“แกว่าอะไรนะ?!”หลิ่วชิงเหอได้ยินเงื่อนไขนี้ของฉู่เฉิน เธอก็บ้าคลั่งทันทีลูกสาวของเธอยังบริสุทธิ์อยู่เลย เธอจะปล่อยให้สัตว์เดรัจฉานแบบฉู่เฉินทำลายหลิ่วหรูเยียนได้อย่างไรอีกอย่างเธอก็ถูกฉู่เฉินย่ำยีมานับทั้งไม่ถ้วน ถ้าแม้แต่หลิ่วหรูเยียนก็...เหตุการณ์สองแม่ลูกใช้ผู้ชายร่วมกัน หลิ่วชิงเหอแทบไม่อยากจะคิดเลย!“ฉันบอกว่านอกจากเธอจะให้ฉันมีอะไรกับหลิ่วหรูเยียน ไม่อย่างนั้นเธอก็รอจัดงานศพได้เลย”น้ำเสียงของฉู่เฉินเย็นเฉียบ ไม่มีความเห็นใจแม้แต่น้อย!ถึงอย่างนั้น มันก็เป็นเพียงการเก็บดอกเบี้ยจากพวกเธอสองแม่ลูกเท่านั้น เมื่อเทียบกับความทรมานทางร่างกายและจิตใจสามปีที่หลิ่วชิงเหอสองลูกแม่ลูกกระทำกับฉู่เฉิน นี่มันนับประสาอะไรได้?“ฉู่เฉิน แกยังมีความเป็นคนอยู่ไหม!”หลิ่วชิงเหอแทบจะกัดฟันแตกแล้ว เธอกำหมัดสีชมพูไว้แน่น ตะโกนด้วยความโมโหว่า “ในชีวิตนี้แกอย่างคิดว่าจะได้แตะต้องแม้แต่เส้นผมของลูกสาวฉัน!”“ตู๊ด!”เสียงที่ตอบกลับหลิ่วชิงเหอมาเป็นเพียงแค่วางสายจากฉู่เฉินเท่านั้นหลิ่วชิงเหอได้ยินเสียงไม่ว่างจากปลายสาย เธอก็ตกอยู่ในความสิ้นหวังไม่ว่าจะอย่างไรเธอก็ไม่สามารถพูดเกลี้ยกล่อมตัว
ในโถงทางเดิน ฉินอวี่ซานที่เพิ่งเดินมาได้ครึ่งทางก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ เสียงนี้ช่างไพเราะเหลือเกิน แต่ทำไมมันถึงฟังดูคุ้นหูนักนะวินาทีต่อมา ในหัวของเธอก็ปรากฏใบหน้าที่เธอไม่สามารถยอมรับได้ขึ้นมา——ถานหลิงแม่คู่หมั้นของเธอ?!เมื่อคิดได้อย่างนั้น ฉินอวี่ซานก็รีบเพิ่มความเร็วของฝีเท้า ในขณะที่เธอกำลังผลักประตูห้องผู้ป่วยนั้น ภาพที่เธอเห็นก็ทำให้เธอแทบจะเกือบลืมหายใจ!“ทำไม... ทำไมเป็นอย่างนี้?”ฉินอวี่ซานตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งผู้หญิงที่กำลังปิดปากและต่อต้านอย่างสุดกำลังไม่ใช่ถานหลิงเหรอ?เธอจะใจกล้าบ้าบิ่นไปแล้วนะ ที่นี่โรงพยาบาลเชียวนะอีกทั้งจางปินก็อยู่ห่างออกไปห้องผู้ป่วยอีกห้องที่ห่างเพียงแค่ไม่กี่ก้าว เธอกล้าทำได้อย่างไรเมื่อดวงตาของเธอค่อยๆ เคลื่อนไปทางฉู่เฉิน เธอก็ตกใจมากยิ่งขึ้นคนนี้ไม่ใช่คนที่มารักษาจางไห่หยางเหรอ?ฉินอวี่ซานที่ตกใจอยู่ก็รีบถอยออกมาจากห้องผู้ป่วย ค่อยๆ ปิดประตู เธอที่ได้ยินเสียงเอี๊ยดอ๊าดที่ยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ หัวใจของเธอเกือบจะทะลักออกมาจากคอหอยแล้ว“คนที่แอบฟังอยู่ข้างหน้าประตูน่าจะเป็นลูกสะใภ้ในอนาคตของเธอใช่ไหม?”ฉู่เฉินพ่นลมหายใจร้อนออกมา พร้อมเ
