หลายวันมานี้ซูหว่านอยู่เป็นเพื่อนจี้ซือหาน คอยดูแลเขาอย่างดี พอเห็นรอยแผลของเขากำลังสมาน จิตใจที่บีบตัวแน่น ก็ค่อยๆผ่อนคลายลงเมื่อเธอรอให้ศาสตราจารย์หลี่เปลี่ยนยาเสร็จ ก็ถามอย่างกังวลว่า "รักจากรักษาเสร็จแล้ว รอยแผลพวกนี้จะหายได้ไหมคะ?"ศาสตราจารย์หลี่ถอดถุงมือปลอดเชื้อออก แล้วตอบซูหว่าน "ถ้าจางหน่อย ก็หายได้ แต่ถ้าแผลลึกมาก ก็อาจจะหายยาก แต่ผมจะใช้ยาที่ดีที่สุด จะพยายามช่วยฟื้นฟูประธานจี้อย่างสุดความสามารถครับ"เขายังคงใช้คำว่าจะพยายาม แต่ศาสตราจารย์หลี่เป็นศัลยแพทย์ที่มีชื่อเสียงระดับสากล ถ้ามีเขาอยู่ ก็จะไม่มีปัญหาเมื่อได้รับคำตอบที่แน่นอนแล้ว คิ้วเรียวสวยของซูหว่านที่ขมวดเข้าหากัน ก็คลี่ออก "ขอบคุณมากค่ะศาสตราจารย์หลี่"ศาสตราจารย์หลี่โยกมือเล็กน้อย "ไม่ต้องเกรงใจครับ"หลังจากศาสตราจารย์หลี่รักคำตามมารยาทเสร็จ ก็ผงกศีรษะให้จี้ซือหานด้วยความเคารพ จากนั้นพาบรรดาหมอออกไปอย่างรวดเร็วหลังจากที่คุณหมอกลับไปแล้ว ซูหว่านก็นั่งลงข้างเตียง "ซือหาน งานศพของจิเหยียนโจวจัดเสร็จแล้ว มะรืนก็จะฝัง พรุ่งนี้ฉันต้องไปอังกฤษ เอาอัฐิของพี่สาวไปส่ง"คุณจิติดต่อเธอมาเมื่อเช้านี้ ให้เธอไปอังกฤษ
ส่วนซูหว่านที่ไม่รู้ถึงความอันตรายทั้งหมด กำลังอุ้มโกศอยู่ ถามเขาด้วยความกังวลว่า "ได้พาหมอมาหรือเปล่าคะ?"จี้ซือหานพยักหน้าเบาๆ ลูบผมของเธอ หลังจากปลอบโยนความไม่สบายใจของเธอแล้ว ก็มองกั่วกัวที่มุดอยู่ในมุมแวบนึงเด็กน้อยเห็นว่าเขากำลังมองตัวเอง ก็รีบดึงสายตาที่แอบมองกลับมา แล้วก้มหน้าเล่นตุ๊กตาในมือ...เหมือนว่าจี้ซือหานจะแค่เผลอชายตามองไปเท่านั้น ไม่นานก็ละสายตาออกพอเขาไม่ได้มองตัวเองแล้ว กั่วกัวก็ใช้หางตาลอบมองเขาอีกเธอนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม แค่แกล้งๆเหล่ตามองนิดเดียว ก็สามารถเห็นใบหน้าหล่อเหลาคมสันของจี้ซือหานได้คุณลุงคนหล่อ ดูผอมลงไปไม่น้อย แต่ก็ยังหล่อไม่เปลี่ยนความหล่อที่คุณลุงคนอื่นๆเทียบไม่ติดแบบนั้น เหมือนกับเทวดาคอยเฝ้ามองเขาแค่คนเดียว หล่อจนไม่อาจหาคำเปรียบหลังจากที่กั่วกัวมองดูจี้ซือหานอยู่สักพัก ก็ยื่นตุ๊กตาให้เขา แต่ยังไม่พูดดังเดิม เพียงแค่เอาสิ่งที่สำคัญที่สุดให้กับเขานั่นก็เพราะว่า ตอนที่เธอถูกขังอยู่ในห้องมืดเล็กๆจนใกล้จะตายนั้น คุณลุงคนหล่อก็ถีบประตูห้องมืดเข้ามาเวลานั้น กั่วกัวเห็นแสงอาทิตย์ส่องลงมาที่ร่างของเขา ราวกับพระเจ้าลงมาสถิตย์ เขาสวมรองเท้าบู
