อลันพูดว่า "ซีอี้เรียนมาจิตวิทยาเด็กมาสองสาย เขาเก่งด้านนี้มาก ช่วงนี้ก็ให้เขามารักษาพอดีเลย"ซานซานตอบ "ซีอี้เทพขนาดนี้เลยหรอ เธอกับเขานี่เหมาะสมกับโคตรๆ จะไปจดหนังสือสมรสกันเมื่อไหร่จ๊ะ?"อลัน "รอให้งานแต่งของประธานจี้กับหว่านหว่านจบลงก่อน เราค่อยไปจดหนังสือสมรสกัน เรื่องนี้จะข้ามหน้าข้ามตาบอสของเราได้ยังไงล่ะ?"ซานซานโดนเย้าจนหัวเราะชอบใจ แล้วก็พูดอย่างตกใจราวกับเพิ่งเห็นว่าซูหว่านยังยืนอยู่ข้างๆ "เอ๊ะ หว่านหว่าน ทำไมเธอยังไม่กลับไปอีกล่ะ?"ซูหว่าน "..."หลังจากที่เธอกำชับบอดี้การ์ดว่าให้ดูแลพวกเธอให้ดี จากนั้นก็กลับคฤหาสน์ตระกูลจี้ไปพร้อมกับซูชิงจี้ซือหานตื่นขึ้นมาแล้ว ข้างในนั้นมีคนที่ถือหน้ากากยืนเรียงอยู่ คนที่นำหน้านั้นคืออาเจ๋อก่อนที่ซูหว่านจะเปิดประตูเข้าไป น้ำเสียงเย็นยะเยือกของจี้ซือหานดังลอยออกมาจากในห้องที่ว่างเปล่า"อาเจ๋อ หลักฐานที่เคซีย์ขับรถทับอัลเลนตาย แล้วโยนความผิดให้จิเหยียนโจว ส่งไปให้ราชวงศ์ซะ"หลายปีที่ผ่านมาราชวงศ์เสียข้าวสุกเลี้ยงงูเห่า ไม่ต้องให้เขาออกโรง ราชวงศ์ก็จะหั่นเคซีย์เป็นชิ้นๆเองอีกทั้งเสิ่นเจียวหลินแม่ของจิเหยียนโจว หลังจากกลับอังกฤษไป
จี้ซือหานเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น เขาเป็นคนที่ทำอะไรตามใจตัวเอง เรื่องไหนที่ตัดสินใจไปแล้ว ไม่ว่าใครก็มาเปลี่ยนแปลงไม่ได้ซูหว่านยื่นมือออกไปดึงชุดลำลองอยู่บ้านหลวมๆบนร่างกายของเขาออก ทั้งแผ่นหลังเต็มไปด้วยพลาสเตอร์ปลอดเชื้อทว่าเขากลับสวมเสื้อผ้า ลุกขึ้นมาจากเตียง เพื่อจัดการเรื่องของเคซีย์ทั้งๆที่บาดแผลก็ยังไม่หายดี ยังจะดึงดันจัดงานแต่ง แล้วจะให้ซูหว่านไม่รู้สึกผิดได้ยังไง"ไปนอนพักที่เตียงก่อน เรื่องงานแต่งค่อยว่ากัน ได้ไหม?"เธอวางเสื้อผ้าลงเบาๆ ควงแขนของเขา อยากจะประคองเขาขึ้นเตียง แต่ถูกชายหนุ่มจับข้อมือเอาไว้"ซูหว่าน เธอไม่อยากแต่งกับฉันอีกแล้วหรือเปล่า?"ตอนที่เขาทอดสายตาลงมองเธอ ขอบตาก็เริ่มแดง งานแต่งที่รอคอยมาตั้งนานแสนนาน ทำไมเธอถึงใช้คำว่า "ค่อยว่ากัน" กับเขาได้ลงคอ"ฉันกลัวว่าบาดแผลของคุณ...""ต่อให้ต้องตาย ฉันก็ต้องแต่งงานกับเธอก่อนให้ได้"ซูหว่านไม่อยากได้ยินคำว่าตาย ก็ยกมือขึ้นปิดปากเขา จากนั้นพูดอย่างร้อนรน "ซี้ซั้วพูดอะไรเนี่ย!"พูดจบ เธอก็ผ่อนน้ำเสียงลงปลอบเขา "รักษาแผลให้ดีขึ้นก่อน รอให้แผลของคุณหายแล้ว เราค่อยจัดงานแต่งกันดีไหม?"จี้ซือหานจ้องหน้าเธออยู