ฉู่เฉินหัวเราะออกมาเบาๆ “ขอโทษด้วย พอดีฉันเปลี่ยนใจแล้ว”“อะไรนะ?!”หลิ่วชิงเหอรู้สึกเหมือนมีสัตว์ร้ายอยู่ในร่างกายของเธอ และพลังของมันก็พร้อมจะปะทุออกมาแล้ว!“ฉันต้องการปากของเธอ และส่วนล่างนั่นของหลิ่วหรูเยียนเพื่อทำให้ฉันพอใจ”ฉู่เฉินพูดขึ้นมาอย่างเรียบนิ่ง“ฉู่เฉิน แกจะเอาเปรียบคนอื่นเกินไปแล้วนะ!”หลิ่วชิงเหอโกรธจนริมฝีปากเธอคล้ำไปหมด!ฉู่เฉินไอ้สารเลวนี่ หลับนอนกับสองแม่ลูกคงมีแต่มันนั่นแหละที่คิดออกมาได้ฉู่เฉินก้มหน้ามองนาฬิกาข้อมือ แล้วเอ่ยปากว่า “ตอนนี้เป็นเวลาสองทุ่ม ตอนนี้เธอมีเวลาให้พิจารณาอย่างมากก็สี่ชั่วโมง”พูดจบเขาก็ตัดสายไปครั้งนี้หลิ่วชิงเหอระเบิดแล้วจริงๆ เธอขว้างแก้วชาในบ้านแตกจนเหลือเพียงแค่ใบเดียวเมื่อเห็นเหตุการณ์เป็นแบบนี้ ป้าอู๋ก็รีบเข้ามาเกลี้ยกล่อมว่า “คุณผู้หญิง ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาโมโหนะคะ คุณหนูจะตายอยู่แล้วนะคะ”“ไม่ว่าฉู่เฉินจะแสดงเงื่อนไขอะไรก็ต้องตอบรับนะคะ รอให้เขาช่วยคุณหนูได้แล้ว เราค่อยคิดบัญชีกับเขาก็ยังไม่สายค่ะ”เมื่อได้ยินดังนั้น หลิ่วชิงเหอก็ยิ่งโมโห ชี้ไปที่ป้าอู๋แล้วตะคอกว่า “แกรู้ไหมว่าไอ้สัตว์เดรัจฉานนั่นต้องการอะไร?”
“แกพูดมา!”หลิ่วชิงเหอกัดฟันแน่น!เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เธอไม่มีทางจะขัดขืนเขาได้แล้ว เธอทำได้แค่เชื่อฟังสิ่งที่ฉู่เฉินต้องการ“เงื่อนไขนี้ง่ายมาก ก็คือเธอต้องประคองให้ฉันเข้าไปเองกับมือ”เมื่อได้ยินดังนี้ หลิ่วชิงเหอก็แทบจะเลือดขึ้นหน้า!มันเหมือนกับการฆ่าใครสักคนและทำลายจิตวิญญาณของเขาด้วย!แค่ยกลูกสาวให้เธอกระทำชำเราแล้วเขายังไม่พอใจ ยังต้องใช้มือประคองช่วยให้เขาเข้าไปอีก!หลิ่วชิงเหอคิดแค่เพียงแค่ตอนนี้ เธอใกล้จะขาดอากาศหายใจแล้ว!“ได้... ฉัน... รับปากแก!”หลิ่วชิงเหอโกรธจนระหว่างที่พูดก็น้ำเสียงขาดๆ หายๆ ร่างกายของเธอสั่นเทาไปหมดแล้ว!หากตอนนี้เธอมีระเบิดนิวเคลียร์อยู่ในมือ เธอคงไม่ลังเลเลยที่จะเลือกที่จะตายไปพร้อมกับฉู่เฉิน“ถ้าจะเป็นแบบนี้ตั้งแต่แรก ทำไมเธอต้องดันทุรังด้วยล่ะ?” ฉู่เฉินหัวเราะออกมาเบาๆ “ล้างตัวให้สะอาดแล้วรอฉันอยู่ที่บ้าน อ้อ อีกอย่างล้างให้หลิ่วหรูเยียนด้วยล่ะ”พูดจบ ฉู่เฉินก็วางสายไป เขารีบกลับรถมุ่งหน้าไปยังบ้านตระกูลหลิ่วหลิ่วชิงเหอที่วางโทรศัพท์ลงราวกับร่างไร้วิญญาณ เธอมองไปที่หลิ่วหรูเยียนที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย ร่างกายของเธอไร้เรี่ยวแรงกะ