หลังจากที่เครื่องบินส่วนตัวแลนด์ดิ้ง สมาชิกของSกลุ่มนึงซึ่งสวมชุดลำลอง คอยเดินตามคุ้มครองพวกเขาจากทั่วสารทิศอย่างไม่ช้าไม่เร็วที่ทางออกสนามบิน ซูหว่านจูงมือกั่วกัว ส่วนจี้ซือหานก็จับมือเธอ มองแค่แวบเดียว ก็เหมือนกับครอบครัวพ่อแม่ลูกชายหนุ่มที่เย็นชาสูงศักดิ์ หญิงสาวทีอ่อนหวานเรียบร้อย เด็กน้อยก็ผิวขาวอมชมพู ทั้งสามคนล้วนหน้าตาดีมีออร่าด้านหลังของพวกเขา มีบอดี้การ์ดสวมชุดสูทผูกไทด์ตามอยู่เป็นพรวน สองคนที่เดินนำอยู่ก็หน้าตาดีเช่นกันทันทีที่กลุ่มของพวกเขาปรากฎตัวขึ้นในสนามบิน ก็ดึงดูดความฮือฮาของคนรอบๆ หลายคนที่เดิมผ่านไปมา ยังไม่วายหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปแต่ก็ถ่ายได้แค่ด้านหลัง คนกลุ่มนี้ก็ขึ้นไปนั่งในขบวนรถหรูอย่างรวดเร็ว เป็นซีนที่งดงามมาก...พวกเขาเข้าพักที่วิลล่าในอังกฤษหนึ่งคืน วันต่อมาก็เปลี่ยนเป็นชุดดำ ไปที่สุสานของตระกูลจิคนในตระกูลจิก็เยอะมากไม่แพ้กัน ลำพังแค่สุสานก็กินเนื้อที่ไปกว่ายอดภูเขาทั้งลูก เรียกได้ว่าเป็นตระกูลใหญ่ของอังกฤษอย่างแท้จริงในรุ่นก่อนตระกูลจี้กับตระกูลจิมีความแค้นในเรื่องธุรกิจ จี้ซือหานจึงไม่สะดวกลงจากรถ จึงพากั่วกัวนั่งอยู่ในรถซูหว่านอุ้ม
มีเขาอยู่ ใครก็ไม่กล้าชิงตัวหนูไปทั้งนั้น คำพูดที่อุ่นใจเพียงประโยคเดียว ทำให้กั่วกัวหยุดร้องไห้ในทันที"งั้นหนูไปมอบดอกเบญจมาศให้ปะปี๊กับมะมี๊นะคะ"เธอเคยเห็นเวลาที่คนในราชวงศ์เสียชีวิต ก็จะวางดอกเบญจมาศที่หน้าป้าหลุมศพเหมือนกันปะปี๊กับมะมี๊ของเธอล้วนก็ไม่อยู่แล้ว ก็ต้องให้ลูกสาวแท้ๆของพวกเขาเป็นคนมอบดอกเบญจมาศจี้ซือหานโบกมือ ทันใดนั้นก็มีคนไปเอาดอกเบญจมาศมาช่อใหญ่ ซึ่งมีน้ำหนักมาก แต่กั่วกัวก็อุ้มมันไหวจี้ซือหานผลักประตูรถออก ให้กั่วกัวลงไปด้วยตัวเองเสร็จ จากนั้นฝืนร่างกายลงจากรถไปบ้างอาเจ๋อเห็นดังนั้น ก็รีบเข้ามาห้าม "คุณผู้ชาย อย่าไปเลยครับ คนในตระกูลจิพวกนั้นไม่มีทางปล่อยคุณลอยนวลแน่"นิ้วเรียวยาวขาวนวลของชายหนุ่มประคองอยู่บนประตูรถ ปรายตามองอาเจ๋อที่อยู่ในรถด้วยความเฉยชา "พวกนั้นไม่กล้าหรอก"ถ้าพวกเขากล้าทำอะไรเขา ก็คงส่งคนมาประจันหน้าตั้งแต่ที่รู้ว่าเขาลงจากเครื่องบินส่วนตัวแล้ว ทำไมต้องรอเอาป่านนี้จี้ซือหานหมุนตัว ขณะเตรียมจะยกฝีเท้าเดินไปยังสุสาน จู่ๆมือเล็กๆข้างนึง ก็จับมือของเขาไว้...เขาทอดสายตาลงมองเด็กน้อยที่เขย่งปลายเท้าขึ้น จับนิ้วมือของเขาอย่างเปลืองแรง
