ฉู่เฉินเหลือบมองกวนเหล่ย ดวงตาของเขามีความเกลียดชังปรากฏขึ้นมาชั่วครู่เมื่อกี้ที่เขาทำลงไปนั่นก็เป็นเพราะสวี่เจี๋ยไม่ควรลงไม้ลงมือกับผู้หญิง แต่ว่ากวนเหล่ยก็ทำเกินไปไหม?หากไม่เห็นแก่หน้าอกอวบอั๋นนั้น ฉู่เฉินคงบอกให้เธอเก็บข้าวของออกไปนานแล้ว“ปัญหาของเธอ เธอจัดการเองแล้วกัน”พูดจบฉู่เฉินก็จัดการสวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อย แล้วเดินออกจากห้องทำงานไป“แกหยุดนะ!”สวี่เจี๋ยลุกขึ้นมาจากพื้น มุ่งหน้าไปทางฉู่เฉินเขาไม่เคยแตะต้องกวนเหล่ยเลย แต่กลับถูกฉู่เฉินมาตัดหน้าไปซะได้ เขาไม่สามารถกลืนความอับอายนี้ลงไปได้จริงๆ!ฉู่เฉินเหลือบสายตาเยือกเย็นมองไปที่สวี่เจี๋ย พูดขึ้นมาอย่างเฉยเมยว่า “จำไว้ให้ดี ยอมเข้าไป ยอมจนทุกท้ายไม่เหลืออะไร! ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่แกสมควรได้รับแล้ว!”พูดจบ เขาก็เดินไปที่ลิฟต์โดยไม่ได้สนใจสวี่เจี๋ยที่ยืนตัวแข็งทื่อ ในขณะที่ฉู่เฉินเดินออกมาจากประตูใหญ่ของบริษัท สายเรียกเข้าจากถานหลิงก็ดังขึ้นมา“คุณฉู่คะ ลูกชายของฉันไข้ขึ้นสูงอีกแล้วค่ะ ทำไมเป็นแบบนี้ได้ล่ะคะ? เขาไม่ได้ดีขึ้นแล้วเหรอคะ?”ปลายสายโทรศัพท์มีเสียงวิตกกังวลของถานหลิงดังขึ้นฉู่เฉินหัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่
หลิ่วชิงเหอถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงสั่นคลอนซี้ดๆ !เมื่อได้ยินประโยคนี้ ซุนเซี่ยวเหรินก็สูดลมหายใจเย็นเข้าไป!เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น มีความเป็นไปได้เพียงแค่อย่างเดียวนั่นก็คือซุปถอนพิษของเขาไม่ได้ผลเลยแม้แต่น้อย“ประธานหลิ่ว หากเป็นแบบที่คุณพูดนั่นก็แสดงว่าซุปถอนพิษของผมไม่มีผลต่อพิษที่อยู่ในร่างกายของคุณหนูหลิ่ว”ซุนเซี่ยวเหรินเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วพูดต่อว่า “แทนที่จะยืดเยื้อต่อไปอีก ผมว่ารีบไปเชิญคุณฉู่มาจะไม่ดีกว่าเหรอครับ ไม่ว่าระหว่างพวกคุณจะมีความแค้นใดๆ แต่ชีวิตคนสำคัญที่สุดนะครับ” “หากผมคาดเดาไม่ผิด คุณหนูหลิ่วอาจจะมีชีวิตไม่พ้นคืนนี้แล้ว”อะไรนะ?!เมื่อได้ยินคำพูดของซุนเซี่ยวเหริน ร่างกายของหลิ่วชิงเหอแข็งทื่อ โทรศัพท์ร่วงหล่นลงบนพื้นทันทีตึก!หลิ่วชิงเหอล้มลงบนเตียงอย่างแรง หันหน้าไปมองหลิ่วหรูเยียนที่หายใจรวยริน เธอกัดฟันก้มตัวลงไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา จับโทรศัพท์ในมืออย่างแน่นเธอไม่ยอมหรอกนะ!เธอไม่ยอมที่ถูกไอ้สัตว์เดรัจฉานฉู่เฉินนั่นควบคุมได้ทุกเมื่อหรอก“คุณผู้หญิงคะ โทรหาคุณฉู่ดีไหมคะ คุณคงไม่ปล่อยให้คุณหนูเป็นแบบนี้...”ป้าอู๋อดไม่ได้ที่จะพูดเกลี้ยกล่อมเธอ
