“ไงวารี” ประภาวินท์เอ่ยทักทายคนรักเก่าด้วยน้ำเสียงราบเรียบหลังจากนั่งไล่สายตามองเธอนานพอสมควรแล้ว ร่างบางตรงหน้าดูซูบผอมอิดโรยไปมากจริง ๆ หน้าตาไม่สดใสเหมือนตอนที่อยู่ด้วยกัน นัยน์ตาของเธอก็แฝงด้วยความเศร้าคล้ายกับมีอะไรในใจ
คิดว่าหนีหายไปจากเขาแล้วจะมีชีวิตที่ดีขึ้นกว่านี้เสียอีก แต่ดูจากงานที่ทำในตอนนี้ก็พอเดาได้ว่าเธอตกต่ำแค่ไหน หรือไม่ก็รักความสบายจึงเลือกทำงานแบบนี้ แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเขาแล้วเพราะสถานะระหว่างเขากับเธอคือผู้ซื้อกับผู้ขายเท่านั้น
“มาทำหน้าที่ของคุณสิวารี” เขาว่าพร้อมกับเปลี่ยนท่านั่งเอนตัวไปข้างหลังเล็กน้อย ใช้มือทั้งสองข้างค้ำยันที่นอนไว้ จับจ้องร่างบางด้วยแววตาว่างเปล่าเหมือนไม่ได้รู้สึกอะไร ทว่าใครจะรู้ว่าในใจเขานั้นรู้สึกเจ็บปวด ผิดหวัง และเสียใจมากแค่ไหนเพียงคิดว่าผู้หญิงที่เคยรักสุดหัวใจทำงานแบบนี้ เคยผ่านผู้ชายมานับไม่ถ้วน ไม่สิเธอไม่ใช่ผู้หญิงที่เคยรักแต่เธอยังเป็นคนที่เขารักสุดหัวใจเหมือนเดิมต่างหากถึงแม้เธอจะทำให้เขาเจ็บปวดเจียนตายก็ตาม ความจริงเขาสมควรเกลียดเธอมากกว่าแต่ไม่รู้ทำไมถึงเกลียดไม่ลง มันมีแต่ความโกรธและความเสียใจเท่านั้น ระยะเวลาสี่ปีกว่าไม่ได้ทำให้ความรักของเขาที่มีต่อเธอลดน้อยลงเลยยังคงฝังรากลึกในใจพยายามลบเท่าไรก็ไม่ออก
ส่วนวารีไม่ได้คิดเช่นนั้นกลับคิดว่าชายหนุ่มคงเกลียดเธอเข้ากระดูกคงสมเพชที่เธออุตส่าห์ทิ้งเขามา แต่กลับมีชีวิตตกต่ำจนถึงขั้นขายศักดิ์ศรีกิน พยายามข่มความรู้สึกกลั้นไม่ให้น้ำตาไหลออกมา ปรับสีหน้าให้เป็นปกติที่สุดก่อนเปล่งเสียงปฏิเสธไปทั้งที่ยังเบนหน้าหนีไปทางอื่น “ฉะ..ฉันไม่ทำแล้วค่ะ”
“แต่ผมจ่ายเงินไปแล้ว” คำปฏิเสธจากคนรักเก่าพานทำให้ประภาวินท์อารมณ์เสียขึ้นมาดื้อ ๆ เพราะคิดว่าเธอรังเกียจเขา หากเป็นแขกคนอื่นเธอคงอ้าแขนรับด้วยความเต็มใจ
“ฉันจะโอนเงินคืนให้คุณค่ะ” วารีเองก็ยังยืนยันคำเดิมไม่ใช่ว่าเธอรังเกียจเขา แต่กลัวหัวใจตัวเองต่างหากกลัวว่าจะกลับไปอยู่จุดเดิม กว่าจะทำใจให้ชินกับการไม่มีเขาได้มันโคตรทรมานและยากเย็นแสนเข็ญทั้งที่ในใจเธอโคตรจะโหยหาเขา
ตลอดระยะเวลาสี่ปีกว่าไม่มีวันไหนเลยที่เธอไม่คิดถึงเขา หากแม้ทำได้ตอนนี้อยากจะกระโจนเข้าไปกอดให้หายคิดถึง แต่ก็ทำได้แค่คิดในใจตอนนี้เธอไม่มีสิทธิ์นั้นอีกแล้ว นัยน์เศร้าหมองปรายมองใบหน้าผู้ชายที่รักสุดหัวใจอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ เพื่อจดจำใบหน้าเขาไว้ ก่อนพยายามฝืนขาอันแข็งทื่อหมุนตัวเดินออกไป
“อ๊ะ!” ทว่าก้าวเท้าเดินได้เพียงสองสามก้าวเท่านั้นเสียงหวานก็ต้องหลุดอุทานออกมาด้วยความตกใจเมื่อถูกอีกคนตามมาคว้าหมับที่ต้นแขน แล้วดึงให้หันไปเผชิญหน้าพร้อมสาดคำพูดทิ่มแทงใจ “ทำไม หรือเพราะผมเป็นผัวเก่าคุณเลยไม่รับงาน”
“…” ริมฝีปากอวบอิ่มเม้มเข้ากันแน่น แววตาสั่นระริกคล้ายกับกำลังจะหลั่งน้ำตาออกมาช้อนขึ้นมองหน้าผู้ชายอันเป็นที่รักด้วยความเจ็บปวด เสียใจ ไม่คิดจะตอบโต้กลับเพราะที่เขาพูดมาเป็นความจริงทั้งหมด
โดยไม่รู้เลยว่าท่าทางนิ่งเงียบเหมือนไม่สนไม่แคร์อะไรของเธอยิ่งกระตุ้นอารมณ์ของอีกคนให้ลุกโชนด้วยไฟแห่งความโกรธ นัยน์ตาที่ว่างเปล่าแปรเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวจนดูน่ากลัวทำเอาวารีรู้สึกหวาดหวั่นไม่น้อยเพราะไม่เคยเห็นเขาในมุมแบบนี้มาก่อนสักครั้ง
