เสิ่นหนานอี้กำหมัดแน่นขี้นกว่าเดิมโครงการที่ชูยีเคยรับเมื่อก่อนมีฐานะสูงกว่านาซ่ามากทุกครั้งที่เขาไปตรวจงาน หัวหน้าผู้รับผิดชอบมักจะเสิร์ฟอาหารเครื่องดื่มอร่อย ๆ ให้ต้อนรับอย่างดีใครจะไปคิดว่าคนของนาซ่าจะหยิ่งขนาดนี้ถ้านี่ไม่ใช่โครงการทีชูยีทิ้งไว้ ตอนนี้เขาก็คงลากซูหว่านออกไปแล้ว ค่าผิดสัญญาอะไรก็ช่างมันในขณะที่เสิ่นหนานอี้กำลังหัวร้อน ซูหว่านกลับยอมอ่อนข้อให้พูดว่า "งั้นคุณไรเดอร์ช่วยให้คนไปพาเราไปที่ตั้งโครงการหน่อยนะคะ"ไรเดอร์ไม่ค่อยเต็มใจ เขาโทรศัพท์หาใครสักคนแล้วไม่นานก็มีผู้หญิงชื่อเจนนี่เดินเข้ามาเมื่อเจนนี่พาทั้งสองออกจากศูนย์บริหาร ไรเดอร์จ้องตามหลังซูหว่านด้วยสายตายิ้มเยาะ เมื่อเห็นขาที่ขาวเรียวยาวของเธอ สายตาของเขาก็ค่อย ๆ ฉายแววความปรารถนาออกมาหลังจากพวกเขาออกจากตึกแล้ว พวกเขาเดินออกจากทางประตูด้านข้างของตึกนาซ่า ตอนขึ้นไปนั่งบนรถซูหว่านมองออกไปนอกหน้าต่างตามความเคยชินบังเอิญเห็นคนร่างสูงใหญ่ร่างหนึ่งในตึกนาซ่ากําลังรีบเดินไปที่อาคารศูนย์บริหารงานกลาง...เขาสวมสูทสีดำราคาแพง ยังคงหล่อเหลามาดเข้มเหมือนเดิมไปเปลี่ยน ทั้งตัวปรกคลุมไปด้วยกลิ่นอายแห่งความเยือ
"จี้ซือหาน คุณรับปากว่าจะให้ฉันจีบคุณ แล้วคุณทําแบบนี้กับคนที่ตามจีบคุณเนี่ยนะ"เมื่อเจอกับคําถามนี้ของเซิ่งจิ่น หน้าตางดงามของจี้ซือหานก็หมนหมองลงเล็กน้อย"สามเดือน หมดเวลาแล้ว คุณไสหัวไปได้แล้ว"เซิ่งจิ่นหายใจไม่ออก เธอมองใบหน้าที่เย็นชาราวน้ำค้างแข็งของจี้ซือหานแล้วก็ทําอะไรไม่ถูกเงื่อนไขที่เธอเสนอในตอนนั้นคือขอจีบสามปี แต่เขาให้เวลาเธอแค่สามเดือนเท่านั้นสามเดือนนี้เหมือนคำนวนมาอย่างดีแล้วเลย เขาหลบอยู่ในองค์การนาซ่าไม่ยอมออกมาเลยอุตส่าห์รอจนเขาออกมาแล้วแท้ ๆ แต่ก็ดันครบกำหนดสามเดือนพอดีสมกับเป็นท่านประธานกลุ่มบริษัทจี้ คํานวณได้แม่นยําจริง ๆแต่แล้วจะยังไง คนอย่างเซิ่งจิ่นถ้าอยากจีบใครสักคน เธอไม่เคยสนใจว่าคนที่ถูกจีบจะรู้สึกอย่างไรเซิ่งจิ่นรู้ว่าเขาเป็นคนรักความสะอาดและรู้ว่าเขาเป็นคนจืดชืด จึงไม่ได้สนใจพฤติกรรมที่เสียมารยาทของเขาเมื่อกี้เธอกดประตูลิฟต์ค้างไว้ ไม่ได้พูดอะไร แค่มองจี้ซือหานแล้วยิ้มอย่างมั่นใจในวินาทีที่ลิฟต์ปิดเมื่อก่อนตอนสมัยเรียนไม่มีโอกาสจะได้เข้าใกล้เขาด้วยซ้ำ ตอนนี้มีโอกาสได้เชื่อมสัมพันธ์กับเขาแล้ว ด้วยมารยาต่าง ๆ ของเธอเธอต้องสามารถเอาชนะใจ
