หลังจากที่เขาเดินวนอยู่บนทางเดินอีกรอบเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง ในที่สุดห้องทำงานก็กลับคืนสู่สภาวะปกติ ฟางอวี่เจิ้งถอนหายใจ ไม่รู้ว่าโต๊ะทำงานตัวใหม่ของเขาจะเป็นอย่างไรบ้างโต๊ะตัวนั้นทำมาจากไม้จันทน์เชียวนะ แล้วเขาก็เป็นคนควักเงินเองด้วย ตั้งเก้าหมื่นกว่าบาท……“คุณแยกห้องนอนกับสามีมานานแค่ไหนแล้ว?”ฉู่เฉินม้วนปอยผมของเจียงอิ่งเล่น พลางยิ้มถามไอ้แซ่หลูนั่นเป็นตัวอย่างชั้นดีของคนหวงก้างจริงๆ ผิวส้มตากแห้งชั้นดีขนาดนี้ ปล่อยไว้ให้แห้งเฉาอย่างนี้ มันน่าด่าจริงๆ!“ทำไมคุณถึงได้รู้ไปหมดทุกอย่าง?”เจียงอิ่งขมวดคิ้ว จ้องพิจารณาฉู่เฉินด้วยสีหน้าที่ไม่อยากเชื่อนี่เป็นความลับสุดยอดของเธอ เธอไม่เคยบอกให้ใครรู้ แม้แต่น้องชายของเธอก็ยังไม่รู้“คับ!”ฉู่เฉินเป็นคนพูดสั้นๆ แต่ได้ใจความมาเสมอ“คุณ!”เจียงอิ่งเอากำปั้นทุบเอวของเขาแรงๆ พูดอ้อมๆ หน่อยไม่ได้เลยเหรอ?“ผมคิดว่านี่เป็นการประเมินผู้หญิงที่สั้นและตรงที่สุดแล้วนะ”คำพูดนี้กลับออกมาจากใจฉู่เฉินจริงๆแค่คำเดียวสั้นๆ ก็เอาชนะคำพูดได้มากมายหมื่นล้านคำแล้ว ทำไมต้องพูดอะไรให้มากความด้วยล่ะ?“เชอะ”เจียงอิ่งจ้องพิจารณาฉู่เฉิน หยักยิ้มมุ
“ข้อ...เข่าเสื่อม?”ฉู่เฉินลูบคลำเรียวขาเนียนนุ่มงดงามของเจียงอิ่ง ไม่อยากจะเชื่อเลยจริง ๆ เธออายุน้อยแค่นี้จะมีโรคข้อเข่าเสื่อมได้อย่างไร?“ลูบขาคนอื่นแล้วยังหาเหตุผลดูดี ดูท่าทางคุณจะไม่ใช่หมอจริง ๆ”เจียงอิ่งกล่าวพลางปรับเปลี่ยนมุมของร่างกาย ยืดเรียวขาที่ยาวงดงามออกมาพาดไว้บนตักของฉู่เฉิน ก่อนจะเอ่ยอย่างจนปัญญาว่า “ถ้าไม่ใช่เพราะตอนเด็ก ๆ รักสวยรักงามมากเกินไป หน้าหนาวเลยยังสวมกระโปรงสั้นกับถุงน่อง หนาวจนจะแข็งอยู่แล้ว”“หลังจากนี้ไม่สวมก็ไม่เป็นไรแล้ว” ฉู่เฉินเอ่ยด้วยความมั่นใจมาก “ได้คืบจะเอาศอก แค่สูตรยาเมื่อกี้ของคุณ รักษาได้ทุกโรคเลยหรือไง?” ดวงหน้าเล็กของเจียงอิ่งแดงระเรื่อ ยื่นริมฝีปากเล็กพลางเอ่ย“ก็เกือบ ๆ ถ้าไม่เชื่อพรุ่งนี้คุณก็จะรู้เอง รับรองว่าคุณจะตัวเบาเหมือนนกนางแอ่น เดินขึ้นตึกสูง กระโดดข้ามตึกได้เหมือนเดินบนพื้นราบเลย”อันที่จริงคำพูดนี้เป็นความจริง เนื่องจากเจียงอิ่งมีคุณสมบัติร่างกายพิเศษ การบำเพ็ญคู่ไม่เพียงมีประโยชน์ต่อฉู่เฉินมาก แต่ยังมีประโยชน์ต่อเธอค่อนข้างมากด้วยเช่นกันทว่าน่าเสียดายที่เธอไม่ใช่ผู้บำเพ็ญพรตไม่อย่างนั้นตอนนี้ก็คงสัมผัสได้ถึงค
