ตอนที่จิเหยียนโจวกลับมา ก็เป็นเวลาหลังเที่ยงคืนแล้ว ซูหว่านกอดกั่วกัว ฝืนความง่วงรอเขากลับมา...สามเดือนที่ผ่านมานี้ จิเหยียนโจวมาค่อยมาเจอซูหว่านสักเท่าไหร่ หรือถ้าเจอก็จะหมุนตัวเดินหนีราวกับไม่เห็นเธอในสายตาครั้งนี้เมื่อเปิดประตูเข้าวิลล่ามา เห็นเด็กกับผู้ใหญ่นั่งรอเขาอยู่ในห้องรับแขก ก็ยังคงทำเหมือนอย่างเคย คือเลือกที่จะทำเป็นมองไม่เห็นตอนที่เขาเตรียมจะยกขาเดินไป ซูหว่านก็เรียกเขาไว้ "ร่างกายของฉันดีเกือบปกติแล้ว ตั้งใจว่าพรุ่งนี้ก็จะไป ส่วนกั่วกัวฉันจะพาไปด้วย"เธอไม่มีความอดทนมานั่งเสียเวลากับจิเหยียนโจวต่อไป จึงเอ่ยความต้องการด้วยเสียงเย็นชาทันทีจิเหยียนโจวชะงักฝีเท้าลง หันกลับไปมองเธอแวบนึง "เด็กนั่นไม่ใช่ลูกของเธอสักหน่อย เธอจะพาไปด้วยทำไม?"ซูหว่านตอบกลับเสียงเย็น "กั่วกัวเป็นลูกของพี่สาวฉัน ฉันเป็นคุณน้าของเธอ ฉันมีสิทธิ์ปกป้องดูแล ก็ต้องพาไปได้อยู่แล้ว"จิเหยียนโจวแค่นเสียงเย็น "เธอกำลังจะบอกว่า ฉันไม่สมควรเลี้ยงดูเด็กคนนั้น?"ซูหว่านพูดเสียงเย็น "สมหรือไม่สมควร คุณก็รู้ดีอยู่แก่ใจ"จิเหยียนโจวเห็นเธอกลับมาปากคอเราะร้ายอย่างเคย ก็รู้ว่าเธอเห็นที่จี้ซือหานไปออกงาน
ซูหว่านถูกขังไว้กับเตียงมาเป็นระยะเวลานาน จึงไม่รู้สถานการณ์ของทั้งสองคน เห็นกั่วกัวรู้เรื่องขนาดนี้ ก็ปวดใจ"กั่วกัว เขา..."ซูหว่านยังพูดไม่ทนัจบ ก็เห็นกั่วกัวขัดขืนลงจากตัวของเธอ แล้วอ้าแขนสองข้างให้จิเหยียนโจวอุ้มนอกจากจิเหยียนโจวจะไม่ปฏิเสธแล้ว ยังอุ้มกั่วกัวขึ้นมาทันทีกั่วกัวซุกตัวเข้าอ้อมกอดของเขาตามแรง ยกมือเล็กป้อมๆขึ้นโบกให้ซูหว่าน"คุณน้า กลับไปอย่างหายห่วงได้เลยค่ะ"ซูหว่านมองจิเหยียนโจวอุ้มกั่วกัวขึ้นด้านบนอย่างตกตะลึงเธอยังอยากจะแย่งสิทธิ์ในการปกป้องดูแลของกั่วกัว แต่ไม่คิดว่ากั่วกัวอยากจะอยู่กับจิเหยียนโจวด้วยใจจริงเธอจ้องแผ่นหลังของเด็กน้อยและผู้ชายคนนั้น ไม่รู้ว่าทำไม แต่ยิ่งดูยิ่งรู้สึกว่าพวกเขาเหมือนกับ...ทันใดนั้นในใจของเธอก็ผุดความคิดนึงออกมา กั่วกัว คงไม่ใช่ลูกของจิเหยียนโจวกับพี่สาวหรอกนะ?ความคิดนี้ทำเอาซูหว่านตกใจใหญ่ รีบสะบัดศีระษะทำลายความคิดในสมองทิ้ง...ครั้งจิเหยียนโจวนับว่ารักษาคำพูด ปล่อยให้ซูหว่านจากไป ทั้งยังเตรียมเครื่องบินส่วนตัวไว้สำหรับเธอโดยเฉพาะหลังจากที่ซูหว่านโบกมือลากั่วกัวอย่างทำใจลำบากเสร็จ ก็หมุนตัวขึ้นไปนั่งในรถ ออกจากวิล
