้มแย้มน่ารักน่าเอ็นดูแทน“ครับ ๆๆ ผมจะโขกหัวขอโทษคุณหนูเย่เดี๋ยวนี้เลย” หยางเส้าหัวเองก็ทำตัวเชื่อฟังมากพอ เวลานี้การทำตัวอวดดีก็เท่ากับรนหาที่ตาย แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่มีแผนสำรองหยางเส้าหัวฉวยโอกาสตอนที่กู่ฉางเซิงถูกฆ่าเมื่อสักครู่นี้ ส่งข้อความไปให้หยางเทียนหลงแล้ว เนื่องจากเวลากระชั้นชิด ดังนั้นจึงบอกแค่ว่าเขาอยู่ในสถานการณ์คับขัน รีบม
“แม่งเอ๊ย! ไว้ฉันรอดพ้นคราวนี้ไปได้ พวกนายหน้าไหนก็อย่าคิดจะอยู่ดีมีสุขเลย!”หยางเส้าหัวลอบสาบานในใจพลางโทรศัพท์หาพ่อของตัวเอง“ฉันรีบไปแล้ว ไม่ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร ให้เขารอฉันซะ!” เพิ่งจะรับสายโทรศัพท์ เสียงตวาดทุ้มต่ำของชายวัยกลางคนก็ดังมาจากฝั่งตรงข้าม ก่อนจะวางสายไปฉู่เฉินแสยะยิ้ม มองหยางเส้าหัวพลางกล่าวว่า “โอ้ ดูท่าทางคุณชายเส้าจะมีแผนสำรองด้วยสินะ?”เพียะ!เมื่อสิ้นเสียงพูด หยางเส้าหัวยังไม่ทันจะเอ่ยปาก ฉู่เฉินก็ตบหน้าหยางเส้าหัวไปฉาดใหญ่“พี่ฉู่ คะ...คุณเข้าใจผิดแล้ว พะ...พ่อของผม...พ่อของผมจะต้องรู้แน่เลยว่าผมซื้อรถแล้ว ดังนั้นถึงได้...”เพียะ ๆๆ!หยางเส้าหัวยังกล่าวไม่ทันจบ ฉู่เฉินก็ตบซ้ายขวาเข้าที่บ้องหูของเขาจนดังกังวานไปอีกสามที ตบหยางเส้าหัวจนมีเลือดไหลซึมจากมุมปาก ฟันกระเด็นออกไปหนึ่งซี่“คุณชายเส้า นี่คุณกำลังดูถูกสติปัญญาของผมสินะ” รอยยิ้มบนใบหน้าของฉู่เฉินพลันแข็งทื่อ สายตาที่ส่องประกายเย็นเยียบจับจ้องไปที่หยางเส้าหัว“พี่ฉู่ ผมผิดไปแล้วจริง ๆ อีกไม่นานพ่อของผมก็จะมาถึงแล้ว พอเขามาแล้ว ผม...ผมจะให้เขาชดใช้ค่าเสียหายของพี่ฉู่ยังไม่ได้อีกเหรอ? ขอร้องละอย่าตี
ฉู่เฉินเลิกคิ้วขึ้น มองหยางเทียนหลงด้วยสายตาเย็นชาก่อนจะเอ่ยว่า “ผมสมควรตาย? คุณไม่อยากรู้หรือไงว่าลูกชายของคุณทำเรื่องอะไรไว้บ้าง?” หยางเทียนหลงได้ยินคำกล่าวก็แหงนหน้าหัวเราะเสียงดังแล้วเอ่ยว่า “ไม่ว่าลูกชายฉันจะทำอะไรแล้วมันยังไง? แต่ว่าจะแตะต้องลูกชายฉันไม่ได้!” หยางเทียนหลงพูดพลางก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าวทันที อำนาจบารมีรอบกายของผู้ที่อยู่ในตำแหน่งสูงส่งมานานยิ่งปะทุขึ้นมาแม้แต่ผู้คนรอบข้างที่เฝ้าดูความคึกคักต่างก็ตกใจกลัวจนถอยหลังไปหนึ่งก้าว เย่ชิ่นเหยียนตัวสั่นเทิ้มเช่นกัน ก่อนจะหลบไปอยู่ข้างหลังฉู่เฉิน “ไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็แตะต้องเขาไม่ได้ทั้งนั้น?” ใบหน้าของฉู่เฉินผุดรอยยิ้มใคร่ครวญขึ้นมา“ถูกต้อง! ตระกูลหยางของพวกเราก็เผด็จการแบบนี้แหละ ตอนนี้ฉันให้เวลาแกห้านาที คุกเข่าโขกหัวขอโทษลูกชายฉันซะ! ไม่อย่างนั้น ฉันจะล้างบางครอบครัวแกทั้งโคตร!” เพียะ!