ถ้าปะปี๊เป็นคนยิงอาแปลกด้วยตัวเองล่ะก็ อาแปลกจะต้องเหมือนกับลุงบอดี้การ์ดคนนั้น เลือดสาดมาโดนตัวของเธอ ปิดตาหลับไปตลอดกาลถ้าเธอเป็นคนยิง บางทีกระสุนอาจจะไม่ออกมา และอาแปลกก็อาจจะมีโอกาสรอดคิดมาถึงตรงนี้ กั่วกัวก็ตั้งท่าที่ถูกต้องตามมาตราฐาน ชูปืนในมือขึ้น แล้วลั่นไกอย่างเฉียบขาด..."ไม่!"จอร์จที่กระเสือกกระสนจากห้องใต้ดินมาจนถึงตรงนี้ เห็นภาพช็อตนั้น ก็ตกใจจนตะโกนร้องออกมา"กั่วกัว หนูจะฆ่าพ่อแท้ๆของตัวเองไม่ได้!"ถึงกระนั้น กั่วกัวก็ลั่นไกออกไปแล้ว...ที่โชคดีก็คือ มันไม่มีลูกกระสุน เป็นเพียงการยิงลม!กั่วกัวที่ถือปืนอยู่ ก็โล่งอกในทันทีจอร์จที่คลานอยู่บนพื้น สีหน้าตึงเครียดของเขาก็คลายลงเช่นเดียวกันมีเพียงผู้ชายที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ จ้องกั่วกัวด้วยใบหน้าขาวซีด...ลูกสาวของเขา ได้ตกเป็นเครื่องมือแก้แค้นให้กับเคซีย์โดยสมบูรณ์แบบน่าขำ!ทั้งที่เขาสามารถให้การศึกษา ให้ชีวิตที่ดีกว่านี้กับกั่วกัวได้ แต่เพราะอีโก้ของตัวเองที่ทำลายกั่วกัว!ที่ชีวิตตอนนี้ตกต่ำมาจนถึงจุดนี้ น่าจะเป็นการลงโทษที่สวรรค์มอบให้เขาล่ะมั้ง?แต่มันสมควรเป็นเขา ไม่ใช่กั่วกัว!ทำไมต้องให้กั่วกัวเล่น
ร่างกายของกั่วกัวแข็งทื่อในทันที ค่อยๆช้อนดวงตาที่คละคลุ้งไปด้วยน้ำตาขึ้นมา มองคนที่ใช้ปืนกดลงบนหัวของเธอ"ปะปี๊ จะฆ่าหนูหรอคะ?""ไม่ ปะปี๊แค่อยากเล่นเกมกับหนูเฉยๆ"เคซีย์ยื่นมือไปหากั่วกัว"กั่วกัว มา มาเล่นเกมยิงปืนกับปะปี๊ต่อ"กั่วกัวส่ายหน้า ยื่นมือเล็กๆออกไปกอดรอบคอของอาแปลกเธอห้อยตัวอยู่บนร่างของเขาแน่น ไม่ว่ายังไงก็ไม่ยอมยิงอีกแล้วเมื่อเห็นภาพนั้น รอยยิ้มในแววตาของเคซีย์ค่อยๆจางลง"กั่วกัว หนูไม่เชื่อฟังแล้วนะ เด็กไม่ดีที่ไม่เชื่อฟัง จะต้องถูกลงโทษนะคะ"กั่วกัวนึกถึงทุกครั้งที่ไม่เชื่อฟังแล้วจะถูกปะปี๊ขังเอาไว้ในห้องเล็กๆมืดๆ ก็ตกใจจนหน้าเล็กๆซีดเมื่อสัมผัสได้ถึงร่างเล็กๆในอ้อมกอดสั่นไม่หยุด หัวใจของจิเหยียนโจวก็เจ็บแปล๊บขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุความเจ็บปวดนั้นมันแฝงไว้ด้วยความเจ็บใจ ความปวดใจ ความรู้สึกผิด แต่ความนึกเสียดาย ความรู้สึกซับซ้อนที่ไม่อาจอธิบายเป็นคำพูดได้ ทำให้เขาแทบหยุดหายใจเขากอดกั่วกัวแน่น จากนั้นคลายกอดออก ยื่นมือที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดปูด คว้ากระบอกปืนที่กดอยู่บนหัวกั่วกัวเอาไว้เขาอยากจะแย่งปืนกระบอกนั้นมา แต่ยิงเคซีย์ให้ล้มลงสักนัด!อย่างไรก็ต
