เวลานี้ ป้าอู๋ที่ซ่อนตัวอยู่ในสวนดอกไม้หลังบ้านตัวสั่นเทิ้มไม่หยุด ขาเรียวยาวที่ขาวดุจหิมะทั้งสองข้างหนีบเข้าหากันแน่น ๆ เสียงกลองรบต่อสู้พัวพันกันอย่างดุเดือดภายในห้องก็เหมือนกับการอัญเชิญที่อันตรายถึงแก่ชีวิตที่สุดสำหรับนักรบเลือดบริสุทธิ์อย่างเธอแต่เธอจำเป็นต้องอดทน ความทรมานเช่นนี้กินเวลาไปสองชั่วโมงกว่าเต็ม ๆ เสียงร้องโวยวายรอบข้างถึงค่อยกลับคืนสู่ความสงบอีกครั้ง “ไปแล้วเหรอ?” ป้าอู๋ตัวสั่น ชะโงกหน้าออกมาจากในพุ่มดอกไม้ มองไปยังลานหน้าบ้านด้วยความร้อนใจจากความปรารถนา อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ปรากฏสู่สายตากลับเป็นยอดเขาสูงตระหง่านที่บดบังสายตาของเธอไว้ “ว๊าย!”ป้าอู๋ตกใจจนสะดุ้งยกใหญ่ ฉู่เฉินมาตั้งแต่เมื่อไหร่? เขาหาเธอเจอได้อย่างไร? ยังไม่ทันที่เธอจะได้สติกลับมา ก็เหมือนถูกภูเขาลูกใหญ่กดทับไว้ข้างล่าง.....จนกระทั่งตะวันลับฟ้า ฉู่เฉินถึงค่อยสวมเสื้อผ้าพลางพูดกับหลิ่วชิงเหอและหลิ่วหรูเยียนสองแม่ลูกว่า “ครั้งนี้แค่สั่งสอนพวกเธอเบา ๆ ฉันไม่อยากให้มีครั้งต่อไปอีก” หลิ่วชิงเหอกัดฟันกรอด จ้องเขม็งไปที่ฉู่เฉินโดยไม่พูดอะไรสักคำส่วนตู้เสี่ยวเยวี่ยที่อยู่ข้าง ๆ ก็รีบกอด
พรืด! อวี้ลู่หัวเราะคิกคักออกมาแล้วเอ่ยว่า “นั่นเป็นเพราะว่าคนอื่นเขาไม่ชินกับการใช้โทรศัพท์มือถือไม่ใช่หรือไง? เอาละ อย่าโมโหเลย ต่อไปจะไม่ทำแล้วตกลงไหม?”ฉู่เฉินถอนหายใจ เขาอยากพูดว่าไม่ แต่ดูเหมือนว่าไม่สามารถต่อต้านได้เลย ในเมื่อต่อต้านไม่ได้ เช่นนั้นก็ทำได้เพียงจำยอม“พูดมาเถอะครับ มาหาผมมีธุระอะไร?”“ก็เพราะเรื่องดอกอัสนีอยู่แล้วสิ”อวี้ลู่เอ่ยอย่างจริงจังมาก “ข้าได้รับข่าวมาแล้วว่าพรุ่งนี้บริษัทประมูลของตระกูลหลินในเมืองหลวงจะมีการประมูลดอกอัสนีหนึ่งต้น เจ้าสามารถไปประมูลมันมาได้เลย”อะไรนะ?ฉู่เฉินมองอวี้ลู่อย่างพิจารณา เขาได้กลิ่นกายที่หอมเย้ายวนของเธอ ก่อนจะเอ่ยปากพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เพื่อนสาวครับ พี่ก็พูดง่ายมากว่าให้ประมูลมันมา แต่พี่รู้ไหมว่าเจ้านั่นมีราคาเท่าไหร่?” ถึงแม้ตอนนี้ฉู่เฉินจะรวยมาก นอกจากนี้เงินฝากในบัญชีส่วนตัวยังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แต่ปัญหาคือต่อให้มีเงินก็ไม่สามารถโยนทิ้งลงในน้ำได้นะ “เมื่อกี้เจ้าเรียกข้าว่าอะไรนะ?” อวี้ลู่ตัดส่วนสำคัญที่สุดในคำพูดของฉู่เฉินทิ้งไป และขมวดคิ้วเอ่ยถาม “เพื่อนสาวไงครับ? หรือจะให้เรียกพี่ว่ายัยนี่?”ฉู่เ
