2 วันต่อมา..
วารีถอนหายใจออกมาครั้งแล้วครั้งเล่านับตั้งแต่ลืมตาตื่นขึ้นมาเพราะคิดไม่ตกเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษาบุตรสาว เมื่อวานทางโรงพยาบาลก็ได้แจ้งเรื่องค่ารักษามาแล้วซึ่งค่าผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจสูงถึง 650,000 บาท ยังไม่รวมค่ายาและค่าห้องพิเศษอีก หลังจากรู้จำนวนเงินค่ารักษาเธอก็วิ่งเต้นทำเรื่องกู้เงินตามที่ต่าง ๆ แต่ผลก็ออกมาเหมือนกันทุกที่คือไม่ผ่าน ครั้นจะกู้เงินนอกระบบดอกเบี้ยก็โหดเกินไปคงผ่อนกลับไม่ไหว
พยายามนั่งคิดนอนมาตั้งแต่เมื่อคืนว่าพอจะมีทางไหนบ้างที่ทำให้ได้เงินเร็วนอกจากงานเอนคำตอบที่ได้คือไม่มี ทางเลือกเดียวในตอนนี้คืองานเอนงานที่เธอไม่เคยคิดจะทำมันเลยถึงแม้จะปากกัดตีนถีบแค่ไหนก็ตาม แต่วันนี้เธอต้องตัดสินใจทำเพราะมีชีวิตของบุตรสาวเป็นเดิมพัน
น้ำสีใสค่อย ๆ เอ่อคลอดวงตากลมโตเพียงคิดว่าตัวเองต้องทำงานแบบนี้จริง ๆ เธอเคยตั้งใจแน่วแน่มาตลอดว่าจะไม่มอบหัวใจและร่างกายให้ผู้ชายคนไหนอีกนอกจากพ่อของลูก แต่อีกไม่นานร่างกายของเธอกำลังถูกผู้ชายคนอื่นสัมผัสทับรอยผู้ชายอันเป็นที่รัก
เปลือกตาบางปิดลงช้า ๆ ปล่อยให้น้ำตาแห่งความเจ็บปวดไหลออกทางหางตาระบายความรู้สึกภายในใจเพื่อจะได้มีแรงลุกขึ้นสู้ต่อ
มือเดียวเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์ที่วางบนโต๊ะหัวเตียงมาเปิดหน้าจอต่อสายหาเพื่อนสาวคนสนิทเพื่อขอให้ช่วยหางานให้หลังจากร้องไห้จนหนำใจรู้สึกดีขึ้นบ้างแล้ว พยายามกรอกน้ำเสียงลงตามสายให้เป็นปกติที่สุด “ไวน์หางานเอนแบบวีให้ฉันหน่อย”
(แกลองคิดดูดี ๆ อีกทีดีไหมวารี ฉันไม่อยากให้แกทำงานนี้เลย)
“ฉันคิดดีแล้วไวน์นี่เป็นทางออกที่ดีที่สุดในตอนนี้แล้ว อีกอย่างฉันก็ไม่ใช่ผู้หญิงซิง แถมมีลูกแล้วด้วยมันคงไม่หนักหนาอะไร” เธอตอบเพื่อนสาวและพยายามปลอบใจตัวเองในคราวเดียวกันเพื่อไม่ให้ตัวเองรู้สึกแย่กับสิ่งที่กำลังตัดสินใจทำไปมากกว่านี้
(ฉันคงเปลี่ยนใจแกไม่ได้แล้วสินะในเมื่อแกคิดแล้วฉันก็เคารพในการตัดสิน แต่แกอย่ามานั่งเสียใจทีหลังแล้วกัน)
“อืม”
(งั้นได้เรื่องยังไงฉันจะโทรหานะ)
“โอเค” สิ้นเสียงพูดนิ้วเรียวก็กดวางสายทันที ก่อนเปลือกตาบางจะปิดลงอีกครั้งด้วยความรู้สึกหนักอึ้งในสมอง วันนี้เธอเลือกจะนอนโง่ ๆ อยู่ห้องรอฟังข่าวจากไวน์เพราะไปหาบุตรสาวที่โรงพยาบาลก็ไม่ได้พบอยู่ดี บุตรสาวยังอยู่ในห้องไอซียูหมอยังไม่อนุญาตให้เข้าเยี่ยม
ครืด! ครืด!
ผ่านไปกว่าสองชั่วโมงโทรศัพท์ก็แผดเสียงดังขึ้นทำให้วารีที่กำลังจะเคลิ้มหลับสะดุ้งตื่น รีบหยิบโทรศัพท์ข้างหมอนขึ้นมาดูเมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์ไวน์จึงรีบกดรับสายทันที “ว่าไงไวน์”
(ฉันหางานให้แกได้แล้วนะ เริ่มงานเย็นนี้พร้อมไหมหรือจะถอนตัวก็ยังทันนะ) หัวใจดวงน้อย ๆ ของวารีเต้นแรงขึ้นมาดื้อ ๆ เมื่อปลายสายเอ่ยจบ ความจริงเธอน่าจะดีใจที่ได้งานเร็วแต่เปล่าเลยความทุกข์กลับกัดกินใจหนักกว่าเก่าแม้พยายามทำใจยอมรับแล้วก็ตาม
เธอถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนตอบปลายสายด้วยน้ำเสียงเป็นปกติที่สุด “เย็นนี้เลยเหรอทำไมเร็วจัง”
(ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ไม่ต้องกังวลนะคนที่จ้างแกเป็นรุ่นน้องของคุณณวัฒน์ อายุ 31ปีคุณณวัฒน์รับรองมาแล้วว่าหล่อ นิสัยดี และรวยมากหากแกทำให้เขาถูกใจอาจจะได้ค่าตอบแทนเยอะก็ได้)
“อืม” เธอเพียงขานรับในลำคอเบา ๆ แม้ลูกค้าที่เธอกำลังจะขึ้นเตียงด้วยในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าจะหน้าตา และโปรไฟล์ดีก็ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นมาสักนิด สุดท้ายแล้วหลังจากจบงานนี้เธอก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้หญิงขายตัว
(แกเตรียมตัวให้พร้อมนะ หนึ่งทุ่มฉันจะเข้าไปรับพาไปส่งโรงแรมที่ลูกค้านัดไว้)
“อืม..ขอบใจมากนะที่ช่วยเป็นธุระให้”
(อือ ๆ ไม่เป็นไร มีอะไรที่พอช่วยได้ฉันก็พร้อมช่วยเต็มที่)