แม้ว่ารายรับประจำปีจะเกินห้าสิบล้าน ทรัพย์สินก็มากกว่าห้าร้อยล้าน แต่เมื่อต้องเสียเงินห้าแสนไปในพริบตา ซานซานก็รู้สึกแสบเนื้ออยู่ไม่น้อยไม่ใช่ว่าเสียดายเงิน แต่เพราะเงินก้อนนี้ต้องจ่ายไปอย่างไม่คุ้มค่า นั่นก็เพราะเธอไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงได้พนันอะไรไม่เข้าท่าแบบนี้กับอลัน?ปัญญาอ่อนมาก!เซ็ง!ซานซานนั่งอยู่บนโซฟา จับหมอนเอาไว้ กัดฟันด่าตัวเองว่าโง่สิ้นดี ทำเอากั่วกัวหัวเราะออกมา...เห็นรอยยิ้มไร้เดียงสาบริสุทธิ์ของเด็กน้อย อลันก็อึ้งไปชั่วอึดใจ "ซานซาน เธอดูสิ กั่วกัวหัวเราะออกมาแล้ว"ซานซานเองก็เห็นแล้ว จึงยื่นมืออกไปบีบแก้มเล็กๆของกั่วกัว "ช่วงเถอะ เห็นแก่ที่หลานยิ้ม เงินแค่นี้คุ้ม"อลันงอเข่าลง วางข้อศอกลงบนเข่า มือข้างนึงจับแก้ม แล้วมองดูกั่วกัวพอเห็นกั่วกัวหัวเราะออกมาเสร็จ ก็ก้มหน้าลงทำท่าต่อเลโก้ จู่ๆก็รู้สึกโหยหาขึ้นมาในใจ"ซานซาน ถ้าฉันมีลูกเองได้ก็คงจะดีนะ"ถ้าแบบนั้น เธอจะต้องหาสิ่งที่ดีที่สุดบนโลกนี้มาให้ลูกของเธอ แต่น่าเสียดาย ที่เธอไม่มีมดลูกอารมณ์ที่ถ่ายทอดออกมาจากในแววตาของอลัน คือความอ่อนโยนของคนเป็นแม่ ทั้งยังซ่อนร่องรอยแห่งความโศกเศร้าที่อยู่ในส่วนลึ
เธอวางโทรศัพท์ลงโดยไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ หลังจากที่เธอนั่งลงบนพรม ก็ถามอลันว่า "ครั้งก่อนเธอบอกจะแนะนำหมอคนนึงให้ฉันไม่ใช่หรอ จะได้เจอกันเมื่อไหร่ล่ะ?"อลันมองซานซานแวบนึงด้วยความประหลาดใจ "พอเธอนัดบอดไปรอบนึง ก็ตั้งใจจะไม่นัดบอดอีกแล้วไม่ใช่หรอ?"ครั้งก่อนผู้จัดการเหอในไนท์คลับของซานซานบอกว่าจะแนะนำคู่นัดบอดให้เธอ ปรากฎว่าคู่นัดบอดคนนั้นก็คือผู้จัดการเหอเองนั่นแหละซานซานนั่งอยู่ในร้านกาแฟ มองดูผู้จัดการเหอสารภาพรักกับตัวเองในสภาพตะกุกตะกัก ก็ทั้งโมโหทั้งอยากขำเธอไม่คิดมาก่อนว่าผู้จัดการเหอจะแอบชอบตัวเองมานานหลายปี แต่ผู้จัดการเหอเองก็เคยแต่งงานมาแล้ว ซึ่งก็เหมาะสมกับเธอดีเพียงแต่เธอไม่คลิกเท่าไหร่ หรือจะพูดว่าไม่รู้สึกอะไรเลยยังได้ รู้สึกแค่อีกฝ่ายเป็นเพื่อนร่วมงานซื่อบื้อและจริงใจก็เท่านั้นเธอสามารถร่วมงานกับผู้จัดการเหอได้ในระยะยาว แต่ถ้าให้เธอกับเขาร่วมเตียงหนุนหมอนเดียวกัน ในใจลึกๆของซานซานก็แอบรู้สึกหวิวๆปะแล่มๆอยู่หน่อยเธอคิดคำพูดอ้อมๆที่จะไม่ทำร้ายจิตใจอีกฝ่าย แต่ยังไม่ทันได้ปฏิเสธอ้อมๆออกไป จู่ๆจี้เหลียงชวนก็โผล่หน้ามาทำทุกอย่างพังคนแบบจี้เหลียงชวน ยังไงซะก็ได้รับ