หลิ่วชิงเหอสูดหายใจลึกๆ ข่มกลั้นความโกรธไม่ให้หลุดปากด่าออกไป ก่อนจะฝืนฉีกยิ้มให้ฉู่เฉินฉู่เฉินจ้องพิจารณาหลิ่วชิงเหอ ก่อนจะยิ้มและเอ่ยเสียงเรียบว่า “ทำอย่างนี้แต่แรกก็ดีแล้ว ไม่เห็นต้องขัดขืนเลย สำหรับพวกเธอสองแม่ลูกขัดขืนไปก็เปล่าประโยชน์”พูดจบ เขาก็สาวเท้าเดินเข้าไปในห้องรับแขกป้าอู๋รีบรินน้ำอุ่นๆ ให้ฉู่เฉิน ก่อนจะยกยิ้มเต็มใบหน้า “คุณฉู่ ดื่มน้ำก่อนค่ะ” ฉู่เฉินยิ้มรับน้ำไปจากมือของป้าอู๋ ก่อนจะหันไปพูดกับหลิ่วชิงเหอว่า “เห็นหรือยัง? ต่อไปก็หัดเรียนรู้ไว้ซะบ้าง!”หลิ่วชิงเหอโมโหจนแทบระเบิด ตอนนี้ลูกสาวของเธอเป็นตายร้ายดีอย่างไรยังไม่รู้ ฉู่เฉินกลับมานั่งดื่มน้ำอย่างสบายอารมณ์อยู่ตรงนี้ อยากเร่งก็ไม่กล้าเร่ง อยากตวาดก็ไม่กล้าตวาดความรู้สึกอย่างนี้ ทำให้เธอใกล้คลั่งเต็มทีกระทั่งผ่านไปสิบนาที ฉู่เฉินจึงค่อยลุกขึ้นยืนอย่างเนิบช้า “หลิ่วหรูเยียนเช็ดตัวสะอาดแล้วใช่ไหม?”หลิ่วชิงเหอพยักหน้ารัวๆ และรับคำอย่างอดทน “ฉันอาบน้ำให้เธอตามที่คุณบอกแล้ว ถ้าไม่เชื่อ คุณไปตรวจสอบดูเองก็ได้”ฉู่เฉินเห็นหลิ่วชิงเหอถึงขั้นใช้สรรพนามกับเขาอย่างให้เกียรติ ก็อดแหงนหน้าหัวเราะไม่ได้ถ้าหากสา
ฉู่เฉินยิ้มเย็น “ฉันกำลังช่วยขับเลือดเสียให้เธออยู่ ไม่งั้นเธออาจหายใจไม่ออกแล้วตายไปเลยก็ได้”หลิ่วชิงเหอได้ยินก็รีบยื่นนิ้วไปอังที่จมูกของหลิ่วหรูเยียนซี้ด!เป็นอย่างที่หรูเยียนพูดจริงๆ หลังจากกระอักเลือดเสียออกไป ลมหายใจของหลิ่วหรูเยียนก็เป็นจังหวะสม่ำเสมอขึ้นมากหลิ่วชิงเหอยังไม่ทันได้สติ ฉู่เฉินก็ใช้เข็มเงินอีกเล่มหนึ่งแทงไปที่จุดไป่ฮุ่ยของหลิ่วหรูเยียนเมื่อเข็มเล่มที่สามแทงเข้าไป หลิ่วหรูเยียนที่หมดสติไปหนึ่งวันหนึ่งคืนสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่ ก่อนที่นัยน์ตางามจะเบิกกว้างในวินาทีถัดมา“คุณผู้หญิง คุณหนูฟื้นแล้วค่ะ!”ป้าอู๋พูดด้วยสีหน้าตื่นเต้นหลิ่วชิงเหอจึงเผยรอยยิ้มโล่งใจออกมาในที่สุดหลิ่วหรูเยียนหันไปมองหลิ่วชิงเหออย่างยากลำบาก “แม่… หนู… หนูเป็นไปอะไรไปคะ รู้สึกหนักไปทั้งตัวเลย เหมือน…”เธอยังพูดไม่ทันจบ เงาร่างอันคุ้นเคยร่างหนึ่งก็ปรากฏสู่สายตาฉู่เฉิน?!หลิ่วหรูเยียนเบิกตากว้าง จ้องฉู่เฉินด้วยหน้าตาถมึงทึง “ใครให้แกเข้ามาในบ้านเรา ไสหัวออกไปเลยนะ!”ฉู่เฉินหัวเราะหยัน ก่อนจะชี้ไปที่หลิ่วชิงเหอ แล้วบอกว่า “แม่เธอเชิญฉันมา ไม่เชื่อก็ถามเองสิ”“หรูเยียน เรื่องนี้แม
ฉู่เฉินยิ้มเย็น ก่อนจะหันไปพูดกับหลิ่วชิงเหอว่า “เมื่อกี้หลิ่วชิงเหอบอกชัดแล้วนี่ ถ้าจะแก้พิษให้เธอ จำเป็นต้องทำลายความบริสุทธิ์ของเธอซะ”“ถ้าไม่อยากตายก็ว่าง่ายหน่อย ความอดทนของฉันมีขีดจำกัดนะ”ได้ยินอย่างนั้น หลิ่วหรูเยียนถึงเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเมื่อกี้หลิ่วชิงเหอพูดเองกับปาก ถ้าจะแก้พิษให้เธอ ก็จำเป็นต้องทำลายความบริสุทธิ์ของเธอ!แต่เธอรับไม่ได้ที่ร่างกายของเธอจะต้องแปดเปื้อนเพราะฉู่เฉิน!