“จ้ะ” ใบหน้าสวยระบายยิ้มออกมาบาง ๆ ด้วยความรู้ลึกซาบซึ้งในน้ำใจของเพื่อนสาว ไม่ว่าเธอจะพบเจอปัญหาหรืออุปสรรคมากมายเพียงใดก็มีไวน์นี่แหละที่ยืนเคียงข้างเธอทุกสถานการณ์ หลังจากวางสายเพื่อนสาวเธอก็ถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ความรู้สึกดำดิ่งลงสู่ห้วงความทุกข์ระทมอีกครั้งหากแม้เลือกได้เธอไม่ขอเฉียดเข้าใกล้เส้นทางนี้เลย
เธอนอนจมดิ่งกับความรู้สึกแย่ ๆ บนเตียงราวกับร่างไร้วิญญาณจนเวลาผ่านไปชั่วโมงแล้วชั่วโมงเล่า กระทั่งใกล้ถึงเวลานัดหมายจึงพาตัวเองไปอาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาดสะอ้าน หยิบชุดที่คิดว่าเซ็กซี่สุดมาสวมใส่ แต่งเติมหน้าบางเบาแล้วเดินออกไปรอเพื่อนสาวหน้าห้องเช่าเก่า ๆ ที่ตัวเองอาศัยอยู่
ยืนรอเพียงไม่กี่นาทีรถเก่งของไวน์ก็เคลื่อนตัวมาจอดลงตรงหน้า เท้าเล็กรีบก้าวเดินไปขึ้นรถอย่างรู้งานไม่ต้องรอให้เพื่อนสาวออกปากเรียก
“ฉันขอถามอีกทีตัดสินใจดีแล้วใช่ไหมวา เปลี่ยนใจตอนนี้ยังทันนะ” ไวน์หันไปถามย้ำเพื่อนสาวเพื่อความแน่ใจอีกครั้งเพราะเธอเองก็ไม่ได้สนับสนุนให้เพื่อนทำงานแบบนี้เลย
“ฉันตัดสินใจดีแล้วรีบไปกันเถอะเดี๋ยวจะเลยเวลานัด” วารีฝืนระบายยิ้มตอบเพื่อนสาวบาง ๆ ก่อนเบนหน้ามองออกไปนอกกระจกรถด้วยนัยน์ตาเศร้า ส่วนไวน์ก็เหยียบคันเร่งขับรถออกจากหน้าห้องเช่าทันทีเมื่อได้ฟังคำตอบ ถึงเธอจะพูดยังไงก็คงเปลี่ยนใจเพื่อนสาวไม่ได้แล้ว
@โรงแรม
“ลูกค้ารออยู่ห้อง 504 นะ แกขึ้นไปคนเดียวได้ใช่ไหมหรือจะให้ฉันไปส่งหน้าห้อง” ไวน์หันไปเอ่ยกับเพื่อนสาวเมื่อรถจอดลงหน้าโรงแรมที่นัดหมายกับลูกค้าแล้ว หลังจากต่างคนต่างนั่งเงียบจมอยู่กับความคิดตัวเองมาตลอดทาง
วารีที่นั่งเหม่อลอยสะดุ้งหลุดออกจากห้วงความคิด หันไปตอบเพื่อนสาวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ฉันไปเองได้ ขอบใจมากนะที่มาส่ง”
“อืม..หากมีอะไรก็โทรหาฉันได้ตลอดนะ ฉันจะรีบมาหา”
“โอเค งั้นฉันไปก่อนนะ” วารีพยักหน้ารับน้อย ๆ ก่อนเปิดหน้าจอโทรศัพท์ดูเวลาเมื่อเห็นว่าอีกเพียงสิบนาทีก็ถึงเวลานัดจึงบอกกล่าวกับเพื่อนสาว แล้วเปิดประตูลงจากรถเดินเข้าไปในโรงแรม
มือเรียวข้างขวายกขึ้นกำสายสะพายกระเป๋าแน่น ขณะที่ข้างซ้ายนั้นกำชายกระโปรงชุดเดรสไว้แน่น เหงื่อเม็ดเล็ก ๆ ผุดพรายตามไรผมและอุ้งมือนุ่มจนชุ่ม ยิ่งเข้าใกล้ห้องพักของลูกค้าเท่าไรหัวใจดวงน้อย ๆ ของเธอก็ยิ่งเต้นแรง ถึงแม้จะไม่ใช่สาวบริสุทธิ์แต่เธอก็ห่างหายจากเรื่องแบบนี้มานานถึงสี่ปีกว่าตั้งแต่เลิกกับแฟนเก่า หนำซ้ำต้องมีอะไรกับคนแปลกหน้าอีกจึงทำให้รู้สึกหวาดหวั่นไม่น้อย อยากจะถอยหลังกลับก็ทำไมได้เพราะชีวิตบุตรสาวค้ำคออยู่
“เพื่อลูก ๆ วารี” เธอเป่าลมออกจากปากแรง ๆ เมื่อเดินมาถึงหน้าห้องพักลูกค้า ยืนข่มความรู้สึกมากมายที่ประเดประดังเข้ามาเรียกแรงฮึดสู้ให้ตัวเองเนินนานหลายนาที ก่อนค่อย ๆ ยกมือขึ้นเคาะประตู แต่กลับไร้วี่แววของคนด้านในทุกอย่างเงียบเชียบราวกับไม่มีคนอยู่
ก็อก! ก็อก!
มือเรียวยกขึ้นเคาะประตูอีกครั้งเผื่อว่าคนด้านในจะไม่ได้ยินหรือกำลังทำอะไรอยู่ แต่ก็ได้รับความเงียบตอบกลับมาเหมือนเดิม เธอยืนหันซ้ายแลขวาอย่างไม่รู้จะทำยังไงไม่รู้ว่าจะยืนรอหรือหันหลังกลับดี
แกร็ก! ระหว่างที่เธอกำลังยืนถกเถียงกับตัวเองจู่ ๆ ประตูห้องก็เปิดออกทำเอาเธอฉงนไม่น้อย ยืนงุนงงนานนับนาที ก่อนค่อย ๆ ก้าวเข้าไปในห้องอย่ากล้า ๆ กลัว ๆ ทว่าเธอก็ต้องหวาดระแวงหนักเข้าไปอีกเพราะในห้องมืดงำไปหมดมีเพียงแสงสว่างจากด้านนอกที่สาดส่องผ่านผ้าม่านหน้าต่างกระจกเข้ามาพอเห็นเงาตะคุ่ม ๆ ของใครบางคนที่นั่งปลายเตียง ทำตัวลึกลับน่ากลัวมากจริง ๆ อดคิดไม่ได้ว่าเขาอาจจะเป็นพวกโรคจิตหรือจิตไม่ปกติ
“ไปเปิดไฟสิ” ทว่าเธอก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อจู่ ๆ เสียงทุ้มก็ดังขึ้นขณะที่กำลังวิตกกังวลและคิดไปต่าง ๆ นานาว่าเขาเป็นคนไม่ดี
“ค..ค่ะ” รีบขานรับด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก แล้วเดินไปเปิดไฟด้วยความเร็วเธอเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าลูกค้าตัวเองหน้าตาเป็นอย่างไรอันตรายหรือไม่จะได้รีบหนีออกไป
พรึ่บ!