หลายวันมานี้ซูหว่านอยู่เป็นเพื่อนจี้ซือหาน คอยดูแลเขาอย่างดี พอเห็นรอยแผลของเขากำลังสมาน จิตใจที่บีบตัวแน่น ก็ค่อยๆผ่อนคลายลงเมื่อเธอรอให้ศาสตราจารย์หลี่เปลี่ยนยาเสร็จ ก็ถามอย่างกังวลว่า "รักจากรักษาเสร็จแล้ว รอยแผลพวกนี้จะหายได้ไหมคะ?"ศาสตราจารย์หลี่ถอดถุงมือปลอดเชื้อออก แล้วตอบซูหว่าน "ถ้าจางหน่อย ก็หายได้ แต่ถ้าแผลลึกมาก ก็อาจจะหายยาก แต่ผมจะใช้ยาที่ดีที่สุด จะพยายามช่วยฟื้นฟูประธานจี้อย่างสุดความสามารถครับ"เขายังคงใช้คำว่าจะพยายาม แต่ศาสตราจารย์หลี่เป็นศัลยแพทย์ที่มีชื่อเสียงระดับสากล ถ้ามีเขาอยู่ ก็จะไม่มีปัญหาเมื่อได้รับคำตอบที่แน่นอนแล้ว คิ้วเรียวสวยของซูหว่านที่ขมวดเข้าหากัน ก็คลี่ออก "ขอบคุณมากค่ะศาสตราจารย์หลี่"ศาสตราจารย์หลี่โยกมือเล็กน้อย "ไม่ต้องเกรงใจครับ"หลังจากศาสตราจารย์หลี่รักคำตามมารยาทเสร็จ ก็ผงกศีรษะให้จี้ซือหานด้วยความเคารพ จากนั้นพาบรรดาหมอออกไปอย่างรวดเร็วหลังจากที่คุณหมอกลับไปแล้ว ซูหว่านก็นั่งลงข้างเตียง "ซือหาน งานศพของจิเหยียนโจวจัดเสร็จแล้ว มะรืนก็จะฝัง พรุ่งนี้ฉันต้องไปอังกฤษ เอาอัฐิของพี่สาวไปส่ง"คุณจิติดต่อเธอมาเมื่อเช้านี้ ให้เธอไปอังกฤษ
ส่วนซูหว่านที่ไม่รู้ถึงความอันตรายทั้งหมด กำลังอุ้มโกศอยู่ ถามเขาด้วยความกังวลว่า "ได้พาหมอมาหรือเปล่าคะ?"จี้ซือหานพยักหน้าเบาๆ ลูบผมของเธอ หลังจากปลอบโยนความไม่สบายใจของเธอแล้ว ก็มองกั่วกัวที่มุดอยู่ในมุมแวบนึงเด็กน้อยเห็นว่าเขากำลังมองตัวเอง ก็รีบดึงสายตาที่แอบมองกลับมา แล้วก้มหน้าเล่นตุ๊กตาในมือ...เหมือนว่าจี้ซือหานจะแค่เผลอชายตามองไปเท่านั้น ไม่นานก็ละสายตาออกพอเขาไม่ได้มองตัวเองแล้ว กั่วกัวก็ใช้หางตาลอบมองเขาอีกเธอนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม แค่แกล้งๆเหล่ตามองนิดเดียว ก็สามารถเห็นใบหน้าหล่อเหลาคมสันของจี้ซือหานได้คุณลุงคนหล่อ ดูผอมลงไปไม่น้อย แต่ก็ยังหล่อไม่เปลี่ยนความหล่อที่คุณลุงคนอื่นๆเทียบไม่ติดแบบนั้น เหมือนกับเทวดาคอยเฝ้ามองเขาแค่คนเดียว หล่อจนไม่อาจหาคำเปรียบหลังจากที่กั่วกัวมองดูจี้ซือหานอยู่สักพัก ก็ยื่นตุ๊กตาให้เขา แต่ยังไม่พูดดังเดิม เพียงแค่เอาสิ่งที่สำคัญที่สุดให้กับเขานั่นก็เพราะว่า ตอนที่เธอถูกขังอยู่ในห้องมืดเล็กๆจนใกล้จะตายนั้น คุณลุงคนหล่อก็ถีบประตูห้องมืดเข้ามาเวลานั้น กั่วกัวเห็นแสงอาทิตย์ส่องลงมาที่ร่างของเขา ราวกับพระเจ้าลงมาสถิตย์ เขาสวมรองเท้าบู
หลังจากที่เครื่องบินส่วนตัวแลนด์ดิ้ง สมาชิกของSกลุ่มนึงซึ่งสวมชุดลำลอง คอยเดินตามคุ้มครองพวกเขาจากทั่วสารทิศอย่างไม่ช้าไม่เร็วที่ทางออกสนามบิน ซูหว่านจูงมือกั่วกัว ส่วนจี้ซือหานก็จับมือเธอ มองแค่แวบเดียว ก็เหมือนกับครอบครัวพ่อแม่ลูกชายหนุ่มที่เย็นชาสูงศักดิ์ หญิงสาวทีอ่อนหวานเรียบร้อย เด็กน้อยก็ผิวขาวอมชมพู ทั้งสามคนล้วนหน้าตาดีมีออร่าด้านหลังของพวกเขา มีบอดี้การ์ดสวมชุดสูทผูกไทด์ตามอยู่เป็นพรวน สองคนที่เดินนำอยู่ก็หน้าตาดีเช่นกันทันทีที่กลุ่มของพวกเขาปรากฎตัวขึ้นในสนามบิน ก็ดึงดูดความฮือฮาของคนรอบๆ หลายคนที่เดิมผ่านไปมา ยังไม่วายหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปแต่ก็ถ่ายได้แค่ด้านหลัง คนกลุ่มนี้ก็ขึ้นไปนั่งในขบวนรถหรูอย่างรวดเร็ว เป็นซีนที่งดงามมาก...