“คุณคิดอะไรน่ะ? ฉันจะลงไปก่อน แล้วคุณค่อยลงไปทีหลัง อย่าให้พี่สะใภ้ของฉันเห็นเข้าละ”เจียงอิ่งดูลนลานเล็กน้อย ราวกับเด็กน้อยที่แอบขโมยกินปาท่องโก๋เป็นครั้งแรก เหมือนกับกลัวว่าเดินอยู่บนถนนแล้วจะมีคนรู้ว่าตัวเองขโมยปาท่องโก๋“ผมก็มีธุระเหมือนกัน ไปด้วยกันจะกลัวอะไร ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเป็นชู้กับเธอกันหมดนะ” ฉู่เฉินโอบเอวบางของเจียงอิ่งอย่างเหิมเกริม แล้วเดินไปที่หน้าบันไดโดยไม่ฟังคำอธิบาย“คุณจะไปทำอะไร?”เจียงอิ่งพูดพลางดิ้นหนีออกมาจากในอ้อมแขนของฉู่เฉิน เธอกลัวมากจริง ๆ มีคนไป ๆ มา ๆ ทั่วทั้งอาคาร ถ้าเกิดถูกคนอื่นเห็นเข้า เธอคงแย่แน่ ๆ“คิดบัญชี!” ฉู่เฉินเอ่ยอย่างเรียบนิ่งหลิ่วหรูเยียนกับหลิ่วชิงเหอแม่ลูกคู่นี้ ทำไมถึงไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตานะ?เดิมทีช่วงนี้ฉู่เฉินไม่มีความคิดจะไปเก็บดอกเบี้ยแล้ว ปรากฏว่าหลิ่วหรูเยียนรนหาเรื่องให้ได้ เช่นนั้นก็โทษเขาไม่ได้แล้ว ถึงอย่างไรฉู่เฉินก็เป็นคนหนุ่มที่รักษาคำพูด ครั้งก่อนเคยบอกไปแล้วว่าจะให้เธอได้เห็นกับตาถึงฉากใหญ่ที่เขาจัดการหลิ่วชิงเหอ แต่ช่วงนี้เขายุ่งเกินไป ไม่มีเวลาทำตามสัญญามาตลอดวันนี้ทุกสิ่งทุกอย่างมารวมกันครบพอดีเลย
หญิงสาววัยแรกแย้มได้ยินว่าฉู่เฉินเป็นคนตรวจโรคให้นายท่านใหญ่เฉียว สีหน้าที่สงบนิ่งพลันแย้มรอยยิ้มอันมีเสน่ห์ขึ้นมาทันที ก่อนจะยื่นมือเรียวสวยให้ฉู่เฉิน “สวัสดีครับ”ฉู่เฉินจับมือเธออย่างใจกว้างมาก “หมอเทวดาฉู่คะ ท่านนี้คือพี่สะใภ้ของฉัน เจียงถิง เป็นพิธีกรสถานีโทรทัศน์เจียงจงของพวกเรา”ฉู่เฉินพยักหน้าหนัก ๆ แล้วกล่าวว่า “พวกคุณแซ่เดียวกันเหรอ?” หืม?หญิงสาวทั้งสองคนต่างก็อึ้งกับคำถามของฉู่เฉิน แซ่เดียวกัน?ฉู่เฉินชะงักไปครู่หนึ่งแล้วเปลี่ยนวิธีถามว่า “ผมหมายถึงแซ่เจียงกันทั้งนั้นเลย บังเอิญมากเลยนะครับ”“อ๋อ ไม่ใช่ค่ะ ฉันแซ่เจียงที่มาจากคำว่าแม่น้ำค่ะ” เจียงถิงรีบอธิบาย “อ้อ หมายถึงตัวเจียงที่มีน้ำมากมาย” ฉู่เฉินเอ่ยยืนยันอีกครั้ง“แค่ก!” เจียงอิ่งกระแอมไอเบา ๆ แล้วพูดกับเจียงถิงที่กำลังตกตะลึงว่า “คุณฉู่คนนี้พูดจาตลกมากเสมอ คุณอย่าคิดมากเลยนะ” เจียงถิงพยักหน้าเล็กน้อย ยังนึกว่าตัวเองถูกฉู่เฉินมองออกแล้ว คำถามนี้มันมหัศจรรย์เกินไป ที่สำคัญคือฉู่เฉินรู้ได้อย่างไรว่าเป็นปัญหาเรื่องน้ำ?“ได้ งั้นพวกคุณคุยกันก่อนเถอะ ผมยังมีธุระ ถ้ามีวาสนาค่อยพบกันใหม่” ฉู่เฉินก