ถ้าอย่างนั้นเมื่อกี้เธอเพิ่งถูกฟางอวี่เจิ้งกับฉู่เฉินรวมหัวกันหลอกฟันไปหนึ่งครั้งเลยไม่ใช่หรือไง?ไม่สิ!สองครั้งเลยต่างหาก!นี่มันไร้มนุษยธรรมเกิดไปแล้วหรือเปล่า? กลางวันแสก ๆ ท้องฟ้าสว่างไสว พวกคุณรวมหัวกันหลอกฟันแบบนี้เหมาะสมแล้วเหรอ?“อ้อ...จริงสิ”ฟางอวี่เจิ้งตบหน้าผากตัวเองทีหนึ่ง เกือบจะลืมเรื่องสำคัญไปเลย โชคดีที่ฉู่เฉินเอ่ยเตือน เขาถึงค่อยเอ่ยอย่างใคร่ครวญว่า “เป็นนายท่านใหญ่เฉียวเฉิงโส่วในตระกูลของพวกเรา”“ได้ยินว่าสมัยก่อนนายท่านใหญ่เป็นวีรบุรุษสงครามในกองทัพ แต่ได้ทิ้งโรคเรื้อรังไว้ ซึ่งอาการหนักขึ้นไปตามอายุ ตอนนี้...”พอกล่าวถึงตรงนี้ ฟางอวี้เจิงพลันเปลี่ยนเรื่องว่า “เฉียวเฉิงโส่วเคยหาหมอชื่อดังนับไม่ถ้วน ขนาดบุคคลอย่างฮว่าจิ่วหยางก็เคยเชิญมา แต่ว่าทุกคนต่างจนปัญญากับโรคของนายท่านใหญ่” “หลายวันก่อนโชคดีได้ทานข้าวร่วมกับเฉียวเฉิงโส่ว เขาพูดขึ้นมาลอย ๆ ผมก็รับปากไปอย่างลวก ๆ แต่ว่ายังไม่เจอคนที่เหมาะสมมาโดยตลอด” “เมื่อวานวิชาแพทย์ของน้องฉู่ทำให้ผมได้เปิดหูเปิดตาแล้วจริง ๆ ดังนั้นพวกคำพูดที่พูดไว้ในข้อความเลยไม่ได้พูดกับ...หัวหน้าแผนกเจียง แต่ว่าผมมีความตั้งใจนี
“คุณคิดอะไรน่ะ? ฉันจะลงไปก่อน แล้วคุณค่อยลงไปทีหลัง อย่าให้พี่สะใภ้ของฉันเห็นเข้าละ”เจียงอิ่งดูลนลานเล็กน้อย ราวกับเด็กน้อยที่แอบขโมยกินปาท่องโก๋เป็นครั้งแรก เหมือนกับกลัวว่าเดินอยู่บนถนนแล้วจะมีคนรู้ว่าตัวเองขโมยปาท่องโก๋“ผมก็มีธุระเหมือนกัน ไปด้วยกันจะกลัวอะไร ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเป็นชู้กับเธอกันหมดนะ” ฉู่เฉินโอบเอวบางของเจียงอิ่งอย่างเหิมเกริม แล้วเดินไปที่หน้าบันไดโดยไม่ฟังคำอธิบาย“คุณจะไปทำอะไร?”เจียงอิ่งพูดพลางดิ้นหนีออกมาจากในอ้อมแขนของฉู่เฉิน เธอกลัวมากจริง ๆ มีคนไป ๆ มา ๆ ทั่วทั้งอาคาร ถ้าเกิดถูกคนอื่นเห็นเข้า เธอคงแย่แน่ ๆ“คิดบัญชี!” ฉู่เฉินเอ่ยอย่างเรียบนิ่งหลิ่วหรูเยียนกับหลิ่วชิงเหอแม่ลูกคู่นี้ ทำไมถึงไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตานะ?เดิมทีช่วงนี้ฉู่เฉินไม่มีความคิดจะไปเก็บดอกเบี้ยแล้ว ปรากฏว่าหลิ่วหรูเยียนรนหาเรื่องให้ได้ เช่นนั้นก็โทษเขาไม่ได้แล้ว ถึงอย่างไรฉู่เฉินก็เป็นคนหนุ่มที่รักษาคำพูด ครั้งก่อนเคยบอกไปแล้วว่าจะให้เธอได้เห็นกับตาถึงฉากใหญ่ที่เขาจัดการหลิ่วชิงเหอ แต่ช่วงนี้เขายุ่งเกินไป ไม่มีเวลาทำตามสัญญามาตลอดวันนี้ทุกสิ่งทุกอย่างมารวมกันครบพอดีเลย
หญิงสาววัยแรกแย้มได้ยินว่าฉู่เฉินเป็นคนตรวจโรคให้นายท่านใหญ่เฉียว สีหน้าที่สงบนิ่งพลันแย้มรอยยิ้มอันมีเสน่ห์ขึ้นมาทันที ก่อนจะยื่นมือเรียวสวยให้ฉู่เฉิน “สวัสดีครับ”ฉู่เฉินจับมือเธออย่างใจกว้างมาก “หมอเทวดาฉู่คะ ท่านนี้คือพี่สะใภ้ของฉัน เจียงถิง เป็นพิธีกรสถานีโทรทัศน์เจียงจงของพวกเรา”ฉู่เฉินพยักหน้าหนัก ๆ แล้วกล่าวว่า “พวกคุณแซ่เดียวกันเหรอ?” หืม?