“พะ..พี่ปราณ” ทันทีที่ไฟในห้องสว่างวาบเธอก็ต้องผงะตาเบิกกว้างด้วยความตกใจเมื่อเห็นหน้าผู้ชายที่นั่งไขว้ห้างปลายเตียง ใจดวงน้อยสั่นไหวราวกับอาฟเตอร์ช๊อก ใบหน้าถอดสีร่างกายแข็งทื่อไปหมด คนตรงหน้าคือผู้ชายที่เธอรักสุดหัวใจเป็นรักแรก เป็นผู้ชายคนแรกในทุก ๆ เรื่องของเธอ และเขาก็คือพ่อของลูกด้วย
นัยน์ตาดำขลับไหวระริกด้วยความรู้สึกจุกอกในสมองมีแต่คำถามว่าทำไม ๆ ทำไมถึงเป็นเขา อยากจะวิ่งหนีออกไปจากตรงนี้เสียเดี๋ยวนี้เพราะรู้สึกผิดกับสิ่งที่เคยกระทำกับเขาจนมิอาจสู้หน้าได้ แต่ขาเจ้ากรรมดันไม่ให้ความร่วมมือก้าวไม่ออกเหมือนกับถูกสาป
ไม่รู้ว่าเป็นเวรเป็นกรรมอะไรของเธอถึงทำให้วนกลับมาพานพบกันอีกครั้งในรอบสี่ปีกว่า หลังจากที่เธอหนีจากเขาไปโดยไม่มีแม้แต่คำร่ำลาด้วยเหตุผลบางอย่างทั้งที่ไม่อยากจากไปเลยสักนิด เขาคงเจ็บปวดและเสียใจกับการกระทำของเธอมาก เธอเองก็รู้สึกเจ็บปวดและเสียใจมากเหมือนกันที่ต้องออกไปจากชีวิตเขาทั้งที่ยังรักมากมาย
ทว่าดูจากแววตาสีหน้าที่ชายหนุ่มมองมายังเธอในตอนนี้เขาคงโกรธ เกลียดเธอมากเพราะมันมีแต่ความว่างเปล่า และเต็มไปด้วยความเย็นชาจนน่าใจหายทำให้เธอรู้สึกหน่วงในอกอย่างบอกไม่ถูกมันทั้งเจ็บปวดทั้งจุกในเวลาเดียวกัน
ขอบตาพลันร้อนผ่าวขึ้นมาอัตโนมัติจนต้องรีบเบนหน้าหนีไปทางอีก สูดลมหายใจเข้าปอดพรืดใหญ่พยายามสะกดกลั้นไม่ให้น้ำตาไหลออกมาเกรงว่าอีกคนจะสมเพชเวทนา แค่มาพบกับเขาในสถานการณ์แบบนี้มันก็น่าอับอาย และน่าสมเพชมากพออยู่แล้ว เขาคงมองเธอเป็นผู้หญิงไม่ดีตั้งแต่วันนั้นแล้ว แต่ทั้งหมดทั้งม้วนเธอก็ไม่คิดโทษเขาเพราะเธอทำตัวเองทั้งนั้นคนผิดมันคือเธอคนเดียว
ปึก ๆ!
มือเรียวทั้งสองข้างทุบลงข้างขาอ่อนเบา ๆ เพื่อให้ขาที่แข็งทื่อไม่ยอมขยับมีแรงก้าวเดินออกไปจากตรงนี้ ก่อนน้ำตาที่พยายามกลั้นไว้จะรินไหลออกมา ขณะที่ประภาวินท์นั้นยังมีสีหน้าท่าทางเย็นชาเหมือนเดิมดูไม่ตกใจหรือแปลกใจเลยสักนิดที่ได้เจอกับคนรักเก่า
การที่ได้พบเจอเธอในวันนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญมันเป็นเพราะความตั้งใจของเขาต่างหาก ฟ้าคงอยากให้เขาได้เจอกับผู้หญิงใจร้ายอีกครั้งวันนี้ถึงได้ดลจิตดลใจให้เขาคิดถึงรุ่นพี่หนุ่มอย่างณวัฒน์จนต้องไปหาถึงบริษัท ระหว่างนั่งคุยกันจู่ ๆ ณวัฒน์ก็เปิดรูปในโทรศัพท์ยื่นให้ดูถามว่าสนใจผู้หญิงในรูปไหม
แวบแรกที่เห็นเขาก็จำได้แล้วว่าเธอคือวารีแฟนเก่าที่ทิ้งเขาไปโดยไม่มีแต่คำร่ำลา ไม่มีลางบอกเหตุ ไม่มีเหตุผล หายไปราวกับว่าโลกนี้ไม่เคยมีเธออยู่ ทิ้งให้เขาจมอยู่กับความเจ็บปวด จมอยู่กับความสงสัยและคำถามมากมายว่าทำไมจู่ ๆ เธอจึงหายไป เขาทำอะไรผิดไปทำไมเธอถึงทิ้งกันได้อย่างง่ายดายราวกับว่าห้าปีที่รักกันมาไม่มีความหมายเลยสักนิด
เขาพยายามตามหาทุกที่ที่คิดว่าเธอน่าจะไป ตามถามข่าวจากคนรู้จักของเธอแต่ทุกคนต่างก็ตอบเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่รู้
ความสงสัยมันติดค้างในใจของเขามาจนถึงทุกวันนี้เมื่อมีโอกาสเจอเธออีกครั้งมีหรือจะปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไป รีบถามไถ่ณวัฒน์ว่ารู้จักเธอได้ยังไง แล้วทำไมถึงเอารูปเธอให้เขาดู คำตอบที่ได้รับทำให้เขารู้สึกช็อคไม่น้อยเพราะณวัฒน์บอกว่าเธอรับงานเอนวีซึ่งเขาก็พอเข้าใจความหมายของคำว่าเอนวีมาบ้างถึงแม้จะไม่เคยข้องเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้เลย
เท่าที่รู้จักกับวารีมาห้าปีแทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผู้หญิงที่ออกจะมีนิสัยเรียบร้อย อ่อนหวานแบบเธอจะกล้าขายศักดิ์ศรีแลกเงิน ตอนคบกันเธอไม่เคยแม้แต่จะแบมือขอเงินเขาสักครั้ง เขาเต็มใจให้เองเธอก็ยังไม่รับยอมทำงานเพื่อให้ได้เงินมาอย่างสมศักดิ์ศรีไม่ยอมให้ใครมองว่าเกาะเขากิน แต่ก็นั้นแหละบางทีสิ่งที่เขาเห็นอาจเป็นแค่เปลือกนอกที่เธอสร้างขึ้นมาความจริงแล้วก็ร้ายลึก ไม่อย่างนั้นคงทิ้งเขาไปแบบไม่เหลือใยไม่ได้
เขาจึงบอกให้ณวัฒน์ติดต่อให้โดยบอกว่ารุ่นน้องสนใจเลยได้เจอเธอในตอนนี้
