หลังจากที่เขาเดินวนอยู่บนทางเดินอีกรอบเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง ในที่สุดห้องทำงานก็กลับคืนสู่สภาวะปกติ ฟางอวี่เจิ้งถอนหายใจ ไม่รู้ว่าโต๊ะทำงานตัวใหม่ของเขาจะเป็นอย่างไรบ้างโต๊ะตัวนั้นทำมาจากไม้จันทน์เชียวนะ แล้วเขาก็เป็นคนควักเงินเองด้วย ตั้งเก้าหมื่นกว่าบาท……“คุณแยกห้องนอนกับสามีมานานแค่ไหนแล้ว?”ฉู่เฉินม้วนปอยผมของเจียงอิ่งเล่น พลางยิ้มถามไอ้แซ่หลูนั่นเป็นตัวอย่างชั้นดีของคนหวงก้างจริงๆ ผิวส้มตากแห้งชั้นดีขนาดนี้ ปล่อยไว้ให้แห้งเฉาอย่างนี้ มันน่าด่าจริงๆ!“ทำไมคุณถึงได้รู้ไปหมดทุกอย่าง?”เจียงอิ่งขมวดคิ้ว จ้องพิจารณาฉู่เฉินด้วยสีหน้าที่ไม่อยากเชื่อนี่เป็นความลับสุดยอดของเธอ เธอไม่เคยบอกให้ใครรู้ แม้แต่น้องชายของเธอก็ยังไม่รู้“คับ!”ฉู่เฉินเป็นคนพูดสั้นๆ แต่ได้ใจความมาเสมอ“คุณ!”เจียงอิ่งเอากำปั้นทุบเอวของเขาแรงๆ พูดอ้อมๆ หน่อยไม่ได้เลยเหรอ?“ผมคิดว่านี่เป็นการประเมินผู้หญิงที่สั้นและตรงที่สุดแล้วนะ”คำพูดนี้กลับออกมาจากใจฉู่เฉินจริงๆแค่คำเดียวสั้นๆ ก็เอาชนะคำพูดได้มากมายหมื่นล้านคำแล้ว ทำไมต้องพูดอะไรให้มากความด้วยล่ะ?“เชอะ”เจียงอิ่งจ้องพิจารณาฉู่เฉิน หยักยิ้มมุ
“ข้อ...เข่าเสื่อม?”ฉู่เฉินลูบคลำเรียวขาเนียนนุ่มงดงามของเจียงอิ่ง ไม่อยากจะเชื่อเลยจริง ๆ เธออายุน้อยแค่นี้จะมีโรคข้อเข่าเสื่อมได้อย่างไร?“ลูบขาคนอื่นแล้วยังหาเหตุผลดูดี ดูท่าทางคุณจะไม่ใช่หมอจริง ๆ”เจียงอิ่งกล่าวพลางปรับเปลี่ยนมุมของร่างกาย ยืดเรียวขาที่ยาวงดงามออกมาพาดไว้บนตักของฉู่เฉิน ก่อนจะเอ่ยอย่างจนปัญญาว่า “ถ้าไม่ใช่เพราะตอนเด็ก ๆ รักสวยรักงามมากเกินไป หน้าหนาวเลยยังสวมกระโปรงสั้นกับถุงน่อง หนาวจนจะแข็งอยู่แล้ว”“หลังจากนี้ไม่สวมก็ไม่เป็นไรแล้ว” ฉู่เฉินเอ่ยด้วยความมั่นใจมาก “ได้คืบจะเอาศอก แค่สูตรยาเมื่อกี้ของคุณ รักษาได้ทุกโรคเลยหรือไง?” ดวงหน้าเล็กของเจียงอิ่งแดงระเรื่อ ยื่นริมฝีปากเล็กพลางเอ่ย“ก็เกือบ ๆ ถ้าไม่เชื่อพรุ่งนี้คุณก็จะรู้เอง รับรองว่าคุณจะตัวเบาเหมือนนกนางแอ่น เดินขึ้นตึกสูง กระโดดข้ามตึกได้เหมือนเดินบนพื้นราบเลย”อันที่จริงคำพูดนี้เป็นความจริง เนื่องจากเจียงอิ่งมีคุณสมบัติร่างกายพิเศษ การบำเพ็ญคู่ไม่เพียงมีประโยชน์ต่อฉู่เฉินมาก แต่ยังมีประโยชน์ต่อเธอค่อนข้างมากด้วยเช่นกันทว่าน่าเสียดายที่เธอไม่ใช่ผู้บำเพ็ญพรตไม่อย่างนั้นตอนนี้ก็คงสัมผัสได้ถึงค
