จี้ซือหานอุ้มซูหว่าน ลงนั่งที่โต๊ะอาหารได้ไม่ทันไร ด้านนอกคฤหาสน์ก็มีโรลลอยส์คันนึงขับเข้ามา...จี้เหลียงชวนลงมาจากบนรถ คลุมเสื้อโค้ทสีกรมท่า สาวขายาวๆเดินเข้าวิลล่ามาอย่างรวดเร็วเขาถอดเสื้อโค้ทตัวใหญ่ส่งให้คนรับใช้ แล้วจึงยกมือขึ้นสางเกล็ดหิมะบนเส้นผม จากนั้นถามคนรับใช้ "พี่รองของฉันล่ะ?"คนรับใช้ชี้ไปยังทิศทางห้องอาหารอย่างระมัดระวัง "คุณหนูสองกำลังรับประทานอาหารอยู่ค่ะ"จี้เหลียงชวนมองตามสายตาของคนรับใช้ไปยังห้องอาหาร เมื่อเห็นหญิงสาวที่ถูกพี่รองกอดอยู่ในอ้อมกอด สีหน้าก็ตึงขึ้นทันทีเขารวบรัดฝีเท้า ก้าวฉับๆมาตรงหน้าทั้งสองคน ชี้หน้าซูหว่านแล้วพูดอย่างเดือดดาล "ทำไมเธอยังมีหน้ามาหาพี่รองยู่อีก?"ไม่รอให้ซูหว่านเอ่ยปาก ชายหนุ่มที่กอดเธออยู่นั้น จู่ๆก็ช้อนสายตาเย็นยะเยือกกวาดมองจี้เหลียงชวนอย่างเย็นชา "แกอยากโดนตัดนิ้วทิ้งไหม?"จี้เหลียงชวนถึงได้สำรวจว่าตัวเองทำเกินกว่าเหตุ รีบดึงนิ้วเก็บ ปะทะกับสายตาเย็นชาของพี่รอง แล้วถามอย่างไม่เข้าใจ "พี่รอง ก่อนหน้านี้เธอเคยทำร้ายพี่ ทำไมยังอยู่กับเธออีก?"สามเดือนก่อน พี่รองถูกหามกลับมา สลบไปหลายวัน หลังจากฟื้นขึ้นมาก็เสียใจจนกระอักเลือด
จี้เหลียงชวนเก็บความบึ้งตึงไว้ในใจ อึดอัดร้อนรุ่มจนพูดอะไรไม่ออกจี้ซือหานช้อนดวงตาที่เย็นสะท้านราวหิมะ กวาดมองเขาอีกรอบนึง "ยังไม่ไป?"จี้เหลียงชวนโมโหจนแย่งเสื้อโค้ทมาจากมือคนรับใช้ สะบัดลงบนบ่า หมุนตัวเดินจากไปซูหว่านรีบลงมาจากบนตัวของจี้ซือหาน เอ่ยเรียกจี้เหลียงชวนเอาไว้ "รอเดี๋ยวก่อน นายน้อยที่เจ็ดจี้"จี้เหลียงชวนที่กำลังหัวร้อน จะสนใจซูหว่านซะที่ไหน ทว่าเมื่อนึกถึงคำเตือนของพี่รองขึ้นมาได้ สุดท้ายจึงหยุดฝีเท้าลงอย่างว่าง่ายไม่มีทางเลือก เลือดมันข้นกว่าน้ำ ตั้งแต่เด็กจนโตมันติดมาจนเป็นนิสัย คำพูดของพี่รอง ใครจะกล้าขัด?ซูหว่านเดินไปตรงหน้าจี้เหลียงชวน มองเขา แล้วอธิบายอย่างจริงจัง "นายน้อยที่เจ็ดจี้ คุณอย่าเข้าใจผิด ฉันไม่ได้หักหลังพี่รองของคุณ แต่มีคนตั้งใจส่งคนไปปลอมตัวเป็นฉัน เพื่อไม่ให้พี่รองของคุณหาฉันเจอ ทั้งหมดล้วนเป็นเรื่องโกหก..."จี้เหลียงชวนได้ยินดังนั้น ก็มองซูหว่านที่ร่างกายซูบผอมนิดหน่อย "งั้นครึ่งปีมานี้เธอไปอยู่ที่ไหน ทำไมไม่มาหาพี่รอง?"ซูหว่านทอดสายตาลงต่ำ มองไปยังข้อมือซ้ายของตัวเอง แล้วตอบตามจริง "ฉันถูกจิเหยียนโจวกักขังเอาไว้ หนีออกมาไม่ได้"จี้เหล