พวกเขาเข้าพักที่วิลล่าในอังกฤษหนึ่งคืน วันต่อมาก็เปลี่ยนเป็นชุดดำ ไปที่สุสานของตระกูลจิคนในตระกูลจิก็เยอะมากไม่แพ้กัน ลำพังแค่สุสานก็กินเนื้อที่ไปกว่ายอดภูเขาทั้งลูก เรียกได้ว่าเป็นตระกูลใหญ่ของอังกฤษอย่างแท้จริงในรุ่นก่อนตระกูลจี้กับตระกูลจิมีความแค้นในเรื่องธุรกิจ จี้ซือหานจึงไม่สะดวกลงจากรถ จึงพากั่วกัวนั่งอยู่ในรถซูหว่านอุ้ม
มีเขาอยู่ ใครก็ไม่กล้าชิงตัวหนูไปทั้งนั้น คำพูดที่อุ่นใจเพียงประโยคเดียว ทำให้กั่วกัวหยุดร้องไห้ในทันที"งั้นหนูไปมอบดอกเบญจมาศให้ปะปี๊กับมะมี๊นะคะ"เธอเคยเห็นเวลาที่คนในราชวงศ์เสียชีวิต ก็จะวางดอกเบญจมาศที่หน้าป้าหลุมศพเหมือนกันปะปี๊กับมะมี๊ของเธอล้วนก็ไม่อยู่แล้ว ก็ต้องให้ลูกสาวแท้ๆของพวกเขาเป็นคนมอบดอกเบญจมาศจี้ซือหานโบกมือ ทันใดนั้นก็มีคนไปเอาดอกเบญจมาศมาช่อใหญ่ ซึ่งมีน้ำหนักมาก แต่กั่วกัวก็อุ้มมันไหวจี้ซือหานผลักประตูรถออก ให้กั่วกัวลงไปด้วยตัวเองเสร็จ จากนั้นฝืนร่างกายลงจากรถไปบ้างอาเจ๋อเห็นดังนั้น ก็รีบเข้ามาห้าม "คุณผู้ชาย อย่าไปเลยครับ คนในตระกูลจิพวกนั้นไม่มีทางปล่อยคุณลอยนวลแน่"นิ้วเรียวยาวขาวนวลของชายหนุ่มประคองอยู่บนประตูรถ ปรายตามองอาเจ๋อที่อยู่ในรถด้วยความเฉยชา "พวกนั้นไม่กล้าหรอก"ถ้าพวกเขากล้าทำอะไรเขา ก็คงส่งคนมาประจันหน้าตั้งแต่ที่รู้ว่าเขาลงจากเครื่องบินส่วนตัวแล้ว ทำไมต้องรอเอาป่านนี้จี้ซือหานหมุนตัว ขณะเตรียมจะยกฝีเท้าเดินไปยังสุสาน จู่ๆมือเล็กๆข้างนึง ก็จับมือของเขาไว้...เขาทอดสายตาลงมองเด็กน้อยที่เขย่งปลายเท้าขึ้น จับนิ้วมือของเขาอย่างเปลืองแรง
ช่างเสื้อหยิบชุดเจ้าสาวชุดนั้นลงมา เมื่อสัมผัสโดนเนื้อผ้าและเพชรที่ประดับอยู่ด้านบน ก็อึ้งไปชุดแต่งงานชุดนี้เต็มไปด้วยผ้ากอซสีอ่อนหลายชั้น ประดับด้วยดอกกุหลาบและเพชรที่ทอจากผ้าซาตินเนื้อนุ่ม ตัวชุดเป็นสีขาวคริสตัลเรียบง่ายและวิจิตรงดงามด้วยเพชรที่ถูกเย็บเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ส่องประกายด้วยเสน่ห์อันงดงามและสง่างามจนน่าทึ่งถ้าดูไม่ผิด หากอ่านไม่ผิด นี่คือชุดแต่งงานเพียงชุดเดียวในโลกที่ถูกออกแบบโดยดีไซน์เนอร์ชุดแต่งงานชื่อดังระดับโลกหลายปีก่อน ชุดเจ้าสาวชุดนี้ถูกเก็บเอาไว้ในห้องนิทรรศการที่ต่างประเทศ แต่ต่อมาได้ยินว่าถูกคนซื้อไปในราคาสูงลิ่วคิดไม่ถึงว่าคนที่ซื้อชุดเจ้าสาวไป จะเป็นท่านประธานของกลุ่มบริษัทจี้ ถ้าไม่ได้รักอีกฝ่ายจริง จะยอมจ่ายหนักขนาดนี้ได้ยังไง?