ยาเก้าตะวันไม่อาจเกิดข้อผิดพลาดได้เป็นอันขาด อวี้ลู่ได้แต่สูดลมหายใจลึกอย่างจนปัญญา เรื่องสำคัญแบบนี้ เธอทำได้เพียงพึ่งพาตัวเองเท่านั้น เมื่อคิดเช่นนี้ อวี้ลู่ถึงค่อยจำใจเอ่ยว่า “ก็ได้ ข้าจะไปกับเจ้าด้วย” เดิมทีนึกว่าคราวนี้ฉู่เฉินคงจะพอใจแล้วสินะ แต่ใครจะคาดคิดว่าเมื่อคำพูดนี้ออกมา ฉู่เฉินก็กลอกตาใส่เธอ ส่ายศีรษะจนเหมือนกลองป๋องแป๋ง เอ่ยติดต่อกันว่า “ไม่เหมาะ ๆ” “เช่นนั้นเจ้าต้องการอย่างไรกันแน่?” อวี้ลู่เดือดดาลแล้วจริง ๆ!นี่ก็ไม่ได้ นั่นก็ไม่ได้ เห็นเธอไม่มีอารมณ์โกรธจริง ๆ หรือไง?“ผมหมายความถึงการแต่งตัวของพี่ ถ้าเกิดไม่ใช่เพราะออกจากบ้านตอนกลางคืนละก็ ใครเดินคู่กับพี่จะต้องซวยหนักมากแน่ พี่เข้าใจหรือเปล่า?”ฉู่เฉินเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหมือนสั่งสอนเด็กเล็ก “ทำไมเล่า?”อวี้ลู่มองไปทางฉู่เฉินด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ ต่อให้อยู่ในดินแดนเซียน เธอก็แต่งตัวแบบนี้มาตลอด อีกทั้งร่างเซียนไม่กลัวความหนาวและความร้อน ทำไมถึงใส่ไม่ได้ล่ะ?หากพูดถึงเรื่องโป๊ หญิงสาวในโลกมนุษย์ยังแต่งตัวโป๊มากกว่าเธอเสียอีก นอกจากนี้ ส่วนสำคัญของเธอก็ปกปิดไว้มิดชิดทั้งหมด ไม่รู้สึกว่ามีปัญหาอะไรเลย
อวี้ลู่หรี่ตา สังเกตฉู่เฉินอยู่พักใหญ่ จากนั้นค่อยยกชายกระโปรงขึ้นมาแล้วสวมถุงน่องเต็มตัวทันที ว้าว!ฉู่เฉินรู้สึกเหมือนหัวใจดวงเล็ก ๆ ของตัวเองติดตั้งเครื่องยนต์รถแทรกเตอร์ เต้นตึกตักอย่างบ้าคลั่งไม่หยุดผู้หญิงคนนี้ควรมีอยู่แค่บนสวรรค์เท่านั้น จะมีสักกี่คนที่ได้เห็นบนโลกมนุษย์?พูดได้ว่า อวี้ลู่มีความงดงามที่เพริศพริ้งและแฝงไปด้วยความเซ็กซี่ ไม่ใช่คนที่ผู้หญิงทั่วไปจะเทียบได้เลย ต่อให้เป็นกู้รั่วเสวี่ยกับหลิ่วหรูเยียนก็ไม่มีกลิ่นอายสูงส่งเหมือนบนตัวเธอเลยเป็นความสูงส่งโดยธรรมชาติอย่างยิ่งที่ไม่จำเป็นต้องมีกลิ่นเงินหรือการแต่งตัวให้ดูสง่างาม งดงาม!แค่คำเดียวเท่านั้นตึก ๆๆ...อวี้ลู่สวมชุดเดรสสีขาวตัวนั้นและสวมรองเท้าหนังเล็ก ๆ เดินไปเดินมาหลายก้าวอยู่ตรงหน้าฉู่เฉิน เอามือเล็ก ๆ สองข้างไพล่หลังแล้วกล่าวว่า “เป็นยังไงบ้าง?” “สมบูรณ์แบบ!” ฉู่เฉินพยักหน้าแรง ๆ ชมไม่หยุดปาก สิ่งสำคัญที่สุดคือชุดเดรสตัวนี้ยังเป็นรุ่นซีทรู เมื่อสวมอยู่ร่างของอวี้ลู่ เป็นการผสมผสานเสน่ห์เย้ายวนและความสง่างามสูงส่งสมบูรณ์แบบเข้าด้วยกันเสริมลุคใสบริสุทธิ์และลุคเย้ายวนใจอย่างเต็มที่ในคราว