จี้เหลียงชวนโกรธจนยกขาขึ้นได้ก็เดินออกไปจี้ซือหานจ้องแผ่นหลังนั่น แล้วพูดกับซูหว่านว่า "หว่านหว่าน คุณเฉียวยังไม่รู้ว่าเธอกลับมาแล้ว พรุ่งนี้ฉันพาเธอไปเจอเขาก็แล้วกัน"ซูหว่านที่กำลังคิดเรื่องนี้อยู่พอดี ก็รีบพยักหน้า "ดีค่ะ ฉันก็กำลังตั้งใจว่าพรุ่งนี้จะไปเจอเธออยู่พอดี หายตัวไปครึ่งปี เธอคงร้อนใจจนเป็นบ้าแล้วแน่ๆ"จี้เหลียงชวนที่กำลังจะเลี้ยว ได้ยินบทสนทนาของทั้งคู่ ก็รีบหยุดฝีเท้าลงเขายืนอยู่ที่เดิม ลังเลอยู่สักพัก ก็กัดฟันหันกลับไปที่ห้องอาหารนายน้อยที่เจ็ดจี้ที่รูปร่างเพอร์เฟ็ก หน้าตาคมสัน มาตรงหน้าซูหว่าน ยื่นมือเรียวยาวออกมาวางบนแผงอก ทำท่าเคารพอย่างสุภาพบุรุษ จากนั้นขอโทษซูหว่านอย่างเป็นทางการอีกครั้ง"พี่สะใภ้รอง ขอโทษจริงๆครับ เมื่อกี้ผมไร้มารยาทกับคุณมาก แล้วก็ไม่ควรออกความเห็น หรือสงสัยในตัวคุณเลย ได้โปรดให้อภัยที่ผมเสียมารยาทด้วย"ซูหว่านตกใจกับการกระทำนี้ของจี้เหลียงชวน ยังไม่ทันได้ตอบสนอง ก็เห็นชายหนุ่มที่กอดตัวเองอยู่ เอ่ยขึ้นเสียงเรียบ"ตกลงจะขออะไร?"จี้เหลียงชวนเห็นว่าในที่สุดพี่รองก็สนใจเขาแล้ว จึงตอบสนองช้าๆอย่างอดไม่ได้พี่รองของเขาใจไม้ไส้ระกำซะจริง เ
เธอก้มหน้าลงครุ่นคิดอย่างละเอียด แล้วช้อนดวงตาขึ้นใหม่ มองชายหนุ่มตรงหน้าที่กำลังรอคอยคำตอบ แล้วตอบเขาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล"ฉันเองก็ไม่รู้ว่าหลงรักคุณตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้แค่ว่าพอคุณพูดว่าชอบผู้หญิงผมยาว ฉันก็เลยไว้ผมยาวเพื่อคุณ คุณบอกว่ากระเพาะไม่ดี เลยไม่ค่อยอยากกินอะไร ฉันก็เลยต้มโจ๊กอ่อนๆไว้เพื่อคุณ""ทุกครั้งที่คุณมารับฉัน ฉันจะดีใจอยู่นานมาก พอเห็นคุณโกรธแล้วจากไป ฉันเองก็เสียใจมากเหมือนกัน ฉันว่า ตอนที่ทุกสายตาของคุณ ทุกการเคลื่อนไหว ทุกคำพูดของคุณมีผลต่อความรู้สึกฉัน ตอนนั้นแหละมั้งที่ฉันหลงรักคุณ"เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้นจากเธอ ความรักลึกซึ้งในดวงตาของจี้ซือหาน ก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเป็นทวีคูณเธอไม่ได้บอกเขาว่าสรุปแล้วเธอหลงรักเขาตั้งแต่วินาทีไหน ทว่ากลับทำให้เขาเข้าใจว่าอะไรที่เรียกว่านานวันเข้าจึงแปรเปลี่ยนเป็นความรักหว่านหว่านของเขาอาจจะเผลอตกหลุมรักเขาในระหว่างที่อยู่ด้วยกันตั้งแต่เช้ายันตกกลางคืน ซึ่งเกรงว่าแม้แต่เธอเองก็ไม่รู้ตัวแต่ก็ไม่เป็นไร ตอนนี้ได้รู้ว่าหลงรักเขาแล้ว ก็ไม่นับว่าสายเกินไป...สิ่งเดียวที่เสียดายก็คือ สิ่งที่ทั้งสองคนคลาดไป ไม่ใช่อีกฝ่าย แต่เป็นเว