ระหว่างพ่อและลูกสาว มักจะมีความประหลาดเสมอ แค่มองตากันก็เข้าใจได้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรจิเหยียนโจวยกนิ้วมือขึ้นประคองแก้มป่องๆของกั่วกัวอย่างนุ่มนวล แล้วพูดกับเธอด้วยความจริงจัง"กั่วกัว ที่ปะปี๊ของหนูเพิ่งพูดเมื่อกี้ ทั้งหมดเป็นแค่เรื่องโกหก เขากำลังเล่นเกมกับหนูอยู่"เขาสัมผัสได้ เกรงว่าวันนี้ตัวเองจะไม่ได้ออกไปจากวิลล่าแห่งนี้แล้วล่ะถ้าโชคชะตากำหนดมาแล้วว่าวันนี้เป็นวันตายของเขา ถ้าอย่างนั้นเขายอมให้กั่วกัวไม่รู้ตลอดชีวิตว่าเขาคือพ่อของเธอเขาไม่เคยได้ทำหน้าที่ของพ่อ แล้วก็ไม่เคยได้ดูแลกั่วกัว เขาไม่สมควรให้ลูกสาวที่ดีขนาดนี้มาเรียกเขาว่าพ่อนิ้วมือของจิเหยียนโจว ลูบตั้งแต่คิ้วและตาของกั่วกัวมาจนถึงบ่า แม้จะอาวรณ์มากเหลือเกิน แต่ก็จำต้องปล่อยเธอเมื่อสัมผัสได้ว่าอาแปลกจะปล่อยตัวเองออก ในใจของกั่วกัวก็โหวง รีบกอดเขาแน่น แล้วร้องไห้โฮ"อาแปลก อาแปลก รีบพูดขอโทษปะปี๊สิคะ ปะปี๊จะปล่อยแน่นอน เขาจะต้องปล่อยอาแน่นอน!"กระทั่งวินาทีนี้ เธอก็ยังเชื่อมั่นว่าปะปี๊เคซีย์ของเธอ จะยอมออมมือให้กับจิเหยียนโจวเพราะเธอ...เธอไม่อยากไปนั่งคิดวิเคราะห์ว่าตกลงแล้วใครคือปะปี๊ของเธอกันแน่ เธอร
หลังจากที่จิเหยียนโจวคิดได้ ก็ยกนิ้วเรียวยาวขึ้น ลูบกระบอกปืน ขณะเดียวกันก็ช้อนสายตาขึ้นมองกั่วกัวที่ยืนอยู่ด้านล่างของม่าน กำลังรอให้เขาลั่นไกอย่างว่าง่ายใบหน้าเล็กๆที่มีแก้มป่อง ทั้งโครงหน้าและเครื่องหน้าล้วนเหมือนกับเขามาก ทว่าดวงตากลับเหมือนชูยี ดวงตาที่สดใส เป็นประกาย และบริสุทธิ์ดวงตาที่บริสุทธิ์แบบนี้ จะให้ภาพคาวเลือดมาทำให้เกิดมลทินไม่ได้...จิเหยียนโจวมองกั่วกัว คลี่ดวงตาและคิ้วออก ยิ้มสบายๆ"กั่วกัว รับปากอาแปลกเรื่องนึงนะ...""ค่ะ"กั่วกัวไม่แม้แต่ถาม ก็พยักหน้าทันทีอย่างว่าง่ายจิเหยียนโจวเห็นเธอเป็นเด็กดีขนาดนั้น ก็ไม่อาจทำใจจากลูกสาวของตัวเอง ทว่าต้องฝืนเอ่ยปากออกมา"หนูหันหลังไปก่อน"กั่วกัวหันหลังไปอย่างเชื่อฟังเมื่อมองแผ่นหลังเล็กๆจ้ำม่ำนั้น ดวงตาของจิเหยียนโจวก็แดงขึ้นมาอีกครั้ง"กั่วกัว อีกเดี๋ยวถ้าได้ยินเสียงปืนอย่าหันกลับมา นอกจากจะได้ยินอาเรียกชื่อของหนู เข้าใจไหม??""เข้าใจแล้วค่ะ!"กั่วกัวรับปากเสียงดัง จนทั้งห้องดูหนังกึกก้องไปด้วยเสียงเจื้อยแจ้งของเธอหัวใจของจิเหยียนโจวอบอุ่นขึ้นทันที ดวงตาที่ทอดลงต่ำ มีน้ำตาพรั่งพรูออกมาและร่วงหล่นใส่หลังมือ
