ธัญกรวางช้อนในมือ โดยสายตาจับจ้องใบหน้านวลนิ่ง“ทำไม คนอย่างฉันน่ารังเกียจขนาดนั้นเลยเหรอ” แววตาและน้ำเสียงเต็มไปด้วยความน้อยใจ ซึ่งแสงเทียนรับรู้ได้ เธอหน้าซีดเผือด สำนึกตัวว่าควรเก็บอาการให้มากกว่านี้ “ขอโทษค่ะ” เธอตัดใจอ่อนให้ธัญกรเมื่อได้ยินคำขอโทษธัญกรจึงหยิบช้อนที่วางไปขึ้นมาใหม่ พร้อมกับพูดขึ้น“ขอโทษแล้วทำให้ได้ด้วยละ เพราะการให้อภัยคนไม่สำนึกตัวแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวก็เกินพอ”น้ำเสียงนั้นจริงจังจนแสงเทียนเป็นกังวลว่าการกระทำที่พลั้งเผลอของเธอ จะทำให้อีกฝ่ายเปลี่ยนใจไม่ช่วยบริษัทของพ่อเข้าสักวัน“ต่อไปนี้เรามาเล่นเกมกัน ใครแพ้สามครั้งโดนทำโทษ”ธัญกรพูดขึ้น“เกมจับผิด?” แสงเทียนถามหน้าตื่น“ใช่ เกมจับผิด” ธัญกรยืนยันคำพูดด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง แต่แฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์“ยังไงคะ เกมจับผิด” เธอเริ่มไม่ไว้ใจนักธุรกิจตรงหน้าขึ้นมาอีกแล้ว ดวงตากลมโตลุกวาว แล้วพูดสิ่งที่ตัวเองตั้งขึ้น “ต่อไป หากคุณทำอาการ ‘แดกดัน’ ใส่ ฉันจะทำโทษคุณ ง่าย ๆ คือห้ามทำกิริยาที่ไม่พึงประสงค์ต่อหน้าและลับหลัง หากจับได้สามครั้งคนนั้นจะโดนลงโทษ”ธัญกรย้ำชัดทุกถ้อยคำแล้วแสงเทียนก็ได้แต่อ้าปากค้าง อึ้ง จ
แสงเทียนมารู้ตัวเองว่าเสียท่า ก็ต่อเมื่อใบหน้างามของคนที่ตัวเองนอนทับโน้มเข้ามาใกล้เพียงลมหายใจสัมผัส“ก็คุณยั่วโมโหนี่คะ” แสงเทียนรู้ตัวว่าพลาด ก็พยายามไม่ขึ้นเสียงใส่คนที่ไม่รู้ว่าตอนนี้อารมณ์ของเธออยู่ระดับไหน“อ้อหากโดนยั่วโมโห ก็ระงับอารมณ์ตัวเองไม่ได้ งั้นแบบนี้ฉันก็ระงับอารมณ์ตัวเองไม่ได้ก็ไม่ผิดใช่ไหม” พูดจบเธอก็ฉกจมูกลงบนแก้มสีเรื่อเป็นการเอาคืนทันที“อะ...” แสงเทียนอ้าปากค้าง ก่อนจะหาลิ้นตัวเองเจอ“นี่ คุณ คุณฉวยโอกาส ปล่อยเดี๋ยวนี้เลยนะคะ” เธอร้องห้ามเสียงแปร๋น หากแต่ธัญกรบิดยิ้มมุมปากสายตาแพรวพราว“เรื่องอะไร เกมนี้คุณแพ้แล้วนะ ตอนนี้ก็ถึงบทลงโทษล่ะ...”ประโยคที่เสมือนมนต์สะกด ทำให้แสงเทียนหยุดนิ่ง และเป็นโอกาสให้เจ้าของสายตาแพรวพราวได้จังหวะสำรวจอีกฝ่าย อีกทั้งสายตาจ้องลึกไปยังร่องอกโดยคอเสื้อที่ห้อยลงมาพอให้มองเห็นเนินเนื้อเนียนใต้ร่มผ้าถนัดตา และที่สำคัญความตูมเต่งสัมผัสเสียดสีจนรู้สึกได้ แม้มีเนื้อผ้าบางขวางกั้นก็ไม่ได้ทำให้ความต้องการทางร่างกายของเธอที่ตื่นเพริดหดหาย กลับกันมันถูกกระตุ้นด้วยสารบางอย่างที่ออกฤทธิ์ทันตาเห็น จนอยากกอดรัดเคล้นคลึงร่างกลมกลึงโดยไม่ประวิงเวล