หลังจากที่รถของจี้ซือหานขับไปได้ครึ่งทาง จู่ ๆ เขาได้รับโทรศัพท์จากอาเจ๋อว่า"คุณชายครับ มีเรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้น กรุณามาที่คฤหาสน์ของคุณจิเหยียนโจวด้วยครับ"ชายที่กำลังขับรถด้วยมือข้างเดียว ได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของเขาก็มืดครึ้มขึ้นมาทันใด "เกิดอะไรขึ้น?"ทางด้านอาเจ๋อที่อยู่ปลายสาย มองยังภาพด้านหน้าของตนก็รู้สึกยากเหลือเกินที่จะเอ่ยปากออกมา"เมื่อมาถึง คุณก็จะทราบเองครับ"จี้ซือหานขมวดคิ้วเข้มของตนเองเบาๆ ความเคร่งขรึมเอาจริงเอาจังที่แผ่ออกมาจากดวงตาของเขานั้นช่างเยือกเย็นราวกับพายุหิมะที่กำลังลอยล่องอยู่นอกหน้าต่างเขากดโทรศัพท์ด้วยใบหน้าที่เย็นชา จากนั้นก็เปลี่ยนทิศทางไปยังคฤหาส์นของจิเหยียนโจวอย่างรวดเร็ว——ซูหว่านที่เพิ่งตื่นจากการหลับไหล ก็สัมผัสไปยังที่นอนด้านข้างตนด้วยความเคยชิน กลับพบแต่ที่นอนที่เย็ดชืดเขาไม่อยู่อย่างงั้นหรือ?ซูหว่านตื่นตระหนกขึ้นมาทันที เธอรีบสะบัดผ้าห่มออกแล้วลุกขึ้นไปเปิดไฟที่หัวเตียง จากนั้นก็รีบลงจากเตียงแม้แต่รองเท้าแตะก็ยังไม่ทันได้สวมด้วยซ้ำ เธอรีบตามหาเขาไปทั่วไม่ว่าจะเป็นห้องน้ำ ห้องแต่งตัว หรือห้องอ่านหนังสือก็ตาม แต่ไม่ว่าที่ไหนเธอก็ไม่
ตอนที่เธอได้เห็นชัด ๆ ว่าผู็ชายที่ดึงเธอเป็นใคร ซูหว่านที่ใช้เวลาอย่างนานกว่าจะทำให้ใบหน้าของเธอกลับมามีสีเลือดฝาดอีกครั้ง กลับไร้สีไปในในทันทีเธอรีบลุกไปผลักประตูรถด้วยใบหน้าที่ขาวซีดราวกับกระดาษ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะรถได้ถูกล๊อคไปตั้งแต่ตอนที่ถูกจับโยนเข้ามาในรถแล้วซูหว่านที่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่สามารถลงจากรถได้ มองไปที่จิเหยียนโจวที่อยู่ข้างๆด้วยความหวาดกลัว "ไม่ว่าใช่ว่าคุณยอมแพ้เรื่องฉันไปแล้วเหรอ? ทำไมถึงยังตามฉันมาอีก?"ชายที่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว ดูแลตัวเองเป็นอย่างดี เมื่อได้ยินคำถามของเธอเช่นนั้น ก็เอียงศีรษะเล็กน้อยมองไปที่เธอ"ฉันมาหาเธอเพื่อยื่นยันอะไรบางอย่าง"ในตอนที่ซูหว่านตั้งใจจะถามว่าเขาต้องการยืนยันเรื่องอะไรกันแน่ ทันใดนั้นก็เห็นว่าเขาโน้มตัวมาข้างหน้า ทำให้ซูหว่านตกใจจนรีบถอยตัวไปด้านหลังอย่างต่อเนื่อง...."จิเหยียนโจว!คุณจะทำอะไร!"จิเหยียนโจวไม่คิดแม้แต่จะสนใจเธอที่เธอพูด แล้วเข้าประชิดเธอทีละก้าวจนกระทั้งเธอถอยหลังจนชิดหน้าต่างรถ จากนั้นเขาถึงยกมือขาวหมดจดของตนเองขึ้นมาแล้วจับไปที่คางของเธอในชั่วพริบตาที่รู้สึกถึงสัมผัสอันเยือกเย็นและไม่คุ้นเคยนั้นแพ
