นายหญิงจิรักษามารยาทอย่างที่ผู้หญิงชนชั้นสูงควรจะมี แล้วอธิบายอย่างเกรงอกเกรงใจกับซูหว่าน"คุณซู หลายปีก่อนหน้านั้นที่ชูยีตามจีบเหยียนโจว ฉันเคยพูดกับเธอเอาไว้ว่าจะไม่ให้เธอเข้าตระกูลของเรา และเธอก็พูดเองว่าไม่ได้แต่งเข้าตระกูลก็ไม่เป็นไร ขอแค่ได้อยู่เคียงข้างเหยียนโจวก็พอ คุณก็รู้ว่าตระกูลแบบพวกเราน่ะ ไม่มีทางยอมรับลูกสะใภ้ที่สถานะไม่เทียบเท่ากับเราอยู่แล้ว เพราะงั้นคงไม่สามารถให้ชื่อเสียงเรียงนามกับเธอได้"ซูหว่านกวาดตามองนายหญิงจิตั้งแต่หัวจรดเท้าแวบนึง พบว่าตั้งแต่ต้นจนจบอีกฝ่ายไม่กล้ามองหน้าเธอตรงๆ ก็รู้สึกตะหงิดๆ "นายหญิงจิ คุณรู้จักฉันหรือเปล่า?"มือที่เกาะสามีของนายหญิงจิ ก็สั่นเล็กน้อย ทว่ายังแสร้งทำเป็นนิ่งได้อยู่ แล้วกระตุกมุมปากนิดนึง "ฉันใช้ชีวิตอยู่ในอังกฤษมานาน จะไปรู้จักเธอได้ยังไง?"งั้นทำไมคุณถึงไม่กล้ามองหน้าฉัน?ขณะที่ซูหว่านกำลังคิดว่าจะถามออกไป นายหญิงจิก็ลุกขึ้น มองหน้าเธอตรงๆ "คุณซู ฉันพูดสิ่งที่จะพูดไปชัดเจนแล้ว พี่สาวของเธออยากอยู่กับเหยียนโจวโดยไม่ต้องการสถานะเอง ตอนที่เธอยังมีชีวิตก็ยังไม่ต้องการสถานะนี้ คิดว่าตายไปแล้วก็คงไม่ได้สนใจเหมือนกัน"ตอนที่พี
บางทีนายหญิงจิคงจะสังเกตได้ว่าอาการของตัวเองนั้นชัดเจนเกินไป ก็รีบยกมือขึ้นจัดแจงแขนเสื้อ แล้วมองซูหว่านโดยไม่ทิ้งร่องรอยเดิม"คุณซู ในเมื่อพี่สาวของเธอคลอดลูกสาวไว้ให้ลูกชายฉัน งั้นก็ให้เธอฝังในสุสานตระกูลจิ ในฐานะภรรยาของเหยียนโจวก็แล้วกัน"ขณะที่เธอโล่งอก ก็เสนอเงื่อนไขออกมา "แต่เด็กคนนั้น หลังจากนี้ให้ฉันเป็นคนเลี้ยงดูแก"จอร์จเห็นว่านายหญิงจิต้องการตัวเด็ก จึงตระหนักได้ว่าตัวเองเปิดเผยข้อมูลมากเกินไป ก็รีบพูดเสริมขึ้นมา "คำสั่งเสียของจิ คือให้คุณซูเป็นคนดูแลลูกครับ"พ่อแม่ของจิเหยียนโจว เป็นคนเห็นแก่ผลประโยชน์มาโดนตลอด ตอนที่จิเชื่อฟัง ก็จะให้เขาเป็นทายาท พอไม่เชื่อฟังปุ๊บ ก็ยอมยกอำนาจการสืบทอดให้กับหลานชายหุ่นเชิดที่อยู่ในการควบคุมของตัวเอง ดีกว่ายกให้จิ สามีภรรยาคู่นี้ยังปฏิบัติกับลูกชายแบบนี้ แล้วนับประสาอะไรกับหลานสาว?ซูหว่านเองก็เข้าใจตรรกะนี้ จึงรีบพูดต่อ "คำสั่งเสียนี้อยู่ในหนังสือสัญญา เขาให้ฉันเป็นคนดูแล"นายหญิงจิโมโหพวกเขาจนหัวเราะออกมา นี่มันตรรกะอะไร ปู่ย่าของเด็กก็ยังมีชีวิตแข็งแรงดีกันทั้งคู่ ทำไมต้องให้น้ามาดูแล?ในใจของนายหญิงจิคิดแบบนั้น ทว่าก็รับปาก "คุณ