“แกว่าอะไรนะ?!”หลิ่วชิงเหอได้ยินเงื่อนไขนี้ของฉู่เฉิน เธอก็บ้าคลั่งทันทีลูกสาวของเธอยังบริสุทธิ์อยู่เลย เธอจะปล่อยให้สัตว์เดรัจฉานแบบฉู่เฉินทำลายหลิ่วหรูเยียนได้อย่างไรอีกอย่างเธอก็ถูกฉู่เฉินย่ำยีมานับทั้งไม่ถ้วน ถ้าแม้แต่หลิ่วหรูเยียนก็...เหตุการณ์สองแม่ลูกใช้ผู้ชายร่วมกัน หลิ่วชิงเหอแทบไม่อยากจะคิดเลย!“ฉันบอกว่านอกจากเธอจะให้ฉันมีอะไรกับหลิ่วหรูเยียน ไม่อย่างนั้นเธอก็รอจัดงานศพได้เลย”น้ำเสียงของฉู่เฉินเย็นเฉียบ ไม่มีความเห็นใจแม้แต่น้อย!ถึงอย่างนั้น มันก็เป็นเพียงการเก็บดอกเบี้ยจากพวกเธอสองแม่ลูกเท่านั้น เมื่อเทียบกับความทรมานทางร่างกายและจิตใจสามปีที่หลิ่วชิงเหอสองลูกแม่ลูกกระทำกับฉู่เฉิน นี่มันนับประสาอะไรได้?“ฉู่เฉิน แกยังมีความเป็นคนอยู่ไหม!”หลิ่วชิงเหอแทบจะกัดฟันแตกแล้ว เธอกำหมัดสีชมพูไว้แน่น ตะโกนด้วยความโมโหว่า “ในชีวิตนี้แกอย่างคิดว่าจะได้แตะต้องแม้แต่เส้นผมของลูกสาวฉัน!”“ตู๊ด!”เสียงที่ตอบกลับหลิ่วชิงเหอมาเป็นเพียงแค่วางสายจากฉู่เฉินเท่านั้นหลิ่วชิงเหอได้ยินเสียงไม่ว่างจากปลายสาย เธอก็ตกอยู่ในความสิ้นหวังไม่ว่าจะอย่างไรเธอก็ไม่สามารถพูดเกลี้ยกล่อมตัว
ในโถงทางเดิน ฉินอวี่ซานที่เพิ่งเดินมาได้ครึ่งทางก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ เสียงนี้ช่างไพเราะเหลือเกิน แต่ทำไมมันถึงฟังดูคุ้นหูนักนะวินาทีต่อมา ในหัวของเธอก็ปรากฏใบหน้าที่เธอไม่สามารถยอมรับได้ขึ้นมา——ถานหลิงแม่คู่หมั้นของเธอ?!เมื่อคิดได้อย่างนั้น ฉินอวี่ซานก็รีบเพิ่มความเร็วของฝีเท้า ในขณะที่เธอกำลังผลักประตูห้องผู้ป่วยนั้น ภาพที่เธอเห็นก็ทำให้เธอแทบจะเกือบลืมหายใจ!“ทำไม... ทำไมเป็นอย่างนี้?”ฉินอวี่ซานตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งผู้หญิงที่กำลังปิดปากและต่อต้านอย่างสุดกำลังไม่ใช่ถานหลิงเหรอ?เธอจะใจกล้าบ้าบิ่นไปแล้วนะ ที่นี่โรงพยาบาลเชียวนะอีกทั้งจางปินก็อยู่ห่างออกไปห้องผู้ป่วยอีกห้องที่ห่างเพียงแค่ไม่กี่ก้าว เธอกล้าทำได้อย่างไรเมื่อดวงตาของเธอค่อยๆ เคลื่อนไปทางฉู่เฉิน เธอก็ตกใจมากยิ่งขึ้นคนนี้ไม่ใช่คนที่มารักษาจางไห่หยางเหรอ?ฉินอวี่ซานที่ตกใจอยู่ก็รีบถอยออกมาจากห้องผู้ป่วย ค่อยๆ ปิดประตู เธอที่ได้ยินเสียงเอี๊ยดอ๊าดที่ยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ หัวใจของเธอเกือบจะทะลักออกมาจากคอหอยแล้ว“คนที่แอบฟังอยู่ข้างหน้าประตูน่าจะเป็นลูกสะใภ้ในอนาคตของเธอใช่ไหม?”ฉู่เฉินพ่นลมหายใจร้อนออกมา พร้อมเ