“ไม่… ถึงตายฉันก็จะไม่ให้แกแตะต้องตัวฉัน!”หลิ่วหรูเยียนปกป้องหน้าอกอันขาวอิ่มของตัวเองสุดกำลัง เธอส่ายหน้า และตวาดเสียงดังหลิ่วชิงเหอเห็นอย่างนั้นก็หันไปมองฉู่เฉิน “ไม่มีวิธีอื่นแล้วเหรอ?”ฉู่เฉินแหงนหน้าหัวเราะ “อยากแก้พิษก็มีแค่วิธีนี้วิธีเดียว อีกอย่าง ไม่ใช่แค่ครั้งเดียวก็จะแก้พิษได้หมด ใครให้พวกเธอสองแม่ลูกโลภมากขนาดนี้ แช่น้ำยาสามปี ย่อมมีราคาที่ต้องจ่ายอยู่แล้ว”“แกว่าไงนะ?”หลิ่วชิงเหอกับหลิ่วหรูเยียนอึ้งค้าง ไม่ได้แก้พิษได้ภายในครั้งเดียว?นี่หรือต้องโดนฉู่เฉินย่ำยีอีกหลายครั้ง?หลิ่วหรูเยียนสีหน้าย่ำแย่สุดขีดฉู่เฉินในสายตาของเธอเป็นแค่คนพิการคนหนึ่ง คนที่ไม่ใช่แม้กระทั่งผู้ชา
เธอต้องสมบูรณ์แบบไร้ที่ติเท่านั้น ถึงจะคู่ควรกับผู้ชายที่ยอดเยี่ยมอย่างราชันมังกรแต่ตอนนี้ เธอกลับต้องถูกไอ้พิการฉู่เฉินทำให้แปดเปื้อน!ไม่ว่าอย่างไร เธอก็รับไม่ได้ที่จะต้องเดินเข้าพิธีแต่งงานกับราชันมังกรด้วยร่างกายที่ไม่บริสุทธิ์เห็นอย่างนั้นก็เถอะ ถึงแม้ปกติหลิ่วหรูเยียนจะแต่งตัวเปิดเผย หรือถึงขั้นเรียกได้ว่าเซ็กซี่เกินต้าน แต่ลึกๆ ข้างในแล้วเธอเป็นคนรักนวลสงวนตัวมากแต่ก่อนที่เธอยอมให้ฉู่เฉินดูเธออาบน้ำ กระทั่งยังเหยียดหยามฉู่เฉินเหมือนไม่ใช่ผู้ชาย นั่นเป็นเพราะฉู่เฉินได้สูญเสียสมรรถภาพพื้นฐานของเพศชายไปแล้วอีกอย่าง ขอแค่ค้นพบตัวยาใหม่ได้สำเร็จ ฉู่เฉินก็ไร้ประโยชน์ พวกเธอจะฆ่ามันเมื่อไรก็ได้ถ้าเป็นแบบนั้น แทบไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่มันจะย่ำยีความบริสุทธิ์ของเธอเลยด้วยซ้ำแต่ตอนนี้ ไม่ว่าเธอจะยินยอมหรือไม่ เธอก็ได้หักหลังราชันมังกรไปแล้วแค่นึกถึงเรื่องพวกนี้ หัวใจของหลิ่วหรูเยียนก็แทบจะสลายแล้ว“หรูเยียน ยัยเด็กโง่ ขอแค่ลูกไม่พูด ราชันมังกรจะรู้ได้ยังไงว่าลูกเคยมีอะไรกับคนอื่นแล้ว? อีกอย่าง นี่ก็ยุคสมัยไหนแล้ว ใครยังจะมาใส่ใจเรื่องความบริสุทธิ์อะไรนี่อีก!”“ขอแค่เขารักล
ชายหนุ่มที่เพิ่งปรากฏตัวคือถังเทียนอวี่ ยอดอัจฉริยะรุ่นเยาว์แห่งตระกูลถังในอวิ๋นเฉิง“นั่นคือยอดอัจฉริยะถังเทียนอวี่แห่งตระกูลถังใช่ไหม? เขาเองก็มาที่นี่เหรอ?”“ใช่ ฉันได้ยินมาว่าเมื่อห้าปีก่อน ผู้ชายคนนั้นได้เข้าร่วมสำนักบำเพ็ญพรตชื่อดังทางตะวันตกเฉียงใต้ และยังได้รับการยอมรับให้เป็นศิษย์ของสำนักอีกด้วย”ขณะที่ผู้คนรอบข้างกำลังวิพากษ์วิจารณ์กันไม่หยุด เกาเซิ่งอี้ก็เดินออกมาต้อนรับด้วยตนเองพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า ก่อนจะยื่นมือออกไปหาอีกฝ่ายอย่างเป็นมิตร“ฮ่า ๆ ๆต้องขอบคุณคุณชายถังที่ให้เกียรติมาร่วมงาน”“สมกับเป็นยอดอัจฉริยะของตระกูลถังแห่งอวิ๋นเฉิงจริง