คำพูดของเขาเพิ่งจะหลุดออกมา เสียงตบหน้ากังวานใสอย่างยิ่งก็ดังไปทั่วทั้งบริเวณ หยางเทียนหลงกุมแก้มซ้ายอย่างไม่อยากจะเชื่อ มองไปทางฉู่เฉินด้วยสายตาตกตะลึงไอ้เด็กเวรนี่ถึงกับกล้าตบหน้าเขา?! ไม่ใช่แค่หยางเทียนหลงที่ตกตะล
“กะ...แกกล้าให้ฉันคุกเข่าให้แก ไม่กลัวตระกูลหยางของฉันแก้แค้นเลยหรือไง?” ไม่ว่าจะพูดอีกอย่างไร หยางเทียนหลงก็เป็นผู้นำตระกูลสาขานี้ของตระกูลหยาง ให้เขายอมรับผิดได้ แต่จะให้เขาคุกเข่าไม่ได้เป็นอันขาด“แก้แค้น?”ฉู่เฉินหัวเราะ มองหยางเทียนหลงอย่างละเอียดแล้วพูดว่า “ผมกลับอยากฟังว่าคุณจะเอาอะไรมาแก้แค้นผม? สวะไร้ค่ากลุ่มนี้เหรอ? หรือว่าแข่งกับผมว่าใครรวยกว่ากัน?”“มหาเศรษฐีอันดับหนึ่ง? นั่นน่าจะเป็นเรื่องเมื่ออาทิตย์ที่แล้วมั้ง ผมก็ใช้เงินฟาดตระกูลของพวกคุณให้ตายได้” “ไม่คุกเข่าก็ตายซะ!”เมื่อคำพูดนี้ออกมาจากปาก แม้แต่หยางเทียนหลงก็สูดลมหายใจเย็นเยียบในสมองพลันมีคำหนึ่งแล่นแวบขึ้นมา— ‘ยาบำรุงปราณ’ในฐานะที่เป็นตระกูลชั้นนำของเจียงจง ตระกูลหยางย่อมรู้ข่าวเรื่องยาบำรุงปราณที่ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าไปทั่วทั้งมณฑลเจียงนอกจากนี้ภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์สั้น ๆ บริษัทลึกลับแห่งหนึ่งได้อาศัยสำนักเฟิ่งกอบโกยรายได้ไปเกือบหนึ่งแสนห้าหมื่นล้านในมณฑลเจียงแม้แต่หยางเทียนหลงก็ค่อนข้างรู้สึกหวั่นเกรงสินทรัพย์ก้อนนี้เหนือกว่าตระกูลหยางในตอนนี้ไปไกลแล้วเพียงแต่ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมานั้น บริษัทท
ฉู่เฉินมองหยางเทียนหลงที่คุกเข่าลงตรงหน้าแล้วเอ่ยพลางหัวเราะหยันว่า “ถ้าเกิดผมขุดหลุมศพบรรพบุรุษตระกูลหยางของพวกคุณ แล้วค่อยขอโทษคุณอีกที คุณคิดว่ายังไงบ้าง?”หยางเทียนหลงอึ้งไปกับคำถามของฉู่เฉิน เงยหน้าขึ้นอย่างตกตะลึงก่อนจะมองฉู่เฉินแล้วกล่าวว่า “คุณฉู่ ผมคุกเข่าให้คุณแล้ว คุณยังอยากให้ตระกูลหยางทำอะไรอีก!” ฉู่เฉินส่ายหน้าเล็กน้อยแล้วเอ่ยว่า “ขอโทษด้วยครับ บางทีในสายตาของคนอื่น เข่าของคุณอาจจะมีค่ามาก แต่ในสายตาของผมฉู่เฉิน มันไม่มีค่าแม้แต่สตางค์เดียว” “ลูกชายคุณทำให้ผมเสียเวลามากขนาดนี้ คุณคิดว่าเวลาของผมไม่มีค่าขนาดนั้นเลยเหรอ?”