ถ้าปะปี๊เป็นคนยิงอาแปลกด้วยตัวเองล่ะก็ อาแปลกจะต้องเหมือนกับลุงบอดี้การ์ดคนนั้น เลือดสาดมาโดนตัวของเธอ ปิดตาหลับไปตลอดกาลถ้าเธอเป็นคนยิง บางทีกระสุนอาจจะไม่ออกมา และอาแปลกก็อาจจะมีโอกาสรอดคิดมาถึงตรงนี้ กั่วกัวก็ตั้งท่าที่ถูกต้องตามมาตราฐาน ชูปืนในมือขึ้น แล้วลั่นไกอย่างเฉียบขาด..."ไม่!"จอร์จที่กระเสือกกระสนจากห้องใต้ดินมาจนถึงตรงนี้ เห็นภาพช็อตนั้น ก็ตกใจจนตะโกนร้องออกมา"กั่วกัว หนูจะฆ่าพ่อแท้ๆของตัวเองไม่ได้!"ถึงกระนั้น กั่วกัวก็ลั่นไกออกไปแล้ว...ที่โชคดีก็คือ มันไม่มีลูกกระสุน เป็นเพียงการยิงลม!กั่วกัวที่ถือปืนอยู่ ก็โล่งอกในทันทีจอร์จที่คลานอยู่บนพื้น สีหน้าตึงเครียดของเขาก็คลายลงเช่นเดียวกันมีเพียงผู้ชายที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ จ้องกั่วกัวด้วยใบหน้าขาวซีด...ลูกสาวของเขา ได้ตกเป็นเครื่องมือแก้แค้นให้กับเคซีย์โดยสมบูรณ์แบบน่าขำ!ทั้งที่เขาสามารถให้การศึกษา ให้ชีวิตที่ดีกว่านี้กับกั่วกัวได้ แต่เพราะอีโก้ของตัวเองที่ทำลายกั่วกัว!ที่ชีวิตตอนนี้ตกต่ำมาจนถึงจุดนี้ น่าจะเป็นการลงโทษที่สวรรค์มอบให้เขาล่ะมั้ง?แต่มันสมควรเป็นเขา ไม่ใช่กั่วกัว!ทำไมต้องให้กั่วกัวเล่น
ร่างกายของกั่วกัวแข็งทื่อในทันที ค่อยๆช้อนดวงตาที่คละคลุ้งไปด้วยน้ำตาขึ้นมา มองคนที่ใช้ปืนกดลงบนหัวของเธอ"ปะปี๊ จะฆ่าหนูหรอคะ?""ไม่ ปะปี๊แค่อยากเล่นเกมกับหนูเฉยๆ"เคซีย์ยื่นมือไปหากั่วกัว"กั่วกัว มา มาเล่นเกมยิงปืนกับปะปี๊ต่อ"กั่วกัวส่ายหน้า ยื่นมือเล็กๆออกไปกอดรอบคอของอาแปลกเธอห้อยตัวอยู่บนร่างของเขาแน่น ไม่ว่ายังไงก็ไม่ยอมยิงอีกแล้วเมื่อเห็นภาพนั้น รอยยิ้มในแววตาของเคซีย์ค่อยๆจางลง"กั่วกัว หนูไม่เชื่อฟังแล้วนะ เด็กไม่ดีที่ไม่เชื่อฟัง จะต้องถูกลงโทษนะคะ"กั่วกัวนึกถึงทุกครั้งที่ไม่เชื่อฟังแล้วจะถูกปะปี๊ขังเอาไว้ในห้องเล็กๆมืดๆ ก็ตกใจจนหน้าเล็กๆซีดเมื่อสัมผัสได้ถึงร่างเล็กๆในอ้อมกอดสั่นไม่หยุด หัวใจของจิเหยียนโจวก็เจ็บแปล๊บขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุความเจ็บปวดนั้นมันแฝงไว้ด้วยความเจ็บใจ ความปวดใจ ความรู้สึกผิด แต่ความนึกเสียดาย ความรู้สึกซับซ้อนที่ไม่อาจอธิบายเป็นคำพูดได้ ทำให้เขาแทบหยุดหายใจเขากอดกั่วกัวแน่น จากนั้นคลายกอดออก ยื่นมือที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดปูด คว้ากระบอกปืนที่กดอยู่บนหัวกั่วกัวเอาไว้เขาอยากจะแย่งปืนกระบอกนั้นมา แต่ยิงเคซีย์ให้ล้มลงสักนัด!อย่างไรก็ต