เมื่อเห็นเลือดที่มากมายขนาดนั้น ไม่นานกั่วกัวก็เข้าใจทันทีเมื่อกี้อาแปลกไม่ได้ยิงมายังเธอ แต่เลือกที่จะลั่นไกใส่ตัวเองเพื่อปกป้องเธอ อาแปลกจึงใช้ตัวเองเป็นเป้า...เธอต้องไปดูอาแปลก ต้องไปดูเขาหน่อย...ความตั้งใจอันแรงกล้า ทว่ากลับดิ้นไม่หลุดจากพันธนาการของบอดี้การ์ดกั่วกัวที่ไร้ซึ่งหนทาง ทันใดนั้นก็ร้องไห้ออกมา ร้องจนเสียงดัง..."อาแปลก อาลุกขึ้น แล้วมาอุ้มหนูได้ไหม?"จิเหยียนโจวนั่งอยู่บนเก้าอี้ ยังคงรักษาท่าทีสงบและสบายๆเขามองกั่วกัวจากไกลๆ ริมฝีปากสั่นเทา โอ๋เธอด้วยความยากลำบาก"กั่วกัว...ไม่ร้อง..."ตอนที่เขาเอ่ยปากพูดประโยคนี้ เลือดในร่างกาย ก็ทะลักตามออกมาด้วยเลือดที่พรั่งพรูออกมาอย่างควบคุมไม่อยู่ ทำเอากั่วกัวตกใจจนหน้าซีด"ปะปี๊ รีบไปช่วยอาแปลกของหนู รีบไปช่วยเร็วเข้า..."ผู้ชายที่ถูกเธอเรียกว่าปะปี๊ กลับไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ยังเยียบย่างรองเท้าบูททหารเดินไปตรงหน้าจิเหยียนโจว แล้วแค่นเสียเย็นใส่เขา"เหยียนโจว ไม่คิดเลยนะ ว่าแกเองก็มีวันนี้ด้วย..."เคซีย์ลูบเลือดสดๆที่ไหลออกมาจากริมฝีปากของจิเหยียนโจว ลูบไล้เลือดที่อยู่บนนิ้วสองสามที จากนั้นโน้มตัวลงมองหน้าเขา"
ณ วิลล่าของซานซาน ในห้องหนังสือซูหว่านกำลังถือไม้บรรทัดวัดภาพ แม้ว่าเธอจะเพ่งสมาธิมากแล้วก็ตาม แต่เส้นที่วาดออกมาก็ยังเบี้ยวอยู่ดีหัวใจกระสับกระส่ายมาก เหมือนว่าสูญเสียอะไรบางอย่างไป มันส่งผลต่อความรู้สึกของเธอขึ้นมาแบบแปลกๆจิตใจของเธอไม่สงบอย่างที่สุด ก็ยอมวางดินสอวาดรูปลง ทิ้งตัวลงในเก้าอี้ แล้วนวดขมับ...โทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างโต๊ะหนังสือ ตอนนี้เองก็ดังขึ้นมาซูหว่านเห็นว่าเป็นจี้ซือหานที่โทรเข้ามา ก็ยื่นมือไปกดรับสาย แล้วเปิดสปีกเกอร์"ซือหาน เป็นยังไงบ้าง คุณได้เจอจิเหยียนโจวหรือยังคะ?"ปลายสายเงียบไปชั่วอึดใจ น้ำเสียงเย็นน่าฟังจึงดังเข้ามาในหูของซูหว่าน"หว่านหว่าน มาเจอจิเหยียนโจว เป็นครั้งสุดท้าย"หัวใจของซูหว่านหยุดเต้นไปทันใด รู้สึกเจ็บและดิ่งไม่น้อยความรู้สึกนี้ไม่ใช่ของเธอ ทว่าเธอกลับถูกมันควบคุมเอาไว้เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา โซเซลุกขึ้น แล้วเผลอชนกับขอบโต๊ะโดยไม่ได้ตั้งใจเธอเจ็บจนร้องซี้ดออกมาทีนึง ชายหนุ่มที่อยู่ปลายสายขมวดคิ้วเข้ม เขาเดาได้อย่างชัดเจนว่าเธอกำลังร้อนใจ ทว่าไม่ได้พูดอะไร"เขาถูกส่งไปที่โรงพยาบาลของอลัน ฉันส่งคนไปรับเธอแล้ว"เมื่อซูหว่านตามม
มือของจิเหยียนโจวที่ลูบแก้มของเธอ วางลงอย่างหมดแรง ขณะที่ปลายนิ้วไล้ผ่านไปสัมผัสโดนผมลอนของเธอนั้น...ผมยาวแบบนั้น ชูยีไม่มีนี่นะในสายตาพร่ามัวของจิเหยียนโจว ค่อยๆปรากฎภาพเครื่องหน้าที่คลับคล้ายกับชูยี แต่ไม่เหมือนซะทีเดียวขึ้นมาที่แท้ เป็นซูหว่าน ไม่ใช่ชูยีนี่นาเขาจำผิดคนอีกแล้วในแววตาที่มีแสงสว่างขึ้นมาของจิเหยียนโจว ก็ค่อยๆมืดมิดลงเขาขยับสายตา เคลื่อนไปยังหัวใจดวงนั้น ทำให้เขารู้สึกสบายใจยิ่งกว่าสิ่งใด ราวกับสัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของเธอ"ซู...