“ปะ..ปล่อยฉันนะคะ” มือเรียวพยายามแกะมือหนาออกจากต้นแขนพัลวันร้องบอกด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ แต่ยิ่งเธอพยายามเท่าไรมือหนาก็ยิ่งบีบต้นแขนแรงขึ้นเท่านั้นราวกับจะให้มันแหลกคามืออย่างไงอย่างนั้น ความกลัวเริ่มเข้าเกาะกลุ้มหัวใจดวงน้อยอย่างห้ามไม่ได้ ผู้ชายตรงหน้าในตอนนี้เหมือนไม่ใช่คนที่เธอเคยรู้จักเลยสักนิดเขาดูน่ากลัวมาก ๆ
ฟันคมขบเข้าหากันแน่นข่มความเจ็บปวดที่แล่นพล่านไปทั่วแขน ก่อนออกแรงดึงแขนจากการจับกุมพลางใช้มืออีกข้างแกะมือหนาไปด้วย นัยน์ตาสั่นระริกส่งเว้าวอนร่างสูงสุดฤทธิ์หวังว่าเขาจะใจอ่อน “ปะ..ปล่อยฉันค่ะคุณปราณ ฉันไม่รับงานนี้แล้ว ฉันจะคืนเงินให้คุณ”
คำพูดและสายตาเว้าวอนของร่างบางใช้ไม่ได้ผลกับประภาวินท์สักนิด ตอนนี้จิตใจและสมองของเขาถูกความโกรธเข้าครอบงำหมดแล้ว ยิ่งเธอพยายามหลีกหนีเขาก็ยิ่งอยากกักขังเธอไว้จะไม่ยอมให้เธอหายไปเหมือนในอดีตอีกเด็ดขาด นัยน์ตาแข็งกร้าวจับจ้องใบหน้าเรียวด้วยความรู้สึกโกรธเคือง กดเสียงพูดอย่างเย้ยหยัน
“เรามารำลึกความหลังกันหน่อยไหมวารี แต่ผมมีค่าตอบแทนให้คุณด้วยนะ น้ำละ 300,000 พอไหม”
สิ้นเสียงพูดประภาวินท์ก็ลากร่างบางไปเหวี่ยงขึ้นเตียงอย่างไร้ความอ่อนโยน แล้วตามขึ้นไปคร่อมไว้ รวบมือเรียวทั้งสองกดตรึงเหนือศีรษะเล็กทุยด้วยมือเพียงข้างเดียว ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนวารีไม่ทันได้ตั้งตัวสักนิด แรงกระแทกกับที่นอนทำให้เธอรู้สึกจุกและเจ็บบริเวณท้องน้อยกับแผ่นหลังไม่น้อย แต่นั่นไม่ได้ทำให้เธอเจ็บเท่ากับคำพูดของเขา
คำพูดหยามเหยียดที่หลุดออกจากริมฝีปากหนาบาดลึกลงกลางหัวใจดวงน้อย ๆ จนเจ็บจี๊ด น้ำตาที่พยายามกลั้นไว้หยดเผาะลงบนแก้มนวลด้วยความรู้สึกเจ็บปวด เสียใจ ถูกคนอื่นมองว่าเป็นผู้หญิงไม่ดียังไม่เจ็บเท่าถูกคนที่รักพูดจาหยามเหยียด ในสายตาของเขาเธอคงกลายเป็นผู้หญิงหิวเงินยอมขายศักดิ์ศรีแลกเงินไปแล้ว แต่ทั้งหมดทั้งม้วนเธอก็ไม่คิดโกรธและโทษเขาเลยสักนิดทุกอย่างมันเป็นแบบนี้ก็เพราะเธอทำตัวเอง
แคว่ก!
“ปะ..ปล่อยวา”
“ฮึก! อย่าทำแบบนี้เลย” เธอเปล่งเสียงเว้าวอนทั้งน้ำตา พยายามออกแรงดีดดิ้นในตอนที่ร่างสูงใช้มืออีกข้างฉีกทึ้งชุดเดรสบนร่างกายพลางโน้มใบหน้าลงซุกไซ้ขบเม้มลำคอระหงโดยไม่สนใจสักนิดว่าเธอจะยินยอมหรือไม่ มือเรียวพยายามขืนออกจากการกดตรึงเพื่อผลักไสคนด้านบน แต่ยิ่งขัดขืนเขาก็ยิ่งกระทำรุนแรงมากขึ้นไม่ถึงนาทีชุดเดรสของเธอก็ขาดวิ่นตามด้วยบราปีกนกที่ถูกเขาดึงกระชากออกจากตัวแล้วเหวี่ยงลงพื้นอย่างไม่ใยดี
“ยะ..อย่าทำแบบนี้วาขอร้อง” ใบหน้าเรียวที่อาบไปด้วยหยาดน้ำตาส่ายไปมาระรัว พร่ำอ้อนวอนคนด้านบนซ้ำ ๆ หวังว่าจะมีสักครั้งที่เขานึกเห็นใจยอมหยุดการกระทำ ทว่าใบหน้าเรียวก็ต้องเหยเกในวินาทีต่อมาเมื่อถูกฟันคมขบกัดบนเนื้อนวลอย่างแรงจนรู้สึกเจ็บแปลบ นอกจากเขาจะไม่ฟังเสียงขอร้องอ้อนวอนของเธอแล้ว หนำซ้ำยังทำทุกอย่างด้วยความรุนแรงราวกับจะให้ร่างกายเธอแหลกลาญคามือนี่เขากำลังเอาคืนเธออยู่ใช่ไหม “อึก วะ..วาเจ็บ”