ถ้าอย่างนั้นเมื่อกี้เธอเพิ่งถูกฟางอวี่เจิ้งกับฉู่เฉินรวมหัวกันหลอกฟันไปหนึ่งครั้งเลยไม่ใช่หรือไง?ไม่สิ!สองครั้งเลยต่างหาก!นี่มันไร้มนุษยธรรมเกิดไปแล้วหรือเปล่า? กลางวันแสก ๆ ท้องฟ้าสว่างไสว พวกคุณรวมหัวกันหลอกฟันแบบนี้เหมาะสมแล้วเหรอ?“อ้อ...จริงสิ”ฟางอวี่เจิ้งตบหน้าผากตัวเองทีหนึ่ง เกือบจะลืมเรื่องสำคัญไปเลย โชคดีที่ฉู่เฉินเอ่ยเตือน เขาถึงค่อยเอ่ยอย่างใคร่ครวญว่า “เป็นนายท่านใหญ่เฉียวเฉิงโส่วในตระกูลของพวกเรา”“ได้ยินว่าสมัยก่อนนายท่านใหญ่เป็นวีรบุรุษสงครามในกองทัพ แต่ได้ทิ้งโรคเรื้อรังไว้ ซึ่งอาการหนักขึ้นไปตามอายุ ตอนนี้...”พอกล่าวถึงตรงนี้ ฟางอวี้เจิงพลันเปลี่ยนเรื่องว่า “เฉียวเฉิงโส่วเคยหาหมอชื่อดังนับไม่ถ้วน ขนาดบุคคลอย่างฮว่าจิ่วหยางก็เคยเชิญมา แต่ว่าทุกคนต่างจนปัญญากับโรคของนายท่านใหญ่” “หลายวันก่อนโชคดีได้ทานข้าวร่วมกับเฉียวเฉิงโส่ว เขาพูดขึ้นมาลอย ๆ ผมก็รับปากไปอย่างลวก ๆ แต่ว่ายังไม่เจอคนที่เหมาะสมมาโดยตลอด” “เมื่อวานวิชาแพทย์ของน้องฉู่ทำให้ผมได้เปิดหูเปิดตาแล้วจริง ๆ ดังนั้นพวกคำพูดที่พูดไว้ในข้อความเลยไม่ได้พูดกับ...หัวหน้าแผนกเจียง แต่ว่าผมมีความตั้งใจนี
“คุณคิดอะไรน่ะ? ฉันจะลงไปก่อน แล้วคุณค่อยลงไปทีหลัง อย่าให้พี่สะใภ้ของฉันเห็นเข้าละ”เจียงอิ่งดูลนลานเล็กน้อย ราวกับเด็กน้อยที่แอบขโมยกินปาท่องโก๋เป็นครั้งแรก เหมือนกับกลัวว่าเดินอยู่บนถนนแล้วจะมีคนรู้ว่าตัวเองขโมยปาท่องโก๋“ผมก็มีธุระเหมือนกัน ไปด้วยกันจะกลัวอะไร ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเป็นชู้กับเธอกันหมดนะ” ฉู่เฉินโอบเอวบางของเจียงอิ่งอย่างเหิมเกริม แล้วเดินไปที่หน้าบันไดโดยไม่ฟังคำอธิบาย“คุณจะไปทำอะไร?”เจียงอิ่งพูดพลางดิ้นหนีออกมาจากในอ้อมแขนของฉู่เฉิน เธอกลัวมากจริง ๆ มีคนไป ๆ มา ๆ ทั่วทั้งอาคาร ถ้าเกิดถูกคนอื่นเห็นเข้า เธอคงแย่แน่ ๆ“คิดบัญชี!” ฉู่เฉินเอ่ยอย่างเรียบนิ่งหลิ่วหรูเยียนกับหลิ่วชิงเหอแม่ลูกคู่นี้ ทำไมถึงไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตานะ?เดิมทีช่วงนี้ฉู่เฉินไม่มีความคิดจะไปเก็บดอกเบี้ยแล้ว ปรากฏว่าหลิ่วหรูเยียนรนหาเรื่องให้ได้ เช่นนั้นก็โทษเขาไม่ได้แล้ว ถึงอย่างไรฉู่เฉินก็เป็นคนหนุ่มที่รักษาคำพูด ครั้งก่อนเคยบอกไปแล้วว่าจะให้เธอได้เห็นกับตาถึงฉากใหญ่ที่เขาจัดการหลิ่วชิงเหอ แต่ช่วงนี้เขายุ่งเกินไป ไม่มีเวลาทำตามสัญญามาตลอดวันนี้ทุกสิ่งทุกอย่างมารวมกันครบพอดีเลย
