แม้ว่ารายรับประจำปีจะเกินห้าสิบล้าน ทรัพย์สินก็มากกว่าห้าร้อยล้าน แต่เมื่อต้องเสียเงินห้าแสนไปในพริบตา ซานซานก็รู้สึกแสบเนื้ออยู่ไม่น้อยไม่ใช่ว่าเสียดายเงิน แต่เพราะเงินก้อนนี้ต้องจ่ายไปอย่างไม่คุ้มค่า นั่นก็เพราะเธอไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงได้พนันอะไรไม่เข้าท่าแบบนี้กับอลัน?ปัญญาอ่อนมาก!เซ็ง!ซานซานนั่งอยู่บนโซฟา จับหมอนเอาไว้ กัดฟันด่าตัวเองว่าโง่สิ้นดี ทำเอากั่วกัวหัวเราะออกมา...เห็นรอยยิ้มไร้เดียงสาบริสุทธิ์ของเด็กน้อย อลันก็อึ้งไปชั่วอึดใจ "ซานซาน เธอดูสิ กั่วกัวหัวเราะออกมาแล้ว"ซานซานเองก็เห็นแล้ว จึงยื่นมืออกไปบีบแก้มเล็กๆของกั่วกัว "ช่วงเถอะ เห็นแก่ที่หลานยิ้ม เงินแค่นี้คุ้ม"อลันงอเข่าลง วางข้อศอกลงบนเข่า มือข้างนึงจับแก้ม แล้วมองดูกั่วกัวพอเห็นกั่วกัวหัวเราะออกมาเสร็จ ก็ก้มหน้าลงทำท่าต่อเลโก้ จู่ๆก็รู้สึกโหยหาขึ้นมาในใจ"ซานซาน ถ้าฉันมีลูกเองได้ก็คงจะดีนะ"ถ้าแบบนั้น เธอจะต้องหาสิ่งที่ดีที่สุดบนโลกนี้มาให้ลูกของเธอ แต่น่าเสียดาย ที่เธอไม่มีมดลูกอารมณ์ที่ถ่ายทอดออกมาจากในแววตาของอลัน คือความอ่อนโยนของคนเป็นแม่ ทั้งยังซ่อนร่องรอยแห่งความโศกเศร้าที่อยู่ในส่วนลึ
เธอวางโทรศัพท์ลงโดยไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ หลังจากที่เธอนั่งลงบนพรม ก็ถามอลันว่า "ครั้งก่อนเธอบอกจะแนะนำหมอคนนึงให้ฉันไม่ใช่หรอ จะได้เจอกันเมื่อไหร่ล่ะ?"อลันมองซานซานแวบนึงด้วยความประหลาดใจ "พอเธอนัดบอดไปรอบนึง ก็ตั้งใจจะไม่นัดบอดอีกแล้วไม่ใช่หรอ?"ครั้งก่อนผู้จัดการเหอในไนท์คลับของซานซานบอกว่าจะแนะนำคู่นัดบอดให้เธอ ปรากฎว่าคู่นัดบอดคนนั้นก็คือผู้จัดการเหอเองนั่นแหละซานซานนั่งอยู่ในร้านกาแฟ มองดูผู้จัดการเหอสารภาพรักกับตัวเองในสภาพตะกุกตะกัก ก็ทั้งโมโหทั้งอยากขำเธอไม่คิดมาก่อนว่าผู้จัดการเหอจะแอบชอบตัวเองมานานหลายปี แต่ผู้จัดการเหอเองก็เคยแต่งงานมาแล้ว ซึ่งก็เหมาะสมกับเธอดีเพียงแต่เธอไม่คลิกเท่าไหร่ หรือจะพูดว่าไม่รู้สึกอะไรเลยยังได้ รู้สึกแค่อีกฝ่ายเป็นเพื่อนร่วมงานซื่อบื้อและจริงใจก็เท่านั้นเธอสามารถร่วมงานกับผู้จัดการเหอได้ในระยะยาว แต่ถ้าให้เธอกับเขาร่วมเตียงหนุนหมอนเดียวกัน ในใจลึกๆของซานซานก็แอบรู้สึกหวิวๆปะแล่มๆอยู่หน่อยเธอคิดคำพูดอ้อมๆที่จะไม่ทำร้ายจิตใจอีกฝ่าย แต่ยังไม่ทันได้ปฏิเสธอ้อมๆออกไป จู่ๆจี้เหลียงชวนก็โผล่หน้ามาทำทุกอย่างพังคนแบบจี้เหลียงชวน ยังไงซะก็ได้รับ
