Share

บทที่ 1

last update Last Updated: 2025-02-11 19:49:19

"ลูกคุณเป็นโรคคาวาซากิครับ"

"โรคคาวาซากิ" หญิงสาวเจ้าของใบหน้าสะสวยรูปร่างผอมเพรียวในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์ขายาวดูธรรมดาหน้านิ่วคิ้วขมวดด้วยความสงสัยกับโรคที่ฟังดูไม่คุ้นหูจากปากหมอวัยกลางคน เธอไม่เคยได้ยินโรคนี้มาก่อนเลย “มันคือโรคอะไรเหรอคะดิฉันไม่เคยได้ยินมาก่อน”

"โรคคาวาซากิมักพบในเด็กเล็กอายุน้อยกว่า 5 ปี เป็นกลุ่มอาการที่มีการอักเสบของหลอดเลือดขนาดกลางและขนาดเล็กทั่วร่างกาย มีไข้สูง ร่วมกับมีการเปลี่ยนแปลงของผิวหนัง เยื่อบุผิว และต่อมน้ำเหลืองที่คอโต สาเหตุที่แท้จริงของโรคยังไม่ทราบแน่ชัด แต่อาจเกี่ยวกับการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันของร่างกาย โรคนี้ทำให้เกิดการอักเสบของหัวใจและหลอดเลือดที่เลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ ทำให้หลอดเลือดหัวใจมีลักษณะโป่งพอง กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบในระยะเฉียบพลัน หัวใจเต้นเร็ว คลื่นไฟฟ้าหัวใจผิดปกติ ลิ้นหัวใจอักเสบ เยื้อหุ้มหัวใจอักเสบครับ"

"ค่ะ" วารีพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ แล้วเปล่งเสียงถามต่อด้วยความกังวล "แล้วอันตรายไหมคะ"

"ลูกคุณต้องได้รับการรักษาโดยเร็วที่สุดครับเพราะอาการค่อนข้างรุนแรง ปล่อยไว้อาจอันตรายถึงชีวิตได้" ราวกับฟ้าผ่าลงกลางศีรษะดังเปรี้ยงเมื่อได้ยินที่หมอบอก หัวใจของคนเป็นแม่อย่างเธอแทบจะขาดร่อน ๆ เมื่อรับรู้ว่าลูกน้อยวัยเพียงสามขวบเศษ ๆ เป็นโรคที่อาจจะทำให้ถึงแก่ชีวิตได้ เธอกลืนก้อนสะอึกลงลำคออย่างยากลำบากก่อนเผยอริมฝีปากสั่นเครือถามต่อ "ค่าใช้จ่ายในการรักษาเท่าไรคะคุณหมอ"

"หมอจะรักษาโดยการใช้ยาก่อนนะครับหากได้ผลก็ไม่ต้องผ่าตัดค่าใช่จ่ายประมาน 200,000 - 300,000 ครับ แต่ถ้าต้องผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ 500,000 - 900,000 บาทครับ"

"หะ..ห้าแสนถึงเก้าแสน" สิ้นเสียงตอบใบหน้าสวยถึงกับถอดสีความกังวลฉายขึ้นในแววตาคู่สวยอย่างชัดเจน เงินเกือบล้านเธอจะไปหาจากที่ไหนได้ทุกวันนี้ก็มีแค่พอกินพอใช้

มือเรียวที่วางบนหน้าตักประสานเข้าหากันแน่นความเครียด ความกดดันถาโถมเข้ามาจนนั่งไม่ติด แต่ไม่ว่ายังไงเธอจะต้องรักษาชีวิตบุตรสาวไว้ให้ได้เพราะเป็นสิ่งมีค่าสิ่งเดียวในชีวิตที่ทำให้เธอก้าวเดินต่อไปในโลกอันโหดร้ายนี้ได้ อีกทั้งยังเป็นตัวแทนความรักจากผู้ชายอันเป็นที่รัก เธอหลับตาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนปรือตาขึ้นตอบ "คุณหมอรักษาได้เลยค่ะ"

"โอเคครับหากมีอะไรเพิ่มเติมหมอจะแจ้งให้คุณแม่ทราบอีกทีนะครับ"

"ค่ะหมอ" วารีพยักหน้ารับน้อย ๆ แล้วยกมือไหว้ขอบคุณ จากนั้นก็ลุกเดินออกจากห้องหมอกลับไปหาลูกที่ห้องพักผู้ป่วยด้วยสมองหนักอึ้ง และจิตใจที่ล่องลอย

เธอค่อย ๆ เปิดประตูเข้าไปในห้องอย่างหมดเรี่ยวแรง เดินไปหยุดข้างเตียงจับจ้องใบหน้าจิ้มลิ้มของบุตรสาวที่นอนหลับจมูกมีสายออกซิเจนสอดอยู่ด้วยความรู้สึกสงสารจับใจ น้ำสีใสพลันเอ่อคลอดวงตากลมโตอย่างกลั้นไม่อยู่ เธอช่างเป็นแม่ที่ไม่ได้เรื่องเอาเสียเลยอยู่กับบุตรสาวมาตั้งแต่แรกเกิด

"ไม่อะเงินเก็บแกกว่าจะหามาได้สักบาทเหนื่อยสายตัวแทบขาด ฉันรับไว้ไม่ได้หรอก"

"คิดมากทำไมเราเพื่อนกัน" ไวน์ยกมือขึ้นตบบ่าเพื่อนสาวเบา ๆ เชิงให้กำลังใจแกล้มปลอบประโลม

"ถ้าฉันหาไม่ได้จริง ๆ จะยืมของแกแล้วกัน" วารีมองหน้าเพื่อนสาวด้วยความซาบซึ้งใจไม่มีครั้งไหนเลยที่เธอลำบากแล้วเพื่อนสาวจะไม่ยื่นมือเข้าช่วยจนบางครั้งก็เกรงใจถึงแม้จะเป็นเพื่อนกันก็ตาม “ยังไงก็ขอบคุณแกมากนะไวน์ที่คอยอยู่ข้างฉันตลอดเวลามีปัญหา”

"โอเค ๆ เอาที่แกสบายใจก็แล้วกัน" ไวน์เอ่ยอย่างอ่อนใจเลือกจะไม่พูดอะไรต่อ เดินไปหย่อนสะโพกนั่งลงที่โซฟาเงียบ ๆ

ส่วนวารียังคงยืนมองหน้าบุตรสาวอยู่อย่างนั้น ในสมองก็ครุ่นคิดเรื่องค่ารักษาไปด้วยตอนนี้เงินเก็บในบัญชีมีแค่สองแสนกว่าเท่านั้นไหนจะต้องกินต้องใช้อีก งานก็ไม่ได้ทำเพราะต้องอยู่ดูแลบุตรสาวมองทางไหนก็มืดแปดด้านไปหมด ไม่เห็นทางเลยว่าจะมีวิธีไหนที่ทำให้เธอหาเงินได้มากและเร็วที่สุด