ที่สำคัญอีกชุดนึงที่อยู่ในตู้ ราคาก็ไม่ธรรมดา ดูก็รู้ว่าเป็นรุ่นลิมิเต็ด เดาว่าก็น่าจะมีแค่ชุดเดียว ไม่ซ้ำใคร"คุณนายจี้ ท่าทางคุณผู้ชายจะรักคุณมากเลยนะคะ..."ซูหว่านได้ยินคำพูดของช่างเสื้อ ก็พยักหน้าอย่างไม่ปิดบังผู้ชายคนนั้นรักเธอมาก รักจนยอมมอบทุกอย่างให้กับเธอ รักจนยอมตายไปพร้อมกับเธอเธอคิดว่าชีวิตที่เหลืออยู่หล
ซูหว่านพยักหน้าด้วยความเข้าใจ "ก็ได้ค่ะ ฉันเอาตามที่คุณพูด ตอนนี้ถ้าคุณไม่ขึ้นเครื่องบิน ก็ต้องขึ้นรถพยาบาลก่อน..."ถ้ายังไม่ห้ามเลือดอีก เขาจะทนไม่ไหวเอา จี้ซือหานเห็นว่าเธอเป็นห่วงเขา ถึงได้จับมือเธอขึ้นเครื่องบินอย่างว่าง่ายคืนนี้ ซูหว่านเฝ้าอยู่ข้างกายจี้ซือหาน รอหมอห้ามเลือด เย็บแผล เปลี่ยนยาให้เขาเสร็จ เธอถึงได้โล่งใจเมื่อเห็นว่าฟ้าเริ่มสาง ซูหว่านก็รู้สึกว่าไม่น่าจะจัดงานแต่งได้ จึงเอ่ยข้อเสนอกับเขา "หรือเลื่อนออกไปวันนึงไหม"ชายหนุ่มที่ถือผ้าขนหนูช่วยเช็ดผมให้เธอ พูดด้วยความแน่วแน่ "ไม่ได้ ยังไงวันนี้ก็ต้องจัดงานแต่ง!"ซูหว่านที่เพิ่งแช่น้ำอุ่นในอ่างอาบน้ำ อุงไอน้ำร้อนๆในมือ หันกลับไปมองเขา "แต่แผลของคุณ..."จี้ซือหานพูดอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น "ต่อให้แผลจะใหญ่กว่านี้ ก็ไม่สำคัญเท่ากับการจัดงานแต่ง"ซูหว่านยังอยากพูดอะไรอีก แต่จี้ซือหานหยิบไดร์ขึ้นมาเป่าผมให้เธอจากนั้น ขับรถไปส่งเธอที่วิลล่าของซานซานด้วยตัวเอง โดยไม่สนคำทัดท้านของเธอ"สิบเอ็ดโมง ฉันจะพาคนของตระกูลจี้ มารับเธอ"กำหนดการณ์เดิมคือสิบโมง แต่กลัวว่าเธอจะเหนื่อยเกินไป อยากให้เธอพักผ่อนกว่านี้อีกหน่อย ชาย
จี้ซือหานกอดเธอ สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากร่างกายของเธอ หัวใจที่เจ็บปวดจนชา ก็ค่อยๆสงบลงเขาคลายซูหว่านออก เห็นร่างกายของเธอเปียกปอนไปทั้งตัว ทั้งยังสั่นระริกด้วยความหนาวเหน็บ หัวใจก็เจ็บแปล๊บขึ้นมาอีก"คนที่ควรพูดขอโทษคือฉัน ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน เธอก็ไม่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้""คุณพูดอะไรโง่ๆ เราเป็นสามีภรรยากัน ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ ก็ต้องรับผิดชอบร่วมกันสิ"ซูหว่านพูดจบ ก้มหน้าลงมองมือตัวเองแวบนึง เมื่อเห็นเลือดที่เลอะเต็มมือ ใบหน้าก็ซีดไปทันที"แผลที่หลังของคุณฉีกแล้ว รีบขึ้นรถพยาบาลเถอะ..."เมื่อกี้เธอนึกว่าเป็นน้ำทะเล ไม่คิดว่าทั้งหมดนั้นล้วนเป็นเลือด แผลที่หลังจะต้องฉีกออกแล้วแน่ๆ!