หญิงสาวทั้งสองคนต่างก็อึ้งกับคำถามของฉู่เฉิน แซ่เดียวกัน?ฉู่เฉินชะงักไปครู่หนึ่งแล้วเปลี่ยนวิธีถามว่า “ผมหมายถึงแซ่เจียงกันทั้งนั้นเลย บังเอิญมากเลยนะครับ”“อ๋อ ไม่ใช่ค่ะ ฉันแซ่เจียงที่มาจากคำว่าแม่น้ำค่ะ” เจียงถิงรีบอธิบาย “อ้อ หมายถึงตัวเจียงที่มีน้ำมากมาย” ฉู่เฉินเอ่ยยืนยันอีกครั้ง“แค่ก!” เจียงอิ่งกระแอมไอเบา ๆ แล้วพูดกับเจียงถิงที่กำลังตกตะลึงว่า “คุณฉู่คนนี้พูดจาตลกมากเสมอ คุณอย่าคิดมากเลยนะ” เจียงถิงพยักหน้าเล็กน้อย ยังนึกว่าตัวเองถูกฉู่เฉินมองออกแล้ว คำถามนี้มันมหัศจรรย์เกินไป ที่สำคัญคือฉู่เฉินรู้ได้อย่างไรว่าเป็นปัญหาเรื่องน้ำ?“ได้ งั้นพวกคุณคุยกันก่อนเถอะ ผมยังมีธุระ ถ้ามีวาสนาค่อยพบกันใหม่” ฉู่เฉินก
“กรี๊ดดด...” หลิ่วชิงเหอเจ็บจนหนีบขาสองข้างแน่น มือเล็ก ๆ ที่เดิมทีตั้งใจจะปกป้องสวนลูกแพร์ก็กดลงบนต้นขาขาวดุจหิมะทันทีการลอบโจมตีครั้งนี้มาอย่างไม่ทันตั้งตัว“แกมันไอ้เดรัจฉาน! ฉันจะฆ่าแกให้ได้!” หลังจากเสียงร้องตะโกนของหลิ่วชิงเหอ หลิ่วหรูเยียนที่กำลังเทียบขนาดหน้าอกกับหญิงสาววัยเดียวกันตรงชั้นบนก็ทำหน้าแข็งทื่อฉับพลัน หรือว่าเป็นฉู่เฉิน?!เขาถูกจับตัวไปแล้วไม่ใช่หรือไง?หรือว่าเกิดข้อผิดพลาดทางการแพทย์อะไรขึ้นอีก? เมื่อคิดถึงตรงนี้ หลิ่วหรูเยียนก็รีบสวมชุดนอนกระโปรงแล้วลนลานกระโดดลงจากเตียง เธอถึงขนาดไม่มีเวลาพอที่จะสวมรองเท้าแตะ เท้าขาวนวลเล็ก ๆ วิ่งลงไปข้างล่างด้วยเท้าเปล่าหญิงสาวที่เทียบขนาดหน้าอกกับหลิ่วหรูเยียนคนนั้นก็เอาเสื้อมาคลุมง่าย ๆ ก่อนจะวิ่งตามหลิ่วหรูเยียนไปที่ห้องรับแขก เมื่อเห็นฉู่เฉินที่หน้าประตู หลิ่วหรูเยียนกับหญิงสาวคนนั้นแทบจะตกตะลึงไปพร้อมกัน หลิ่วหรูเยียนไม่อยากจะเชื่อสายตาของตัวเองจริง ๆ วันนี้เธอเห็นกับตาว่าฉู่เฉินถูกเจียงอิ่งพาขึ้นรถเจ้าหน้าที่ตรงหน้าประตูตึกออฟฟิศของซินฉู่ฟาร์มาซูติคอลตะวันยังไม่ตกดิน ทำไมถึงปล่อยตัวออกมาแล้วล่ะ? ห
เนื่องจากตอนบ่ายมาถึงบ้านตระกูลหลิ่ว เธอยังคิดจะฉีดน้ำหอมใส่หน้าของฉู่เฉิน แกล้งฉู่เฉินเล่นสักรอบ แต่หาจนทั่วหนึ่งรอบก็ไม่พบเงาของฉู่เฉินเลย เธอถึงได้ถามหลิ่วหรูเยียนว่าฉู่เฉินอยู่ที่ไหนหลิ่วหรูเยียนไม่ขบคิดอะไรทั้งนั้นก็บอกเธอว่าฉู่เฉินตายไปแล้วตอนนั้นตู้เสี่ยวเยวี่ยยังนึกเสียดาย พอนึกถึงเหตุการณ์ที่สาดน้ำหอมใส่หน้าของฉู่เฉิน เธอก็เพลิดเพลินใจอย่างมาก ฉู่เฉินตายไปแล้วได้อย่างไรกัน?