นายหญิงจิรักษามารยาทอย่างที่ผู้หญิงชนชั้นสูงควรจะมี แล้วอธิบายอย่างเกรงอกเกรงใจกับซูหว่าน"คุณซู หลายปีก่อนหน้านั้นที่ชูยีตามจีบเหยียนโจว ฉันเคยพูดกับเธอเอาไว้ว่าจะไม่ให้เธอเข้าตระกูลของเรา และเธอก็พูดเองว่าไม่ได้แต่งเข้าตระกูลก็ไม่เป็นไร ขอแค่ได้อยู่เคียงข้างเหยียนโจวก็พอ คุณก็รู้ว่าตระกูลแบบพวกเราน่ะ ไม่มีทางยอมรับลูกสะใภ้ที่สถานะไม่เทียบเท่ากับเราอยู่แล้ว เพราะงั้นคงไม่สามารถให้ชื่อเสียงเรียงนามกับเธอได้"ซูหว่านกวาดตามองนายหญิงจิตั้งแต่หัวจรดเท้าแวบนึง พบว่าตั้งแต่ต้นจนจบอีกฝ่ายไม่กล้ามองหน้าเธอตรงๆ ก็รู้สึกตะหงิดๆ "นายหญิงจิ คุณรู้จักฉันหรือเปล่า?"มือที่เกาะสามีของนายหญิงจิ ก็สั่นเล็กน้อย ทว่ายังแสร้งทำเป็นนิ่งได้อยู่ แล้วกระตุกมุมปากนิดนึง "ฉันใช้ชีวิตอยู่ในอังกฤษมานาน จะไปรู้จักเธอได้ยังไง?"งั้นทำไมคุณถึงไม่กล้ามองหน้าฉัน?ขณะที่ซูหว่านกำลังคิดว่าจะถามออกไป นายหญิงจิก็ลุกขึ้น มองหน้าเธอตรงๆ "คุณซู ฉันพูดสิ่งที่จะพูดไปชัดเจนแล้ว พี่สาวของเธออยากอยู่กับเหยียนโจวโดยไม่ต้องการสถานะเอง ตอนที่เธอยังมีชีวิตก็ยังไม่ต้องการสถานะนี้ คิดว่าตายไปแล้วก็คงไม่ได้สนใจเหมือนกัน"ตอนที่พี
บางทีนายหญิงจิคงจะสังเกตได้ว่าอาการของตัวเองนั้นชัดเจนเกินไป ก็รีบยกมือขึ้นจัดแจงแขนเสื้อ แล้วมองซูหว่านโดยไม่ทิ้งร่องรอยเดิม"คุณซู ในเมื่อพี่สาวของเธอคลอดลูกสาวไว้ให้ลูกชายฉัน งั้นก็ให้เธอฝังในสุสานตระกูลจิ ในฐานะภรรยาของเหยียนโจวก็แล้วกัน"ขณะที่เธอโล่งอก ก็เสนอเงื่อนไขออกมา "แต่เด็กคนนั้น หลังจากนี้ให้ฉันเป็นคนเลี้ยงดูแก"จอร์จเห็นว่านายหญิงจิต้องการตัวเด็ก จึงตระหนักได้ว่าตัวเองเปิดเผยข้อมูลมากเกินไป ก็รีบพูดเสริมขึ้นมา "คำสั่งเสียของจิ คือให้คุณซูเป็นคนดูแลลูกครับ"พ่อแม่ของจิเหยียนโจว เป็นคนเห็นแก่ผลประโยชน์มาโดนตลอด ตอนที่จิเชื่อฟัง ก็จะให้เขาเป็นทายาท พอไม่เชื่อฟังปุ๊บ ก็ยอมยกอำนาจการสืบทอดให้กับหลานชายหุ่นเชิดที่อยู่ในการควบคุมของตัวเอง ดีกว่ายกให้จิ สามีภรรยาคู่นี้ยังปฏิบัติกับลูกชายแบบนี้ แล้วนับประสาอะไรกับหลานสาว?ซูหว่านเองก็เข้าใจตรรกะนี้ จึงรีบพูดต่อ "คำสั่งเสียนี้อยู่ในหนังสือสัญญา เขาให้ฉันเป็นคนดูแล"นายหญิงจิโมโหพวกเขาจนหัวเราะออกมา นี่มันตรรกะอะไร ปู่ย่าของเด็กก็ยังมีชีวิตแข็งแรงดีกันทั้งคู่ ทำไมต้องให้น้ามาดูแล?ในใจของนายหญิงจิคิดแบบนั้น ทว่าก็รับปาก "คุณ