หลังจากเจนนี่โน้มน้าวซูหว่านได้สำเร็จก็ขับรถพาพวกเขาไปแต่งหน้าทำผมและเปลี่ยนเสื้อผ้าคนต่างชาติทั้งชายและหญิงให้ความสําคัญกับงานเลี้ยงอาหารค่ำเสมอและมักจะแต่งตัวเต็มยศมาร่วมงานซูหว่านสวมชุดเดรทยาวคอวีสีแหวกอกสีดำ เนื้อผ้าถูกเย็บอย่างแน่นกระชับเพื่อเน่นรูปร่างที่อกนูนก้นกระดกให้เด่นหน้าอกเต่งตึงที่ล้นออกมา เอวเพรียวคอดกิ่ว ต้นขาที่ขาวและเรียวสวยต่างก็สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนในลุคผมสั้นประบ่าเธอรู้สึกว่าชุดนี้โป๊เกินไปจึงจะขอเปลี่ยน แต่เจนนี่กลับเร่งบอกว่าไม่ทันแล้วเธอจึงต้องขอยืมเสื้อสูทของเสิ่นหนานอี้มาคลุมตัวไว้ อย่างน้อยก็ปกปิดหลังที่เปลือยเปล่าไว้ก็ยังดีแล้วพวกเขามาถึงโรงแรมในไม่ช้า หลังจากเสิ่นหนานอี้ลงจากรถแล้วเขาก็จูงมือเธอลงมาจากรถอย่างเป็นสุภาพบุรุษเมื่อทั้งสองเดินบนพรมแดง เสิ่นหนานอี้ก็เอียงหน้าพูดกับซูหว่านว่า "เกาะแขนผมไว้เดี๋ยวจะได้ไม่มีใครมาเกาะแกะคุณ"ซูหว่านยกแขนเรียวขาวขึ้นมาจับแขนเขาไว้ทันที ทั้งสองเดินเคียงคู่กันเข้าไปในโรงแรมในงานเลี้ยงอาหารค่ำมีคนจํานวนมาร่วมงานหลายคน แต่ไม่ใช่ผู้บริหารของนาซ่าหรือช่างเทคนิคหลัก มีแต่คนของศูนย์บริหารงานกลางเมื่อ
เธอคิดไปคิดมาแล้วสุดท้ายก็ตอบตกลงจี้ซือหานพาเธอไปที่ระเบียงและสั่งบริกรนําไวน์แดงสองแก้วมาให้พวกเขาเดิมทีซูหว่านดื่มแอลกอฮอล์ไม่ได้ แต่อยู่กับเขาตามลำพังมันอึดอัดจนหายใจไม่ออกเธอเลยได้แต่ต้องรับแก้วไวน์มา ก้มหน้าจิบไวน์เพื่อให้ผ่านช่วงเวลาสั้น ๆ ที่แสนหนักหน่วงนี้ไปจี้ซือหานเห็นว่าเธอดื่มไวน์ไปหลายอึกจึงยื่นนิ้วที่เรียวยาวออกและคว้าแก้วไวน์ในมือของเธอไป"เธอเคยผ่าตัดใหญ่มาอย่าดื่มเยอะ"เขาวางแก้วไวน์ไว้บนบาร์ข้าง ๆ หันข้างมามองซูหว่านแสงสลัวส่องลงบนใบหน้าขนาดเท่าฝ่ามือทำให้ผิวให้ขาวเนียนละเอียดบวกกับเครื่องหน้าที่ประณีตงดงามดูนุ่มนวลจนไร้ที่ติสายตาของเขาค่อย ๆ เลื่อนลงมา ผมสั้นยุ่งเหยิงติดอยู่ที่ต้นคอขาวเขามองแค่แวบเดียวเลือดก็เดือดพล่าน เขากลัวว่าตัวเองจะทำอะไรที่ไม่เหมาะสมอีกจึงรีบละสายตาเขายกแก้วไวน์ขึ้นมาจิบแล้วมองไปข้างหน้า ถามซูหว่านที่ยืนเคียงบ่าอยู่ข้างกายว่า "ตอนนี้เธอเริ่มทํางานหรือยัง"หลังจากซูหว่านส่งเสียงอืมเบา ๆ เธอก็ยกมือเล็ก ๆ ทั้งสองข้างที่ไม่รู้จะวางไว้ตรงไหนดีที่ขึ้นมาวางที่ขอบบาร์จี้ซือหานเอียงหน้ามองไปที่แผ่นหลังของเธออีกครั้งเมื่อเห็นผิวที่