ฉู่เฉินหัวเราะออกมาเบาๆ “ขอโทษด้วย พอดีฉันเปลี่ยนใจแล้ว”“อะไรนะ?!”หลิ่วชิงเหอรู้สึกเหมือนมีสัตว์ร้ายอยู่ในร่างกายของเธอ และพลังของมันก็พร้อมจะปะทุออกมาแล้ว!“ฉันต้องการปากของเธอ และส่วนล่างนั่นของหลิ่วหรูเยียนเพื่อทำให้ฉันพอใจ”ฉู่เฉินพูดขึ้นมาอย่างเรียบนิ่ง“ฉู่เฉิน แกจะเอาเปรียบคนอื่นเกินไปแล้วนะ!”หลิ่วชิงเหอโกรธจนริมฝีปากเธอคล้ำไปหมด!ฉู่เฉินไอ้สารเลวนี่ หลับนอนกับสองแม่ลูกคงมีแต่มันนั่นแหละที่คิดออกมาได้ฉู่เฉินก้มหน้ามองนาฬิกาข้อมือ แล้วเอ่ยปากว่า “ตอนนี้เป็นเวลาสองทุ่ม ตอนนี้เธอมีเวลาให้พิจารณาอย่างมากก็สี่ชั่วโมง”พูดจบเขาก็ตัดสายไปครั้งนี้หลิ่วชิงเหอระเบิดแล้วจริงๆ เธอขว้างแก้วชาในบ้านแตกจนเหลือเพียงแค่ใบเดียวเมื่อเห็นเหตุการณ์เป็นแบบนี้ ป้าอู๋ก็รีบเข้ามาเกลี้ยกล่อมว่า “คุณผู้หญิง ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาโมโหนะคะ คุณหนูจะตายอยู่แล้วนะคะ”“ไม่ว่าฉู่เฉินจะแสดงเงื่อนไขอะไรก็ต้องตอบรับนะคะ รอให้เขาช่วยคุณหนูได้แล้ว เราค่อยคิดบัญชีกับเขาก็ยังไม่สายค่ะ”เมื่อได้ยินดังนั้น หลิ่วชิงเหอก็ยิ่งโมโห ชี้ไปที่ป้าอู๋แล้วตะคอกว่า “แกรู้ไหมว่าไอ้สัตว์เดรัจฉานนั่นต้องการอะไร?”
“แกพูดมา!”หลิ่วชิงเหอกัดฟันแน่น!เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เธอไม่มีทางจะขัดขืนเขาได้แล้ว เธอทำได้แค่เชื่อฟังสิ่งที่ฉู่เฉินต้องการ“เงื่อนไขนี้ง่ายมาก ก็คือเธอต้องประคองให้ฉันเข้าไปเองกับมือ”เมื่อได้ยินดังนี้ หลิ่วชิงเหอก็แทบจะเลือดขึ้นหน้า!มันเหมือนกับการฆ่าใครสักคนและทำลายจิตวิญญาณของเขาด้วย!แค่ยกลูกสาวให้เธอกระทำชำเราแล้วเขายังไม่พอใจ ยังต้องใช้มือประคองช่วยให้เขาเข้าไปอีก!หลิ่วชิงเหอคิดแค่เพียงแค่ตอนนี้ เธอใกล้จะขาดอากาศหายใจแล้ว!“ได้... ฉัน... รับปากแก!”หลิ่วชิงเหอโกรธจนระหว่างที่พูดก็น้ำเสียงขาดๆ หายๆ ร่างกายของเธอสั่นเทาไปหมดแล้ว!หากตอนนี้เธอมีระเบิดนิวเคลียร์อยู่ในมือ เธอคงไม่ลังเลเลยที่จะเลือกที่จะตายไปพร้อมกับฉู่เฉิน“ถ้าจะเป็นแบบนี้ตั้งแต่แรก ทำไมเธอต้องดันทุรังด้วยล่ะ?” ฉู่เฉินหัวเราะออกมาเบาๆ “ล้างตัวให้สะอาดแล้วรอฉันอยู่ที่บ้าน อ้อ อีกอย่างล้างให้หลิ่วหรูเยียนด้วยล่ะ”พูดจบ ฉู่เฉินก็วางสายไป เขารีบกลับรถมุ่งหน้าไปยังบ้านตระกูลหลิ่วหลิ่วชิงเหอที่วางโทรศัพท์ลงราวกับร่างไร้วิญญาณ เธอมองไปที่หลิ่วหรูเยียนที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย ร่างกายของเธอไร้เรี่ยวแรงกะ
หลิ่วชิงเหอสูดหายใจลึกๆ ข่มกลั้นความโกรธไม่ให้หลุดปากด่าออกไป ก่อนจะฝืนฉีกยิ้มให้ฉู่เฉินฉู่เฉินจ้องพิจารณาหลิ่วชิงเหอ ก่อนจะยิ้มและเอ่ยเสียงเรียบว่า “ทำอย่างนี้แต่แรกก็ดีแล้ว ไม่เห็นต้องขัดขืนเลย สำหรับพวกเธอสองแม่ลูกขัดขืนไปก็เปล่าประโยชน์”พูดจบ เขาก็สาวเท้าเดินเข้าไปในห้องรับแขกป้าอู๋รีบรินน้ำอุ่นๆ ให้ฉู่เฉิน ก่อนจะยกยิ้มเต็มใบหน้า “คุณฉู่ ดื่มน้ำก่อนค่ะ” ฉู่เฉินยิ้มรับน้ำไปจากมือของป้าอู๋ ก่อนจะหันไปพูดกับหลิ่วชิงเหอว่า “เห็นหรือยัง? ต่อไปก็หัดเรียนรู้ไว้ซะบ้าง!”