แต่ตอนนี้พอเห็นฉู่เฉินที่ทำสีหน้าเย็นชา ใบหน้ามีรัศมีอำมหิต ตู้เสี่ยวเยวี่ยก็เกิดลางสังหรณ์ที่ไม่ดีขึ้นมาราง ๆ ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ระหว่างคุณน้ารอง ญาติผู้พี่และฉู่เฉินจะไม่ธรรมดาเหมือนอย่างที่เธอจินตนาการไว้โดยเฉพาะเสียงกรีดร้องสองครั้งของหลิ่วชิงเหอเมื่อครู่นี้ ในนั้นยังแฝงความหมายมากเกินไปจริง ๆ “ไม่มีอะไรหรอก อย่าไปฟังเขาพูดจาส่งเดช!” หลิ่วหรูเยียนกัดฟันกรอดจ้องมองฉู่เฉิน แต่ร่างกายกลับถอยหลังติดต่อกันอย่างควบคุมไม่อยู่ฉู่เฉินหัวเราะหยัน มองไปทางหลิ่วหรูเยียนแล้วพูดว่า “เธอน่าจะไม่ได้บอกขั้นตอนการถอนพิษให้เขาฟังใช่ไหม? ไม่เป็นไร ทางฉันมี”ฉู่เฉินพูดพลางล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาจากในกร
ฉู่เฉินหัวเราะหยัน หันหน้าไปมองตู้เสี่ยวเยวี่ยที่อยู่ทางด้านข้าง ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงเย็นชาว่า “เธอแต่งงานมาสองปีแล้วแต่ไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรเลยใช่ไหม?” “นะ...นายรู้ได้ยังไง?”ตู้เสี่ยวเยวี่ยเบิกตาโต มองมาทางฉู่เฉินอย่างไม่อยากจะเชื่อเธอแต่งงานกับหลี่โย่วถังมาเกือบสองปีแล้ว แต่ไม่มีความเคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อยท่าทีของตระกูลหลี่ที่มีต่อเธอก็ไม่ได้อบอุ่นเหมือนในตอนแรกแล้วถึงขนาดที่มีบางครั้ง มารดาหลี่ยังพูดเหน็บแนมเยาะเย้ยใส่ เช่นคำพูดที่ว่า ต่อให้อุ้มแม่ไก่แก่ ๆ กลับมา สองปีก็น่าจะวางไข่ได้แล้วครั้งนี้ตู้เสี่ยวเยวี่ยกลับมาที่เจียงจง ฉากหน้าคือมาเยี่ยมญาติ แต่ความจริงคือเพื่อมาตรวจรักษา เธอไปโรงพยาบาลใหญ่ต่าง ๆ ทั่วเมืองหมอตู ตรวจไปตรวจมาก็ตรวจหาสาเหตุไม่ได้ นี่ถึงทำให้เธอคิดจะกลับมาที่เจียงจงเพื่อหาหมอเทวดาซุนให้ช่วยตรวจโรคให้ นี่ยังไม่ทันได้เจอหมอเทวดาซุนก็ถูกฉู่เฉินมองออกก่อนแล้ว “เพราะเธอเองก็เคยใช้น้ำยาที่ตัวฉันเคยแช่ไว้ น่าเสียดายที่คุณสมบัติร่างกายของเธอพิเศษ ไม่สามารถเพลิดเพลินกับกายาโอสถสวรรค์ได้ ดังนั้นเธอถึงกลายเป็นหมัน”เมื่อฉู่เฉินเอ่ยคำพูดนี้ออกมา ตู้เสี่ยวเ
บางทีสักวันหนึ่ง เธออาจจะสามารถเหยียบผู้ชายเฮงซวยพวกนี้ให้จมดินได้ในตอนนี้ คนที่ตกใจมากที่สุดก็ยังเป็นฉีอวี่ไท่ ความจริงแล้ว ฉีอวี่ไท่เป็นคนเดียวในรุ่นที่สองของตระกูลฉีที่มีพรสวรรค์ด้านการต่อสู้ตั้งแต่เด็ก อีกทั้งยังเคยกราบอาจารย์เก่ง ๆ หลายคนตอนที่ตระกูลฉีมาพึ่งพิงเกาเซิ่งอี้ เขาก็มีพลังระดับปรมาจารย์แล้ว และหลังจากผ่านการฝึกฝนอย่างหนักหลายปี ประกอบกับทรัพยากรจำนวนมากที่เกาเซิ่งอี้มอบให้ เขาจึงประสบความสำเร็จเหมือนในวันนี้แต่ฉู่เฉินกลับสามารถใช้ลูกเตะเดียวทำลายพลังของเขา สะเทือนอวัยวะภายในร่างของเขาจนเละอย่างน้อยสิ่งนี้ก็แสดงให้เห็นว่า ฉู่เฉินต้องเป็นยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานอย่างแน่นอนในความทรงจำของเขา ตระกูลฉู่แห่งเจียงจง