ถ้าอย่างนั้นเมื่อกี้เธอเพิ่งถูกฟางอวี่เจิ้งกับฉู่เฉินรวมหัวกันหลอกฟันไปหนึ่งครั้งเลยไม่ใช่หรือไง?ไม่สิ!สองครั้งเลยต่างหาก!นี่มันไร้มนุษยธรรมเกิดไปแล้วหรือเปล่า? กลางวันแสก ๆ ท้องฟ้าสว่างไสว พวกคุณรวมหัวกันหลอกฟันแบบนี้เหมาะสมแล้วเหรอ?“อ้อ...จริงสิ”ฟางอวี่เจิ้งตบหน้าผากตัวเองทีหนึ่ง เกือบจะลืมเรื่องสำคัญไปเลย โชคดีที่ฉู่เฉินเอ่ยเตือน เขาถึงค่อยเอ่ยอย่างใคร่ครวญว่า “เป็นนายท่านใหญ่เฉียวเฉิงโส่วในตระกูลของพวกเรา”“ได้ยินว่าสมัยก่อนนายท่านใหญ่เป็นวีรบุรุษสงครามในกองทัพ แต่ได้ทิ้งโรคเรื้อรังไว้ ซึ่งอาการหนักขึ้นไปตามอายุ ตอนนี้...”พอกล่าวถึงตรงนี้ ฟางอวี้เจิงพลันเปลี่ยนเรื่องว่า “เฉียวเฉิงโส่วเคยหาหมอชื่อดังนับไม่ถ้วน ขนาดบุคคลอย่างฮว่าจิ่วหยางก็เคยเชิญมา แต่ว่าทุกคนต่างจนปัญญากับโรคของนายท่านใหญ่” “หลายวันก่อนโชคดีได้ทานข้าวร่วมกับเฉียวเฉิงโส่ว เขาพูดขึ้นมาลอย ๆ ผมก็รับปากไปอย่างลวก ๆ แต่ว่ายังไม่เจอคนที่เหมาะสมมาโดยตลอด” “เมื่อวานวิชาแพทย์ของน้องฉู่ทำให้ผมได้เปิดหูเปิดตาแล้วจริง ๆ ดังนั้นพวกคำพูดที่พูดไว้ในข้อความเลยไม่ได้พูดกับ...หัวหน้าแผนกเจียง แต่ว่าผมมีความตั้งใจนี
“คุณคิดอะไรน่ะ? ฉันจะลงไปก่อน แล้วคุณค่อยลงไปทีหลัง อย่าให้พี่สะใภ้ของฉันเห็นเข้าละ”เจียงอิ่งดูลนลานเล็กน้อย ราวกับเด็กน้อยที่แอบขโมยกินปาท่องโก๋เป็นครั้งแรก เหมือนกับกลัวว่าเดินอยู่บนถนนแล้วจะมีคนรู้ว่าตัวเองขโมยปาท่องโก๋“ผมก็มีธุระเหมือนกัน ไปด้วยกันจะกลัวอะไร ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเป็นชู้กับเธอกันหมดนะ” ฉู่เฉินโอบเอวบางของเจียงอิ่งอย่างเหิมเกริม แล้วเดินไปที่หน้าบันไดโดยไม่ฟังคำอธิบาย“คุณจะไปทำอะไร?”เจียงอิ่งพูดพลางดิ้นหนีออกมาจากในอ้อมแขนของฉู่เฉิน เธอกลัวมากจริง ๆ มีคนไป ๆ มา ๆ ทั่วทั้งอาคาร ถ้าเกิดถูกคนอื่นเห็นเข้า เธอคงแย่แน่ ๆ“คิดบัญชี!” ฉู่เฉินเอ่ยอย่างเรียบนิ่งหลิ่วหรูเยียนกับหลิ่วชิงเหอแม่ลูกคู่นี้ ทำไมถึงไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตานะ?เดิมทีช่วงนี้ฉู่เฉินไม่มีความคิดจะไปเก็บดอกเบี้ยแล้ว ปรากฏว่าหลิ่วหรูเยียนรนหาเรื่องให้ได้ เช่นนั้นก็โทษเขาไม่ได้แล้ว ถึงอย่างไรฉู่เฉินก็เป็นคนหนุ่มที่รักษาคำพูด ครั้งก่อนเคยบอกไปแล้วว่าจะให้เธอได้เห็นกับตาถึงฉากใหญ่ที่เขาจัดการหลิ่วชิงเหอ แต่ช่วงนี้เขายุ่งเกินไป ไม่มีเวลาทำตามสัญญามาตลอดวันนี้ทุกสิ่งทุกอย่างมารวมกันครบพอดีเลย