เธอถือโกศไว้ ลูบไปมาสองสามที "พี่ ต่อไปฉันจะไปเยี่ยมที่อังกฤษบ่อยๆนะ"เธอพูดจบ ก็หยิบผ้าสีดำคลุมลงบนโกศซานซานกางร่มให้เธอ ทั้งสองคนต้อนรับโกศของชูยี กลับไปที่วิลล่าของซูหว่าน...หลังจากดำเนินการทั้งหมดนี้เสร็จ เวลาก็ผ่านไปสองวันพอดี ในระหว่างนั้น จี้ซือหานจะรายงานความปลอดภัยให้เธอทุกๆหนึ่งชั่วโมงเธอจึงไม่ได้เป็นห่วงขนาดนั้นอีก ทิ้งตัวลงบนเตียงด้วยความเหนื่อยล้า หลังจากที่หลับลึกไประยะนึง ก็ยื่นมือไปล้วงหาโทรศัพท์หลังหมอนเมื่อคืน จี้ซือหานส่งข้อความมาบอกเธอว่า กั่วกัวถูกเขาพาตัวกลับมาแล้วและเครื่องบินส่วนตัวของเขาจะถึงสนามบินเมืองเอในวันพรุ่งนี้เวลาสิบโมงเช้า สิบห้านาทีเธอมองเวลาแวบนึง คาดการณ์ว่าใกล้จะลงเครื่องแล้ว ถึงได้ควานรายชื่อผู้ติดต่อแล้วโทรหาเขา แต่เขาปิดเครื่องเธอนึกว่าเขายังไม่ได้ลงเครื่อง จึงลุกขึ้นมาอาบน้ำอาบท่า จัดการตัวเองเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็แพ็คเสื้อผ้าสองสามชุดหลังจากที่เตรียมตัวไปอังกฤษเสร็จ ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาใหม่ เห็นว่าเขาไม่ได้โทรกลับมา ในใจก็ดิ่งลงทันทีเธอนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง โทรหาจี้ซือหานอยู่หลายครั้ง ก็โทรติดตลอด ทว่าอีกฝ่ายไม่ได้รับส
พอเขาเอ่ยถึงกั่วกัว ซูหว่านถึงได้หันเหความสนใจไปที่กั่วกัวเมื่อเห็นเด็กน้อยที่เคยอ้วนตุ้บตั้บ จู่ๆก็ผอมลง ก็รู้สึกปวดใจทันทีเธอรีบคลายจี้ซือหานออก ยองตัวลงนั่ง กุมใบหน้าเล็กๆของกั่วกัว"กั่วกัว ทำไมหนูผอมลงขนาดนี้?"เมื่อเห็นคุณน้าของตัวเอง กั่วกัวก็เผยอริมผฃฝีปากเล็กๆสีชมพู ราวกับอยากจะพูดอะไร แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดออกมาเห็นท่าทางของกั่วกัวก้มหน้าลงเล่นของเล่นในมือ ไม่พูดอะไรสักคำ ในใจของซูหว่านก็เป็นทุกข์มากขึ้นต้องเป็นเพราะกั่วกัวถูกเคซีย์บังคับให้เล่นเกมยิงปืน เห็นพ่อแท้ๆของตัวเองตายไปต่อหน้าต่อตา ได้รับการกระทบกระเทือนทางจิตใจ ถึงได้กลายเป็นคนไม่พูดแบบนี้สินะ?จี้ซือหานฝืนร่างกายอันสั่นเทา แล้วอธิบายให้ซูหว่านฟัง "เธอได้รับบาดเจ็บ ทั้งยังมีปฏิกิริยาสนองต่อความเครียด หลังจากนี้ต้องพาไปพบจิตแพทย์"หลังจากที่เคซีย์บีบจิเหยียนโจวจนตาย ก็เริ่มทารุณเด็กขึ้นมา หลายวันมานี้ขังกั่วกัวที่เอาแต่ร้องห่มร้องไห้เอาไว้ในห้องมืดเล็กๆ แล้วยังใช้โซ่ตรวนล่ามเธอเอาไว้อีกด้วย ให้เธอกินข้าวกินน้ำเพียงน้อยนิด ถ้าเขามาไม่ทัน เกรงว่าเด็กคงจะมีชีวิตรอดไม่พ้นสามวันเมื่อได้ยินสิ่งที่กั่วกัวต้องเ