สีผิวที่เคยขาวผ่องของแสงเทียนตอนนี้กลายเป็นสีแดงเรื่อฉ่ำสีด้วยความเสียวกระสัน ด้วยความต้องการแปลกใหม่ที่ไม่เคยพบ ควบคุมจุดอ่อนไหวจนอยากปลดปล่อย เพราะการกระทำของธัญกรที่กระตุ้นความรู้สึกและเลือดที่ไหลเวียนอยู่ในกายของเธอให้เดือดพล่านไปทั่วสรรพางค์กายแผ่นหลังบางลอยแอ่นกายขึ้น ประหนึ่งเชิญชวนให้อีกฝ่ายโน้มลงมาครอบครองปลายถันที่ชูช่องามสล้างของตนเองได้ถนัดถนี่ขึ้น และนั่นเป็นการกระทำที่แสงเทียนคิดว่าการตอบสนองของร่างกาย มันน่าละอายยิ่งนัก แต่จิตใจส่วนลึกไม่อาจต้านความปรารถนาที่กำลังเล่นงานตัวเองได้!ปลายถันสีชมพูระเรื่อชูช่อแข่งกันอวดสายตา นักธุรกิจสาวผู้ช่ำชองถึงกับกลืนน้ำลายเหนียว ๆ ลงลำคออย่างยากลำบาก เมื่อสิ่งที่กำลังกลืนลงไปนั้นแห้งผากดั่งลำธารขาดน้ำมานานนับปี ผิวขาวนวลเนียนเกลี้ยงเกลาไร้ตกกระ วาบไหวยามฝ่ามือเรียวไล้สัมผัสผ่าน “อึบ...” ริมฝีปากบางขบเม้มเข้าหากัน เพื่อสกัดกลั้นเสียงครางที่เกือบเล็ดลอดออกมาประจานตัวด้วยความกระสันเสียวไว้ พร้อมกันนั้นร่างบางผวาเฮือกเมื่อ หญิงสาวผู้ช่ำชองตวัดเรียวลิ้นร้อนชื่นเข้าครอบครองปลายถันชูชัน ขบเม้มดูดดึง จนกลางลำตัวของแสงเทียนปวดทรมาน“อืออ คุ
ด้วยความต้องการของร่างกายที่หลุดอยู่ในห้วงไฟราคะ เธอจึงหลุดปากออกมา ธัญกรยิ้มกริ่มจากนั้นก็เริ่มขยับนิ้วและเพิ่มจำนวนเป็นสอง แต่ร่างบางมีอาการสะดุ้งเล็กน้อย ทำให้เจ้าของนิ้วเรียวหยุดชะงัก และเปลี่ยนใจค่อย ๆ ขยับนิ้วที่เพิ่มเข้าไปออกมา เมื่อเห็นว่าร่างกายของแสงเทียนยังไม่คุ้นชินและคับแน่นเกินกว่าจะไปต่อได้เมื่อทุกอย่างลงตัว โดยร่างกายก็ตอบสนอง โดยแอนสะโพกโยกรับจังหวะยามนิ้วมือเรียวกระแทกลงไปเป็นจังหวะตอบรับธัญกรยิ้มกริ่มจากนั้นก็เร่งความเร็วของนิ้วที่สะบัดพลิ้วอย่างย่ามใจ“อ่าส์... เทียน ไม่ไหวนะคะ เร่งอีกค่ะ...”เมื่อเจ้าของนิ้วเรียวยาวเร่งจังหวะ เธอก็เกือบปริแตกจนร้องขอ ในขณะที่หัวใจเต้นแรงท้องไส้บิดมวนด้วยความทรมานที่เต็มไปด้วยความวาบหวามรัญจวน จึงเผลอตัวเผลอใจปล่อยคำที่เขาต้องการออกมา “ดีมาก...” ธัญกรก้มหน้ากระซิบใกล้ติ่งหูขาวใจพองโต เธอชนะแล้วธัญกร... จากนั้นเธอก็เพิ่มความเร็วและแรงขึ้น ส่วนมืออีกข้างเลื่นไปทำหน้าที่ เคล้นคลึงสองเต้ากลม ก่อนจะโอบอุ้มเข้าหาอุ้งปากชื่นแล้วดูดกลืนเม็ดทับทิม ใช้ปลายลิ้นขยับสะบัดพลิ้วอย่างหยอกเอิน“อ่า ซีดส์...” คนใต้ร่างเริ่มส่งเสี