หญิงสาววัยแรกแย้มได้ยินว่าฉู่เฉินเป็นคนตรวจโรคให้นายท่านใหญ่เฉียว สีหน้าที่สงบนิ่งพลันแย้มรอยยิ้มอันมีเสน่ห์ขึ้นมาทันที ก่อนจะยื่นมือเรียวสวยให้ฉู่เฉิน “สวัสดีครับ”ฉู่เฉินจับมือเธออย่างใจกว้างมาก “หมอเทวดาฉู่คะ ท่านนี้คือพี่สะใภ้ของฉัน เจียงถิง เป็นพิธีกรสถานีโทรทัศน์เจียงจงของพวกเรา”ฉู่เฉินพยักหน้าหนัก ๆ แล้วกล่าวว่า “พวกคุณแซ่เดียวกันเหรอ?” หืม?หญิงสาวทั้งสองคนต่างก็อึ้งกับคำถามของฉู่เฉิน แซ่เดียวกัน?ฉู่เฉินชะงักไปครู่หนึ่งแล้วเปลี่ยนวิธีถามว่า “ผมหมายถึงแซ่เจียงกันทั้งนั้นเลย บังเอิญมากเลยนะครับ”“อ๋อ ไม่ใช่ค่ะ ฉันแซ่เจียงที่มาจากคำว่าแม่น้ำค่ะ” เจียงถิงรีบอธิบาย “อ้อ หมายถึงตัวเจียงที่มีน้ำมากมาย” ฉู่เฉินเอ่ยยืนยันอีกครั้ง“แค่ก!” เจียงอิ่งกระแอมไอเบา ๆ แล้วพูดกับเจียงถิงที่กำลังตกตะลึงว่า “คุณฉู่คนนี้พูดจาตลกมากเสมอ คุณอย่าคิดมากเลยนะ” เจียงถิงพยักหน้าเล็กน้อย ยังนึกว่าตัวเองถูกฉู่เฉินมองออกแล้ว คำถามนี้มันมหัศจรรย์เกินไป ที่สำคัญคือฉู่เฉินรู้ได้อย่างไรว่าเป็นปัญหาเรื่องน้ำ?“ได้ งั้นพวกคุณคุยกันก่อนเถอะ ผมยังมีธุระ ถ้ามีวาสนาค่อยพบกันใหม่” ฉู่เฉินก
“กรี๊ดดด...” หลิ่วชิงเหอเจ็บจนหนีบขาสองข้างแน่น มือเล็ก ๆ ที่เดิมทีตั้งใจจะปกป้องสวนลูกแพร์ก็กดลงบนต้นขาขาวดุจหิมะทันทีการลอบโจมตีครั้งนี้มาอย่างไม่ทันตั้งตัว“แกมันไอ้เดรัจฉาน! ฉันจะฆ่าแกให้ได้!” หลังจากเสียงร้องตะโกนของหลิ่วชิงเหอ หลิ่วหรูเยียนที่กำลังเทียบขนาดหน้าอกกับหญิงสาววัยเดียวกันตรงชั้นบนก็ทำหน้าแข็งทื่อฉับพลัน หรือว่าเป็นฉู่เฉิน?!เขาถูกจับตัวไปแล้วไม่ใช่หรือไง?หรือว่าเกิดข้อผิดพลาดทางการแพทย์อะไรขึ้นอีก? เมื่อคิดถึงตรงนี้ หลิ่วหรูเยียนก็รีบสวมชุดนอนกระโปรงแล้วลนลานกระโดดลงจากเตียง เธอถึงขนาดไม่มีเวลาพอที่จะสวมรองเท้าแตะ เท้าขาวนวลเล็ก ๆ วิ่งลงไปข้างล่างด้วยเท้าเปล่าหญิงสาวที่เทียบขนาดหน้าอกกับหลิ่วหรูเยียนคนนั้นก็เอาเสื้อมาคลุมง่าย ๆ ก่อนจะวิ่งตามหลิ่วหรูเยียนไปที่ห้องรับแขก เมื่อเห็นฉู่เฉินที่หน้าประตู หลิ่วหรูเยียนกับหญิงสาวคนนั้นแทบจะตกตะลึงไปพร้อมกัน หลิ่วหรูเยียนไม่อยากจะเชื่อสายตาของตัวเองจริง ๆ วันนี้เธอเห็นกับตาว่าฉู่เฉินถูกเจียงอิ่งพาขึ้นรถเจ้าหน้าที่ตรงหน้าประตูตึกออฟฟิศของซินฉู่ฟาร์มาซูติคอลตะวันยังไม่ตกดิน ทำไมถึงปล่อยตัวออกมาแล้วล่ะ? ห