ซูหว่านที่กำลังขึ้นไปชั้นบน เมื่อได้ยินเสียงปืนดังขึ้น ก็พลันตัวสั่นไปทั้งตัว มือของเธอจับราวบันไดแน่นจึงจะสงบสติอารมณ์ลงได้เธอรีบขึ้นไปชั้นบนฝ่าฝูงชนที่รายล้อมอยู่จนกระทั่งได้เห็นภาพเหตุการณ์ในห้องกระจก ตอนนั้นเองสีหน้าของเธอก็ซีดเผือดลงทันที...สายตาของเธอจับจ้องไปยังจี้ซือหานที่กำลังยิงปืนอย่างบ้าคลั่ง มือที่กำลังถือปืนอยู่นั้นสั่นสะท้านบ่งบอกได้ว่าเขาทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้วเธออยากจะวิ่งเข้าไปหาจี้ซือหาน แต่กลับถูกจิเหยียนโจวคว้ามือเอาไว้ ก่อนจะเอ่ย "ปล่อยให้เขาได้เห็นกับตาตัวเอง ไม่งั้นเขาจะจำมันไว้ตลอดเวลา"เรื่องแบบนี้ต่อให้เป็นเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งก็เหมือนบาดแผลที่ฝังรากลึกลงในจิตใจทั้งนั้น ยิ่งปล่อยให้เวลาผ่านไปนาน เขาก็จะยิ่งระแวงมากขึ้นซูหว่านไม่ได้เข้าใจความหมายของจิเหยียนโจวมากนัก เธอเงยหน้าจ้องมองเขาด้วยสายตาเกลียดชัง ก่อนจะเอ่ย "เดิมทีเรื่องพวกนี้ก็สร้างบาดแผลในใจเขามามากพอแล้วนะ คุณยังจะมาทำร้ายเขาแบบนี้อีก นี่มันชักจะโหดร้ายเกินไปแล้ว"จิเหยียนโจวแค่นหัวเราะเสียงเย็น "ผมเนี่ยนะโหดร้าย?"เขาค่อย ๆ ยกมุมปากขึ้นยิ้มสมเพชตัวเอง พลางมองแผ่นหลังของจี้ซือหานจากระยะไก
จี้ซือหานปรายตามองหญิงสาวคนนั้นเพียงแวบเดียวจากนั้นก็ไม่ได้มองเธออีก ราวกับว่าหากมองเธออีกแม้แต่ครั้งเดียวจะทำให้ตาของเขาต้องแปดเปื้อนยังไงยังงั้นเขาจับมือของซูหว่าน ก่อนจะจูงมือเธอเดินออกจากห้องกระจกไป และเอ่ยกับอาเจ๋อด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ทำลายหน้าด้านข้างเธอซะ!"บนโลกนี้จะไม่มีใครมีใบหน้าที่คล้ายกับซูหว่านได้ ต่อให้จะเหมือนแค่หน้าด้านข้างก็ไม่ได้เด็ดขาด!หลังจากที่หญิงสาวคนนั้นได้ยินว่าหน้าตัวเองจะถูกทำลาย เธอจึงรีบเอ่ยปากขอร้องด้วยความตกใจ "คุณชายจี้ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะเลียนแบบคุณซูเลยนะคะ ฉันได้รับคำสั่งมาให้ทำเรื่องนี้ ได้โปรดปล่อยฉันไปเถอะค่ะ!"ขนาดเสียงยังเหมือนกันจนซูหว่านยังแทบแยกไม่ออกเลยว่าตัวจริงตัวปลอม จี้ซือหานยิ่งไม่ต้องพูดถึง...เธอเหลือบตามองหญิงสาวที่กำลังคุกเข่าอยู่บนเตียงพร้อมด้วยผ้าห่มที่คลุมตัวพลางเอ่ยขอการอภัยโทษเพียงแวบหนึ่งถึงแม้ว่าในเวลานี้เธอจะดูน่าสงสารเป็นอย่างมาก แต่เธอก็เป็นคนที่ปลอมตัวเข้ามาทำร้ายจี้ซือหานและปล่อยเขาให้จมอยู่กับบาดแผลในจิตใจ เมื่อนึกได้แบบนี้ความเห็นอกเห็นใจของซูหว่านจึงค่อย ๆ น้อยลงจี้ซือหานไม่สนใจเสียงขอร้องอ้อนวอนที่ดังมาจากด้า