พรืด! อวี้ลู่หัวเราะคิกคักออกมาแล้วเอ่ยว่า “นั่นเป็นเพราะว่าคนอื่นเขาไม่ชินกับการใช้โทรศัพท์มือถือไม่ใช่หรือไง? เอาละ อย่าโมโหเลย ต่อไปจะไม่ทำแล้วตกลงไหม?”ฉู่เฉินถอนหายใจ เขาอยากพูดว่าไม่ แต่ดูเหมือนว่าไม่สามารถต่อต้านได้เลย ในเมื่อต่อต้านไม่ได้ เช่นนั้นก็ทำได้เพียงจำยอม“พูดมาเถอะครับ มาหาผมมีธุระอะไร?”“ก็เพราะเรื่องดอกอัสนีอยู่แล้วสิ”อวี้ลู่เอ่ยอย่างจริงจังมาก “ข้าได้รับข่าวมาแล้วว่าพรุ่งนี้บริษัทประมูลของตระกูลหลินในเมืองหลวงจะมีการประมูลดอกอัสนีหนึ่งต้น เจ้าสามารถไปประมูลมันมาได้เลย”อะไรนะ?ฉู่เฉินมองอวี้ลู่อย่างพิจารณา เขาได้กลิ่นกายที่หอมเย้ายวนของเธอ ก่อนจะเอ่ยปากพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เพื่อนสาวครับ พี่ก็พูดง่ายมากว่าให้ประมูลมันมา แต่พี่รู้ไหมว่าเจ้านั่นมีราคาเท่าไหร่?” ถึงแม้ตอนนี้ฉู่เฉินจะรวยมาก นอกจากนี้เงินฝากในบัญชีส่วนตัวยังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แต่ปัญหาคือต่อให้มีเงินก็ไม่สามารถโยนทิ้งลงในน้ำได้นะ “เมื่อกี้เจ้าเรียกข้าว่าอะไรนะ?” อวี้ลู่ตัดส่วนสำคัญที่สุดในคำพูดของฉู่เฉินทิ้งไป และขมวดคิ้วเอ่ยถาม “เพื่อนสาวไงครับ? หรือจะให้เรียกพี่ว่ายัยนี่?”ฉู่เ
ยาเก้าตะวันไม่อาจเกิดข้อผิดพลาดได้เป็นอันขาด อวี้ลู่ได้แต่สูดลมหายใจลึกอย่างจนปัญญา เรื่องสำคัญแบบนี้ เธอทำได้เพียงพึ่งพาตัวเองเท่านั้น เมื่อคิดเช่นนี้ อวี้ลู่ถึงค่อยจำใจเอ่ยว่า “ก็ได้ ข้าจะไปกับเจ้าด้วย” เดิมทีนึกว่าคราวนี้ฉู่เฉินคงจะพอใจแล้วสินะ แต่ใครจะคาดคิดว่าเมื่อคำพูดนี้ออกมา ฉู่เฉินก็กลอกตาใส่เธอ ส่ายศีรษะจนเหมือนกลองป๋องแป๋ง เอ่ยติดต่อกันว่า “ไม่เหมาะ ๆ” “เช่นนั้นเจ้าต้องการอย่างไรกันแน่?” อวี้ลู่เดือดดาลแล้วจริง ๆ!นี่ก็ไม่ได้ นั่นก็ไม่ได้ เห็นเธอไม่มีอารมณ์โกรธจริง ๆ หรือไง?“ผมหมายความถึงการแต่งตัวของพี่ ถ้าเกิดไม่ใช่เพราะออกจากบ้านตอนกลางคืนละก็ ใครเดินคู่กับพี่จะต้องซวยหนักมากแน่ พี่เข้าใจหรือเปล่า?”ฉู่เฉินเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหมือนสั่งสอนเด็กเล็ก “ทำไมเล่า?”อวี้ลู่มองไปทางฉู่เฉินด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ ต่อให้อยู่ในดินแดนเซียน เธอก็แต่งตัวแบบนี้มาตลอด อีกทั้งร่างเซียนไม่กลัวความหนาวและความร้อน ทำไมถึงใส่ไม่ได้ล่ะ?หากพูดถึงเรื่องโป๊ หญิงสาวในโลกมนุษย์ยังแต่งตัวโป๊มากกว่าเธอเสียอีก นอกจากนี้ ส่วนสำคัญของเธอก็ปกปิดไว้มิดชิดทั้งหมด ไม่รู้สึกว่ามีปัญหาอะไรเลย