“กรี๊ดดด...” หลิ่วชิงเหอเจ็บจนหนีบขาสองข้างแน่น มือเล็ก ๆ ที่เดิมทีตั้งใจจะปกป้องสวนลูกแพร์ก็กดลงบนต้นขาขาวดุจหิมะทันทีการลอบโจมตีครั้งนี้มาอย่างไม่ทันตั้งตัว“แกมันไอ้เดรัจฉาน! ฉันจะฆ่าแกให้ได้!” หลังจากเสียงร้องตะโกนของหลิ่วชิงเหอ หลิ่วหรูเยียนที่กำลังเทียบขนาดหน้าอกกับหญิงสาววัยเดียวกันตรงชั้นบนก็ทำหน้าแข็งทื่อฉับพลัน หรือว่าเป็นฉู่เฉิน?!เขาถูกจับตัวไปแล้วไม่ใช่หรือไง?หรือว่าเกิดข้อผิดพลาดทางการแพทย์อะไรขึ้นอีก? เมื่อคิดถึงตรงนี้ หลิ่วหรูเยียนก็รีบสวมชุดนอนกระโปรงแล้วลนลานกระโดดลงจากเตียง เธอถึงขนาดไม่มีเวลาพอที่จะสวมรองเท้าแตะ เท้าขาวนวลเล็ก ๆ วิ่งลงไปข้างล่างด้วยเท้าเปล่าหญิงสาวที่เทียบขนาดหน้าอกกับหลิ่วหรูเยียนคนนั้นก็เอาเสื้อมาคลุมง่าย ๆ ก่อนจะวิ่งตามหลิ่วหรูเยียนไปที่ห้องรับแขก เมื่อเห็นฉู่เฉินที่หน้าประตู หลิ่วหรูเยียนกับหญิงสาวคนนั้นแทบจะตกตะลึงไปพร้อมกัน หลิ่วหรูเยียนไม่อยากจะเชื่อสายตาของตัวเองจริง ๆ วันนี้เธอเห็นกับตาว่าฉู่เฉินถูกเจียงอิ่งพาขึ้นรถเจ้าหน้าที่ตรงหน้าประตูตึกออฟฟิศของซินฉู่ฟาร์มาซูติคอลตะวันยังไม่ตกดิน ทำไมถึงปล่อยตัวออกมาแล้วล่ะ? ห
เนื่องจากตอนบ่ายมาถึงบ้านตระกูลหลิ่ว เธอยังคิดจะฉีดน้ำหอมใส่หน้าของฉู่เฉิน แกล้งฉู่เฉินเล่นสักรอบ แต่หาจนทั่วหนึ่งรอบก็ไม่พบเงาของฉู่เฉินเลย เธอถึงได้ถามหลิ่วหรูเยียนว่าฉู่เฉินอยู่ที่ไหนหลิ่วหรูเยียนไม่ขบคิดอะไรทั้งนั้นก็บอกเธอว่าฉู่เฉินตายไปแล้วตอนนั้นตู้เสี่ยวเยวี่ยยังนึกเสียดาย พอนึกถึงเหตุการณ์ที่สาดน้ำหอมใส่หน้าของฉู่เฉิน เธอก็เพลิดเพลินใจอย่างมาก ฉู่เฉินตายไปแล้วได้อย่างไรกัน?แต่ตอนนี้พอเห็นฉู่เฉินที่ทำสีหน้าเย็นชา ใบหน้ามีรัศมีอำมหิต ตู้เสี่ยวเยวี่ยก็เกิดลางสังหรณ์ที่ไม่ดีขึ้นมาราง ๆ ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ระหว่างคุณน้ารอง ญาติผู้พี่และฉู่เฉินจะไม่ธรรมดาเหมือนอย่างที่เธอจินตนาการไว้โดยเฉพาะเสียงกรีดร้องสองครั้งของหลิ่วชิงเหอเมื่อครู่นี้ ในนั้นยังแฝงความหมายมากเกินไปจริง ๆ “ไม่มีอะไรหรอก อย่าไปฟังเขาพูดจาส่งเดช!” หลิ่วหรูเยียนกัดฟันกรอดจ้องมองฉู่เฉิน แต่ร่างกายกลับถอยหลังติดต่อกันอย่างควบคุมไม่อยู่ฉู่เฉินหัวเราะหยัน มองไปทางหลิ่วหรูเยียนแล้วพูดว่า “เธอน่าจะไม่ได้บอกขั้นตอนการถอนพิษให้เขาฟังใช่ไหม? ไม่เป็นไร ทางฉันมี”ฉู่เฉินพูดพลางล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาจากในกร
ฉู่เฉินหัวเราะหยัน หันหน้าไปมองตู้เสี่ยวเยวี่ยที่อยู่ทางด้านข้าง ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงเย็นชาว่า “เธอแต่งงานมาสองปีแล้วแต่ไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรเลยใช่ไหม?” “นะ...นายรู้ได้ยังไง?”ตู้เสี่ยวเยวี่ยเบิกตาโต มองมาทางฉู่เฉินอย่างไม่อยากจะเชื่อเธอแต่งงานกับหลี่โย่วถังมาเกือบสองปีแล้ว แต่ไม่มีความเคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อยท่าทีของตระกูลหลี่ที่มีต่อเธอก็ไม่ได้อบอุ่นเหมือนในตอนแรกแล้วถึงขนาดที่มีบางครั้ง มารดาหลี่ยังพูดเหน็บแนมเยาะเย้ยใส่ เช่นคำพูดที่ว่า ต่อให้อุ้มแม่ไก่แก่ ๆ กลับมา สองปีก็น่าจะวางไข่ได้แล้วครั้งนี้ตู้เสี่ยวเยวี่ยกลับมาที่เจียงจง ฉากหน้าคือมาเยี่ยมญาติ แต่ความจริงคือเพื่อมาตรวจรักษา เธอไปโรงพยาบาลใหญ่ต่าง ๆ ทั่วเมืองหมอตู ตรวจไปตรวจมาก็ตรวจหาสาเหตุไม่ได้ นี่ถึงทำให้เธอคิดจะกลับมาที่เจียงจงเพื่อหาหมอเทวดาซุนให้ช่วยตรวจโรคให้ นี่ยังไม่ทันได้เจอหมอเทวดาซุนก็ถูกฉู่เฉินมองออกก่อนแล้ว “เพราะเธอเองก็เคยใช้น้ำยาที่ตัวฉันเคยแช่ไว้ น่าเสียดายที่คุณสมบัติร่างกายของเธอพิเศษ ไม่สามารถเพลิดเพลินกับกายาโอสถสวรรค์ได้ ดังนั้นเธอถึงกลายเป็นหมัน”เมื่อฉู่เฉินเอ่ยคำพูดนี้ออกมา ตู้เสี่ยวเ
“ขึ้นมานั่งสิ” ฉู่เฉินเอนตัวนอนบนโต๊ะด้วยใบหน้ายิ้มร้าย แล้วค่อย ๆ หลับตาสองข้าง ภายใต้สายตาตกตะลึงพรึงเพริดอย่างยิ่งของตู้เสี่ยวเยวี่ยกับหลิ่วหรูเยียน หลิวชิงเหอทำตามคำพูดของฉู่เฉินจริง ๆ “ไม่! นี่มันไม่จริง!”หลังจากเสียงตะโกนที่ข่มกลั้นเอาไว้เนิ่นนาน หลิ่วชิงเหอส่งเสียงออกมาจากในลำคอ หลิ่วหรูเยียนเอามือสองข้างกุมหัวนั่งยอง ๆ ลงมา เธอไม่อาจยอมรับความจริงข้อนี้ได้เลย สวะไร้ค่าอย่างฉู่เฉินกลับทำตัวเหิมเกริมแบบนี้กับหลิ่วชิงเหอต่อหน้าเธอ สิ่งที่ทำให้เธอไม่อาจยอมรับได้ยิ่งกว่านั้นคือ หลิ่วชิงเหอยังเป็นฝ่ายเริ่มเองอย่างไรก็ตาม เสียงตะโกนของหลิ่วหรูเยียนถูกเสียงกลองรบที่เร่าร้อนกลบมิดอย่างรวดเร็ว และเสียงกลองรบนี้ยังเป็นสิ่งที่หลิ่วชิงเหอตีขึ้นมาเองตั้งแต่ต้นจนจบ ฉู่เฉินไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย เขาเอาศีรษะหนุนมือสองข้าง ระหว่างที่หลับตาพักผ่อนก็ทำให้หลิ่วชิงเหอทะยานสู่สวรรค์ตู้เสี่ยวเยวี่ยที่ดูอยู่ทางด้านข้างอดกลืนน้ำลายไม่ได้ สบายขนาดนี้เลยเหรอ?อย่าเห็นว่าเธอแต่งงานมาแล้วสองปี แต่เธอไม่เคยลืมตัวแบบหลิ่วชิงเหอ ส่งเสียงร้องดังก้องแบบนี้เลยสักครั้งถึงขนาดที่มีบางครั้งเธอจำ
