“นี่ก็คือหมัดพิฆาตของตระกูลจินเหรอ?”ซ่งหู่เชยตามองไปยังแขนที่จินเจิ้นหลงยกขึ้นมา ใบหน้าเผยรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยการครุ่นคิดฉู่เฉินก็สังเกตเห็นรัศมีแสงสีขาวที่ฝ่ามือของจินเจิ้นหลงเช่นกัน เมื่อเทียบกับหมัดพิฆาตของจินอ้าวเทียน ไม่รู้ว่าจะแข็งแกร่งกว่ากี่ขั้นแต่ก็แค่นี้เท่านั้น บางทีสำหรับคนอื่น ๆ หมัดพิฆาตของตระกูลจินอาจจะรับมือยากจริง ๆ ทว่าฉู่เฉินสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายคุ้นเคยบนตัวของซ่งหู่มาตั้งแต่แรกแล้ว ถ้าพูดให้ตรง ซ่งหู่ไม่ใช่นักสู้ระดับกำลังภายในขั้นสูง แต่เป็นผู้บำเพ็ญเพียรระดับฝึกปราณชั้นสามสำหรับผู้บำเพ็ญเพียรมาตลอดแล้ว แค่วรยุทธ์วิชาหมัดไม่มีค่าพอให้เอ่ยถึงเลย “กล้าสังหารศิษย์เอกของฉัน วันนี้แกก็อย่าหวังว่าจะรอดชีวิตออกไปจากที่นี่ได้เลย!” จินเจิ้นหลงเพิ่มแรงตรงฝ่ามือที่ฟาดใส่หน้าอกของซ่งหู่ขึ้นอีกสองส่วนขอเพียงฝ่ามือนี้ฟาดโดน ซ่งหู่ไม่ตายก็ต้องพิการ ฮ่า ๆๆ!ซ่งหู่แหงนหน้าหัวเราะเสียงดัง ก่อนจะเอ่ยอย่างเรื่อยเฉื่อยว่า “อาศัยแค่หมัดพิฆาตของแก ยังทำร้ายฉันไม่ได้หรอก” “ถ้ารู้จักเอาตัวรอด มาจากไหนก็ไสหัวกลับไปที่นั่นซะ ท่านหู่อย่างฉันจะพิจารณาไว้ชีวิตสุนัขอย่างแก ไม
ทั่วทั้งบริเวณเงียบกริบไปชั่วขณะหนึ่งทุกคนมองฉากตรงหน้าด้วยความไม่อยากจะเชื่อคิดไม่ถึงว่าจินเจิ้นหลง เจ้าสำนักจินที่มีชื่อเสียงเกรียงไกรในเจียงเฉิงจะพ่ายแพ้แล้ว“หมัดพิฆาต? ฮ่า ๆๆ...” ซ่งหู่เอามือข้างหนึ่งไพล่หลัง ยืนอย่างเย่อหยิ่ง กวาดมองจินเจิ้นหลงที่นอนบาดเจ็บสาหัสอยู่บนพื้นด้วยสายตาดูแคลนแวบหนึ่งแล้วแหงนหน้าหัวเราะเสียงดัง“อาจารย์!” ลูกศิษย์อีกคนของจินเจิ้นหลงพุ่งปราดออกมา ก่อนจะรีบประคองจินเจิ้นหลงไว้“อาจารย์ อาจารย์ไม่เป็นไรใช่ไหมครับ?” จินเจิ้นหลงเช็ดเลือดที่มุมปาก เขายกแขนขึ้นอย่างยากลำบาก ชี้ไปยังซ่งหู่ที่มีท่าทางทะนงองอาจแล้วเอ่ยปากอย่างยากลำบากว่า “แก...” “แกเป็น...แกเป็นผู้บำเพ็ญเพียร...” ว่าไงนะ? เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ทุกคนในที่แห่งนี้ต่างก็ตกตะลึงโดยสิ้นเชิงผู้บำเพ็ญเพียร? ซ่งหู่คือผู้บำเพ็ญเพียรในตำนานเหรอ? นักสู้ในโลกนี้ก็หายากแล้ว แต่ผู้บำเพ็ญเพียรเป็นตัวตนที่มีบันทึกไว้แค่ในตำราเท่านั้นเวลานี้แม้แต่อู๋กังก็ตกใจกลัวจนหน้าซีดเผือด ไม่แปลกใจเลยที่ซ่งหู่มีความมั่นใจสูงจนไม่รู้สึกกลัว ต่อให้เผชิญหน้ากับปรมาจารย์ก็กล้าต่อสู้อย่างเต็มที่ ตอนนี