ร่างเล็กบาง ทอดมองเขาท่ามกลางลมและหิมะ ในดวงตาที่แผงไว้ด้วยความรู้สึกที่เอ่อล้น น้ำตาไหลรินดั่งน้ำพุจี้ซือหานยืนนิ่งอยู่กับที่ จ้องเธออยู่ชั่วครู่ ก็ยกเท้า ค่อยๆเดินไปยังทิศทางที่เธออยู่ช้าๆ...ซูหว่านเห็นเขาเดินออกจากบริษัท อีกทั้งยังเดินมายังที่ตัวเองอยู่ ก็รีบเดินขึ้นหน้าไปหาทั้งน้ำตา "ซือหาน ฉัน..."ทันทีที่เธอเรียกชื่อของเขาออกไป ก็เห็นเขาเดินผ่านไหล่ของเธอไปด้วยสีหน้าเย็นชา ไม่แม้แต่จะชายตามองเธอด้วยซ้ำซูหว่านตกตะลึง น้ำตาที่คลอเบ้า ใช้ความอดทนสุดชีวิตกลั้นไม่ให้ไหล แต่เพราะการกระทำนั้นของเขา ทันใดนั้นมันก็ไหลออกมาเธอค่อยๆหันกลับไป มองไปยังชายหนุ่มที่เดินลงบันได โดยที่ไม่หันศีรษะกลับมาไปพร้อมกับกลุ่มบอดี้การ์ดอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาแผ่นหลังของเขาที่สูงใหญ่และแข็งแรง ทว่ากลับโดดเดี่ยวและเฉยชา ราวกับอยู่กันคนละโลก ทำให้เธอไม่อาจสัมผัส หรือเข้าใกล้ได้...ซูหว่านจ้องแผ่นหลังนั้น มึนงงจนนึกว่าตัวเองถูกขังอยู่ในห้วงแห่งความฝัน เป็นฝันร้ายที่เธอเคยฝันถึงมาก่อนจริงๆเธอตายไปตั้งนานแล้วมั้ง เพราะเธอไม่อาจยอมรับได้ว่าจี้ซือหานไม่รักเธอ ดังนั้นแล้วเมื่อไม่สามารถฟื้นกลับมา จึงสา
ซูหว่านรอคำตอบจากจี้ซือหาน รออยู่นานมาก แต่เขาก็ไม่ได้ตอบ สุดท้ายเป็นเธอที่ยกมุมปากขึ้น แล้วยิ้มแข็งทื่อให้เขา..."ฉันเข้าใจแล้ว คุณ...ไม่ต้องการฉันแล้ว..."เธอยกมือขึ้นปัดน้ำตาที่หางตาออก เดินถอยหลังก้าวนึง น้ำตาที่เอ่อล้น เต็มไปด้วยความผิดหวัง...ทว่าเธอไม่ได้เดินจากไป แต่ยืนอยู่ตรงนั้นอย่างเดียวดาย มองชายหนุ่มตรงหน้าที่เงียบไม่พูด แล้วเอ่ยปากเบาๆ"ให้เหตุผลสักข้อกับฉันได้ไหม?"ชายหนุ่มที่คลุมเสื้อโค้ทตัวใหญ่สีดำ สวมแว่นกรอบสีทอง ราวกับเทพบุตรที่ไกลเกินเอื้อมซูหว่านรู้ระยะห่างของตัวเองกับเขาดี มันเหมือนฟ้ากับผืนดิน ไม่มีวินาทีที่จะได้มาบรรจบกันแต่เมื่อสวรรค์ได้ให้โอกาสพื้นดินมาแล้ว เธอก็จะกำความหวังอันเจือจางนี้ไว้ให้แน่น เพื่อเอาคำตอบที่อาจจะพรากชีวิตของเธอไปเลยก็ได้ถึงกระนั้น ชายหนุ่มกลับทำลายความหวังของเธอจนย่อยยับ เขาเอาแต่เงียบ และไม่ได้เงยหน้ามองเธอ ราวกับกำลังใช้ความเย็นยะเยือกบังคับให้เธอจากไปหลังจากที่ซูหว่านสำรวจความคิดของเขาออกแล้ว ก็ยกมือขวาขึ้น ลูบรอยแผลเป็นที่ฆ่าตัวตายเพื่อเขาบนมือซ้าย...จนถึงตอนนี้ เธอถึงได้รู้ว่าอะไรที่เรียกว่าความเจ็บปวดที่แท้จริงจากกา
ชายหนุ่มบนรถโคนิเซ็กจ้องร่างเล็กนั่งยองๆกับพื้นแล้วค่อยๆหดตัวลง ผ่านกระจกมองหลังหลังนิ่ง...กระทั่งร่างนั้นกลายเป็นแค่จุดสีดำ ทันใดนั้นชายหนุ่มก็คลายกำปั้นที่มือออก แล้วตะโกนออกมา..."จอดรถ..."คนขับรีบเหยียบเบรกกระทันหัน รถหรูที่ตามหลังมาสิบกว่าคัน ก็รีบจอดลงตามนิ้วมือที่สั่นเทาของจี้ซือหาน หยิบเสื้อโค้ทตัวใหญ่สีดำ ผลักประตูรถออก ก้าวขายาวเดินไปหาซูหว่านเขาเหยียบลงบนกองหิมะนุ่ม เมื่อมายืนอยู่ตรงหน้าเธอ ได้ยินเสียงหัวเราะไม่ค่อยปกติที่เธอเปล่งออกมา จู่ๆหัวใจก็กระตุก"หว่านหว่าน..."