ฉู่เฉินกล่าวจบก็เล่าเรื่องการเดิมพันกับหยางเส้าหัวให้ฟังรอบหนึ่ง จากนั้นถึงค่อยตบไหล่ของหยางเทียนหลงเบา ๆ แล้วพูดว่า “เอาแบบนี้ละกัน ให้ตระกูลหยางของพวกคุณออกเงินค่ารถทั้งหมด”“ส่วนเรื่องที่เขาทำให้ผมเสียเวลาตลอดทั้งบ่าย ตระกูลหยางของพวกคุณจ่ายเงินห้าพันล้านก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไรสินะ?”ตูม!ไม่ใช่แค่ทุกคนในที่แห่งที่นี้รู้สึกมึนงง แม้แต่หยางเทียนหลงก็รู้สึกว่าสมองไม่พอใช้นิดหน่อยแล้ว งานนี้ฉู่เฉินไม่ได้เสียเงินเลยสักแดงเดียว แต่ได้อวดเบ่งยกใหญ่ ห
สุดท้ายก็เหลือเพียงนางแบบสาวเซ็กซี่ข้างกายหยางเส้าหัวเท่านั้น เธอมองฉู่เฉินด้วยสีหน้าเหมือนทำอะไรไม่ถูกแล้วพูดอ้อนวอนว่า “คุณฉู่ ฉะ...ฉันเป็นผู้หญิง ไม่กลิ้งไปได้ไหมคะ?”ฉู่เฉินกวาดตามองขาสวยเรียวยาวคู่นั้นแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ถ้าไม่กลิ้งไป ขาสวย ๆ สองข้างนี้ของคุณอาจจะไม่ได้เป็นของคุณอีกต่อไปแล้วก็ได้นะครับ” เมื่อได้ยินคำพูดนี้ นางแบบสาวเซ็กซี่ก็ร้องไห้โฮออกมา“ล้อเล่นน่า คุณไปเถอะครับ”ฉู่เฉินโบกมือให้นางแบบสาวเซ็กซี่ จากนั้นก็หันตัว สายตาเย็นชาทอดมองไปยังเชอฮุยเมื่อเห็นสายตาเย็นเยียบของฉู่เฉิน เชอฮุยก็ตกใจกลัวจนหดคอ ค่อย ๆ ถอยไปทางฝูงชนอย่างไรก็ตาม ผู้คนรอบด้านหลบไปทางด้านข้างทันที ทิ้งเขาไว้ตรงกลางวง“ผู้จัดการเชอใช่ไหม?”ฉู่เฉินยิ้มพลางมองไปทางเชอฮุยเมื่อได้ยินเสียงที่เต็มไปด้วยเลศนัยของฉู่เฉิน เชอฮุยก็ใจสั่นแล้วคุกเข่าลงไปดังตุบ“คุณฉู่ ขะ...ขอโทษด้วยครับ ทั้งหมดเป็นเพราะผมมีตาแต่ไร้แวว ไม่รู้จักภูเขาไท่ซาน คุณถือเสียว่าผมเป็นแค่ผายลม ปล่อยผมไปเถอะครับ”เชอฮุยกล่าวจบก็โขกศีรษะดังปึก ๆๆแม้แต่พ่อลูกตระกูลหยางก็ถูกฉู่เฉินจัดการจนน่าอนาถถึงเพียงนั้น แล้วเขาจะนับเ
“เอ่อ...”เจียงหย่วนอึ้งไปสักพัก แต่เขาก็ยังพยักหน้า “โอเคครับ งั้นผมไม่รบกวนคุณฉู่แล้วครับ ผมขอตัวก่อนนะครับ”พูดจบ เจียงหย่วนก็วิ่งไปถนนอีกฝั่งอย่างรู้ตัวในตอนนั้นเอง พนักงานจากโรงงานรถขับรถเคอนิกเส็กก์ วัน มาจอดตรงหน้าฉู่เฉิน“คุณฉู่ นี่เป็นกุญแจรถของคุณครับ”พนักงานยื่นกุญแจให้ฉู่เฉินอย่างมีมารยาท“มอบให้คุณผู้หญิงคนนั้นเถอะ”ฉู่เฉินชี้ไปที่เย่ชิ่นเหยียนที่ยืนอยู่ข้างๆ“คุณฉู่คะ ของขวัญราคาแพงขนาดนี้ฉันรับไว้ไม่ได้หรอกค่ะ อีกอย่างระ... รถของฉันก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร ยังสามารถใช้ได้อยู่เลยค่ะ” เย่ชิ่นเหยียนลุกลี้ลุกลนอย่างเห็นได้ชัด รถหรูราคากว่าห้าพันล้าน เธอไม่กล้าขับจริงๆ “ของที่ผมให้ไปแล้ว ผมไม่เอาคืนหรอกนะครับ หากคุณไม่ชอบก็เอาไปขายทิ้งให้โรงงานรถเก่าก็ได้ครับ”ฉู่เฉินพูดอย่างเฉยเมย“ฮะ?”