หญิงสาววัยแรกแย้มได้ยินว่าฉู่เฉินเป็นคนตรวจโรคให้นายท่านใหญ่เฉียว สีหน้าที่สงบนิ่งพลันแย้มรอยยิ้มอันมีเสน่ห์ขึ้นมาทันที ก่อนจะยื่นมือเรียวสวยให้ฉู่เฉิน “สวัสดีครับ”ฉู่เฉินจับมือเธออย่างใจกว้างมาก “หมอเทวดาฉู่คะ ท่านนี้คือพี่สะใภ้ของฉัน เจียงถิง เป็นพิธีกรสถานีโทรทัศน์เจียงจงของพวกเรา”ฉู่เฉินพยักหน้าหนัก ๆ แล้วกล่าวว่า “พวกคุณแซ่เดียวกันเหรอ?” หืม?หญิงสาวทั้งสองคนต่างก็อึ้งกับคำถามของฉู่เฉิน แซ่เดียวกัน?ฉู่เฉินชะงักไปครู่หนึ่งแล้วเปลี่ยนวิธีถามว่า “ผมหมายถึงแซ่เจียงกันทั้งนั้นเลย บังเอิญมากเลยนะครับ”“อ๋อ ไม่ใช่ค่ะ ฉันแซ่เจียงที่มาจากคำว่าแม่น้ำค่ะ” เจียงถิงรีบอธิบาย “อ้อ หมายถึงตัวเจียงที่มีน้ำมากมาย” ฉู่เฉินเอ่ยยืนยันอีกครั้ง“แค่ก!” เจียงอิ่งกระแอมไอเบา ๆ แล้วพูดกับเจียงถิงที่กำลังตกตะลึงว่า “คุณฉู่คนนี้พูดจาตลกมากเสมอ คุณอย่าคิดมากเลยนะ” เจียงถิงพยักหน้าเล็กน้อย ยังนึกว่าตัวเองถูกฉู่เฉินมองออกแล้ว คำถามนี้มันมหัศจรรย์เกินไป ที่สำคัญคือฉู่เฉินรู้ได้อย่างไรว่าเป็นปัญหาเรื่องน้ำ?“ได้ งั้นพวกคุณคุยกันก่อนเถอะ ผมยังมีธุระ ถ้ามีวาสนาค่อยพบกันใหม่” ฉู่เฉินก
“กรี๊ดดด...” หลิ่วชิงเหอเจ็บจนหนีบขาสองข้างแน่น มือเล็ก ๆ ที่เดิมทีตั้งใจจะปกป้องสวนลูกแพร์ก็กดลงบนต้นขาขาวดุจหิมะทันทีการลอบโจมตีครั้งนี้มาอย่างไม่ทันตั้งตัว“แกมันไอ้เดรัจฉาน! ฉันจะฆ่าแกให้ได้!” หลังจากเสียงร้องตะโกนของหลิ่วชิงเหอ หลิ่วหรูเยียนที่กำลังเทียบขนาดหน้าอกกับหญิงสาววัยเดียวกันตรงชั้นบนก็ทำหน้าแข็งทื่อฉับพลัน หรือว่าเป็นฉู่เฉิน?!เขาถูกจับตัวไปแล้วไม่ใช่หรือไง?หรือว่าเกิดข้อผิดพลาดทางการแพทย์อะไรขึ้นอีก? เมื่อคิดถึงตรงนี้ หลิ่วหรูเยียนก็รีบสวมชุดนอนกระโปรงแล้วลนลานกระโดดลงจากเตียง เธอถึงขนาดไม่มีเวลาพอที่จะสวมรองเท้าแตะ เท้าขาวนวลเล็ก ๆ วิ่งลงไปข้างล่างด้วยเท้าเปล่าหญิงสาวที่เทียบขนาดหน้าอกกับหลิ่วหรูเยียนคนนั้นก็เอาเสื้อมาคลุมง่าย ๆ ก่อนจะวิ่งตามหลิ่วหรูเยียนไปที่ห้องรับแขก เมื่อเห็นฉู่เฉินที่หน้าประตู หลิ่วหรูเยียนกับหญิงสาวคนนั้นแทบจะตกตะลึงไปพร้อมกัน หลิ่วหรูเยียนไม่อยากจะเชื่อสายตาของตัวเองจริง ๆ วันนี้เธอเห็นกับตาว่าฉู่เฉินถูกเจียงอิ่งพาขึ้นรถเจ้าหน้าที่ตรงหน้าประตูตึกออฟฟิศของซินฉู่ฟาร์มาซูติคอลตะวันยังไม่ตกดิน ทำไมถึงปล่อยตัวออกมาแล้วล่ะ? ห