จี้ซือหานเปิดประตูรถออก ประคองซูหว่านข้าไปนั่งในรถ จากนั้นกัดฟันโน้มตัวลงนั่งข้างกายเธอเมื่อชายหนุ่มพิงลงบนเก้าอี้เบาๆ แม้แต่เส้นผมที่ร่วงลงมาปรกใบหน้า ก็ยังสั่นตามไปด้วย...ซูชิงที่นั่งอยู่ข้างหน้า เห็นเขาเจ็บจนสภาพเป็นแบบนี้ มือที่อุ้มกั่วกัวอยู่ ก็เผลอออกแรงโดยไม่รู้ตัวเมื่อกี้ตอนที่จี้ซือหานอยู่ต่อหน้าซูหว่าน แผ่นหลังหันมาทางเขาพอดี เขาก็เลยได้เห็นชัดเต็มสองตาเสื้อเชิ้ตราคาแพงตัวนั้น ด้านบนเปื้อนเลือดเป็นหย่อมๆ ราวกับดอกไม้ที่กำลังเบ่งบานเขาตกใจจนเกือบร้องออกมา ทว่านิ้วมือที่พาดหลังของชายหนุ่ม กลับทำสัญลักษณ์ให้เขาอย่างรวดเร็ว...เมื่ออยู่ต่อหน้าคุณซู ดูเหมือนประธานจี้จะไม่เห็นความเป็นความตายของตัวเองอยู่ในสายตา เขาไม่ยอมแม้แต่จะทำให้เธอกังวลซูชิงไม่อาจสาธยายออกมาได้ว่า ความรักที่ประธานจี้มีต่อคุณซูมันลึกซึ้งมากขนาดไหน ได้แต่เรียกให้คนขับขับเร็วอีกหน่อย เร็วกว่านี้อีกหน่อย...แม้ว่าชายหนุ่มจะเข็บจนเหงื่อผุดออกมาเต็มหน้าผาก แต่ก็ยังกอดเธอเอาไว้ในอ้อมกอดแน่น ไม่ได้เจอกันตั้งหลายวัน คิดถึงเธอสุดๆเลยซูหว่านเงยหน้าขึ้นมองเขาหลายครั้ง แต่ก็ถูกเขากดศีรษะเอาไว้ ไม่ให้เงยหน้า
คำว่าคุณเจียง จริงๆแล้วก็น่ากลัวไม่น้อย พอซูชิงได้ยินหัวใจก็กระตุกตามไปด้วย แต่..."คุณเจียงรักประธานจี้มากไม่ใช่หรอ? ทำไมอยู่ดีๆถึงได้ลงไม้ลงมือทำร้ายเขา?"คุณเจียงเป็นคนน่ากลัวก็ใช่อยู่ แต่เขาปฏิบัติต่อประธานจี้ แตกต่างกับที่ปฏิบัติต่อคนอื่นไม่เคยลงโทษประธานจี้ ทั้งยังเชื่อมั่นเขายิ่งกว่าใครๆ ที่สำคัญเมื่อประธานจี้บรรลุนิติภาวะ ก็ยกSให้กับเขาทันทีความรักที่ลำเอียงแบบนี้ แม้แต่ลูกบุญธรรมชายหญิงของคุณเจียงก็ยังไม่ได้รับด้วยซ้ำอาเจ๋อเองก็ไม่รู้จะเล่าสถานการณ์ซับซ้อนในตอนนี้ของSยังไง ได้แต่อธิบายสั้นๆไม่กี่ประโยค"คุณเจียงไม่ให้คุณผู้ชายเข้าไปยุ่งเรื่องของตระกูลจิกับราชวงศ์ แต่คุณผู้ชายไม่ฟัง จะเข้าไปยุ่งให้ได้ ก็เลยทะเลาะกับคุณเจียง..."ซูชิงขมวดคิ้ว "พวกเขาสองคนก็ทะเลาะกันเป็นปกติอยู่แล้วไม่ใช่หรอ? ที่สำคัญครั้งนี้ก็ไม่ได้ทำการโดยใช้สถานะของคุณเย่ คุณเจียงจะกลัวอะไร?"อาเจ๋อโบกมือ "พูดให้ฟังไม่ถูก เอาเป็นว่าคุณเจียงรับปากว่าให้เขาไปเอาตัวเด็กกลับมาได้ ขอแค่ถ้าได้ตัวเด็กแล้ว ต้องไปสถานที่นึงกับคุณเจียง สถานที่นั้นจะบอกยังไงดีล่ะ หลังจากที่คุณผู้ชายไป ก็จะต้องออกจากองค์กร จากน
แม้ว่าจะแค่แง้มประตูออกมาเพียงเล็กน้อย แต่กลิ่นคาวเลือดที่อยู่ข้างในก็ยังโชยออกมาอย่างล้นหลามเมื่อได้กลิ่นคาวเลือด ซูหว่านก็ตกใจจนแข้งขาอ่อนแรง ทว่ายันร่างกายเอาไว้ ผลักหมอออก แล้วสาวขาเดินเข้าไปซูชิงกับอาเจ๋อกับลำทำความสะอาดคราบเลือดบนพื้น เห็นซูหว่านพุ่งเข้ามา ทั้งสองคนก็ตกใจจนหยุดการเคลื่อนไหวเช่นเดียวกับบรรดาหมอ"คุณ...คุณซู?"เธอยังไม่ได้กลับหรอกหรอ?