ประภาวินท์ไม่สนใจสักนิดว่าคนใต้ร่างจะรู้สึกอย่างไรเจ็บปวดหรือไม่ ระบายอารมณ์โกรธที่คุกรุ่นในกายลงบนร่างบอบบางซ้ำ ๆ ใช้ฟันขบกัดซอกคอระหงไล่ต่ำจนถึงเนินอกอวบ มือก็ขย้ำไปตามเรียวขาสวยจนเป็นรอยแดงช้ำเท่าฝ่ามือ อีกคนได้แต่นอนสะอื้นไห้กัดฟันข่มความเจ็บเอาไว้พลางรวบรวมแรงที่มีเพียงน้อยนิดต่อต้านสุดกำลัง แม้รู้อยู่เต็มอกว่าพยายามไปก็เปล่าประโยชน์เธอรีบกระเถิบถอยหลังหนีด้วยความเร็วทันทีที่คนด้านบนผละตัวลุกขึ้นปลดเปลื้องเสื้อผ้า ทว่าไม่ทันจะได้ก้าวลงจากเตียงก็ถูกมือหนาคว้าหมับเข้าที่ข้อเท้าแล้วลากกลับไปอยู่ที่เดิม ก่อนจะโถมตัวลงมาทาบทับไว้ใบหน้าหล่อเหลาคลอเคลีย ซุกไซ้สูดดมกลิ่นหอมจากกายสาวเข้าปอดพรืดใหญ่ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีกลิ่นกายของเธอก็ยังหอมไม่เคยเปลี่ยนเป็นกลิ่นที่เขาโหยหามาตลอดสี่ปีกว่า กลิ่นกายหอมหวานเป็นเชื้อเพลิงปลุกอารมณ์ความต้องการในกายชายได้เป็นอย่างดีมือหนาจับแก่นกายขนาดใหญ่ที่ผงาดชูชันเต็มตัวจ่อปากทางรัก แล้วอัดกระแทกเข้าไปในร่องนุ่มอย่างไร้ความอ่อนโยนโดยไม่มีการเล้าโลม ไม่มีสัญญาณเตือนใด ๆ เพราะคิดว่าส่วนนั้นของเธอผ่านผู้ชายมาไม่รู้กี่คนต่อกี่คนคงจะหลวมหมดแล้ว ส่งผลให้ร่องสาวที
“อ๊า”ประภาวินท์คำรามออกมาอย่างสุขสมเมื่อแตะถึงขอบสวรรค์ ทิ้งตัวลงทาบทับร่างบางที่นอนคว่ำซบหน้าลงกับซอกคอระหงอย่างหมดเรี่ยวแรงหลังจากบทลงโทษครั้งที่สองจบลง สองร่างหนุ่มสาวชุ่มไปด้วยเหงื่อถึงแม้แอร์ในห้องจะเย็นฉ่ำ เสียงหอบหายใจดังสอดประสานกันระรัววารีถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่เมื่อรู้ว่าบทลงโทษสิ้นสุดลงจริง ๆ ก่อนค่อย ๆ หลับตาลงปล่อยให้ร่างสูงทาบทับอยู่อย่างนั้นโดยไม่คิดทักท้วงใด ๆ เพราะรู้สึกอ่อนล้าและหมดเรี่ยวแรงเกินกว่าจะทำสิ่งใดภายในห้องถูกความเงียบเข้าปกคลุมมีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศที่กำลังทำงานอยู่เคล้าด้วยเสียงหอบหายใจของคนสองคน ทุกอย่างหยุดนิ่งไม่ไหวติงราวกับใครกดหยุดเอาไว้ประภาวินท์หลับตาสูดดมกลิ่นหอมจากลำคอระหงเข้าปอดเฮือกใหญ่ เหงื่อที่ไหลออกมาไม่ได้ทำให้ความหอมบนร่างกายของเธอจางลงเลย กลิ่นกายของเธอเป็นกลิ่นที่เขาชื่นชมมากที่สุดรู้สึกสดชื่นทุกครั้งเมื่อได้สูดดม พอไฟแห่งความโกรธดับลงความรู้สึกผิดก็ก่อขึ้นในใจน้อย ๆ รู้ว่าตัวเองกระทำรุนแรงกับเธอเกินไปตอนนั้นเขาคุมอารมณ์ไม่อยู่จริง ๆ แต่อีกใจก็แย้งขึ้นมาว่าเธอสมควรโดนแล้ว เจ็บแค่นี้ยังไม่สาสมกับความผิดและความใจร้ายของเธอเลยสักน
ชายหนุ่มเดินมาหยุดหน้าเคาวน์เตอร์อ่างล้างหน้าจ้องลึกเข้าไปในตาแดงก่ำที่พร่ามัวด้วยม่านน้ำตาของตัวเองผ่านกระจกบานใหญ่เนินนานหลายนาที ก่อนโน้มหน้าลงใช้มือรองรับน้ำจากก็อกแล้วสาดเข้าหน้าชะล้างหยดน้ำอุ่น ๆ ที่ไหลออกทางหางตาซ้ำ ๆ กระทั่งรู้สึกดีขึ้นจึงเปิดประตูออกไปวารีรับรู้ว่าชายหนุ่มออกมาจากห้องน้ำแล้ว แต่ยังนั่งนิ่งเหมือนเดิมไม่คิดจะหันไปมองหรือพูดอะไร ก้มหน้ามองเท้าตัวเองเพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญกับเขาโดยตรง รู้สึกละอายแก่ใจจนสู้หน้าไม่ไหวจริง ๆ ไม่อยากเห็นสายตาที่เขาใช้มองเพียงคิดว่าเขาจะมองเธอด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยามก็รู้สึกเจ็บมากพอแล้ว อีกเหตุผลที่ไม่อยากมองหน้าเขาก็เพราะกลัวว่าน้ำตาเจ้ากรรมที่พยายามกลั้นไว้จะรินไหลออกมาประจานความอ่อนแอของตัวเองทำให้เขาสมเพชเอาได้“ค่าตัวของคุณสองน้ำ 600,000 ส่วนที่โอนเข้าบัญชี 100,000 ถือซะว่าเป็นทริปสำหรับที่คุณรองรับบอารมณ์ผมได้ดี” คำพูดแสนร้ายกาจพ่นออกจากริมฝีปากหนาของร่างสูงที่กำลังสวมใส่เสื้อผ้าหลังจากภายในห้องตกอยู่ในความเงียบมานาน วารีถึงกับสะอึกกับคำพูดของผู้ชายอันเป็นที่รัก เหมือนมีดพัน ๆ เล่มกรีดลงกลางหัวใจรู้สึกเจ็บ และจุกจนอธิบายออกม