เขาเรียกชื่อของเธอ คนบนพื้น สะดุ้งออกมาเบาๆ ทว่าไม่กล้าเงยหน้าขึ้นจี้ซือหานจ้องร่างกายที่บางประหนึ่งกระดาษแผ่นนึง สายตาเรียบเฉย จู่ๆก็แดงระเรื่อขึ้นเขาคุกเข่าข้างนึงลงตรงหน้าเธอ จากนั้นกางเสื้อโค้ทในมือ แล้วคลุมลงบนร่างกายอ่อนแอของเธอ"อากาศหนาวขนาดนี้ ทำไมเธอถึงใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้นแบบนี้"เสียงแหบพร่าลอยมาจากเหนือศีรษะ ทำให้ซูหว่านเข้าสู่สภาวะมึนงงอีกครั้งกระทั่งตอนที่เสื้อโค้ทตัวใหญ่คละคลุ้งด้วยกลิ่นซิก้าร์ นำความอบอุ่นมาให้เธอ เธอถึงได้ดึงสติกลับมาเธอค่อยๆเงยหน้าขึ้น มองไปยังชายหนุ่มที่ค
ขณะที่จี้ซือหานกำลังอยากจะตอบ จู่ๆเธอก็คว้าแขนเสื้อเขามาจับเอาไว้ แล้วอธิบายอย่างร้อนใจ"ฉันเปล่า ฉันไม่ได้คบกับเขา!""เจาป้อนยาสลบฉัน แล้วพาฉันไปอังกฤษ!""เขาหลอกฉัน โกหกว่าคุณตายไปแล้ว ฉันนึกว่าคุณตายไปแล้วจริงๆ ก็เลยอยากกลับมาเจอหน้าคุณอีกครั้ง!""แต่เขากลับใช้เรื่องนี้มาข่มขู่ แล้วอยากให้ฉันอยู่เป็นตัวแทนพี่สาว ฉันไม่ยอม อยากจะไปตาย แต่เขาโกหกว่าฉันท้อง!"ซูหว่านพูดมาจนถึงตรงนี้ ยกมือขึ้นลูบหน้าท้องตัวเอง มองจี้ซือหานกระชากลำคอตะโกนออกมาราวกับใจจะขาด"ฉันนึกว่าฉันมีเลือดเนื้อเชื้อไขของคุณแล้ว ก็อยากจะคลอดเด็กออกมา เลยรับปากเขาไป!""แต่พอผ่านไปหนึ่งเดือน ฉันก็พบว่าตัวเองไม่ได้ท้อง!""เขาหลอกฉัน! หลอกฉันมาตลอด!!!"หลังจากที่ซูหว่านคำรามเสร็จ ก็ใจเย็นขึ้น จ้องดวงตาของจี้ซือหานที่ตกตะลึง แล้วพูดกลั้วหัวเราะ "คุณรู้ไหมว่าฉันกลับมาได้ยังไง?"จี้ซือหานมองซูหว่านที่สภาพไม่ค่อยปกติตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อ ถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ "กลับ...กลับมาได้ยังไง?"ร่างกายของเขาสั่นไปหมด แต่ก็กลัวว่าทุกอากัปกิริยาของตัวเองจะไปกระตุ้นเธอเข้า จึงได้แต่กดความหวาดกลัวที่ไร้ขีดจำกัดนั้นไว้ แล้
เธอบอกว่า เธอรักเขา รักมาแปดปีเธอบอกว่า เพื่อได้เจอเขา เธอกรีดข้อมือฆ่าตัวตายเธอบอกว่า ต่อไปนี้อย่าทำแบบนั้นกับเธออีก เพราะเธอจะเป็นบ้าไปจริงๆที่แท้เธอก็รักเขา รักจนเข้ากระดูกดำ...หัวใจของจี้ซือหานที่เจ็บปวดเว้งว้างมาสามเดือน ก็ได้รับการต่อลมหายใจ นับตั้งแต่วินาทีที่เธอเป็นฝ่ายจูบเขาเขายกนิ้วเรียวยาวขึ้น ลูบไล้คิ้วและดวงตาของเธอด้วยความอ่อนโยนนุ่มนวล และเต็มไปด้วยความรักใคร่"หว่านหว่าน ในที่สุดฉันก็รอจนถึงวันที่เธอพูดว่ารักฉัน..."