ดวงที่ตาคละคลุ้งด้วยน้ำตาของซูหว่าน มองผ่านเลือดบนพื้น ไปยังชายหนุ่มที่หลับสนิทอยู่บนเตียงแผ่นหลังที่แข็งแรงบึกบึน ได้รับการฆ่าเชื้อ ทายา แต่ยังไม่ได้พันแผล รอยมีดเหวอะหวะ สะดุดตาตั้งแต่แรกเห็นผ้าปูที่นอนเบื้องล่างตัวเขา อาจเพราะยังไม่ทันได้เปลี่ยน เต็มไปด้วยเลือดที่รินไหลลงมายังพื้นที่ละนิดเห็นชายหนุ่มที่เย็นชาสูงส่งและเหยียดหยามโลกทั้งใบในเวลาปกติ ตอนนี้กลับอ่อนแอไม่ต่างอะไรกับเด็กคนนึง ซูหว่านก็เสียศูนย์อย่างสิ้นเชิงเธอเดินโซเซมาใกล้เตียง ย่อตัวลง ยื่นมือสั่นเทาออกไปหวังจะลูบบาดแผลนั่น แต่ก็กลัวจะทำเขาเจ็บเธอลูบไล้ไปมาบนอากาศนิดหน่อย จากนั้นวางมือลงบนหลังมือที่เห็นเส้นเลือดเรียงสวยงาม แตะเขาเบาๆเมื่อสัมผัสได้ว่าม
เดิมทีซูหว่านนั้นเศร้ามาก เมื่อได้ยินประโยคนี้ ก็ถึงกับเหม่อ"คุณบาดเจ็บถึงขนาดนี้ ทำไมยังมีอารมณ์มาคิดเรื่องพรรค์นี้ได้อีก?"ชายหนุ่มที่ตอนแรกก็ไม่ได้คิดลึก เมื่อเห็นเธอทำหน้าซื่อ พร้อมกับร้องไห้ไปด้วย ดวงตาแดงก่ำ ก็ถูกปกคลุมด้วยความปรารถนาขึ้นมาไม่น้อยอืม...จู่ๆเขาก็นึกถึงครั้งก่อน ภาพที่กดเธอลงบนพรม ทรมานจนเธอร้องไห้ครางอ้อนวอนออกมา...ลูกกระเดือกเคลื่อนไหวขึ้นลง บริเวณท้องน้อยบีบตัวแน่น แต่ก็ได้แค่จินตนาการ "ถ้าไม่ใช่เพราะบาดเจ็บอยู่ สองสามวันนี้เธอออกไปจากคฤหาสน์หลังนี้ไม่ได้แน่"แค่เห็นหน้าเธอ ก็อยากจะทำเธอทั้งวันทั้งคืน อยากได้ร่างกาย อยากได้หัวใจของเธอ โดยไม่จำเป็นต้องมีเหตุผล นั่นถึงจะเติมเต็มความปรารถนาของเขาได้ซูหว่านไม่รู้ว่าจะต่อบทสนทนากับเขายังไง เหม่อมองเขาไปหลายอึดใจ จากนั้นเปลี่ยนเรื่อง "กระหายรึเปล่า ดื่มน้ำไหม?"จี้ซือหานกลับสู่อารมณ์ปกติ แล้วส่ายหน้าเบาๆ "หว่านหว่าน ฉันจะให้ซูชิงส่งเธอกลับไปพักผ่อน ไม่ต้องเป็นห่วงฉัน"เขาไม่อยากให้เธอหักโหมเกินไป ซูหว่านก็เข้าใจดี แต่เขาต้องมีคนคอยดูแล แล้วเธอจะไม่สนใจไยดีได้ยังไง?ซูหว่านยกมือเรียวขึ้นลูบใบหน้าซีดขาวของจ
ช่างเสื้อหยิบชุดเจ้าสาวชุดนั้นลงมา เมื่อสัมผัสโดนเนื้อผ้าและเพชรที่ประดับอยู่ด้านบน ก็อึ้งไปชุดแต่งงานชุดนี้เต็มไปด้วยผ้ากอซสีอ่อนหลายชั้น ประดับด้วยดอกกุหลาบและเพชรที่ทอจากผ้าซาตินเนื้อนุ่ม ตัวชุดเป็นสีขาวคริสตัลเรียบง่ายและวิจิตรงดงามด้วยเพชรที่ถูกเย็บเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ส่องประกายด้วยเสน่ห์อันงดงามและสง่างามจนน่าทึ่งถ้าดูไม่ผิด หากอ่านไม่ผิด นี่คือชุดแต่งงานเพียงชุดเดียวในโลกที่ถูกออกแบบโดยดีไซน์เนอร์ชุดแต่งงานชื่อดังระดับโลกหลายปีก่อน ชุดเจ้าสาวชุดนี้ถูกเก็บเอาไว้ในห้องนิทรรศการที่ต่างประเทศ แต่ต่อมาได้ยินว่าถูกคนซื้อไปในราคาสูงลิ่วคิดไม่ถึงว่าคนที่ซื้อชุดเจ้าสาวไป จะเป็นท่านประธานของกลุ่มบริษัทจี้ ถ้าไม่ได้รักอีกฝ่ายจริง จะยอมจ่ายหนักขนาดนี้ได้ยังไง?