ซูหว่านเห็นกั่วกัวมา ก็ตกใจไปชั่วขณะ หันกลับมามองแวบนึง ก็เห็นชายหนุ่มยืนเอามือล้วงกระเป๋าข้างนึง อยู่ด้านหลังของฝูงชนเขาสวมชุดสูทสีดำ ร่างกายตั้งตรงเหมือนกับรูปปั้นแกะสลัก เครื่องหน้าที่ได้สัดส่วนคมชัด งดงามไร้ที่ติเมื่อเห็นจี้ซือหานลงจากรถ ซูหว่านก็เข้าใจในทันที เขาเป็นคนพากั่วกัวมาเซ่นไหว้ชูยีกับจิเหยียนโจวเดิมทีซูหว่านตั้งใจว่ารอให้คนของตระกูลจิกลับกันหมดแล้ว ค่อยพากั่วกัวมาไหว้ จะได้เลี่ยงเหตุการณ์ที่คนของตระกูลจิจะชิงตัวเธอไปแต่พอเห็นท่าทางโอ่อ่าผ่าเผยของจี้ซือหาน ประหนึ่งไม่กลัวว่าคนของตระกูลจิจะแย่งตัวเด็กไปแม้แต่น้อยงั้นก็ให้กั่วกัวมาส่งพ่อแม่ของเธอเป็นครั้งสุดท้ายแล้วกัน เด็กน้อยจะได้ไม่รู้สึกเสียใจในอนาคตหลังจากที่ซูหว่านคิดอย่างแจ่มแจ้งแล้ว ก็ยื่นมือไปลูบศีรษะเล็กๆของกั่วกัว"กั่วกัว หม่ามี๊ของหนูอยู่ที่นี่ ถ้ามีอะไรอยากพูด ก็พูดกับเธอได้เลยนะ"กั่วกัวจ้องรูปหม่ามี๊กับอาแปลกบนป้ายหลุมศพ มองอยู่ชั่วขณะ จากนั้นยื่นมือเล็กๆนุ่มนิ่มไปลูบรูปถ่ายของทั้งสองคน"หม่ามี๊ ปะปี๊ ทั้งสองคนรอกั่วกัวที่สวรรค์นะ ชาติหน้า หนูค่อยเป็นเบบี๋ของหม่ามี๊กับปะปี๊ใหม่..."ซูหว่านเห็
จิป่ายหลินเดาว่า บางทีจี้ซือหานอาจจะเป็นพวกรักไม่ลืมหูลืมตาเหมือนกับจิเหยียนโจวถ้าพูดตรงๆก็เป็นคนดึงดัน ถ้ารักใครสักคน ก็จะฝังลึกในใจไปจนตายความจริงแล้วนี่มีสาเหตุมาจากตอนเด็กๆ ถูกพ่อแม่เลี้ยงดูอย่างเข้มงวดเกินไป และขาดประสบการณ์ความรักเขาคิดว่าถ้ามีประสบการณ์เยอะ ก็จะไม่หลงหัวปักหัวปำอยู่กับผู้หญิงแค่คนเดียวจิป่ายหลินเข้าใจว่าตัวเองคาดเดานิสัยของจี้ซือหานได้อย่างชัดแจ้งแล้ว ก็วางท่าอย่างตัวเองเป็นผู้ใหญ่ เชยคางด้วยความเย่อหยิ่ง"คุณจี้ ในเมื่อคุณจะแต่งงานกับคุณซู งั้นก็นับได้ว่าเป็นน้าเขยของเด็กมัน เรื่องสิทธิ์การเลี้ยงดูควรจะคืนมาให้ใคร ก็มีสิทธิเข้าร่วมด้วย ถ้าไม่รังเกีจ พวกเราย้ายไปที่โซนพักผ่อน แล้วค่อยนั่งคุยรายละเอียดกันเถอะ"ให้เขาคุยสิทธิ์การเลี้ยงดูกับศัตรู ก็นับว่าจิป่ายหลินไว้หน้าเขามากแล้วในฐานะที่จี้ซือหานอายุน้อยกว่า ถึงยังไงก็ต้องยอมหยวนให้ แล้วค่อยเรียกเขาว่าลุงด้วยความรู้สึกผิดก็ยังไม่สายแต่อย่างไรก็ตาม...จี้ซือหานไม่แม้แต่จะชายตามองเขา แต่ทิ้งประโยคนึงด้วยเสียงเย็น "ไปคุยกับทนายของฉันสิ"จากนั้นหันข้างไปหาซูหว่าน "ไหว้เสร็จหรือยัง?"ซูหว่านก้มหน้ามอ
สัมผัสอุ่นๆจากปลายนิ้วของหญิงวัยกลางคน ทำให้ซูหว่านรู้สึกไม่สบายตัว เธอหกคอกลับมาเล็กน้อย"นายหญิงจิ..."เธอเอ่ยเตือนด้วยเสียงเรียบ ทำให้เสิ่นเจียวหลินดึงสติกลับมา"ขอโทษทีนะ ฉันลืมตัวไปหน่อย..."หลังจากที่เธอกลับมาที่อังกฤษ ก็คิดอยู่นานสุดท้ายก็เอาชนะความหวาดกลัวต่อใบหน้านี้ได้ในที่สุดถึงยังไงลูกชายก็ตายไปแล้ว เวรกรรมที่เธอต้องได้รับ ยังไงมันก็ต้องมาถึงในสักวัน แล้วจะไปกลัวทำไม?คิดมาถึงตรงนี้ เสิ่นเจียวหลินก็ยกมุมปากขึ้นอย่างหมดหนทาง..."คุณซู เธอรู้ไหม เธอหน้าตาเหมือนกับแม่ของเธอมาก"เพราะเธอหน้าตาเหมือนแม่ของเธอ เสิ่นเจียวหลินถึงได้ตกใจขนาดนั้นตอนที่เห็นเธอครั้งแรก?