เย่ชิ่นเหยียนตกใจมากจริงๆ รถหรูกว่าห้าพันล้าน ไม่ได้ขับเลยด้วยซ้ำ เขาจะให้เธอเอาไปขายให้โรงงานรถเก่างั้นเหรอ?ฉู่เฉินถือกุญแจรถไว้ในมือพร้อมยิ้มบางๆ หลังจากนั้นก็ยัดมันเข้าไปที่มือของเย่ชิ่นเหยียน“รับไว้เถอะครับ”เย่ชิ่นเหยียนถูกฉู่เฉินจับมือเล็ก ทำเอาหัวใจแทบจะทะลักมาที่คอหอย
ในขณะที่คนในตระกูลหลินกำลังหัวเราะเยาะอยู่ในใจ ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ คนแซ่ฉู่คนนี้ช่างมีดวงผู้หญิงของผู้หญิงจริงๆ“ผมเอง มีอะไรเหรอครับ?”ฉู่เฉินเหลือบมองหลินฮ่าวและคนอื่นๆ แล้วพยักหน้าเล็กน้อย“เหอะๆ มีอะไรงั้นเหรอ?”หลินฮ่าวหัวเราะอย่างเย็นชาและกล่าวว่า “ฉู่เฉิน แกคงไม่รู้ตัวว่าใกล้ถึงวาระสุดท้ายของแกแล้วสินะ?”ฉู่เฉินขมวดคิ้ว มองสำรวจหลินฮ่าวและคนอื่นๆ พร้อมกับสงสัยว่า “ใกล้ถึงวาระสุดท้าย? ดูเหมือนว่าเราจะไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันนะครับ?”ขณะกล่าว ฉู่เฉินและหลิงเสวี่ยต่างก็มองไปที่สมาชิกตระกูลหลินด้วยความระแวดระวังแม้ว่าคนเหล่านี้จะอยู่ในระดับสร้างรากฐานขั้นหกเท่านั้น แต่ฉู่เฉินกลับรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ายอดฝีมือจำนวนมากกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้เมื่อหลินฮ่าวได้ยินเช่นนี้ ก็แค่นเสียงเย็นและกล่าวว่า “คนแซ่ฉู่ แกจะแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องไปทำไม เจ้าสำนักให้เวลาแกสามวันเพื่อไปรับโทษตายที่สำนักชิงอวิ๋น แกคิดว่าแกซ่อนตัวอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้แล้วจะไม่มีใครหาแกเจองั้นเหรอ?”“ฉันแนะนำให้แกส่งหยกโลหิตกิเลนมาจะดีที่สุด แล้วทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้นฉันจะฆ่าแกให้ตายอย่างไม่เหลือซาก
ในความเป็นจริงทั้งเมืองชิงหลง แทบจะอยู่ภายใต้อิทธิพลของสำนักชิงอวิ๋นตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่ก็ล้วนเป็นศิษย์ของสำนักชิงอวิ๋นเช่นกันถ้าตระกูลหลินเป็นฝ่ายเริ่มเสนอการสังหารฉู่เฉินพื่อแย่งชิงสมบัติ จากนั้นนำหยกโลหิตกิเลนไปมอบให้กับธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋น ดูเหมือนว่าตระกูลหลินของพวกเขาก็คงจะได้ความดีความชอบเป็นอันดับแรกสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือจ้าวเต๋อฉวนเป็นทายาทรุ่นที่สองของตระกูลจ้าวและยังเป็นเจ้าสำนักชิงอวิ๋นอีกด้วยถ้าใจร้อนอยากได้ความดีความชอบโดยปกปิดตระกูลจ้าว