อวี้ลู่หรี่ตา สังเกตฉู่เฉินอยู่พักใหญ่ จากนั้นค่อยยกชายกระโปรงขึ้นมาแล้วสวมถุงน่องเต็มตัวทันที ว้าว!ฉู่เฉินรู้สึกเหมือนหัวใจดวงเล็ก ๆ ของตัวเองติดตั้งเครื่องยนต์รถแทรกเตอร์ เต้นตึกตักอย่างบ้าคลั่งไม่หยุดผู้หญิงคนนี้ควรมีอยู่แค่บนสวรรค์เท่านั้น จะมีสักกี่คนที่ได้เห็นบนโลกมนุษย์?พูดได้ว่า อวี้ลู่มีความงดงามที่เพริศพริ้งและแฝงไปด้วยความเซ็กซี่ ไม่ใช่คนที่ผู้หญิงทั่วไปจะเทียบได้เลย ต่อให้เป็นกู้รั่วเสวี่ยกับหลิ่วหรูเยียนก็ไม่มีกลิ่นอายสูงส่งเหมือนบนตัวเธอเลยเป็นความสูงส่งโดยธรรมชาติอย่างยิ่งที่ไม่จำเป็นต้องมีกลิ่นเงินหรือการแต่งตัวให้ดูสง่างาม งดงาม!แค่คำเดียวเท่านั้นตึก ๆๆ...อวี้ลู่สวมชุดเดรสสีขาวตัวนั้นและสวมรองเท้าหนังเล็ก ๆ เดินไปเดินมาหลายก้าวอยู่ตรงหน้าฉู่เฉิน เอามือเล็ก ๆ สองข้างไพล่หลังแล้วกล่าวว่า “เป็นยังไงบ้าง?” “สมบูรณ์แบบ!” ฉู่เฉินพยักหน้าแรง ๆ ชมไม่หยุดปาก สิ่งสำคัญที่สุดคือชุดเดรสตัวนี้ยังเป็นรุ่นซีทรู เมื่อสวมอยู่ร่างของอวี้ลู่ เป็นการผสมผสานเสน่ห์เย้ายวนและความสง่างามสูงส่งสมบูรณ์แบบเข้าด้วยกันเสริมลุคใสบริสุทธิ์และลุคเย้ายวนใจอย่างเต็มที่ในคราว
“คุณมันแย่ที่สุด นอกจากปากแล้วก็คิดถึงอย่างอื่นไม่ได้เลยสักนิดเหรอ?” หลินชือหย่าเอ่ยอย่างกระเง้ากระงอดฉู่เฉินยิ้มเล็กน้อยแล้วเอ่ยเข้าประเด็นทันที “อีกเดี๋ยวผมจะไปที่บริษัทประมูลของตระกูลหลินในเมืองเอกของมณฑล”“คุณจะมาเมืองเอก? เมื่อไหร่คะ?” หลินชือหย่ารีบเอ่ยถามอย่างรอไม่ไหวแล้ว “น่าจะอีกสองชั่วโมงให้หลังนะครับ”ฉู่เฉินเอ่ยปากกล่าวอย่างเฉยชา“ได้ งั้นฉันเตรียมตัว เจอกันที่หน้าประตูบริษัทประมูล ไม่เจอไม่กลับ”หลินชือหย่ากล่าวจบก็รีบวางสายโทรศัพท์อย่างเร็วไวจากนั้น ฉู่เฉินก็สตาร์ตรถ มุ่งตรงไปที่บริษัทประมูลของตระกูลหลินในเมืองเอกของมณฑล”“เจ้า...เมื่อกี้ทำไมถึงบอกกับนางว่า เจ้าคิดถึงปากของนาง?” อวี้ลู่ขมวดคิ้วมุ่น สุดท้ายยังคงถามข้อสงสัยในใจออกมาเธอไม่เข้าใจเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ พวกนี้จริง ๆ แม้ว่าคิดถึงคนคนหนึ่ง น่าจะคิดถึงทั้งหมดของเธอไม่ใช่เหรอ? ทำไมคิดถึงแค่ปากของเธอล่ะ?“ความลับของฟ้ามิอาจเปิดเผย ไว้รอให้จังหวะเหมาะสมแล้ว พี่ก็จะเข้าใจเอง”ฉู่เฉินเอ่ยปากพูดด้วยท่าทางเหมือนคนที่มีความสามารถสูงส่ง“ฮึ ไม่อยากบอกก็ช่าง”อวี้ลู่กลอกตาใส่ฉู่เฉินแรง ๆ หลังจากที่ติดต่
ในบริษัทประมูลก็มีห้องทำงานประธานบริษัทของหลินชือหย่าด้วย ถึงอย่างไรตอนนี้เวลายังเหลืออยู่ ขึ้นไปพักผ่อนดีกว่ารออยู่ที่นี่ฉู่เฉินพยักหน้า กำลังคิดเดินขึ้นบันได ก็มีเสียงที่ย้อนแย้งสุดขีดดังมาจากด้านหลังว่า “โอ้ นี่คุณหนูใหญ่หลินไม่ใช่เหรอ?”“ได้ยินว่าช่วงนี้คุณเลี้ยงดูแมงดา? คงไม่ใช่เขาหรอกนะ?”ทันทีที่สิ้นเสียงพูด หลินชือหย่ากับฉู่เฉินพากันขมวดคิ้วแล้วมองไปทางด้านหลัง จากนั้นก็เห็นชายหนุ่มสวมชุดสูทโอตกูตูร์ ใส่แว่นตากรอบทอง มือของเขาควงผู้หญิงอายุยี่สิบกว่าแต่งตัวหรูหรา หน้าตาสะสวยมาก กำลังเดินมาทางนี้ “หลิวจิ่งหง?”