หลิ่วชิงเหอโมโหจนแทบระเบิด ตอนนี้ลูกสาวของเธอเป็นตายร้ายดีอย่างไรยังไม่รู้ ฉู่เฉินกลับมานั่งดื่มน้ำอย่างสบายอารมณ์อยู่ตรงนี้ อยากเร่งก็ไม่กล้าเร่ง อยากตวาดก็ไม่กล้าตวาดความรู้สึกอย่างนี้ ทำให้เธอใกล้คลั่งเต็มทีกระทั่งผ่านไปสิบนาที ฉู่เฉินจึงค่อยลุกขึ้นยืนอย่างเนิบช้า “หลิ่วหรูเยียนเช็ดตัวสะอาดแล้วใช่ไหม?”หลิ่วชิงเหอพยักหน้ารัวๆ และรับคำอย่างอดทน “ฉันอาบน้ำให้เธอตามที่คุณบอกแล้ว ถ้าไม่เชื่อ คุณไปตรวจสอบดูเองก็ได้”ฉู่เฉินเห็นหลิ่วชิงเหอถึงขั้นใช้สรรพนามกับเขาอย่างให้เกียรติ ก็อดแหงนหน้าหัวเราะไม่ได้ถ้าหากสา
ฉู่เฉินยิ้มเย็น “ฉันกำลังช่วยขับเลือดเสียให้เธออยู่ ไม่งั้นเธออาจหายใจไม่ออกแล้วตายไปเลยก็ได้”หลิ่วชิงเหอได้ยินก็รีบยื่นนิ้วไปอังที่จมูกของหลิ่วหรูเยียนซี้ด!เป็นอย่างที่หรูเยียนพูดจริงๆ หลังจากกระอักเลือดเสียออกไป ลมหายใจของหลิ่วหรูเยียนก็เป็นจังหวะสม่ำเสมอขึ้นมากหลิ่วชิงเหอยังไม่ทันได้สติ ฉู่เฉินก็ใช้เข็มเงินอีกเล่มหนึ่งแทงไปที่จุดไป่ฮุ่ยของหลิ่วหรูเยียนเมื่อเข็มเล่มที่สามแทงเข้าไป หลิ่วหรูเยียนที่หมดสติไปหนึ่งวันหนึ่งคืนสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่ ก่อนที่นัยน์ตางามจะเบิกกว้างในวินาทีถัดมา“คุณผู้หญิง คุณหนูฟื้นแล้วค่ะ!”ป้าอู๋พูดด้วยสีหน้าตื่นเต้นหลิ่วชิงเหอจึงเผยรอยยิ้มโล่งใจออกมาในที่สุดหลิ่วหรูเยียนหันไปมองหลิ่วชิงเหออย่างยากลำบาก “แม่… หนู… หนูเป็นไปอะไรไปคะ รู้สึกหนักไปทั้งตัวเลย เหมือน…”เธอยังพูดไม่ทันจบ เงาร่างอันคุ้นเคยร่างหนึ่งก็ปรากฏสู่สายตาฉู่เฉิน?!หลิ่วหรูเยียนเบิกตากว้าง จ้องฉู่เฉินด้วยหน้าตาถมึงทึง “ใครให้แกเข้ามาในบ้านเรา ไสหัวออกไปเลยนะ!”ฉู่เฉินหัวเราะหยัน ก่อนจะชี้ไปที่หลิ่วชิงเหอ แล้วบอกว่า “แม่เธอเชิญฉันมา ไม่เชื่อก็ถามเองสิ”“หรูเยียน เรื่องนี้แม
แม้ว่าจะไม่มีตึกสูง แต่ที่นี่ก็มีสินค้าอุปโภคบริโภคสมัยใหม่บางชนิดจำหน่ายด้วยเหมือนกันหลังจากฟังคำแนะนำของหลิงเสวี่ย ฉู่เฉินก็พยักหน้าและกล่าวว่า “ได้ งั้นไปที่เมืองชิงหลงกันก่อน”อันที่จริง ในด้านหนึ่งฉู่เฉินต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับโลกแห่งการหยั่งรู้ และในอีกด้านหนึ่งก็ต้องการค้นหาวัตถุดิบยาในเมืองชิงหลงด้วยอย่างไรก็ตาม ตอนนี้เจ้าทึ่มก็ถึงคอขวดแล้ว และจำเป็นต้องคิดหาวิธีที่จะเปลี่ยนเขาให้กลายเป็นผีดิบเหินฟ้าโดยเร็วที่สุดไม่อย่างนั้น ฉู่เฉินก็คงจะขาดคู่ซ้อมที่แข็งแกร่งไปคนหนึ่งไม่ใช่เหรอ“คุณจะไปเมืองชิงหลงจริงๆ เหรอ? คุณควรรู้ไว้ว่าตอนนี้คุณในโลกแห่งการหยั่งรู้ก็เหมือนกับเป็นสมบัติที่มีชีวิต ไม่รู้ว่ามีคนจำนวนเท่าไหร่ที่กำลังเล็งคุณอยู่”หลิงเสวี่ยกล่าวพลางขมวดคิ้วแน่นไม่ใช่ว่าเธอเป็นห่วงฉู่เฉินมากขนาดนั้น แต่ถ้าฉู่เฉินตกอยู่ในอันตราย เธอก็จะพลอยเดือดร้อนไปด้วย“เมื่อวานเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนั้น ยังมีใครกล้าคิดร้ายกับผมอีกงั้นเหรอ?”ฉู่เฉินถามด้วยความสงสัยชิ!หลิงเสวี่ยกลอกตามองฉู่เฉินและกล่าวด้วยสีหน้าจนใจ “คุณคิดว่าเหตุการณ์เมื่อวานนี้จะสร้างความฮือฮาได้มากขนาดไหน แม้ว่า