เนื่องจากตอนบ่ายมาถึงบ้านตระกูลหลิ่ว เธอยังคิดจะฉีดน้ำหอมใส่หน้าของฉู่เฉิน แกล้งฉู่เฉินเล่นสักรอบ แต่หาจนทั่วหนึ่งรอบก็ไม่พบเงาของฉู่เฉินเลย เธอถึงได้ถามหลิ่วหรูเยียนว่าฉู่เฉินอยู่ที่ไหนหลิ่วหรูเยียนไม่ขบคิดอะไรทั้งนั้นก็บอกเธอว่าฉู่เฉินตายไปแล้วตอนนั้นตู้เสี่ยวเยวี่ยยังนึกเสียดาย พอนึกถึงเหตุการณ์ที่สาดน้ำหอมใส่หน้าของฉู่เฉิน เธอก็เพลิดเพลินใจอย่างมาก ฉู่เฉินตายไปแล้วได้อย่างไรกัน?แต่ตอนนี้พอเห็นฉู่เฉินที่ทำสีหน้าเย็นชา ใบหน้ามีรัศมีอำมหิต ตู้เสี่ยวเยวี่ยก็เกิดลางสังหรณ์ที่ไม่ดีขึ้นมาราง ๆ ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ระหว่างคุณน้ารอง ญาติผู้พี่และฉู่เฉินจะไม่ธรรมดาเหมือนอย่างที่เธอจินตนาการไว้โดยเฉพาะเสียงกรีดร้องสองครั้งของหลิ่วชิงเหอเมื่อครู่นี้ ในนั้นยังแฝงความหมายมากเกินไปจริง ๆ “ไม่มีอะไรหรอก อย่าไปฟังเขาพูดจาส่งเดช!” หลิ่วหรูเยียนกัดฟันกรอดจ้องมองฉู่เฉิน แต่ร่างกายกลับถอยหลังติดต่อกันอย่างควบคุมไม่อยู่ฉู่เฉินหัวเราะหยัน มองไปทางหลิ่วหรูเยียนแล้วพูดว่า “เธอน่าจะไม่ได้บอกขั้นตอนการถอนพิษให้เขาฟังใช่ไหม? ไม่เป็นไร ทางฉันมี”ฉู่เฉินพูดพลางล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาจากในกร
ฉู่เฉินหัวเราะหยัน หันหน้าไปมองตู้เสี่ยวเยวี่ยที่อยู่ทางด้านข้าง ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงเย็นชาว่า “เธอแต่งงานมาสองปีแล้วแต่ไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรเลยใช่ไหม?” “นะ...นายรู้ได้ยังไง?”ตู้เสี่ยวเยวี่ยเบิกตาโต มองมาทางฉู่เฉินอย่างไม่อยากจะเชื่อเธอแต่งงานกับหลี่โย่วถังมาเกือบสองปีแล้ว แต่ไม่มีความเคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อยท่าทีของตระกูลหลี่ที่มีต่อเธอก็ไม่ได้อบอุ่นเหมือนในตอนแรกแล้วถึงขนาดที่มีบางครั้ง มารดาหลี่ยังพูดเหน็บแนมเยาะเย้ยใส่ เช่นคำพูดที่ว่า ต่อให้อุ้มแม่ไก่แก่ ๆ กลับมา สองปีก็น่าจะวางไข่ได้แล้วครั้งนี้ตู้เสี่ยวเยวี่ยกลับมาที่เจียงจง ฉากหน้าคือมาเยี่ยมญาติ แต่ความจริงคือเพื่อมาตรวจรักษา เธอไปโรงพยาบาลใหญ่ต่าง ๆ ทั่วเมืองหมอตู ตรวจไปตรวจมาก็ตรวจหาสาเหตุไม่ได้ นี่ถึงทำให้เธอคิดจะกลับมาที่เจียงจงเพื่อหาหมอเทวดาซุนให้ช่วยตรวจโรคให้ นี่ยังไม่ทันได้เจอหมอเทวดาซุนก็ถูกฉู่เฉินมองออกก่อนแล้ว “เพราะเธอเองก็เคยใช้น้ำยาที่ตัวฉันเคยแช่ไว้ น่าเสียดายที่คุณสมบัติร่างกายของเธอพิเศษ ไม่สามารถเพลิดเพลินกับกายาโอสถสวรรค์ได้ ดังนั้นเธอถึงกลายเป็นหมัน”เมื่อฉู่เฉินเอ่ยคำพูดนี้ออกมา ตู้เสี่ยวเ
“ขึ้นมานั่งสิ” ฉู่เฉินเอนตัวนอนบนโต๊ะด้วยใบหน้ายิ้มร้าย แล้วค่อย ๆ หลับตาสองข้าง ภายใต้สายตาตกตะลึงพรึงเพริดอย่างยิ่งของตู้เสี่ยวเยวี่ยกับหลิ่วหรูเยียน หลิวชิงเหอทำตามคำพูดของฉู่เฉินจริง ๆ “ไม่! นี่มันไม่จริง!”