“ไงวารี” ประภาวินท์เอ่ยทักทายคนรักเก่าด้วยน้ำเสียงราบเรียบหลังจากนั่งไล่สายตามองเธอนานพอสมควรแล้ว ร่างบางตรงหน้าดูซูบผอมอิดโรยไปมากจริง ๆ หน้าตาไม่สดใสเหมือนตอนที่อยู่ด้วยกัน นัยน์ตาของเธอก็แฝงด้วยความเศร้าคล้ายกับมีอะไรในใจคิดว่าหนีหายไปจากเขาแล้วจะมีชีวิตที่ดีขึ้นกว่านี้เสียอีก แต่ดูจากงานที่ทำในตอนนี้ก็พอเดาได้ว่าเธอตกต่ำแค่ไหน หรือไม่ก็รักความสบายจึงเลือกทำงานแบบนี้ แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเขาแล้วเพราะสถานะระหว่างเขากับเธอคือผู้ซื้อกับผู้ขายเท่านั้น“มาทำหน้าที่ของคุณสิวารี” เขาว่าพร้อมกับเปลี่ยนท่านั่งเอนตัวไปข้างหลังเล็กน้อย ใช้มือทั้งสองข้างค้ำยันที่นอนไว้ จับจ้องร่างบางด้วยแววตาว่างเปล่าเหมือนไม่ได้รู้สึกอะไร ทว่าใครจะรู้ว่าในใจเขานั้นรู้สึกเจ็บปวด ผิดหวัง และเสียใจมากแค่ไหนเพียงคิดว่าผู้หญิงที่เคยรักสุดหัวใจทำงานแบบนี้ เคยผ่านผู้ชายมานับไม่ถ้วน ไม่สิเธอไม่ใช่ผู้หญิงที่เคยรักแต่เธอยังเป็นคนที่เขารักสุดหัวใจเหมือนเดิมต่างหากถึงแม้เธอจะทำให้เขาเจ็บปวดเจียนตายก็ตาม ความจริงเขาสมควรเกลียดเธอมากกว่าแต่ไม่รู้ทำไมถึงเกลียดไม่ลง มันมีแต่ความโกรธและความเสียใจเท่านั
ประภาวินท์ไม่สนใจสักนิดว่าคนใต้ร่างจะรู้สึกอย่างไรเจ็บปวดหรือไม่ ระบายอารมณ์โกรธที่คุกรุ่นในกายลงบนร่างบอบบางซ้ำ ๆ ใช้ฟันขบกัดซอกคอระหงไล่ต่ำจนถึงเนินอกอวบ มือก็ขย้ำไปตามเรียวขาสวยจนเป็นรอยแดงช้ำเท่าฝ่ามือ อีกคนได้แต่นอนสะอื้นไห้กัดฟันข่มความเจ็บเอาไว้พลางรวบรวมแรงที่มีเพียงน้อยนิดต่อต้านสุดกำลัง แม้รู้อยู่เต็มอกว่าพยายามไปก็เปล่าประโยชน์เธอรีบกระเถิบถอยหลังหนีด้วยความเร็วทันทีที่คนด้านบนผละตัวลุกขึ้นปลดเปลื้องเสื้อผ้า ทว่าไม่ทันจะได้ก้าวลงจากเตียงก็ถูกมือหนาคว้าหมับเข้าที่ข้อเท้าแล้วลากกลับไปอยู่ที่เดิม ก่อนจะโถมตัวลงมาทาบทับไว้ใบหน้าหล่อเหลาคลอเคลีย ซุกไซ้สูดดมกลิ่นหอมจากกายสาวเข้าปอดพรืดใหญ่ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีกลิ่นกายของเธอก็ยังหอมไม่เคยเปลี่ยนเป็นกลิ่นที่เขาโหยหามาตลอดสี่ปีกว่า กลิ่นกายหอมหวานเป็นเชื้อเพลิงปลุกอารมณ์ความต้องการในกายชายได้เป็นอย่างดีมือหนาจับแก่นกายขนาดใหญ่ที่ผงาดชูชันเต็มตัวจ่อปากทางรัก แล้วอัดกระแทกเข้าไปในร่องนุ่มอย่างไร้ความอ่อนโยนโดยไม่มีการเล้าโลม ไม่มีสัญญาณเตือนใด ๆ เพราะคิดว่าส่วนนั้นของเธอผ่านผู้ชายมาไม่รู้กี่คนต่อกี่คนคงจะหลวมหมดแล้ว ส่งผลให้ร่องสาวที
“อ๊า”ประภาวินท์คำรามออกมาอย่างสุขสมเมื่อแตะถึงขอบสวรรค์ ทิ้งตัวลงทาบทับร่างบางที่นอนคว่ำซบหน้าลงกับซอกคอระหงอย่างหมดเรี่ยวแรงหลังจากบทลงโทษครั้งที่สองจบลง สองร่างหนุ่มสาวชุ่มไปด้วยเหงื่อถึงแม้แอร์ในห้องจะเย็นฉ่ำ เสียงหอบหายใจดังสอดประสานกันระรัววารีถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่เมื่อรู้ว่าบทลงโทษสิ้นสุดลงจริง ๆ ก่อนค่อย ๆ หลับตาลงปล่อยให้ร่างสูงทาบทับอยู่อย่างนั้นโดยไม่คิดทักท้วงใด ๆ เพราะรู้สึกอ่อนล้าและหมดเรี่ยวแรงเกินกว่าจะทำสิ่งใดภายในห้องถูกความเงียบเข้าปกคลุมมีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศที่กำลังทำงานอยู่เคล้าด้วยเสียงหอบหายใจของคนสองคน ทุกอย่างหยุดนิ่งไม่ไหวติงราวกับใครกดหยุดเอาไว้ประภาวินท์หลับตาสูดดมกลิ่นหอมจากลำคอระหงเข้าปอดเฮือกใหญ่ เหงื่อที่ไหลออกมาไม่ได้ทำให้ความหอมบนร่างกายของเธอจางลงเลย กลิ่นกายของเธอเป็นกลิ่นที่เขาชื่นชมมากที่สุดรู้สึกสดชื่นทุกครั้งเมื่อได้สูดดม พอไฟแห่งความโกรธดับลงความรู้สึกผิดก็ก่อขึ้นในใจน้อย ๆ รู้ว่าตัวเองกระทำรุนแรงกับเธอเกินไปตอนนั้นเขาคุมอารมณ์ไม่อยู่จริง ๆ แต่อีกใจก็แย้งขึ้นมาว่าเธอสมควรโดนแล้ว เจ็บแค่นี้ยังไม่สาสมกับความผิดและความใจร้ายของเธอเลยสักน
ชายหนุ่มเดินมาหยุดหน้าเคาวน์เตอร์อ่างล้างหน้าจ้องลึกเข้าไปในตาแดงก่ำที่พร่ามัวด้วยม่านน้ำตาของตัวเองผ่านกระจกบานใหญ่เนินนานหลายนาที ก่อนโน้มหน้าลงใช้มือรองรับน้ำจากก็อกแล้วสาดเข้าหน้าชะล้างหยดน้ำอุ่น ๆ ที่ไหลออกทางหางตาซ้ำ ๆ กระทั่งรู้สึกดีขึ้นจึงเปิดประตูออกไปวารีรับรู้ว่าชายหนุ่มออกมาจากห้องน้ำแล้ว แต่ยังนั่งนิ่งเหมือนเดิมไม่คิดจะหันไปมองหรือพูดอะไร ก้มหน้ามองเท้าตัวเองเพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญกับเขาโดยตรง รู้สึกละอายแก่ใจจนสู้หน้าไม่ไหวจริง ๆ ไม่อยากเห็นสายตาที่เขาใช้มองเพียงคิดว่าเขาจะมองเธอด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยามก็รู้สึกเจ็บมากพอแล้ว อีกเหตุผลที่ไม่อยากมองหน้าเขาก็เพราะกลัวว่าน้ำตาเจ้ากรรมที่พยายามกลั้นไว้จะรินไหลออกมาประจานความอ่อนแอของตัวเองทำให้เขาสมเพชเอาได้“ค่าตัวของคุณสองน้ำ 600,000 ส่วนที่โอนเข้าบัญชี 100,000 ถือซะว่าเป็นทริปสำหรับที่คุณรองรับบอารมณ์ผมได้ดี” คำพูดแสนร้ายกาจพ่นออกจากริมฝีปากหนาของร่างสูงที่กำลังสวมใส่เสื้อผ้าหลังจากภายในห้องตกอยู่ในความเงียบมานาน วารีถึงกับสะอึกกับคำพูดของผู้ชายอันเป็นที่รัก เหมือนมีดพัน ๆ เล่มกรีดลงกลางหัวใจรู้สึกเจ็บ และจุกจนอธิบายออกม
ก็อก! ก็อก!ผ่านไปประมาณสิบห้านาทีเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นทำให้วารีที่เกือบจะเคลิ้มหลับสะดุ้งหลุดออกจากภวังค์ เธอยกมือขึ้นลูบหน้าไล่อาการงัวเงียออก แล้วลุกลงจากเตียงเดินหอบผ้าห่มผืนใหญ่ที่ใช่ปกปิดร่างกายไปเปิดประตูให้เพื่อนสาว“เฮ้ย!” วินาทีแรกที่เห็นสภาพของเพื่อนสาวไวน์ถึงกับผงะอุทานออกมาด้วยความตกใจ ใบหน้าของเพื่อนสาวดูอ่อนแรงมาก นัยน์ตาแดงก่ำขอบตาบวมเป้งไม่ต้องบอกก็รู้ว่าผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก ไหนจะรอยช้ำตามลำคอ หน้าอกและแขนอีก เมื่อหายตกใจก็รีบถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง “เกิดอะไรขึ้นวา”“ฉันค่อยเล่าให้ฟังนะ ตอนนี้ขอใส่เสื้อผ้าก่อน” วารีเลี่ยงตอบคำถามเพื่อนสาวตอนนี้เธออยากใส่เสื้อผ้า แล้วออกไปจากห้องนี้ให้เร็วที่สุด ไวน์พยักหน้ารับอย่างเข้าใจพร้อมกับยื่นถุงเสื้อผ้าที่เตรียมมาให้ระหว่างรอเพื่อนสาวแต่งตัวเธอก็ไล่สายตาสำรวจไปทั่วห้อง คิ้วสวยพลันขมวดชนกันเป็นปมเมื่อสายตาสะดุดเข้ากับคราบเลือดบนที่นอน และเศษชุดเดรสที่วางปลายเตียงบวกกับสภาพเพื่อนสาวแล้ว ผู้ชายคนนั้นต้องทำรุนแรงแค่ไหนกันทั้งรู้สึกสงสัยและสงสารในเวลาเดียวกันที่เพื่อนต้องมาเจออะไรแบบนี้“ฉันขอโทษนะวา” เธอเดินเข้าไปสวมกอดเพื่อ
วันต่อมา..วารีหอบร่างกายอันบอบช้ำของตัวเองมาโรงพยาบาลตั้งแต่เช้าเพราะวันนี้หมอย้ายบุตรสาวออกจากห้องไอซียูกลับมาพักที่ห้องพิเศษแล้ว และรีบมาจัดการเรื่องค่ารักษาที่ล่วงเลยเวลาชำระมาสองวันด้วยหลังจากได้จ่ายค่ารักษาเรียบร้อยก็ทำให้เธอรู้สึกเบาใจขึ้นมาบ้าง ส่วนค่าใช้จ่ายครั้งต่อไปคงต้องคิดหาวิธีอีกทีซึ่งมันคงไม่หนักหนาอะไรเพราะได้ผ่าตัดแล้วอย่างน้อยก็มีแค่ค่ายา ค่าห้องพิเศษ และค่าจิปาถะเล็ก ๆ น้อย ๆ ส่วนเรื่องอาการของบุตรสาวคุยกับหมอแล้วก็ไม่น่าเป็นห่วงอะไร บุตรสาวปลอดภัย ไม่มีภาวะแทรกซ้อนอะไรแค่นอนพักรักษาแผลที่โรงพยาบาล และให้หัวใจแข็งแรงอีกประมาณหนึ่งอาทิตย์ก็สามารถกลับบ้านได้“แม่รักหนูนะน้องปริม” รอยยิ้มบาง ๆ ผุดขึ้นประดับใบหน้าเรียวในรอบหลายวันหลังจากที่ต้องตกอยู่ในห้วงความทุกข์ระทมมาเกือบสองอาทิตย์แค่รู้ว่าบุตรสาวปลอดภัยสามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเด็กในวัยเดียวกันได้คนเป็นแม่อย่างเธอก็หายห่วงและดีใจมากแล้ว มือเรียวเอื้อมไปลูบศีรษะเล็กทุยของบุตรสาวที่นอนหลับตาบนเตียงด้วยความรักใคร่หวงแหน ก่อนโน้มหน้าลงกดจูบบนหน้าผากมนอย่างแผ่วเบาจากนั้นก็หย่อนสะโพกลงบนเก้าอี้ข้างเตียงนั่งมองใบหน้าจ
3 วันต่อมา..“คุณแม่ข๋า” วารีที่กำลังนั่งก้มหน้าก้มตาโพสขายของในเฟสบุ๊ค และเพจละสายตาจากหน้าจอโทรศัพท์เมื่อเสียงใส ๆ ของบุตรสาวดังทบโสตประสาทเงยหน้าขึ้นถามไถ่ด้วยน้ำเสียงนุ่ม “ว่าไงคะคนเก่ง”“หนูปวดฉี่ค่ะ” เธอระบายยิ้มบาง ๆ หลังจากได้ฟังคำตอบจากริมฝีปากเล็ก วางโทรศัพท์บนโซฟาลุกเดินไปอุ้มบุตรสาวเข้าห้องน้ำ รอจนบุตรสาวปัสสาวะเสร็จจึงอุ้มกลับมาวางบนเตียงเหมือนเดิม “วันนี้รู้สึกยังไงบ้างคะ ยังเจ็บแผลอยู่ไหม” เสียงนุ่มเปล่งถามอีกครั้งหลังจากจัดแจงให้บุตรสาวนอนเรียบร้อยแล้ว พร้อมกับหย่อนสะโพกนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียงจับจ้องใบหน้าจิ้มลิ้มด้วยแววตารักใคร่“เจ็บนิดเดียวค่ะ” เด็กน้อยตอบอย่างใสซื่อพร้อมกับทำท่าทำทางให้ดูทำเอาคนเป็นแม่อย่างวารีอดยิ้มไม่ได้กับท่าทางแสนน่ารักของบุตรสาว ยื่นมือไปบีบแก้มอวบ ๆ ด้วยความเอ็นดูระคนมันเขี้ยว “แบบนี้อีกไม่กี่วันคนเก่งของแม่คงได้กลับบ้านแล้ว”“หนูจะได้กลับบ้านจริง ๆ เหรอคะคุณแม่” เด็กน้อยยิ้มร่าด้วยความดีใจเมื่อได้ยินที่ผู้เป็นแม่บอก“จริงค่ะ ถ้าหนูทำตามที่คุณหมอสั่งอย่างเคร่งครัด ไม่ดื้อไม่ซน”“หนูจะไม่ดื้อ ไม่ซนจะทำตามที่คุณหมอสั่งค่ะ”“ดีมากค่ะคนเก่งของ