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนอดหน้ามืดไม่ได้ แทบจะเป็นลมคาที่นี่ไม่อาจใช้คำว่ามากเกินไปมาบรรยายฉู่เฉินได้แล้ว ปรมาจารย์ฝืนข่มกลั้นโทสะในใจ เอ่ยด้วยรอยยิ้มฝืน ๆ ว่า “คุณฉู่ คุณไม่คิดว่าข้อเรียกร้องของคุณมันมากเกินไปเลยหรือไง?”“ฆ่าคนก็แค่เอาหัวโขกพื้น คะ...คุณเห็นวังเทียนเจี้ยนของผมรังแกง่ายจริง ๆ เหรอ?” ฉู่เฉินหัวเราะหยัน กวาดตามองปรมารจารย์ว่านเจี้ยนแวบหนึ่งแล้วพูดว่า “รังแกคุณแล้วยังไง? เอาของตามใบรายการนี้มา แล้วผมจะหันกายจากไปโดยไม่พูดอะไรเลย”“ถ้าคุณกล้าพูดคำว่าไม่สักคำละก็ ผมก็มีวิธีทำให้วังเทียนเจี้ยนของคุณหายวับไปกับตา” ข่มขู่ ข่มขู่กันอย่างโจ่งแจ้ง“ไอ้คนแซ่ฉู่ แกเหิมเกริมไปแล้ว...” ไม่รอให้ศิษย์ของวังเทียนเจี้ยนที่อยู่ในห้องโถงใหญ่เอ่ยปาก ปรมารจารย์ว่านเจี้ยนก็รีบยกมือห้ามเอ่ยว่า “หุบปากให้หมด!” หลังจากผ่านเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อวาน เวลานี้ปรมารจารย์ว่านเจี้ยรไม่สงสัยความสามารถของฉู่เฉินเลยสักนิดเดียวอย่างแย่ที่สุด ฉู่เฉินก็สามารถลากวังเทียนเจี้ยนให้ตายตกตามกันได้ต้องรีบไล่ตัวซวยคนนี้ออกไปโดยเร็วที่สุดถุงจะถูกเมื่อคิดได้ดังนั้น ปรมาจ
ไม่อย่างนั้น เธอก็คงไม่มีทางกระโดดจากสาวใช้ธรรมดา ๆ กลายเป็นสุดยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานชั้นแปดภายในระยะเวลาห้าปีสั้น ๆ หรอก แต่ว่าฉู่เฉินรู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไร?เมื่อเห็นหลิงเสวี่ยตะลึงจนพูดไม่ออก ฉู่เฉินก็แหงนหน้าหัวเราะเสียงดังแล้วพูดว่า “ดูท่าจะตรงตามที่ผมเดาไว้จริง ๆ ปรมาจารย์คนดีของคุณอยากเลี้ยงคุณจนสมบูรณ์แล้วค่อยดูดกลืนคุณจนแห้งไงละ” เมื่อหลิงเสวี่ยได้ยินคำพูดนี้ พลันร้อนใจขึ้น ถลึงตามองฉู่เฉินอย่างเย็นชาและกล่าว “ฉู่เฉิน ห้ามคุณพูดจาเหลวไหลนะ”ถึงแม้ว่าปรมาจารย์ว่านเจี้ยนจะเห็นเธอเป็นของชิ้นหนึ่ง มอบเธอให้ฉู่เฉิน แต่ว่าสำนักเคยมีบุญคุณกับเธอจริง ๆ“พูดจาเหลวไหล? กลัวว่าคุณโดนคนอื่นขายแล้ว ยังช่วยเขานับเงินด้วยละมั้ง?”ฉู่เฉินหัวเราะหยัน จากนั้นก็อธิบายวิชาบำเพ็ญคู่ให้ฟังสั้น ๆ และบอกเรื่องคุณสมบัติร่างกายพิเศษอย่างร่างธาตุสวรรค์บริสุทธิ์ว่ามีประโยชน์มากเท่าไหร่ต่อผู้ฝึกวิชาบำเพ็ญคู่ให้ฟังตามความเป็นจริง หลังจากฟังคำพูดนี้ของฉู่เฉินจบก็ทำลายสามมุมมองของหลิงเสวี่ยอย่างแท้จริง “เป็นไปไม่ได้ ต้องไม่ใช่ความจริงแน่นอน ท่านปรมาจารย์มักจะสอนพวกเราว่าผู้บำเพ็ญเพียนต้องทำ