หลังจากเสียงตะโกนที่ข่มกลั้นเอาไว้เนิ่นนาน หลิ่วชิงเหอส่งเสียงออกมาจากในลำคอ หลิ่วหรูเยียนเอามือสองข้างกุมหัวนั่งยอง ๆ ลงมา เธอไม่อาจยอมรับความจริงข้อนี้ได้เลย สวะไร้ค่าอย่างฉู่เฉินกลับทำตัวเหิมเกริมแบบนี้กับหลิ่วชิงเหอต่อหน้าเธอ สิ่งที่ทำให้เธอไม่อาจยอมรับได้ยิ่งกว่านั้นคือ หลิ่วชิงเหอยังเป็นฝ่ายเริ่มเองอย่างไรก็ตาม เสียงตะโกนของหลิ่วหรูเยียนถูกเสียงกลองรบที่เร่าร้อนกลบมิดอย่างรวดเร็ว และเสียงกลองรบนี้ยังเป็นสิ่งที่หลิ่วชิงเหอตีขึ้นมาเองตั้งแต่ต้นจนจบ ฉู่เฉินไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย เขาเอาศีรษะหนุนมือสองข้าง ระหว่างที่หลับตาพักผ่อนก็ทำให้หลิ่วชิงเหอทะยานสู่สวรรค์ตู้เสี่ยวเยวี่ยที่ดูอยู่ทางด้านข้างอดกลืนน้ำลายไม่ได้ สบายขนาดนี้เลยเหรอ?อย่าเห็นว่าเธอแต่งงานมาแล้วสองปี แต่เธอไม่เคยลืมตัวแบบหลิ่วชิงเหอ ส่งเสียงร้องดังก้องแบบนี้เลยสักครั้งถึงขนาดที่มีบางครั้งเธอจำ
เวลานี้ ป้าอู๋ที่ซ่อนตัวอยู่ในสวนดอกไม้หลังบ้านตัวสั่นเทิ้มไม่หยุด ขาเรียวยาวที่ขาวดุจหิมะทั้งสองข้างหนีบเข้าหากันแน่น ๆ เสียงกลองรบต่อสู้พัวพันกันอย่างดุเดือดภายในห้องก็เหมือนกับการอัญเชิญที่อันตรายถึงแก่ชีวิตที่สุดสำหรับนักรบเลือดบริสุทธิ์อย่างเธอแต่เธอจำเป็นต้องอดทน ความทรมานเช่นนี้กินเวลาไปสองชั่วโมงกว่าเต็ม ๆ เสียงร้องโวยวายรอบข้างถึงค่อยกลับคืนสู่ความสงบอีกครั้ง “ไปแล้วเหรอ?” ป้าอู๋ตัวสั่น ชะโงกหน้าออกมาจากในพุ่มดอกไม้ มองไปยังลานหน้าบ้านด้วยความร้อนใจจากความปรารถนา อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ปรากฏสู่สายตากลับเป็นยอดเขาสูงตระหง่านที่บดบังสายตาของเธอไว้ “ว๊าย!”ป้าอู๋ตกใจจนสะดุ้งยกใหญ่ ฉู่เฉินมาตั้งแต่เมื่อไหร่? เขาหาเธอเจอได้อย่างไร? ยังไม่ทันที่เธอจะได้สติกลับมา ก็เหมือนถูกภูเขาลูกใหญ่กดทับไว้ข้างล่าง.....จนกระทั่งตะวันลับฟ้า ฉู่เฉินถึงค่อยสวมเสื้อผ้าพลางพูดกับหลิ่วชิงเหอและหลิ่วหรูเยียนสองแม่ลูกว่า “ครั้งนี้แค่สั่งสอนพวกเธอเบา ๆ ฉันไม่อยากให้มีครั้งต่อไปอีก” หลิ่วชิงเหอกัดฟันกรอด จ้องเขม็งไปที่ฉู่เฉินโดยไม่พูดอะไรสักคำส่วนตู้เสี่ยวเยวี่ยที่อยู่ข้าง ๆ ก็รีบกอด
อวี้ลู่ยังไม่ทันพูดจบ ฉู่เฉินก็แคะฟันพลางพูดบทว่า “กินมากเกินไปจะอ้วนเป็นตุ่มได้นะ”“เจ้า...ไม่รู้จักความหวังดีของคนอื่นเลย!” อวี้ลู่เหลือกตาใส่ฉู่เฉินอย่างอำมหิต แล้วดึงสองพี่น้องตระกูลต้วนเดินออกไปจากถนนของกินโดยทิ้งฉู่เฉินไว้ “นายท่าน...” ต้วนหลิงเสวี่ยถูกอวี้ลู่ลากไปข้างหน้าพลางหันหน้ามามองฉู่เฉินอย่างอาลัยอาวรณ์ ฉู่เฉินโบกมือให้ต้วนหลิงเสวี่ยพอดีเลยคืนนี้เขาควรไปหาโจวเทียนเฟิ่งเพื่อทำการเตรียมตัวสำหรับการวางจำหน่ายยาบำรุงปราณในตลาดทั่วประเทศ จนกระทั่งสามสาวเดินจากไปไกลแล้ว ฉู่เฉินถึงค่อยเข้าไปนั่งในรถ แล้วสตาร์ทเครื่องยนต์มุ่งหน้าไปยังเทียนเฟิ่งวิลล่าทันทีช่วงนี้โจวเทียนเฟิ่งยุ่งจนไม่สามารถปลีกตัวออกมาได้อย่าเห็นว่าเป็นแค่ธุรกิจในมณฑลแห่งหนึ่ง แต่ด้วยจำนวนเงินที่หมุนเวียนมหาศาลในแต่ละวัน โจวเทียนเฟิ่งไม่กล้าเลินเล่อแม้เพียงชั่วขณะ เมื่อฉู่เฉินเดินเข้าไปในเทียนเฟิ่งวิลล่า โจวเทียนเฟิ่งกำลังสรุปยอดบัญชีอยู่เมื่อเห็นฉู่เฉิน ยามหลายคนตรงหน้าประตูก็รีบเข้ามาต้อนรับ “โอ้ คุณฉู่ นาน ๆ คุณจะมาเป็นแขก เร็วเข้าเถอะครับ เชิญข้างในเลย” ยามคนหนึ่งผงกศีรษะค้อมเอว พาฉู่
“เจ้าสำนักปี้!” ในขณะที่ปี้คุนเตรียมตัวจะตามฉู่เฉินไป ทันใดนั้นเองก็มีเสียงทุ้มต่ำดังมาจากข้างหลัง ปี้คุนอดสะดุ้งตกใจไม่ได้ หันหน้ามองไปทางด้านหลังทันที“หลี่ว์เจิ้งหยาง?” ปี้คุนขมวดคิ้วขึ้นมา มองหลี่ว์เจิ้งหยางด้วยความประหลาดใจ “เจ้าสำนักปี้คงไม่ได้ตั้งใจมาที่เมืองหมอตูเพื่อไอ้เด็กแซ่ฉู่หรอกใช่ไหม?”ปี้คุนทำหน้าทะมึน กัดฟันแต่ไม่ตอบเขาหลี่ว์เจิ้งหยางเป็นเพียงศิษย์ของสำนักนางใน จากในแง่ของฐานะ เขาต่างจากปี้คุนอย่างมากด้วยเหตุนี้ ปี้คุนเลยไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลย “เจ้าสำนักปี้ ผมขอแนะนำคุณสักคำ อย่าลงมือเด็ดขาด ไม่งั้นผลที่ตามมาคงเลวร้ายเกินจะคาดคิด” หลี่ว์เจิ้งหยางเอ่ยด้วยสีหน้าเหี้ยมเกรียม“อ้อ?” นัยน์ตาของปี้คุนฉายแววเย็นชา จ้องมองหลี่ว์เจิ้งหยางพลางพูดว่า “คุณคิดจะขัดขวางผมเหรอ?”หลี่ว์เจิ้งหยางรีบโบกมือกล่าวว่า “เจ้าสำนักปี้เข้าใจผิดแล้ว ผมก็มาแก้แค้นไอ้หมอนี่เหมือนกัน”หลี่ว์เจิ้งหยางพูดจบก็ถลกเสื้อขึ้นมา ก่อนจะชี้ไปที่บาดแผลบนตัวแล้วพูดว่า “ทั้งหมดนี้เป็นฝีมือไอ้หมอนั่น แต่ว่าไอ้เด็กแซ่ฉู่ไม่ได้น่ากลัว คนที่น่ากลัวคือยัยผู้หญิงคนนั้นที่อยู่ข้างกายมัน!” หลี
“คุณร่วมมือทุจริตกับคนแซ่หลี่ข้างล่างนั่น เรื่องนี้น่าจะไม่ผิดใช่ไหม? อีกอย่าง คุณปลอมแปลงตัวตน โกหกว่าตัวเองเป็นหมอดูแลสุขภาพท่านหลง คุณทำเรื่องพวกนี้ทั้งหมดเลยใช่ไหม?” ฟางอวี่เจิ้งเอามือสองข้างไพล่หลัง มองถังจิ้งจือด้วยรอยยิ้มหยัน “นะ...นี่เป็นแค่การแข่งขันแพทย์แผนจีน จะถือว่าเป็นการทุจริตการแข่งขันได้ยังไง? อีกอย่าง ฉะ...