เวลานี้ ป้าอู๋ที่ซ่อนตัวอยู่ในสวนดอกไม้หลังบ้านตัวสั่นเทิ้มไม่หยุด ขาเรียวยาวที่ขาวดุจหิมะทั้งสองข้างหนีบเข้าหากันแน่น ๆ เสียงกลองรบต่อสู้พัวพันกันอย่างดุเดือดภายในห้องก็เหมือนกับการอัญเชิญที่อันตรายถึงแก่ชีวิตที่สุดสำหรับนักรบเลือดบริสุทธิ์อย่างเธอแต่เธอจำเป็นต้องอดทน ความทรมานเช่นนี้กินเวลาไปสองชั่วโมงกว่าเต็ม ๆ เสียงร้องโวยวายรอบข้างถึงค่อยกลับคืนสู่ความสงบอีกครั้ง “ไปแล้วเหรอ?” ป้าอู๋ตัวสั่น ชะโงกหน้าออกมาจากในพุ่มดอกไม้ มองไปยังลานหน้าบ้านด้วยความร้อนใจจากความปรารถนา อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ปรากฏสู่สายตากลับเป็นยอดเขาสูงตระหง่านที่บดบังสายตาของเธอไว้ “ว๊าย!”ป้าอู๋ตกใจจนสะดุ้งยกใหญ่ ฉู่เฉินมาตั้งแต่เมื่อไหร่? เขาหาเธอเจอได้อย่างไร? ยังไม่ทันที่เธอจะได้สติกลับมา ก็เหมือนถูกภูเขาลูกใหญ่กดทับไว้ข้างล่าง.....จนกระทั่งตะวันลับฟ้า ฉู่เฉินถึงค่อยสวมเสื้อผ้าพลางพูดกับหลิ่วชิงเหอและหลิ่วหรูเยียนสองแม่ลูกว่า “ครั้งนี้แค่สั่งสอนพวกเธอเบา ๆ ฉันไม่อยากให้มีครั้งต่อไปอีก” หลิ่วชิงเหอกัดฟันกรอด จ้องเขม็งไปที่ฉู่เฉินโดยไม่พูดอะไรสักคำส่วนตู้เสี่ยวเยวี่ยที่อยู่ข้าง ๆ ก็รีบกอด
พรืด! อวี้ลู่หัวเราะคิกคักออกมาแล้วเอ่ยว่า “นั่นเป็นเพราะว่าคนอื่นเขาไม่ชินกับการใช้โทรศัพท์มือถือไม่ใช่หรือไง? เอาละ อย่าโมโหเลย ต่อไปจะไม่ทำแล้วตกลงไหม?”ฉู่เฉินถอนหายใจ เขาอยากพูดว่าไม่ แต่ดูเหมือนว่าไม่สามารถต่อต้านได้เลย ในเมื่อต่อต้านไม่ได้ เช่นนั้นก็ทำได้เพียงจำยอม“พูดมาเถอะครับ มาหาผมมีธุระอะไร?”“ก็เพราะเรื่องดอกอัสนีอยู่แล้วสิ”อวี้ลู่เอ่ยอย่างจริงจังมาก “ข้าได้รับข่าวมาแล้วว่าพรุ่งนี้บริษัทประมูลของตระกูลหลินในเมืองหลวงจะมีการประมูลดอกอัสนีหนึ่งต้น เจ้าสามารถไปประมูลมันมาได้เลย”อะไรนะ?ฉู่เฉินมองอวี้ลู่อย่างพิจารณา เขาได้กลิ่นกายที่หอมเย้ายวนของเธอ ก่อนจะเอ่ยปากพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เพื่อนสาวครับ พี่ก็พูดง่ายมากว่าให้ประมูลมันมา แต่พี่รู้ไหมว่าเจ้านั่นมีราคาเท่าไหร่?” ถึงแม้ตอนนี้ฉู่เฉินจะรวยมาก นอกจากนี้เงินฝากในบัญชีส่วนตัวยังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แต่ปัญหาคือต่อให้มีเงินก็ไม่สามารถโยนทิ้งลงในน้ำได้นะ “เมื่อกี้เจ้าเรียกข้าว่าอะไรนะ?” อวี้ลู่ตัดส่วนสำคัญที่สุดในคำพูดของฉู่เฉินทิ้งไป และขมวดคิ้วเอ่ยถาม “เพื่อนสาวไงครับ? หรือจะให้เรียกพี่ว่ายัยนี่?”ฉู่เ