ก็อก! ก็อก!ผ่านไปประมาณสิบห้านาทีเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นทำให้วารีที่เกือบจะเคลิ้มหลับสะดุ้งหลุดออกจากภวังค์ เธอยกมือขึ้นลูบหน้าไล่อาการงัวเงียออก แล้วลุกลงจากเตียงเดินหอบผ้าห่มผืนใหญ่ที่ใช่ปกปิดร่างกายไปเปิดประตูให้เพื่อนสาว“เฮ้ย!” วินาทีแรกที่เห็นสภาพของเพื่อนสาวไวน์ถึงกับผงะอุทานออกมาด้วยความตกใจ ใบหน้าของเพื่อนสาวดูอ่อนแรงมาก นัยน์ตาแดงก่ำขอบตาบวมเป้งไม่ต้องบอกก็รู้ว่าผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก ไหนจะรอยช้ำตามลำคอ หน้าอกและแขนอีก เมื่อหายตกใจก็รีบถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง “เกิดอะไรขึ้นวา”“ฉันค่อยเล่าให้ฟังนะ ตอนนี้ขอใส่เสื้อผ้าก่อน” วารีเลี่ยงตอบคำถามเพื่อนสาวตอนนี้เธออยากใส่เสื้อผ้า แล้วออกไปจากห้องนี้ให้เร็วที่สุด ไวน์พยักหน้ารับอย่างเข้าใจพร้อมกับยื่นถุงเสื้อผ้าที่เตรียมมาให้ระหว่างรอเพื่อนสาวแต่งตัวเธอก็ไล่สายตาสำรวจไปทั่วห้อง คิ้วสวยพลันขมวดชนกันเป็นปมเมื่อสายตาสะดุดเข้ากับคราบเลือดบนที่นอน และเศษชุดเดรสที่วางปลายเตียงบวกกับสภาพเพื่อนสาวแล้ว ผู้ชายคนนั้นต้องทำรุนแรงแค่ไหนกันทั้งรู้สึกสงสัยและสงสารในเวลาเดียวกันที่เพื่อนต้องมาเจออะไรแบบนี้“ฉันขอโทษนะวา” เธอเดินเข้าไปสวมกอดเพื่อ
วันต่อมา..วารีหอบร่างกายอันบอบช้ำของตัวเองมาโรงพยาบาลตั้งแต่เช้าเพราะวันนี้หมอย้ายบุตรสาวออกจากห้องไอซียูกลับมาพักที่ห้องพิเศษแล้ว และรีบมาจัดการเรื่องค่ารักษาที่ล่วงเลยเวลาชำระมาสองวันด้วยหลังจากได้จ่ายค่ารักษาเรียบร้อยก็ทำให้เธอรู้สึกเบาใจขึ้นมาบ้าง ส่วนค่าใช้จ่ายครั้งต่อไปคงต้องคิดหาวิธีอีกทีซึ่งมันคงไม่หนักหนาอะไรเพราะได้ผ่าตัดแล้วอย่างน้อยก็มีแค่ค่ายา ค่าห้องพิเศษ และค่าจิปาถะเล็ก ๆ น้อย ๆ ส่วนเรื่องอาการของบุตรสาวคุยกับหมอแล้วก็ไม่น่าเป็นห่วงอะไร บุตรสาวปลอดภัย ไม่มีภาวะแทรกซ้อนอะไรแค่นอนพักรักษาแผลที่โรงพยาบาล และให้หัวใจแข็งแรงอีกประมาณหนึ่งอาทิตย์ก็สามารถกลับบ้านได้“แม่รักหนูนะน้องปริม” รอยยิ้มบาง ๆ ผุดขึ้นประดับใบหน้าเรียวในรอบหลายวันหลังจากที่ต้องตกอยู่ในห้วงความทุกข์ระทมมาเกือบสองอาทิตย์แค่รู้ว่าบุตรสาวปลอดภัยสามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเด็กในวัยเดียวกันได้คนเป็นแม่อย่างเธอก็หายห่วงและดีใจมากแล้ว มือเรียวเอื้อมไปลูบศีรษะเล็กทุยของบุตรสาวที่นอนหลับตาบนเตียงด้วยความรักใคร่หวงแหน ก่อนโน้มหน้าลงกดจูบบนหน้าผากมนอย่างแผ่วเบาจากนั้นก็หย่อนสะโพกลงบนเก้าอี้ข้างเตียงนั่งมองใบหน้าจ
3 วันต่อมา..“คุณแม่ข๋า” วารีที่กำลังนั่งก้มหน้าก้มตาโพสขายของในเฟสบุ๊ค และเพจละสายตาจากหน้าจอโทรศัพท์เมื่อเสียงใส ๆ ของบุตรสาวดังทบโสตประสาทเงยหน้าขึ้นถามไถ่ด้วยน้ำเสียงนุ่ม “ว่าไงคะคนเก่ง”“หนูปวดฉี่ค่ะ” เธอระบายยิ้มบาง ๆ หลังจากได้ฟังคำตอบจากริมฝีปากเล็ก วางโทรศัพท์บนโซฟาลุกเดินไปอุ้มบุตรสาวเข้าห้องน้ำ รอจนบุตรสาวปัสสาวะเสร็จจึงอุ้มกลับมาวางบนเตียงเหมือนเดิม “วันนี้รู้สึกยังไงบ้างคะ ยังเจ็บแผลอยู่ไหม” เสียงนุ่มเปล่งถามอีกครั้งหลังจากจัดแจงให้บุตรสาวนอนเรียบร้อยแล้ว พร้อมกับหย่อนสะโพกนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียงจับจ้องใบหน้าจิ้มลิ้มด้วยแววตารักใคร่“เจ็บนิดเดียวค่ะ” เด็กน้อยตอบอย่างใสซื่อพร้อมกับทำท่าทำทางให้ดูทำเอาคนเป็นแม่อย่างวารีอดยิ้มไม่ได้กับท่าทางแสนน่ารักของบุตรสาว ยื่นมือไปบีบแก้มอวบ ๆ ด้วยความเอ็นดูระคนมันเขี้ยว “แบบนี้อีกไม่กี่วันคนเก่งของแม่คงได้กลับบ้านแล้ว”“หนูจะได้กลับบ้านจริง ๆ เหรอคะคุณแม่” เด็กน้อยยิ้มร่าด้วยความดีใจเมื่อได้ยินที่ผู้เป็นแม่บอก“จริงค่ะ ถ้าหนูทำตามที่คุณหมอสั่งอย่างเคร่งครัด ไม่ดื้อไม่ซน”“หนูจะไม่ดื้อ ไม่ซนจะทำตามที่คุณหมอสั่งค่ะ”“ดีมากค่ะคนเก่งของ
“หึ”ประภาวินท์เค้นหัวเราะผ่านลำคออย่างเย้ยหยันกับคำตอบที่ได้รับ เธอพูดออกมาได้หน้าตาเฉยไม่ได้มีสีหน้า และแววตาของความเสียใจสักนิด พานทำให้อารมณ์โกรธที่ซ่อนอยู่ในส่วนลึกประทุขึ้นมา ขบกรามแน่นจนดังกรอด เลื่อนมือไปจับข้อมือเล็กทั้งสองข้างที่พยายามผลักไสเขาไปกดไว้ข้างศีรษะเล็กทุย แววตาแข็งกร้าวตวัดมองเด็กน้อยบนเตียงแวบหนึ่ง แล้วดึงสายตากลับมาจับจ้องใบหน้าเรียวต่อ สาดคำพูดแสนร้ายใส่โดยไม่คิดว่าคนฟังจะรู้สึกอย่างไร “คุณนี่ช่างเป็นแม่ที่ประเสริฐมากเลยนะยอมขายศักดิ์ศรีเพื่อแลกกับเงินรักษาลูก ผมได้ยินเรื่องราวของคุณแล้วรู้สึกสงสารจับใจ วันนี้เลยอยากมาใช้บริการอีกเพื่อช่วยคุณให้มีเงินในการรักษาลูกเยอะ ๆ”“ขอบคุณในน้ำใจของคุณนะคะ..แต่ฉันไม่ต้องการ” คำพูดจาเหมือนหวังดีแต่แฝงไปด้วยความเหยียดหยามของหนุ่มที่ได้ชื่อว่าเป็นคนรักเก่าทำให้วารีรู้สึกจุกในอกไม่น้อย แต่กระนั้นก็ยังคงมีสีหน้าท่าทางราบเรียบเหมือนเดิมสวนกลับด้วยคำพูดนุ่มนวลเธอบอกกับตัวเองตั้งแต่วันนั้นที่โรงแรมแล้วว่าจะไม่อ่อนแอหรือเสียน้ำตาให้กับเรื่องนี้อีก เลือกจะทิ้งทุกอย่างไว้ข้างหลังแล้วก้าวไปข้างหน้ากับบุตรสาวอย่างมีความสุข แววตาราบ
ใจดวงน้อย ๆ ของวารีหล่นวูบลงสู่ตาตุ่มเมื่อแผ่นหลังชนเข้ากับผนังเย็นเฉียบนั่นหมายถึงไร้หนทางให้เธอหลีกหนีแล้ว ขณะที่อีกคนยังคงก้าวเท้าเข้าหาเรื่อย ๆ ดวงตากลมโตกลอกกลิ้งไปมาหาทางเอาตัวรอด แต่พื้นที่ในห้องน้ำคับแคบเกินไปมองไม่เห็นช่องทางเลยนอกจากจะพุ่งชนคนตรงหน้าอย่างเดียว“ไม่ต้องคิดหาทางให้เสียเวลาหรอกวารี” ประภาวินท์เอ่ยอย่างรู้ทันพร้อมกับเท้าใหญ่ที่เดินเข้าประชิดร่างบางจนเหลือระยะห่างเพียงคืบ ยกมือทั้งสองข้างยันผนังกักขังเธอไว้ในวงแขน จับจ้องใบหน้าเรียวที่แสดงสีหน้าตระหนกออกมานิ่ง ๆ “ออกไปนะคุณปราณ” วารีเบนหน้าหนีใบหน้าหล่อเหลาที่อยู่ห่างเพียงคืบด้วยความรู้สึกหวั่นใจ ยกมือขึ้นดันอกแกร่งผลักให้ออกห่าง แต่แรงเพียงน้อยนิดไม่ได้ทำให้ร่างสูงขยับเขยื้อนสักนิดกลับโดนเขาจับมือไปกดตรึงไว้กับผนังข้างศีรษะพยายามต่อต้านสุดแรงก็เปล่าประโยชน์ “ที่นี่มันโรงพยาบาลจะทำอะไรก็หัดให้เกียรติสถานที่บ้างนะคะ” เมื่อใช้แรงไม่ได้ผลเธอก็เอาคำพูดเข้าสู้หวังว่าเขาจะมีสติมีจิตสำนึกขึ้นมาบ้าง แต่เปล่าเลยประภาวินท์ไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดหญิงสาวสักนิดเหยียดยิ้มมุมปากอย่างร้ายกาจ ก่อนจับมือทั้งสองข้างขึ้นไปกดตรึงบนผนัง
“มองแบบนี้อยากได้ลูกเพิ่มเหรอครับ” ประภาวินท์ที่เงยหน้าขึ้นมาเจอกับสายตาของเมียสาวเอ่ยเย้าแหย่ด้วยสีหน้าและน้ำเสียงกรุ่มกริ่ม “คนบ้า” คำพูดจาแสนทะลึ่งของคนเป็นสามีทำเอาวารีถึงกับหมดอารมณ์ซึ้ง แว้ดใส่เบา ๆ เพราะไม่อยากให้บุตรสาวได้ยินเอื้อมมือไปหยิกมือหนาที่วางบนโต๊ะอย่างแรงด้วยความหมั่นไส้จนอีกคนสะดุ้งโหยง นัยน์ตาที่เปี่ยมล้นไปด้วยความรักแปรเปลี่ยนเป็นขึงขังในเสี้ยววินาทีทำปากขมุบขมิบต่อว่าเบา ๆ “ในสมองพี่มีแต่เรื่องแบบนี้หรือไงกัน”“ครับก็เมียน่ากินนิ” คนหื่นยอมรับหน้าระรื่นหนำซ้ำยังส่งสายตาพราวระยับราวกับเสือร้ายใส่ เขาไม่ได้พูดเกินจริงเลยเธอคงไม่รู้ตัวสินะว่าตัวเองน่ากินขนาดไหนยิ่งท้องก็ยิ่งมีน้ำมีนวลจับตรงไหนก็เต็มไม้เต็มมือไปหมด แค่คิดส่วนนั้นของเขาก็กระตุก“เฮ้อ พี่นี่มันจริง ๆ เลย” วารีได้แต่ส่ายหน้าถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ไม่รู้จะสรรหาคำใดมาว่าคนหน้ามึนหื่นกามอย่างสามีหนุ่มยังไงดี ก่อนหันมองบุตรสาวที่นั่งดูการ์ตูนในไอแพด ยกมือขึ้นวางบนศีรษะเล็กด้วยความรักใคร่ขี้เกียจจะสนใจคนเป็นสามีแล้วไม่อย่างนั้นคงเย้าแหย่เธอไม่เลิกผ่านไปกว่ายี่สิบนาทีพนักงานก็ทยอยนำอาหารมาเสิร์ฟสี่คนพ่อแม่ล