“คุณมันแย่ที่สุด นอกจากปากแล้วก็คิดถึงอย่างอื่นไม่ได้เลยสักนิดเหรอ?” หลินชือหย่าเอ่ยอย่างกระเง้ากระงอดฉู่เฉินยิ้มเล็กน้อยแล้วเอ่ยเข้าประเด็นทันที “อีกเดี๋ยวผมจะไปที่บริษัทประมูลของตระกูลหลินในเมืองเอกของมณฑล”“คุณจะมาเมืองเอก? เมื่อไหร่คะ?” หลินชือหย่ารีบเอ่ยถามอย่างรอไม่ไหวแล้ว “น่าจะอีกสองชั่วโมงให้หลังนะครับ”ฉู่เฉินเอ่ยปากกล่าวอย่างเฉยชา“ได้ งั้นฉันเตรียมตัว เจอกันที่หน้าประตูบริษัทประมูล ไม่เจอไม่กลับ”หลินชือหย่ากล่าวจบก็รีบวางสายโทรศัพท์อย่างเร็วไวจากนั้น ฉู่เฉินก็สตาร์ตรถ มุ่งตรงไปที่บริษัทประมูลของตระกูลหลินในเมืองเอกของมณฑล”“เจ้า...เมื่อกี้ทำไมถึงบอกกับนางว่า เจ้าคิดถึงปากของนาง?” อวี้ลู่ขมวดคิ้วมุ่น สุดท้ายยังคงถามข้อสงสัยในใจออกมาเธอไม่เข้าใจเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ พวกนี้จริง ๆ แม้ว่าคิดถึงคนคนหนึ่ง น่าจะคิดถึงทั้งหมดของเธอไม่ใช่เหรอ? ทำไมคิดถึงแค่ปากของเธอล่ะ?“ความลับของฟ้ามิอาจเปิดเผย ไว้รอให้จังหวะเหมาะสมแล้ว พี่ก็จะเข้าใจเอง”ฉู่เฉินเอ่ยปากพูดด้วยท่าทางเหมือนคนที่มีความสามารถสูงส่ง“ฮึ ไม่อยากบอกก็ช่าง”อวี้ลู่กลอกตาใส่ฉู่เฉินแรง ๆ หลังจากที่ติดต่
ในบริษัทประมูลก็มีห้องทำงานประธานบริษัทของหลินชือหย่าด้วย ถึงอย่างไรตอนนี้เวลายังเหลืออยู่ ขึ้นไปพักผ่อนดีกว่ารออยู่ที่นี่ฉู่เฉินพยักหน้า กำลังคิดเดินขึ้นบันได ก็มีเสียงที่ย้อนแย้งสุดขีดดังมาจากด้านหลังว่า “โอ้ นี่คุณหนูใหญ่หลินไม่ใช่เหรอ?”“ได้ยินว่าช่วงนี้คุณเลี้ยงดูแมงดา? คงไม่ใช่เขาหรอกนะ?”ทันทีที่สิ้นเสียงพูด หลินชือหย่ากับฉู่เฉินพากันขมวดคิ้วแล้วมองไปทางด้านหลัง จากนั้นก็เห็นชายหนุ่มสวมชุดสูทโอตกูตูร์ ใส่แว่นตากรอบทอง มือของเขาควงผู้หญิงอายุยี่สิบกว่าแต่งตัวหรูหรา หน้าตาสะสวยมาก กำลังเดินมาทางนี้ “หลิวจิ่งหง?”หลินชือหย่ามองแวบเดียวก็จำชายหนุ่มตรงข้ามได้ เขาก็คือคุณชายใหญ่ตระกูลหลิวจากเมืองเอกของมณฑลส่วนผู้หญิงข้าง ๆ เขาก็คือเฉียนเจียวเจียว คุณหนูใหญ่ตระกูลเฉียนจากเมืองเอกของมณฑลปัจจุบันนี้ตระกูลเฉียนตกอับแล้ว มีเพียงเปลือกกลวง ๆ ที่ยืนหยัดอยู่ ถ้าเกิดไม่ใช่เพราะเฉียนเจียวเจียวเกาะหลิวจิ่งหงได้ เกรงว่าตอนนี้ตระกูลเฉียนคงไม่มีอะไรกินแล้วเฉียนเจียวเจียวควงแขนของหลิวจิ่งหง มองหลินชือหย่าด้วยสีหน้ากระเง้ากระงอด เธอย่อมรู้ว่าหลิวจิ่งหงตามจีบหลินชือหย่าสองปี แต่ในสอง