ความอบอุ่นที่ส่งตรงมาจากปลายนิ้วของเขา เป็นความลึกซึ้งดั่งฝัน เป็นจิตใจเดียวกัน เป็นความอิ่มเอมจากการตอบสนองที่รอมาหลายปีสิบปีของเขา แปดปีของเธอ ทั้งเคยอยู่ด้วยกัน ทั้งเคยพรากจากกัน โชคดีที่พวกเขาต่างก็รักกันมาโดยตลอด ไม่อย่างนั้นก็คงคลาดกันไปนานแล้วเขากุมใบหน้าของซูหว่านอย่างถนุถนอมยิ่งกว่าสิ่งใด จ้องดวงตาคู่นั้นที่นับจากนี้เป็นต้นไปจะสะท้อนแต่ใบหน้าของเขาเท่านั้น แล้วเปิดปากขึ้นช้าๆ"เราจะไม่แยกจากกันอีกแล้ว ตกลงไหม?"ดวงตาของซูหว่านคลอไปด้วยน้ำตา พนักหน้าให้เขานิดหน่อย"ตกลง..."คำตอบของเธอ เ็นเหมือนคำสัญญาต่อเขา จะไม่แยกจากกันอีก และไ
หลังจากเสร็จสิ้น ซูหว่านซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดของเขา ยกมือขึ้นลูบใบหน้างดงามไร้ที่ติของเขา"เมื่อกี้ทำไมคุณถึงได้เย็นชากับฉันขนาดนั้น?"เมื่อกี้นี้เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ต้องการเธอแล้วชัดๆ ถึงได้ทิ้งเธอไว้ท่ากลางกองหิมะหลังจากนั้นก็ย้อนกลับมาหาเธอ เกรงว่าก็แค่อยากจะสวมเสื้อโค้ทให้เธอก็เท่านั้น ไม่ได้ตั้งใจจะพาเธอไปแต่อย่างใดในใจของซูหว่านรู้ดีว่าการกลับมาพบกันครั้งนี้ จี้ซือหานไม่ได้รุกเร้าเหมือนอย่างเมื่อก่อนเป็นเธอที่กลัวว่าจะเสียเขาไป ถึงได้ทั้งอธิบาย ทั้งสารภาพรัก ทั้งรุกเร้าอย่างกับคนบ้าถ้าไม่ใช่เพราะเธอกระตือรือร้นที่จะจับเขาเอาไว้ จับความหวังเส้นสุดท้ายนั้นไว้ เดาว่าจี้ซือหานก็คงไม่แตะต้องเธอหรอก...จริงๆเธอสัมผัสได้ว่าเขายังรักเธอ แล้วก็ยังเชื่อใจเธอ เพียงแต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ถึงทำให้เขาเฉยชากับเธอได้แบบนั้น?เป็นเพราะเขามาหาเธอ เห็นท่าทางของเธอสวมบทเป็นพี่สาวหลังจากที่ตาบอด แล้วกุ๊กกิ๊กกับจิเหยียนโจว ถึงได้เข้าใจผิดว่าเธอไม่ต้องการเขา เพราะงั้นหลังจากเห็นเธอแล้ว เลยเลือกที่จะปฏิบัติอย่างเย็นชางั้นหรอ?เมื่อเห็นความสงสัยในแววตาของซูหว่าน จี้ซือหานก็ทอดสายตาลงต่ำช้าๆ ล
ช่างเสื้อหยิบชุดเจ้าสาวชุดนั้นลงมา เมื่อสัมผัสโดนเนื้อผ้าและเพชรที่ประดับอยู่ด้านบน ก็อึ้งไปชุดแต่งงานชุดนี้เต็มไปด้วยผ้ากอซสีอ่อนหลายชั้น ประดับด้วยดอกกุหลาบและเพชรที่ทอจากผ้าซาตินเนื้อนุ่ม ตัวชุดเป็นสีขาวคริสตัลเรียบง่ายและวิจิตรงดงามด้วยเพชรที่ถูกเย็บเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ส่องประกายด้วยเสน่ห์อันงดงามและสง่างามจนน่าทึ่งถ้าดูไม่ผิด หากอ่านไม่ผิด นี่คือชุดแต่งงานเพียงชุดเดียวในโลกที่ถูกออกแบบโดยดีไซน์เนอร์ชุดแต่งงานชื่อดังระดับโลกหลายปีก่อน ชุดเจ้าสาวชุดนี้ถูกเก็บเอาไว้ในห้องนิทรรศการที่ต่างประเทศ แต่ต่อมาได้ยินว่าถูกคนซื้อไปในราคาสูงลิ่วคิดไม่ถึงว่าคนที่ซื้อชุดเจ้าสาวไป จะเป็นท่านประธานของกลุ่มบริษัทจี้ ถ้าไม่ได้รักอีกฝ่ายจริง จะยอมจ่ายหนักขนาดนี้ได้ยังไง?