ทันทีที่เป็นศัตรูกับตระกูลจ้าว ก็ยากที่จะรับประกันได้ว่าในอนาคตจะไม่ถูกจ้าวเต๋อฉวนกีดกันดังนั้น ข้อเสนอของหลินฮ่าวจึงได้รับการเห็นชอบอย่างเป็นเอกฉันท์จากบรรดาผู้เฒ่าตระกูลหลินอย่างรวดเร็วในไม่ช้า ตระกูลหลินก็เริ่มดำเนินการ โดยส่งยอดฝีมือจำนวนมากติดตามหลินฮ่าวไปดักรอฉู่เฉินนอกเมืองชิงหลงอีกด้านหนึ่ง ยังได้ส่งลูกหลานตระกูลหลินไปจำนวนไม่น้อยไปแจ้งตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่แค่ยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานขั้นที่หกของตระกูลหลิน ก็มีมากถึงสิบกว่าคนแล้วเมื่อรวมกับตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่ ภายใต้การร่วมมือของสามตระกูล ไม่ต้องพูดถึง
แม้ว่าจะไม่มีตึกสูง แต่ที่นี่ก็มีสินค้าอุปโภคบริโภคสมัยใหม่บางชนิดจำหน่ายด้วยเหมือนกันหลังจากฟังคำแนะนำของหลิงเสวี่ย ฉู่เฉินก็พยักหน้าและกล่าวว่า “ได้ งั้นไปที่เมืองชิงหลงกันก่อน”อันที่จริง ในด้านหนึ่งฉู่เฉินต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับโลกแห่งการหยั่งรู้ และในอีกด้านหนึ่งก็ต้องการค้นหาวัตถุดิบยาในเมืองชิงหลงด้วยอย่างไรก็ตาม ตอนนี้เจ้าทึ่มก็ถึงคอขวดแล้ว และจำเป็นต้องคิดหาวิธีที่จะเปลี่ยนเขาให้กลายเป็นผีดิบเหินฟ้าโดยเร็วที่สุดไม่อย่างนั้น ฉู่เฉินก็คงจะขาดคู่ซ้อมที่แข็งแกร่งไปคนหนึ่งไม่ใช่เหรอ“คุณจะไปเมืองชิงหลงจริงๆ เหรอ? คุณควรรู้ไว้ว่าตอนนี้คุณในโลกแห่งการหยั่งรู้ก็เหมือนกับเป็นสมบัติที่มีชีวิต ไม่รู้ว่ามีคนจำนวนเท่าไหร่ที่กำลังเล็งคุณอยู่”หลิงเสวี่ยกล่าวพลางขมวดคิ้วแน่นไม่ใช่ว่าเธอเป็นห่วงฉู่เฉินมากขนาดนั้น แต่ถ้าฉู่เฉินตกอยู่ในอันตราย เธอก็จะพลอยเดือดร้อนไปด้วย“เมื่อวานเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนั้น ยังมีใครกล้าคิดร้ายกับผมอีกงั้นเหรอ?”ฉู่เฉินถามด้วยความสงสัยชิ!หลิงเสวี่ยกลอกตามองฉู่เฉินและกล่าวด้วยสีหน้าจนใจ “คุณคิดว่าเหตุการณ์เมื่อวานนี้จะสร้างความฮือฮาได้มากขนาดไหน แม้ว่า
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนอดหน้ามืดไม่ได้ แทบจะเป็นลมคาที่นี่ไม่อาจใช้คำว่ามากเกินไปมาบรรยายฉู่เฉินได้แล้ว ปรมาจารย์ฝืนข่มกลั้นโทสะในใจ เอ่ยด้วยรอยยิ้มฝืน ๆ ว่า “คุณฉู่ คุณไม่คิดว่าข้อเรียกร้องของคุณมันมากเกินไปเลยหรือไง?”“ฆ่าคนก็แค่เอาหัวโขกพื้น คะ...