เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบอาคารองค์การนาซ่าต้อนรับเสิ่นหนานอี้และซูหว่าน นำทางเดินผ่านห้องโถงแล้วเลี้ยวไปยังอาคารอีกหลังหนึ่งซูหว่านเดินไปพลางสํารวจสภาพแวดล้อมภายใน แบบจําลองจรวด ชุดอวกาศ อวกาศและอื่น ๆ ทําให้เธอมีความเข้าใจเกี่ยวกับการบินและอวกาศลึกซึ้งมากขึ้นก่อนหน้านี้เธอไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์มากนัก แต่พอได้มาเห็นกับตาตัวเอง นอกจากความตกตะลึงแล้วยังทําให้เธอได้แรงบันดาลใจในการออกแบบอาคารอีกด้วยเธอถือแปลนเดินตามหลังเสิ่นหนานอี้ไป ได้ยินเสียงพนักงานต้อนรับเดินไปพลางพูดให้พวกเขาฟังว่า "ที่นี่คือสํานักงานใหญ่นาซ่า สํานักงานบริหารของเราอยู่อีกอาคารหนึ่ง เดี๋นวฉันจะพาพวกคุณไปพบผู้รับผิดชอบโครงการ"เสิ่นหนานอี้ยิ้มแหย ๆ และพยักหน้าให้พนักงานต้อนรับ อีกฝ่ายก็พาพวกเขาเดินเข้าไปในอาคารหลังข้าง ๆจี้ซือหานยืนอยู่ในลิฟต์ ใบหน้างดงามไร้ที่ติของเขาไร้อารมณ์ แต่จากคิ้วหนาที่ขมวดแน่นมีแวววิตกกังวลปรากฎให้เห็น ดวงตาที่เย็นชาราวกับน้ำค้างแข็งนั้นกระพริบขึ้นลงปริบ ๆ เขาจ้องมองตัวเลขบนหน้าจอลิฟต์อย่างใจจดใจจ่อตึกนี้มีหลายชั้นมาก แถมยังมีคนเข้า ๆ ออก ๆ ตลอด เลนทำให้เสียเวลาไปไม่น้อย กว
เสิ่นหนานอี้กำหมัดแน่นขี้นกว่าเดิมโครงการที่ชูยีเคยรับเมื่อก่อนมีฐานะสูงกว่านาซ่ามากทุกครั้งที่เขาไปตรวจงาน หัวหน้าผู้รับผิดชอบมักจะเสิร์ฟอาหารเครื่องดื่มอร่อย ๆ ให้ต้อนรับอย่างดีใครจะไปคิดว่าคนของนาซ่าจะหยิ่งขนาดนี้ถ้านี่ไม่ใช่โครงการทีชูยีทิ้งไว้ ตอนนี้เขาก็คงลากซูหว่านออกไปแล้ว ค่าผิดสัญญาอะไรก็ช่างมันในขณะที่เสิ่นหนานอี้กำลังหัวร้อน ซูหว่านกลับยอมอ่อนข้อให้พูดว่า "งั้นคุณไรเดอร์ช่วยให้คนไปพาเราไปที่ตั้งโครงการหน่อยนะคะ"ไรเดอร์ไม่ค่อยเต็มใจ เขาโทรศัพท์หาใครสักคนแล้วไม่นานก็มีผู้หญิงชื่อเจนนี่เดินเข้ามาเมื่อเจนนี่พาทั้งสองออกจากศูนย์บริหาร ไรเดอร์จ้องตามหลังซูหว่านด้วยสายตายิ้มเยาะ เมื่อเห็นขาที่ขาวเรียวยาวของเธอ สายตาของเขาก็ค่อย ๆ ฉายแววความปรารถนาออกมาหลังจากพวกเขาออกจากตึกแล้ว พวกเขาเดินออกจากทางประตูด้านข้างของตึกนาซ่า ตอนขึ้นไปนั่งบนรถซูหว่านมองออกไปนอกหน้าต่างตามความเคยชินบังเอิญเห็นคนร่างสูงใหญ่ร่างหนึ่งในตึกนาซ่ากําลังรีบเดินไปที่อาคารศูนย์บริหารงานกลาง...เขาสวมสูทสีดำราคาแพง ยังคงหล่อเหลามาดเข้มเหมือนเดิมไปเปลี่ยน ทั้งตัวปรกคลุมไปด้วยกลิ่นอายแห่งความเยือ