หว่าน..."เขาเอ่ยชื่อของเธอออกมาอย่างยากลำบาก ซูหว่านที่นั่งอยู่ข้างๆเห็นเขาได้สติกลับมา ก็รีบเช็ดน้ำตา แล้วขึ้นหน้าไปใกล้เขา"พี่เขย"ยังไงเธอก็ยังนับถือเขาเป็นพี่เขย แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะเคยปฏิบัติแบบนั้นต่อเธอความเมตตาของเธอ ทำให้จิเหยียนโจวทอดสายตาลงต่ำด้วยความรู้สึกผิดหลังจากเงียบไปหลายอึดใจ จู่ๆเขาก็ปริปาก พูดกับซูหว่านด้วยความจริงใจ "ขอ...โทษ...."บางทีมนุษย์เราพอใกล้จะตาย เขาก็เลยสำนึกได้ว่าตัวเองในอดีตนั้น สารเลวมากแค่ไหน คำขอโทษที่ช้าเกินไป จึงแสดงให้เห็นถึงความจริงใจมากซูหว่านรู้ว่าจิเหยียนโจวกำลังขอโทษตัวเอง ก็
เมื่อเห็นเธอรับปาก จิเหยียนโจวก็ยิ้มมุมปากอย่างรู้สึกปลดปล่อย ทว่าดวงตากลับเคลื่อนไปทางประตูด้วยความยากลำบาก...ตรงนั้นยังคงมีเงาเย็นชาสูงส่ง ยืนตัวตรงคุ้มกันอยู่ตรงประตูกระจกคำตอบที่ไม่ได้พูดออกมานั้น ชายหนุ่มที่อยู่นอกประตูน่าจะเข้าใจดีแต่เรื่องพวกนี้ล้วนไม่สำคัญอีกต่อไป ชีวิตนี้ของเขา จะรักแค่ชูยีคนเดียวมันเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะหรอ อาจจะเป็นตอนที่เธอขี่จักรยานไล่ตามรถของเขาอย่างคนเอาแต่ใจทุกครั้งที่เขามองเห็นเงา และรอยยิ้มที่มั่นใจเปิดเผยผ่านกระจกมองหลัง ก็มักจะยิ้มบางๆตามไปด้วยเสมอบางคนมักจะไม่เข้าใจความรัก ต้องรอให้ถึงวันที่สูญเสียไปแล้วถึงได้เข้าใจ และเขาก็เพิ่งตื่นรู้ได้ตอนที่มันสายไปกว่านั้นแล้ว...เมื่อใกล้ถึงความตาย ภาพความทรงจำในชีวิตก็ผุดขึ้นในหัวอย่างรวดเร็วราวกับความเร็วแสง...เขาเพิ่งจะรู้ว่าตัวเองรักชูยีเข้ากระดูกมาตั้งนานแล้ว แต่ถึงกระนั้น มันกลับสายเกินไปก่อนที่เขาจะปิดเปลือกตาลง มือสั่นเทาที่ยื่นออกไป อยากจะสัมผัสหัวใจของชูยีเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นพูดกับเธอสักคำชูยี ขอโทษ ฉันเองก็รักเธอแต่ เขาไม่มีแรงอีกแล้ว...สุดท้ายแล้ว จนวาระสุดท้าย เขาก็ไม
ช่างเสื้อหยิบชุดเจ้าสาวชุดนั้นลงมา เมื่อสัมผัสโดนเนื้อผ้าและเพชรที่ประดับอยู่ด้านบน ก็อึ้งไปชุดแต่งงานชุดนี้เต็มไปด้วยผ้ากอซสีอ่อนหลายชั้น ประดับด้วยดอกกุหลาบและเพชรที่ทอจากผ้าซาตินเนื้อนุ่ม ตัวชุดเป็นสีขาวคริสตัลเรียบง่ายและวิจิตรงดงามด้วยเพชรที่ถูกเย็บเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ส่องประกายด้วยเสน่ห์อันงดงามและสง่างามจนน่าทึ่งถ้าดูไม่ผิด หากอ่านไม่ผิด นี่คือชุดแต่งงานเพียงชุดเดียวในโลกที่ถูกออกแบบโดยดีไซน์เนอร์ชุดแต่งงานชื่อดังระดับโลกหลายปีก่อน ชุดเจ้าสาวชุดนี้ถูกเก็บเอาไว้ในห้องนิทรรศการที่ต่างประเทศ แต่ต่อมาได้ยินว่าถูกคนซื้อไปในราคาสูงลิ่วคิดไม่ถึงว่าคนที่ซื้อชุดเจ้าสาวไป จะเป็นท่านประธานของกลุ่มบริษัทจี้ ถ้าไม่ได้รักอีกฝ่ายจริง จะยอมจ่ายหนักขนาดนี้ได้ยังไง?