"สวัสดีค่ะเสี่ย" ระหว่างที่เธอกำลังคิดไม่ตกเรื่องเงินเสียงของเพื่อนสาวที่รับโทรศัพท์ก็ดังแทรกเข้ามาในโสตประสาททำให้เธอหลุดจากภวังค์ คำว่าเสี่ยทำให้ความคิดบางอย่างผุดขึ้นในสมอง เธอยืนฟังเพื่อนสาวพูดโทรศัพท์กับคนปลายสายจนเสร็จจึงเดินไปนั่งลงข้าง ๆ แล้วถามไถ่ด้วยความอยากรู้เพราะนี่อาจเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเธอในตอนนี้ "ไวน์งานเอนเตอร์เทนที่แกทำรายได้ดีไหม แบบที่แค่ทานข้าว ดูหนัง ฟังเพลงอะ"

"ถามทำไมอย่าบอกนะว่าแกจะทำ ฉันไม่อยากให้แกทำงานแบบนี้เลยหากมีทางเลือกอย่าเลือกเดินเหมือนฉันนะวา" ไวน์มองหน้าเพื่อนสาวด้วยแววตาเศร้าเธออยู่ในวงการนี้มาตั้งแต่อายุสิบเจ็ดจนตอนนี้อายุยี่สิบหกรู้ดีว่าเป็นแบบไหน ถึงแม้จะแค่ทานข้าวมันไม่ดีต่อตัวเองสักนิดหากย้อนเวลากลับไปได้เธอจะไม่ขอเดินทางนี้เด็ดขาดดังนั้นจึงไม่อยากให้เพื่อนสาวพลาดเหมือนกับตัวเอง

"ฉันแค่ถามไว้ประกอบการตัดสินใจ แต่หากไม่มีทางเลือกจริง ๆ ฉันคงต้องทำ"

"อืม" ไวน์พยักหน้ารับน้อย ๆ นิ่งเงียบไปนานนับนาที ก่อนเอ่ยขึ้นอีกครั้ง "งานเอนเตอร์เทนมีหลากหลายประเภทแบบที่ 1 เอนแบบธรรมดา เป็นการรับงานในลักษณะดูแล รับประทานอาหาร ดูหนัง เป็นเพื่อนเที่ยว เพื่อนดื่ม ชงเหล้าให้เท่านั้น ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 5,000 – 10,000 บาท

แบบที่ 2 เอนอัพ เป็นการให้บริการในงานปาร์ตี้เฉพาะกลุ่มมีการใช้สารเสพติด หรือที่เรียกว่าอัพยา ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 10,000 – 20,000 บาท

แบบที่ 3 เอนบิกินี่ เป็นปาร์ตี้ริมสระ เด็กเอนที่รับงานจะต้องใส่ชุดบิกินี่ให้บริการลูกค้า คือ ดูแล ชงเหล้า เป็นเพื่อนดื่มกิน หรือลงสระน้ำด้วย ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 15,000 – 30,000 บาท

แบบที่ 4 เอนแรง งานประเภทนี้จะมีความ 18+ ขึ้นมาอีกระดับ ผู้รับงานต้องใจกล้าเนื่องจากลูกค้าอาจมีการสัมผัสร่างกาย ถึงเนื้อถึงตัว แต่ไม่มีเซ็กส์ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 20,000 – 50,000 บาท

แบบที่ 5 เอนวี เป็นการดูแลลูกค้าที่ใช้บริการและต้องจบที่บนเตียง ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 60,000 – 200,000 บาท ราคาของงานเอนประเภทนี้จะสูงขึ้นได้อีก พิจารณาตามเกรดตัว หน้าตา ประสบการณ์การการทำงาน หรือความบริสุทธิ์ รวมถึงประวัติของผู้ให้บริการ เช่น เป็นดารา เป็นนางแบบ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับลูกค้าด้วยว่าจะใจป๋ากระเป๋าหนักหรือเปล่าบางทีก็ได้เยอะกว่าที่พูดไป"

"ทำงานแค่ไม่กี่ชั่วโมงมันได้เยอะขนาดนั้นเลยเหรอ" วารีเอ่ยอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองเธอก็พอรู้มาบางว่างานเอนเงินดี แต่ไม่คิดว่าจะมากมายขนาดนี้ ถ้าถามว่าอยากทำไหมตอบได้เลยว่าไม่อยากทำสักนิดถึงจะเงินดีมันก็ไม่คุ้มกับการต้องเสียศักดิ์ศรี

"เยอะแต่ต้องแลกมากับศักดิ์ศรีตัวเองมันไม่คุ้มหรอกวา"

"ใช่มันไม่คุ้มเลยจริง ๆ" ทั้งสองมองสบตาถอนหายใจออกมาอย่างพร้อมเพรียงกันโดยไม่ได้นัดหมาย พวกเธอคบกันมานานกว่าเจ็ดปีแค่มองตาก็รู้ใจไม่ต้องมีคำพูดใด ๆ

ภายในห้องถูกปกคลุมด้วยความเงียบนานนับนาที ก่อนไวน์จะเอ่ยขึ้นอีกครั้งเมื่อเหลือบไปเห็นเวลาบนนาฬิกาแขวนฝาผนัง "งั้นฉันกลับก่อนนะวันนี้มีงาน"

"อือ ๆ" วารีเพียงพยักหน้ารับ หลังจากเพื่อนสาวกลับไปเธอก็เอนหลังพิงพนักโซฟา ก่อนค่อย ๆ หลับตาลงเพื่อพักผ่อนสายตาพลางครุ่นคิดอะไรบางอย่าง

2 วันต่อมา..

วารีนั่งจ้องหน้าจอมือถืออย่างใช้ความคิดตอนนี้หมอได้เริ่มทำการรักษาบุตรสาวแล้ว และแน่นอนว่าอีกไม่กี่วันก็ต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลซึ่งจากการประเมินคร่าว ๆ ก็เกือบแสนเพราะตัวยาที่ใช้รักษาบุตรสาวค่อนข้างแพง อีกทั้งต้องรักษาอย่างต่อเนื่องจนกว่าจะหายไม่รู้ว่าต้องใช้เงินอีกเท่าไร ไหนจะค่าห้องพิเศษ ค่าจิปาถะอีกเงินในบัญชีร่อยหรอลงทุกที

เธอถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ก่อนตัดสินใจกดเบอร์โทรหาเพื่อนสาวเพื่อพูดคุยเรื่องงาน เธอตัดสินใจแล้วว่าจะทำงานเอนเตอร์เทนเพราะเป็นงานเดียวที่ได้เงินเยอะและไว มันคงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคนร้อนเงินอย่างเธอ

(ว่าไงวาโทรหาฉันแต่เช้าเชียว)

"ฉันจะทำงานเอนเตอร์เทน แกช่วยหางานให้ฉันหน่อยได้ไหม"

(แกคิดดีแล้วเหรอวาว่าจะทำงานนี้จริง ๆ)

"ฉันไม่มีทางเลือกแล้วจริง ๆ ฉันคิดทบทวนดีแล้ว อีกอย่างฉันก็จะทำแค่งานเอนแบบธรรมดาไม่เปลืองเนื้อเปลืองตัวสักหน่อย"