“เสียวหู่...”ไม่ว่าอย่างไรโจวเทียนเฟิ่งก็คิดไม่ถึงว่าจงอาหู่ที่ปกติดูอ่อนน้อมว่าง่ายจะกล้าออกมายืดอกสู้ในเวลานี้ “อาเจ๊ เจ๊กับปรมาจารย์ฉู่ระ...รีบหนีไปเร็วเข้า! ผะ...ผมยะ...ยังขวางเขาได้อีกสักพัก” ขณะที่จงอาหู่พูด เสื้อเชิ้ตสีขาวบนตัวก็เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็น ๆ แล้วเขาเป็นแค่คนธรรมดา ถึงขนาดที่ไม่ว่าลูกน้องคนไหนในหอเทียนเฟิ่งก็สามารถซ้อมเขาจนหน้าบวมช้ำได้หมด แต่หลายปีที่ผ่านมา อาเจ๊ปฏิบัติต่อเขาเป็นอย่างดีต่อให้หอเทียนเฟิ่งไม่อาจกลับมายิ่งใหญ่ได้อีก โจวเทียนเฟิ่งต้องออกไปอยู่ต่างถิ่น แต่ว่าเขายังคงเข้าใจหลักการบุญคุณเท่าหยดน้ำต้องตอบแทนดุจสายธาร วันนี้ถึงต้องตาย เขาก็จะปล่อยให้ซ่งหู่ก้าวออกมาข้างหน้าอีกก้าวไม่ได้เป็นอันขาดนอกเสียจากว่าซ่งหู่จะก้าวข้ามศพของเขาไปแทน! เมื่อเห็นจงอาหู่ตกใจกลัวจนตัวสั่นอย่างชัดเจน ทว่าแววตากลับดูเด็ดเดี่ยวมุ่งมั่นอย่างผิดปกติ ซ่งหู่ก็อดเผยรอยยิ้มครุ่นคิดออกมาไม่ได้ เขาค่อย ๆ เบนสายตามองไปทางโจวเทียนเฟิ่งกับฉู่เฉินแล้วหัวเราะเสียงเหี้ยมก่อนเอ่ยว่า “โจวเทียนเฟิ่ง มอบสำนักเฟิ่งมาแล้วฆ่าตัวตายต่อหน้าหลุมศพของลูกเมียฉัน ฉันจะให้แกมีสภาพศ
ไวจนถึงขั้นที่มนุษย์ไม่อาจแยกแยะได้ด้วยตาเปล่า เขาเคยเห็นคนผู้หนึ่งมีท่าร่างที่น่าสะพรึงกลัวแบบนี้ก่อนหน้าฉู่เฉิน คนผู้นั้นก็คืออาจารย์ผู้มีพระคุณของเขาเอง หรือว่าฉู่เฉินจะเป็นตัวตนที่น่ากลัวเหมือนกับอาจารย์ของเขา? ไม่! เป็นไปไม่ได้!อาจารย์ผู้มีพระคุณของเขาอายุเกินเจ็ดสิบแล้ว แต่ฉู่เฉินเพิ่งจะอายุเท่าไหร่เอง? ไอ้แมงดาที่อายุยี่สิบกว่าจะเป็นไปได้อย่างไร... ปัง! ในชั่วแวบเดียว สีหน้าของซ่งหู่ก็แข็งค้างอยู่ในวินาทีเมื่อกี้เขากระเด็นออกไปไกลเจ็ดแปดเมตรด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ! ตู้ม! ร่างของซ่งหู่ตกลงไปในแม่น้ำจนเกิดคลื่นกระเซ็นขึ้นสูงหกเจ็ดเมตร ทว่าจนถึงตอนนี้ ผู้คนรอบข้างต่างมองเห็นไม่ชัดเลยว่าฉู่เฉินลงมืออย่างไรกันแน่ ซี้ด ๆ! เสียงสูดลมหายใจยะเยือกดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า แม้แต่จินเจิ้นหลงที่มองฉู่เฉินด้วยความโกรธเกรี้ยวก็ตกตะลึงไปโดยสิ้นเชิงนี่...นี่เป็นไปได้อย่างไร?! ซ่งหู่ที่แข็งแกร่งขนาดนั้นกลับโดนฉู่เฉินจัดการในกระบวนท่าเดียว? โจวเทียนเฟิ่งก็มองแผ่นหลังที่ยืนสูงตระหง่านสง่างามของฉู่เฉินด้วยความไม่อยากจะเชื่อนะ...นี่ไม่ใช่แขนอันย
