ก็เมื่อเธอเป็นคนลงลายเซ็นยินยอมนั้นเอง...“หรือคุณอยากให้มีการยกเลิก ก็ทำให้ได้นะ... แค่ยกมือถือแล้วโทรออกไป” คนเจ้าเล่ห์ หยั่งเชิงดู“ยกเลิก อะไร”แสงเทียนถามเสียงรน เพราะกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ เธอต้องเสียความรู้สึกไปมากเท่าไหร่ แล้วเมื่อเธอกล้าข้ามผ่านจุดนั้นมาแล้ว ก็จะไม่ถอยหลังเด็ดขาด!“อ้าว สัญญาของเราทุกข้อไง”“...” แสงเทียนจ้องหน้าคนชอบขู่ รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ “ไม่ได้บอกยกเลิกนะ แต่แค่บอกว่าไม่พร้อม ขอเวลาหน่อยสิ” เธอเอ่ยเสียงเบา คล้ายคนบ่นอยู่กับตัวเอง“คุณว่าอะไรนะ… ได้ยินไม่ถนัด” ธัญกรถามพร้อมกับเอียงศีรษะเพื่อไปฟังประโยคนั้นใหม่แสงเทียนกำหมัดแน่น รู้ว่าอีกฝ่ายตั้งใจแกล้ง “ก็ไม่ได้บอกจะให้ยกเลิกสัญญาไง”“งั้นก็ไม่มีข้ออ้างเนอะ” ธัญกรสรุป“คึ คือเทียน เอ่อไม่เคย...” น้ำเสียงขาดห้วง กระดากปาก เมื่อเธอจินตนาการไปด้วย ประสบการณ์ไม่มี อาจทำให้เขาหงุดหงิด ก็ดูเอาแต่ใจสะขนาดนั้น“ไม่น่าเชื่อ...” ธัญกรทำท่าแปลกใจ“แต่ไม่เป็นไร ครูดีไม่ต้องกลัว”“...เอ่อ” พูดไปก็มีแต่เสีย แสงเทียนจึงเก็บคำพูดไว้ค่างคนต่างเงียบ ไม่มีใครยอมอ่อนให้ ธัญกรเลยเปลี่ยนเรื่อง“โทรหาพ่อคุณสิ ป่านนี้คงเปิดแชมเป
แสงเทียนอยากลบภาพมาดนักธุรกิจก่อนหน้านี้ของธัญกรให้ออกจากสมองให้หมดเสียเดี๋ยวนั้น เพราะคนตรงหน้าตอนนี้เกือบกลายเป็นคนละคน ใจดีหัวหมอหน้ามึนหรือหื่นกระหายกันแน่! “ขอกลับบ้านไปเตรียมเสื้อผ้าก่อนได้ไหมคะ”แสงเทียนพยายามไม่ใส่อารมณ์ ทั้งที่สายตานั่นเกือบปลดเปลื้องเสื้อผ้าของเธออยู่ร่อมร่อ แล้วแบบนี้จะให้อยู่ใกล้ ด้วยความอุ่นใจได้ไง... เหมือนธัญกรจะอ่านความคิดแสงเทียนออก เธอจึงเดินเข้ามาใกล้ มองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าใหม่ แล้วหยุดสายตาอยู่ตรงหน้าอกอวบตึง เพื่อแกล้งคนเรื่องมากใบหน้าหวานร้อนผะผ่าวเมื่อโดนสายตาอีกฝ่ายจ้องมาอย่างเปิดเผย หากแต่ไม่กล้าต่อว่า“เดือดร้อนอะไรหนักหนาคะ ก็บอกอยู่ว่าเลือกเอาไปใส่ได้เลย” เธอทำเสียงแข็งใส่แสงเทียนหน้ายู่ จิกตาค้อนขวับ หากแต่จะโวยวายก็ไร้ประโยชน์ “ก็เสื้อผ้าใส่ได้อยู่ค่ะ...แต่ชุด...” แล้วมองไปตรงจุดหนึ่งในร่างกาย ธัญกรหัวเราะพรืด “ใส่กันได้อยู่นะ” ธัญกรบอกโดยไม่มีอาการเคอะเขิน แสงเทียนหน้าซีดแล้วซีดอีก ชุดชั้นในเนี่ยนะ!“ของมีพร้อมอยู่แล้ว ด้านขวาลิ้นชักยังไม่ได้ใช้ เลือกเอาไปได้เลย แล้วรีบไปเตรียมกระเป๋าเถอะ ก่อนที่ฉัน