แสงเทียนมองบน ...นอกจากเป็นนักธุรกิจหญิงที่เก่งและหาตัวจับยาก ผู้หญิงคนนี้ก็หลงตัวเองเอามาก ๆ เช่นกัน“ไหนคุณบอกว่าคนอย่างคุณ งานมากจนล้นมือ แต่ทำไมถึงรู้รายละเอียดเกี่ยวกับ ‘ฉัน’ เรื่องภายในครอบครัวของคนอื่นดีจัง” เธอเก็บคำว่า ‘ฉัน’ ไว้ในใจธัญกรรู้ว่าแสงเทียนกำลังหว่านแหเพื่อให้เธอคลายความจริงบางอย่างออกมาและแน่นอนว่าครั้งนั้นเธอได้ใช้เสน่ห์ล่อให้ใบข้าวเข้าไปสืบและตีสนิทแสงเทียนเพื่อล้วงข้อมูลบางอย่างครั้งที่อยู่ต่างประเทศ“รู้ไหมว่าเงินซื้อได้ทุกอย่าง... ” แล้วสายตาของเธอก็ไปหยุดอยู่ที่ร่างบาง เป็นการย้ำว่าสิ่งไหนที่เธออยากได้ก็ต้องได้ แม้ต้องเสียเงินที่หามาด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเองมากเพียงใดก็ตามแสงเทียนกัดริมฝีปากของตัวเองจนห้อเลือด สะบัดหน้าหนี อยากตะโกนบอกไปนักว่า ‘เขาช่างเป็นคนที่หลงตัวเองได้อย่างน่าเกลียด’ หากแต่ที่เขาพูดมามันเรื่องจริง คนมีเงิน แค่บอกว่าต้องการสิ่งไหน ทุกคนก็พร้อมจะประเคนให้อย่างไม่มีอิดออด รวมทั้งศักดิ์ศรี ที่เธอยอมขายให้ตามสัญญาหากเธอไม่ไร้หนทาง หรืออาจเป็นเพราะฟ้ากำหนดให้มาเจอเจ้ากรรมนายเวรอย่างธัญกร!เมื่อคิดว่า ยิ่งพูดยิ่งเข้าตัว แสงเทียนจึงหันหลังเด
“ไหวค่ะ” แล้วดันตัวเองลุกขึ้น โดยมีธัญกรช่วยประคองไว้อีกที แต่อาการเดินกระเผลกของเธอ ทำให้ธัญกรตัดสินใจยกร่างบางขึ้นอุ้ม แสงเทียนคว้ารอบคอคนตัวโตไว้แน่นด้วยความตกใจ“คุณธัญ คุณทำอะไร ปล่อยเทียนลงค่ะ” เธอร้องบอกด้วยความตกใจและเกรงใจในคราเดียวกัน “อยู่นิ่ง ๆ ถึงห้องแล้วจะปล่อย” เธอบอกเสียงเด็ดขาด“เทียนหนักนะคะ” เธอบอกเสียงอ่อนลง“ผู้หญิงบางคนยังอุ้มผู้ชายที่เป็นแฟนตัวเองเลยนะ” ธัญกรยกข้ออ้าง“แต่นี่เรา...” แสงเทียนแย้ง แต่ยังพูดไม่ทันจบ ก็โดนธัญกรพูดแทรกด้วยน้ำเสียงติดดุ“เงียบเลย!”แสงเทียนกัดปากตัวเอง จิกตามองค้อน “อยากเดินออกมาอ่อยไม่รู้ตาม้าตาเรือ”“คุณ!” แสงเทียนโกรธจนไม่รู้จะหาคำใดมาแย้งได้ เพราะเธอไม่ได้มีความคิดเช่นนั้น แต่เลือกที่จะปิดปากตัวเองโดยปล่อยให้สายตาทำงานแทนไป“หรือไม่จริง”แต่ธัญกรยังไม่หยุด เธอจึงต้องโต้กลับไปอย่างกดไม่อยู่“ใครอ่อยคุณ” เธอย้อนถาม หากแก้มนวลกลายเป็นสีแดงเรื่อยังไม่จางลง“งั้นอ่อยใคร อย่าบอกนะ ว่าที่เดินออกมานี่เพื่อจะไปอ่อยแขกคนอื่น ๆ นี่คิดนอกใจเชียว ไม่งั้นฉันเล่นคุณหนักแน่” เธอต่อว่าและวขู่กำชับแสงเทียนตาเบิกกว้าง อยากตะกายหน้