หลินชือหย่ามองแวบเดียวก็จำชายหนุ่มตรงข้ามได้ เขาก็คือคุณชายใหญ่ตระกูลหลิวจากเมืองเอกของมณฑลส่วนผู้หญิงข้าง ๆ เขาก็คือเฉียนเจียวเจียว คุณหนูใหญ่ตระกูลเฉียนจากเมืองเอกของมณฑลปัจจุบันนี้ตระกูลเฉียนตกอับแล้ว มีเพียงเปลือกกลวง ๆ ที่ยืนหยัดอยู่ ถ้าเกิดไม่ใช่เพราะเฉียนเจียวเจียวเกาะหลิวจิ่งหงได้ เกรงว่าตอนนี้ตระกูลเฉียนคงไม่มีอะไรกินแล้วเฉียนเจียวเจียวควงแขนของหลิวจิ่งหง มองหลินชือหย่าด้วยสีหน้ากระเง้ากระงอด เธอย่อมรู้ว่าหลิวจิ่งหงตามจีบหลินชือหย่าสองปี แต่ในสอง
“คุณวางใจได้ ชีวิตของผมยังอีกยาว แต่คุณนี่สิ อยู่รอดให้ถึงสิ้นปีได้ก็ถือว่าเป็นงานศพที่น่ายินดีแล้ว” ฉู่เฉินหัวเราะหยัน ไม่เอาคำพูดของหลิวจิ่งหงมาใส่ใจเลย “นาย...”หลิวจิ่งหงโกรธจนหน้าม่วงแล้ว ตระกูลหลิวถือว่าเป็นตระกูลใหญ่ชั้นนำอันดับหนึ่งในเมืองเอกของมณฑล แม้แต่ตระกูลหลินก็ต้องหลีกทางให้ตระกูลหลิวสามส่วนแค่แมงดาอย่างฉู่เฉิน ใครกันที่มอบความกล้าให้เขา ถึงได้กล้าพูดจาโอหังแบบนี้กับตน?“ไอ้หนู กล้าบอกชื่อแซ่ไหม?!”คราวนี้หลิวจิ่งหงโกรธแล้วจริง ๆ เขาไม่เพียงต้องการให้ฉู่เฉินตายคนเดียวเท่านั้น เขายังต้องการให้ทุกคนที่อยู่ข้างกายฉู่เฉินถูกฝังไปพร้อมกับฉู่เฉินด้วย! ตระกูลหลิวเงียบหายไปมาหลายปี เอาแต่มุ่งขยายอำนาจอิทธิพลในแวดวงการค้าตลอด ไม่ได้สำแดงพลังมานานมากแล้ว ถึงขนาดที่มีหลายคนลืมไปแล้วตระกูลหลิวในปีนั้นน่ากลัวระดับไหน! ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ถ้าอย่างนั้นวันนี้ก็จะใช้ฉู่เฉินมาสร้างแสนยานุภาพ ให้ทุกตระกูลในเมืองเอกของมณฑลได้เห็นว่าตระกูลหลิวในปัจจุบันไม่ได้ด้อยไปกว่าปีนั้นเลยแม้แต่น้อย! “พ่อคุณชื่อฉู่เฉินไง”ฉู่เฉินหัวเราะอย่างเฉยชา“นาย!”หลิวจิ่งหงเดือดดาลฉู่เฉินเอ
แต่ความเสี่ยงยิ่งสูง ผลตอบแทนก็มักจะยิ่งมากกระบี่อ่อนที่เอวของเขาก็เป็นของที่ได้มาจากหลี่เต้าผิงในเมื่อตาเฒ่าแซ่หลู่นั้นอยู่ระดับฝึกปราณชั้นแปด เชื่อว่าของดี ๆ บนตัวเขาย่อมไม่น้อยไปกว่าหลี่เต้าผิงอย่างแน่นอน“ข้า?”อวี้ลู่ส่ายศีรษะกล่าวว่า “นั่นเป็นผลกรรมของเจ้า ไม่เกี่ยวกับข้า”ผู้ที่ฝึกบำเพ็ญตนในระดับที่ยิ่งสูง ยิ่งให้ความสำคัญกับผลกรรมบ่อยครั้งที่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ อาจจะชักนำไปสู่บ่วงกรรมอันไร้ที่สิ้นสุด นี่ก็คือสาเหตุสำคัญว่าทำไมอวี้ลู่ไม่ยอมโผล่หน้าในสังคม แม้ว่าจะเป็นกรรมในโลกมนุษย์ เธอก็ไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวง่าย ๆยิ่งไม่ต้องพูดถึงตอนนี้เหลือเวลาไม่ถึงครึ่งเดือนก็จะถึงช่วงเดือนดับสูงสุดแล้ว ช่วงเดือนดับสูงสุด พลังฝึกปรือของเธอจะค่อย ๆ อ่อนแอลงทุกวัน อีกสามเดือนให้หลัง เธอก็จะเป็นเหมือนผู้หญิงธรรมดา ไม่มีแรงแม้แต่จะมัดไก่เลย เวลานี้การหาเรื่องเป็นตัวเลือกที่ไม่ชาญฉลาดอย่างเห็นได้ชัด เพียงแต่คำพูดของเธอทำให้ฉู่เฉินขมวดคิ้ว ยัยนี่เลือดเย็นมากเลย“เจ้ามองข้าไปก็ไม่มีประโยชน์ ตอนนี้เจ้ายังไม่เข้าใจความน่ากลัวของผลกรรม ภายภาคหน้าเจ้าก็จะเข้าใจ”อวี้ลู่เอามือสอ