ที่สำคัญอีกชุดนึงที่อยู่ในตู้ ราคาก็ไม่ธรรมดา ดูก็รู้ว่าเป็นรุ่นลิมิเต็ด เดาว่าก็น่าจะมีแค่ชุดเดียว ไม่ซ้ำใคร"คุณนายจี้ ท่าทางคุณผู้ชายจะรักคุณมากเลยนะคะ..."ซูหว่านได้ยินคำพูดของช่างเสื้อ ก็พยักหน้าอย่างไม่ปิดบังผู้ชายคนนั้นรักเธอมาก รักจนยอมมอบทุกอย่างให้กับเธอ รักจนยอมตายไปพร้อมกับเธอเธอคิดว่าชีวิตที่เหลืออยู่หล
ซูหว่านพยักหน้าด้วยความเข้าใจ "ก็ได้ค่ะ ฉันเอาตามที่คุณพูด ตอนนี้ถ้าคุณไม่ขึ้นเครื่องบิน ก็ต้องขึ้นรถพยาบาลก่อน..."ถ้ายังไม่ห้ามเลือดอีก เขาจะทนไม่ไหวเอา จี้ซือหานเห็นว่าเธอเป็นห่วงเขา ถึงได้จับมือเธอขึ้นเครื่องบินอย่างว่าง่ายคืนนี้ ซูหว่านเฝ้าอยู่ข้างกายจี้ซือหาน รอหมอห้ามเลือด เย็บแผล เปลี่ยนยาให้เขาเสร็จ เธอถึงได้โล่งใจเมื่อเห็นว่าฟ้าเริ่มสาง ซูหว่านก็รู้สึกว่าไม่น่าจะจัดงานแต่งได้ จึงเอ่ยข้อเสนอกับเขา "หรือเลื่อนออกไปวันนึงไหม"ชายหนุ่มที่ถือผ้าขนหนูช่วยเช็ดผมให้เธอ พูดด้วยความแน่วแน่ "ไม่ได้ ยังไงวันนี้ก็ต้องจัดงานแต่ง!"ซูหว่านที่เพิ่งแช่น้ำอุ่นในอ่างอาบน้ำ อุงไอน้ำร้อนๆในมือ หันกลับไปมองเขา "แต่แผลของคุณ..."จี้ซือหานพูดอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น "ต่อให้แผลจะใหญ่กว่านี้ ก็ไม่สำคัญเท่ากับการจัดงานแต่ง"ซูหว่านยังอยากพูดอะไรอีก แต่จี้ซือหานหยิบไดร์ขึ้นมาเป่าผมให้เธอจากนั้น ขับรถไปส่งเธอที่วิลล่าของซานซานด้วยตัวเอง โดยไม่สนคำทัดท้านของเธอ"สิบเอ็ดโมง ฉันจะพาคนของตระกูลจี้ มารับเธอ"กำหนดการณ์เดิมคือสิบโมง แต่กลัวว่าเธอจะเหนื่อยเกินไป อยากให้เธอพักผ่อนกว่านี้อีกหน่อย ชาย
จี้ซือหานกอดเธอ สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากร่างกายของเธอ หัวใจที่เจ็บปวดจนชา ก็ค่อยๆสงบลงเขาคลายซูหว่านออก เห็นร่างกายของเธอเปียกปอนไปทั้งตัว ทั้งยังสั่นระริกด้วยความหนาวเหน็บ หัวใจก็เจ็บแปล๊บขึ้นมาอีก"คนที่ควรพูดขอโทษคือฉัน ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน เธอก็ไม่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้""คุณพูดอะไรโง่ๆ เราเป็นสามีภรรยากัน ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ ก็ต้องรับผิดชอบร่วมกันสิ"ซูหว่านพูดจบ ก้มหน้าลงมองมือตัวเองแวบนึง เมื่อเห็นเลือดที่เลอะเต็มมือ ใบหน้าก็ซีดไปทันที"แผลที่หลังของคุณฉีกแล้ว รีบขึ้นรถพยาบาลเถอะ..."เมื่อกี้เธอนึกว่าเป็นน้ำทะเล ไม่คิดว่าทั้งหมดนั้นล้วนเป็นเลือด แผลที่หลังจะต้องฉีกออกแล้วแน่ๆ!