“หนูต้องเดินทางแล้วนะคะ”“จ้า ตั้งใจทำงานนะลูกนะ แล้วแม่จะบอกพ่อให้” เสียงแหลมเอ่ยบอกแล้วกดวางสายไปด้วยความรีบร้อนแสงเทียนมองเครื่องมือสื่อสารค้างไว้ ขอบตาร้อนผ่าวน้ำตาปลื้มปริ่ม“เรียบร้อยยัง” เจ้าของรถคันใหม่เอี่ยมเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าเธอเริ่มเลื่อนลอย โดยมีทีท่าไม่สนใจเธอที่ยืนรออยู่ คนต้องปลุกจากความคิดแสงเทียนสะดุ้งมองธัญกรตาปริบ ๆ เมื่อนึกขึ้นได้“เอา ยังมองหน้าอีก ไป๊ ไปกันได้แล้วจะได้ไม่ค่ำ”แสงเทียนรีบเดินไปหาและนั่งลงในที่ของตัวเอง“คุณธัญแน่ใจหรือคะ ว่าไม่ต้องการเอาเลขาส่วนตัวจริง ๆ”เมื่อรถเคลื่อนตัวบนถนนสายหลักและความเร็วคงที่ เสียงหวานขื่น ๆ ก็เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงธัญกรหันมองหน้าหญิงสาวแวบหนึ่งแล้วหันกลับไปมองถนนและเอ่ยขึ้น“ทำงานมานาน เป็นนายตัวเองมาก็หลายปี เลขาไม่สำคัญต้องตามติดเจ้านายไปทุกที่ เลขาก็แค่ทำงานที่มอบหมายให้สำเร็จลุล่วงตามคำสั่งก็เพียงพอ เพราะคนพวกนั้นไม่สำคัญเท่าผู้หญิงที่ต้องพกติดไปไหนทุกครั้งหรอก”“...” อย่างเช่นตอนนี้ใช่ไหม ‘ผู้หญิงที่เธอต้องพกติดตัว’ข้างกายของธัญกรไม่เคยขาดผู้หญิงสินะ แล้วเธอก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ถูกเลือกใช่ไหม... เธออยากจะตบปา
ธัญกรจึงก้มหยิบกระเป๋าและเอกสารบางอย่างที่เอาติดตัวมาด้วยเข้าที่พักไปเงียบ ๆเมื่อคนทำให้ใจเธอสั่นไหวเดินจากไปแล้ว บรรยากาศที่กลมกลืนกับธรรมชาติสไตล์ป่าเขาและลำธาร ไม่อาจทำให้ใจของเธอเพลิดเพลินหรือสงบลงได้ หากแต่ทนยืนมองอยู่อย่างนั้น ในใจก็ก่นด่าคนบ้านพักไปอีกหลายครั้ง“คนเอาแต่ใจ ไม่คิดสอบถามความสมัครใจหรือเห็นด้วยเลยหรือไร” เธอหันไปค้อนคนในบ้านพักตาคว่ำ เจ็บจี๊ดในใจเหมือนโดนมีดกรีดเป็นร่องลึก ไม่น่าเชื่อว่าชีวิตลูกสาวนักธุรกิจใหญ่ที่เสวยสุขอยู่บนกองเงินกองทองตั้งแต่จำความได้ มาบัดนี้ต้องมาขายร่างกายเพื่อทดแทนบุญคุณบุพการี เรื่องแบบนี้ใครกล้ายกย่องให้ตัวเองสูงส่งได้ล่ะ หากไม่ใช่ความรู้สึกอับอายขายหน้าจนอยากมุดผืนแผ่นดินหนีหายไปจากโลกนี้ให้รู้แล้วรู้รอด!เฮ้อ! คิดแล้วถอนหายใจหันหลังให้กับทิวทัศน์สวยงามตรงหน้า“อุ๊ย!/ เอ๊ย!” ร่างบางเซเสียหลัก และด้วยสัญชาตญาณมือของเธอก็คว้าสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวติดมือไปด้วย นั่นก็คือร่างบางที่เดินพรวดพลาดเข้ามาจนเป็นเหตุให้ชนกันเอง“ขะ ขอโทษค่ะ...” แสงเทียนรีบบอกรีบดันตัวเองออกห่าง แต่อีกฝ่ายยังกอดรัดไว้แน่น “แล้วนี่เดินเข้ามาไม่ให้ซุ่มให้เสียงกันเลย” เธอต