ไม่มีพื้นฐานด้านการต่อสู้เลยแม้แต่น้อย และในช่วงเวลาสามปีที่พ่อแม่ของฉู่เฉินหายสาบสูญไป ฉู่เฉินก็อยู่ในสภาพ เกือบตายตลอดเวลาอย่าว่าแต่การฝึกวรยุทธ์หรือบำเพ็ญพรตเลย แม้แต่การลุกขึ้นยืนและเดิน สำหรับฉู่เฉินแล้ว นี่เป็นเพียงความฝันที่ไม่สามารถเป็นความจริงได้ในเวลาสั้น ๆ เพียงไม่กี่เดือน ทำไมฉู่เฉินถึงเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้?เมื่อครู่เขาได้ทำการยืนยันหล
ทันทีที่ฉีอวี่ไท่ซัดฝ่ามือลงไป ก็เห็นเพียงกลิ่นอายสีดำปรากฏขึ้นมาในฝ่ามือของเขาถังเทียนอวี่และคนอื่น ๆ มองออกได้ในทันทีว่าฝ่ามือของเขาก็คือฝ่ามือเมฆาพิษของสำนักว่านเซี๋ยนั่นเอง!หลายคนต่างรู้สึกตกใจในตอนแรก แต่หลังจากนั้น สีหน้าของพวกเขาก็ค่อย ๆ กลับมาเป็นปกติแม้ว่าสำนักว่านเซี๋ยจะถูกแก๊งมังกรทำลาย ลูกศิษย์ของสำนักต้องแยกย้ายหนีไปคนละทิศละทางแล้ว แต่การถ่ายทอดวิชาของสำนัก กลับไม่ได้แบ่งแยกระหว่าง ความดีและความชั่วยิ่งไปกว่านั้น ฉีอวี่ไท่ยังคงเป็นคนของเกาเซิ่งอี้ พวกเขาจึงยิ่งไม่กล้าที่จะพูดอะไรมากแต่ถ้าฝ่ามือนี้ถูกซัดลงบนร่างกายของฉู่เฉิน อย่าว่าแต่เขาที่เป็นแค่คนธรรมดาเลย ต่อให้เป็นผู้บำเพ็ญพรตก็จะรู้สึกเจ็บปวดราวกับถูกหนอนนับหมื่นตัวกัดกินหัวใจ จนแทบไม่อยากมีชีวิตอยู่!อีกอย่างความเจ็บปวดนี้จะตามหลอกหลอนฉู่เฉินไปตลอด จนกระทั่งหนึ่งถึงสองเดือนหลังจากนั้น ความเจ็บปวดนี้จะหยุดลงเมื่อฉู่เฉินตายจากพิษที่แผ่กระจายไปทั่วร่างถึงแม้ว่าฉีอวี่ไท่จะมีเจตนาร้าย แต่ในสายตาของถังเทียนอวี่และคนอื่น ๆ กลับมองว่าคนอย่างฉู่เฉินที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงควรได้รับการลงโทษไม่อย่างนั้น ทุกคนก็จ
ต้องรู้ไว้ว่า หอการค้ากิเลนที่อยู่เบื้องหลังเขาคือองค์กรที่มีอิทธิพลมหาศาล ครอบครองอำนาจกว่าครึ่งหนึ่งของวงการบำเพ็ญพรต!ต่อให้ฉู่เฉินมีกองทัพคอยหนุนหลัง แต่กองทัพคงไม่สามารถคุ้มกันเขาได้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงหรอกใช่ไหม?ในตอนนี้ หลิ่วหรูเยียนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ฉู่เฉินถึงกับชะงักไป เธอไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าฉู่เฉินจะกล้าท้าทายถึงขนาดนี้!เขาคิดจริง ๆ เหรอว่าเกาเซิ่งอี้เป็นแค่ขยะไร้ค่าระดับเดียวกับฉีเฮ่อเซวียน?“นี่พ่อหนุ่ม อย่าพูดจาโอหังเกินไปนัก อย่าว่าแต่แกเลย แม้แต่บรรดาปรมาจารย์และตระกูลผู้บำเพ็ญพรตแห่งเจียงจง ก็ไม่มีใครกล้าอวดดีแบบนี้!”ใบหน้าของเสิ่นเจี้ยนเฟิงเย็นชา เขากล่าวตักเตือนเสียงแข็งกร้าวฉู่เฉินได้ยินดังนั้น ก็เผยสีหน้าดูแคลนเล็กน้อยก่อนกล่าวขึ้น“ทำไม คนเยอะแล้วคิดว่าจะเหนือกว่าหรือไง?”ถังเทียนอวี่แสยะยิ้มเหี้ยม ก่อนจะค่อย ๆ ลุกขึ้น เส้นผมยาวพลิ้วไหวราวกับมีลมพัด ใบหน้าของเขาแฝงไปด้วยความทระนง “เจ้าหนู รู้ไหมว่าแกกำลังท้าทายใครอยู่?”“ถึงแม้ว่าแกจะมีเส้นสายในกองทัพ ก็ปกป้องแกไม่ได้หรอก!”ฉู่เฉินมองถังเทียนอวี่อย่างเหยียดหยาม ก่อนจะยิ้มเยาะ“คนอย่างผมฉู่เฉินไม่ต้องการใ