ฉันเป็นหมอดูแลสุขภาพของท่านหลงจริง ๆ นะ”ฟางอวี่เจิ้งได้ยินคำกล่าวก็หัวเราะหยันแล้วเอ่ยว่า “เป็นแค่การแข่งขันแพทย์แผนจีน? คุณพูดง่ายดีนี่ คุณน่าจะเข้าใจนะว่าการแข่งขันแพทย์แผนจีนเป็นการแข่งขันเลือกบุคลากรในวงการแพทย์ ระดับไม่ด้อยไปกว่าการสอบจอหงวนเลย” “คุณเปลี่ยนโจทย์การแข่งขันโดนพลการ นี่ไม่ใช่การทุจริตการแข่งขันหรือไง?” ไม่รอให้ถังจิ้งจือแก้ต่าง ฟางอวี่เจิ้งก็พูดต่อว่า “เมื่อกี้ผมยืนยันกับทางแก๊งมังกรแล้ว ท่านหลงไม่มีหมอดูแลสุขภาพอะไรทั้งนั้น ทางสำนักงานใหญ่ของแก๊งมังกรก็ไม่มีหมอแซ่ถังด้วย”“ตอนนี้คุณจะอธิบายว่ายังไง!” ถังจิ้งจือได้ยินคำพูดนี้ หัวใจก็เย็นวาบไปครึ่งหนึ่งเขาเพิ่งโดนท่านหลงปลดออกเมื่อไม่กี่วันก่อน ทางแก๊งมังกรไม่มีทางไม่มีบันทึกเอาไว้
เมื่อฮว่าจิ่วหยางเอ่ยจบ หลิ่วหรูเยียนก็อดตัวสั่นเทิ้มไม่ได้แบนทั่วประเทศ?ถ้าอย่างนั้นฉู่ซื่อกรุ๊ปก็จบเห่โดยสิ้นเชิงแล้วจริง ๆ! แต่เธอทำใจไม่ได้จริง ๆไอ้สารเลวฉู่เฉินกล้าทำให้เธออับอายขายหน้าต่อหน้าผู้คนเนี่ยนะ!“คุณหลิ่ว ความอดทนของพวกเรามีขีดจำกัดนะ” จางเสวี่ยเหยียนจับกรอบแว่นบนใบหน้า แล้วเอ่ยด้วยเสียงเย็นชาว่า “ให้เวลาคุณพิจารณาอีกหนึ่งนาที ถ้าเกิดคุณหลิ่วยืนกรานไม่ยอมขอโทษฉู่เฉิน งั้นผมก็จะให้นักเรียนทั้งหมดของผมไม่ใช้เวชภัณฑ์ทุกตัวที่มาจากฉู่ซื่อกรุ๊ปตลอดไป” เฝิงว่านชางกับหลินจื้อหงก็พากันลุกขึ้นมาสนับสนุนเช่นกันแม้ว่าเขาเป็นเพียงศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยการแพทย์ประจำมณฑล แต่หลายสิบปีมานี้ก็มีลูกศิษย์มากมายนับไม่ถ้วนขอเพียงพวกเขาพูดคำเดียว แม้แต่คลินิกเล็ก ๆ ทั่วประเทศก็จะแบนฉู่ซื่อกรุ๊ปกันหมด “คุณหลิ่ว ฉันคือเย่ชิ่นเหยียน ทนายความจากสำนักงานกฎหมายหมิงเจวี๋ย!” เย่ชิ่นเหยียนพูดพลางลุกขึ้นมาเช่นกัน ก่อนจะมองหลิ่วหรูเยียนด้วยสีหน้าเย็นชาแล้วพูดว่า “การกระทำเมื่อครู่นี้ของคุณถือเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทคุณฉู่ ถ้าเกิดคุณไม่ยอมขอโทษคุณฉู่ ฉันจะทำการฟ้องร้องคุณแทนคุณฉ
นี่มันเป็นไปได้ยังไงกัน?หรือว่าฉู่เฉินจะหลอมยาเป็นจริง ๆ?เมื่อคิดถึงการกระทำของเธอมีความเป็นไปได้สูงยิ่งว่าจะทำให้ฉู่ซื่อกรุ๊ปเดือดร้อน ถึงขนาดที่ยังโดนสังคมประณาม หลิ่วหรูเยียนก็รีบผลักเจียงถิงออกแล้วหันตัวกำลังจะคิดหนีไป แต่เสียงเย็นชาของฉู่เฉินดังมาจากข้างหลังว่า “ผู้จัดการใหญ่หลิ่ว รบกวนหยุดก่อน!”หลิ่วหรูเยียนตัวสั่นเล็กน้อย เผลอหยุดฝีเท้าตามจิตใต้สำนึก ก่อนจะหันตัวกลับมาฉับพลันแล้วพูดว่า “ฉู่เฉิน กะ...แกยังจะเอายังไงอีก?” “มะ...เมื่อกี้ฉันแค่สงสัยแก ละ...และก็เพื่อความรอบคอบทางการแพทย์ มันผิดตรงไหนเหรอ?” ฉู่เฉินหัวเราะหยันสองครั้ง มองหลิ่วหรูเยียนอย่างพินิจพิเคราะห์แล้วเอ่ยว่า “เธอว่านั่นเรียกว่าความรอบคอบเหรอ? ดูเหมือนยังมีอีกคำนะ เรียกว่าการใส่ร้ายต่อหน้าผู้คนใช่ไหม”“ถ้าเกิดฉันจำไม่ผิด เมื่อหนึ่งเดือนก่อน เธอเคยพูดกับปากเองต่อหน้าแฟนคลับนับล้านว่าถ้าเกิดฉันชนะการแข่งขันในการแข่งขันแพทย์แผนจีน เธอก็จะคุกเข่าโขกหัวขอโทษ”“ไม่รู้ว่าตอนนี้นับว่าฉันชนะแล้วหรือยัง?” เมื่อสิ้นเสียงพูด ฉู่เฉินก็ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองไปทางฮว่าจิ่วหยาง “คุณฉู่พูดล้อเล่นแล้ว วิชาแพทย์ของคุณ