ซูหว่านควงแขนของเขาได้ ก็เตรียมจะเดินไปยังทิศทางของรถพยาบาล ทว่าจี้ซือหานกลับดึงเธอกลับมา"หว่านหว่าน แผลแค่นี้ไม่เท่าไหร่หรอก"เขาพูดจบ ก็มองเจียงโม่ที่ยืนห่างออกไปไม่ไกลแวบนึง"จับตัวเธอ แล้วค่อยแจ้งคุณเจียง ให้เขามาไถ่ตัวด้วยตัวเอง ไม่งั้นก็ปลดชีวิตเธอซะ!"คำพูดนั้นเขาพูดกับซูชิง ซูชิงรีบรับคำสั่งทันที "ครับ ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้!"เจียงโม่ที่คาดเดาได้ตั้งแต่แรกว่าคุณเย่ไม่มีทางปล่อยเธอ เห็นซ
ซูหว่านครุ่นคิด ก่อนจะถามเขา "คุณแซ่ชู งั้นคุณรู้จัก..."ชูยีไหม?ยังไม่ทันจะได้เอ่ยคำนี้ออกไป ก็ถูกชูจิ่นเหยียนตัดบท "ผมจะส่งคุณกลับไป"ซูหว่านได้ยินดังนั้น ก็กลืนคำพูดลงไป ขมวดคิ้วมองเขา "ลำบากแทบตายกว่าฉันจะหนีออกมาได้ จะส่งกลับไปทำไม?"ชูจิ่นเหยียนกรอกตาใส่เธออย่างหมดคำพูด "ผมหมายความว่า จะส่งคุณกลับบ้าน..."ซูหว่านจึงได้พยักหน้า ลุกขึ้นจากหาดทราย เธอต้องรีบกลับไปบอกจี้ซือหาน...ว่าเธอหนีออกมาแล้ว เธอปลอดภัย เธอไม่ได้กลายเป็นภาระของเขา และเขาก็ไม่ต้องถูกแบล็กเมล์อีกหลังจากที่เธอขึ้นฝั่งมากับชูจิ่นเหยียน ก็เห็นรถพยาบาลคันแล้วคันเล่าขับตรงไปยังบีชคลับอย่างรวดเร็วฝีเท้าของเธอชะงัก ช้อนสายตามองไปยังชายหาดที่อยู่ห่างไกล มองเห็นร่างมนุษย์ไม่ชัด เห็นแต่เรือลำเล็กลำใหญ่แล่นลงทะเลทีละลำซูหว่านทอดสายตาลงต่ำครุ่นคิดอยู่สักครู่ เอาแต่รู้สึกว่าเจียงโม่ไม่น่าจะส่งคนจำนวนมากขนาดนั้นมาตามหาและช่วยชีวิตเธอ หรือว่าจี้ซือหานมาแล้ว?ถ้าจี้ซือหานมาถึงแล้ว รู้ว่าเธอกระโดดลงทะเล เกรงว่าจะทำให้เขาตกใจมาก เพราะคิดมาถึงตรงนี้ซูหว่านก็เปลี่ยนความคิด"เราไปดูตรงนู้นหน่อยเถอะ?"ไปดูแปบนึง ถ้าจี้
ซูหว่านที่พยายามหนีถึงสามครั้งแต่ก็ถูกจับกลับมาได้ทุกครั้ง หันกลับมามองเจียงโม่ที่เดินตามหลังเป็นระยะๆเธอเห็นเอาแต่รับโทรศัพท์ตลอดเวลา ราวกับกำลังปรึกษาเรื่องอะไรอยู่ เพราะระยะค่อนข้างห่าง จึงได้ยินไม่ชัด แต่บางครั้งก็จะได้ยินแค่ชื่อของจี้ซือหานเธอไม่รู้ว่าจี้ซือหานรับปากหรือไม่ แล้วก็ไม่รู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง รู้แค่ว่าตัวเองจะกลายเป็นภาระของจี้ซือหานไม่ได้เธอมองไปยังผืนน้ำทะเลที่สาดเป็นคลื่นดุเดือด หลังจากมองอยู่หลายอึดใจ ก็กระโดดเข้าไปในทะเลโดยไม่ลังเล...เธอเคยพูดว่าถ้าหากมีใครเอาตัวเธอเพื่อไปข่มขู่จี้ซือหาน ถ้างั้นเธอก็จะไม่ยอมกลายเป็นตัวถ่วงของเขาเด็ดขาดเจียงโม่ที่กำลังเกลี้ยกล่อมพ่อบุญธรรมว่าอย่าแบล็กเมลล์จี้ซือหานอีก ได้เห็นภาพช็อตนั้น ก็ตกใจจนหน้าซีดในทันที"ซูหว่าน!"เธอกรีดร้องออกมาทีนึง โยนโทรศัพท์แล้วพุ่งลงไปในทะเลเพื่อช่วยชีวิต ทว่าถูกร่างใครบางคนพุ่งตัดหน้าเข้ามาก่อน...เสียงกระโดดลงทะเลดัง "ตู้ม" ของชูจิ่นเหยียน ว่ายเข้าไปหาร่างเล็กบางที่พุ่งเข้าไปในคลื่นทะเลด้วยความแข็งขันเจียงโม่ที่อยู่บนชายหาด ตอนแรกยังพอจะเห็นร่างของทั้งสองคนลอยอยู่เหนือผิวน