หลายวันมานี้ซูหว่านอยู่เป็นเพื่อนจี้ซือหาน คอยดูแลเขาอย่างดี พอเห็นรอยแผลของเขากำลังสมาน จิตใจที่บีบตัวแน่น ก็ค่อยๆผ่อนคลายลงเมื่อเธอรอให้ศาสตราจารย์หลี่เปลี่ยนยาเสร็จ ก็ถามอย่างกังวลว่า "รักจากรักษาเสร็จแล้ว รอยแผลพวกนี้จะหายได้ไหมคะ?"ศาสตราจารย์หลี่ถอดถุงมือปลอดเชื้อออก แล้วตอบซูหว่าน "ถ้าจางหน่อย ก็หายได้ แต่ถ้าแผลลึกมาก ก็อาจจะหายยาก แต่ผมจะใช้ยาที่ดีที่สุด จะพยายามช่วยฟื้นฟูประธานจี้อย่างสุดความสามารถครับ"เขายังคงใช้คำว่าจะพยายาม แต่ศาสตราจารย์หลี่เป็นศัลยแพทย์ที่มีชื่อเสียงระดับสากล ถ้ามีเขาอยู่ ก็จะไม่มีปัญหาเมื่อได้รับคำตอบที่แน่นอนแล้ว คิ้วเรียวสวยของซูหว่านที่ขมวดเข้าหากัน ก็คลี่ออก "ขอบคุณมากค่ะศาสตราจารย์หลี่"ศาสตราจารย์หลี่โยกมือเล็กน้อย "ไม่ต้องเกรงใจครับ"หลังจากศาสตราจารย์หลี่รักคำตามมารยาทเสร็จ ก็ผงกศีรษะให้จี้ซือหานด้วยความเคารพ จากนั้นพาบรรดาหมอออกไปอย่างรวดเร็วหลังจากที่คุณหมอกลับไปแล้ว ซูหว่านก็นั่งลงข้างเตียง "ซือหาน งานศพของจิเหยียนโจวจัดเสร็จแล้ว มะรืนก็จะฝัง พรุ่งนี้ฉันต้องไปอังกฤษ เอาอัฐิของพี่สาวไปส่ง"คุณจิติดต่อเธอมาเมื่อเช้านี้ ให้เธอไปอังกฤษ
ส่วนซูหว่านที่ไม่รู้ถึงความอันตรายทั้งหมด กำลังอุ้มโกศอยู่ ถามเขาด้วยความกังวลว่า "ได้พาหมอมาหรือเปล่าคะ?"จี้ซือหานพยักหน้าเบาๆ ลูบผมของเธอ หลังจากปลอบโยนความไม่สบายใจของเธอแล้ว ก็มองกั่วกัวที่มุดอยู่ในมุมแวบนึงเด็กน้อยเห็นว่าเขากำลังมองตัวเอง ก็รีบดึงสายตาที่แอบมองกลับมา แล้วก้มหน้าเล่นตุ๊กตาในมือ...เหมือนว่าจี้ซือหานจะแค่เผลอชายตามองไปเท่านั้น ไม่นานก็ละสายตาออกพอเขาไม่ได้มองตัวเองแล้ว กั่วกัวก็ใช้หางตาลอบมองเขาอีกเธอนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม แค่แกล้งๆเหล่ตามองนิดเดียว ก็สามารถเห็นใบหน้าหล่อเหลาคมสันของจี้ซือหานได้คุณลุงคนหล่อ ดูผอมลงไปไม่น้อย แต่ก็ยังหล่อไม่เปลี่ยนความหล่อที่คุณลุงคนอื่นๆเทียบไม่ติดแบบนั้น เหมือนกับเทวดาคอยเฝ้ามองเขาแค่คนเดียว หล่อจนไม่อาจหาคำเปรียบหลังจากที่กั่วกัวมองดูจี้ซือหานอยู่สักพัก ก็ยื่นตุ๊กตาให้เขา แต่ยังไม่พูดดังเดิม เพียงแค่เอาสิ่งที่สำคัญที่สุดให้กับเขานั่นก็เพราะว่า ตอนที่เธอถูกขังอยู่ในห้องมืดเล็กๆจนใกล้จะตายนั้น คุณลุงคนหล่อก็ถีบประตูห้องมืดเข้ามาเวลานั้น กั่วกัวเห็นแสงอาทิตย์ส่องลงมาที่ร่างของเขา ราวกับพระเจ้าลงมาสถิตย์ เขาสวมรองเท้าบู