ชายหนุ่มมอบความรักให้กับเธอ มอบสิ่งล้ำค่าอย่างลูก ๆ ให้กับเธอ เข้ามาเติมส่วนที่ขาดหายในชีวิตจากเด็กกำพร้าที่โหยหาความรักความอบอุ่นมาตั้งแต่เด็กบัดนี้เปี่ยมล้นไปด้วยความสุข ความรักและความอบอุ่นที่เขามอบให้ ประภาวินท์พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ รับรู้ถึงความรู้สึกของผู้หญิงอันเป็นที่รัก เอื้อมมือไปโยกศีรษะเล็กทุยด้วยความรักใคร่เอ็นดู มองสบแววตาหวานฉ่ำอย่างลึกซึ้ง เป็นเขาเองมากกว่าที่ต้องของคุณเธอที่มอบความรักดี ๆ และลูก ๆ ที่น่ารักให้กับเขาทำให้เขามีครอบครัวที่อบอุ่นอย่างเช่นทุกวันนี้ “พี่รักหนูกับลูกมากนะครับ”“น้องปริมก็รักคุณพ่อ คุณแม่ น้องปันค่ะ” ปราณรวีที่ก้มหน้าก้มตาก่อประสาททรายหยุดการกระทำเงยขึ้นมองหน้าพ่อแม่ และน้องสาวสลับไปมาก่อนเอ่ยออกมาเสียงเจื้อยแจ้วฉีกยิ้มจนตาหยี จากนั้นก็โน้มตัวไปจูบท้องนูน ๆ ของผู้เป็นแม่ที่มีน้องชายอยู่ด้านใน “แล้วก็รักน้องปลื้มด้วยค่ะ”“ฮ่าฮ่า” ความน่ารักของบุตรสาวทำเอาคนเป็นพ่อแม่มองหน้ากันแล้วหัวเราะออกมาอย่างชอบใจยิ่งนับวันบุตรสาวคนโตก็ยิ่งช่างเจรจาฉอเลาะมากขึ้นจนน่ามันเขี้ยว ก่อนคนเป็นพ่อจะเลื่อนมือไปโยกศีรษะเล็กเบา ๆ ด้วยความมันเขี้ยวระคนเอ็นดู จากนั้
“ฮ่าฮ่า”“คุณพ่ออย่าวิ่งเร็ว ๆ สิคะน้องปริมวิ่งหนีไม่ทัน” “พ่อวิ่งช้าที่สุดแล้วครับ” เสียงหัวเราะแห่งความสุขเคล้าเสียงตะโกนพูดคุยกันของสามพ่อลูกทำให้วารีที่เอนกายพักผ่อนสายตาบนเก้าอี้ชายหาดที่ตั้งอยู่บนผืนทรายสีขาวนวลปรือตาขึ้นมา ก่อนหยัดกายลุกขึ้นนั่งตัวตรงสอดส่องสายตามองหาต้นเสียง คิ้วสวยพลันขมวดยุ่งเหยิงเมื่อสายตาสะดุดเข้ากับสามีและลูกน้อยกำลังวิ่งเล่นไล่จับกันอย่างสนุก นึกตำหนิผู้เป็นสามีในใจลำพังพาปราณรวีบุตรสาวคนโตวิ่งเล่นเธอไม่ว่าอะไรหรอก แต่นี่ดันอุ้มปราณตะวันบุตรสาวอีกคนวัยขวบครึ่งวิ่งด้วย เกิดเขาพลาดท่าหกล้มขึ้นมาจะทำยังไง“มันน่าจับตีทั้งพ่อทั้งลูก” เธอบ่นพึมพำอย่างคาดโทษ ก่อนลุกเดินไปหาสามคนพ่อลูกด้วยท่าทางอุ้ยอ้ายเพราะท้องที่เริ่มใหญ่ขึ้นทุกวันตามอายุครรภ์ ใช่ฟังไม่ผิดตอนนี้ในท้องเธอมีลูกคนที่สามอยู่อายุครรภ์ได้ห้าเดือนกว่า ๆ แล้ว ผลงานของคุณพ่อตัวดีเลยที่ขยันผลิตลูกเหลือเกิน เธอบอกว่ามีสองคนพอ แต่เขาก็ใช้ลูกอ้อนเว้าวอนทุกวันว่าขอมีลูกชายอีกสักคน สุดท้ายเธอก็ใจอ่อนจนได้ คราวนี้เขาก็ได้ลูกชายสมใจอยากแล้วล่ะ “พี่ปราณพาลูกวิ่งทำไมเกิดล้มขึ้นมาจะทำยังไงคะ” เธอเอ่ยเสียงดุ
ใบหน้าหล่อเหลาระบายยิ้มบาง ๆ เมื่อเปิดประตูเข้าไปแล้วพบว่าเมียสาวกำลังนั่งแต่งหน้าอยู่ที่โต๊ะเครื่องแป้ง เท้าใหญ่เดินไปหยุดด้านหลังร่างบางแล้วโน้มตัวลงเกยคางบนไหล่มน สอดมือเข้าไปโอบกอดเอวคอดหลวม ๆ "เมียพี่ไม่ต้องแต่งหน้าก็สวยอยู่แล้วครับ""ปากหวาน" วารีมองสบสายตาชายหนุ่มอันเป็นที่รักผ่านกระจกพร้อมกับระบายยิ้มออกมาบาง ๆ "พี่พูดจริงครับน้องสวยทั้งหน้าตาและจิตใจ" เขาว่าพลางเคลื่อนนิ้วมือขึ้นจิ้มบนอกด้านขวาที่มีก้อนเนื้อเต้นอยู่ด้านใน