ระหว่างพ่อและลูกสาว มักจะมีความประหลาดเสมอ แค่มองตากันก็เข้าใจได้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรจิเหยียนโจวยกนิ้วมือขึ้นประคองแก้มป่องๆของกั่วกัวอย่างนุ่มนวล แล้วพูดกับเธอด้วยความจริงจัง"กั่วกัว ที่ปะปี๊ของหนูเพิ่งพูดเมื่อกี้ ทั้งหมดเป็นแค่เรื่องโกหก เขากำลังเล่นเกมกับหนูอยู่"เขาสัมผัสได้ เกรงว่าวันนี้ตัวเองจะไม่ได้ออกไปจากวิลล่าแห่งนี้แล้วล่ะถ้าโชคชะตากำหนดมาแล้วว่าวันนี้เป็นวันตายของเขา ถ้าอย่างนั้นเขายอมให้กั่วกัวไม่รู้ตลอดชีวิตว่าเขาคือพ่อของเธอเขาไม่เคยได้ทำหน้าที่ของพ่อ แล้วก็ไม่เคยได้ดูแลกั่วกัว เขาไม่สมควรให้ลูกสาวที่ดีขนาดนี้มาเรียกเขาว่าพ่อนิ้วมือของจิเหยียนโจว ลูบตั้งแต่คิ้วและตาของกั่วกัวมาจนถึงบ่า แม้จะอาวรณ์มากเหลือเกิน แต่ก็จำต้องปล่อยเธอเมื่อสัมผัสได้ว่าอาแปลกจะปล่อยตัวเองออก ในใจของกั่วกัวก็โหวง รีบกอดเขาแน่น แล้วร้องไห้โฮ"อาแปลก อาแปลก รีบพูดขอโทษปะปี๊สิคะ ปะปี๊จะปล่อยแน่นอน เขาจะต้องปล่อยอาแน่นอน!"กระทั่งวินาทีนี้ เธอก็ยังเชื่อมั่นว่าปะปี๊เคซีย์ของเธอ จะยอมออมมือให้กับจิเหยียนโจวเพราะเธอ...เธอไม่อยากไปนั่งคิดวิเคราะห์ว่าตกลงแล้วใครคือปะปี๊ของเธอกันแน่ เธอร
หลังจากที่จิเหยียนโจวคิดได้ ก็ยกนิ้วเรียวยาวขึ้น ลูบกระบอกปืน ขณะเดียวกันก็ช้อนสายตาขึ้นมองกั่วกัวที่ยืนอยู่ด้านล่างของม่าน กำลังรอให้เขาลั่นไกอย่างว่าง่ายใบหน้าเล็กๆที่มีแก้มป่อง ทั้งโครงหน้าและเครื่องหน้าล้วนเหมือนกับเขามาก ทว่าดวงตากลับเหมือนชูยี ดวงตาที่สดใส เป็นประกาย และบริสุทธิ์ดวงตาที่บริสุทธิ์แบบนี้ จะให้ภาพคาวเลือดมาทำให้เกิดมลทินไม่ได้...จิเหยียนโจวมองกั่วกัว คลี่ดวงตาและคิ้วออก ยิ้มสบายๆ"กั่วกัว รับปากอาแปลกเรื่องนึงนะ...""ค่ะ"กั่วกัวไม่แม้แต่ถาม ก็พยักหน้าทันทีอย่างว่าง่ายจิเหยียนโจวเห็นเธอเป็นเด็กดีขนาดนั้น ก็ไม่อาจทำใจจากลูกสาวของตัวเอง ทว่าต้องฝืนเอ่ยปากออกมา"หนูหันหลังไปก่อน"กั่วกัวหันหลังไปอย่างเชื่อฟังเมื่อมองแผ่นหลังเล็กๆจ้ำม่ำนั้น ดวงตาของจิเหยียนโจวก็แดงขึ้นมาอีกครั้ง"กั่วกัว อีกเดี๋ยวถ้าได้ยินเสียงปืนอย่าหันกลับมา นอกจากจะได้ยินอาเรียกชื่อของหนู เข้าใจไหม??""เข้าใจแล้วค่ะ!"กั่วกัวรับปากเสียงดัง จนทั้งห้องดูหนังกึกก้องไปด้วยเสียงเจื้อยแจ้งของเธอหัวใจของจิเหยียนโจวอบอุ่นขึ้นทันที ดวงตาที่ทอดลงต่ำ มีน้ำตาพรั่งพรูออกมาและร่วงหล่นใส่หลังมือ