“หรูเยียน ลูกพูดเหลวไหลอะไร! รีบนั่งลงเร็วเข้า!”ไม่ว่าอย่างไรหลิ่วชิงเหอก็คิดไม่ถึงว่าหลิ่วหรูเยียนจะสูญเสียการควบคุมอารมณ์ในเวลานี้ เลยรีบดึงแขนของหลิ่วหรูเยียนไว้“หนูไม่ได้พูดเหลวไหลเลยนะ!” หลิ่วหรูเยียนสะบัดมือของหลิ่วชิงเหอออก ก่อนจะเดินลงจากที่นั่งแขกกิตติมศักดิ์ อย่างรวดเร็ว เจียงถิงมองหลิ่วหรูเยียนที่พุ่งขึ้นมาบนเวที แล้วขมวดคิ้วเอ่ยด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตรนิดหน่อยว่า “คุณผู้หญิงท่านนี้ ฉันหวังว่าคุณจะรับผิดชอบต่อคำพูดเมื่อกี้ของคุณได้นะคะ” “การใส่ร้ายคนอื่นต่อหน้าผู้คนเป็นความผิดทางกฎหมายนะคะ!” หลิ่วหรูเยียนแค่นเสียงเย็น แย่งไมโครโฟนมาแล้วเอานิ้วชี้ไปที่ฉู่เฉิน ก่อนจะพูดกับผู้ชมกว่าหมื่นคนด้านล่างเวทีว่า “ฉันพิสูจน์ได้ว่าฉู่เฉินคนนี้เป็นแค่นักต้มตุ๋นที่ไม่มีความรู้ความสามารถ!”“พวกคุณอย่าโดนรูปลักษณ์ภายนอกปลอม ๆ ของเขาหลอกลวงเด็ดขาดนะคะ!”“เขาไม่เพียงไม่มีวิชาแพทย์อะไรทั้งนั้น แม้แต่สามีภรรยาเมื่อครู่นี้จะต้องเป็นหน้าม้าที่เขาจ่ายเงินจ้างมาแน่นอน!”หลังจากที่สิ้นเสียงตะโกนของเธอ ทุกคนก็หันไปมองสามีภรรยาหนุ่มสาวที่กำลังอุ้มลูกเมื่อครู่นี้อีกครั้ง“พวกเราไม่รู้จักคุณ
“ตึกตัก! ตึกตัก!”ฮว่าจิ่วหยางรู้สึกว่าหัวใจของตัวเองใกล้จะกระโดดมาถึงลำคอแล้ว ถ้าเกิดเด็กชายตัวน้อยเอ่ยปากพูดจริง ๆ เช่นนั้นยาบำรุงสวรรค์ตัวนี้ก็จะโด่งดังไปทั่วอินเทอร์เน็ตในพริบตาฉู่เฉินก็จะกลายเป็นดาวเด่นของทั้งวงการแพทย์นี่ไม่ใช่การสร้างปาฏิหาริย์แล้ว แต่เป็นการท้าทายชะตากรรมชะตากรรมของผู้พิการทางการได้ยินและการพูดย่อมแตกต่างจากคนปกติโดยสิ้นเชิง ในขณะที่ทุกคนกลั้นหายใจเพ่งสมาธิ เด็กชายตัวน้อยค่อย ๆ อ้าปากเล็ก ร้องเรียกเบา ๆว่า “บอ” “ระ...เรียกพ่อ”เมื่อชายหนุ่มได้ยินเสียงที่ไม่ได้มาตรฐานนั้นก็ตื่นเต้นจนน้ำตาร้อน ๆ เอ่อคลอดวงตา แม้แต่ร่างกายก็สั่นเทิ้มไม่หยุด ส่วนบรรยากาศในงานก็ตื่นเต้นถึงที่สุด เสียงที่ไม่ได้มาตรฐานนั้นไม่อาจถือได้ว่าฉู่เฉินประสบความสำเร็จแล้ว อย่างมากก็เป็นเพียงการพูดอ้อแอ้ หรือว่าเสียงจากการครางเท่านั้น“เรียกสิ เรียกพ่อ!” ภายใต้การกระตุ้นครั้งแล้วครั้งเล่าของชายหนุ่ม เด็กชายตัวน้อยอ้าปากเล็ก ๆ อีกครั้งก่อนจะพูดว่า “พะ...อา พอ...พ่อ”เสียงที่ชัดเจนดังออกมาเป็นรอบที่สอง ทั่วทั้งงานและแพลตฟอร์มต่าง ๆ ทั่วทั้งอินเทอร์เน็ตแทบจะเดือดพล่านพร้อมกั