“คุณวางใจได้ ชีวิตของผมยังอีกยาว แต่คุณนี่สิ อยู่รอดให้ถึงสิ้นปีได้ก็ถือว่าเป็นงานศพที่น่ายินดีแล้ว” ฉู่เฉินหัวเราะหยัน ไม่เอาคำพูดของหลิวจิ่งหงมาใส่ใจเลย “นาย...”หลิวจิ่งหงโกรธจนหน้าม่วงแล้ว ตระกูลหลิวถือว่าเป็นตระกูลใหญ่ชั้นนำอันดับหนึ่งในเมืองเอกของมณฑล แม้แต่ตระกูลหลินก็ต้องหลีกทางให้ตระกูลหลิวสามส่วนแค่แมงดาอย่างฉู่เฉิน ใครกันที่มอบความกล้าให้เขา ถึงได้กล้าพูดจาโอหังแบบนี้กับตน?“ไอ้หนู กล้าบอกชื่อแซ่ไหม?!”คราวนี้หลิวจิ่งหงโกรธแล้วจริง ๆ เขาไม่เพียงต้องการให้ฉู่เฉินตายคนเดียวเท่านั้น เขายังต้องการให้ทุกคนที่อยู่ข้างกายฉู่เฉินถูกฝังไปพร้อมกับฉู่เฉินด้วย! ตระกูลหลิวเงียบหายไปมาหลายปี เอาแต่มุ่งขยายอำนาจอิทธิพลในแวดวงการค้าตลอด ไม่ได้สำแดงพลังมานานมากแล้ว ถึงขนาดที่มีหลายคนลืมไปแล้วตระกูลหลิวในปีนั้นน่ากลัวระดับไหน! ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ถ้าอย่างนั้นวันนี้ก็จะใช้ฉู่เฉินมาสร้างแสนยานุภาพ ให้ทุกตระกูลในเมืองเอกของมณฑลได้เห็นว่าตระกูลหลิวในปัจจุบันไม่ได้ด้อยไปกว่าปีนั้นเลยแม้แต่น้อย! “พ่อคุณชื่อฉู่เฉินไง”ฉู่เฉินหัวเราะอย่างเฉยชา“นาย!”หลิวจิ่งหงเดือดดาลฉู่เฉินเอ
แต่ความเสี่ยงยิ่งสูง ผลตอบแทนก็มักจะยิ่งมากกระบี่อ่อนที่เอวของเขาก็เป็นของที่ได้มาจากหลี่เต้าผิงในเมื่อตาเฒ่าแซ่หลู่นั้นอยู่ระดับฝึกปราณชั้นแปด เชื่อว่าของดี ๆ บนตัวเขาย่อมไม่น้อยไปกว่าหลี่เต้าผิงอย่างแน่นอน“ข้า?”อวี้ลู่ส่ายศีรษะกล่าวว่า “นั่นเป็นผลกรรมของเจ้า ไม่เกี่ยวกับข้า”ผู้ที่ฝึกบำเพ็ญตนในระดับที่ยิ่งสูง ยิ่งให้ความสำคัญกับผลกรรมบ่อยครั้งที่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ อาจจะชักนำไปสู่บ่วงกรรมอันไร้ที่สิ้นสุด นี่ก็คือสาเหตุสำคัญว่าทำไมอวี้ลู่ไม่ยอมโผล่หน้าในสังคม แม้ว่าจะเป็นกรรมในโลกมนุษย์ เธอก็ไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวง่าย ๆยิ่งไม่ต้องพูดถึงตอนนี้เหลือเวลาไม่ถึงครึ่งเดือนก็จะถึงช่วงเดือนดับสูงสุดแล้ว ช่วงเดือนดับสูงสุด พลังฝึกปรือของเธอจะค่อย ๆ อ่อนแอลงทุกวัน อีกสามเดือนให้หลัง เธอก็จะเป็นเหมือนผู้หญิงธรรมดา ไม่มีแรงแม้แต่จะมัดไก่เลย เวลานี้การหาเรื่องเป็นตัวเลือกที่ไม่ชาญฉลาดอย่างเห็นได้ชัด เพียงแต่คำพูดของเธอทำให้ฉู่เฉินขมวดคิ้ว ยัยนี่เลือดเย็นมากเลย“เจ้ามองข้าไปก็ไม่มีประโยชน์ ตอนนี้เจ้ายังไม่เข้าใจความน่ากลัวของผลกรรม ภายภาคหน้าเจ้าก็จะเข้าใจ”อวี้ลู่เอามือสอ