ที่สำคัญอีกชุดนึงที่อยู่ในตู้ ราคาก็ไม่ธรรมดา ดูก็รู้ว่าเป็นรุ่นลิมิเต็ด เดาว่าก็น่าจะมีแค่ชุดเดียว ไม่ซ้ำใคร"คุณนายจี้ ท่าทางคุณผู้ชายจะรักคุณมากเลยนะคะ..."ซูหว่านได้ยินคำพูดของช่างเสื้อ ก็พยักหน้าอย่างไม่ปิดบังผู้ชายคนนั้นรักเธอมาก รักจนยอมมอบทุกอย่างให้กับเธอ รักจนยอมตายไปพร้อมกับเธอเธอคิดว่าชีวิตที่เหลืออยู่หล
ซูหว่านพยักหน้าด้วยความเข้าใจ "ก็ได้ค่ะ ฉันเอาตามที่คุณพูด ตอนนี้ถ้าคุณไม่ขึ้นเครื่องบิน ก็ต้องขึ้นรถพยาบาลก่อน..."ถ้ายังไม่ห้ามเลือดอีก เขาจะทนไม่ไหวเอา จี้ซือหานเห็นว่าเธอเป็นห่วงเขา ถึงได้จับมือเธอขึ้นเครื่องบินอย่างว่าง่ายคืนนี้ ซูหว่านเฝ้าอยู่ข้างกายจี้ซือหาน รอหมอห้ามเลือด เย็บแผล เปลี่ยนยาให้เขาเสร็จ เธอถึงได้โล่งใจเมื่อเห็นว่าฟ้าเริ่มสาง ซูหว่านก็รู้สึกว่าไม่น่าจะจัดงานแต่งได้ จึงเอ่ยข้อเสนอกับเขา "หรือเลื่อนออกไปวันนึงไหม"ชายหนุ่มที่ถือผ้าขนหนูช่วยเช็ดผมให้เธอ พูดด้วยความแน่วแน่ "ไม่ได้ ยังไงวันนี้ก็ต้องจัดงานแต่ง!"ซูหว่านที่เพิ่งแช่น้ำอุ่นในอ่างอาบน้ำ อุงไอน้ำร้อนๆในมือ หันกลับไปมองเขา "แต่แผลของคุณ..."จี้ซือหานพูดอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น "ต่อให้แผลจะใหญ่กว่านี้ ก็ไม่สำคัญเท่ากับการจัดงานแต่ง"ซูหว่านยังอยากพูดอะไรอีก แต่จี้ซือหานหยิบไดร์ขึ้นมาเป่าผมให้เธอจากนั้น ขับรถไปส่งเธอที่วิลล่าของซานซานด้วยตัวเอง โดยไม่สนคำทัดท้านของเธอ"สิบเอ็ดโมง ฉันจะพาคนของตระกูลจี้ มารับเธอ"กำหนดการณ์เดิมคือสิบโมง แต่กลัวว่าเธอจะเหนื่อยเกินไป อยากให้เธอพักผ่อนกว่านี้อีกหน่อย ชาย
จี้ซือหานกอดเธอ สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากร่างกายของเธอ หัวใจที่เจ็บปวดจนชา ก็ค่อยๆสงบลงเขาคลายซูหว่านออก เห็นร่างกายของเธอเปียกปอนไปทั้งตัว ทั้งยังสั่นระริกด้วยความหนาวเหน็บ หัวใจก็เจ็บแปล๊บขึ้นมาอีก"คนที่ควรพูดขอโทษคือฉัน ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน เธอก็ไม่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้""คุณพูดอะไรโง่ๆ เราเป็นสามีภรรยากัน ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ ก็ต้องรับผิดชอบร่วมกันสิ"ซูหว่านพูดจบ ก้มหน้าลงมองมือตัวเองแวบนึง เมื่อเห็นเลือดที่เลอะเต็มมือ ใบหน้าก็ซีดไปทันที"แผลที่หลังของคุณฉีกแล้ว รีบขึ้นรถพยาบาลเถอะ..."เมื่อกี้เธอนึกว่าเป็นน้ำทะเล ไม่คิดว่าทั้งหมดนั้นล้วนเป็นเลือด แผลที่หลังจะต้องฉีกออกแล้วแน่ๆ!