ถึงแม้ว่าในใจของปรมาจารย์ว่านเจี้ยนจะไม่เต็มใจอย่างยิ่ง แต่ก็ทำได้เพียงปล่อยให้ฉู่เฉินจูงมือหลิงเสวี่ยเดินเข้าไปในเรือนเจ้าสำนักที่เขาอาศัยอยู่ ในตอนที่ฉู่เฉินปิดประตูห้องจนสนิท พวกศิษย์ของวังเทียนเจี้ยนต่างก็เผยสีหน้าเจ็บปวดและไม่ยินยอมออกมาจบแล้ว!เทพธิดาในใจของพวกเขา น้องศิษย์เล็กที่พวกเขาเฝ้าปรารถนา โดนไอ้เดรัจฉานฉู่เฉินย่ำยีแบบนี้แล้วเมื่อผลักประตูเดินเข้าไปในห้องนอนด้านใน ฉู่เฉินก็อดตื่นตาตื่นใจไม่ได้ไอ้แก่ตายยากอย่างปรมาจารย์ว่านเจี้ยนคนนี้เสพสุขเก่งจริง ๆ บนเตียงหยกน้ำแข็งมีอุปกรณ์ของเล่นต่าง ๆ ครบครัน นอกจากนี้ยังมีหมอนรองเอวโดยเฉพาะอีกด้วยไอ้เชี่ยนี่ เฒ่าหัวงูถึงจะเป็นคนตัณหากลับ จริง ๆ เมื่อเห็นเฟอร์นิเจอร์ในห้องปรมาจารย์ว่านเจี้ยน หลิงเสวี่ยก็อดขมวดคิ้วไม่ได้พลางกล่าวว่า “ทำไมในห้องของปรมาจารย์ถึงจะมีหมอนสองใบล่ะ อีกอย่าง ทำไมหมอนใบนี้ดูไปแล้ว ไม่ค่อยเหมือนเลย?” หลิงเสวี่ยพูดพลางเอื้อมมือจะไปหยิบหมอนรองเอวใบนั้นขึ้นมา แต่โดนฉู่เฉินขวางไว้ทันที“อีกเดี๋ยวคุณก็จะรู้เองว่าหมอนใบนี้เอาไว้ใช้ทำอะไร เข้ามาสิ”ระหว่างที่พูด ฉู่เฉินก็ดึงหลิงเสวี่ยให้นั่งลงข้างเตียง
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ พวกว่านโซ่วเซียนเวิงก็ถอนหายใจติดต่อกันด้วยสีหน้าเสียดายในตอนนี้เอง แผ่นกระดาษสีขาวที่เขียนตำรับยาสร้างกล้ามเนื้อพลันลอยมาจากในวังเทียนเจี้ยน“ผู้อาวุโสทั้งหลาย ขอบคุณครับ”วินาทีต่อมา เสียงของฉู่เฉินดังออกมาจากห้องโถงใหญ่ของวังเทียนเจี้ยนพวกว่านโซ่วเซียนเวิงรับสูตรยาที่ฉู่เฉินส่งมา ก่อนจะมองไปทางตำหนักหลักของวังเทียนเจี้ยนอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง“พวกเราไปกันเถอะ”ว่านโซ่วเซียนเวิงคัดลอกสูตรยาไว้หนึ่งชุด แล้วก็พาลูกศิษย์แห่งสำนักว่านเซียนหันกายเดินจากไป“เหอะ ๆ... ไอ้หนูมีน้ำใจแล้ว ถือว่าฉันติดหนี้บุญคุณเธอแล้ว ไว้พบกันใหม่”ผู้เฒ่าเทียนเสวียนก็คว้าสูตรยามาเช่นกันก่อนจะคัดลอกทันที จากนั้นเขาก็หันกายพาหลินเจี้ยนเฟิงลอยจากไปไม่นานนัก ผู้คนที่มามุงดูความคึกคักรอบนอกวังเทียนเจี้ยนก็ทยอยกันแยกย้ายไปหมดฉู่เฉินมองปรมาจารย์ว่านเจี้ยนที่หน้าแดงก่ำดูอับอายอย่างยิ่งยวด ก่อนจะหัวเราะหยันแล้วพูดว่า “เมื่อกี้คุณบอกว่าใครใกล้ตายนะ?”ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนมองฉู่เฉินพลางกัดฟันกรอด แม้ว่าตอนนี้ภัยคุกคามของวังเทียนเจี้ยนจะถูกขจัดไปแล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่กล้าแตะต้องฉู่เฉ