ซูหว่านควงแขนของเขาได้ ก็เตรียมจะเดินไปยังทิศทางของรถพยาบาล ทว่าจี้ซือหานกลับดึงเธอกลับมา"หว่านหว่าน แผลแค่นี้ไม่เท่าไหร่หรอก"เขาพูดจบ ก็มองเจียงโม่ที่ยืนห่างออกไปไม่ไกลแวบนึง"จับตัวเธอ แล้วค่อยแจ้งคุณเจียง ให้เขามาไถ่ตัวด้วยตัวเอง ไม่งั้นก็ปลดชีวิตเธอซะ!"คำพูดนั้นเขาพูดกับซูชิง ซูชิงรีบรับคำสั่งทันที "ครับ ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้!"เจียงโม่ที่คาดเดาได้ตั้งแต่แรกว่าคุณเย่ไม่มีทางปล่อยเธอ เห็นซ
ซูหว่านครุ่นคิด ก่อนจะถามเขา "คุณแซ่ชู งั้นคุณรู้จัก..."ชูยีไหม?ยังไม่ทันจะได้เอ่ยคำนี้ออกไป ก็ถูกชูจิ่นเหยียนตัดบท "ผมจะส่งคุณกลับไป"ซูหว่านได้ยินดังนั้น ก็กลืนคำพูดลงไป ขมวดคิ้วมองเขา "ลำบากแทบตายกว่าฉันจะหนีออกมาได้ จะส่งกลับไปทำไม?"ชูจิ่นเหยียนกรอกตาใส่เธออย่างหมดคำพูด "ผมหมายความว่า จะส่งคุณกลับบ้าน..."ซูหว่านจึงได้พยักหน้า ลุกขึ้นจากหาดทราย เธอต้องรีบกลับไปบอกจี้ซือหาน...ว่าเธอหนีออกมาแล้ว เธอปลอดภัย เธอไม่ได้กลายเป็นภาระของเขา และเขาก็ไม่ต้องถูกแบล็กเมล์อีกหลังจากที่เธอขึ้นฝั่งมากับชูจิ่นเหยียน ก็เห็นรถพยาบาลคันแล้วคันเล่าขับตรงไปยังบีชคลับอย่างรวดเร็วฝีเท้าของเธอชะงัก ช้อนสายตามองไปยังชายหาดที่อยู่ห่างไกล มองเห็นร่างมนุษย์ไม่ชัด เห็นแต่เรือลำเล็กลำใหญ่แล่นลงทะเลทีละลำซูหว่านทอดสายตาลงต่ำครุ่นคิดอยู่สักครู่ เอาแต่รู้สึกว่าเจียงโม่ไม่น่าจะส่งคนจำนวนมากขนาดนั้นมาตามหาและช่วยชีวิตเธอ หรือว่าจี้ซือหานมาแล้ว?ถ้าจี้ซือหานมาถึงแล้ว รู้ว่าเธอกระโดดลงทะเล เกรงว่าจะทำให้เขาตกใจมาก เพราะคิดมาถึงตรงนี้ซูหว่านก็เปลี่ยนความคิด"เราไปดูตรงนู้นหน่อยเถอะ?"ไปดูแปบนึง ถ้าจี้
ซูหว่านที่พยายามหนีถึงสามครั้งแต่ก็ถูกจับกลับมาได้ทุกครั้ง หันกลับมามองเจียงโม่ที่เดินตามหลังเป็นระยะๆเธอเห็นเอาแต่รับโทรศัพท์ตลอดเวลา ราวกับกำลังปรึกษาเรื่องอะไรอยู่ เพราะระยะค่อนข้างห่าง จึงได้ยินไม่ชัด แต่บางครั้งก็จะได้ยินแค่ชื่อของจี้ซือหานเธอไม่รู้ว่าจี้ซือหานรับปากหรือไม่ แล้วก็ไม่รู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง รู้แค่ว่าตัวเองจะกลายเป็นภาระของจี้ซือหานไม่ได้เธอมองไปยังผืนน้ำทะเลที่สาดเป็นคลื่นดุเดือด หลังจากมองอยู่หลายอึดใจ ก็กระโดดเข้าไปในทะเลโดยไม่ลังเล...เธอเคยพูดว่าถ้าหากมีใครเอาตัวเธอเพื่อไปข่มขู่จี้ซือหาน ถ้างั้นเธอก็จะไม่ยอมกลายเป็นตัวถ่วงของเขาเด็ดขาดเจียงโม่ที่กำลังเกลี้ยกล่อมพ่อบุญธรรมว่าอย่าแบล็กเมลล์จี้ซือหานอีก ได้เห็นภาพช็อตนั้น ก็ตกใจจนหน้าซีดในทันที"ซูหว่าน!"เธอกรีดร้องออกมาทีนึง โยนโทรศัพท์แล้วพุ่งลงไปในทะเลเพื่อช่วยชีวิต ทว่าถูกร่างใครบางคนพุ่งตัดหน้าเข้ามาก่อน...เสียงกระโดดลงทะเลดัง "ตู้ม" ของชูจิ่นเหยียน ว่ายเข้าไปหาร่างเล็กบางที่พุ่งเข้าไปในคลื่นทะเลด้วยความแข็งขันเจียงโม่ที่อยู่บนชายหาด ตอนแรกยังพอจะเห็นร่างของทั้งสองคนลอยอยู่เหนือผิวน