“หึ”ประภาวินท์เค้นหัวเราะผ่านลำคออย่างเย้ยหยันกับคำตอบที่ได้รับ เธอพูดออกมาได้หน้าตาเฉยไม่ได้มีสีหน้า และแววตาของความเสียใจสักนิด พานทำให้อารมณ์โกรธที่ซ่อนอยู่ในส่วนลึกประทุขึ้นมา ขบกรามแน่นจนดังกรอด เลื่อนมือไปจับข้อมือเล็กทั้งสองข้างที่พยายามผลักไสเขาไปกดไว้ข้างศีรษะเล็กทุย แววตาแข็งกร้าวตวัดมองเด็กน้อยบนเตียงแวบหนึ่ง แล้วดึงสายตากลับมาจับจ้องใบหน้าเรียวต่อ สาดคำพูดแสนร้ายใส่โดยไม่คิดว่าคนฟังจะรู้สึกอย่างไร “คุณนี่ช่างเป็นแม่ที่ประเสริฐมากเลยนะยอมขายศักดิ์ศรีเพื่อแลกกับเงินรักษาลูก ผมได้ยินเรื่องราวของคุณแล้วรู้สึกสงสารจับใจ วันนี้เลยอยากมาใช้บริการอีกเพื่อช่วยคุณให้มีเงินในการรักษาลูกเยอะ ๆ”“ขอบคุณในน้ำใจของคุณนะคะ..แต่ฉันไม่ต้องการ” คำพูดจาเหมือนหวังดีแต่แฝงไปด้วยความเหยียดหยามของหนุ่มที่ได้ชื่อว่าเป็นคนรักเก่าทำให้วารีรู้สึกจุกในอกไม่น้อย แต่กระนั้นก็ยังคงมีสีหน้าท่าทางราบเรียบเหมือนเดิมสวนกลับด้วยคำพูดนุ่มนวลเธอบอกกับตัวเองตั้งแต่วันนั้นที่โรงแรมแล้วว่าจะไม่อ่อนแอหรือเสียน้ำตาให้กับเรื่องนี้อีก เลือกจะทิ้งทุกอย่างไว้ข้างหลังแล้วก้าวไปข้างหน้ากับบุตรสาวอย่างมีความสุข แววตาราบ
“มองแบบนี้อยากได้ลูกเพิ่มเหรอครับ” ประภาวินท์ที่เงยหน้าขึ้นมาเจอกับสายตาของเมียสาวเอ่ยเย้าแหย่ด้วยสีหน้าและน้ำเสียงกรุ่มกริ่ม “คนบ้า” คำพูดจาแสนทะลึ่งของคนเป็นสามีทำเอาวารีถึงกับหมดอารมณ์ซึ้ง แว้ดใส่เบา ๆ เพราะไม่อยากให้บุตรสาวได้ยินเอื้อมมือไปหยิกมือหนาที่วางบนโต๊ะอย่างแรงด้วยความหมั่นไส้จนอีกคนสะดุ้งโหยง นัยน์ตาที่เปี่ยมล้นไปด้วยความรักแปรเปลี่ยนเป็นขึงขังในเสี้ยววินาทีทำปากขมุบขมิบต่อว่าเบา ๆ “ในสมองพี่มีแต่เรื่องแบบนี้หรือไงกัน”“ครับก็เมียน่ากินนิ” คนหื่นยอมรับหน้าระรื่นหนำซ้ำยังส่งสายตาพราวระยับราวกับเสือร้ายใส่ เขาไม่ได้พูดเกินจริงเลยเธอคงไม่รู้ตัวสินะว่าตัวเองน่ากินขนาดไหนยิ่งท้องก็ยิ่งมีน้ำมีนวลจับตรงไหนก็เต็มไม้เต็มมือไปหมด แค่คิดส่วนนั้นของเขาก็กระตุก“เฮ้อ พี่นี่มันจริง ๆ เลย” วารีได้แต่ส่ายหน้าถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ไม่รู้จะสรรหาคำใดมาว่าคนหน้ามึนหื่นกามอย่างสามีหนุ่มยังไงดี ก่อนหันมองบุตรสาวที่นั่งดูการ์ตูนในไอแพด ยกมือขึ้นวางบนศีรษะเล็กด้วยความรักใคร่ขี้เกียจจะสนใจคนเป็นสามีแล้วไม่อย่างนั้นคงเย้าแหย่เธอไม่เลิกผ่านไปกว่ายี่สิบนาทีพนักงานก็ทยอยนำอาหารมาเสิร์ฟสี่คนพ่อแม่ล
ชายหนุ่มมอบความรักให้กับเธอ มอบสิ่งล้ำค่าอย่างลูก ๆ ให้กับเธอ เข้ามาเติมส่วนที่ขาดหายในชีวิตจากเด็กกำพร้าที่โหยหาความรักความอบอุ่นมาตั้งแต่เด็กบัดนี้เปี่ยมล้นไปด้วยความสุข ความรักและความอบอุ่นที่เขามอบให้ ประภาวินท์พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ รับรู้ถึงความรู้สึกของผู้หญิงอันเป็นที่รัก เอื้อมมือไปโยกศีรษะเล็กทุยด้วยความรักใคร่เอ็นดู มองสบแววตาหวานฉ่ำอย่างลึกซึ้ง เป็นเขาเองมากกว่าที่ต้องของคุณเธอที่มอบความรักดี ๆ และลูก ๆ ที่น่ารักให้กับเขาทำให้เขามีครอบครัวที่อบอุ่นอย่างเช่นทุกวันนี้ “พี่รักหนูกับลูกมากนะครับ”“น้องปริมก็รักคุณพ่อ คุณแม่ น้องปันค่ะ” ปราณรวีที่ก้มหน้าก้มตาก่อประสาททรายหยุดการกระทำเงยขึ้นมองหน้าพ่อแม่ และน้องสาวสลับไปมาก่อนเอ่ยออกมาเสียงเจื้อยแจ้วฉีกยิ้มจนตาหยี จากนั้นก็โน้มตัวไปจูบท้องนูน ๆ ของผู้เป็นแม่ที่มีน้องชายอยู่ด้านใน “แล้วก็รักน้องปลื้มด้วยค่ะ”“ฮ่าฮ่า” ความน่ารักของบุตรสาวทำเอาคนเป็นพ่อแม่มองหน้ากันแล้วหัวเราะออกมาอย่างชอบใจยิ่งนับวันบุตรสาวคนโตก็ยิ่งช่างเจรจาฉอเลาะมากขึ้นจนน่ามันเขี้ยว ก่อนคนเป็นพ่อจะเลื่อนมือไปโยกศีรษะเล็กเบา ๆ ด้วยความมันเขี้ยวระคนเอ็นดู จากนั้