แสงเทียนเดินตรงไปยังกระเป๋าเสื้อผ้าที่วางอยู่บนเตียง แล้วจัดการรื้อกระเป๋าที่ถูกรื้อไปแล้ว จัดการนำเสื้อผ้าแขวนเข้าตู้ที่ทางเจ้าของรีสอร์ทมีไว้ให้ โดยไม่สนใจเจ้าของสายตาที่นั่งกอดอกทอดมองการกระทำของเธออยู่เงียบ ๆ...อยากมองก็มองไป เธออดแหวะไม่ได้ ธัญกรเมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรให้สนใจแล้ว จึงเดินออกจากห้องพักไป ในขณะที่แสงเทียนถอนหายใจออกมาดังพรืด! ตอนนี้เธอรู้สึกโล่ง รีบหยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวขนาดฟรีไซส์กับกางเกงขาสั้นตัวหลวมสีหวานที่เธอเป็นคนจัดมาเองกับมือเข้าห้องน้ำไปด้วย โดยไม่ลืมคว้าผ้าขนหนูที่ทาง รีสอร์ทเตรียมไว้ให้ติดมือเข้าไปด้วยเช่นกัน ไม่ถึงสิบห้านาทีก็ออกจากห้องน้ำพร้อมกับชุดใหม่ แล้วกลิ่นฉุนของอาหารก็ลอยแตะจมูก เธอจึงหันไปมองโต๊ะด้านซ้ายที่เธอสังเกตเห็นไว้ก่อนหน้านี้ และเห็นว่าไม่ใช่เพียงแค่อาหารที่วางอยู่ตรงจุดนั้น แต่ธัญกรก็นั่งหน้าเป็นรออยู่แล้วเช่นกัน“อาบน้ำไวดีนี่ ไม่รู้จะสะอาดดีหรือเปล่า” เสียงหวานเอ่ยแว่วลอยมาเหมือนเพ้อรำพันอยู่คนเดียว ซึ่งเธอไม่ได้จงใจเอ่ยถามหรือต้องการคำตอบจากคนร่วมห้อง โดยสายตาเหล่มองไปทิศอื่นแสงเทียนกำมือเข้าหากันจนเล็บบาง ๆ ฝังลึกไปใต้ผิวหนั
ธัญกรวางช้อนในมือ โดยสายตาจับจ้องใบหน้านวลนิ่ง“ทำไม คนอย่างฉันน่ารังเกียจขนาดนั้นเลยเหรอ” แววตาและน้ำเสียงเต็มไปด้วยความน้อยใจ ซึ่งแสงเทียนรับรู้ได้ เธอหน้าซีดเผือด สำนึกตัวว่าควรเก็บอาการให้มากกว่านี้ “ขอโทษค่ะ” เธอตัดใจอ่อนให้ธัญกรเมื่อได้ยินคำขอโทษธัญกรจึงหยิบช้อนที่วางไปขึ้นมาใหม่ พร้อมกับพูดขึ้น“ขอโทษแล้วทำให้ได้ด้วยละ เพราะการให้อภัยคนไม่สำนึกตัวแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวก็เกินพอ”น้ำเสียงนั้นจริงจังจนแสงเทียนเป็นกังวลว่าการกระทำที่พลั้งเผลอของเธอ จะทำให้อีกฝ่ายเปลี่ยนใจไม่ช่วยบริษัทของพ่อเข้าสักวัน“ต่อไปนี้เรามาเล่นเกมกัน ใครแพ้สามครั้งโดนทำโทษ”ธัญกรพูดขึ้น“เกมจับผิด?” แสงเทียนถามหน้าตื่น“ใช่ เกมจับผิด” ธัญกรยืนยันคำพูดด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง แต่แฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์“ยังไงคะ เกมจับผิด” เธอเริ่มไม่ไว้ใจนักธุรกิจตรงหน้าขึ้นมาอีกแล้ว ดวงตากลมโตลุกวาว แล้วพูดสิ่งที่ตัวเองตั้งขึ้น “ต่อไป หากคุณทำอาการ ‘แดกดัน’ ใส่ ฉันจะทำโทษคุณ ง่าย ๆ คือห้ามทำกิริยาที่ไม่พึงประสงค์ต่อหน้าและลับหลัง หากจับได้สามครั้งคนนั้นจะโดนลงโทษ”ธัญกรย้ำชัดทุกถ้อยคำแล้วแสงเทียนก็ได้แต่อ้าปากค้าง อึ้ง จ