หลังจากที่เครื่องบินส่วนตัวแลนด์ดิ้ง สมาชิกของSกลุ่มนึงซึ่งสวมชุดลำลอง คอยเดินตามคุ้มครองพวกเขาจากทั่วสารทิศอย่างไม่ช้าไม่เร็วที่ทางออกสนามบิน ซูหว่านจูงมือกั่วกัว ส่วนจี้ซือหานก็จับมือเธอ มองแค่แวบเดียว ก็เหมือนกับครอบครัวพ่อแม่ลูกชายหนุ่มที่เย็นชาสูงศักดิ์ หญิงสาวทีอ่อนหวานเรียบร้อย เด็กน้อยก็ผิวขาวอมชมพู ทั้งสามคนล้วนหน้าตาดีมีออร่าด้านหลังของพวกเขา มีบอดี้การ์ดสวมชุดสูทผูกไทด์ตามอยู่เป็นพรวน สองคนที่เดินนำอยู่ก็หน้าตาดีเช่นกันทันทีที่กลุ่มของพวกเขาปรากฎตัวขึ้นในสนามบิน ก็ดึงดูดความฮือฮาของคนรอบๆ หลายคนที่เดิมผ่านไปมา ยังไม่วายหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปแต่ก็ถ่ายได้แค่ด้านหลัง คนกลุ่มนี้ก็ขึ้นไปนั่งในขบวนรถหรูอย่างรวดเร็ว เป็นซีนที่งดงามมาก...พวกเขาเข้าพักที่วิลล่าในอังกฤษหนึ่งคืน วันต่อมาก็เปลี่ยนเป็นชุดดำ ไปที่สุสานของตระกูลจิคนในตระกูลจิก็เยอะมากไม่แพ้กัน ลำพังแค่สุสานก็กินเนื้อที่ไปกว่ายอดภูเขาทั้งลูก เรียกได้ว่าเป็นตระกูลใหญ่ของอังกฤษอย่างแท้จริงในรุ่นก่อนตระกูลจี้กับตระกูลจิมีความแค้นในเรื่องธุรกิจ จี้ซือหานจึงไม่สะดวกลงจากรถ จึงพากั่วกัวนั่งอยู่ในรถซูหว่านอุ้ม
มีเขาอยู่ ใครก็ไม่กล้าชิงตัวหนูไปทั้งนั้น คำพูดที่อุ่นใจเพียงประโยคเดียว ทำให้กั่วกัวหยุดร้องไห้ในทันที"งั้นหนูไปมอบดอกเบญจมาศให้ปะปี๊กับมะมี๊นะคะ"เธอเคยเห็นเวลาที่คนในราชวงศ์เสียชีวิต ก็จะวางดอกเบญจมาศที่หน้าป้าหลุมศพเหมือนกันปะปี๊กับมะมี๊ของเธอล้วนก็ไม่อยู่แล้ว ก็ต้องให้ลูกสาวแท้ๆของพวกเขาเป็นคนมอบดอกเบญจมาศจี้ซือหานโบกมือ ทันใดนั้นก็มีคนไปเอาดอกเบญจมาศมาช่อใหญ่ ซึ่งมีน้ำหนักมาก แต่กั่วกัวก็อุ้มมันไหวจี้ซือหานผลักประตูรถออก ให้กั่วกัวลงไปด้วยตัวเองเสร็จ จากนั้นฝืนร่างกายลงจากรถไปบ้างอาเจ๋อเห็นดังนั้น ก็รีบเข้ามาห้าม "คุณผู้ชาย อย่าไปเลยครับ คนในตระกูลจิพวกนั้นไม่มีทางปล่อยคุณลอยนวลแน่"นิ้วเรียวยาวขาวนวลของชายหนุ่มประคองอยู่บนประตูรถ ปรายตามองอาเจ๋อที่อยู่ในรถด้วยความเฉยชา "พวกนั้นไม่กล้าหรอก"ถ้าพวกเขากล้าทำอะไรเขา ก็คงส่งคนมาประจันหน้าตั้งแต่ที่รู้ว่าเขาลงจากเครื่องบินส่วนตัวแล้ว ทำไมต้องรอเอาป่านนี้จี้ซือหานหมุนตัว ขณะเตรียมจะยกฝีเท้าเดินไปยังสุสาน จู่ๆมือเล็กๆข้างนึง ก็จับมือของเขาไว้...เขาทอดสายตาลงมองเด็กน้อยที่เขย่งปลายเท้าขึ้น จับนิ้วมือของเขาอย่างเปลืองแรง