ซูหว่านควงแขนของเขาได้ ก็เตรียมจะเดินไปยังทิศทางของรถพยาบาล ทว่าจี้ซือหานกลับดึงเธอกลับมา"หว่านหว่าน แผลแค่นี้ไม่เท่าไหร่หรอก"เขาพูดจบ ก็มองเจียงโม่ที่ยืนห่างออกไปไม่ไกลแวบนึง"จับตัวเธอ แล้วค่อยแจ้งคุณเจียง ให้เขามาไถ่ตัวด้วยตัวเอง ไม่งั้นก็ปลดชีวิตเธอซะ!"คำพูดนั้นเขาพูดกับซูชิง ซูชิงรีบรับคำสั่งทันที "ครับ ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้!"เจียงโม่ที่คาดเดาได้ตั้งแต่แรกว่าคุณเย่ไม่มีทางปล่อยเธอ เห็นซ
ซูหว่านครุ่นคิด ก่อนจะถามเขา "คุณแซ่ชู งั้นคุณรู้จัก..."ชูยีไหม?ยังไม่ทันจะได้เอ่ยคำนี้ออกไป ก็ถูกชูจิ่นเหยียนตัดบท "ผมจะส่งคุณกลับไป"ซูหว่านได้ยินดังนั้น ก็กลืนคำพูดลงไป ขมวดคิ้วมองเขา "ลำบากแทบตายกว่าฉันจะหนีออกมาได้ จะส่งกลับไปทำไม?"ชูจิ่นเหยียนกรอกตาใส่เธออย่างหมดคำพูด "ผมหมายความว่า จะส่งคุณกลับบ้าน..."ซูหว่านจึงได้พยักหน้า ลุกขึ้นจากหาดทราย เธอต้องรีบกลับไปบอกจี้ซือหาน...ว่าเธอหนีออกมาแล้ว เธอปลอดภัย เธอไม่ได้กลายเป็นภาระของเขา และเขาก็ไม่ต้องถูกแบล็กเมล์อีกหลังจากที่เธอขึ้นฝั่งมากับชูจิ่นเหยียน ก็เห็นรถพยาบาลคันแล้วคันเล่าขับตรงไปยังบีชคลับอย่างรวดเร็วฝีเท้าของเธอชะงัก ช้อนสายตามองไปยังชายหาดที่อยู่ห่างไกล มองเห็นร่างมนุษย์ไม่ชัด เห็นแต่เรือลำเล็กลำใหญ่แล่นลงทะเลทีละลำซูหว่านทอดสายตาลงต่ำครุ่นคิดอยู่สักครู่ เอาแต่รู้สึกว่าเจียงโม่ไม่น่าจะส่งคนจำนวนมากขนาดนั้นมาตามหาและช่วยชีวิตเธอ หรือว่าจี้ซือหานมาแล้ว?ถ้าจี้ซือหานมาถึงแล้ว รู้ว่าเธอกระโดดลงทะเล เกรงว่าจะทำให้เขาตกใจมาก เพราะคิดมาถึงตรงนี้ซูหว่านก็เปลี่ยนความคิด"เราไปดูตรงนู้นหน่อยเถอะ?"ไปดูแปบนึง ถ้าจี้
ซูหว่านที่พยายามหนีถึงสามครั้งแต่ก็ถูกจับกลับมาได้ทุกครั้ง หันกลับมามองเจียงโม่ที่เดินตามหลังเป็นระยะๆเธอเห็นเอาแต่รับโทรศัพท์ตลอดเวลา ราวกับกำลังปรึกษาเรื่องอะไรอยู่ เพราะระยะค่อนข้างห่าง จึงได้ยินไม่ชัด แต่บางครั้งก็จะได้ยินแค่ชื่อของจี้ซือหานเธอไม่รู้ว่าจี้ซือหานรับปากหรือไม่ แล้วก็ไม่รู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง รู้แค่ว่าตัวเองจะกลายเป็นภาระของจี้ซือหานไม่ได้เธอมองไปยังผืนน้ำทะเลที่สาดเป็นคลื่นดุเดือด หลังจากมองอยู่หลายอึดใจ ก็กระโดดเข้าไปในทะเลโดยไม่ลังเล...เธอเคยพูดว่าถ้าหากมีใครเอาตัวเธอเพื่อไปข่มขู่จี้ซือหาน ถ้างั้นเธอก็จะไม่ยอมกลายเป็นตัวถ่วงของเขาเด็ดขาดเจียงโม่ที่กำลังเกลี้ยกล่อมพ่อบุญธรรมว่าอย่าแบล็กเมลล์จี้ซือหานอีก ได้เห็นภาพช็อตนั้น ก็ตกใจจนหน้าซีดในทันที"ซูหว่าน!"เธอกรีดร้องออกมาทีนึง โยนโทรศัพท์แล้วพุ่งลงไปในทะเลเพื่อช่วยชีวิต ทว่าถูกร่างใครบางคนพุ่งตัดหน้าเข้ามาก่อน...เสียงกระโดดลงทะเลดัง "ตู้ม" ของชูจิ่นเหยียน ว่ายเข้าไปหาร่างเล็กบางที่พุ่งเข้าไปในคลื่นทะเลด้วยความแข็งขันเจียงโม่ที่อยู่บนชายหาด ตอนแรกยังพอจะเห็นร่างของทั้งสองคนลอยอยู่เหนือผิวน