เมื่อเห็นเลือดที่มากมายขนาดนั้น ไม่นานกั่วกัวก็เข้าใจทันทีเมื่อกี้อาแปลกไม่ได้ยิงมายังเธอ แต่เลือกที่จะลั่นไกใส่ตัวเองเพื่อปกป้องเธอ อาแปลกจึงใช้ตัวเองเป็นเป้า...เธอต้องไปดูอาแปลก ต้องไปดูเขาหน่อย...ความตั้งใจอันแรงกล้า ทว่ากลับดิ้นไม่หลุดจากพันธนาการของบอดี้การ์ดกั่วกัวที่ไร้ซึ่งหนทาง ทันใดนั้นก็ร้องไห้ออกมา ร้องจนเสียงดัง..."อาแปลก อาลุกขึ้น แล้วมาอุ้มหนูได้ไหม?"จิเหยียนโจวนั่งอยู่บนเก้าอี้ ยังคงรักษาท่าทีสงบและสบายๆเขามองกั่วกัวจากไกลๆ ริมฝีปากสั่นเทา โอ๋เธอด้วยความยากลำบาก"กั่วกัว...ไม่ร้อง..."ตอนที่เขาเอ่ยปากพูดประโยคนี้ เลือดในร่างกาย ก็ทะลักตามออกมาด้วยเลือดที่พรั่งพรูออกมาอย่างควบคุมไม่อยู่ ทำเอากั่วกัวตกใจจนหน้าซีด"ปะปี๊ รีบไปช่วยอาแปลกของหนู รีบไปช่วยเร็วเข้า..."ผู้ชายที่ถูกเธอเรียกว่าปะปี๊ กลับไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ยังเยียบย่างรองเท้าบูททหารเดินไปตรงหน้าจิเหยียนโจว แล้วแค่นเสียเย็นใส่เขา"เหยียนโจว ไม่คิดเลยนะ ว่าแกเองก็มีวันนี้ด้วย..."เคซีย์ลูบเลือดสดๆที่ไหลออกมาจากริมฝีปากของจิเหยียนโจว ลูบไล้เลือดที่อยู่บนนิ้วสองสามที จากนั้นโน้มตัวลงมองหน้าเขา"
ณ วิลล่าของซานซาน ในห้องหนังสือซูหว่านกำลังถือไม้บรรทัดวัดภาพ แม้ว่าเธอจะเพ่งสมาธิมากแล้วก็ตาม แต่เส้นที่วาดออกมาก็ยังเบี้ยวอยู่ดีหัวใจกระสับกระส่ายมาก เหมือนว่าสูญเสียอะไรบางอย่างไป มันส่งผลต่อความรู้สึกของเธอขึ้นมาแบบแปลกๆจิตใจของเธอไม่สงบอย่างที่สุด ก็ยอมวางดินสอวาดรูปลง ทิ้งตัวลงในเก้าอี้ แล้วนวดขมับ...โทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างโต๊ะหนังสือ ตอนนี้เองก็ดังขึ้นมาซูหว่านเห็นว่าเป็นจี้ซือหานที่โทรเข้ามา ก็ยื่นมือไปกดรับสาย แล้วเปิดสปีกเกอร์"ซือหาน เป็นยังไงบ้าง คุณได้เจอจิเหยียนโจวหรือยังคะ?"ปลายสายเงียบไปชั่วอึดใจ น้ำเสียงเย็นน่าฟังจึงดังเข้ามาในหูของซูหว่าน"หว่านหว่าน มาเจอจิเหยียนโจว เป็นครั้งสุดท้าย"หัวใจของซูหว่านหยุดเต้นไปทันใด รู้สึกเจ็บและดิ่งไม่น้อยความรู้สึกนี้ไม่ใช่ของเธอ ทว่าเธอกลับถูกมันควบคุมเอาไว้เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา โซเซลุกขึ้น แล้วเผลอชนกับขอบโต๊ะโดยไม่ได้ตั้งใจเธอเจ็บจนร้องซี้ดออกมาทีนึง ชายหนุ่มที่อยู่ปลายสายขมวดคิ้วเข้ม เขาเดาได้อย่างชัดเจนว่าเธอกำลังร้อนใจ ทว่าไม่ได้พูดอะไร"เขาถูกส่งไปที่โรงพยาบาลของอลัน ฉันส่งคนไปรับเธอแล้ว"เมื่อซูหว่านตามม