เนื่องจากก่อนที่ฉู่เฉินจะลงจากรถ เขาได้ใช้ยันต์ปิดลมปราณ ซ่อนพลังปราณทั่วร่างของตัวเองเอาไว้ดังนั้น เมื่อมองจากระยะไกล ฉู่เฉินจึงดูไม่ต่างอะไรจากคนธรรมดาทั่วไป“คนนี้น่ะเหรอ ที่นายบอกว่าฝีมือไม่ธรรมดา?”เกาเซิ่งอี้เหลือบมองฉีอวี่ไท่ด้วยสีหน้าเย้ยหยันนี่มัน...ใบหน้าอาวุโสของฉีอวี่ไท่แดงก่ำ ก่อนจะหัวเราะเจื่อน ๆ “อาจเป็นเพราะลูกน้องของผมไม่เคยเจอของจริง เห็นพวกนักเลงข้างถนนตีกันก็คงคิดว่าเป็นยอดฝีมือไปแล้ว”ถังเทียนอวี่และคนอื่น ๆ ยิ่งแสดงเบะปากอย่างไม่แยแสพวกเขาถึงขั้นรู้สึกว่า ให้เตรียมการใหญ่โตขนาดนี้เพื่อจัดการกับคนไร้ค่าเพียงคนเดียว นี่ถือเป็นการใช้มีดฆ่าวัวมาฆ่าไก่เสียจริงเมื่อเห็นว่าฉู่เฉินและหลิ่วหรูเยียนเดินเข้ามาถึงห้องโถงใหญ่แล้ว เกาเซิ่งอี้ก็ลุกขึ้นอย่างช้า ๆ ก่อนกล่าวขึ้น“สมแล้วที่เป็นคนของตระกูลฉู่ ช่างกล้าหาญเกินคาด”“ตัวคนเดียวยังกล้ามาตามนัดอีก”ทันทีที่เกาเซิ่งอี้พูดจบ ถังเทียนอวี่และคนอื่น ๆ ก็เลิกซ่อนพลังปราณที่น่าสะพรึงกลัวของตัวเองอีกต่อไป ทันใดนั้นเอง คลื่นพลังมหาศาลก็พุ่งเข้าไปข่มฉู่เฉินพร้อมกันหลิ่วหรูเยียนรู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่หนักอึ้งราวภูเขาท
ชายหนุ่มที่เพิ่งปรากฏตัวคือถังเทียนอวี่ ยอดอัจฉริยะรุ่นเยาว์แห่งตระกูลถังในอวิ๋นเฉิง“นั่นคือยอดอัจฉริยะถังเทียนอวี่แห่งตระกูลถังใช่ไหม? เขาเองก็มาที่นี่เหรอ?”“ใช่ ฉันได้ยินมาว่าเมื่อห้าปีก่อน ผู้ชายคนนั้นได้เข้าร่วมสำนักบำเพ็ญพรตชื่อดังทางตะวันตกเฉียงใต้ และยังได้รับการยอมรับให้เป็นศิษย์ของสำนักอีกด้วย”ขณะที่ผู้คนรอบข้างกำลังวิพากษ์วิจารณ์กันไม่หยุด เกาเซิ่งอี้ก็เดินออกมาต้อนรับด้วยตนเองพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า ก่อนจะยื่นมือออกไปหาอีกฝ่ายอย่างเป็นมิตร“ฮ่า ๆ ๆต้องขอบคุณคุณชายถังที่ให้เกียรติมาร่วมงาน”“สมกับเป็นยอดอัจฉริยะของตระกูลถังแห่งอวิ๋นเฉิงจริง ๆ ยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานขั้นที่สี่ แค่รัศมีที่แผ่กระจายออกมาก็กดดันพวกเราได้แล้ว”ถังเทียนอวี่ยิ้มบาง ๆ ก่อนจับมือกับเกาเซิ่งอี้ แล้วตอบกลับ“ลุงเกาชมเกินไปแล้ว”ในขณะนั้นเอง รถหรูอีกคันก็แล่นมาจอดอย่างช้า ๆ จากนั้น ผู้อาวุโสในชุดขาวเรียบง่ายก็ก้าวลงจากรถพวกเขาเห็นว่าบนมือทั้งสองของผู้อาวุโสเต็มไปด้วยร่องรอยจากการฝึกฝน และทั่วทั้งร่างแผ่พลังอันน่าสะพรึงกลัวของผู้แข็งแกร่งระดับแนวหน้า“ซี้ด ๆ! นั่น…นั่นมันจางจิ่งหลง ผู้นำตระกูลจาง