เวลานี้เอง ทุกคนในเหตุการณ์ตกใจจนเหงื่อแตกพลั่ก ไม่มีใครคาดคิดว่าลู่ชิงเฟิงจะโกรธจริง ๆนอกจากนี้ ประตูใหญ่ของวังเทียนเจี้ยนโดนทำลาย วันหน้าสถานะของวังเทียนเจี้ยนในหมู่สำนักรอบนอกภูเขาหลางจวีซวีย่อมลดลงไปอีกขั้นอย่างแน่นอแม้ว่าปรมาจารย์ว่านเจี้ยนในตอนนี้จะร้องทุกข์มิรู้วาย แต่ก็ไม่กล้าแสดงสีหน้าไม่พอใจเลยสักนิดเดียวเวลานี้จื่อเยว่ที่อยู่ท่ามกลางฝูงชนก็ต้องชื่นชมความโชคดีของฉู่เฉินเช่นกันถึงแม้ความสามารถของเขาจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่อาศัยสติปัญญาและแผนการเรียกยอดคนอย่างลู่ชิงเฟิงออกมายืนอยู่ฝ่ายเขาได้นับว่าผ่านด่านยากตรงหน้าได้ชั่วคราวแล้วจริง ๆ “ศิษย์พี่หญิง ฉู่เฉินคงไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับลู่ชิงเฟิงใช่ไหม?”หลิงรั่วกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก ก่อนจะเอ่ยถามเสียงเบา“เกี่ยวข้องกับลู่ชิงเฟิง? ไม่มีทางหรอก!”จื่อเยว่หัวเราะหยันพลางส่ายศีรษะลู่ชิงเฟิงนั้นเป็นบุคคลอันดับหนึ่งของวังเต๋าคุนหลุน ถึงแม้จะไม่ใช่เจ้าสำนัก แต่ในวังเต๋าคุนหลุน นอกจากผู้เฒ่าผู้แก่ที่ปลีกวิเวกไม่ออกมาเหล่านั้นแล้ว เขาก็เป็นตัวแทนพลังรบสูงสุดเลยก็ว่าได้แม้ว่าฉู่เฉินเพียงแค่รู้จักลู่ชิงเฟิงเท่านั้น แ
มันอยู่เหนือระดับที่พวกเขาสามารถประมาณค่าได้ไปแล้ว!นักพรตแห่งน้ำไฟผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานเมื่อกี้ ตอนนี้ก็เหงื่อเย็นแตกพลั่ก ไม่กล้าแม้แต่จะปฏิเสธแม้แต่คำเดียวเมื่อเห็นฉากนี้ สีหน้าของปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็เปลี่ยนไปทันที มองสำรวจฉู่เฉินด้วยรอยยิ้มเยาะและกล่าวว่า “เจ้าหนู ดูเหมือนว่าการคำนวณของมนุษย์จะสู้การคำนวณของสวรรค์ไม่ได้จริงๆ คุณคงไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลยใช่ไหมล่ะ”“ยังกล้าให้ฉันมอบศิษย์ไปอุ่นเตียงให้แกอีกเหรอ? หึ!”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็แค่นเสียงเย็นและกล่าวว่า “ฉันแนะนำให้แกรีบส่งหยกโลหิตกิเลนมา แล้วฆ่าตัวตายรชดใช้ความผิดต่อหน้าฉันซะ ไม่งั้น...”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ในดวงตาของปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็ระเบิดรังสีอำมหิตออกมาสองสายสถานการณ์พลิกผันเร็วเกินไป จนกระทั่งหลิงเสวี่ยยังไม่ได้สติ แต่ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนไม่เปลี่ยนสีหน้าเร็วเกินไปหน่อยเหรอ?ฉู่เฉินหรี่ตาลงและกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “คุณแน่ใจเหรอ?”“หึ เจ้าหนู ใกล้ตายแล้ว อย่าดิ้นรนไปให้เปลืองแรงเลย!”ขณะกล่าว ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็ชักกระบี่ออกมาทันที กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวของผู้แข็งแกร่งระดับควบแ