ฝีเท้าของซูหว่านชะงักไปทันทีเธออยากจะหันกลับไปโต้ตอบเขาสักสองสามประโยค แต่ก็กลัวจะเสียเวลา จึงไม่ได้สนใจอีกฝ่าย แต่ผลักประตูห้องน้ำหญิงด้วยความรวดเร็วหลังจากที่เธอเข้าไปแล้ว ก็เดินสำรวจห้องน้ำรอบนึง เมื่อเห็นว่าด้านข้างมีหน้าต่างบานเล็ก ก็รีบเดินเข้าไปแล้วเปิดออกข้างนอกเป็นถนนหลวง แค่ปีนออกจากตรงนี้ไป ก็จะสามารถเดินไปถึงถนนหลวงได้ และโอกาสที่จะหนีรอดก็สูงมากทีเดียวเธอเองก็ขี้เกียจมานั่งคิดว่าหลังจากเดินไปถนนหลวงแล้วจะกลับไปยังไง จึงพับแขนเสื้อขึ้น แล้วปีนไปยังขอบหน้าต่างสูงชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนถนนหลวง เขางอขาข้างหนึ่งขึ้น มือข้างหนึ่งทาบบนเข่า กำลังสูบบุหรี่ไปพร้อมกับที่มองดูเธอปีนออกไปนอกหน้าต่างพิลึกคน!ถ้าอยากจะออก ก็เดินผ่านคลับ ออกจากมาประตูหลัก หรือไม่ก็ข้ามชายหาดมาก็ได้แล้ว ทำไมต้องปีนหน้าต่าง?"นี่!"เขาแหกปากคำนึง ทำเอาซูหว่านตกใจจนตกลงมาจากบนขอบหน้าต่าง...ซูหว่านล้มลงอย่างแรง เธอหน้าบูดบึ้งเนื่องจากความเจ็บปวด โชคดีที่ด้านล่างเต็มไปด้วยทราย ไม่อย่างนั้นคงได้กระดูกหักเธอตะเกียกตะกายขึ้นมาจากพื้น จ้องผู้ชายที่นั่งสูบบุหรี่อยู่บนถนนหลวงตาเขม็ง "นายเป็นโรคหรือไง
เจียงโม่ไม่หลงกล ซูหว่านจึงใช้เล่นแง่ในทางความรู้สึกแทน"คุณหนูเจียง คุณก็รู้ว่าคนที่จี้ซือหานแคร์ มีแต่ฉันมาโดยตลอด""คุณกักตัวเพื่อนของฉันไม่ยอมปล่อย ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรเท่าไหร่ ทำไมต้องให้คนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่มารับเคราะห์ด้วยล่ะ?"เจียงโม่จ้องดวงตาใสบริสุทธิ์ของซูหว่านนานอยู่สักพัก จากนั้นก็โบกมือ "ช่างเถอะ แค่คุณอยู่ก็พอแล้วล่ะ"เธอส่งคนไปโทรศัพท์ หลังจากที่เห็นอีกฝ่ายวางสาย ก็หันมาพยักหน้าให้เธอ แล้วจึงอธิบายให้ซูหว่านฟัง"เพื่อนของคุณไม่รู้ว่าตัวเองถูกลักพาตัว ฉันก็แค่ส่งคนไปก่อกวนพวกเขานิดหน่อย หลังจากที่คุณกลับไป อย่าพูดถึงเรื่องนี้ก็แล้วกัน"สรุปว่าที่ซานซานออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้า ที่อลันกับซีอี้ไม่ได้มาที่วิลล่า ไม่ใช่เพราะถูกลักพาตัว แต่ถูกคนของเจียงโม่สร้างสถานการณ์แต่ว่า ฟังจากความหมายของเจียงโม่ ถ้าเธอไม่มาล่ะก็ คตที่สร้างสถานการณ์กลุ่มนั้น จะต้องลงมือกับพวกซานซานเป็นแน่...เพียงแต่เพราะเจียงโม่คำนึงถึงจี้ซือหานหรือเธอ ถึงได้เลือกใช้วิธีนุ่มนวล ไม่งั้นลักพาตัวไปเลยก็จะง่ายกว่า...แต่ไม่ว่าคนที่เจียงโม่คำนึงเป็นใคร หรือไม่ว่าจะคิดยังไง มันก็ไม่สำคัญทั้งนั้น