ๆ ยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานขั้นที่สี่ แค่รัศมีที่แผ่กระจายออกมาก็กดดันพวกเราได้แล้ว”ถังเทียนอวี่ยิ้มบาง ๆ ก่อนจับมือกับเกาเซิ่งอี้ แล้วตอบกลับ“ลุงเกาชมเกินไปแล้ว”ในขณะนั้นเอง รถหรูอีกคันก็แล่นมาจอดอย่างช้า ๆ จากนั้น ผู้อาวุโสในชุดขาวเรียบง่ายก็ก้าวลงจากรถพวกเขาเห็นว่าบนมือทั้งสองของผู้อาวุโสเต็มไปด้วยร่องรอยจากการฝึกฝน และทั่วทั้งร่างแผ่พลังอันน่าสะพรึงกลัวของผู้แข็งแกร่งระดับแนวหน้า“ซี้ด ๆ! นั่น…นั่นมันจางจิ่งหลง ผู้นำตระกูลจาง
อีกด้านหนึ่ง ในห้องทำงานของประธานฉู่ซื่อกรุ๊ปหลิ่วหรูเยียนกำลังตั้งอกตั้งใจทำงานอย่างขยันขันแข็ง ราวกับผึ้งงานที่กำลังเก็บน้ำหวานแต่ทันใดนั้น เสียงเคาะประตูดังขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้หลิ่วหรูเยียนตกใจสะดุ้งจนตัวโยน เธอรีบลุกขึ้นยืนพร้อมกับจัดเสื้อผ้าของตัวเองให้เรียบร้อยฉู่เฉินติดกระดุมกางเกง และกลับไปนั่งลงบนโซฟา พลางยกมือฟาดเบา ๆ ลงบนสะโพกกลมกลึงของหลิ่วหรูเยียน “พักนี้ เธอพัฒนาขึ้นเยอะเลยนะ”“อ๊ะ…”หลิ่วหรูเยียนหน้าแดงขึ้นมาทันทีหลังจากถูกฉู่เฉินตี เธอเม้มริมฝีปากเล็กน้อย ก่อนจะรีบเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงาน“เข้ามา”ทันทีที่เสียงของหลิ่วหรูเยียนดังขึ้น ต้าหลิงจื่อก็เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับถือการ์ดเชิญสีทองใบหนึ่ง“ประธานหลิ่ว นี่เป็นคำเชิญที่หอการค้าตะวันออกใหญ่ให้คนนำมาให้ค่ะ คนที่นำมาให้ยังเน้นย้ำเป็นพิเศษอีกว่า อยากให้คุณฉู่มาเข้าร่วมงานด้วย”ขณะที่พูด ต้าหลิงจื่อก็ยื่นการ์ดเชิญไปให้ตรงหน้าหลิ่วหรูเยียนการ์ดเชิญจากหอการค้าตะวันออกใหญ่?หลิ่วหรูเยียนอดไม่ได้ที่จะรับการ์ดเชิญมาด้วยความแปลกใจ ก่อนจะกวาดตามอง ข้อความในการ์ดเชิญเรียบง่ายมาก เป็นการเชิญสองแม่ลูกตระกูลหลิ่
หากกองทัพเข้ามาแทรกแซงเรื่องนี้จริงๆ คงจะเป็นปัญหาใหญ่แน่“ออกไปเถอะ”ฉีอวี่ไท่โบกมือกับฟางเหว่ย ก่อนจะคว้าเสื้อคลุมขึ้นมาแล้วรีบมุ่งหน้าไปยังเฉียนหลงวิลล่าอย่างไม่รอช้าขณะเดียวกัน ในห้องใต้ดินของเฉียนหลงวิลล่า เกาเซิ่งอี้กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงหยก รอบตัวเขาถูกปกคลุมด้วยไอหมอกจาง ๆ ชั้นหนึ่งที่เหมือนจะเห็นแต่ก็ไม่เห็นพลังปราณอันแข็งแกร่งระดับสร้างรากฐานขั้นที่สามแผ่ซ่านออกจากร่างเกาเซิ่งอี้ภายนอก เขาเป็นเพียงแค่นักธุรกิจธรรมดาคนหนึ่ง แต่แท้จริงแล้ว เกาเซิ่งอี้ก็มาจากตระกูลเกาซึ่งเป็นตระกูลผู้บำเพ็ญพรตอันดับหนึ่งแห่งหลิ่งหนานเช่นกันห้าปีก่อน เขาก็บรรลุพลังที่น่าสะพรึงระดับสร้างรากฐานขั้นที่สามแล้ว นี่เป็นครั้งที่สิบแล้วที่เขาพยายามทะลวงระดับสร้างรากฐานขั้นที่สี่ แต่ในช่วงเวลาสำคัญนั้นเอง จู่ ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นสนั่น ทำให้เกาเซิ่งอี้เกือบธาตุไฟเข้าแทรกโครม!