ฝีเท้าของซูหว่านชะงักไปทันทีเธออยากจะหันกลับไปโต้ตอบเขาสักสองสามประโยค แต่ก็กลัวจะเสียเวลา จึงไม่ได้สนใจอีกฝ่าย แต่ผลักประตูห้องน้ำหญิงด้วยความรวดเร็วหลังจากที่เธอเข้าไปแล้ว ก็เดินสำรวจห้องน้ำรอบนึง เมื่อเห็นว่าด้านข้างมีหน้าต่างบานเล็ก ก็รีบเดินเข้าไปแล้วเปิดออกข้างนอกเป็นถนนหลวง แค่ปีนออกจากตรงนี้ไป ก็จะสามารถเดินไปถึงถนนหลวงได้ และโอกาสที่จะหนีรอดก็สูงมากทีเดียวเธอเองก็ขี้เกียจมานั่งคิดว่าหลังจากเดินไปถนนหลวงแล้วจะกลับไปยังไง จึงพับแขนเสื้อขึ้น แล้วปีนไปยังขอบหน้าต่างสูงชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนถนนหลวง เขางอขาข้างหนึ่งขึ้น มือข้างหนึ่งทาบบนเข่า กำลังสูบบุหรี่ไปพร้อมกับที่มองดูเธอปีนออกไปนอกหน้าต่างพิลึกคน!ถ้าอยากจะออก ก็เดินผ่านคลับ ออกจากมาประตูหลัก หรือไม่ก็ข้ามชายหาดมาก็ได้แล้ว ทำไมต้องปีนหน้าต่าง?"นี่!"เขาแหกปากคำนึง ทำเอาซูหว่านตกใจจนตกลงมาจากบนขอบหน้าต่าง...ซูหว่านล้มลงอย่างแรง เธอหน้าบูดบึ้งเนื่องจากความเจ็บปวด โชคดีที่ด้านล่างเต็มไปด้วยทราย ไม่อย่างนั้นคงได้กระดูกหักเธอตะเกียกตะกายขึ้นมาจากพื้น จ้องผู้ชายที่นั่งสูบบุหรี่อยู่บนถนนหลวงตาเขม็ง "นายเป็นโรคหรือไง
เจียงโม่ไม่หลงกล ซูหว่านจึงใช้เล่นแง่ในทางความรู้สึกแทน"คุณหนูเจียง คุณก็รู้ว่าคนที่จี้ซือหานแคร์ มีแต่ฉันมาโดยตลอด""คุณกักตัวเพื่อนของฉันไม่ยอมปล่อย ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรเท่าไหร่ ทำไมต้องให้คนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่มารับเคราะห์ด้วยล่ะ?"เจียงโม่จ้องดวงตาใสบริสุทธิ์ของซูหว่านนานอยู่สักพัก จากนั้นก็โบกมือ "ช่างเถอะ แค่คุณอยู่ก็พอแล้วล่ะ"เธอส่งคนไปโทรศัพท์ หลังจากที่เห็นอีกฝ่ายวางสาย ก็หันมาพยักหน้าให้เธอ แล้วจึงอธิบายให้ซูหว่านฟัง"เพื่อนของคุณไม่รู้ว่าตัวเองถูกลักพาตัว ฉันก็แค่ส่งคนไปก่อกวนพวกเขานิดหน่อย หลังจากที่คุณกลับไป อย่าพูดถึงเรื่องนี้ก็แล้วกัน"สรุปว่าที่ซานซานออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้า ที่อลันกับซีอี้ไม่ได้มาที่วิลล่า ไม่ใช่เพราะถูกลักพาตัว แต่ถูกคนของเจียงโม่สร้างสถานการณ์แต่ว่า ฟังจากความหมายของเจียงโม่ ถ้าเธอไม่มาล่ะก็ คตที่สร้างสถานการณ์กลุ่มนั้น จะต้องลงมือกับพวกซานซานเป็นแน่...เพียงแต่เพราะเจียงโม่คำนึงถึงจี้ซือหานหรือเธอ ถึงได้เลือกใช้วิธีนุ่มนวล ไม่งั้นลักพาตัวไปเลยก็จะง่ายกว่า...แต่ไม่ว่าคนที่เจียงโม่คำนึงเป็นใคร หรือไม่ว่าจะคิดยังไง มันก็ไม่สำคัญทั้งนั้น