แต่ถ้าเทียบกับความตกใจแล้ว ซูหว่านรู้สึกว่า เมื่อเสิ่นเจียวหลินได้เห็นเธอ อีกฝ่ายดูหวาดกลัวซะมากกว่า...เสิ่นเจียวหลินทำเรื่องอะไรไม่ดีกับแม่ของเธอหรือเปล่า ถึงได้กลัวเธอแบบนี้?ขณะที่ซูหว่านกำลังสงสัยอย่างที่สุด เสิ่นเจียวหลินที่กำลังมองใบหน้าของเธอนั้น จู่ๆก็หัวเราะออกมาเบาๆ..."ก่อนที่แม่ของเธอจะเสียโฉม เป็นคนสวยเหมือนกับเธอเลย น่าเสียดายนะ..."เสิ่นเจียวหลินพูดถึงตรงนี้ก็ไม่ได้พูดอะไรอีกในแววตาเผยควา
คำว่ากลับบ้าน ทำให้ซูหว่านดึงสติกลับมาจากความเหม่อลอยเธอแหงนหน้าขึ้นเล็กน้อย มองชายหนุ่มที่ร่างสูงใหญ่อ้าปากอยากจะพูดะไร แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูด แค่พยักหน้าให้เขาหลังจากที่จี้ซือหานจับมือเธอขึ้นรถ ก็นั่งลงข้างเธอ จากนั้นยื่นนิ้วเรียวยาวไปคาดเข็มขัดนิรภัยให้เธอซูหว่านมองชายหนุ่มที่คาดเข็มขัดให้ตัวเอง นิ้วมือที่กำนามบัตรอยู่ ลูบไล้อยู่สองสามที จู่ๆก็เอ่ยปากออกมา"ซือหาน...""หืม?"น้ำเสียงน่าฟังของชายหนุ่มเปล่งออกมาจากลำคอ ทุ้มต่ำมีเสน่ห์"นายหญิงจิรู้ว่าแม่ของฉันเป็นใคร แต่เอากั่วกัวมาเป็นเงื่อนไขแลกเปลี่ยน""เธอยังพูดอีกว่า..."จี้ซือหานเห็นเธอเงียบ ก็หันข้างไปและเป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน"ให้เธออยู่ห่างจากฉัน?"ซูหว่านชะงักไปนิดหน่อย ราวกับไม่คิดว่าเขาจะเดาได้นานแล้ว เธอทอดสายตามองต่ำหลายวินาที สุดท้ายก็เลือกที่จะพูดความจริง"เธอบอกว่าถ้าฉันรู้ว่าแม่เป็นใคร ฉันก็จะไม่แต่งให้คุณ""ฟังจากความหมายที่เธอพูด เหมือนว่าระหว่างแม่ของฉันกับพวกคุณจะมีความแค้นอะไร"จี้ซือหานมีสีหน้าอึ้งไป ความจริงเขาก็กลัวอยู่ว่าก่อนแต่งงาน จะมีใครมาสร้างความบาดหมาง แต่ไม่คิดว่าจะมีจริงๆเขามองใบหน้า
ช่างเสื้อหยิบชุดเจ้าสาวชุดนั้นลงมา เมื่อสัมผัสโดนเนื้อผ้าและเพชรที่ประดับอยู่ด้านบน ก็อึ้งไปชุดแต่งงานชุดนี้เต็มไปด้วยผ้ากอซสีอ่อนหลายชั้น ประดับด้วยดอกกุหลาบและเพชรที่ทอจากผ้าซาตินเนื้อนุ่ม ตัวชุดเป็นสีขาวคริสตัลเรียบง่ายและวิจิตรงดงามด้วยเพชรที่ถูกเย็บเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ส่องประกายด้วยเสน่ห์อันงดงามและสง่างามจนน่าทึ่งถ้าดูไม่ผิด หากอ่านไม่ผิด นี่คือชุดแต่งงานเพียงชุดเดียวในโลกที่ถูกออกแบบโดยดีไซน์เนอร์ชุดแต่งงานชื่อดังระดับโลกหลายปีก่อน ชุดเจ้าสาวชุดนี้ถูกเก็บเอาไว้ในห้องนิทรรศการที่ต่างประเทศ แต่ต่อมาได้ยินว่าถูกคนซื้อไปในราคาสูงลิ่วคิดไม่ถึงว่าคนที่ซื้อชุดเจ้าสาวไป จะเป็นท่านประธานของกลุ่มบริษัทจี้ ถ้าไม่ได้รักอีกฝ่ายจริง จะยอมจ่ายหนักขนาดนี้ได้ยังไง?