“พี่ดูสิ พวกคนที่พี่ดูแคลนว่ามีอายุขัยแค่ไม่กี่สิบปี ถึงแม้ชีวิตของพวกเขาจะสั้นนัก แต่ว่าตลอดทั้งชีวิตที่แสนสั้นของพวกเขามีญาติสนิท มีคนรัก มีเพื่อน”“แต่พี่ล่ะ? มีอะไร?”ฉู่เฉินลุกขึ้นมา เอามือชี้ไปยังผู้คนที่เดินไปมาอย่างรีบเร่งบนท้องถนนข้างนอกหน้าต่าง นัยน์ตางดงามคู่นั้นของอวี้ลู่จ้องเขม็งไปที่ฉู่เฉิน เวลานี้ เธอรู้สึกไม่ดีแล้ว ทำไมดูเหมือนว่าฉู่เฉินถึงจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ระดับเทวะ ส่วนเธอกลับเป็นสหายน้อยที่ถูกสั่งสอนล่ะ?“วิถีแห่งฟ้ามีสิ่งที่ขาดจึงจะสมบูรณ์ เมื่อมหาธรรมวิถีใสสะอาดถึงที่สุด ฟ้าก็จะพังทลาย” ฉู่เฉินท่องคำพูดประโยคหนึ่งในมรดกของมังกรเฒ่าออกมาแต่ว่าเมื่อรวมสถานการณ์นี้กับทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้า ฟังจากในหูของอวี้ลู่กลับมีความหมายที่ทำให้คนตื่นรู้ขึ้นมา “นะ...นี่เป็นไปได้ยังไง?” อวี้ลู่ถึงขนาดเริ่มสงสัยในตัวเองแล้ว หรือว่าก่อนหน้านี้เธอทำผิดไปทั้งหมด?หรือว่ากฎเกณฑ์ของเหยาฉือผิดพลาดไปแล้ว?เป็นไปไม่ได้!เหยาฉือเป็นสำนักเซียนที่อยู่มานานนับหมื่นปี สร้างผู้ยิ่งใหญ่ระดับสูงสุดที่บรรลุมหาธรรมวิถีออกมามากแค่ไหน? ไม่มีทางผิดพลาดเป็นอันขาดแต่ว่า...คำพู
ในขณะที่คนในตระกูลหลินกำลังหัวเราะเยาะอยู่ในใจ ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ คนแซ่ฉู่คนนี้ช่างมีดวงผู้หญิงของผู้หญิงจริงๆ“ผมเอง มีอะไรเหรอครับ?”ฉู่เฉินเหลือบมองหลินฮ่าวและคนอื่นๆ แล้วพยักหน้าเล็กน้อย“เหอะๆ มีอะไรงั้นเหรอ?”หลินฮ่าวหัวเราะอย่างเย็นชาและกล่าวว่า “ฉู่เฉิน แกคงไม่รู้ตัวว่าใกล้ถึงวาระสุดท้ายของแกแล้วสินะ?”ฉู่เฉินขมวดคิ้ว มองสำรวจหลินฮ่าวและคนอื่นๆ พร้อมกับสงสัยว่า “ใกล้ถึงวาระสุดท้าย? ดูเหมือนว่าเราจะไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันนะครับ?”ขณะกล่าว ฉู่เฉินและหลิงเสวี่ยต่างก็มองไปที่สมาชิกตระกูลหลินด้วยความระแวดระวังแม้ว่าคนเหล่านี้จะอยู่ในระดับสร้างรากฐานขั้นหกเท่านั้น แต่ฉู่เฉินกลับรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ายอดฝีมือจำนวนมากกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้เมื่อหลินฮ่าวได้ยินเช่นนี้ ก็แค่นเสียงเย็นและกล่าวว่า “คนแซ่ฉู่ แกจะแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องไปทำไม เจ้าสำนักให้เวลาแกสามวันเพื่อไปรับโทษตายที่สำนักชิงอวิ๋น แกคิดว่าแกซ่อนตัวอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้แล้วจะไม่มีใครหาแกเจองั้นเหรอ?”“ฉันแนะนำให้แกส่งหยกโลหิตกิเลนมาจะดีที่สุด แล้วทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้นฉันจะฆ่าแกให้ตายอย่างไม่เหลือซาก