“ฮ่าฮ่า”“คุณพ่ออย่าวิ่งเร็ว ๆ สิคะน้องปริมวิ่งหนีไม่ทัน” “พ่อวิ่งช้าที่สุดแล้วครับ” เสียงหัวเราะแห่งความสุขเคล้าเสียงตะโกนพูดคุยกันของสามพ่อลูกทำให้วารีที่เอนกายพักผ่อนสายตาบนเก้าอี้ชายหาดที่ตั้งอยู่บนผืนทรายสีขาวนวลปรือตาขึ้นมา ก่อนหยัดกายลุกขึ้นนั่งตัวตรงสอดส่องสายตามองหาต้นเสียง คิ้วสวยพลันขมวดยุ่งเหยิงเมื่อสายตาสะดุดเข้ากับสามีและลูกน้อยกำลังวิ่งเล่นไล่จับกันอย่างสนุก นึกตำหนิผู้เป็นสามีในใจลำพังพาปราณรวีบุตรสาวคนโตวิ่งเล่นเธอไม่ว่าอะไรหรอก แต่นี่ดันอุ้มปราณตะวันบุตรสาวอีกคนวัยขวบครึ่งวิ่งด้วย เกิดเขาพลาดท่าหกล้มขึ้นมาจะทำยังไง“มันน่าจับตีทั้งพ่อทั้งลูก” เธอบ่นพึมพำอย่างคาดโทษ ก่อนลุกเดินไปหาสามคนพ่อลูกด้วยท่าทางอุ้ยอ้ายเพราะท้องที่เริ่มใหญ่ขึ้นทุกวันตามอายุครรภ์ ใช่ฟังไม่ผิดตอนนี้ในท้องเธอมีลูกคนที่สามอยู่อายุครรภ์ได้ห้าเดือนกว่า ๆ แล้ว ผลงานของคุณพ่อตัวดีเลยที่ขยันผลิตลูกเหลือเกิน เธอบอกว่ามีสองคนพอ แต่เขาก็ใช้ลูกอ้อนเว้าวอนทุกวันว่าขอมีลูกชายอีกสักคน สุดท้ายเธอก็ใจอ่อนจนได้ คราวนี้เขาก็ได้ลูกชายสมใจอยากแล้วล่ะ “พี่ปราณพาลูกวิ่งทำไมเกิดล้มขึ้นมาจะทำยังไงคะ” เธอเอ่ยเสียงดุ
ใบหน้าหล่อเหลาระบายยิ้มบาง ๆ เมื่อเปิดประตูเข้าไปแล้วพบว่าเมียสาวกำลังนั่งแต่งหน้าอยู่ที่โต๊ะเครื่องแป้ง เท้าใหญ่เดินไปหยุดด้านหลังร่างบางแล้วโน้มตัวลงเกยคางบนไหล่มน สอดมือเข้าไปโอบกอดเอวคอดหลวม ๆ "เมียพี่ไม่ต้องแต่งหน้าก็สวยอยู่แล้วครับ""ปากหวาน" วารีมองสบสายตาชายหนุ่มอันเป็นที่รักผ่านกระจกพร้อมกับระบายยิ้มออกมาบาง ๆ "พี่พูดจริงครับน้องสวยทั้งหน้าตาและจิตใจ" เขาว่าพลางเคลื่อนนิ้วมือขึ้นจิ้มบนอกด้านขวาที่มีก้อนเนื้อเต้นอยู่ด้านใน สิ้นเสียงพูดก็หอมแก้มนุ่มนิ่มฟอดใหญ่ทำให้คนที่กำลังบรรจงทาลิปสติกหน้านิ้วคิ้วขมวดเพราะรบกวนการแต่งหน้าของเธอ เปล่งเสียงดุอย่างไม่จริงจังมากนัก "วาแต่งหน้าอยู่พี่ปราณอย่าเล่นสิคะ""โอเคครับพี่จะอยู่นิ่ง ๆ" ร่างสูงยอมอยู่นิ่ง ๆ มองเมียสาวแต่งหน้าไปเงียบ ๆ กระทั่งเสร็จเขาจึงผละอ้อมกอดออกจากเอวคอด จับเก้าอี้แล้วหมุนให้ร่างบางหันมาเผชิญหน้า"ขอพิสูจน์หน่อยว่าลิปสติกสีนี้ดีจริงไหม" เสียงทุ้มเอ่ยออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ จับจ้องริมฝีปากอวบอิ่มที่เคลือบลิปสติกสีสวยด้วยแววตาปรารถนา ว่าจบก็จับคางมนเงยขึ้นมารับรสจูบแสนหวานคนที่นั่งงงงวยกับคำพูดของเขาเข้าใจได้ในทันทีว่าหมา
หลายวันต่อมา..แสงแดดยามแปดโมงเช้าสาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างกระจกกระทบสามคนพ่อแม่ลูกที่กำลังนอนกอดกันอยู่ โดยคนเป็นลูกน้องอยู่ตรงกลางมีพ่อแม่กกกอดไว้ ประภาวินท์รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเป็นคนแรกตามด้วยบุตรสาว ส่วนวารียังคงหลับสนิทเพราะเมื่อคืนโดนพ่อของลูกรังแกไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งกว่าจะได้นอนก็ครึ่งค่อนคืน"ชูว์""อย่ากวนแม่ครับให้แม่นอนต่ออีกสักหน่อย" เขายกนิ้วขึ้นชูว์ปากห้ามปรามบุตรสาวที่กำลังจะหันไปปลุกคนเป็นแม่เบา ๆ ซึ่งเด็กน้อยก็ทำตามในทันทียกมือปิดปากพร้อมกับค่อย ๆ ขยับตัวไปนั่งห้อยขาริมเตียงประภาวินท์ระบายยิ้มมองบุตรสาวด้วยความรักใคร่พร้อมกับขยับไปนั่งห้อยขาข้าง ๆ ยกมือขึ้นวางบนศีรษะเล็กทอย เอียงหน้ากระซิบข้างกกหูเล็กเบา ๆ พอได้ยิน "เดี๋ยวพ่อพาไปอาบน้ำนะครับ จะได้ลงไปทานอาหารเช้ากัน""ค่ะ" เมื่อเสียงใส ๆ ขานรับเขาก็หยัดกายลุกลงจากเตียงเดินไปเตรียมน้ำให้บุุตรสาวในอ่างอาบน้ำสำหรับเด็กที่เขาเพิ่งซื้อมา ตีฟองสบู่และใส่น้ำนมให้เสร็จสรรพจึงเดินออกมาจัดการปลดเปลื้องชุดนอนให้บุตรสาวต่อจนหมด จากนั้นก็จูงบุตรสาวเข้าห้องน้ำแล้วเริ่มลงมืออาบน้ำให้โดยให้บุตรสาวนอนแช่ในอ่างน้ำนมวางศีรษะบนที่ร
@บ้านกิตติธนปกรณ์“คุณปราณคะคุณผู้หญิงสั่งไว้ว่าหากกลับมาแล้วให้คุณปราณกับคุณวารีไปพบท่านที่ห้องด้วยค่ะ” ทันทีที่ประภาวินท์ วารีและบุตรสาวย่างกายเข้ามาในบ้านอิมแม่บ้านวัยสามสิบห้าก็เดินเข้ามาบอกกล่าวทันที“อืม” ประภาวินท์ขานรับสั้น ๆ แล้วยื่นถุงกล่องเค้กไปให้ “จัดเค้กใส่จานแล้วเอาขึ้นไปให้คุณแม่ด้วยนะ”“ไปหาแม่กันครับ” จากนั้นก็หันไปพยักเพยิดหน้าชวนหญิงสาว ก่อนจะอุ้มบุตรสาวเดินตรงขึ้นไปยังห้องผู้เป็นแม่ วารีเดินตามหลังไปติด ๆ"แม่มีอะไรเหรอครับ" เสียงทุ้มถามไถ่ด้วยความสงสัยหลังจากเดินมาหย่อนตัวลงนั่งบนเตียงนอนผู้เป็นแม่แล้ว"วันนี้ไปเที่ยวมาสนุกไหมคะน้องปริม" คุณหญิงรตีหาได้สนใจเสียงถามบุตรชายไม่กลับระบายยิ้มถามหลานสาวตัวน้อยที่นั่งข้างบุตรชายแทน"สนุกมากค่ะคุณย่า น้องปริมซื้อเค้กมาฝากคุณย่าด้วยนะคะ" เด็กน้อยเปล่งเสียงตอบเจื้อยแจ้วพร้อมกับขยับไปนั่งชิดคนเป็นย่า"น่ารักจริงรู้จักนึกถึงย่าด้วย" คุณหญิงรตีที่เห่อหลานเป็นทุนเดิมอยู่แล้วยิ่งหลงหนักเข้าไปอีกเมื่อเจอความน่ารักของหลาน เอื้อมมือไปบีบแก้มนุ่มนิ่มด้วยความรักใคร่ เอ็นดู ประภาวินท์กับวารีได้แต่ยืนมองหน้ากันตาปริบ ๆ ก่อนวารีจะปราย