หื่น! ต่อว่าด้วยความหมั่นไส้“แน่จริงก็อย่าด่าในใจสิ” ธัญกรพูดขัดขึ้น“หืออ...” แสงเทียนลากเสียงขึ้นจมูก ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะอ่านความคิดเธอได้ จึงโพล่งออกไปด้วยความหมั่นไส้ “มาสิงร่างเถอะ” เธอประชด“แน่ใจนะที่พูด” ธัญกรส่งสายตากรุ่มกริ่ม แสงเทียนหน้าร้อนสลับกับกระดากอาย ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะรับประโยคกลับมาเช่นนี้ เถอะ พร้อมกระโดดเข้าใส่ตลอด!“...” คนบ้า! เธอฟิดฟัดอยู่ในใจ“ว่าไงล่ะ ตกลงยอมให้สิงหรือเปล่า”ธัญกรยังสนุกกับการแหย่ให้อีกฝ่ายอับอาย เมื่อเห็นว่าแสงเทียนไม่แน่จริงอย่างที่พูด“คุณธัญ...” เมื่อโดนแหย่มาก ๆแสงเทียนก็ทั้งเคืองทั้งอายเลยผลุดลุกขึ้นแล้วแขย่งเท้ารีบเดินเข้าห้อง ธัญกรไม่คิดว่าแสงเทียนจะดื้อเดินหนีทั้งที่เท้าเจ็บ ก็รีบเดินตามไปประกบ“ตามมาทำไมเล่า” เธอถามเสียงขม แต่ธัญกรไม่สนรีบตอบกลับ“ก็เป็นห่วง...”คนที่ปรับอารมณ์ไม่ได้หยุดเดินแล้วหันมาเผชิญหน้า สายตาของเธอธัญกรเห็นถึงความเจ็บปวดและสิ้นหวัง แต่จะช่วยอะไรได้เมื่อต่างคนต่างเลือกเดินมาจุดนี้...“ห่วงทำไม ก็คนคนหนึ่งที่ทำเพื่อสัญญาเท่านั้น ไม่ต้องแสดงความห่วงใย ลำบากใจคุณเปล่า ๆ ”แม้จะเป็นประโยคที่เจ็บปวด แต่เธอก็กลั้นใจ
เสียงลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอหยุดแผ่วลง ก่อนจะขยับตัวพลิกไปอีกด้าน ธัญกรที่นอนมองใบหน้างาม รีบหลับตาลง ทั้งที่ใจเต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆ‘คุณสวยและฉลาด...แต่คุณก็คือลูกสาวของ ‘ปิยะ เตชะรัฐ’ แล้วคุณก็เลือกเกิดไม่ได้...’ เปลือกตาที่เคยปิดสนิทปรือขึ้นพร้อมคำถามอยู่ในใจ แสงเทียนอยากเขย่าร่างบางที่นอนเคียงข้างอยู่ให้ลุกขึ้นมาตอบคำถามเธอเหลือเกิน หากติดที่ว่าเธอกลัว ว่ามันจะจบลงแบบก่อนหน้าอีก...ก็ผู้หญิงตรงหน้าหาเรื่องเอาเปรียบเธออยู่ร่ำไป!เมื่อต่างคนต่างเงียบบวกกับอากาศเย็นสบายต่างก็กลับสู่ห้วงนิทราพร้อม ๆ กับความอ่อนล้าของทั้งคู่รุ่งเช้าของวันใหม่ร่างบางที่เคยเว้นระยะห่าง หากเมื่อเวลาผ่านไป กลับอยู่ในสภาพก่ายกอดกัน ประหนึ่งต่างฝ่ายต่างต้องการความอบอุ่นของกันและกัน และถูกปลุกด้วยแสงสว่างยามเช้าที่ส่องผ่านช่องว่างของม่านหน้าต่าง ทำให้นัยน์ตาที่หลับพริ้มอยู่เริ่มขยับปรือน้อย ๆ หากแต่ประสาทรับรู้ยังคงหนักอึ้ง ค่อย ๆ รู้สึกถึงความสว่างและเสียงนกน้อยร้องประสานก้องไปทั่วบ้านพัก“อื้อ...” เสียงแผ่วดังขึ้นแล้วบิดตัวเพื่อลดความเมื่อยขบ ก่อนจะขยับตัวแล้วนอนหงาย “เช้าแล้วหรือนี้...” แสงเทียนลืมตาอย่างยากล