ที่สำคัญอีกชุดนึงที่อยู่ในตู้ ราคาก็ไม่ธรรมดา ดูก็รู้ว่าเป็นรุ่นลิมิเต็ด เดาว่าก็น่าจะมีแค่ชุดเดียว ไม่ซ้ำใคร"คุณนายจี้ ท่าทางคุณผู้ชายจะรักคุณมากเลยนะคะ..."ซูหว่านได้ยินคำพูดของช่างเสื้อ ก็พยักหน้าอย่างไม่ปิดบังผู้ชายคนนั้นรักเธอมาก รักจนยอมมอบทุกอย่างให้กับเธอ รักจนยอมตายไปพร้อมกับเธอเธอคิดว่าชีวิตที่เหลืออยู่หล
ซูหว่านพยักหน้าด้วยความเข้าใจ "ก็ได้ค่ะ ฉันเอาตามที่คุณพูด ตอนนี้ถ้าคุณไม่ขึ้นเครื่องบิน ก็ต้องขึ้นรถพยาบาลก่อน..."ถ้ายังไม่ห้ามเลือดอีก เขาจะทนไม่ไหวเอา จี้ซือหานเห็นว่าเธอเป็นห่วงเขา ถึงได้จับมือเธอขึ้นเครื่องบินอย่างว่าง่ายคืนนี้ ซูหว่านเฝ้าอยู่ข้างกายจี้ซือหาน รอหมอห้ามเลือด เย็บแผล เปลี่ยนยาให้เขาเสร็จ เธอถึงได้โล่งใจเมื่อเห็นว่าฟ้าเริ่มสาง ซูหว่านก็รู้สึกว่าไม่น่าจะจัดงานแต่งได้ จึงเอ่ยข้อเสนอกับเขา "หรือเลื่อนออกไปวันนึงไหม"ชายหนุ่มที่ถือผ้าขนหนูช่วยเช็ดผมให้เธอ พูดด้วยความแน่วแน่ "ไม่ได้ ยังไงวันนี้ก็ต้องจัดงานแต่ง!"ซูหว่านที่เพิ่งแช่น้ำอุ่นในอ่างอาบน้ำ อุงไอน้ำร้อนๆในมือ หันกลับไปมองเขา "แต่แผลของคุณ..."จี้ซือหานพูดอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น "ต่อให้แผลจะใหญ่กว่านี้ ก็ไม่สำคัญเท่ากับการจัดงานแต่ง"ซูหว่านยังอยากพูดอะไรอีก แต่จี้ซือหานหยิบไดร์ขึ้นมาเป่าผมให้เธอจากนั้น ขับรถไปส่งเธอที่วิลล่าของซานซานด้วยตัวเอง โดยไม่สนคำทัดท้านของเธอ"สิบเอ็ดโมง ฉันจะพาคนของตระกูลจี้ มารับเธอ"กำหนดการณ์เดิมคือสิบโมง แต่กลัวว่าเธอจะเหนื่อยเกินไป อยากให้เธอพักผ่อนกว่านี้อีกหน่อย ชาย
จี้ซือหานกอดเธอ สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากร่างกายของเธอ หัวใจที่เจ็บปวดจนชา ก็ค่อยๆสงบลงเขาคลายซูหว่านออก เห็นร่างกายของเธอเปียกปอนไปทั้งตัว ทั้งยังสั่นระริกด้วยความหนาวเหน็บ หัวใจก็เจ็บแปล๊บขึ้นมาอีก"คนที่ควรพูดขอโทษคือฉัน ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน เธอก็ไม่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้""คุณพูดอะไรโง่ๆ เราเป็นสามีภรรยากัน ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ ก็ต้องรับผิดชอบร่วมกันสิ"ซูหว่านพูดจบ ก้มหน้าลงมองมือตัวเองแวบนึง เมื่อเห็นเลือดที่เลอะเต็มมือ ใบหน้าก็ซีดไปทันที"แผลที่หลังของคุณฉีกแล้ว รีบขึ้นรถพยาบาลเถอะ..."เมื่อกี้เธอนึกว่าเป็นน้ำทะเล ไม่คิดว่าทั้งหมดนั้นล้วนเป็นเลือด แผลที่หลังจะต้องฉีกออกแล้วแน่ๆ!