"จี้ซือหาน คุณรับปากว่าจะให้ฉันจีบคุณ แล้วคุณทําแบบนี้กับคนที่ตามจีบคุณเนี่ยนะ"เมื่อเจอกับคําถามนี้ของเซิ่งจิ่น หน้าตางดงามของจี้ซือหานก็หมนหมองลงเล็กน้อย"สามเดือน หมดเวลาแล้ว คุณไสหัวไปได้แล้ว"เซิ่งจิ่นหายใจไม่ออก เธอมองใบหน้าที่เย็นชาราวน้ำค้างแข็งของจี้ซือหานแล้วก็ทําอะไรไม่ถูกเงื่อนไขที่เธอเสนอในตอนนั้นคือขอจีบสามปี แต่เขาให้เวลาเธอแค่สามเดือนเท่านั้นสามเดือนนี้เหมือนคำนวนมาอย่างดีแล้วเลย เขาหลบอยู่ในองค์การนาซ่าไม่ยอมออกมาเลยอุตส่าห์รอจนเขาออกมาแล้วแท้ ๆ แต่ก็ดันครบกำหนดสามเดือนพอดีสมกับเป็นท่านประธานกลุ่มบริษัทจี้ คํานวณได้แม่นยําจริง ๆแต่แล้วจะยังไง คนอย่างเซิ่งจิ่นถ้าอยากจีบใครสักคน เธอไม่เคยสนใจว่าคนที่ถูกจีบจะรู้สึกอย่างไรเซิ่งจิ่นรู้ว่าเขาเป็นคนรักความสะอาดและรู้ว่าเขาเป็นคนจืดชืด จึงไม่ได้สนใจพฤติกรรมที่เสียมารยาทของเขาเมื่อกี้เธอกดประตูลิฟต์ค้างไว้ ไม่ได้พูดอะไร แค่มองจี้ซือหานแล้วยิ้มอย่างมั่นใจในวินาทีที่ลิฟต์ปิดเมื่อก่อนตอนสมัยเรียนไม่มีโอกาสจะได้เข้าใกล้เขาด้วยซ้ำ ตอนนี้มีโอกาสได้เชื่อมสัมพันธ์กับเขาแล้ว ด้วยมารยาต่าง ๆ ของเธอเธอต้องสามารถเอาชนะใจ
หลังจากเจนนี่โน้มน้าวซูหว่านได้สำเร็จก็ขับรถพาพวกเขาไปแต่งหน้าทำผมและเปลี่ยนเสื้อผ้าคนต่างชาติทั้งชายและหญิงให้ความสําคัญกับงานเลี้ยงอาหารค่ำเสมอและมักจะแต่งตัวเต็มยศมาร่วมงานซูหว่านสวมชุดเดรทยาวคอวีสีแหวกอกสีดำ เนื้อผ้าถูกเย็บอย่างแน่นกระชับเพื่อเน่นรูปร่างที่อกนูนก้นกระดกให้เด่นหน้าอกเต่งตึงที่ล้นออกมา เอวเพรียวคอดกิ่ว ต้นขาที่ขาวและเรียวสวยต่างก็สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนในลุคผมสั้นประบ่าเธอรู้สึกว่าชุดนี้โป๊เกินไปจึงจะขอเปลี่ยน แต่เจนนี่กลับเร่งบอกว่าไม่ทันแล้วเธอจึงต้องขอยืมเสื้อสูทของเสิ่นหนานอี้มาคลุมตัวไว้ อย่างน้อยก็ปกปิดหลังที่เปลือยเปล่าไว้ก็ยังดีแล้วพวกเขามาถึงโรงแรมในไม่ช้า หลังจากเสิ่นหนานอี้ลงจากรถแล้วเขาก็จูงมือเธอลงมาจากรถอย่างเป็นสุภาพบุรุษเมื่อทั้งสองเดินบนพรมแดง เสิ่นหนานอี้ก็เอียงหน้าพูดกับซูหว่านว่า "เกาะแขนผมไว้เดี๋ยวจะได้ไม่มีใครมาเกาะแกะคุณ"ซูหว่านยกแขนเรียวขาวขึ้นมาจับแขนเขาไว้ทันที ทั้งสองเดินเคียงคู่กันเข้าไปในโรงแรมในงานเลี้ยงอาหารค่ำมีคนจํานวนมาร่วมงานหลายคน แต่ไม่ใช่ผู้บริหารของนาซ่าหรือช่างเทคนิคหลัก มีแต่คนของศูนย์บริหารงานกลางเมื่อ