(โอเค ๆ หากคิดดีแล้วฉันก็เคารพในการตัดสินใจของแก...เดี๋ยวฉันจะดูงานให้นะได้เรื่องยังไงจะโทรบอก)

"ขอบใจแกมากนะ" สิ้นเสียงพูดนิ้วเรียวก็กดวางสายทันที ก่อนจะลุกจากโซฟาเดินไปหาบุตรสาวที่นอนหลับอยู่บนเตียงจับจ้องใบหน้าจิ้มลิ้มด้วยความรู้สึกสงสาร มือเรียวยื่นไปลูบเส้นผมสีน้ำตาลอ่อนเบา ๆ ด้วยความรักใคร่ “แม่จะทำทุกอย่างให้ลูกหายจากโรคที่เป็นอยู่ แม่รักลูกมากนะคะ”

"อึก" น้ำสีใสเริ่มเอ่อคลอดวงตากลมโตอย่างกลั้นไม่อยู่พอนั่งมองหน้าบุตรสาวแล้วใบหน้าของอีกคนก็ผุดขึ้นในสมองเธอตลอดเพราะบุตรสาวมีส่วนคล้ายคนเป็นพ่ออยู่ไม่น้อยไม่ว่าจะเป็นคิ้วเข้ม ๆ จมูกโด่งสัน ดวงตาเด็ดเดี่ยวจะมีก็แต่ปากและผิวพรรณที่เหมือนเธอ

บุตรสาวเกิดมาจากความรักของเธอกับชายคนรักแต่เพราะเหตุผลบางอย่างทำให้ต้องพรากจากกัน เธอเชื่อว่าหากมีคนเป็นพ่ออยู่ต้องรักและดูแลบุตรสาวได้เป็นอย่างดี เขาเป็นผู้ชายที่แสนดีมากสำหรับเธอ

ครืด! ครืด!

ขณะที่เธอกำลังหวนคิดถึงเรื่องราวดี ๆ ของหนุ่มคนรักโทรศัพท์ก็แผดเสียงดังขึ้นดึงให้เธอหลุดออกจากภวังค์ความคิด ก่อนรีบลุกจากเก้าอี้เดินไปหยิบโทรศัพท์บนโซฟาขึ้นมาดู เมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์เพื่อนสาวจึงกดรับสายอย่างไม่รอช้า

"ว่าไงไวน์"

(ฉันหางานให้แกได้แล้วนะพรุ่งนี้แค่ทานข้าว เที่ยวเป็นเพื่อนลูกค้าเฉย ๆ เดี๋ยวเก้าโมงเช้าฉันไปรับแกมาแต่งตัวที่ห้อง)

"โอเค ๆ ขอบใจแกมากนะไวน์"

(อือ..ไม่เป็นไรเราเพื่อนกันนิ)

"อืม" เธอถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาด้วยความเหนื่อยใจหลังจากวางสายเพื่อนสาวแล้ว หากเลือกได้เธอก็ไม่อยากจะทำงานที่เสี่ยง และอันตรายต่อตัวเองแบบนี้แต่คนเราใช่ว่าจะมีทางเลือกมากนัก

Related chapters

  • ปราณวารี   บทที่ 2

    วันต่อมา.."วารีแกจะทำงานนี้จริง ๆ เหรอ ฉันว่าแกลองคิดดูอีกทีดีไหม" ไวน์ปรายตาถามเพื่อนสาวด้วยความไม่สบายใจ ขณะกำลังขับรถพาเพื่อนสาวไปหาลูกค้าที่ดีลงานให้หลังจากพาเพื่อนสาวไปอาบน้ำแต่งตัวที่คอนโดเสร็จวารีที่นั่งทอดสายตามองออกไปนอกกระจกรถอย่างเหม่อลอยหลุดออกจากภวังค์ หันกลับมาตอบด้วยนัยน์ตาเศร้า "ฉันตัดสินใจดีแล้ว งานนี้แหละที่จะทำให้ฉันหาเงินได้มากและเร็วที่สุด ตอนนี้ฉันคิดเพียงว่าทำยังไงก็ได้ให้ลูกได้รับการรักษาเรื่องอื่นฉันไม่สนใจ""อืม..หากคิดดีแล้วฉันก็เคารพในการตัดสินใจของแก" ไวน์ลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ เมื่อเพื่อนสาวตัดสินใจแน่วแน่แบบนี้เธอก็คงพูดให้เปลี่ยนใจไม่ได้ วารีฝืนระบายยิ้มให้เพื่อนสาวบาง ๆ แล้วทอดสายตามองบรรยากาศนอกรถต่อ ในใจรู้สึกทุกข์ระทมไม่น้อย ต้องทำงานที่ไม่คิดอยากจะทำสักนิดไม่เคยอยู่ในสมองเธอเลยด้วยซ้ำ แต่จะทำยังไงได้ชีวิตที่ไม่ได้เกิดมาบนกองเงินกองทองแบบเธอก็ต้องทำทุกวิถีทางให้ได้เงิน@ร้านอาหาร"ถึงแล้ววา" เธอนั่งเหม่อลอยโดยไม่รู้เลยว่ารถมาจอดลงหน้าร้านอาหารที่นัดกับลูกค้าแล้วจนเสียงของไวน์ดังขึ้นทำให้เธอสะดุ้งหลุดจากห้วงความคิด "อะ..อ๋อถึงแล้วเหรอ""แกโอเคไหมเน

    Last Updated : 2025-02-11
  • ปราณวารี   บทที่ 3

    หลายวันต่อมา..วารีเดินเข้ามาทิ้งตัวลงนั่งเอนกายบนโซฟาในห้องพักผู้ป่วยด้วยท่าทางเหนื่อยล้า ห้าวันมานี้เธอแทบไม่ได้พักเลยเพราะทำงานตลอด กลางวันรับงานเอนพอตกกลางคืนก็รับงานนั่งดริ้งดื่มเป็นเพื่อนลูกค้าเพื่อหาเงินให้ได้เร็วที่สุด ทว่าถึงแม้จะทำงานอย่างหนักหน่วงจนแทบไม่มีเวลาพักก็ยังได้เงินไม่ครบตามจำนวนอยู่ดี งานเอนที่เธอรับกับงานนั่งดริ้งเป็นแบบธรรมดาไม่ได้ขึ้นเตียงหรือแตะเนื้อต้องตัวแต่ละครั้งจึงได้ค่าตอบแทนแค่ 15,000 -20,000 บาท ตอนนี้รวม ๆ กันแล้วก็ได้ประมาณ 100,000 กว่าบาท บวกกับเงินเก็บในบัญชี 200,000 ก็ได้แค่ 300,000 กว่าบาทซึ่งมันก็ยังไม่พออยู่ดีไม่รู้ว่าต้องทำงานแบบนี้อีกกี่ครั้งถึงจะครบ“อึก” เธอยกมือขึ้นปิดหน้าแล้วร้องไห้ออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ ยอมรับว่าตอนนี้ทั้งท้อทั้งเหนื่อยกับปัญหาที่กำลังเผชิญอยู่แต่กระนั้นก็ไม่คิดถอยเพราะคำว่าลูกคำเดียวที่ทำให้เธอยืนหยัดฝ่าฟันอุปสรรคมาได้จนถึงตอนนี้ ลูกคือสิ่งสำคัญและกำลังใจเพียงหนึ่งเดียวที่เหลืออยู่เธอกำพร้าพ่อแม่ตั้งแต่เด็กเติบโตมาในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่เคยเห็นแม้แต่หน้าพ่อแม่สักครั้งต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว และขาดความอบอุ่นมาตลอดจนกร