เธอถือโกศไว้ ลูบไปมาสองสามที "พี่ ต่อไปฉันจะไปเยี่ยมที่อังกฤษบ่อยๆนะ"เธอพูดจบ ก็หยิบผ้าสีดำคลุมลงบนโกศซานซานกางร่มให้เธอ ทั้งสองคนต้อนรับโกศของชูยี กลับไปที่วิลล่าของซูหว่าน...หลังจากดำเนินการทั้งหมดนี้เสร็จ เวลาก็ผ่านไปสองวันพอดี ในระหว่างนั้น จี้ซือหานจะรายงานความปลอดภัยให้เธอทุกๆหนึ่งชั่วโมงเธอจึงไม่ได้เป็นห่วงขนาดนั้นอีก ทิ้งตัวลงบนเตียงด้วยความเหนื่อยล้า หลังจากที่หลับลึกไประยะนึง ก็ยื่นมือไปล้วงหาโทรศัพท์หลังหมอนเมื่อคืน จี้ซือหานส่งข้อความมาบอกเธอว่า กั่วกัวถูกเขาพาตัวกลับมาแล้วและเครื่องบินส่วนตัวของเขาจะถึงสนามบินเมืองเอในวันพรุ่งนี้เวลาสิบโมงเช้า สิบห้านาทีเธอมองเวลาแวบนึง คาดการณ์ว่าใกล้จะลงเครื่องแล้ว ถึงได้ควานรายชื่อผู้ติดต่อแล้วโทรหาเขา แต่เขาปิดเครื่องเธอนึกว่าเขายังไม่ได้ลงเครื่อง จึงลุกขึ้นมาอาบน้ำอาบท่า จัดการตัวเองเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็แพ็คเสื้อผ้าสองสามชุดหลังจากที่เตรียมตัวไปอังกฤษเสร็จ ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาใหม่ เห็นว่าเขาไม่ได้โทรกลับมา ในใจก็ดิ่งลงทันทีเธอนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง โทรหาจี้ซือหานอยู่หลายครั้ง ก็โทรติดตลอด ทว่าอีกฝ่ายไม่ได้รับส
พอเขาเอ่ยถึงกั่วกัว ซูหว่านถึงได้หันเหความสนใจไปที่กั่วกัวเมื่อเห็นเด็กน้อยที่เคยอ้วนตุ้บตั้บ จู่ๆก็ผอมลง ก็รู้สึกปวดใจทันทีเธอรีบคลายจี้ซือหานออก ยองตัวลงนั่ง กุมใบหน้าเล็กๆของกั่วกัว"กั่วกัว ทำไมหนูผอมลงขนาดนี้?"เมื่อเห็นคุณน้าของตัวเอง กั่วกัวก็เผยอริมผฃฝีปากเล็กๆสีชมพู ราวกับอยากจะพูดอะไร แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดออกมาเห็นท่าทางของกั่วกัวก้มหน้าลงเล่นของเล่นในมือ ไม่พูดอะไรสักคำ ในใจของซูหว่านก็เป็นทุกข์มากขึ้นต้องเป็นเพราะกั่วกัวถูกเคซีย์บังคับให้เล่นเกมยิงปืน เห็นพ่อแท้ๆของตัวเองตายไปต่อหน้าต่อตา ได้รับการกระทบกระเทือนทางจิตใจ ถึงได้กลายเป็นคนไม่พูดแบบนี้สินะ?จี้ซือหานฝืนร่างกายอันสั่นเทา แล้วอธิบายให้ซูหว่านฟัง "เธอได้รับบาดเจ็บ ทั้งยังมีปฏิกิริยาสนองต่อความเครียด หลังจากนี้ต้องพาไปพบจิตแพทย์"หลังจากที่เคซีย์บีบจิเหยียนโจวจนตาย ก็เริ่มทารุณเด็กขึ้นมา หลายวันมานี้ขังกั่วกัวที่เอาแต่ร้องห่มร้องไห้เอาไว้ในห้องมืดเล็กๆ แล้วยังใช้โซ่ตรวนล่ามเธอเอาไว้อีกด้วย ให้เธอกินข้าวกินน้ำเพียงน้อยนิด ถ้าเขามาไม่ทัน เกรงว่าเด็กคงจะมีชีวิตรอดไม่พ้นสามวันเมื่อได้ยินสิ่งที่กั่วกัวต้องเ