ที่สำคัญอีกชุดนึงที่อยู่ในตู้ ราคาก็ไม่ธรรมดา ดูก็รู้ว่าเป็นรุ่นลิมิเต็ด เดาว่าก็น่าจะมีแค่ชุดเดียว ไม่ซ้ำใคร"คุณนายจี้ ท่าทางคุณผู้ชายจะรักคุณมากเลยนะคะ..."ซูหว่านได้ยินคำพูดของช่างเสื้อ ก็พยักหน้าอย่างไม่ปิดบังผู้ชายคนนั้นรักเธอมาก รักจนยอมมอบทุกอย่างให้กับเธอ รักจนยอมตายไปพร้อมกับเธอเธอคิดว่าชีวิตที่เหลืออยู่หล
ซูหว่านพยักหน้าด้วยความเข้าใจ "ก็ได้ค่ะ ฉันเอาตามที่คุณพูด ตอนนี้ถ้าคุณไม่ขึ้นเครื่องบิน ก็ต้องขึ้นรถพยาบาลก่อน..."ถ้ายังไม่ห้ามเลือดอีก เขาจะทนไม่ไหวเอา จี้ซือหานเห็นว่าเธอเป็นห่วงเขา ถึงได้จับมือเธอขึ้นเครื่องบินอย่างว่าง่ายคืนนี้ ซูหว่านเฝ้าอยู่ข้างกายจี้ซือหาน รอหมอห้ามเลือด เย็บแผล เปลี่ยนยาให้เขาเสร็จ เธอถึงได้โล่งใจเมื่อเห็นว่าฟ้าเริ่มสาง ซูหว่านก็รู้สึกว่าไม่น่าจะจัดงานแต่งได้ จึงเอ่ยข้อเสนอกับเขา "หรือเลื่อนออกไปวันนึงไหม"ชายหนุ่มที่ถือผ้าขนหนูช่วยเช็ดผมให้เธอ พูดด้วยความแน่วแน่ "ไม่ได้ ยังไงวันนี้ก็ต้องจัดงานแต่ง!"ซูหว่านที่เพิ่งแช่น้ำอุ่นในอ่างอาบน้ำ อุงไอน้ำร้อนๆในมือ หันกลับไปมองเขา "แต่แผลของคุณ..."จี้ซือหานพูดอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น "ต่อให้แผลจะใหญ่กว่านี้ ก็ไม่สำคัญเท่ากับการจัดงานแต่ง"ซูหว่านยังอยากพูดอะไรอีก แต่จี้ซือหานหยิบไดร์ขึ้นมาเป่าผมให้เธอจากนั้น ขับรถไปส่งเธอที่วิลล่าของซานซานด้วยตัวเอง โดยไม่สนคำทัดท้านของเธอ"สิบเอ็ดโมง ฉันจะพาคนของตระกูลจี้ มารับเธอ"กำหนดการณ์เดิมคือสิบโมง แต่กลัวว่าเธอจะเหนื่อยเกินไป อยากให้เธอพักผ่อนกว่านี้อีกหน่อย ชาย
จี้ซือหานกอดเธอ สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากร่างกายของเธอ หัวใจที่เจ็บปวดจนชา ก็ค่อยๆสงบลงเขาคลายซูหว่านออก เห็นร่างกายของเธอเปียกปอนไปทั้งตัว ทั้งยังสั่นระริกด้วยความหนาวเหน็บ หัวใจก็เจ็บแปล๊บขึ้นมาอีก"คนที่ควรพูดขอโทษคือฉัน ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน เธอก็ไม่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้""คุณพูดอะไรโง่ๆ เราเป็นสามีภรรยากัน ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ ก็ต้องรับผิดชอบร่วมกันสิ"ซูหว่านพูดจบ ก้มหน้าลงมองมือตัวเองแวบนึง เมื่อเห็นเลือดที่เลอะเต็มมือ ใบหน้าก็ซีดไปทันที"แผลที่หลังของคุณฉีกแล้ว รีบขึ้นรถพยาบาลเถอะ..."เมื่อกี้เธอนึกว่าเป็นน้ำทะเล ไม่คิดว่าทั้งหมดนั้นล้วนเป็นเลือด แผลที่หลังจะต้องฉีกออกแล้วแน่ๆ!