    Last Updated : 2025-02-11
  • ปราณวารี   บทที่ 4

    2 วันต่อมา..วารีถอนหายใจออกมาครั้งแล้วครั้งเล่านับตั้งแต่ลืมตาตื่นขึ้นมาเพราะคิดไม่ตกเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษาบุตรสาว เมื่อวานทางโรงพยาบาลก็ได้แจ้งเรื่องค่ารักษามาแล้วซึ่งค่าผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจสูงถึง 650,000 บาท ยังไม่รวมค่ายาและค่าห้องพิเศษอีก หลังจากรู้จำนวนเงินค่ารักษาเธอก็วิ่งเต้นทำเรื่องกู้เงินตามที่ต่าง ๆ แต่ผลก็ออกมาเหมือนกันทุกที่คือไม่ผ่าน ครั้นจะกู้เงินนอกระบบดอกเบี้ยก็โหดเกินไปคงผ่อนกลับไม่ไหว พยายามนั่งคิดนอนมาตั้งแต่เมื่อคืนว่าพอจะมีทางไหนบ้างที่ทำให้ได้เงินเร็วนอกจากงานเอนคำตอบที่ได้คือไม่มี ทางเลือกเดียวในตอนนี้คืองานเอนงานที่เธอไม่เคยคิดจะทำมันเลยถึงแม้จะปากกัดตีนถีบแค่ไหนก็ตาม แต่วันนี้เธอต้องตัดสินใจทำเพราะมีชีวิตของบุตรสาวเป็นเดิมพันน้ำสีใสค่อย ๆ เอ่อคลอดวงตากลมโตเพียงคิดว่าตัวเองต้องทำงานแบบนี้จริง ๆ เธอเคยตั้งใจแน่วแน่มาตลอดว่าจะไม่มอบหัวใจและร่างกายให้ผู้ชายคนไหนอีกนอกจากพ่อของลูก แต่อีกไม่นานร่างกายของเธอกำลังถูกผู้ชายคนอื่นสัมผัสทับรอยผู้ชายอันเป็นที่รัก เปลือกตาบางปิดลงช้า ๆ ปล่อยให้น้ำตาแห่งความเจ็บปวดไหลออกทางหางตาระบายความรู้สึกภายในใจเพื่อจะได้มีแรงลุก

    Last Updated : 2025-02-11
  • ปราณวารี   บทที่ 5

    “ไงวารี” ประภาวินท์เอ่ยทักทายคนรักเก่าด้วยน้ำเสียงราบเรียบหลังจากนั่งไล่สายตามองเธอนานพอสมควรแล้ว ร่างบางตรงหน้าดูซูบผอมอิดโรยไปมากจริง ๆ หน้าตาไม่สดใสเหมือนตอนที่อยู่ด้วยกัน นัยน์ตาของเธอก็แฝงด้วยความเศร้าคล้ายกับมีอะไรในใจคิดว่าหนีหายไปจากเขาแล้วจะมีชีวิตที่ดีขึ้นกว่านี้เสียอีก แต่ดูจากงานที่ทำในตอนนี้ก็พอเดาได้ว่าเธอตกต่ำแค่ไหน หรือไม่ก็รักความสบายจึงเลือกทำงานแบบนี้ แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเขาแล้วเพราะสถานะระหว่างเขากับเธอคือผู้ซื้อกับผู้ขายเท่านั้น“มาทำหน้าที่ของคุณสิวารี” เขาว่าพร้อมกับเปลี่ยนท่านั่งเอนตัวไปข้างหลังเล็กน้อย ใช้มือทั้งสองข้างค้ำยันที่นอนไว้ จับจ้องร่างบางด้วยแววตาว่างเปล่าเหมือนไม่ได้รู้สึกอะไร ทว่าใครจะรู้ว่าในใจเขานั้นรู้สึกเจ็บปวด ผิดหวัง และเสียใจมากแค่ไหนเพียงคิดว่าผู้หญิงที่เคยรักสุดหัวใจทำงานแบบนี้ เคยผ่านผู้ชายมานับไม่ถ้วน ไม่สิเธอไม่ใช่ผู้หญิงที่เคยรักแต่เธอยังเป็นคนที่เขารักสุดหัวใจเหมือนเดิมต่างหากถึงแม้เธอจะทำให้เขาเจ็บปวดเจียนตายก็ตาม ความจริงเขาสมควรเกลียดเธอมากกว่าแต่ไม่รู้ทำไมถึงเกลียดไม่ลง มันมีแต่ความโกรธและความเสียใจเท่านั

    Last Updated : 2025-02-13
  • ปราณวารี   บทที่ 6

    ประภาวินท์ไม่สนใจสักนิดว่าคนใต้ร่างจะรู้สึกอย่างไรเจ็บปวดหรือไม่ ระบายอารมณ์โกรธที่คุกรุ่นในกายลงบนร่างบอบบางซ้ำ ๆ ใช้ฟันขบกัดซอกคอระหงไล่ต่ำจนถึงเนินอกอวบ มือก็ขย้ำไปตามเรียวขาสวยจนเป็นรอยแดงช้ำเท่าฝ่ามือ อีกคนได้แต่นอนสะอื้นไห้กัดฟันข่มความเจ็บเอาไว้พลางรวบรวมแรงที่มีเพียงน้อยนิดต่อต้านสุดกำลัง แม้รู้อยู่เต็มอกว่าพยายามไปก็เปล่าประโยชน์เธอรีบกระเถิบถอยหลังหนีด้วยความเร็วทันทีที่คนด้านบนผละตัวลุกขึ้นปลดเปลื้องเสื้อผ้า ทว่าไม่ทันจะได้ก้าวลงจากเตียงก็ถูกมือหนาคว้าหมับเข้าที่ข้อเท้าแล้วลากกลับไปอยู่ที่เดิม ก่อนจะโถมตัวลงมาทาบทับไว้ใบหน้าหล่อเหลาคลอเคลีย ซุกไซ้สูดดมกลิ่นหอมจากกายสาวเข้าปอดพรืดใหญ่ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีกลิ่นกายของเธอก็ยังหอมไม่เคยเปลี่ยนเป็นกลิ่นที่เขาโหยหามาตลอดสี่ปีกว่า กลิ่นกายหอมหวานเป็นเชื้อเพลิงปลุกอารมณ์ความต้องการในกายชายได้เป็นอย่างดีมือหนาจับแก่นกายขนาดใหญ่ที่ผงาดชูชันเต็มตัวจ่อปากทางรัก แล้วอัดกระแทกเข้าไปในร่องนุ่มอย่างไร้ความอ่อนโยนโดยไม่มีการเล้าโลม ไม่มีสัญญาณเตือนใด ๆ เพราะคิดว่าส่วนนั้นของเธอผ่านผู้ชายมาไม่รู้กี่คนต่อกี่คนคงจะหลวมหมดแล้ว ส่งผลให้ร่องสาวที