จี้ซือหานเปิดประตูรถออก ประคองซูหว่านข้าไปนั่งในรถ จากนั้นกัดฟันโน้มตัวลงนั่งข้างกายเธอเมื่อชายหนุ่มพิงลงบนเก้าอี้เบาๆ แม้แต่เส้นผมที่ร่วงลงมาปรกใบหน้า ก็ยังสั่นตามไปด้วย...ซูชิงที่นั่งอยู่ข้างหน้า เห็นเขาเจ็บจนสภาพเป็นแบบนี้ มือที่อุ้มกั่วกัวอยู่ ก็เผลอออกแรงโดยไม่รู้ตัวเมื่อกี้ตอนที่จี้ซือหานอยู่ต่อหน้าซูหว่าน แผ่นหลังหันมาทางเขาพอดี เขาก็เลยได้เห็นชัดเต็มสองตาเสื้อเชิ้ตราคาแพงตัวนั้น ด้านบนเปื้อนเลือดเป็นหย่อมๆ ราวกับดอกไม้ที่กำลังเบ่งบานเขาตกใจจนเกือบร้องออกมา ทว่านิ้วมือที่พาดหลังของชายหนุ่ม กลับทำสัญลักษณ์ให้เขาอย่างรวดเร็ว...เมื่ออยู่ต่อหน้าคุณซู ดูเหมือนประธานจี้จะไม่เห็นความเป็นความตายของตัวเองอยู่ในสายตา เขาไม่ยอมแม้แต่จะทำให้เธอกังวลซูชิงไม่อาจสาธยายออกมาได้ว่า ความรักที่ประธานจี้มีต่อคุณซูมันลึกซึ้งมากขนาดไหน ได้แต่เรียกให้คนขับขับเร็วอีกหน่อย เร็วกว่านี้อีกหน่อย...แม้ว่าชายหนุ่มจะเข็บจนเหงื่อผุดออกมาเต็มหน้าผาก แต่ก็ยังกอดเธอเอาไว้ในอ้อมกอดแน่น ไม่ได้เจอกันตั้งหลายวัน คิดถึงเธอสุดๆเลยซูหว่านเงยหน้าขึ้นมองเขาหลายครั้ง แต่ก็ถูกเขากดศีรษะเอาไว้ ไม่ให้เงยหน้า
คำว่าคุณเจียง จริงๆแล้วก็น่ากลัวไม่น้อย พอซูชิงได้ยินหัวใจก็กระตุกตามไปด้วย แต่..."คุณเจียงรักประธานจี้มากไม่ใช่หรอ? ทำไมอยู่ดีๆถึงได้ลงไม้ลงมือทำร้ายเขา?"คุณเจียงเป็นคนน่ากลัวก็ใช่อยู่ แต่เขาปฏิบัติต่อประธานจี้ แตกต่างกับที่ปฏิบัติต่อคนอื่นไม่เคยลงโทษประธานจี้ ทั้งยังเชื่อมั่นเขายิ่งกว่าใครๆ ที่สำคัญเมื่อประธานจี้บรรลุนิติภาวะ ก็ยกSให้กับเขาทันทีความรักที่ลำเอียงแบบนี้ แม้แต่ลูกบุญธรรมชายหญิงของคุณเจียงก็ยังไม่ได้รับด้วยซ้ำอาเจ๋อเองก็ไม่รู้จะเล่าสถานการณ์ซับซ้อนในตอนนี้ของSยังไง ได้แต่อธิบายสั้นๆไม่กี่ประโยค"คุณเจียงไม่ให้คุณผู้ชายเข้าไปยุ่งเรื่องของตระกูลจิกับราชวงศ์ แต่คุณผู้ชายไม่ฟัง จะเข้าไปยุ่งให้ได้ ก็เลยทะเลาะกับคุณเจียง..."ซูชิงขมวดคิ้ว "พวกเขาสองคนก็ทะเลาะกันเป็นปกติอยู่แล้วไม่ใช่หรอ? ที่สำคัญครั้งนี้ก็ไม่ได้ทำการโดยใช้สถานะของคุณเย่ คุณเจียงจะกลัวอะไร?"อาเจ๋อโบกมือ "พูดให้ฟังไม่ถูก เอาเป็นว่าคุณเจียงรับปากว่าให้เขาไปเอาตัวเด็กกลับมาได้ ขอแค่ถ้าได้ตัวเด็กแล้ว ต้องไปสถานที่นึงกับคุณเจียง สถานที่นั้นจะบอกยังไงดีล่ะ หลังจากที่คุณผู้ชายไป ก็จะต้องออกจากองค์กร จากน