ซูหว่านควงแขนของเขาได้ ก็เตรียมจะเดินไปยังทิศทางของรถพยาบาล ทว่าจี้ซือหานกลับดึงเธอกลับมา"หว่านหว่าน แผลแค่นี้ไม่เท่าไหร่หรอก"เขาพูดจบ ก็มองเจียงโม่ที่ยืนห่างออกไปไม่ไกลแวบนึง"จับตัวเธอ แล้วค่อยแจ้งคุณเจียง ให้เขามาไถ่ตัวด้วยตัวเอง ไม่งั้นก็ปลดชีวิตเธอซะ!"คำพูดนั้นเขาพูดกับซูชิง ซูชิงรีบรับคำสั่งทันที "ครับ ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้!"เจียงโม่ที่คาดเดาได้ตั้งแต่แรกว่าคุณเย่ไม่มีทางปล่อยเธอ เห็นซ
ซูหว่านครุ่นคิด ก่อนจะถามเขา "คุณแซ่ชู งั้นคุณรู้จัก..."ชูยีไหม?ยังไม่ทันจะได้เอ่ยคำนี้ออกไป ก็ถูกชูจิ่นเหยียนตัดบท "ผมจะส่งคุณกลับไป"ซูหว่านได้ยินดังนั้น ก็กลืนคำพูดลงไป ขมวดคิ้วมองเขา "ลำบากแทบตายกว่าฉันจะหนีออกมาได้ จะส่งกลับไปทำไม?"ชูจิ่นเหยียนกรอกตาใส่เธออย่างหมดคำพูด "ผมหมายความว่า จะส่งคุณกลับบ้าน..."ซูหว่านจึงได้พยักหน้า ลุกขึ้นจากหาดทราย เธอต้องรีบกลับไปบอกจี้ซือหาน...ว่าเธอหนีออกมาแล้ว เธอปลอดภัย เธอไม่ได้กลายเป็นภาระของเขา และเขาก็ไม่ต้องถูกแบล็กเมล์อีกหลังจากที่เธอขึ้นฝั่งมากับชูจิ่นเหยียน ก็เห็นรถพยาบาลคันแล้วคันเล่าขับตรงไปยังบีชคลับอย่างรวดเร็วฝีเท้าของเธอชะงัก ช้อนสายตามองไปยังชายหาดที่อยู่ห่างไกล มองเห็นร่างมนุษย์ไม่ชัด เห็นแต่เรือลำเล็กลำใหญ่แล่นลงทะเลทีละลำซูหว่านทอดสายตาลงต่ำครุ่นคิดอยู่สักครู่ เอาแต่รู้สึกว่าเจียงโม่ไม่น่าจะส่งคนจำนวนมากขนาดนั้นมาตามหาและช่วยชีวิตเธอ หรือว่าจี้ซือหานมาแล้ว?ถ้าจี้ซือหานมาถึงแล้ว รู้ว่าเธอกระโดดลงทะเล เกรงว่าจะทำให้เขาตกใจมาก เพราะคิดมาถึงตรงนี้ซูหว่านก็เปลี่ยนความคิด"เราไปดูตรงนู้นหน่อยเถอะ?"ไปดูแปบนึง ถ้าจี้
ซูหว่านที่พยายามหนีถึงสามครั้งแต่ก็ถูกจับกลับมาได้ทุกครั้ง หันกลับมามองเจียงโม่ที่เดินตามหลังเป็นระยะๆเธอเห็นเอาแต่รับโทรศัพท์ตลอดเวลา ราวกับกำลังปรึกษาเรื่องอะไรอยู่ เพราะระยะค่อนข้างห่าง จึงได้ยินไม่ชัด แต่บางครั้งก็จะได้ยินแค่ชื่อของจี้ซือหานเธอไม่รู้ว่าจี้ซือหานรับปากหรือไม่ แล้วก็ไม่รู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง รู้แค่ว่าตัวเองจะกลายเป็นภาระของจี้ซือหานไม่ได้เธอมองไปยังผืนน้ำทะเลที่สาดเป็นคลื่นดุเดือด หลังจากมองอยู่หลายอึดใจ ก็กระโดดเข้าไปในทะเลโดยไม่ลังเล...เธอเคยพูดว่าถ้าหากมีใครเอาตัวเธอเพื่อไปข่มขู่จี้ซือหาน ถ้างั้นเธอก็จะไม่ยอมกลายเป็นตัวถ่วงของเขาเด็ดขาดเจียงโม่ที่กำลังเกลี้ยกล่อมพ่อบุญธรรมว่าอย่าแบล็กเมลล์จี้ซือหานอีก ได้เห็นภาพช็อตนั้น ก็ตกใจจนหน้าซีดในทันที"ซูหว่าน!"เธอกรีดร้องออกมาทีนึง โยนโทรศัพท์แล้วพุ่งลงไปในทะเลเพื่อช่วยชีวิต ทว่าถูกร่างใครบางคนพุ่งตัดหน้าเข้ามาก่อน...เสียงกระโดดลงทะเลดัง "ตู้ม" ของชูจิ่นเหยียน ว่ายเข้าไปหาร่างเล็กบางที่พุ่งเข้าไปในคลื่นทะเลด้วยความแข็งขันเจียงโม่ที่อยู่บนชายหาด ตอนแรกยังพอจะเห็นร่างของทั้งสองคนลอยอยู่เหนือผิวน