ในความเป็นจริงทั้งเมืองชิงหลง แทบจะอยู่ภายใต้อิทธิพลของสำนักชิงอวิ๋นตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่ก็ล้วนเป็นศิษย์ของสำนักชิงอวิ๋นเช่นกันถ้าตระกูลหลินเป็นฝ่ายเริ่มเสนอการสังหารฉู่เฉินพื่อแย่งชิงสมบัติ จากนั้นนำหยกโลหิตกิเลนไปมอบให้กับธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋น ดูเหมือนว่าตระกูลหลินของพวกเขาก็คงจะได้ความดีความชอบเป็นอันดับแรกสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือจ้าวเต๋อฉวนเป็นทายาทรุ่นที่สองของตระกูลจ้าวและยังเป็นเจ้าสำนักชิงอวิ๋นอีกด้วยถ้าใจร้อนอยากได้ความดีความชอบโดยปกปิดตระกูลจ้าว ทันทีที่เป็นศัตรูกับตระกูลจ้าว ก็ยากที่จะรับประกันได้ว่าในอนาคตจะไม่ถูกจ้าวเต๋อฉวนกีดกันดังนั้น ข้อเสนอของหลินฮ่าวจึงได้รับการเห็นชอบอย่างเป็นเอกฉันท์จากบรรดาผู้เฒ่าตระกูลหลินอย่างรวดเร็วในไม่ช้า ตระกูลหลินก็เริ่มดำเนินการ โดยส่งยอดฝีมือจำนวนมากติดตามหลินฮ่าวไปดักรอฉู่เฉินนอกเมืองชิงหลงอีกด้านหนึ่ง ยังได้ส่งลูกหลานตระกูลหลินไปจำนวนไม่น้อยไปแจ้งตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่แค่ยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานขั้นที่หกของตระกูลหลิน ก็มีมากถึงสิบกว่าคนแล้วเมื่อรวมกับตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่ ภายใต้การร่วมมือของสามตระกูล ไม่ต้องพูดถึง
แม้ว่าจะไม่มีตึกสูง แต่ที่นี่ก็มีสินค้าอุปโภคบริโภคสมัยใหม่บางชนิดจำหน่ายด้วยเหมือนกันหลังจากฟังคำแนะนำของหลิงเสวี่ย ฉู่เฉินก็พยักหน้าและกล่าวว่า “ได้ งั้นไปที่เมืองชิงหลงกันก่อน”อันที่จริง ในด้านหนึ่งฉู่เฉินต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับโลกแห่งการหยั่งรู้ และในอีกด้านหนึ่งก็ต้องการค้นหาวัตถุดิบยาในเมืองชิงหลงด้วยอย่างไรก็ตาม ตอนนี้เจ้าทึ่มก็ถึงคอขวดแล้ว และจำเป็นต้องคิดหาวิธีที่จะเปลี่ยนเขาให้กลายเป็นผีดิบเหินฟ้าโดยเร็วที่สุดไม่อย่างนั้น ฉู่เฉินก็คงจะขาดคู่ซ้อมที่แข็งแกร่งไปคนหนึ่งไม่ใช่เหรอ“คุณจะไปเมืองชิงหลงจริงๆ เหรอ? คุณควรรู้ไว้ว่าตอนนี้คุณในโลกแห่งการหยั่งรู้ก็เหมือนกับเป็นสมบัติที่มีชีวิต ไม่รู้ว่ามีคนจำนวนเท่าไหร่ที่กำลังเล็งคุณอยู่”หลิงเสวี่ยกล่าวพลางขมวดคิ้วแน่นไม่ใช่ว่าเธอเป็นห่วงฉู่เฉินมากขนาดนั้น แต่ถ้าฉู่เฉินตกอยู่ในอันตราย เธอก็จะพลอยเดือดร้อนไปด้วย“เมื่อวานเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนั้น ยังมีใครกล้าคิดร้ายกับผมอีกงั้นเหรอ?”ฉู่เฉินถามด้วยความสงสัยชิ!หลิงเสวี่ยกลอกตามองฉู่เฉินและกล่าวด้วยสีหน้าจนใจ “คุณคิดว่าเหตุการณ์เมื่อวานนี้จะสร้างความฮือฮาได้มากขนาดไหน แม้ว่า