เกาเซิ่งอี้ลืมดวงตาแดงก่ำขึ้นพึ่บ ควันฝุ่นฟุ้งอยู่โดยรอบ“ใคร! ฉันบอกแล้วไม่ใช่เหรอ ไม่ว่าใครก็อย่ารบกวนเวลาฉันฝึกตน?!”เมื่อได้ยินเสียงคำรามด้วยความโกรธของเกาเซิ่งอี้ ฉีอวี่ไท่ที่อยู่ด้านนอกประตูก็ถึงก
“คุณคงไม่ได้บ้าหรอกใช่ไหม?”ฉู่เฉินกลอกตามองเซียวเสวี่ยอิ๋ง ก่อนจะตอบกลับไปด้วยอารมณ์โมโห“ฉู่เฉิน อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ คุณใช้ประโยชน์จากกองทหารรักษาการณ์อยู่ชัดๆ”ดวงตาคู่สวยเจือน้ำค้างแข็งของเซียวเสวี่ยอิ๋งจ้องฉู่เฉินอย่างเย็นชาเธอเห็นภาพเมื่อครู่นี้ชัดเจน ฉู่เฉินบอกให้ผู้บังคับบัญชาสูงสุดโฮ่วส่งคนมาที่ฉู่ซื่อกรุ๊ปเพื่อเซ็นสัญญา เห็นได้ชัดว่าเขาวางแผนทุกอย่างเอาไว้แล้วเขาจะยืมมือของกองทหารรักษาการณ์จัดการกำจัดฉีเฮ่อเซวียนและคนอื่น ๆเขากล้าวางแผนถึงกองทหารรักษาการณ์ ฉู่เฉินใจกล้าเกินไปแล้วมั้ง“โปรดระวังคำพูดของคุณด้วย พวกเราร่วมมือกันต่างหาก แล้วคุณรู้ไหมว่าการร่วมมือกันคืออะไร? มันคือการที่ทุกฝ่ายเอาผลประโยชน์ของตัวเอง มีปัญหาอะไรเหรอ?”ฉู่เฉินพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “คุณ…?”ใบหน้าเล็กของเซียวเสวี่ยอิ๋งโกรธจนขาวซีด เธอไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้อีกแม้แต่คำเดียว“คุณอะไรล่ะ? สัญญาก็อยู่บนโต๊ะ ถ้าคุณไม่เซ็น ก็ไปได้แล้ว”ฉู่เฉินไม่อยากเสียเวลาเถียงกับผู้หญิงคนนี้อีกแล้ว ถ้าไม่เห็นแก่สภาพร่างกายที่พิเศษของเธอ ฉู่เฉินคงไล่เธอออกไปตั้งนานแล้วเซียวเสวี่ยอิ๋งโกรธฉู่เฉินจน
ฉู่เฉินจะไปมีคอนเนคชั่นคนใหญ่คนโตขนาดนี้ได้ยังไง?“ผู้นำหลู สำนักงานพาณิชย์ของพวกเราก็ปฏิบัติตามกฎเช่นกันนะ อีกทั้งคุณชายฉีก็ถือครองหุ้นฉู่ซื่อกรุ๊ปถึงหกส่วน ดังนั้นพวกเราจึง…”ในช่วงระหว่างที่หลิวจื้อซินพยายามพูดพลิกลิ้น เซียวเสวี่ยอิ๋งก็เอามือไพล่หลังก้าวเข้ามาตูม!ลำพังเพียงกลิ่นอายเฉพาะตัวของทหารก็ทำให้หลิวจื้อซินตกใจจนกลืนคำพูดหลังจากนั้นจนหมดสิ้น“ตอนนี้ฉันมีเหตุผลที่จะสงสัยในตัวพวกคุณว่ากำลังร่วมมือบ่อนทำลายความร่วมมือระหว่างกองทัพกับฉู่ซื่อกรุ๊ป และคุกคามความมั่นคงของชาติ”กล่าวเสร็จเซียวเสวี่ยอิ๋งเอาเอกสารตบโต๊ะอย่างแรงจนเกิดเสียงดังเมื่อเห็นคำว่าลับที่สุดบนซองเอกสารที่มีตราประทับสีแดงของผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองทหารรักษาการณ์เมืองเจียงจงแล้ว ไม่เพียงแค่ฉีเฮ่อเซวียนคนเดียวที่ตะลึงสุดขีด แม้แต่หลิวจื้อซินก็อ่อนแรงฟุบลงไปกองที่พื้นเขาถูกใส่ความถ้ารู้ว่าฉู่ซื่อกรุ๊ปยังมีความสัมพันธ์ในการร่วมงานกับทางกองทัพ ให้ความกล้าเขามาใช้มากแค่ไหนเขาก็ไม่กล้าทำถึงขนาดนี้หรอก“ท่าน...ท่านผู้นำ พวกเรา…พวกเราถูกใส่”ฟางเหว่ยและผู้ถือหุ้นทั้งหมดต่างตกใจจนคุกเข่าวิงวอนบนพื้นการข