สิ้นเสียงพูดก็หอมแก้มนุ่มนิ่มฟอดใหญ่ทำให้คนที่กำลังบรรจงทาลิปสติกหน้านิ้วคิ้วขมวดเพราะรบกวนการแต่งหน้าของเธอ เปล่งเสียงดุอย่างไม่จริงจังมากนัก "วาแต่งหน้าอยู่พี่ปราณอย่าเล่นสิคะ""โอเคครับพี่จะอยู่นิ่ง ๆ" ร่างสูงยอมอยู่นิ่ง ๆ มองเมียสาวแต่งหน้าไปเงียบ ๆ กระทั่งเสร็จเขาจึงผละอ้อมกอดออกจากเอวคอด จับเก้าอี้แล้วหมุนให้ร่างบางหันมาเผชิญหน้า"ขอพิสูจน์หน่อยว่าลิปสติกสีนี้ดีจริงไหม" เสียงทุ้มเอ่ยออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ จับจ้องริมฝีปากอวบอิ่มที่เคลือบลิปสติกสีสวยด้วยแววตาปรารถนา ว่าจบก็จับคางมนเงยขึ้นมารับรสจูบแสนหวานคนที่นั่งงงงวยกับคำพูดของเขาเข้าใจได้ในทันทีว่าหมา
หลายวันต่อมา..แสงแดดยามแปดโมงเช้าสาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างกระจกกระทบสามคนพ่อแม่ลูกที่กำลังนอนกอดกันอยู่ โดยคนเป็นลูกน้องอยู่ตรงกลางมีพ่อแม่กกกอดไว้ ประภาวินท์รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเป็นคนแรกตามด้วยบุตรสาว ส่วนวารียังคงหลับสนิทเพราะเมื่อคืนโดนพ่อของลูกรังแกไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งกว่าจะได้นอนก็ครึ่งค่อนคืน"ชูว์""อย่ากวนแม่ครับให้แม่นอนต่ออีกสักหน่อย" เขายกนิ้วขึ้นชูว์ปากห้ามปรามบุตรสาวที่กำลังจะหันไปปลุกคนเป็นแม่เบา ๆ ซึ่งเด็กน้อยก็ทำตามในทันทียกมือปิดปากพร้อมกับค่อย ๆ ขยับตัวไปนั่งห้อยขาริมเตียงประภาวินท์ระบายยิ้มมองบุตรสาวด้วยความรักใคร่พร้อมกับขยับไปนั่งห้อยขาข้าง ๆ ยกมือขึ้นวางบนศีรษะเล็กทอย เอียงหน้ากระซิบข้างกกหูเล็กเบา ๆ พอได้ยิน "เดี๋ยวพ่อพาไปอาบน้ำนะครับ จะได้ลงไปทานอาหารเช้ากัน""ค่ะ" เมื่อเสียงใส ๆ ขานรับเขาก็หยัดกายลุกลงจากเตียงเดินไปเตรียมน้ำให้บุุตรสาวในอ่างอาบน้ำสำหรับเด็กที่เขาเพิ่งซื้อมา ตีฟองสบู่และใส่น้ำนมให้เสร็จสรรพจึงเดินออกมาจัดการปลดเปลื้องชุดนอนให้บุตรสาวต่อจนหมด จากนั้นก็จูงบุตรสาวเข้าห้องน้ำแล้วเริ่มลงมืออาบน้ำให้โดยให้บุตรสาวนอนแช่ในอ่างน้ำนมวางศีรษะบนที่ร
@บ้านกิตติธนปกรณ์“คุณปราณคะคุณผู้หญิงสั่งไว้ว่าหากกลับมาแล้วให้คุณปราณกับคุณวารีไปพบท่านที่ห้องด้วยค่ะ” ทันทีที่ประภาวินท์ วารีและบุตรสาวย่างกายเข้ามาในบ้านอิมแม่บ้านวัยสามสิบห้าก็เดินเข้ามาบอกกล่าวทันที“อืม” ประภาวินท์ขานรับสั้น ๆ แล้วยื่นถุงกล่องเค้กไปให้ “จัดเค้กใส่จานแล้วเอาขึ้นไปให้คุณแม่ด้วยนะ”“ไปหาแม่กันครับ” จากนั้นก็หันไปพยักเพยิดหน้าชวนหญิงสาว ก่อนจะอุ้มบุตรสาวเดินตรงขึ้นไปยังห้องผู้เป็นแม่ วารีเดินตามหลังไปติด ๆ"แม่มีอะไรเหรอครับ" เสียงทุ้มถามไถ่ด้วยความสงสัยหลังจากเดินมาหย่อนตัวลงนั่งบนเตียงนอนผู้เป็นแม่แล้ว"วันนี้ไปเที่ยวมาสนุกไหมคะน้องปริม" คุณหญิงรตีหาได้สนใจเสียงถามบุตรชายไม่กลับระบายยิ้มถามหลานสาวตัวน้อยที่นั่งข้างบุตรชายแทน"สนุกมากค่ะคุณย่า น้องปริมซื้อเค้กมาฝากคุณย่าด้วยนะคะ" เด็กน้อยเปล่งเสียงตอบเจื้อยแจ้วพร้อมกับขยับไปนั่งชิดคนเป็นย่า"น่ารักจริงรู้จักนึกถึงย่าด้วย" คุณหญิงรตีที่เห่อหลานเป็นทุนเดิมอยู่แล้วยิ่งหลงหนักเข้าไปอีกเมื่อเจอความน่ารักของหลาน เอื้อมมือไปบีบแก้มนุ่มนิ่มด้วยความรักใคร่ เอ็นดู ประภาวินท์กับวารีได้แต่ยืนมองหน้ากันตาปริบ ๆ ก่อนวารีจะปราย