ฝีเท้าของซูหว่านชะงักไปทันทีเธออยากจะหันกลับไปโต้ตอบเขาสักสองสามประโยค แต่ก็กลัวจะเสียเวลา จึงไม่ได้สนใจอีกฝ่าย แต่ผลักประตูห้องน้ำหญิงด้วยความรวดเร็วหลังจากที่เธอเข้าไปแล้ว ก็เดินสำรวจห้องน้ำรอบนึง เมื่อเห็นว่าด้านข้างมีหน้าต่างบานเล็ก ก็รีบเดินเข้าไปแล้วเปิดออกข้างนอกเป็นถนนหลวง แค่ปีนออกจากตรงนี้ไป ก็จะสามารถเดินไปถึงถนนหลวงได้ และโอกาสที่จะหนีรอดก็สูงมากทีเดียวเธอเองก็ขี้เกียจมานั่งคิดว่าหลังจากเดินไปถนนหลวงแล้วจะกลับไปยังไง จึงพับแขนเสื้อขึ้น แล้วปีนไปยังขอบหน้าต่างสูงชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนถนนหลวง เขางอขาข้างหนึ่งขึ้น มือข้างหนึ่งทาบบนเข่า กำลังสูบบุหรี่ไปพร้อมกับที่มองดูเธอปีนออกไปนอกหน้าต่างพิลึกคน!ถ้าอยากจะออก ก็เดินผ่านคลับ ออกจากมาประตูหลัก หรือไม่ก็ข้ามชายหาดมาก็ได้แล้ว ทำไมต้องปีนหน้าต่าง?"นี่!"เขาแหกปากคำนึง ทำเอาซูหว่านตกใจจนตกลงมาจากบนขอบหน้าต่าง...ซูหว่านล้มลงอย่างแรง เธอหน้าบูดบึ้งเนื่องจากความเจ็บปวด โชคดีที่ด้านล่างเต็มไปด้วยทราย ไม่อย่างนั้นคงได้กระดูกหักเธอตะเกียกตะกายขึ้นมาจากพื้น จ้องผู้ชายที่นั่งสูบบุหรี่อยู่บนถนนหลวงตาเขม็ง "นายเป็นโรคหรือไง
เจียงโม่ไม่หลงกล ซูหว่านจึงใช้เล่นแง่ในทางความรู้สึกแทน"คุณหนูเจียง คุณก็รู้ว่าคนที่จี้ซือหานแคร์ มีแต่ฉันมาโดยตลอด""คุณกักตัวเพื่อนของฉันไม่ยอมปล่อย ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรเท่าไหร่ ทำไมต้องให้คนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่มารับเคราะห์ด้วยล่ะ?"เจียงโม่จ้องดวงตาใสบริสุทธิ์ของซูหว่านนานอยู่สักพัก จากนั้นก็โบกมือ "ช่างเถอะ แค่คุณอยู่ก็พอแล้วล่ะ"เธอส่งคนไปโทรศัพท์ หลังจากที่เห็นอีกฝ่ายวางสาย ก็หันมาพยักหน้าให้เธอ แล้วจึงอธิบายให้ซูหว่านฟัง"เพื่อนของคุณไม่รู้ว่าตัวเองถูกลักพาตัว ฉันก็แค่ส่งคนไปก่อกวนพวกเขานิดหน่อย หลังจากที่คุณกลับไป อย่าพูดถึงเรื่องนี้ก็แล้วกัน"สรุปว่าที่ซานซานออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้า ที่อลันกับซีอี้ไม่ได้มาที่วิลล่า ไม่ใช่เพราะถูกลักพาตัว แต่ถูกคนของเจียงโม่สร้างสถานการณ์แต่ว่า ฟังจากความหมายของเจียงโม่ ถ้าเธอไม่มาล่ะก็ คตที่สร้างสถานการณ์กลุ่มนั้น จะต้องลงมือกับพวกซานซานเป็นแน่...เพียงแต่เพราะเจียงโม่คำนึงถึงจี้ซือหานหรือเธอ ถึงได้เลือกใช้วิธีนุ่มนวล ไม่งั้นลักพาตัวไปเลยก็จะง่ายกว่า...แต่ไม่ว่าคนที่เจียงโม่คำนึงเป็นใคร หรือไม่ว่าจะคิดยังไง มันก็ไม่สำคัญทั้งนั้น