บรรดาผู้ถือหุ้นที่เมื่อกี้ยังดูเหตุการณ์อยู่ก็คาดเดาล่วงหน้าได้ว่าหลิ่วหรูเยียนและฉู่เฉินจะถึงทางตันแน่ในเวลานี้แต่ละคนต่างออกหน้ามาทีละคนโดยมีฟางเหว่ยเป็นผู้นำหลัก“ท่านผู้นำหญิง ก็คือไอ้คนแซ่ฉู่ไม่เพียงทำร้ายต้วนเคอจนสลบ แถมยังทำร้ายผู้อำนวยการหลิวจนบาดเจ็บสาหัส ไอ้เด็กเวรนี่สมควรจะถูกยิงตายคาที่”“ใช่แล้ว ผมก็เห็นเหมือนกัน ต้วนเคอเขาก็แค่ให้นังเลวหลิ่วหรูเยียนเซ็นชื่อ ใครจะไปรู้ว่า ฉู่เฉินไม่พูดอะไรก็ลงมือทำร้ายคนทันที”“ใช่ครับ ไม่เห็นกฎหมายบ้านเมืองอยู่ในสายตาบ้างเลย คนแบบนี้ปล่อยไว้ไม่ได้นะครับ”ผู้ถือหุ้นที่ก่อนหน้าที่ยังอยู่ฝั่งฉู่เฉินต่างทยอยกล่าวโทษฉู่เฉินขึ้นมาในเวลานี้หลิ่วหรูเยียนรู้สึกสิ้นหวังทันทีเมื่อได้ยินเสียงกล่าวโทษของผู้คนรอบข้างถ้ารู้ตั้งแต่แรกว่าตระกูลฉีเรียกคนจากฝ่ายทหารมา เธอจะต่อต้านไปทำไม?“ฉู่เฉิน นายไม่รู้หรือว่านายทำลายพวกเราสองแม่ลูก!”ในขณะพูดหลิ่วหรูเยียนน้ำตาไหลพรั่งพรูออกมาราวกับไข่มุกที่ขาดออกจากสร้อยเสียแรงที่เธอเชื่อใจฉู่เฉินขนาดนั้น แต่ผลลัพธ์เป็นไงล่ะ?ก็เพราะฉู่เฉินก่อเรื่องจนยุ่งเหยิงวุ่นวายครั้งนี้ไม่ใช่แค่มอบบริษัทไปแล้วจะจบง
“ในฐานะที่นายเป็นผู้อำนวยการสำนักงานพาณิชย์ พูดคำว่านังสารเลวสินะ มา วันนี้ถ้านายไม่อธิบายกับฉันอย่างชัดเจน ว่าอะไรถึงเรียกว่านังสารเลว เชื่อไหมว่าฉันจะฆ่านายให้ตาย”สิ้นเสียงฉู่เฉินก็ชกเข้าที่ท้องน้อยของหลิวจื้อซินผลัวะ!พลังแกร่งขุมหนึ่งทะลุร่างอวบอ้วนของหลิวจื้อซินจนกระแทกเข้ากับเก้าอี้ที่อยู่ด้านหลังเขาลำพังแค่พลังแกร่งขุมเดียวก็ทำให้เก้าอี้ตัวนั้นกลายเป็นขี้เลื่อยปลิวว่อนกลางอากาศเลยทีเดียว“ต่อต้านแล้ว…ต่อต้านแล้ว เร็ว…รีบโทรแจ้งความกรมตำรวจ!”หลิวจื้อซินในเวลานี้ ทั้งปาก จมูก หูมีแต่เลือดไหลราวกับเหงื่อไหลไคลย้อยตอนนี้เขาไม่สนหน้าตาอะไรแล้ว จิตใจคิดแต่จะรอให้คนของกรมตำรวจรีบมาถึงแล้วจัดการฉู่เฉินให้ตายซะ……เวลานี้เอง รถตำรวจสิบกว่าคันและรถทหารสองคันได้มาจอดที่หน้าอาคารฉู่ซื่อกรุ๊ปแทบจะในเวลาเดียวกันหลูติ้งไห่และเซียวเสวี่ยอิ๋งที่ผลักประตูรถลงมามองสบตากันแล้วก็ตะลึงทันที“ผู้นำหลู?”“ผู้นำเซียว?”ทั้งสองจับมือกันโดยมีสีหน้าประหลาดใจ เซียวเสวี่ยอิ๋งมองตำรวจกลุ่มใหญ่ที่อยู่ด้านหลังของหลูติ้งไห่แล้วก็ขมวดคิ้วกล่าว “ผู้นำหลู นี่คุณ…”เธอได้รับคำสั่งจากโฮ่วเจี้ยนอิง