    Last Updated : 2025-02-13
  • ปราณวารี   บทที่ 7

    “อ๊า”ประภาวินท์คำรามออกมาอย่างสุขสมเมื่อแตะถึงขอบสวรรค์ ทิ้งตัวลงทาบทับร่างบางที่นอนคว่ำซบหน้าลงกับซอกคอระหงอย่างหมดเรี่ยวแรงหลังจากบทลงโทษครั้งที่สองจบลง สองร่างหนุ่มสาวชุ่มไปด้วยเหงื่อถึงแม้แอร์ในห้องจะเย็นฉ่ำ เสียงหอบหายใจดังสอดประสานกันระรัววารีถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่เมื่อรู้ว่าบทลงโทษสิ้นสุดลงจริง ๆ ก่อนค่อย ๆ หลับตาลงปล่อยให้ร่างสูงทาบทับอยู่อย่างนั้นโดยไม่คิดทักท้วงใด ๆ เพราะรู้สึกอ่อนล้าและหมดเรี่ยวแรงเกินกว่าจะทำสิ่งใดภายในห้องถูกความเงียบเข้าปกคลุมมีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศที่กำลังทำงานอยู่เคล้าด้วยเสียงหอบหายใจของคนสองคน ทุกอย่างหยุดนิ่งไม่ไหวติงราวกับใครกดหยุดเอาไว้ประภาวินท์หลับตาสูดดมกลิ่นหอมจากลำคอระหงเข้าปอดเฮือกใหญ่ เหงื่อที่ไหลออกมาไม่ได้ทำให้ความหอมบนร่างกายของเธอจางลงเลย กลิ่นกายของเธอเป็นกลิ่นที่เขาชื่นชมมากที่สุดรู้สึกสดชื่นทุกครั้งเมื่อได้สูดดม พอไฟแห่งความโกรธดับลงความรู้สึกผิดก็ก่อขึ้นในใจน้อย ๆ รู้ว่าตัวเองกระทำรุนแรงกับเธอเกินไปตอนนั้นเขาคุมอารมณ์ไม่อยู่จริง ๆ แต่อีกใจก็แย้งขึ้นมาว่าเธอสมควรโดนแล้ว เจ็บแค่นี้ยังไม่สาสมกับความผิดและความใจร้ายของเธอเลยสักน

    Last Updated : 2025-02-13
  • ปราณวารี   บทที่ 8

    ชายหนุ่มเดินมาหยุดหน้าเคาวน์เตอร์อ่างล้างหน้าจ้องลึกเข้าไปในตาแดงก่ำที่พร่ามัวด้วยม่านน้ำตาของตัวเองผ่านกระจกบานใหญ่เนินนานหลายนาที ก่อนโน้มหน้าลงใช้มือรองรับน้ำจากก็อกแล้วสาดเข้าหน้าชะล้างหยดน้ำอุ่น ๆ ที่ไหลออกทางหางตาซ้ำ ๆ กระทั่งรู้สึกดีขึ้นจึงเปิดประตูออกไปวารีรับรู้ว่าชายหนุ่มออกมาจากห้องน้ำแล้ว แต่ยังนั่งนิ่งเหมือนเดิมไม่คิดจะหันไปมองหรือพูดอะไร ก้มหน้ามองเท้าตัวเองเพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญกับเขาโดยตรง รู้สึกละอายแก่ใจจนสู้หน้าไม่ไหวจริง ๆ ไม่อยากเห็นสายตาที่เขาใช้มองเพียงคิดว่าเขาจะมองเธอด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยามก็รู้สึกเจ็บมากพอแล้ว อีกเหตุผลที่ไม่อยากมองหน้าเขาก็เพราะกลัวว่าน้ำตาเจ้ากรรมที่พยายามกลั้นไว้จะรินไหลออกมาประจานความอ่อนแอของตัวเองทำให้เขาสมเพชเอาได้“ค่าตัวของคุณสองน้ำ 600,000 ส่วนที่โอนเข้าบัญชี 100,000 ถือซะว่าเป็นทริปสำหรับที่คุณรองรับบอารมณ์ผมได้ดี” คำพูดแสนร้ายกาจพ่นออกจากริมฝีปากหนาของร่างสูงที่กำลังสวมใส่เสื้อผ้าหลังจากภายในห้องตกอยู่ในความเงียบมานาน วารีถึงกับสะอึกกับคำพูดของผู้ชายอันเป็นที่รัก เหมือนมีดพัน ๆ เล่มกรีดลงกลางหัวใจรู้สึกเจ็บ และจุกจนอธิบายออกม

    Last Updated : 2025-02-13
  • ปราณวารี   บทที่ 9

    ก็อก! ก็อก!ผ่านไปประมาณสิบห้านาทีเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นทำให้วารีที่เกือบจะเคลิ้มหลับสะดุ้งหลุดออกจากภวังค์ เธอยกมือขึ้นลูบหน้าไล่อาการงัวเงียออก แล้วลุกลงจากเตียงเดินหอบผ้าห่มผืนใหญ่ที่ใช่ปกปิดร่างกายไปเปิดประตูให้เพื่อนสาว“เฮ้ย!” วินาทีแรกที่เห็นสภาพของเพื่อนสาวไวน์ถึงกับผงะอุทานออกมาด้วยความตกใจ ใบหน้าของเพื่อนสาวดูอ่อนแรงมาก นัยน์ตาแดงก่ำขอบตาบวมเป้งไม่ต้องบอกก็รู้ว่าผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก ไหนจะรอยช้ำตามลำคอ หน้าอกและแขนอีก เมื่อหายตกใจก็รีบถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง “เกิดอะไรขึ้นวา”“ฉันค่อยเล่าให้ฟังนะ ตอนนี้ขอใส่เสื้อผ้าก่อน” วารีเลี่ยงตอบคำถามเพื่อนสาวตอนนี้เธออยากใส่เสื้อผ้า แล้วออกไปจากห้องนี้ให้เร็วที่สุด ไวน์พยักหน้ารับอย่างเข้าใจพร้อมกับยื่นถุงเสื้อผ้าที่เตรียมมาให้ระหว่างรอเพื่อนสาวแต่งตัวเธอก็ไล่สายตาสำรวจไปทั่วห้อง คิ้วสวยพลันขมวดชนกันเป็นปมเมื่อสายตาสะดุดเข้ากับคราบเลือดบนที่นอน และเศษชุดเดรสที่วางปลายเตียงบวกกับสภาพเพื่อนสาวแล้ว ผู้ชายคนนั้นต้องทำรุนแรงแค่ไหนกันทั้งรู้สึกสงสัยและสงสารในเวลาเดียวกันที่เพื่อนต้องมาเจออะไรแบบนี้“ฉันขอโทษนะวา” เธอเดินเข้าไปสวมกอดเพื่อ