คุณเห็นวังเทียนเจี้ยนของผมรังแกง่ายจริง ๆ เหรอ?” ฉู่เฉินหัวเราะหยัน กวาดตามองปรมารจารย์ว่านเจี้ยนแวบหนึ่งแล้วพูดว่า “รังแกคุณแล้วยังไง? เอาของตามใบรายการนี้มา แล้วผมจะหันกายจากไปโดยไม่พูดอะไรเลย”“ถ้าคุณกล้าพูดคำว่าไม่สักคำละก็ ผมก็มีวิธีทำให้วังเทียนเจี้ยนของคุณหายวับไปกับตา” ข่มขู่ ข่มขู่กันอย่างโจ่งแจ้ง“ไอ้คนแซ่ฉู่ แกเหิมเกริมไปแล้ว...” ไม่รอให้ศิษย์ของวังเทียนเจี้ยนที่อยู่ในห้องโถงใหญ่เอ่ยปาก ปรมารจารย์ว่านเจี้ยนก็รีบยกมือห้ามเอ่ยว่า “หุบปากให้หมด!” หลังจากผ่านเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อวาน เวลานี้ปรมารจารย์ว่านเจี้ยรไม่สงสัยความสามารถของฉู่เฉินเลยสักนิดเดียวอย่างแย่ที่สุด ฉู่เฉินก็สามารถลากวังเทียนเจี้ยนให้ตายตกตามกันได้ต้องรีบไล่ตัวซวยคนนี้ออกไปโดยเร็วที่สุดถุงจะถูกเมื่อคิดได้ดังนั้น ปรมาจ
ไม่อย่างนั้น เธอก็คงไม่มีทางกระโดดจากสาวใช้ธรรมดา ๆ กลายเป็นสุดยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานชั้นแปดภายในระยะเวลาห้าปีสั้น ๆ หรอก แต่ว่าฉู่เฉินรู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไร?เมื่อเห็นหลิงเสวี่ยตะลึงจนพูดไม่ออก ฉู่เฉินก็แหงนหน้าหัวเราะเสียงดังแล้วพูดว่า “ดูท่าจะตรงตามที่ผมเดาไว้จริง ๆ ปรมาจารย์คนดีของคุณอยากเลี้ยงคุณจนสมบูรณ์แล้วค่อยดูดกลืนคุณจนแห้งไงละ” เมื่อหลิงเสวี่ยได้ยินคำพูดนี้ พลันร้อนใจขึ้น ถลึงตามองฉู่เฉินอย่างเย็นชาและกล่าว “ฉู่เฉิน ห้ามคุณพูดจาเหลวไหลนะ”ถึงแม้ว่าปรมาจารย์ว่านเจี้ยนจะเห็นเธอเป็นของชิ้นหนึ่ง มอบเธอให้ฉู่เฉิน แต่ว่าสำนักเคยมีบุญคุณกับเธอจริง ๆ“พูดจาเหลวไหล? กลัวว่าคุณโดนคนอื่นขายแล้ว ยังช่วยเขานับเงินด้วยละมั้ง?”ฉู่เฉินหัวเราะหยัน จากนั้นก็อธิบายวิชาบำเพ็ญคู่ให้ฟังสั้น ๆ และบอกเรื่องคุณสมบัติร่างกายพิเศษอย่างร่างธาตุสวรรค์บริสุทธิ์ว่ามีประโยชน์มากเท่าไหร่ต่อผู้ฝึกวิชาบำเพ็ญคู่ให้ฟังตามความเป็นจริง หลังจากฟังคำพูดนี้ของฉู่เฉินจบก็ทำลายสามมุมมองของหลิงเสวี่ยอย่างแท้จริง “เป็นไปไม่ได้ ต้องไม่ใช่ความจริงแน่นอน ท่านปรมาจารย์มักจะสอนพวกเราว่าผู้บำเพ็ญเพียนต้องทำ
ถึงแม้ว่าในใจของปรมาจารย์ว่านเจี้ยนจะไม่เต็มใจอย่างยิ่ง แต่ก็ทำได้เพียงปล่อยให้ฉู่เฉินจูงมือหลิงเสวี่ยเดินเข้าไปในเรือนเจ้าสำนักที่เขาอาศัยอยู่ ในตอนที่ฉู่เฉินปิดประตูห้องจนสนิท พวกศิษย์ของวังเทียนเจี้ยนต่างก็เผยสีหน้าเจ็บปวดและไม่ยินยอมออกมาจบแล้ว!