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนอดหน้ามืดไม่ได้ แทบจะเป็นลมคาที่นี่ไม่อาจใช้คำว่ามากเกินไปมาบรรยายฉู่เฉินได้แล้ว ปรมาจารย์ฝืนข่มกลั้นโทสะในใจ เอ่ยด้วยรอยยิ้มฝืน ๆ ว่า “คุณฉู่ คุณไม่คิดว่าข้อเรียกร้องของคุณมันมากเกินไปเลยหรือไง?”“ฆ่าคนก็แค่เอาหัวโขกพื้น คะ...คุณเห็นวังเทียนเจี้ยนของผมรังแกง่ายจริง ๆ เหรอ?” ฉู่เฉินหัวเราะหยัน กวาดตามองปรมารจารย์ว่านเจี้ยนแวบหนึ่งแล้วพูดว่า “รังแกคุณแล้วยังไง? เอาของตามใบรายการนี้มา แล้วผมจะหันกายจากไปโดยไม่พูดอะไรเลย”“ถ้าคุณกล้าพูดคำว่าไม่สักคำละก็ ผมก็มีวิธีทำให้วังเทียนเจี้ยนของคุณหายวับไปกับตา” ข่มขู่ ข่มขู่กันอย่างโจ่งแจ้ง“ไอ้คนแซ่ฉู่ แกเหิมเกริมไปแล้ว...” ไม่รอให้ศิษย์ของวังเทียนเจี้ยนที่อยู่ในห้องโถงใหญ่เอ่ยปาก ปรมารจารย์ว่านเจี้ยนก็รีบยกมือห้ามเอ่ยว่า “หุบปากให้หมด!” หลังจากผ่านเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อวาน เวลานี้ปรมารจารย์ว่านเจี้ยรไม่สงสัยความสามารถของฉู่เฉินเลยสักนิดเดียวอย่างแย่ที่สุด ฉู่เฉินก็สามารถลากวังเทียนเจี้ยนให้ตายตกตามกันได้ต้องรีบไล่ตัวซวยคนนี้ออกไปโดยเร็วที่สุดถุงจะถูกเมื่อคิดได้ดังนั้น ปรมาจ
ไม่อย่างนั้น เธอก็คงไม่มีทางกระโดดจากสาวใช้ธรรมดา ๆ กลายเป็นสุดยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานชั้นแปดภายในระยะเวลาห้าปีสั้น ๆ หรอก แต่ว่าฉู่เฉินรู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไร?เมื่อเห็นหลิงเสวี่ยตะลึงจนพูดไม่ออก ฉู่เฉินก็แหงนหน้าหัวเราะเสียงดังแล้วพูดว่า “ดูท่าจะตรงตามที่ผมเดาไว้จริง ๆ ปรมาจารย์คนดีของคุณอยากเลี้ยงคุณจนสมบูรณ์แล้วค่อยดูดกลืนคุณจนแห้งไงละ” เมื่อหลิงเสวี่ยได้ยินคำพูดนี้ พลันร้อนใจขึ้น ถลึงตามองฉู่เฉินอย่างเย็นชาและกล่าว “ฉู่เฉิน ห้ามคุณพูดจาเหลวไหลนะ”ถึงแม้ว่าปรมาจารย์ว่านเจี้ยนจะเห็นเธอเป็นของชิ้นหนึ่ง มอบเธอให้ฉู่เฉิน แต่ว่าสำนักเคยมีบุญคุณกับเธอจริง ๆ“พูดจาเหลวไหล? กลัวว่าคุณโดนคนอื่นขายแล้ว ยังช่วยเขานับเงินด้วยละมั้ง?”ฉู่เฉินหัวเราะหยัน จากนั้นก็อธิบายวิชาบำเพ็ญคู่ให้ฟังสั้น ๆ และบอกเรื่องคุณสมบัติร่างกายพิเศษอย่างร่างธาตุสวรรค์บริสุทธิ์ว่ามีประโยชน์มากเท่าไหร่ต่อผู้ฝึกวิชาบำเพ็ญคู่ให้ฟังตามความเป็นจริง หลังจากฟังคำพูดนี้ของฉู่เฉินจบก็ทำลายสามมุมมองของหลิงเสวี่ยอย่างแท้จริง “เป็นไปไม่ได้ ต้องไม่ใช่ความจริงแน่นอน ท่านปรมาจารย์มักจะสอนพวกเราว่าผู้บำเพ็ญเพียนต้องทำ
ถึงแม้ว่าในใจของปรมาจารย์ว่านเจี้ยนจะไม่เต็มใจอย่างยิ่ง แต่ก็ทำได้เพียงปล่อยให้ฉู่เฉินจูงมือหลิงเสวี่ยเดินเข้าไปในเรือนเจ้าสำนักที่เขาอาศัยอยู่ ในตอนที่ฉู่เฉินปิดประตูห้องจนสนิท พวกศิษย์ของวังเทียนเจี้ยนต่างก็เผยสีหน้าเจ็บปวดและไม่ยินยอมออกมาจบแล้ว!เทพธิดาในใจของพวกเขา น้องศิษย์เล็กที่พวกเขาเฝ้าปรารถนา โดนไอ้เดรัจฉานฉู่เฉินย่ำยีแบบนี้แล้วเมื่อผลักประตูเดินเข้าไปในห้องนอนด้านใน ฉู่เฉินก็อดตื่นตาตื่นใจไม่ได้ไอ้แก่ตายยากอย่างปรมาจารย์ว่านเจี้ยนคนนี้เสพสุขเก่งจริง ๆ บนเตียงหยกน้ำแข็งมีอุปกรณ์ของเล่นต่าง ๆ ครบครัน นอกจากนี้ยังมีหมอนรองเอวโดยเฉพาะอีกด้วยไอ้เชี่ยนี่ เฒ่าหัวงูถึงจะเป็นคนตัณหากลับ จริง ๆ เมื่อเห็นเฟอร์นิเจอร์ในห้องปรมาจารย์ว่านเจี้ยน หลิงเสวี่ยก็อดขมวดคิ้วไม่ได้พลางกล่าวว่า “ทำไมในห้องของปรมาจารย์ถึงจะมีหมอนสองใบล่ะ อีกอย่าง ทำไมหมอนใบนี้ดูไปแล้ว ไม่ค่อยเหมือนเลย?” หลิงเสวี่ยพูดพลางเอื้อมมือจะไปหยิบหมอนรองเอวใบนั้นขึ้นมา แต่โดนฉู่เฉินขวางไว้ทันที“อีกเดี๋ยวคุณก็จะรู้เองว่าหมอนใบนี้เอาไว้ใช้ทำอะไร เข้ามาสิ”ระหว่างที่พูด ฉู่เฉินก็ดึงหลิงเสวี่ยให้นั่งลงข้างเตียง
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ พวกว่านโซ่วเซียนเวิงก็ถอนหายใจติดต่อกันด้วยสีหน้าเสียดายในตอนนี้เอง แผ่นกระดาษสีขาวที่เขียนตำรับยาสร้างกล้ามเนื้อพลันลอยมาจากในวังเทียนเจี้ยน“ผู้อาวุโสทั้งหลาย ขอบคุณครับ”วินาทีต่อมา เสียงของฉู่เฉินดังออกมาจากห้องโถงใหญ่ของวังเทียนเจี้ยนพวกว่านโซ่วเซียนเวิงรับสูตรยาที่ฉู่เฉินส่งมา ก่อนจะมองไปทางตำหนักหลักของวังเทียนเจี้ยนอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง“พวกเราไปกันเถอะ”ว่านโซ่วเซียนเวิงคัดลอกสูตรยาไว้หนึ่งชุด แล้วก็พาลูกศิษย์แห่งสำนักว่านเซียนหันกายเดินจากไป“เหอะ ๆ... ไอ้หนูมีน้ำใจแล้ว ถือว่าฉันติดหนี้บุญคุณเธอแล้ว ไว้พบกันใหม่”ผู้เฒ่าเทียนเสวียนก็คว้าสูตรยามาเช่นกันก่อนจะคัดลอกทันที จากนั้นเขาก็หันกายพาหลินเจี้ยนเฟิงลอยจากไปไม่นานนัก ผู้คนที่มามุงดูความคึกคักรอบนอกวังเทียนเจี้ยนก็ทยอยกันแยกย้ายไปหมดฉู่เฉินมองปรมาจารย์ว่านเจี้ยนที่หน้าแดงก่ำดูอับอายอย่างยิ่งยวด ก่อนจะหัวเราะหยันแล้วพูดว่า “เมื่อกี้คุณบอกว่าใครใกล้ตายนะ?”ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนมองฉู่เฉินพลางกัดฟันกรอด แม้ว่าตอนนี้ภัยคุกคามของวังเทียนเจี้ยนจะถูกขจัดไปแล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่กล้าแตะต้องฉู่เฉ