ซูหว่านเห็นกั่วกัวมา ก็ตกใจไปชั่วขณะ หันกลับมามองแวบนึง ก็เห็นชายหนุ่มยืนเอามือล้วงกระเป๋าข้างนึง อยู่ด้านหลังของฝูงชนเขาสวมชุดสูทสีดำ ร่างกายตั้งตรงเหมือนกับรูปปั้นแกะสลัก เครื่องหน้าที่ได้สัดส่วนคมชัด งดงามไร้ที่ติเมื่อเห็นจี้ซือหานลงจากรถ ซูหว่านก็เข้าใจในทันที เขาเป็นคนพากั่วกัวมาเซ่นไหว้ชูยีกับจิเหยียนโจวเดิมทีซูหว่านตั้งใจว่ารอให้คนของตระกูลจิกลับกันหมดแล้ว ค่อยพากั่วกัวมาไหว้ จะได้เลี่ยงเหตุการณ์ที่คนของตระกูลจิจะชิงตัวเธอไปแต่พอเห็นท่าทางโอ่อ่าผ่าเผยของจี้ซือหาน ประหนึ่งไม่กลัวว่าคนของตระกูลจิจะแย่งตัวเด็กไปแม้แต่น้อยงั้นก็ให้กั่วกัวมาส่งพ่อแม่ของเธอเป็นครั้งสุดท้ายแล้วกัน เด็กน้อยจะได้ไม่รู้สึกเสียใจในอนาคตหลังจากที่ซูหว่านคิดอย่างแจ่มแจ้งแล้ว ก็ยื่นมือไปลูบศีรษะเล็กๆของกั่วกัว"กั่วกัว หม่ามี๊ของหนูอยู่ที่นี่ ถ้ามีอะไรอยากพูด ก็พูดกับเธอได้เลยนะ"กั่วกัวจ้องรูปหม่ามี๊กับอาแปลกบนป้ายหลุมศพ มองอยู่ชั่วขณะ จากนั้นยื่นมือเล็กๆนุ่มนิ่มไปลูบรูปถ่ายของทั้งสองคน"หม่ามี๊ ปะปี๊ ทั้งสองคนรอกั่วกัวที่สวรรค์นะ ชาติหน้า หนูค่อยเป็นเบบี๋ของหม่ามี๊กับปะปี๊ใหม่..."ซูหว่านเห็
จิป่ายหลินเดาว่า บางทีจี้ซือหานอาจจะเป็นพวกรักไม่ลืมหูลืมตาเหมือนกับจิเหยียนโจวถ้าพูดตรงๆก็เป็นคนดึงดัน ถ้ารักใครสักคน ก็จะฝังลึกในใจไปจนตายความจริงแล้วนี่มีสาเหตุมาจากตอนเด็กๆ ถูกพ่อแม่เลี้ยงดูอย่างเข้มงวดเกินไป และขาดประสบการณ์ความรักเขาคิดว่าถ้ามีประสบการณ์เยอะ ก็จะไม่หลงหัวปักหัวปำอยู่กับผู้หญิงแค่คนเดียวจิป่ายหลินเข้าใจว่าตัวเองคาดเดานิสัยของจี้ซือหานได้อย่างชัดแจ้งแล้ว ก็วางท่าอย่างตัวเองเป็นผู้ใหญ่ เชยคางด้วยความเย่อหยิ่ง"คุณจี้ ในเมื่อคุณจะแต่งงานกับคุณซู งั้นก็นับได้ว่าเป็นน้าเขยของเด็กมัน เรื่องสิทธิ์การเลี้ยงดูควรจะคืนมาให้ใคร ก็มีสิทธิเข้าร่วมด้วย ถ้าไม่รังเกีจ พวกเราย้ายไปที่โซนพักผ่อน แล้วค่อยนั่งคุยรายละเอียดกันเถอะ"ให้เขาคุยสิทธิ์การเลี้ยงดูกับศัตรู ก็นับว่าจิป่ายหลินไว้หน้าเขามากแล้วในฐานะที่จี้ซือหานอายุน้อยกว่า ถึงยังไงก็ต้องยอมหยวนให้ แล้วค่อยเรียกเขาว่าลุงด้วยความรู้สึกผิดก็ยังไม่สายแต่อย่างไรก็ตาม...จี้ซือหานไม่แม้แต่จะชายตามองเขา แต่ทิ้งประโยคนึงด้วยเสียงเย็น "ไปคุยกับทนายของฉันสิ"จากนั้นหันข้างไปหาซูหว่าน "ไหว้เสร็จหรือยัง?"ซูหว่านก้มหน้ามอ