หลิงเสวี่ยมองปรมาจารย์ว่านเจี้ยนผู้เป็นดั่งเทพเจ้าในใจของเธอ ที่ขณะนี้กลับกำลังก้มหัวคำนับให้ฉู่เฉิน ความรู้สึกก็ซับซ้อนอย่างยิ่งหรือเป็นอย่างที่ฉู่เฉินเคยกล่าวไว้ ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนที่เธอเคารพราวเทพเจ้ามาโดยตลอด ช่างดูเล็กจ้อยราวกับมดตัวหนึ่งจริงเหรอ?เธอไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า แต่ทั้งหมดนี้ เธอก็เถียงไม่ออก“ปะ… ปรมาจารย์…”น้ำตาของหลิงเสวี่ยไหลพรากลงมาแต่เธอไม่ได้ร้องไห้ให้ปรมาจารย์ว่านเจี้ยน แต่เป็นความเชื่อของตนที่ยึดมั่นมาหลายปี ที่ในเวลานี้มันพังทลายลงอย่างสิ้นเชิง“ปรมาจารย์?”ฉู่เฉินจ้องปรมาจารย์ว่านเจี้ยนอย่างเย็นชา ก่อนสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าวว่า “งั้นผมขอถามคุณหน่อยว่าคุณส่งพ่อแม่ของผมไปให้ใครต่อ”ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนค่อยๆ เงยหน้าขึ้น มองไปที่ฉู่เฉินแล้วกล่าวว่า “คุณฉู่ คุณอย่าถามเลย ผมพูดไม่ได้ แค่ผมพูดตัวตนของอีกฝ่ายออกมาก็จะระเบิดเป็นหมอกโลหิตทันที”ซี้ด ซี้ด!เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ฉู่เฉินก็ชะงักไปครู่หนึ่ง แต่ก็เข้าใจทันทีว่าปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็ถูกคนลงยันต์คุมวิญญาณเช่นกัน ตราบใดที่เอ่ยตัวตนของอีกฝ่ายออกมา ก็จะระเบิดกลายเป็นหมอกโลหิตเหมือนกับเกาเซ
ประตูหินหมื่นชั่งที่แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยอยู่แล้ว หลังจากเหตุการณ์นี้ก็ยิ่งสั่นคลอนมากขึ้นไปอีกเมื่อเห็นว่าประตูกำลังจะถูกทำลาย ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็ร้อนใจแทบจะกระอักเลือดออกมาแต่ในขณะนี้ ว่านโซ่วเซียนเวิงและคนอื่นๆ ที่โจมตีมานานแต่ยังไม่สำเร็จ ก็เรียกเทพสังหารและคนอื่นๆ ให้เข้าร่วมการต่อสู้ด้วยพลังอันน่าสะพรึงกลัวนับไม่ถ้วนถาโถมเข้าใส่ประตูหินหมื่นชั่ง และศิษย์จำนวนไม่น้อยที่เฝ้าดูแลประตูหินหมื่นชั่งก็ถูกแรงสั่นสะเทือนกระแทกจนเลือดสาดแม้แต่ศิษย์พี่ใหญ่ถานเฟิงยังกระอักเลือดล้มลง หมดเรี่ยวแรงในขณะนี้ ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็หวาดกลัวขึ้นมาแล้วจริงๆถ้าประตูภูเขาถูกทำลายลงและว่านโซ่วเซียนเวิงและพวกพ้องไม่ได้รับหยกโลหิตกิเลน แน่นอนว่าจะต้องระบายความโกรธกับศิษย์ของวังเทียนเจี้ยนและทั้งวังเทียนเจี้ยนคงต้องนองไปด้วยเลือดเป็นแน่“คุณ...คุณฉู่ ขอร้องคุณแล้ว รีบออกไปจากที่นี่เถิด วิหารของวังเทียนเจี้ยนของผมเล็กเกินไปที่จะรองรับคนใหญ่คนโตเช่นคุณได้”ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนคุกเข่าลงพร้อมอ้อนวอนน้ำตานองหน้าเมื่อเห็นฉากนี้ หลิงเสวี่ยสับสนไปหมดแล้วทุกอย่างเป็นไปตามที่ฉู่เฉินกล่าวไว้จริงๆ