อีกด้านหนึ่ง ในห้องทำงานของประธานฉู่ซื่อกรุ๊ปหลิ่วหรูเยียนกำลังตั้งอกตั้งใจทำงานอย่างขยันขันแข็ง ราวกับผึ้งงานที่กำลังเก็บน้ำหวานแต่ทันใดนั้น เสียงเคาะประตูดังขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้หลิ่วหรูเยียนตกใจสะดุ้งจนตัวโยน เธอรีบลุกขึ้นยืนพร้อมกับจัดเสื้อผ้าของตัวเองให้เรียบร้อยฉู่เฉินติดกระดุมกางเกง และกลับไปนั่งลงบนโซฟา พลางยกมือฟาดเบา ๆ ลงบนสะโพกกลมกลึงของหลิ่วหรูเยียน “พักนี้ เธอพัฒนาขึ้นเยอะเลยนะ”“อ๊ะ…”หลิ่วหรูเยียนหน้าแดงขึ้นมาทันทีหลังจากถูกฉู่เฉินตี เธอเม้มริมฝีปากเล็กน้อย ก่อนจะรีบเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงาน“เข้ามา”ทันทีที่เสียงของหลิ่วหรูเยียนดังขึ้น ต้าหลิงจื่อก็เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับถือการ์ดเชิญสีทองใบหนึ่ง“ประธานหลิ่ว นี่เป็นคำเชิญที่หอการค้าตะวันออกใหญ่ให้คนนำมาให้ค่ะ คนที่นำมาให้ยังเน้นย้ำเป็นพิเศษอีกว่า อยากให้คุณฉู่มาเข้าร่วมงานด้วย”ขณะที่พูด ต้าหลิงจื่อก็ยื่นการ์ดเชิญไปให้ตรงหน้าหลิ่วหรูเยียนการ์ดเชิญจากหอการค้าตะวันออกใหญ่?หลิ่วหรูเยียนอดไม่ได้ที่จะรับการ์ดเชิญมาด้วยความแปลกใจ ก่อนจะกวาดตามอง ข้อความในการ์ดเชิญเรียบง่ายมาก เป็นการเชิญสองแม่ลูกตระกูลหลิ่
หากกองทัพเข้ามาแทรกแซงเรื่องนี้จริงๆ คงจะเป็นปัญหาใหญ่แน่“ออกไปเถอะ”ฉีอวี่ไท่โบกมือกับฟางเหว่ย ก่อนจะคว้าเสื้อคลุมขึ้นมาแล้วรีบมุ่งหน้าไปยังเฉียนหลงวิลล่าอย่างไม่รอช้าขณะเดียวกัน ในห้องใต้ดินของเฉียนหลงวิลล่า เกาเซิ่งอี้กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงหยก รอบตัวเขาถูกปกคลุมด้วยไอหมอกจาง ๆ ชั้นหนึ่งที่เหมือนจะเห็นแต่ก็ไม่เห็นพลังปราณอันแข็งแกร่งระดับสร้างรากฐานขั้นที่สามแผ่ซ่านออกจากร่างเกาเซิ่งอี้ภายนอก เขาเป็นเพียงแค่นักธุรกิจธรรมดาคนหนึ่ง แต่แท้จริงแล้ว เกาเซิ่งอี้ก็มาจากตระกูลเกาซึ่งเป็นตระกูลผู้บำเพ็ญพรตอันดับหนึ่งแห่งหลิ่งหนานเช่นกันห้าปีก่อน เขาก็บรรลุพลังที่น่าสะพรึงระดับสร้างรากฐานขั้นที่สามแล้ว นี่เป็นครั้งที่สิบแล้วที่เขาพยายามทะลวงระดับสร้างรากฐานขั้นที่สี่ แต่ในช่วงเวลาสำคัญนั้นเอง จู่ ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นสนั่น ทำให้เกาเซิ่งอี้เกือบธาตุไฟเข้าแทรกโครม!เกาเซิ่งอี้ลืมดวงตาแดงก่ำขึ้นพึ่บ ควันฝุ่นฟุ้งอยู่โดยรอบ“ใคร! ฉันบอกแล้วไม่ใช่เหรอ ไม่ว่าใครก็อย่ารบกวนเวลาฉันฝึกตน?!”เมื่อได้ยินเสียงคำรามด้วยความโกรธของเกาเซิ่งอี้ ฉีอวี่ไท่ที่อยู่ด้านนอกประตูก็ถึงก