ซูหว่านควงแขนของเขาได้ ก็เตรียมจะเดินไปยังทิศทางของรถพยาบาล ทว่าจี้ซือหานกลับดึงเธอกลับมา"หว่านหว่าน แผลแค่นี้ไม่เท่าไหร่หรอก"เขาพูดจบ ก็มองเจียงโม่ที่ยืนห่างออกไปไม่ไกลแวบนึง"จับตัวเธอ แล้วค่อยแจ้งคุณเจียง ให้เขามาไถ่ตัวด้วยตัวเอง ไม่งั้นก็ปลดชีวิตเธอซะ!"คำพูดนั้นเขาพูดกับซูชิง ซูชิงรีบรับคำสั่งทันที "ครับ ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้!"เจียงโม่ที่คาดเดาได้ตั้งแต่แรกว่าคุณเย่ไม่มีทางปล่อยเธอ เห็นซ
ซูหว่านครุ่นคิด ก่อนจะถามเขา "คุณแซ่ชู งั้นคุณรู้จัก..."ชูยีไหม?ยังไม่ทันจะได้เอ่ยคำนี้ออกไป ก็ถูกชูจิ่นเหยียนตัดบท "ผมจะส่งคุณกลับไป"ซูหว่านได้ยินดังนั้น ก็กลืนคำพูดลงไป ขมวดคิ้วมองเขา "ลำบากแทบตายกว่าฉันจะหนีออกมาได้ จะส่งกลับไปทำไม?"ชูจิ่นเหยียนกรอกตาใส่เธออย่างหมดคำพูด "ผมหมายความว่า จะส่งคุณกลับบ้าน..."ซูหว่านจึงได้พยักหน้า ลุกขึ้นจากหาดทราย เธอต้องรีบกลับไปบอกจี้ซือหาน...ว่าเธอหนีออกมาแล้ว เธอปลอดภัย เธอไม่ได้กลายเป็นภาระของเขา และเขาก็ไม่ต้องถูกแบล็กเมล์อีกหลังจากที่เธอขึ้นฝั่งมากับชูจิ่นเหยียน ก็เห็นรถพยาบาลคันแล้วคันเล่าขับตรงไปยังบีชคลับอย่างรวดเร็วฝีเท้าของเธอชะงัก ช้อนสายตามองไปยังชายหาดที่อยู่ห่างไกล มองเห็นร่างมนุษย์ไม่ชัด เห็นแต่เรือลำเล็กลำใหญ่แล่นลงทะเลทีละลำซูหว่านทอดสายตาลงต่ำครุ่นคิดอยู่สักครู่ เอาแต่รู้สึกว่าเจียงโม่ไม่น่าจะส่งคนจำนวนมากขนาดนั้นมาตามหาและช่วยชีวิตเธอ หรือว่าจี้ซือหานมาแล้ว?ถ้าจี้ซือหานมาถึงแล้ว รู้ว่าเธอกระโดดลงทะเล เกรงว่าจะทำให้เขาตกใจมาก เพราะคิดมาถึงตรงนี้ซูหว่านก็เปลี่ยนความคิด"เราไปดูตรงนู้นหน่อยเถอะ?"ไปดูแปบนึง ถ้าจี้
ซูหว่านที่พยายามหนีถึงสามครั้งแต่ก็ถูกจับกลับมาได้ทุกครั้ง หันกลับมามองเจียงโม่ที่เดินตามหลังเป็นระยะๆเธอเห็นเอาแต่รับโทรศัพท์ตลอดเวลา ราวกับกำลังปรึกษาเรื่องอะไรอยู่ เพราะระยะค่อนข้างห่าง จึงได้ยินไม่ชัด แต่บางครั้งก็จะได้ยินแค่ชื่อของจี้ซือหานเธอไม่รู้ว่าจี้ซือหานรับปากหรือไม่ แล้วก็ไม่รู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง รู้แค่ว่าตัวเองจะกลายเป็นภาระของจี้ซือหานไม่ได้เธอมองไปยังผืนน้ำทะเลที่สาดเป็นคลื่นดุเดือด หลังจากมองอยู่หลายอึดใจ ก็กระโดดเข้าไปในทะเลโดยไม่ลังเล...เธอเคยพูดว่าถ้าหากมีใครเอาตัวเธอเพื่อไปข่มขู่จี้ซือหาน ถ้างั้นเธอก็จะไม่ยอมกลายเป็นตัวถ่วงของเขาเด็ดขาดเจียงโม่ที่กำลังเกลี้ยกล่อมพ่อบุญธรรมว่าอย่าแบล็กเมลล์จี้ซือหานอีก ได้เห็นภาพช็อตนั้น ก็ตกใจจนหน้าซีดในทันที"ซูหว่าน!"เธอกรีดร้องออกมาทีนึง โยนโทรศัพท์แล้วพุ่งลงไปในทะเลเพื่อช่วยชีวิต ทว่าถูกร่างใครบางคนพุ่งตัดหน้าเข้ามาก่อน...เสียงกระโดดลงทะเลดัง "ตู้ม" ของชูจิ่นเหยียน ว่ายเข้าไปหาร่างเล็กบางที่พุ่งเข้าไปในคลื่นทะเลด้วยความแข็งขันเจียงโม่ที่อยู่บนชายหาด ตอนแรกยังพอจะเห็นร่างของทั้งสองคนลอยอยู่เหนือผิวน