“ชาติหน้าก็เป็นคนดีซะ” เสียงของฉู่เฉินเรียบนิ่ง ไม่มีอารมณ์ความรู้สึกเลยสักนิดเดียว จากนั้นก็เห็นฉู่เฉินชูนิ้วสองนิ้วเป็นกระบี่ จากนั้นไอกระบี่สายหนึ่งก็วาดผ่านลำคอของซ่งหู่ดังฟิ้ว พรวด!เลือดพุ่งทะลักออกมา ศีรษะมนุษย์ลอยขึ้นสูงก่อนจะตกลงไปในแม่น้ำที่เชี่ยวกรากศพไร้หัวของซ่งหู่โงนเงนอยู่ไม่กี่ทีก็หงายตกลงไปในแม่น้ำ เงียบสนิท! รอบข้างมีเพียงเสียงสายน้ำไหลเท่านั้น ทุกคนต่างมองอย่างตะลึงงันไปยังฉู่เฉินที่ค่อย ๆ ก้าวขึ้นมาบนศาลาเจียงซิน แววตาเต็มไปด้วยความเคารพนอบน้อม! “พวกเราไปกันเถอะ ยังมีเรื่องที่อยากพูดกับคุณ”ฉู่เฉินทำเหมือนกับไม่มีเรื่องอะไรแล้วเดินมาอยู่ข้างหน้าโจวเทียนเฟิ่งที่มีแววตาตกตะลึงอยู่เต็มเปี่ยม ก่อนจะเอ่ยอย่างเฉยชา “หา...ดะ...ได้ค่ะ” โจวเทียนเฟิ่งเหมือนกับสะดุ้งตื่นจากฝัน เธอพยักหน้าติดต่อกัน จากนั้นก็ควงแขนของฉู่เฉินแล้วพูดกับจงอาหู่ว่า “เสียวหู่ พวกเราไปเถอะ” จงอาหู่พยักหน้าอย่างมึนงง ผ่านไปครู่ใหญ่ถึงได้สติกลับมา วิ่งตามหลังฉู่เฉินกับโจวเทียนเฟิ่งไปพรวด!จินเจิ้นหลงมองเงาหลังของฉู่เฉินก็กระอักเลือดออกมาคำใหญ่อีกครั้ง“ไอ้คนแซ่ฉู่ กะ...แกรัง
“ใช่แล้ว หมอเทวดาซุน ได้โปรดเมตตาด้วย!”“หมอเทวดาซุน...” ลูกศิษย์หลายสิบคนของสำนักมวยจินเจิ้นหลงพากันล้อมวงเข้ามา จ้องมองซุนเซี่ยวเหรินด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความกระตือรือร้นพลางถามซักไซ้“ตามที่ผมรู้มา เจียงจงยังมีหมอเทวดาคนหนึ่งที่มีฝีมือทางการแพทย์เหนือกว่าผมมาก ถ้าเกิดเขายอมลงมือช่วย ย่อมรักษาเจ้าสำนักจินให้หายได้อย่างแน่นอน คนผู้นี้แซ่ฉู่ ชื่อว่าฉู่เฉิน”ว่าไงนะ?!เมื่อได้ยินคำว่าฉู่เฉิน ทุกคนในที่แห่งนี้ต่างก็ตกตะลึงโดยสิ้นเชิง! โดยเฉพาะจินเจิ้นหลงกับหลี่ก่านยิ่งเบิกตาโต จ้องมองซุนเซี่ยวเหรินด้วยความไม่อยากจะเชื่อและเอ่ยว่า “หมอเทวดาซุน คุณไม่ได้พูดผิดใช่ไหม? แน่ใจหรือว่าหมอเทวดาคนนั้นชื่อฉู่เฉิน?” ซุนเซี่ยวเหรินพยักหน้าหนัก ๆ และเอ่ยว่า “ใช่แล้ว เป็นฉู่เฉิน นอกจากนี้หมอเทวดาฉู่ยังเป็นหนุ่มที่มากความสามารถ อายุแค่ยี่สิบกว่า ทักษะทางการแพทย์ของเขาก็สูงส่งจนผมเทียบไม่ติดเลย”พอพูดถึงตรงนี้ แววตาของซุนเซี่ยวเหรินก็เผยความเคารพนับถือออกมา พรวด! จินเจิ้นหลงฟังซุนเซี่ยวเหรินพูดจบก็กระอักเลือดคำใหญ่ออกมาอีกทันทีเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่นี้ที่ตัวเองดูแคลนฉู่เฉินทุก ๆ