เธอคิดไปคิดมาแล้วสุดท้ายก็ตอบตกลงจี้ซือหานพาเธอไปที่ระเบียงและสั่งบริกรนําไวน์แดงสองแก้วมาให้พวกเขาเดิมทีซูหว่านดื่มแอลกอฮอล์ไม่ได้ แต่อยู่กับเขาตามลำพังมันอึดอัดจนหายใจไม่ออกเธอเลยได้แต่ต้องรับแก้วไวน์มา ก้มหน้าจิบไวน์เพื่อให้ผ่านช่วงเวลาสั้น ๆ ที่แสนหนักหน่วงนี้ไปจี้ซือหานเห็นว่าเธอดื่มไวน์ไปหลายอึกจึงยื่นนิ้วที่เรียวยาวออกและคว้าแก้วไวน์ในมือของเธอไป"เธอเคยผ่าตัดใหญ่มาอย่าดื่มเยอะ"เขาวางแก้วไวน์ไว้บนบาร์ข้าง ๆ หันข้างมามองซูหว่านแสงสลัวส่องลงบนใบหน้าขนาดเท่าฝ่ามือทำให้ผิวให้ขาวเนียนละเอียดบวกกับเครื่องหน้าที่ประณีตงดงามดูนุ่มนวลจนไร้ที่ติสายตาของเขาค่อย ๆ เลื่อนลงมา ผมสั้นยุ่งเหยิงติดอยู่ที่ต้นคอขาวเขามองแค่แวบเดียวเลือดก็เดือดพล่าน เขากลัวว่าตัวเองจะทำอะไรที่ไม่เหมาะสมอีกจึงรีบละสายตาเขายกแก้วไวน์ขึ้นมาจิบแล้วมองไปข้างหน้า ถามซูหว่านที่ยืนเคียงบ่าอยู่ข้างกายว่า "ตอนนี้เธอเริ่มทํางานหรือยัง"หลังจากซูหว่านส่งเสียงอืมเบา ๆ เธอก็ยกมือเล็ก ๆ ทั้งสองข้างที่ไม่รู้จะวางไว้ตรงไหนดีที่ขึ้นมาวางที่ขอบบาร์จี้ซือหานเอียงหน้ามองไปที่แผ่นหลังของเธออีกครั้งเมื่อเห็นผิวที่
จี้ซือหานสั่นไปทั้งตัว นี่คือผู้หญิงที่เขาไม่ได้สัมผัสมานานกว่าสามปีแล้ว แค่แววตาที่เธอมองมาทีเดียวก็ทําให้เขาควบคุมตัวเองไม่ได้แล้ว นับประสาอะไรกับที่เธอมาร้องขอเขาก่อนแบบนี้แต่เธอแต่งงานแล้วและที่เธอกัดติ่งหูของเขาและพูดแบบนี้ก็เพราะถูกวางยาดื่มอะไรที่ไม่ควรดื่มเข้าไปแต่... ลมหายใจและจูบที่ร้อนระอุข้างหูทําให้เขาชาไปทั้งตัว แค่ไม่กี่วินาทีความเหมาะสมก็ถูกความปรารถนาเข้าแทนที่ทันทีเขายกนิ้วมือเรียวขึ้นมาจับเอวของเธอไว้ แล้วอุ่มร่างเล็ก ๆ ของเธอขึ้นมาเล็กน้อยดันตัวเธอติดกับบาร์มืออีกข้างที่เห็นข้อกระดูกชัดเจนจับท้ายทอยเธอไว้แล้วก้มหน้าลงไปดูดริมฝีปากเธอ เขาจูบเธออย่างบ้าคลั่งไม่สนใจอะไรอีกแล้ว…จี้ซือหานควบคุมตัวเองไม่ได้ เขาต้องการเธอมาก แต่เขาก็ยังมีจิตสำนึกอยู่บ้าง เขารู้ดีว่าไม่ควรจะทำอะไรเธอในเวลานี้จี้ซือหานกอดเธอแน่น หลังจากก้มหน้าจูบอย่างลึกซึ้งไปพักหนึ่ง เขาก็บังคับตัวเองให้อดทนต่อความเจ็บปวดและผลักเธอออกไปซูหว่านที่ถูกผลักออกไป เธอหน้ามองเขาด้วยแววตาสับสน ดวงตาของเธอขมุกขมัวจี้ซือหานก้มตัว จับคนร่างเล็กอุ้มนอนขึ้นมาและพูดเบา ๆ ว่า "หว่านหว่าน อย่าดื้อ ฉันจะพาเธ