ฝีเท้าของซูหว่านชะงักไปทันทีเธออยากจะหันกลับไปโต้ตอบเขาสักสองสามประโยค แต่ก็กลัวจะเสียเวลา จึงไม่ได้สนใจอีกฝ่าย แต่ผลักประตูห้องน้ำหญิงด้วยความรวดเร็วหลังจากที่เธอเข้าไปแล้ว ก็เดินสำรวจห้องน้ำรอบนึง เมื่อเห็นว่าด้านข้างมีหน้าต่างบานเล็ก ก็รีบเดินเข้าไปแล้วเปิดออกข้างนอกเป็นถนนหลวง แค่ปีนออกจากตรงนี้ไป ก็จะสามารถเดินไปถึงถนนหลวงได้ และโอกาสที่จะหนีรอดก็สูงมากทีเดียวเธอเองก็ขี้เกียจมานั่งคิดว่าหลังจากเดินไปถนนหลวงแล้วจะกลับไปยังไง จึงพับแขนเสื้อขึ้น แล้วปีนไปยังขอบหน้าต่างสูงชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนถนนหลวง เขางอขาข้างหนึ่งขึ้น มือข้างหนึ่งทาบบนเข่า กำลังสูบบุหรี่ไปพร้อมกับที่มองดูเธอปีนออกไปนอกหน้าต่างพิลึกคน!ถ้าอยากจะออก ก็เดินผ่านคลับ ออกจากมาประตูหลัก หรือไม่ก็ข้ามชายหาดมาก็ได้แล้ว ทำไมต้องปีนหน้าต่าง?"นี่!"เขาแหกปากคำนึง ทำเอาซูหว่านตกใจจนตกลงมาจากบนขอบหน้าต่าง...ซูหว่านล้มลงอย่างแรง เธอหน้าบูดบึ้งเนื่องจากความเจ็บปวด โชคดีที่ด้านล่างเต็มไปด้วยทราย ไม่อย่างนั้นคงได้กระดูกหักเธอตะเกียกตะกายขึ้นมาจากพื้น จ้องผู้ชายที่นั่งสูบบุหรี่อยู่บนถนนหลวงตาเขม็ง "นายเป็นโรคหรือไง
เจียงโม่ไม่หลงกล ซูหว่านจึงใช้เล่นแง่ในทางความรู้สึกแทน"คุณหนูเจียง คุณก็รู้ว่าคนที่จี้ซือหานแคร์ มีแต่ฉันมาโดยตลอด""คุณกักตัวเพื่อนของฉันไม่ยอมปล่อย ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรเท่าไหร่ ทำไมต้องให้คนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่มารับเคราะห์ด้วยล่ะ?"เจียงโม่จ้องดวงตาใสบริสุทธิ์ของซูหว่านนานอยู่สักพัก จากนั้นก็โบกมือ "ช่างเถอะ แค่คุณอยู่ก็พอแล้วล่ะ"เธอส่งคนไปโทรศัพท์ หลังจากที่เห็นอีกฝ่ายวางสาย ก็หันมาพยักหน้าให้เธอ แล้วจึงอธิบายให้ซูหว่านฟัง"เพื่อนของคุณไม่รู้ว่าตัวเองถูกลักพาตัว ฉันก็แค่ส่งคนไปก่อกวนพวกเขานิดหน่อย หลังจากที่คุณกลับไป อย่าพูดถึงเรื่องนี้ก็แล้วกัน"สรุปว่าที่ซานซานออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้า ที่อลันกับซีอี้ไม่ได้มาที่วิลล่า ไม่ใช่เพราะถูกลักพาตัว แต่ถูกคนของเจียงโม่สร้างสถานการณ์แต่ว่า ฟังจากความหมายของเจียงโม่ ถ้าเธอไม่มาล่ะก็ คตที่สร้างสถานการณ์กลุ่มนั้น จะต้องลงมือกับพวกซานซานเป็นแน่...เพียงแต่เพราะเจียงโม่คำนึงถึงจี้ซือหานหรือเธอ ถึงได้เลือกใช้วิธีนุ่มนวล ไม่งั้นลักพาตัวไปเลยก็จะง่ายกว่า...แต่ไม่ว่าคนที่เจียงโม่คำนึงเป็นใคร หรือไม่ว่าจะคิดยังไง มันก็ไม่สำคัญทั้งนั้น