ซูหว่านฟังเข้าใจความหมายที่แฝงในคำพูดของเจียงโม่ ก็ถามเธอว่า "ฉันขอกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนได้ไหม?"เจียงโม่อ่านความคิดของเธอออกทันที "คุณซู คิดถึงสถานการณ์ของเพื่อนคุณให้มากหน่อยก็ดีค่ะ"ความหมายอีกอย่างก็คือ มีชีวิตของเพื่อนเธออยู่ในกำมือ ถึงเธอจะใช้ข้ออ้างไปบอกบอดี้การ์ด หรือแหกปากร้องตะโกนก็ไม่มีประโยชน์ซูหว่านครุ่นคิด ปล่อยมือที่ประคองประตูรถมาตลอดลง ไพล่ไว้ด้านหลัง ทำสัญลักษณ์ให้กับบอดี้การ์ดหลังจากที่เธอส่งสัญญาณมือโดยเงียบเชียบเสร็จ ก็เปิดประตูรถ แล้วเข้าไปนั่งข้างในเห็นเธอขึ้นรถมาแต่โดยดี เจียงโม่ก็เขี่ยซิก้าร์ในมือจนมอด จากนั้นสตาร์ทรถ...ตอนที่เธอเหยียบคันเร่ง มองกระจกมองหลังแวบนึง บอดี้การ์ดกลุ่มนั้นตามมาดังคาดเจียงโม่ดึงสายตากลับ เหยียบคันเร่งจนมิด เลี้ยวผ่านไปไม่กี่โค้งก็สลัดบอดี้การ์ดสำเร็จถึงยังไงก็เป็นถึงระดับหัวหน้าของทีมย่อยในS การที่เจียงโม่สลัดบอดี้การ์ดทิ้งได้ ก็เป็นเรื่องที่ง่ายดายมากซูหว่านกำเข็มขัดนิรภัยแน่นถึงไม่โดนสะบัดออกจากรถไป ทว่าความรู้สึกพะอืดพะอมในท้องกลับทำให้เธออยากอ้วกเธอกุมหน้าอกที่เต้นระรัว อดกลั้นความรู้สึกสะอิดสะเอียนไว้ มองไปย
นิ้วของเจียงโม่ที่คีบซิการ์ เคาะขี้เถ้าเบาๆ"คุณซู มีใครเค้าพาสามีไปร่วมปาร์ตี้คนโสดกันบ้าง?"การที่เจียงโม่จะปฏิเสธ เป็นสิ่งที่คาดเดาไว้ได้อยู่แล้ว เพียงแต่ทำไมล่ะ?ที่เจียงโม่เชิญเธอไปร่วมงานปาร์ตี้คนโสด ก็เพราะอยากให้เธอสอนว่าจะจีบเจียงเจ๋อยังไงไม่ใช่หรอ?งั้นถ้าเธอจะพาจี้ซือหานไปด้วย ก็ไม่ได้หน่วงต่อการสอนเจียงโม่จีบเจียงเจ๋อไม่ใช่หรอ?เธอคิดว่าบางทีเจียงโม่อาจจะอยากอาศัยปาร์ตี้นี้เพื่อพาตัวเธอไป ส่วนเป้าหมายคืออะไร เกรงว่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เจียงเจ๋อคุยกับจี้ซือหานหลังจากที่ซูหว่านคิดได้ดังนั้น ก็มองเจียงโม่ด้วยสายตาที่จริงใจ"คุณหนูเจียง ฉันกับจี้ซือหานถูๆไถๆกันมาเกือบสิบปี กว่าจะได้แต่งงานกันไม่ง่ายเลย ฉันไม่อยากให้เกิดเรื่องไม่คาดฝันอะไรขึ้นก่อนวันแต่งงาน""พรุ่งนี้เช้า ฉันแค่อยอยากสวมชุดแต่งงานที่เขาส่งมาให้ แต่งให้เขาด้วยสภาพร่างกายจิตใจที่สมบูรณ์แบบที่สุด หวังว่าพวกคุณจะช่วยให้เราสมหวังด้วย"ตอนที่พูดสิ่งเหล่านี้ เธอเห็นสีหน้าของเจียงโม่ เปลี่ยนไปเล็กน้อย ก็รู้ได้ทันทีว่าเจียงโม่มีจุดประสงค์อย่างแท้จริง จึงยกริมฝีปากยิ้ม"คุณหนูเจียง ถ้าคุณอยากให้ฉันสอนคุณจีบ