    Last Updated : 2025-02-13

Latest chapter

  • ปราณวารี   บทส่งท้าย 3

    “มองแบบนี้อยากได้ลูกเพิ่มเหรอครับ” ประภาวินท์ที่เงยหน้าขึ้นมาเจอกับสายตาของเมียสาวเอ่ยเย้าแหย่ด้วยสีหน้าและน้ำเสียงกรุ่มกริ่ม “คนบ้า” คำพูดจาแสนทะลึ่งของคนเป็นสามีทำเอาวารีถึงกับหมดอารมณ์ซึ้ง แว้ดใส่เบา ๆ เพราะไม่อยากให้บุตรสาวได้ยินเอื้อมมือไปหยิกมือหนาที่วางบนโต๊ะอย่างแรงด้วยความหมั่นไส้จนอีกคนสะดุ้งโหยง นัยน์ตาที่เปี่ยมล้นไปด้วยความรักแปรเปลี่ยนเป็นขึงขังในเสี้ยววินาทีทำปากขมุบขมิบต่อว่าเบา ๆ “ในสมองพี่มีแต่เรื่องแบบนี้หรือไงกัน”“ครับก็เมียน่ากินนิ” คนหื่นยอมรับหน้าระรื่นหนำซ้ำยังส่งสายตาพราวระยับราวกับเสือร้ายใส่ เขาไม่ได้พูดเกินจริงเลยเธอคงไม่รู้ตัวสินะว่าตัวเองน่ากินขนาดไหนยิ่งท้องก็ยิ่งมีน้ำมีนวลจับตรงไหนก็เต็มไม้เต็มมือไปหมด แค่คิดส่วนนั้นของเขาก็กระตุก“เฮ้อ พี่นี่มันจริง ๆ เลย” วารีได้แต่ส่ายหน้าถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ไม่รู้จะสรรหาคำใดมาว่าคนหน้ามึนหื่นกามอย่างสามีหนุ่มยังไงดี ก่อนหันมองบุตรสาวที่นั่งดูการ์ตูนในไอแพด ยกมือขึ้นวางบนศีรษะเล็กด้วยความรักใคร่ขี้เกียจจะสนใจคนเป็นสามีแล้วไม่อย่างนั้นคงเย้าแหย่เธอไม่เลิกผ่านไปกว่ายี่สิบนาทีพนักงานก็ทยอยนำอาหารมาเสิร์ฟสี่คนพ่อแม่ล

  • ปราณวารี   บทส่งท้าย 2

    ชายหนุ่มมอบความรักให้กับเธอ มอบสิ่งล้ำค่าอย่างลูก ๆ ให้กับเธอ เข้ามาเติมส่วนที่ขาดหายในชีวิตจากเด็กกำพร้าที่โหยหาความรักความอบอุ่นมาตั้งแต่เด็กบัดนี้เปี่ยมล้นไปด้วยความสุข ความรักและความอบอุ่นที่เขามอบให้ ประภาวินท์พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ รับรู้ถึงความรู้สึกของผู้หญิงอันเป็นที่รัก เอื้อมมือไปโยกศีรษะเล็กทุยด้วยความรักใคร่เอ็นดู มองสบแววตาหวานฉ่ำอย่างลึกซึ้ง เป็นเขาเองมากกว่าที่ต้องของคุณเธอที่มอบความรักดี ๆ และลูก ๆ ที่น่ารักให้กับเขาทำให้เขามีครอบครัวที่อบอุ่นอย่างเช่นทุกวันนี้ “พี่รักหนูกับลูกมากนะครับ”“น้องปริมก็รักคุณพ่อ คุณแม่ น้องปันค่ะ” ปราณรวีที่ก้มหน้าก้มตาก่อประสาททรายหยุดการกระทำเงยขึ้นมองหน้าพ่อแม่ และน้องสาวสลับไปมาก่อนเอ่ยออกมาเสียงเจื้อยแจ้วฉีกยิ้มจนตาหยี จากนั้นก็โน้มตัวไปจูบท้องนูน ๆ ของผู้เป็นแม่ที่มีน้องชายอยู่ด้านใน “แล้วก็รักน้องปลื้มด้วยค่ะ”“ฮ่าฮ่า” ความน่ารักของบุตรสาวทำเอาคนเป็นพ่อแม่มองหน้ากันแล้วหัวเราะออกมาอย่างชอบใจยิ่งนับวันบุตรสาวคนโตก็ยิ่งช่างเจรจาฉอเลาะมากขึ้นจนน่ามันเขี้ยว ก่อนคนเป็นพ่อจะเลื่อนมือไปโยกศีรษะเล็กเบา ๆ ด้วยความมันเขี้ยวระคนเอ็นดู จากนั้

  • ปราณวารี   บทส่งท้าย 1

    “ฮ่าฮ่า”“คุณพ่ออย่าวิ่งเร็ว ๆ สิคะน้องปริมวิ่งหนีไม่ทัน” “พ่อวิ่งช้าที่สุดแล้วครับ” เสียงหัวเราะแห่งความสุขเคล้าเสียงตะโกนพูดคุยกันของสามพ่อลูกทำให้วารีที่เอนกายพักผ่อนสายตาบนเก้าอี้ชายหาดที่ตั้งอยู่บนผืนทรายสีขาวนวลปรือตาขึ้นมา ก่อนหยัดกายลุกขึ้นนั่งตัวตรงสอดส่องสายตามองหาต้นเสียง คิ้วสวยพลันขมวดยุ่งเหยิงเมื่อสายตาสะดุดเข้ากับสามีและลูกน้อยกำลังวิ่งเล่นไล่จับกันอย่างสนุก นึกตำหนิผู้เป็นสามีในใจลำพังพาปราณรวีบุตรสาวคนโตวิ่งเล่นเธอไม่ว่าอะไรหรอก แต่นี่ดันอุ้มปราณตะวันบุตรสาวอีกคนวัยขวบครึ่งวิ่งด้วย เกิดเขาพลาดท่าหกล้มขึ้นมาจะทำยังไง“มันน่าจับตีทั้งพ่อทั้งลูก” เธอบ่นพึมพำอย่างคาดโทษ ก่อนลุกเดินไปหาสามคนพ่อลูกด้วยท่าทางอุ้ยอ้ายเพราะท้องที่เริ่มใหญ่ขึ้นทุกวันตามอายุครรภ์ ใช่ฟังไม่ผิดตอนนี้ในท้องเธอมีลูกคนที่สามอยู่อายุครรภ์ได้ห้าเดือนกว่า ๆ แล้ว ผลงานของคุณพ่อตัวดีเลยที่ขยันผลิตลูกเหลือเกิน เธอบอกว่ามีสองคนพอ แต่เขาก็ใช้ลูกอ้อนเว้าวอนทุกวันว่าขอมีลูกชายอีกสักคน สุดท้ายเธอก็ใจอ่อนจนได้ คราวนี้เขาก็ได้ลูกชายสมใจอยากแล้วล่ะ “พี่ปราณพาลูกวิ่งทำไมเกิดล้มขึ้นมาจะทำยังไงคะ” เธอเอ่ยเสียงดุ