เทพธิดาในใจของพวกเขา น้องศิษย์เล็กที่พวกเขาเฝ้าปรารถนา โดนไอ้เดรัจฉานฉู่เฉินย่ำยีแบบนี้แล้วเมื่อผลักประตูเดินเข้าไปในห้องนอนด้านใน ฉู่เฉินก็อดตื่นตาตื่นใจไม่ได้ไอ้แก่ตายยากอย่างปรมาจารย์ว่านเจี้ยนคนนี้เสพสุขเก่งจริง ๆ บนเตียงหยกน้ำแข็งมีอุปกรณ์ของเล่นต่าง ๆ ครบครัน นอกจากนี้ยังมีหมอนรองเอวโดยเฉพาะอีกด้วยไอ้เชี่ยนี่ เฒ่าหัวงูถึงจะเป็นคนตัณหากลับ จริง ๆ เมื่อเห็นเฟอร์นิเจอร์ในห้องปรมาจารย์ว่านเจี้ยน หลิงเสวี่ยก็อดขมวดคิ้วไม่ได้พลางกล่าวว่า “ทำไมในห้องของปรมาจารย์ถึงจะมีหมอนสองใบล่ะ อีกอย่าง ทำไมหมอนใบนี้ดูไปแล้ว ไม่ค่อยเหมือนเลย?” หลิงเสวี่ยพูดพลางเอื้อมมือจะไปหยิบหมอนรองเอวใบนั้นขึ้นมา แต่โดนฉู่เฉินขวางไว้ทันที“อีกเดี๋ยวคุณก็จะรู้เองว่าหมอนใบนี้เอาไว้ใช้ทำอะไร เข้ามาสิ”ระหว่างที่พูด ฉู่เฉินก็ดึงหลิงเสวี่ยให้นั่งลงข้างเตียง
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ พวกว่านโซ่วเซียนเวิงก็ถอนหายใจติดต่อกันด้วยสีหน้าเสียดายในตอนนี้เอง แผ่นกระดาษสีขาวที่เขียนตำรับยาสร้างกล้ามเนื้อพลันลอยมาจากในวังเทียนเจี้ยน“ผู้อาวุโสทั้งหลาย ขอบคุณครับ”วินาทีต่อมา เสียงของฉู่เฉินดังออกมาจากห้องโถงใหญ่ของวังเทียนเจี้ยนพวกว่านโซ่วเซียนเวิงรับสูตรยาที่ฉู่เฉินส่งมา ก่อนจะมองไปทางตำหนักหลักของวังเทียนเจี้ยนอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง“พวกเราไปกันเถอะ”ว่านโซ่วเซียนเวิงคัดลอกสูตรยาไว้หนึ่งชุด แล้วก็พาลูกศิษย์แห่งสำนักว่านเซียนหันกายเดินจากไป“เหอะ ๆ... ไอ้หนูมีน้ำใจแล้ว ถือว่าฉันติดหนี้บุญคุณเธอแล้ว ไว้พบกันใหม่”ผู้เฒ่าเทียนเสวียนก็คว้าสูตรยามาเช่นกันก่อนจะคัดลอกทันที จากนั้นเขาก็หันกายพาหลินเจี้ยนเฟิงลอยจากไปไม่นานนัก ผู้คนที่มามุงดูความคึกคักรอบนอกวังเทียนเจี้ยนก็ทยอยกันแยกย้ายไปหมดฉู่เฉินมองปรมาจารย์ว่านเจี้ยนที่หน้าแดงก่ำดูอับอายอย่างยิ่งยวด ก่อนจะหัวเราะหยันแล้วพูดว่า “เมื่อกี้คุณบอกว่าใครใกล้ตายนะ?”ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนมองฉู่เฉินพลางกัดฟันกรอด แม้ว่าตอนนี้ภัยคุกคามของวังเทียนเจี้ยนจะถูกขจัดไปแล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่กล้าแตะต้องฉู่เฉ