เชี่ย!ฮว่าเทียนอวี่ที่นั่งข้างหลังฮว่าจิ่วหยางอดสบถคำหยาบไม่ได้จากนั้นก็เห็นเพียงเตาหลอมโอสถในมือฉู่เฉินพลันเปล่งแสงสีแดงฉานออกมา ก่อนที่กลิ่นหอมของยาที่สดชื่นผ่อนคลายจะอบอวลไปทั่วทั้งสนามกีฬาระดับสวรรค์!ถึงแม้พวกฮว่าจิ่วหยางไม่เชี่ยวชาญด้านการหลอมยา แต่ว่ายังคงแยกแยะระดับได้ชัดเจนมาก แม้ว่าตัวยาเม็ดนี้หลอมขึ้นจากสูตรยาระดับล่างเท่านั้น แต่เมื่อมันไปถึงระดับสวรรค์ขึ้นไปก็ล้ำค่าจนประเมินค่าไม่ได้เช่นเดียวกัน! อย่างไรเสียสูตรยาเป็นตัวกำหนดคุณสมบัติและทิศทางการรักษาของยา แต่ความสามารถของนักหลอมโอสถเป็นตัวกำหนดระดับของตัวยา แม้ว่าจะเป็นสูตรยาระดับดิน ถ้าเกิดออกมาเป็นยาวิเศษระดับสวรรค์ได้ นั่นก็น่ากลัวมากนี่ก็เปรียบเหมือนกับว่าหากใช้สูตรยาหกตำรับบำรุงไตหลอมเป็นยาวิเศษระดับสวรรค์ ยาหกตำรับบำรุงไตหนึ่งเม็ดนี้สามารถขายได้ถึงหลายพันล้าน และยาในมือฉู่เฉินเม็ดนี้ คุณสมบัติกับการรักษาหลักยังไม่ชัดเจน หรือพูดอีกอย่างก็คือมีความเป็นไปได้สูงว่านี่เป็นยาระดับสวรรค์ที่ประเมินค่าไม่ได้ รวย!รวยเละแล้ว!พวกฮว่าจิ่วหยางรู้สึกอิจฉาฉู่เฉินไม่หยุด ไม่แน่ว่าฉู่เฉินอาศัยยาวิเศษระดับสวร
“พวกนายรีบดูสิ นั่นมันอะไรน่ะ?”“เชี่ย นั่นเหมือน...เหมือนก้อนเมฆเลย?” “นี่แม่งไม่สมเหตุสมผลเลย ขะ...เขาจะมีก้อนเมฆอยู่ในมือได้ยังไง?” แม้แต่เจียงถิง เวลานี้ก็สังเกตเห็นแล้วเหมือนกันว่ามีก้อนเมฆขนาดเท่าฝ่ามือค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นเหนือเตาหลอมโอสถของฉู่เฉินนอกจากนี้ด้านในยังมีสายฟ้าที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า!ซี้ด!พวกฮว่าจิ่วหยางที่อยู่บนที่นั่งกรรมการก็มองไปทางฉู่เฉินอย่างไม่อยากจะเชื่อหรือว่านั่นก็คือเคราะห์โอสถในตำนาน?เล่ากันว่า มีเพียงโอสถที่ไปถึงระดับท้าทายสวรรค์ถึงจะเกิดเคราะห์โอสถขึ้นมาในขณะกำลังหลอมยาเสร็จแม้แต่หลี่จวิ้นเฟิงก็มองฉู่เฉินอย่างไม่อยากจะเชื่อเล็กน้อย นั่นมันเคราะห์โอสถเชียวนะ! เพียงแต่ว่าแม้กระทั่งผู้อาวุโสของสำนักหมอก็หลอมโอสถชั้นเลิศที่สามารถผ่านเคราะห์โอสถออกมาไม่ได้เลย ฉู่เฉินเขาทำได้อย่างไร? เป็นไปไม่ได้!จะต้องประสาทหลอนแน่ ๆ! “เลิกหลอกลวงอยู่ตรงนั้นได้แล้ว!”หลี่จวิ้นเฟิงกลืนน้ำลายหนัก ๆ ตะคอกเสียงดังลั่นขึ้นมาฉับพลัน ก่อนจะยกเท้าข้างหนึ่งเตะไปที่เตาหลอมโอสถในมือฉู่เฉินไม่ว่าจะเป็นจริงหรือไม่ เขาต้องหยุดยั้งไม่ให้ฉู่เฉินหลอมยาได้สำเร็จ!แ