แสงเทียนมารู้ตัวเองว่าเสียท่า ก็ต่อเมื่อใบหน้างามของคนที่ตัวเองนอนทับโน้มเข้ามาใกล้เพียงลมหายใจสัมผัส“ก็คุณยั่วโมโหนี่คะ” แสงเทียนรู้ตัวว่าพลาด ก็พยายามไม่ขึ้นเสียงใส่คนที่ไม่รู้ว่าตอนนี้อารมณ์ของเธออยู่ระดับไหน“อ้อหากโดนยั่วโมโห ก็ระงับอารมณ์ตัวเองไม่ได้ งั้นแบบนี้ฉันก็ระงับอารมณ์ตัวเองไม่ได้ก็ไม่ผิดใช่ไหม” พูดจบเธอก็ฉกจมูกลงบนแก้มสีเรื่อเป็นการเอาคืนทันที“อะ...” แสงเทียนอ้าปากค้าง ก่อนจะหาลิ้นตัวเองเจอ“นี่ คุณ คุณฉวยโอกาส ปล่อยเดี๋ยวนี้เลยนะคะ” เธอร้องห้ามเสียงแปร๋น หากแต่ธัญกรบิดยิ้มมุมปากสายตาแพรวพราว“เรื่องอะไร เกมนี้คุณแพ้แล้วนะ ตอนนี้ก็ถึงบทลงโทษล่ะ...”ประโยคที่เสมือนมนต์สะกด ทำให้แสงเทียนหยุดนิ่ง และเป็นโอกาสให้เจ้าของสายตาแพรวพราวได้จังหวะสำรวจอีกฝ่าย อีกทั้งสายตาจ้องลึกไปยังร่องอกโดยคอเสื้อที่ห้อยลงมาพอให้มองเห็นเนินเนื้อเนียนใต้ร่มผ้าถนัดตา และที่สำคัญความตูมเต่งสัมผัสเสียดสีจนรู้สึกได้ แม้มีเนื้อผ้าบางขวางกั้นก็ไม่ได้ทำให้ความต้องการทางร่างกายของเธอที่ตื่นเพริดหดหาย กลับกันมันถูกกระตุ้นด้วยสารบางอย่างที่ออกฤทธิ์ทันตาเห็น จนอยากกอดรัดเคล้นคลึงร่างกลมกลึงโดยไม่ประวิงเวล
สีผิวที่เคยขาวผ่องของแสงเทียนตอนนี้กลายเป็นสีแดงเรื่อฉ่ำสีด้วยความเสียวกระสัน ด้วยความต้องการแปลกใหม่ที่ไม่เคยพบ ควบคุมจุดอ่อนไหวจนอยากปลดปล่อย เพราะการกระทำของธัญกรที่กระตุ้นความรู้สึกและเลือดที่ไหลเวียนอยู่ในกายของเธอให้เดือดพล่านไปทั่วสรรพางค์กายแผ่นหลังบางลอยแอ่นกายขึ้น ประหนึ่งเชิญชวนให้อีกฝ่ายโน้มลงมาครอบครองปลายถันที่ชูช่องามสล้างของตนเองได้ถนัดถนี่ขึ้น และนั่นเป็นการกระทำที่แสงเทียนคิดว่าการตอบสนองของร่างกาย มันน่าละอายยิ่งนัก แต่จิตใจส่วนลึกไม่อาจต้านความปรารถนาที่กำลังเล่นงานตัวเองได้!ปลายถันสีชมพูระเรื่อชูช่อแข่งกันอวดสายตา นักธุรกิจสาวผู้ช่ำชองถึงกับกลืนน้ำลายเหนียว ๆ ลงลำคออย่างยากลำบาก เมื่อสิ่งที่กำลังกลืนลงไปนั้นแห้งผากดั่งลำธารขาดน้ำมานานนับปี ผิวขาวนวลเนียนเกลี้ยงเกลาไร้ตกกระ วาบไหวยามฝ่ามือเรียวไล้สัมผัสผ่าน “อึบ...” ริมฝีปากบางขบเม้มเข้าหากัน เพื่อสกัดกลั้นเสียงครางที่เกือบเล็ดลอดออกมาประจานตัวด้วยความกระสันเสียวไว้ พร้อมกันนั้นร่างบางผวาเฮือกเมื่อ หญิงสาวผู้ช่ำชองตวัดเรียวลิ้นร้อนชื่นเข้าครอบครองปลายถันชูชัน ขบเม้มดูดดึง จนกลางลำตัวของแสงเทียนปวดทรมาน“อืออ คุ