เวลานี้เอง ทุกคนในเหตุการณ์ตกใจจนเหงื่อแตกพลั่ก ไม่มีใครคาดคิดว่าลู่ชิงเฟิงจะโกรธจริง ๆนอกจากนี้ ประตูใหญ่ของวังเทียนเจี้ยนโดนทำลาย วันหน้าสถานะของวังเทียนเจี้ยนในหมู่สำนักรอบนอกภูเขาหลางจวีซวีย่อมลดลงไปอีกขั้นอย่างแน่นอแม้ว่าปรมาจารย์ว่านเจี้ยนในตอนนี้จะร้องทุกข์มิรู้วาย แต่ก็ไม่กล้าแสดงสีหน้าไม่พอใจเลยสักนิดเดียวเวลานี้จื่อเยว่ที่อยู่ท่ามกลางฝูงชนก็ต้องชื่นชมความโชคดีของฉู่เฉินเช่นกันถึงแม้ความสามารถของเขาจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่อาศัยสติปัญญาและแผนการเรียกยอดคนอย่างลู่ชิงเฟิงออกมายืนอยู่ฝ่ายเขาได้นับว่าผ่านด่านยากตรงหน้าได้ชั่วคราวแล้วจริง ๆ “ศิษย์พี่หญิง ฉู่เฉินคงไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับลู่ชิงเฟิงใช่ไหม?”หลิงรั่วกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก ก่อนจะเอ่ยถามเสียงเบา“เกี่ยวข้องกับลู่ชิงเฟิง? ไม่มีทางหรอก!”จื่อเยว่หัวเราะหยันพลางส่ายศีรษะลู่ชิงเฟิงนั้นเป็นบุคคลอันดับหนึ่งของวังเต๋าคุนหลุน ถึงแม้จะไม่ใช่เจ้าสำนัก แต่ในวังเต๋าคุนหลุน นอกจากผู้เฒ่าผู้แก่ที่ปลีกวิเวกไม่ออกมาเหล่านั้นแล้ว เขาก็เป็นตัวแทนพลังรบสูงสุดเลยก็ว่าได้แม้ว่าฉู่เฉินเพียงแค่รู้จักลู่ชิงเฟิงเท่านั้น แ
มันอยู่เหนือระดับที่พวกเขาสามารถประมาณค่าได้ไปแล้ว!นักพรตแห่งน้ำไฟผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานเมื่อกี้ ตอนนี้ก็เหงื่อเย็นแตกพลั่ก ไม่กล้าแม้แต่จะปฏิเสธแม้แต่คำเดียวเมื่อเห็นฉากนี้ สีหน้าของปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็เปลี่ยนไปทันที มองสำรวจฉู่เฉินด้วยรอยยิ้มเยาะและกล่าวว่า “เจ้าหนู ดูเหมือนว่าการคำนวณของมนุษย์จะสู้การคำนวณของสวรรค์ไม่ได้จริงๆ คุณคงไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลยใช่ไหมล่ะ”“ยังกล้าให้ฉันมอบศิษย์ไปอุ่นเตียงให้แกอีกเหรอ? หึ!”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็แค่นเสียงเย็นและกล่าวว่า “ฉันแนะนำให้แกรีบส่งหยกโลหิตกิเลนมา แล้วฆ่าตัวตายรชดใช้ความผิดต่อหน้าฉันซะ ไม่งั้น...”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ในดวงตาของปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็ระเบิดรังสีอำมหิตออกมาสองสายสถานการณ์พลิกผันเร็วเกินไป จนกระทั่งหลิงเสวี่ยยังไม่ได้สติ แต่ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนไม่เปลี่ยนสีหน้าเร็วเกินไปหน่อยเหรอ?ฉู่เฉินหรี่ตาลงและกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “คุณแน่ใจเหรอ?”“หึ เจ้าหนู ใกล้ตายแล้ว อย่าดิ้นรนไปให้เปลืองแรงเลย!”ขณะกล่าว ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็ชักกระบี่ออกมาทันที กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวของผู้แข็งแกร่งระดับควบแ