ซูหว่านฟังเข้าใจความหมายที่แฝงในคำพูดของเจียงโม่ ก็ถามเธอว่า "ฉันขอกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนได้ไหม?"เจียงโม่อ่านความคิดของเธอออกทันที "คุณซู คิดถึงสถานการณ์ของเพื่อนคุณให้มากหน่อยก็ดีค่ะ"ความหมายอีกอย่างก็คือ มีชีวิตของเพื่อนเธออยู่ในกำมือ ถึงเธอจะใช้ข้ออ้างไปบอกบอดี้การ์ด หรือแหกปากร้องตะโกนก็ไม่มีประโยชน์ซูหว่านครุ่นคิด ปล่อยมือที่ประคองประตูรถมาตลอดลง ไพล่ไว้ด้านหลัง ทำสัญลักษณ์ให้กับบอดี้การ์ดหลังจากที่เธอส่งสัญญาณมือโดยเงียบเชียบเสร็จ ก็เปิดประตูรถ แล้วเข้าไปนั่งข้างในเห็นเธอขึ้นรถมาแต่โดยดี เจียงโม่ก็เขี่ยซิก้าร์ในมือจนมอด จากนั้นสตาร์ทรถ...ตอนที่เธอเหยียบคันเร่ง มองกระจกมองหลังแวบนึง บอดี้การ์ดกลุ่มนั้นตามมาดังคาดเจียงโม่ดึงสายตากลับ เหยียบคันเร่งจนมิด เลี้ยวผ่านไปไม่กี่โค้งก็สลัดบอดี้การ์ดสำเร็จถึงยังไงก็เป็นถึงระดับหัวหน้าของทีมย่อยในS การที่เจียงโม่สลัดบอดี้การ์ดทิ้งได้ ก็เป็นเรื่องที่ง่ายดายมากซูหว่านกำเข็มขัดนิรภัยแน่นถึงไม่โดนสะบัดออกจากรถไป ทว่าความรู้สึกพะอืดพะอมในท้องกลับทำให้เธออยากอ้วกเธอกุมหน้าอกที่เต้นระรัว อดกลั้นความรู้สึกสะอิดสะเอียนไว้ มองไปย
นิ้วของเจียงโม่ที่คีบซิการ์ เคาะขี้เถ้าเบาๆ"คุณซู มีใครเค้าพาสามีไปร่วมปาร์ตี้คนโสดกันบ้าง?"การที่เจียงโม่จะปฏิเสธ เป็นสิ่งที่คาดเดาไว้ได้อยู่แล้ว เพียงแต่ทำไมล่ะ?ที่เจียงโม่เชิญเธอไปร่วมงานปาร์ตี้คนโสด ก็เพราะอยากให้เธอสอนว่าจะจีบเจียงเจ๋อยังไงไม่ใช่หรอ?งั้นถ้าเธอจะพาจี้ซือหานไปด้วย ก็ไม่ได้หน่วงต่อการสอนเจียงโม่จีบเจียงเจ๋อไม่ใช่หรอ?เธอคิดว่าบางทีเจียงโม่อาจจะอยากอาศัยปาร์ตี้นี้เพื่อพาตัวเธอไป ส่วนเป้าหมายคืออะไร เกรงว่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เจียงเจ๋อคุยกับจี้ซือหานหลังจากที่ซูหว่านคิดได้ดังนั้น ก็มองเจียงโม่ด้วยสายตาที่จริงใจ"คุณหนูเจียง ฉันกับจี้ซือหานถูๆไถๆกันมาเกือบสิบปี กว่าจะได้แต่งงานกันไม่ง่ายเลย ฉันไม่อยากให้เกิดเรื่องไม่คาดฝันอะไรขึ้นก่อนวันแต่งงาน""พรุ่งนี้เช้า ฉันแค่อยอยากสวมชุดแต่งงานที่เขาส่งมาให้ แต่งให้เขาด้วยสภาพร่างกายจิตใจที่สมบูรณ์แบบที่สุด หวังว่าพวกคุณจะช่วยให้เราสมหวังด้วย"ตอนที่พูดสิ่งเหล่านี้ เธอเห็นสีหน้าของเจียงโม่ เปลี่ยนไปเล็กน้อย ก็รู้ได้ทันทีว่าเจียงโม่มีจุดประสงค์อย่างแท้จริง จึงยกริมฝีปากยิ้ม"คุณหนูเจียง ถ้าคุณอยากให้ฉันสอนคุณจีบ