เนื่องจากตอนบ่ายมาถึงบ้านตระกูลหลิ่ว เธอยังคิดจะฉีดน้ำหอมใส่หน้าของฉู่เฉิน แกล้งฉู่เฉินเล่นสักรอบ แต่หาจนทั่วหนึ่งรอบก็ไม่พบเงาของฉู่เฉินเลย เธอถึงได้ถามหลิ่วหรูเยียนว่าฉู่เฉินอยู่ที่ไหนหลิ่วหรูเยียนไม่ขบคิดอะไรทั้งนั้นก็บอกเธอว่าฉู่เฉินตายไปแล้วตอนนั้นตู้เสี่ยวเยวี่ยยังนึกเสียดาย พอนึกถึงเหตุการณ์ที่สาดน้ำหอมใส่หน้าของฉู่เฉิน เธอก็เพลิดเพลินใจอย่างมาก ฉู่เฉินตายไปแล้วได้อย่างไรกัน?แต่ตอนนี้พอเห็นฉู่เฉินที่ทำสีหน้าเย็นชา ใบหน้ามีรัศมีอำมหิต ตู้เสี่ยวเยวี่ยก็เกิดลางสังหรณ์ที่ไม่ดีขึ้นมาราง ๆ ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ระหว่างคุณน้ารอง ญาติผู้พี่และฉู่เฉินจะไม่ธรรมดาเหมือนอย่างที่เธอจินตนาการไว้โดยเฉพาะเสียงกรีดร้องสองครั้งของหลิ่วชิงเหอเมื่อครู่นี้ ในนั้นยังแฝงความหมายมากเกินไปจริง ๆ “ไม่มีอะไรหรอก อย่าไปฟังเขาพูดจาส่งเดช!” หลิ่วหรูเยียนกัดฟันกรอดจ้องมองฉู่เฉิน แต่ร่างกายกลับถอยหลังติดต่อกันอย่างควบคุมไม่อยู่ฉู่เฉินหัวเราะหยัน มองไปทางหลิ่วหรูเยียนแล้วพูดว่า “เธอน่าจะไม่ได้บอกขั้นตอนการถอนพิษให้เขาฟังใช่ไหม? ไม่เป็นไร ทางฉันมี”ฉู่เฉินพูดพลางล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาจากในกร
ฉู่เฉินหัวเราะหยัน หันหน้าไปมองตู้เสี่ยวเยวี่ยที่อยู่ทางด้านข้าง ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงเย็นชาว่า “เธอแต่งงานมาสองปีแล้วแต่ไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรเลยใช่ไหม?” “นะ...นายรู้ได้ยังไง?”ตู้เสี่ยวเยวี่ยเบิกตาโต มองมาทางฉู่เฉินอย่างไม่อยากจะเชื่อเธอแต่งงานกับหลี่โย่วถังมาเกือบสองปีแล้ว แต่ไม่มีความเคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อยท่าทีของตระกูลหลี่ที่มีต่อเธอก็ไม่ได้อบอุ่นเหมือนในตอนแรกแล้วถึงขนาดที่มีบางครั้ง มารดาหลี่ยังพูดเหน็บแนมเยาะเย้ยใส่ เช่นคำพูดที่ว่า ต่อให้อุ้มแม่ไก่แก่ ๆ กลับมา สองปีก็น่าจะวางไข่ได้แล้วครั้งนี้ตู้เสี่ยวเยวี่ยกลับมาที่เจียงจง ฉากหน้าคือมาเยี่ยมญาติ แต่ความจริงคือเพื่อมาตรวจรักษา เธอไปโรงพยาบาลใหญ่ต่าง ๆ ทั่วเมืองหมอตู ตรวจไปตรวจมาก็ตรวจหาสาเหตุไม่ได้ นี่ถึงทำให้เธอคิดจะกลับมาที่เจียงจงเพื่อหาหมอเทวดาซุนให้ช่วยตรวจโรคให้ นี่ยังไม่ทันได้เจอหมอเทวดาซุนก็ถูกฉู่เฉินมองออกก่อนแล้ว “เพราะเธอเองก็เคยใช้น้ำยาที่ตัวฉันเคยแช่ไว้ น่าเสียดายที่คุณสมบัติร่างกายของเธอพิเศษ ไม่สามารถเพลิดเพลินกับกายาโอสถสวรรค์ได้ ดังนั้นเธอถึงกลายเป็นหมัน”เมื่อฉู่เฉินเอ่ยคำพูดนี้ออกมา ตู้เสี่ยวเ