มือของจิเหยียนโจวที่ลูบแก้มของเธอ วางลงอย่างหมดแรง ขณะที่ปลายนิ้วไล้ผ่านไปสัมผัสโดนผมลอนของเธอนั้น...ผมยาวแบบนั้น ชูยีไม่มีนี่นะในสายตาพร่ามัวของจิเหยียนโจว ค่อยๆปรากฎภาพเครื่องหน้าที่คลับคล้ายกับชูยี แต่ไม่เหมือนซะทีเดียวขึ้นมาที่แท้ เป็นซูหว่าน ไม่ใช่ชูยีนี่นาเขาจำผิดคนอีกแล้วในแววตาที่มีแสงสว่างขึ้นมาของจิเหยียนโจว ก็ค่อยๆมืดมิดลงเขาขยับสายตา เคลื่อนไปยังหัวใจดวงนั้น ทำให้เขารู้สึกสบายใจยิ่งกว่าสิ่งใด ราวกับสัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของเธอ"ซู...หว่าน..."เขาเอ่ยชื่อของเธอออกมาอย่างยากลำบาก ซูหว่านที่นั่งอยู่ข้างๆเห็นเขาได้สติกลับมา ก็รีบเช็ดน้ำตา แล้วขึ้นหน้าไปใกล้เขา"พี่เขย"ยังไงเธอก็ยังนับถือเขาเป็นพี่เขย แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะเคยปฏิบัติแบบนั้นต่อเธอความเมตตาของเธอ ทำให้จิเหยียนโจวทอดสายตาลงต่ำด้วยความรู้สึกผิดหลังจากเงียบไปหลายอึดใจ จู่ๆเขาก็ปริปาก พูดกับซูหว่านด้วยความจริงใจ "ขอ...โทษ...."บางทีมนุษย์เราพอใกล้จะตาย เขาก็เลยสำนึกได้ว่าตัวเองในอดีตนั้น สารเลวมากแค่ไหน คำขอโทษที่ช้าเกินไป จึงแสดงให้เห็นถึงความจริงใจมากซูหว่านรู้ว่าจิเหยียนโจวกำลังขอโทษตัวเอง ก็
เมื่อเห็นเธอรับปาก จิเหยียนโจวก็ยิ้มมุมปากอย่างรู้สึกปลดปล่อย ทว่าดวงตากลับเคลื่อนไปทางประตูด้วยความยากลำบาก...ตรงนั้นยังคงมีเงาเย็นชาสูงส่ง ยืนตัวตรงคุ้มกันอยู่ตรงประตูกระจกคำตอบที่ไม่ได้พูดออกมานั้น ชายหนุ่มที่อยู่นอกประตูน่าจะเข้าใจดีแต่เรื่องพวกนี้ล้วนไม่สำคัญอีกต่อไป ชีวิตนี้ของเขา จะรักแค่ชูยีคนเดียวมันเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะหรอ อาจจะเป็นตอนที่เธอขี่จักรยานไล่ตามรถของเขาอย่างคนเอาแต่ใจทุกครั้งที่เขามองเห็นเงา และรอยยิ้มที่มั่นใจเปิดเผยผ่านกระจกมองหลัง ก็มักจะยิ้มบางๆตามไปด้วยเสมอบางคนมักจะไม่เข้าใจความรัก ต้องรอให้ถึงวันที่สูญเสียไปแล้วถึงได้เข้าใจ และเขาก็เพิ่งตื่นรู้ได้ตอนที่มันสายไปกว่านั้นแล้ว...เมื่อใกล้ถึงความตาย ภาพความทรงจำในชีวิตก็ผุดขึ้นในหัวอย่างรวดเร็วราวกับความเร็วแสง...เขาเพิ่งจะรู้ว่าตัวเองรักชูยีเข้ากระดูกมาตั้งนานแล้ว แต่ถึงกระนั้น มันกลับสายเกินไปก่อนที่เขาจะปิดเปลือกตาลง มือสั่นเทาที่ยื่นออกไป อยากจะสัมผัสหัวใจของชูยีเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นพูดกับเธอสักคำชูยี ขอโทษ ฉันเองก็รักเธอแต่ เขาไม่มีแรงอีกแล้ว...สุดท้ายแล้ว จนวาระสุดท้าย เขาก็ไม