  • ปราณวารี   บทที่ 39

    ใบหน้าหล่อเหลาระบายยิ้มบาง ๆ เมื่อเปิดประตูเข้าไปแล้วพบว่าเมียสาวกำลังนั่งแต่งหน้าอยู่ที่โต๊ะเครื่องแป้ง เท้าใหญ่เดินไปหยุดด้านหลังร่างบางแล้วโน้มตัวลงเกยคางบนไหล่มน สอดมือเข้าไปโอบกอดเอวคอดหลวม ๆ "เมียพี่ไม่ต้องแต่งหน้าก็สวยอยู่แล้วครับ""ปากหวาน" วารีมองสบสายตาชายหนุ่มอันเป็นที่รักผ่านกระจกพร้อมกับระบายยิ้มออกมาบาง ๆ "พี่พูดจริงครับน้องสวยทั้งหน้าตาและจิตใจ" เขาว่าพลางเคลื่อนนิ้วมือขึ้นจิ้มบนอกด้านขวาที่มีก้อนเนื้อเต้นอยู่ด้านใน สิ้นเสียงพูดก็หอมแก้มนุ่มนิ่มฟอดใหญ่ทำให้คนที่กำลังบรรจงทาลิปสติกหน้านิ้วคิ้วขมวดเพราะรบกวนการแต่งหน้าของเธอ เปล่งเสียงดุอย่างไม่จริงจังมากนัก "วาแต่งหน้าอยู่พี่ปราณอย่าเล่นสิคะ""โอเคครับพี่จะอยู่นิ่ง ๆ" ร่างสูงยอมอยู่นิ่ง ๆ มองเมียสาวแต่งหน้าไปเงียบ ๆ กระทั่งเสร็จเขาจึงผละอ้อมกอดออกจากเอวคอด จับเก้าอี้แล้วหมุนให้ร่างบางหันมาเผชิญหน้า"ขอพิสูจน์หน่อยว่าลิปสติกสีนี้ดีจริงไหม" เสียงทุ้มเอ่ยออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ จับจ้องริมฝีปากอวบอิ่มที่เคลือบลิปสติกสีสวยด้วยแววตาปรารถนา ว่าจบก็จับคางมนเงยขึ้นมารับรสจูบแสนหวานคนที่นั่งงงงวยกับคำพูดของเขาเข้าใจได้ในทันทีว่าหมา

  • ปราณวารี   บทที่ 38

    หลายวันต่อมา..แสงแดดยามแปดโมงเช้าสาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างกระจกกระทบสามคนพ่อแม่ลูกที่กำลังนอนกอดกันอยู่ โดยคนเป็นลูกน้องอยู่ตรงกลางมีพ่อแม่กกกอดไว้ ประภาวินท์รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเป็นคนแรกตามด้วยบุตรสาว ส่วนวารียังคงหลับสนิทเพราะเมื่อคืนโดนพ่อของลูกรังแกไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งกว่าจะได้นอนก็ครึ่งค่อนคืน"ชูว์""อย่ากวนแม่ครับให้แม่นอนต่ออีกสักหน่อย" เขายกนิ้วขึ้นชูว์ปากห้ามปรามบุตรสาวที่กำลังจะหันไปปลุกคนเป็นแม่เบา ๆ ซึ่งเด็กน้อยก็ทำตามในทันทียกมือปิดปากพร้อมกับค่อย ๆ ขยับตัวไปนั่งห้อยขาริมเตียงประภาวินท์ระบายยิ้มมองบุตรสาวด้วยความรักใคร่พร้อมกับขยับไปนั่งห้อยขาข้าง ๆ ยกมือขึ้นวางบนศีรษะเล็กทอย เอียงหน้ากระซิบข้างกกหูเล็กเบา ๆ พอได้ยิน "เดี๋ยวพ่อพาไปอาบน้ำนะครับ จะได้ลงไปทานอาหารเช้ากัน""ค่ะ" เมื่อเสียงใส ๆ ขานรับเขาก็หยัดกายลุกลงจากเตียงเดินไปเตรียมน้ำให้บุุตรสาวในอ่างอาบน้ำสำหรับเด็กที่เขาเพิ่งซื้อมา ตีฟองสบู่และใส่น้ำนมให้เสร็จสรรพจึงเดินออกมาจัดการปลดเปลื้องชุดนอนให้บุตรสาวต่อจนหมด จากนั้นก็จูงบุตรสาวเข้าห้องน้ำแล้วเริ่มลงมืออาบน้ำให้โดยให้บุตรสาวนอนแช่ในอ่างน้ำนมวางศีรษะบนที่ร

  • ปราณวารี   บทที่ 37

    @บ้านกิตติธนปกรณ์“คุณปราณคะคุณผู้หญิงสั่งไว้ว่าหากกลับมาแล้วให้คุณปราณกับคุณวารีไปพบท่านที่ห้องด้วยค่ะ” ทันทีที่ประภาวินท์ วารีและบุตรสาวย่างกายเข้ามาในบ้านอิมแม่บ้านวัยสามสิบห้าก็เดินเข้ามาบอกกล่าวทันที“อืม” ประภาวินท์ขานรับสั้น ๆ แล้วยื่นถุงกล่องเค้กไปให้ “จัดเค้กใส่จานแล้วเอาขึ้นไปให้คุณแม่ด้วยนะ”“ไปหาแม่กันครับ” จากนั้นก็หันไปพยักเพยิดหน้าชวนหญิงสาว ก่อนจะอุ้มบุตรสาวเดินตรงขึ้นไปยังห้องผู้เป็นแม่ วารีเดินตามหลังไปติด ๆ"แม่มีอะไรเหรอครับ" เสียงทุ้มถามไถ่ด้วยความสงสัยหลังจากเดินมาหย่อนตัวลงนั่งบนเตียงนอนผู้เป็นแม่แล้ว"วันนี้ไปเที่ยวมาสนุกไหมคะน้องปริม" คุณหญิงรตีหาได้สนใจเสียงถามบุตรชายไม่กลับระบายยิ้มถามหลานสาวตัวน้อยที่นั่งข้างบุตรชายแทน"สนุกมากค่ะคุณย่า น้องปริมซื้อเค้กมาฝากคุณย่าด้วยนะคะ" เด็กน้อยเปล่งเสียงตอบเจื้อยแจ้วพร้อมกับขยับไปนั่งชิดคนเป็นย่า"น่ารักจริงรู้จักนึกถึงย่าด้วย" คุณหญิงรตีที่เห่อหลานเป็นทุนเดิมอยู่แล้วยิ่งหลงหนักเข้าไปอีกเมื่อเจอความน่ารักของหลาน เอื้อมมือไปบีบแก้มนุ่มนิ่มด้วยความรักใคร่ เอ็นดู ประภาวินท์กับวารีได้แต่ยืนมองหน้ากันตาปริบ ๆ ก่อนวารีจะปราย