ซูหว่านฟังเข้าใจความหมายที่แฝงในคำพูดของเจียงโม่ ก็ถามเธอว่า "ฉันขอกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนได้ไหม?"เจียงโม่อ่านความคิดของเธอออกทันที "คุณซู คิดถึงสถานการณ์ของเพื่อนคุณให้มากหน่อยก็ดีค่ะ"ความหมายอีกอย่างก็คือ มีชีวิตของเพื่อนเธออยู่ในกำมือ ถึงเธอจะใช้ข้ออ้างไปบอกบอดี้การ์ด หรือแหกปากร้องตะโกนก็ไม่มีประโยชน์ซูหว่านครุ่นคิด ปล่อยมือที่ประคองประตูรถมาตลอดลง ไพล่ไว้ด้านหลัง ทำสัญลักษณ์ให้กับบอดี้การ์ดหลังจากที่เธอส่งสัญญาณมือโดยเงียบเชียบเสร็จ ก็เปิดประตูรถ แล้วเข้าไปนั่งข้างในเห็นเธอขึ้นรถมาแต่โดยดี เจียงโม่ก็เขี่ยซิก้าร์ในมือจนมอด จากนั้นสตาร์ทรถ...ตอนที่เธอเหยียบคันเร่ง มองกระจกมองหลังแวบนึง บอดี้การ์ดกลุ่มนั้นตามมาดังคาดเจียงโม่ดึงสายตากลับ เหยียบคันเร่งจนมิด เลี้ยวผ่านไปไม่กี่โค้งก็สลัดบอดี้การ์ดสำเร็จถึงยังไงก็เป็นถึงระดับหัวหน้าของทีมย่อยในS การที่เจียงโม่สลัดบอดี้การ์ดทิ้งได้ ก็เป็นเรื่องที่ง่ายดายมากซูหว่านกำเข็มขัดนิรภัยแน่นถึงไม่โดนสะบัดออกจากรถไป ทว่าความรู้สึกพะอืดพะอมในท้องกลับทำให้เธออยากอ้วกเธอกุมหน้าอกที่เต้นระรัว อดกลั้นความรู้สึกสะอิดสะเอียนไว้ มองไปย
นิ้วของเจียงโม่ที่คีบซิการ์ เคาะขี้เถ้าเบาๆ"คุณซู มีใครเค้าพาสามีไปร่วมปาร์ตี้คนโสดกันบ้าง?"การที่เจียงโม่จะปฏิเสธ เป็นสิ่งที่คาดเดาไว้ได้อยู่แล้ว เพียงแต่ทำไมล่ะ?ที่เจียงโม่เชิญเธอไปร่วมงานปาร์ตี้คนโสด ก็เพราะอยากให้เธอสอนว่าจะจีบเจียงเจ๋อยังไงไม่ใช่หรอ?งั้นถ้าเธอจะพาจี้ซือหานไปด้วย ก็ไม่ได้หน่วงต่อการสอนเจียงโม่จีบเจียงเจ๋อไม่ใช่หรอ?เธอคิดว่าบางทีเจียงโม่อาจจะอยากอาศัยปาร์ตี้นี้เพื่อพาตัวเธอไป ส่วนเป้าหมายคืออะไร เกรงว่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เจียงเจ๋อคุยกับจี้ซือหานหลังจากที่ซูหว่านคิดได้ดังนั้น ก็มองเจียงโม่ด้วยสายตาที่จริงใจ"คุณหนูเจียง ฉันกับจี้ซือหานถูๆไถๆกันมาเกือบสิบปี กว่าจะได้แต่งงานกันไม่ง่ายเลย ฉันไม่อยากให้เกิดเรื่องไม่คาดฝันอะไรขึ้นก่อนวันแต่งงาน""พรุ่งนี้เช้า ฉันแค่อยอยากสวมชุดแต่งงานที่เขาส่งมาให้ แต่งให้เขาด้วยสภาพร่างกายจิตใจที่สมบูรณ์แบบที่สุด หวังว่าพวกคุณจะช่วยให้เราสมหวังด้วย"ตอนที่พูดสิ่งเหล่านี้ เธอเห็นสีหน้าของเจียงโม่ เปลี่ยนไปเล็กน้อย ก็รู้ได้ทันทีว่าเจียงโม่มีจุดประสงค์อย่างแท้จริง จึงยกริมฝีปากยิ้ม"คุณหนูเจียง ถ้าคุณอยากให้ฉันสอนคุณจีบ