ฝีเท้าของซูหว่านชะงักไปทันทีเธออยากจะหันกลับไปโต้ตอบเขาสักสองสามประโยค แต่ก็กลัวจะเสียเวลา จึงไม่ได้สนใจอีกฝ่าย แต่ผลักประตูห้องน้ำหญิงด้วยความรวดเร็วหลังจากที่เธอเข้าไปแล้ว ก็เดินสำรวจห้องน้ำรอบนึง เมื่อเห็นว่าด้านข้างมีหน้าต่างบานเล็ก ก็รีบเดินเข้าไปแล้วเปิดออกข้างนอกเป็นถนนหลวง แค่ปีนออกจากตรงนี้ไป ก็จะสามารถเดินไปถึงถนนหลวงได้ และโอกาสที่จะหนีรอดก็สูงมากทีเดียวเธอเองก็ขี้เกียจมานั่งคิดว่าหลังจากเดินไปถนนหลวงแล้วจะกลับไปยังไง จึงพับแขนเสื้อขึ้น แล้วปีนไปยังขอบหน้าต่างสูงชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนถนนหลวง เขางอขาข้างหนึ่งขึ้น มือข้างหนึ่งทาบบนเข่า กำลังสูบบุหรี่ไปพร้อมกับที่มองดูเธอปีนออกไปนอกหน้าต่างพิลึกคน!ถ้าอยากจะออก ก็เดินผ่านคลับ ออกจากมาประตูหลัก หรือไม่ก็ข้ามชายหาดมาก็ได้แล้ว ทำไมต้องปีนหน้าต่าง?"นี่!"เขาแหกปากคำนึง ทำเอาซูหว่านตกใจจนตกลงมาจากบนขอบหน้าต่าง...ซูหว่านล้มลงอย่างแรง เธอหน้าบูดบึ้งเนื่องจากความเจ็บปวด โชคดีที่ด้านล่างเต็มไปด้วยทราย ไม่อย่างนั้นคงได้กระดูกหักเธอตะเกียกตะกายขึ้นมาจากพื้น จ้องผู้ชายที่นั่งสูบบุหรี่อยู่บนถนนหลวงตาเขม็ง "นายเป็นโรคหรือไง
เจียงโม่ไม่หลงกล ซูหว่านจึงใช้เล่นแง่ในทางความรู้สึกแทน"คุณหนูเจียง คุณก็รู้ว่าคนที่จี้ซือหานแคร์ มีแต่ฉันมาโดยตลอด""คุณกักตัวเพื่อนของฉันไม่ยอมปล่อย ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรเท่าไหร่ ทำไมต้องให้คนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่มารับเคราะห์ด้วยล่ะ?"เจียงโม่จ้องดวงตาใสบริสุทธิ์ของซูหว่านนานอยู่สักพัก จากนั้นก็โบกมือ "ช่างเถอะ แค่คุณอยู่ก็พอแล้วล่ะ"เธอส่งคนไปโทรศัพท์ หลังจากที่เห็นอีกฝ่ายวางสาย ก็หันมาพยักหน้าให้เธอ แล้วจึงอธิบายให้ซูหว่านฟัง"เพื่อนของคุณไม่รู้ว่าตัวเองถูกลักพาตัว ฉันก็แค่ส่งคนไปก่อกวนพวกเขานิดหน่อย หลังจากที่คุณกลับไป อย่าพูดถึงเรื่องนี้ก็แล้วกัน"สรุปว่าที่ซานซานออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้า ที่อลันกับซีอี้ไม่ได้มาที่วิลล่า ไม่ใช่เพราะถูกลักพาตัว แต่ถูกคนของเจียงโม่สร้างสถานการณ์แต่ว่า ฟังจากความหมายของเจียงโม่ ถ้าเธอไม่มาล่ะก็ คตที่สร้างสถานการณ์กลุ่มนั้น จะต้องลงมือกับพวกซานซานเป็นแน่...เพียงแต่เพราะเจียงโม่คำนึงถึงจี้ซือหานหรือเธอ ถึงได้เลือกใช้วิธีนุ่มนวล ไม่งั้นลักพาตัวไปเลยก็จะง่ายกว่า...แต่ไม่ว่าคนที่เจียงโม่คำนึงเป็นใคร หรือไม่ว่าจะคิดยังไง มันก็ไม่สำคัญทั้งนั้น