“คุณคงไม่ได้บ้าหรอกใช่ไหม?”ฉู่เฉินกลอกตามองเซียวเสวี่ยอิ๋ง ก่อนจะตอบกลับไปด้วยอารมณ์โมโห“ฉู่เฉิน อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ คุณใช้ประโยชน์จากกองทหารรักษาการณ์อยู่ชัดๆ”ดวงตาคู่สวยเจือน้ำค้างแข็งของเซียวเสวี่ยอิ๋งจ้องฉู่เฉินอย่างเย็นชาเธอเห็นภาพเมื่อครู่นี้ชัดเจน ฉู่เฉินบอกให้ผู้บังคับบัญชาสูงสุดโฮ่วส่งคนมาที่ฉู่ซื่อกรุ๊ปเพื่อเซ็นสัญญา เห็นได้ชัดว่าเขาวางแผนทุกอย่างเอาไว้แล้วเขาจะยืมมือของกองทหารรักษาการณ์จัดการกำจัดฉีเฮ่อเซวียนและคนอื่น ๆเขากล้าวางแผนถึงกองทหารรักษาการณ์ ฉู่เฉินใจกล้าเกินไปแล้วมั้ง“โปรดระวังคำพูดของคุณด้วย พวกเราร่วมมือกันต่างหาก แล้วคุณรู้ไหมว่าการร่วมมือกันคืออะไร? มันคือการที่ทุกฝ่ายเอาผลประโยชน์ของตัวเอง มีปัญหาอะไรเหรอ?”ฉู่เฉินพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “คุณ…?”ใบหน้าเล็กของเซียวเสวี่ยอิ๋งโกรธจนขาวซีด เธอไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้อีกแม้แต่คำเดียว“คุณอะไรล่ะ? สัญญาก็อยู่บนโต๊ะ ถ้าคุณไม่เซ็น ก็ไปได้แล้ว”ฉู่เฉินไม่อยากเสียเวลาเถียงกับผู้หญิงคนนี้อีกแล้ว ถ้าไม่เห็นแก่สภาพร่างกายที่พิเศษของเธอ ฉู่เฉินคงไล่เธอออกไปตั้งนานแล้วเซียวเสวี่ยอิ๋งโกรธฉู่เฉินจน
ฉู่เฉินจะไปมีคอนเนคชั่นคนใหญ่คนโตขนาดนี้ได้ยังไง?“ผู้นำหลู สำนักงานพาณิชย์ของพวกเราก็ปฏิบัติตามกฎเช่นกันนะ อีกทั้งคุณชายฉีก็ถือครองหุ้นฉู่ซื่อกรุ๊ปถึงหกส่วน ดังนั้นพวกเราจึง…”ในช่วงระหว่างที่หลิวจื้อซินพยายามพูดพลิกลิ้น เซียวเสวี่ยอิ๋งก็เอามือไพล่หลังก้าวเข้ามาตูม!ลำพังเพียงกลิ่นอายเฉพาะตัวของทหารก็ทำให้หลิวจื้อซินตกใจจนกลืนคำพูดหลังจากนั้นจนหมดสิ้น“ตอนนี้ฉันมีเหตุผลที่จะสงสัยในตัวพวกคุณว่ากำลังร่วมมือบ่อนทำลายความร่วมมือระหว่างกองทัพกับฉู่ซื่อกรุ๊ป และคุกคามความมั่นคงของชาติ”กล่าวเสร็จเซียวเสวี่ยอิ๋งเอาเอกสารตบโต๊ะอย่างแรงจนเกิดเสียงดังเมื่อเห็นคำว่าลับที่สุดบนซองเอกสารที่มีตราประทับสีแดงของผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองทหารรักษาการณ์เมืองเจียงจงแล้ว ไม่เพียงแค่ฉีเฮ่อเซวียนคนเดียวที่ตะลึงสุดขีด แม้แต่หลิวจื้อซินก็อ่อนแรงฟุบลงไปกองที่พื้นเขาถูกใส่ความถ้ารู้ว่าฉู่ซื่อกรุ๊ปยังมีความสัมพันธ์ในการร่วมงานกับทางกองทัพ ให้ความกล้าเขามาใช้มากแค่ไหนเขาก็ไม่กล้าทำถึงขนาดนี้หรอก“ท่าน...ท่านผู้นำ พวกเรา…พวกเราถูกใส่”ฟางเหว่ยและผู้ถือหุ้นทั้งหมดต่างตกใจจนคุกเข่าวิงวอนบนพื้นการข