เวลานี้เอง ทุกคนในเหตุการณ์ตกใจจนเหงื่อแตกพลั่ก ไม่มีใครคาดคิดว่าลู่ชิงเฟิงจะโกรธจริง ๆนอกจากนี้ ประตูใหญ่ของวังเทียนเจี้ยนโดนทำลาย วันหน้าสถานะของวังเทียนเจี้ยนในหมู่สำนักรอบนอกภูเขาหลางจวีซวีย่อมลดลงไปอีกขั้นอย่างแน่นอแม้ว่าปรมาจารย์ว่านเจี้ยนในตอนนี้จะร้องทุกข์มิรู้วาย แต่ก็ไม่กล้าแสดงสีหน้าไม่พอใจเลยสักนิดเดียวเวลานี้จื่อเยว่ที่อยู่ท่ามกลางฝูงชนก็ต้องชื่นชมความโชคดีของฉู่เฉินเช่นกันถึงแม้ความสามารถของเขาจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่อาศัยสติปัญญาและแผนการเรียกยอดคนอย่างลู่ชิงเฟิงออกมายืนอยู่ฝ่ายเขาได้นับว่าผ่านด่านยากตรงหน้าได้ชั่วคราวแล้วจริง ๆ “ศิษย์พี่หญิง ฉู่เฉินคงไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับลู่ชิงเฟิงใช่ไหม?”หลิงรั่วกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก ก่อนจะเอ่ยถามเสียงเบา“เกี่ยวข้องกับลู่ชิงเฟิง? ไม่มีทางหรอก!”จื่อเยว่หัวเราะหยันพลางส่ายศีรษะลู่ชิงเฟิงนั้นเป็นบุคคลอันดับหนึ่งของวังเต๋าคุนหลุน ถึงแม้จะไม่ใช่เจ้าสำนัก แต่ในวังเต๋าคุนหลุน นอกจากผู้เฒ่าผู้แก่ที่ปลีกวิเวกไม่ออกมาเหล่านั้นแล้ว เขาก็เป็นตัวแทนพลังรบสูงสุดเลยก็ว่าได้แม้ว่าฉู่เฉินเพียงแค่รู้จักลู่ชิงเฟิงเท่านั้น แ
มันอยู่เหนือระดับที่พวกเขาสามารถประมาณค่าได้ไปแล้ว!นักพรตแห่งน้ำไฟผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานเมื่อกี้ ตอนนี้ก็เหงื่อเย็นแตกพลั่ก ไม่กล้าแม้แต่จะปฏิเสธแม้แต่คำเดียวเมื่อเห็นฉากนี้ สีหน้าของปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็เปลี่ยนไปทันที มองสำรวจฉู่เฉินด้วยรอยยิ้มเยาะและกล่าวว่า “เจ้าหนู ดูเหมือนว่าการคำนวณของมนุษย์จะสู้การคำนวณของสวรรค์ไม่ได้จริงๆ คุณคงไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลยใช่ไหมล่ะ”“ยังกล้าให้ฉันมอบศิษย์ไปอุ่นเตียงให้แกอีกเหรอ? หึ!”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็แค่นเสียงเย็นและกล่าวว่า “ฉันแนะนำให้แกรีบส่งหยกโลหิตกิเลนมา แล้วฆ่าตัวตายรชดใช้ความผิดต่อหน้าฉันซะ ไม่งั้น...”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ในดวงตาของปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็ระเบิดรังสีอำมหิตออกมาสองสายสถานการณ์พลิกผันเร็วเกินไป จนกระทั่งหลิงเสวี่ยยังไม่ได้สติ แต่ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนไม่เปลี่ยนสีหน้าเร็วเกินไปหน่อยเหรอ?ฉู่เฉินหรี่ตาลงและกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “คุณแน่ใจเหรอ?”“หึ เจ้าหนู ใกล้ตายแล้ว อย่าดิ้นรนไปให้เปลืองแรงเลย!”ขณะกล่าว ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็ชักกระบี่ออกมาทันที กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวของผู้แข็งแกร่งระดับควบแ