แม้ว่าจะแค่แง้มประตูออกมาเพียงเล็กน้อย แต่กลิ่นคาวเลือดที่อยู่ข้างในก็ยังโชยออกมาอย่างล้นหลามเมื่อได้กลิ่นคาวเลือด ซูหว่านก็ตกใจจนแข้งขาอ่อนแรง ทว่ายันร่างกายเอาไว้ ผลักหมอออก แล้วสาวขาเดินเข้าไปซูชิงกับอาเจ๋อกับลำทำความสะอาดคราบเลือดบนพื้น เห็นซูหว่านพุ่งเข้ามา ทั้งสองคนก็ตกใจจนหยุดการเคลื่อนไหวเช่นเดียวกับบรรดาหมอ"คุณ...คุณซู?"เธอยังไม่ได้กลับหรอกหรอ?ดวงที่ตาคละคลุ้งด้วยน้ำตาของซูหว่าน มองผ่านเลือดบนพื้น ไปยังชายหนุ่มที่หลับสนิทอยู่บนเตียงแผ่นหลังที่แข็งแรงบึกบึน ได้รับการฆ่าเชื้อ ทายา แต่ยังไม่ได้พันแผล รอยมีดเหวอะหวะ สะดุดตาตั้งแต่แรกเห็นผ้าปูที่นอนเบื้องล่างตัวเขา อาจเพราะยังไม่ทันได้เปลี่ยน เต็มไปด้วยเลือดที่รินไหลลงมายังพื้นที่ละนิดเห็นชายหนุ่มที่เย็นชาสูงส่งและเหยียดหยามโลกทั้งใบในเวลาปกติ ตอนนี้กลับอ่อนแอไม่ต่างอะไรกับเด็กคนนึง ซูหว่านก็เสียศูนย์อย่างสิ้นเชิงเธอเดินโซเซมาใกล้เตียง ย่อตัวลง ยื่นมือสั่นเทาออกไปหวังจะลูบบาดแผลนั่น แต่ก็กลัวจะทำเขาเจ็บเธอลูบไล้ไปมาบนอากาศนิดหน่อย จากนั้นวางมือลงบนหลังมือที่เห็นเส้นเลือดเรียงสวยงาม แตะเขาเบาๆเมื่อสัมผัสได้ว่าม
เดิมทีซูหว่านนั้นเศร้ามาก เมื่อได้ยินประโยคนี้ ก็ถึงกับเหม่อ"คุณบาดเจ็บถึงขนาดนี้ ทำไมยังมีอารมณ์มาคิดเรื่องพรรค์นี้ได้อีก?"ชายหนุ่มที่ตอนแรกก็ไม่ได้คิดลึก เมื่อเห็นเธอทำหน้าซื่อ พร้อมกับร้องไห้ไปด้วย ดวงตาแดงก่ำ ก็ถูกปกคลุมด้วยความปรารถนาขึ้นมาไม่น้อยอืม...จู่ๆเขาก็นึกถึงครั้งก่อน ภาพที่กดเธอลงบนพรม ทรมานจนเธอร้องไห้ครางอ้อนวอนออกมา...ลูกกระเดือกเคลื่อนไหวขึ้นลง บริเวณท้องน้อยบีบตัวแน่น แต่ก็ได้แค่จินตนาการ "ถ้าไม่ใช่เพราะบาดเจ็บอยู่ สองสามวันนี้เธอออกไปจากคฤหาสน์หลังนี้ไม่ได้แน่"แค่เห็นหน้าเธอ ก็อยากจะทำเธอทั้งวันทั้งคืน อยากได้ร่างกาย อยากได้หัวใจของเธอ โดยไม่จำเป็นต้องมีเหตุผล นั่นถึงจะเติมเต็มความปรารถนาของเขาได้ซูหว่านไม่รู้ว่าจะต่อบทสนทนากับเขายังไง เหม่อมองเขาไปหลายอึดใจ จากนั้นเปลี่ยนเรื่อง "กระหายรึเปล่า ดื่มน้ำไหม?"จี้ซือหานกลับสู่อารมณ์ปกติ แล้วส่ายหน้าเบาๆ "หว่านหว่าน ฉันจะให้ซูชิงส่งเธอกลับไปพักผ่อน ไม่ต้องเป็นห่วงฉัน"เขาไม่อยากให้เธอหักโหมเกินไป ซูหว่านก็เข้าใจดี แต่เขาต้องมีคนคอยดูแล แล้วเธอจะไม่สนใจไยดีได้ยังไง?ซูหว่านยกมือเรียวขึ้นลูบใบหน้าซีดขาวของจ