ซูหว่านฟังเข้าใจความหมายที่แฝงในคำพูดของเจียงโม่ ก็ถามเธอว่า "ฉันขอกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนได้ไหม?"เจียงโม่อ่านความคิดของเธอออกทันที "คุณซู คิดถึงสถานการณ์ของเพื่อนคุณให้มากหน่อยก็ดีค่ะ"ความหมายอีกอย่างก็คือ มีชีวิตของเพื่อนเธออยู่ในกำมือ ถึงเธอจะใช้ข้ออ้างไปบอกบอดี้การ์ด หรือแหกปากร้องตะโกนก็ไม่มีประโยชน์ซูหว่านครุ่นคิด ปล่อยมือที่ประคองประตูรถมาตลอดลง ไพล่ไว้ด้านหลัง ทำสัญลักษณ์ให้กับบอดี้การ์ดหลังจากที่เธอส่งสัญญาณมือโดยเงียบเชียบเสร็จ ก็เปิดประตูรถ แล้วเข้าไปนั่งข้างในเห็นเธอขึ้นรถมาแต่โดยดี เจียงโม่ก็เขี่ยซิก้าร์ในมือจนมอด จากนั้นสตาร์ทรถ...ตอนที่เธอเหยียบคันเร่ง มองกระจกมองหลังแวบนึง บอดี้การ์ดกลุ่มนั้นตามมาดังคาดเจียงโม่ดึงสายตากลับ เหยียบคันเร่งจนมิด เลี้ยวผ่านไปไม่กี่โค้งก็สลัดบอดี้การ์ดสำเร็จถึงยังไงก็เป็นถึงระดับหัวหน้าของทีมย่อยในS การที่เจียงโม่สลัดบอดี้การ์ดทิ้งได้ ก็เป็นเรื่องที่ง่ายดายมากซูหว่านกำเข็มขัดนิรภัยแน่นถึงไม่โดนสะบัดออกจากรถไป ทว่าความรู้สึกพะอืดพะอมในท้องกลับทำให้เธออยากอ้วกเธอกุมหน้าอกที่เต้นระรัว อดกลั้นความรู้สึกสะอิดสะเอียนไว้ มองไปย
นิ้วของเจียงโม่ที่คีบซิการ์ เคาะขี้เถ้าเบาๆ"คุณซู มีใครเค้าพาสามีไปร่วมปาร์ตี้คนโสดกันบ้าง?"การที่เจียงโม่จะปฏิเสธ เป็นสิ่งที่คาดเดาไว้ได้อยู่แล้ว เพียงแต่ทำไมล่ะ?ที่เจียงโม่เชิญเธอไปร่วมงานปาร์ตี้คนโสด ก็เพราะอยากให้เธอสอนว่าจะจีบเจียงเจ๋อยังไงไม่ใช่หรอ?งั้นถ้าเธอจะพาจี้ซือหานไปด้วย ก็ไม่ได้หน่วงต่อการสอนเจียงโม่จีบเจียงเจ๋อไม่ใช่หรอ?เธอคิดว่าบางทีเจียงโม่อาจจะอยากอาศัยปาร์ตี้นี้เพื่อพาตัวเธอไป ส่วนเป้าหมายคืออะไร เกรงว่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เจียงเจ๋อคุยกับจี้ซือหานหลังจากที่ซูหว่านคิดได้ดังนั้น ก็มองเจียงโม่ด้วยสายตาที่จริงใจ"คุณหนูเจียง ฉันกับจี้ซือหานถูๆไถๆกันมาเกือบสิบปี กว่าจะได้แต่งงานกันไม่ง่ายเลย ฉันไม่อยากให้เกิดเรื่องไม่คาดฝันอะไรขึ้นก่อนวันแต่งงาน""พรุ่งนี้เช้า ฉันแค่อยอยากสวมชุดแต่งงานที่เขาส่งมาให้ แต่งให้เขาด้วยสภาพร่างกายจิตใจที่สมบูรณ์แบบที่สุด หวังว่าพวกคุณจะช่วยให้เราสมหวังด้วย"ตอนที่พูดสิ่งเหล่านี้ เธอเห็นสีหน้าของเจียงโม่ เปลี่ยนไปเล็กน้อย ก็รู้ได้ทันทีว่าเจียงโม่มีจุดประสงค์อย่างแท้จริง จึงยกริมฝีปากยิ้ม"คุณหนูเจียง ถ้าคุณอยากให้ฉันสอนคุณจีบ