ทุกคนเพิ่งมาถึงหน้าประตู สาวสวยที่ทำผมมวยสวมชุดกี่เพ้าผ่าสูงสีฟ้าลายดอกไม้ก็เดินตรงเข้ามา เนื่องจากฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มาตั้งแต่เด็ก เรียวขางามที่ขาวผ่องราวกับหยกคู่นั้นยิ่งกระชับมีรูปทรงดี ต่อให้มีเสื้อผ้าปิดไว้ก็เดาได้ไม่ยากว่ารอยกล้ามตรงท้องน้อยของหญิงสาวกับเอวเพรียวบางเท่ากำมือนั้นดูเย้ายวนใจเพียงใด ภายใต้องคาพยพทั้งห้าที่ประณีตงดงาม ดวงตากลมโตสดใส กลับมีจิตสังหารแอบแฝงอยู่ในดวงหน้า “คุณหนูใหญ่?” หลี่ก่านเห็นแวบเดียวก็จำได้ว่าผู้หญิงคนนี้คือจินหลิงเอ๋อร์ ลูกสาวคนโตของจินเจิ้นหลง “ศิษย์พี่หลี่ พ่อของฉันเป็นอะไรไปคะ?” จินหลิงเอ๋อร์เห็นจินเจิ้นหลงหน้าซีดเซียว แถมยังมีเลือดเปรอะเปื้อนตรงหน้าอก ดวงตางดงามก็หดลงเล็กน้อย ก่อนจะรีบเดินเข้าไปประคองจินเจิ้นหลงแล้วเอ่ยถาม “เฮ้อ” หลี่ก่านเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในศาลาเจียงซินและคำพูดที่ซุนเซี่ยวเหรินเอ่ยก่อนจะจากไปอีกครั้ง จินหลิงเอ๋อร์ฟังหลี่ก่านพูดจบ ดวงตางามก็หรี่ลง ก่อนจะเอ่ยด้วยสีหน้าวางอำนาจว่า “เฮอะ! ไม่ยอมพูดถึงข้อเท็จจริง ความรับผิดชอบของเรื่องนี้อยู่ที่คนแซ่ฉู่ชัด ๆ”“เขามีสิทธิ์อะไรที่เห็นคนจะตายแล้วไม่ช่วยเหลื
โจวเทียนเฟิ่งตกตะลึงก่อน ชั่วพริบตาที่นิ้วมือของฉู่เฉินสัมผัสกับริมฝีปากแดงของเธออย่างนุ่มนวลนั้น ปากเล็ก ๆ ของโจวเทียนเฟิ่งก็ดูดแรง ๆ ยาเข้าไปในปากขณะเดียวกันก็อมนิ้วข้างหนึ่งของฉู่เฉินไว้เธอเงยหน้ามองฉู่เฉินด้วยใบหน้าเขินอายเล็กน้อย เมื่อสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นและความชุ่มชื้นจากปลายนิ้ว ฉู่เฉินก็ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย สายตาค่อย ๆ เบนไปยังลำคอที่ขาวนวลงดงามราวกับหยกของโจวเทียนเฟิ่งภายใต้สายตาสองคู่ที่มองสบกัน บรรยากาศทั่วทั้งห้องพลันดูคลุมเครือเป็นพิเศษอึก! จากนั้นลำคองดงามของโจวเทียนเฟิ่งก็ขยับเบา ๆ ยาบำรุงปราณเข้าไปตามลำคอทันใดนั้นความรู้สึกสดชื่นก็ตรงมาที่ปอดวินาทีถัดมา โจวเทียนเฟิ่งรู้สึกได้ชัดเจนถึงความอบอุ่นเกิดขึ้นตรงท้องน้อย จากนั้นความรู้สึกเหนื่อยล้าทั่วทั้งร่างกายก็หายไป ราวกับว่าเธอเด็กลงสิบปีในชั่วพริบตานี้เซลล์แต่ละตัวในร่างกายรู้สึกกระปรี้กระเปร่ามีชีวิตชีวาขึ้นมา! “อื้อ!” เมื่อรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงภายในร่างกาย โจวเทียนเฟิ่งที่เอาปากเล็ก ๆ อมนิ้วของฉู่เฉินก็อดเบิกตาโตไม่ได้ มองไปทางฉู่เฉินอย่างไม่อยากจะเชื่อ “เป็นยังไงครับ รู้สึกยังไง?” ฉู่เฉ