ฉีเฮ่อเซวียนชำเลืองมองฉู่เฉิน แล้วเงยหน้าขึ้นหัวเราะร่าอย่างกะทันหันแล้วกล่าว “ไอ้หนุ่ม นายดีใจเร็วเกินไปไหม? นายคิดว่าทำร้ายต้วนเคอแล้วนายจะไม่เป็นอะไรหรือ?”กล่าวเสร็จฉีเฮ่อเซวียนก้มหน้ามองนาฬิกาข้อมือ จากนั้นค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนตบบ่าฉู่เฉินและกล่าว “ไอ้หนุ่ม เรื่องสนุกมันต่อจากนี้”ไม่ทันขาดคำก็มีเสียงเท้าวุ่นวายดังขึ้นจากในทางเดินฉีเฮ่อเซวียนฉีกยิ้มกล่าว “นายลองเดาดูว่าใครมา?”ฉู่เฉินเลิกคิ้วแล้วยิ้มกล่าวอย่างเย้ยหยัน “ไม่ว่าเป็นใคร อย่าคิดจะได้ฉู่ซื่อกรุ๊ปไป”“ใช่เหรอ?”ฉู่เฉินกล่าวจบก็มีเสียงเย็นชาเสียงหนึ่งดังขึ้นวินาทีต่อมา ประตูห้องประชุมก็เปิดออกโดยชายวัยกลางคนสวมเสื้อลำลองเดินพุงพลุ้ยเข้ามาด้วยท่าทางที่หยิ่งผยองด้านหลังเขามีชายหนุ่มในชุดเครื่องแบบประมาณหกคนเดินตามมาด้วยเมื่อเห็นชายวัยกลางคนแล้ว หลิ่วหรูเยียนถึงกับตกใจหน้าซีดในทันที ชายวัยกลางคนคนนั้นก็คือหลิวจื้อซินซึ่งเป็นผู้อำนวยการกรมพาณิชย์ของเมืองเจียงจงเหตุการณ์เริ่มร้ายแรงแล้วสิแบบนี้“ฉู่เฉิน แย่แล้ว เป็นเรื่องแล้วรอบนี้”หลิ่วหรูเยียนจับแขนของฉู่เฉินไว้และกระซิบกล่าวหน้าซีดฉู่เฉินยิ้มให้หลิ่วหรูเยียน
“ฉัน…”หลิ่วหรูเยียนหน้าซีด อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดสินะเธอกำปากกาเซ็นเอกสารในมือแน่น พร้อมส่งสายตาอ้อนวอนไปทางฉู่เฉินฉู่เฉินควานหาบุหรี่ขึ้นมาจุดแล้วพ่นควันออกมาเป็นวงกลม ควันนั้นจึงลอยไปปะทะหน้าฟางเหว่ย จนฟางเหว่ยไอแค่กๆ“เมื่อกี้นายพูดไม่ใช่หรือไงว่าห้ามสูบบุหรี่ในห้องประชุมน่ะ!” ฟางเหว่ยกล่าวด้วยความไม่พอใจ“ฉันนี่แหละคนกำหนดกฎ นายมาพูดเรื่องกฎกับฉันเหรอะ? นายมีคุณสมบัตินั้นไหม?”ฉู่เฉินเหลือบมองฟางเหว่ยอย่างดูแคลน จากนั้นก้าวไปที่หน้าโต๊ะแล้วหยิบกองเอกสารหนาปึกขึ้นมาโปรยราวกับดอกไม้จนกระจายไปทั่ว“นายทำอะไรน่ะ! เก็บเอกสารขึ้นมาให้ฉันเดี๋ยวนี้!”ต้วนเคอเห็นฉู่เฉินโปรยหนังสือสัญญาโอนหุ้นที่เขาเอาออกมาลงพื้นแล้วก็มีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นพร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้างซึ่งเปี่ยมไปด้วยอำนาจฉู่เฉินยิ้มเยาะแล้วก้าวไปหาและพูดอย่างเฉยเมยกับต้วนเคอ “เรื่องไหนยังไงก็ต้องมีเหตุผลกันบ้างสิ ต่อให้ผู้ถือหุ้นโอนหุ้นให้คนแซ่ฉีแล้ว พวกเราก็มีสิทธิ์ไม่มอบบริษัทให้เหมือนกัน”“อย่างมากก็แค่ชดใช้เงินให้ก็เท่านั้น ในฐานะที่นายเป็นหัวหน้ากรมพาณิชย์ ไม่เข้าใจหลักเหตุผลข้อนี้หรือไง?”ต้วนเคอหัวเรา