วันต่อมาประภาวินท์ก็พาบุตรสาวมาทานไอศกรีมที่ห้างตามที่ได้ตกลงกันไว้เมื่อวาน หลังจากทานไอศกรีมเสร็จก็พาบุตรสาวไปเล่นสวนสนุกในห้างต่อวารียืนมองชายหนุ่มที่พาบุตรสาวขึ้นเครื่องเล่นนู่นลงเครื่องเล่นนี่คอยดูแลไม่ห่างกายด้วยใบหน้าเคลือบรอยยิ้ม เห็นบุตรสาวมีรอยยิ้ม หัวเราะคิกคักอย่างมีความสุขทำให้คนเป็นแม่อย่างเธอพลอยมีความสุขไปด้วยคิดไม่ผิดจริง ๆ ที่เริ่มต้นใหม่กับเขาอีกครั้งเธอยืนมองสองคนพ่อลูกอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งทั้งสองเดินกลับมาหาโดยคนเป็นพ่ออุ้มบุตรสาวอยู่บนแขน“คุณแม่ข๋าน้องปริมอยากเล่นอีก แต่คุณพ่อไม่ให้เล่นค่ะ” เด็กน้อยเอ่ยฟ้องผู้เป็นแม่เสียงเจื้อยแจ้วทันทีที่เดินมาถึงพร้อมกับทำหน้าง้อใส่ผู้เป็นพ่อ“ที่พ่อให้น้องปริมเล่นแค่นี้เพราะน้องปริมเพิ่งหายป่วยครับ เล่นมาก ๆ เกิดป่วยขึ้นมาอีกจะทำยังไงครับ น้องปริมอยากเข้าโรงพยาบาลอีกเหรอครับ” ประภาวินท์บอกล่าวบุตรสาวด้วยเหตุผล ที่เขาให้บุตรสาวเล่นเพียงนิดเดียวเพราะกลัวว่าอาการบุตรสาวจะกำเริบขึ้นมาอีกหากเหนื่อยมาก ๆ เพิ่งผ่านการผ่าตัดมาด้วย มือหนาอีกข้างยกขึ้นวางบนศีรษะเล็กทุยพร้อมกับเอ่ยออกมาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงนุ่มกว่าเดิม “ไว้น้องปริมแข
“รักนะครับ” ประภาวินท์อดไม่ได้จะพาตัวขึ้นไปกดจูบขมับชื่นเหงื่อด้วยความรักใคร่ เอ็นดู พร่ำบอกรักข้างหูเสียงอ่อนเสียงหวาน ก่อนขบงับติ่งหูเล็กเบา ๆ แล้วเคลื่อนใบหน้าไปบรรจงจูบริมฝีปากอวบอิ่มต่ออย่างดูดดื่ม เขาทำทุกอย่างอย่างค่อยเป็นค่อยไปเพื่อให้ผู้หญิงอันเป็นที่รักมีความสุขที่สุด ใช้เข่าแยกขาเรียวอ้าออกกว้างจับแท่งเอ็นถูไถปากทางรักฉ่ำเยิ้ม ก่อนจะดันพรวดเข้าไปสุดลำขยับเข้าออกอย่างนุ่มนวล พอรับรู้ได้ว่าโพรงสีหวานคุ้นชินก็เริ่มเร่งจังหวะ ปากครอบครองดูดดึงลิ้นเล็กจนเกิดเสียงน่าอาย สลับใช้เรียวลิ้นตวัดหยอกเย้า ความเสียวซ่านถาโถมเข้าใส่ร่างบอบบางอีกระลอกมันหนักหน่วง รุ่มร้อนกว่าครั้งที่เขาปรนเปรอเธอด้วยลิ้นและนิ้ว ทั้งรู้สึกดีระคนเสียวซ่านยามเขาฝากฝังตัวตนเข้ามาแอ่นสะโพกขึ้นรับแรงกระแทกหนัดแน่นอย่างลืมอายให้เขาตอกตรึงเข้ามาได้ลึกขึ้น จิกเล็บลงบนแผ่นหลังกว้างระบายความรู้สึกรัญจวน ยิ่งเสียวซ่านมากเท่าไรก็ยิ่งจูบตอบ ดูดดึงลิ้นสากแรงขึ้นเท่านั้นร่องสาวคับแน่นตอดรัดแท่งเอ็นถี่ ๆ สร้างความซ่านสยิวให้เจ้าของเป็นอย่างมากจนต้องผละจูบออกเชิดหน้าขึ้นครางกระหึ่มในลำคอระบาย ก่อนก้มมองใบหน้าแดงซ่านของส
วันนี้เธอเลือกจะวางเรื่องราวไม่ดีไว้ข้างหลังแล้วจับมือเดินไปข้างหน้ากับเขาสร้างครอบครัวที่สมบูรณ์แบบด้วยกันเพื่อความสุขของลูกและตัวเอง ไม่ว่าจะเจอขวากหนามอะไรก็จะไม่ปล่อยมือจากเขาอีกแล้วพร้อมจะฝ่าฟันไปด้วยกันจนวันสุดท้าย มือเรียวยกทั้งสองข้างยกขึ้นประคองใบหน้าหล่อเหลาส่งผ่านความรักความเสน่หาที่อยู่ในใจผ่านแววตาลึกซึ้ง เอื้อนเอ่ยคำว่ารักออกมาให้ชายหนุ่มอันเป็นที่รักรับรู้ทั้งทางกายและวาจา “ฉันก็รักคุณนะคะ คุณเป็นผู้ชายที่ดีที่สุดสำหรับฉันและลูก”คนได้ฟังระบายยิ้มออกมาอย่างมีความสุขหัวใจพองโตคับอกไม่คิดเลยว่าจะมีวันนี้ วันที่เขาได้กลับมาบรรจบกับผู้หญิงอันเป็นที่รักอีกครั้งพร้อมกับพยานตัวน้อยที่เกิดจากความรักความผูกพันธ์ของเขากับเธอ มือหนาข้างขวาเลื่อนลงโอบเอวคอดรั้งร่างบางเข้ามาแนบชิด อีกมือเชยคางมนขึ้นมารับจูบแสนหวานจากเขาริมฝีปากหนาบดคลึงกลีบปากอวบด้วยความรักความเสน่หาละเมียดละไมชิมความหวานจากกลีบปากอวบอย่างนุ่มนวล ก่อนค่อย ๆ สอดเรียวลิ้นเข้าไปคว้านหาความหวานในโพรงปากฉ่ำ เกี่ยวกระหวัด ดูดดึงลิ้นนุ่มอย่างดูดดื่ม อีกคนหลับตาลงดื่มด่ำกับจูบแสนหวานยกมือขึ้นคล้องลำคอแกร่งหลวม ๆ จูบตอบอย