  • ปราณวารี   บทที่ 36

    วันต่อมาประภาวินท์ก็พาบุตรสาวมาทานไอศกรีมที่ห้างตามที่ได้ตกลงกันไว้เมื่อวาน หลังจากทานไอศกรีมเสร็จก็พาบุตรสาวไปเล่นสวนสนุกในห้างต่อวารียืนมองชายหนุ่มที่พาบุตรสาวขึ้นเครื่องเล่นนู่นลงเครื่องเล่นนี่คอยดูแลไม่ห่างกายด้วยใบหน้าเคลือบรอยยิ้ม เห็นบุตรสาวมีรอยยิ้ม หัวเราะคิกคักอย่างมีความสุขทำให้คนเป็นแม่อย่างเธอพลอยมีความสุขไปด้วยคิดไม่ผิดจริง ๆ ที่เริ่มต้นใหม่กับเขาอีกครั้งเธอยืนมองสองคนพ่อลูกอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งทั้งสองเดินกลับมาหาโดยคนเป็นพ่ออุ้มบุตรสาวอยู่บนแขน“คุณแม่ข๋าน้องปริมอยากเล่นอีก แต่คุณพ่อไม่ให้เล่นค่ะ” เด็กน้อยเอ่ยฟ้องผู้เป็นแม่เสียงเจื้อยแจ้วทันทีที่เดินมาถึงพร้อมกับทำหน้าง้อใส่ผู้เป็นพ่อ“ที่พ่อให้น้องปริมเล่นแค่นี้เพราะน้องปริมเพิ่งหายป่วยครับ เล่นมาก ๆ เกิดป่วยขึ้นมาอีกจะทำยังไงครับ น้องปริมอยากเข้าโรงพยาบาลอีกเหรอครับ” ประภาวินท์บอกล่าวบุตรสาวด้วยเหตุผล ที่เขาให้บุตรสาวเล่นเพียงนิดเดียวเพราะกลัวว่าอาการบุตรสาวจะกำเริบขึ้นมาอีกหากเหนื่อยมาก ๆ เพิ่งผ่านการผ่าตัดมาด้วย มือหนาอีกข้างยกขึ้นวางบนศีรษะเล็กทุยพร้อมกับเอ่ยออกมาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงนุ่มกว่าเดิม “ไว้น้องปริมแข

  • ปราณวารี   บทที่ 35

    “รักนะครับ” ประภาวินท์อดไม่ได้จะพาตัวขึ้นไปกดจูบขมับชื่นเหงื่อด้วยความรักใคร่ เอ็นดู พร่ำบอกรักข้างหูเสียงอ่อนเสียงหวาน ก่อนขบงับติ่งหูเล็กเบา ๆ แล้วเคลื่อนใบหน้าไปบรรจงจูบริมฝีปากอวบอิ่มต่ออย่างดูดดื่ม เขาทำทุกอย่างอย่างค่อยเป็นค่อยไปเพื่อให้ผู้หญิงอันเป็นที่รักมีความสุขที่สุด ใช้เข่าแยกขาเรียวอ้าออกกว้างจับแท่งเอ็นถูไถปากทางรักฉ่ำเยิ้ม ก่อนจะดันพรวดเข้าไปสุดลำขยับเข้าออกอย่างนุ่มนวล พอรับรู้ได้ว่าโพรงสีหวานคุ้นชินก็เริ่มเร่งจังหวะ ปากครอบครองดูดดึงลิ้นเล็กจนเกิดเสียงน่าอาย สลับใช้เรียวลิ้นตวัดหยอกเย้า ความเสียวซ่านถาโถมเข้าใส่ร่างบอบบางอีกระลอกมันหนักหน่วง รุ่มร้อนกว่าครั้งที่เขาปรนเปรอเธอด้วยลิ้นและนิ้ว ทั้งรู้สึกดีระคนเสียวซ่านยามเขาฝากฝังตัวตนเข้ามาแอ่นสะโพกขึ้นรับแรงกระแทกหนัดแน่นอย่างลืมอายให้เขาตอกตรึงเข้ามาได้ลึกขึ้น จิกเล็บลงบนแผ่นหลังกว้างระบายความรู้สึกรัญจวน ยิ่งเสียวซ่านมากเท่าไรก็ยิ่งจูบตอบ ดูดดึงลิ้นสากแรงขึ้นเท่านั้นร่องสาวคับแน่นตอดรัดแท่งเอ็นถี่ ๆ สร้างความซ่านสยิวให้เจ้าของเป็นอย่างมากจนต้องผละจูบออกเชิดหน้าขึ้นครางกระหึ่มในลำคอระบาย ก่อนก้มมองใบหน้าแดงซ่านของส

  • ปราณวารี   บทที่ 34

    วันนี้เธอเลือกจะวางเรื่องราวไม่ดีไว้ข้างหลังแล้วจับมือเดินไปข้างหน้ากับเขาสร้างครอบครัวที่สมบูรณ์แบบด้วยกันเพื่อความสุขของลูกและตัวเอง ไม่ว่าจะเจอขวากหนามอะไรก็จะไม่ปล่อยมือจากเขาอีกแล้วพร้อมจะฝ่าฟันไปด้วยกันจนวันสุดท้าย มือเรียวยกทั้งสองข้างยกขึ้นประคองใบหน้าหล่อเหลาส่งผ่านความรักความเสน่หาที่อยู่ในใจผ่านแววตาลึกซึ้ง เอื้อนเอ่ยคำว่ารักออกมาให้ชายหนุ่มอันเป็นที่รักรับรู้ทั้งทางกายและวาจา “ฉันก็รักคุณนะคะ คุณเป็นผู้ชายที่ดีที่สุดสำหรับฉันและลูก”คนได้ฟังระบายยิ้มออกมาอย่างมีความสุขหัวใจพองโตคับอกไม่คิดเลยว่าจะมีวันนี้ วันที่เขาได้กลับมาบรรจบกับผู้หญิงอันเป็นที่รักอีกครั้งพร้อมกับพยานตัวน้อยที่เกิดจากความรักความผูกพันธ์ของเขากับเธอ มือหนาข้างขวาเลื่อนลงโอบเอวคอดรั้งร่างบางเข้ามาแนบชิด อีกมือเชยคางมนขึ้นมารับจูบแสนหวานจากเขาริมฝีปากหนาบดคลึงกลีบปากอวบด้วยความรักความเสน่หาละเมียดละไมชิมความหวานจากกลีบปากอวบอย่างนุ่มนวล ก่อนค่อย ๆ สอดเรียวลิ้นเข้าไปคว้านหาความหวานในโพรงปากฉ่ำ เกี่ยวกระหวัด ดูดดึงลิ้นนุ่มอย่างดูดดื่ม อีกคนหลับตาลงดื่มด่ำกับจูบแสนหวานยกมือขึ้นคล้องลำคอแกร่งหลวม ๆ จูบตอบอย

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status