วันต่อมาประภาวินท์ก็พาบุตรสาวมาทานไอศกรีมที่ห้างตามที่ได้ตกลงกันไว้เมื่อวาน หลังจากทานไอศกรีมเสร็จก็พาบุตรสาวไปเล่นสวนสนุกในห้างต่อวารียืนมองชายหนุ่มที่พาบุตรสาวขึ้นเครื่องเล่นนู่นลงเครื่องเล่นนี่คอยดูแลไม่ห่างกายด้วยใบหน้าเคลือบรอยยิ้ม เห็นบุตรสาวมีรอยยิ้ม หัวเราะคิกคักอย่างมีความสุขทำให้คนเป็นแม่อย่างเธอพลอยมีความสุขไปด้วยคิดไม่ผิดจริง ๆ ที่เริ่มต้นใหม่กับเขาอีกครั้งเธอยืนมองสองคนพ่อลูกอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งทั้งสองเดินกลับมาหาโดยคนเป็นพ่ออุ้มบุตรสาวอยู่บนแขน“คุณแม่ข๋าน้องปริมอยากเล่นอีก แต่คุณพ่อไม่ให้เล่นค่ะ” เด็กน้อยเอ่ยฟ้องผู้เป็นแม่เสียงเจื้อยแจ้วทันทีที่เดินมาถึงพร้อมกับทำหน้าง้อใส่ผู้เป็นพ่อ“ที่พ่อให้น้องปริมเล่นแค่นี้เพราะน้องปริมเพิ่งหายป่วยครับ เล่นมาก ๆ เกิดป่วยขึ้นมาอีกจะทำยังไงครับ น้องปริมอยากเข้าโรงพยาบาลอีกเหรอครับ” ประภาวินท์บอกล่าวบุตรสาวด้วยเหตุผล ที่เขาให้บุตรสาวเล่นเพียงนิดเดียวเพราะกลัวว่าอาการบุตรสาวจะกำเริบขึ้นมาอีกหากเหนื่อยมาก ๆ เพิ่งผ่านการผ่าตัดมาด้วย มือหนาอีกข้างยกขึ้นวางบนศีรษะเล็กทุยพร้อมกับเอ่ยออกมาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงนุ่มกว่าเดิม “ไว้น้องปริมแข
“รักนะครับ” ประภาวินท์อดไม่ได้จะพาตัวขึ้นไปกดจูบขมับชื่นเหงื่อด้วยความรักใคร่ เอ็นดู พร่ำบอกรักข้างหูเสียงอ่อนเสียงหวาน ก่อนขบงับติ่งหูเล็กเบา ๆ แล้วเคลื่อนใบหน้าไปบรรจงจูบริมฝีปากอวบอิ่มต่ออย่างดูดดื่ม เขาทำทุกอย่างอย่างค่อยเป็นค่อยไปเพื่อให้ผู้หญิงอันเป็นที่รักมีความสุขที่สุด ใช้เข่าแยกขาเรียวอ้าออกกว้างจับแท่งเอ็นถูไถปากทางรักฉ่ำเยิ้ม ก่อนจะดันพรวดเข้าไปสุดลำขยับเข้าออกอย่างนุ่มนวล พอรับรู้ได้ว่าโพรงสีหวานคุ้นชินก็เริ่มเร่งจังหวะ ปากครอบครองดูดดึงลิ้นเล็กจนเกิดเสียงน่าอาย สลับใช้เรียวลิ้นตวัดหยอกเย้า ความเสียวซ่านถาโถมเข้าใส่ร่างบอบบางอีกระลอกมันหนักหน่วง รุ่มร้อนกว่าครั้งที่เขาปรนเปรอเธอด้วยลิ้นและนิ้ว ทั้งรู้สึกดีระคนเสียวซ่านยามเขาฝากฝังตัวตนเข้ามาแอ่นสะโพกขึ้นรับแรงกระแทกหนัดแน่นอย่างลืมอายให้เขาตอกตรึงเข้ามาได้ลึกขึ้น จิกเล็บลงบนแผ่นหลังกว้างระบายความรู้สึกรัญจวน ยิ่งเสียวซ่านมากเท่าไรก็ยิ่งจูบตอบ ดูดดึงลิ้นสากแรงขึ้นเท่านั้นร่องสาวคับแน่นตอดรัดแท่งเอ็นถี่ ๆ สร้างความซ่านสยิวให้เจ้าของเป็นอย่างมากจนต้องผละจูบออกเชิดหน้าขึ้นครางกระหึ่มในลำคอระบาย ก่อนก้มมองใบหน้าแดงซ่านของส
วันนี้เธอเลือกจะวางเรื่องราวไม่ดีไว้ข้างหลังแล้วจับมือเดินไปข้างหน้ากับเขาสร้างครอบครัวที่สมบูรณ์แบบด้วยกันเพื่อความสุขของลูกและตัวเอง ไม่ว่าจะเจอขวากหนามอะไรก็จะไม่ปล่อยมือจากเขาอีกแล้วพร้อมจะฝ่าฟันไปด้วยกันจนวันสุดท้าย มือเรียวยกทั้งสองข้างยกขึ้นประคองใบหน้าหล่อเหลาส่งผ่านความรักความเสน่หาที่อยู่ในใจผ่านแววตาลึกซึ้ง เอื้อนเอ่ยคำว่ารักออกมาให้ชายหนุ่มอันเป็นที่รักรับรู้ทั้งทางกายและวาจา “ฉันก็รักคุณนะคะ คุณเป็นผู้ชายที่ดีที่สุดสำหรับฉันและลูก”คนได้ฟังระบายยิ้มออกมาอย่างมีความสุขหัวใจพองโตคับอกไม่คิดเลยว่าจะมีวันนี้ วันที่เขาได้กลับมาบรรจบกับผู้หญิงอันเป็นที่รักอีกครั้งพร้อมกับพยานตัวน้อยที่เกิดจากความรักความผูกพันธ์ของเขากับเธอ มือหนาข้างขวาเลื่อนลงโอบเอวคอดรั้งร่างบางเข้ามาแนบชิด อีกมือเชยคางมนขึ้นมารับจูบแสนหวานจากเขาริมฝีปากหนาบดคลึงกลีบปากอวบด้วยความรักความเสน่หาละเมียดละไมชิมความหวานจากกลีบปากอวบอย่างนุ่มนวล ก่อนค่อย ๆ สอดเรียวลิ้นเข้าไปคว้านหาความหวานในโพรงปากฉ่ำ เกี่ยวกระหวัด ดูดดึงลิ้นนุ่มอย่างดูดดื่ม อีกคนหลับตาลงดื่มด่ำกับจูบแสนหวานยกมือขึ้นคล้องลำคอแกร่งหลวม ๆ จูบตอบอย