ถ้าคืนนี้เขาไม่มา ซูหว่านคงตกอยู่ในมือของไรเดอร์แล้ว พอคิดว่าเธอเกือบถูกชายแก่แบบนี้รังแก เขาก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ!ชีวิตนี้เขาสามารถทนความเจ็บปวดยกเธอให้กับซ่งซือเยว่ได้ แต่เขาไม่สามารถทนให้ผู้ชายคนอื่นมาจ้องเธออย่างใจจดใจจ่อได้ แม้แต่มองแวบเดียวก็ไม่ได้!เมื่อไรเดอร์ได้ยินว่าจี้ซือหานจะยิงเขา เขาก็กลัวจนตัวสั่นและตะโกนด้วยความโกรธในเวลาเดียวกันก็ว่า "คุณมีสิทธิ์อะไรที่จะยิงผม?!"จี้ซือหานทําเหมือนไม่ได้ยิน อุ้มซูหว่านออกจากระเบียงอย่างรวดเร็ว แล้วเดินผ่านห้องจัดเลี้ยง เข้าไปนั่งในรถลีมูซีนหลังจากเขาวางซูหว่านไว้ที่เบาะหลังที่กว้างขวางแล้ว ก็เหลือบตามองคนขับอย่างเย็นชา "วางแผ่นกั้นลง!"คนขับตกใจกับสายตาของเขาและรีบวางแผ่นกั้นลงด้วยความตกใจหลังจากปิดกั้นสายตาแล้ว คนขับรถก็ได้ยินเขาออกคําสั่งอย่างเย็นชาว่า "ภายในสิบนาทีไปถึงโรงพยาบาลซะ!"คนขับรถตอบกลับด้วยความเคารพว่าครับ และสตาร์ทรถอย่างรวดเร็วเพื่อไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดเมื่อเสิ่นหนานอี้ไล่ตามออกมา ก็เห็นเพียงแค่ควันไอเสียที่รถหรูทิ้งไว้ เขาโกรธจนรีบโบกรถแล้วตามไปทันทีที่เบาะหลัง จี้ซือหานวางซูหว่านไว้ด้านข้าง เขาไม่กล้
จี้ซือหานนั่งอยู่หน้าเตียงผู้ป่วย ใช้ถุงน้ำแข็งลดอุณหภูมิให้เธอร่างกายที่ร้อนและแดงของเธอค่อย ๆ กลับเป็นสีเลือดตามปกติเขาวางถุงน้ำแข็งลง ยกนิ้วขึ้นลูบแก้มของเธอเมื่อรู้สึกได้ว่าใบหน้าของเธอไม่ได้ร้อนขนาดนั้นแล้ว คิ้วเข้มที่ขมวดแน่นจึงค่อย ๆ คลายออกเขาจับมือเล็ก ๆ ของเธอ จ้องมองใบหน้าเล็กขนาดเท่าฝ่ามือนั้นอย่างเงียบ ๆ สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความรักล้นพ้นแต่ไม่อาจครอบครองได้เวลาผ่านไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งกลางคืนเปลี่ยนเป็นกลางวัน คนที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้จึงขมวดคิ้วและค่อย ๆ ลืมตาขึ้นสิ่งที่สะท้อนสู่สายตาคือใบหน้าที่คมคาย ดวงตาคู่นั้นกําลังจ้องมองเธออย่างไม่ขยับเขยื้อนซูหว่านลดตาลงเพื่อหลีกเลี่ยงการสบตากับเขาโดยไม่รู้ตัว แต่ภาพที่เธอจูบเขานั้นกลับปรากฏขึ้นในสมองอย่างกะทันหันเธอใจสั่น เพิ่งนึกได้ว่าตัวเองดื่มไปไม่กี่อึก ร่างกายก็ผิดปกติแล้ว จากนั้น...เธอแอบมองจี้ซือหานแวบหนึ่ง พอดีเห็นรอยเขียวช้ำที่คอของเขา เต็มไปด้วยรอยจูบที่แน่นขนัดเธอเป็นคนจูบเขา หลังจากดื่มเหล้าแล้ว เธอทําเรื่องบางอย่างกับเขาอย่างอุกอาจ...ซูหว่านหวนคิดถึงตรงนี้ ใบหน้าก็แดงก่ำ เธอกระอักกระอ่วนมากจนรีบล