ซูหว่านฟังเข้าใจความหมายที่แฝงในคำพูดของเจียงโม่ ก็ถามเธอว่า "ฉันขอกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนได้ไหม?"เจียงโม่อ่านความคิดของเธอออกทันที "คุณซู คิดถึงสถานการณ์ของเพื่อนคุณให้มากหน่อยก็ดีค่ะ"ความหมายอีกอย่างก็คือ มีชีวิตของเพื่อนเธออยู่ในกำมือ ถึงเธอจะใช้ข้ออ้างไปบอกบอดี้การ์ด หรือแหกปากร้องตะโกนก็ไม่มีประโยชน์ซูหว่านครุ่นคิด ปล่อยมือที่ประคองประตูรถมาตลอดลง ไพล่ไว้ด้านหลัง ทำสัญลักษณ์ให้กับบอดี้การ์ดหลังจากที่เธอส่งสัญญาณมือโดยเงียบเชียบเสร็จ ก็เปิดประตูรถ แล้วเข้าไปนั่งข้างในเห็นเธอขึ้นรถมาแต่โดยดี เจียงโม่ก็เขี่ยซิก้าร์ในมือจนมอด จากนั้นสตาร์ทรถ...ตอนที่เธอเหยียบคันเร่ง มองกระจกมองหลังแวบนึง บอดี้การ์ดกลุ่มนั้นตามมาดังคาดเจียงโม่ดึงสายตากลับ เหยียบคันเร่งจนมิด เลี้ยวผ่านไปไม่กี่โค้งก็สลัดบอดี้การ์ดสำเร็จถึงยังไงก็เป็นถึงระดับหัวหน้าของทีมย่อยในS การที่เจียงโม่สลัดบอดี้การ์ดทิ้งได้ ก็เป็นเรื่องที่ง่ายดายมากซูหว่านกำเข็มขัดนิรภัยแน่นถึงไม่โดนสะบัดออกจากรถไป ทว่าความรู้สึกพะอืดพะอมในท้องกลับทำให้เธออยากอ้วกเธอกุมหน้าอกที่เต้นระรัว อดกลั้นความรู้สึกสะอิดสะเอียนไว้ มองไปย
นิ้วของเจียงโม่ที่คีบซิการ์ เคาะขี้เถ้าเบาๆ"คุณซู มีใครเค้าพาสามีไปร่วมปาร์ตี้คนโสดกันบ้าง?"การที่เจียงโม่จะปฏิเสธ เป็นสิ่งที่คาดเดาไว้ได้อยู่แล้ว เพียงแต่ทำไมล่ะ?ที่เจียงโม่เชิญเธอไปร่วมงานปาร์ตี้คนโสด ก็เพราะอยากให้เธอสอนว่าจะจีบเจียงเจ๋อยังไงไม่ใช่หรอ?งั้นถ้าเธอจะพาจี้ซือหานไปด้วย ก็ไม่ได้หน่วงต่อการสอนเจียงโม่จีบเจียงเจ๋อไม่ใช่หรอ?เธอคิดว่าบางทีเจียงโม่อาจจะอยากอาศัยปาร์ตี้นี้เพื่อพาตัวเธอไป ส่วนเป้าหมายคืออะไร เกรงว่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เจียงเจ๋อคุยกับจี้ซือหานหลังจากที่ซูหว่านคิดได้ดังนั้น ก็มองเจียงโม่ด้วยสายตาที่จริงใจ"คุณหนูเจียง ฉันกับจี้ซือหานถูๆไถๆกันมาเกือบสิบปี กว่าจะได้แต่งงานกันไม่ง่ายเลย ฉันไม่อยากให้เกิดเรื่องไม่คาดฝันอะไรขึ้นก่อนวันแต่งงาน""พรุ่งนี้เช้า ฉันแค่อยอยากสวมชุดแต่งงานที่เขาส่งมาให้ แต่งให้เขาด้วยสภาพร่างกายจิตใจที่สมบูรณ์แบบที่สุด หวังว่าพวกคุณจะช่วยให้เราสมหวังด้วย"ตอนที่พูดสิ่งเหล่านี้ เธอเห็นสีหน้าของเจียงโม่ เปลี่ยนไปเล็กน้อย ก็รู้ได้ทันทีว่าเจียงโม่มีจุดประสงค์อย่างแท้จริง จึงยกริมฝีปากยิ้ม"คุณหนูเจียง ถ้าคุณอยากให้ฉันสอนคุณจีบ