จี้ซือหานสั่นไปทั้งตัว นี่คือผู้หญิงที่เขาไม่ได้สัมผัสมานานกว่าสามปีแล้ว แค่แววตาที่เธอมองมาทีเดียวก็ทําให้เขาควบคุมตัวเองไม่ได้แล้ว นับประสาอะไรกับที่เธอมาร้องขอเขาก่อนแบบนี้แต่เธอแต่งงานแล้วและที่เธอกัดติ่งหูของเขาและพูดแบบนี้ก็เพราะถูกวางยาดื่มอะไรที่ไม่ควรดื่มเข้าไปแต่... ลมหายใจและจูบที่ร้อนระอุข้างหูทําให้เขาชาไปทั้งตัว แค่ไม่กี่วินาทีความเหมาะสมก็ถูกความปรารถนาเข้าแทนที่ทันทีเขายกนิ้วมือเรียวขึ้นมาจับเอวของเธอไว้ แล้วอุ่มร่างเล็ก ๆ ของเธอขึ้นมาเล็กน้อยดันตัวเธอติดกับบาร์มืออีกข้างที่เห็นข้อกระดูกชัดเจนจับท้ายทอยเธอไว้แล้วก้มหน้าลงไปดูดริมฝีปากเธอ เขาจูบเธออย่างบ้าคลั่งไม่สนใจอะไรอีกแล้ว…จี้ซือหานควบคุมตัวเองไม่ได้ เขาต้องการเธอมาก แต่เขาก็ยังมีจิตสำนึกอยู่บ้าง เขารู้ดีว่าไม่ควรจะทำอะไรเธอในเวลานี้จี้ซือหานกอดเธอแน่น หลังจากก้มหน้าจูบอย่างลึกซึ้งไปพักหนึ่ง เขาก็บังคับตัวเองให้อดทนต่อความเจ็บปวดและผลักเธอออกไปซูหว่านที่ถูกผลักออกไป เธอหน้ามองเขาด้วยแววตาสับสน ดวงตาของเธอขมุกขมัวจี้ซือหานก้มตัว จับคนร่างเล็กอุ้มนอนขึ้นมาและพูดเบา ๆ ว่า "หว่านหว่าน อย่าดื้อ ฉันจะพาเธ
ถ้าคืนนี้เขาไม่มา ซูหว่านคงตกอยู่ในมือของไรเดอร์แล้ว พอคิดว่าเธอเกือบถูกชายแก่แบบนี้รังแก เขาก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ!ชีวิตนี้เขาสามารถทนความเจ็บปวดยกเธอให้กับซ่งซือเยว่ได้ แต่เขาไม่สามารถทนให้ผู้ชายคนอื่นมาจ้องเธออย่างใจจดใจจ่อได้ แม้แต่มองแวบเดียวก็ไม่ได้!เมื่อไรเดอร์ได้ยินว่าจี้ซือหานจะยิงเขา เขาก็กลัวจนตัวสั่นและตะโกนด้วยความโกรธในเวลาเดียวกันก็ว่า "คุณมีสิทธิ์อะไรที่จะยิงผม?!"จี้ซือหานทําเหมือนไม่ได้ยิน อุ้มซูหว่านออกจากระเบียงอย่างรวดเร็ว แล้วเดินผ่านห้องจัดเลี้ยง เข้าไปนั่งในรถลีมูซีนหลังจากเขาวางซูหว่านไว้ที่เบาะหลังที่กว้างขวางแล้ว ก็เหลือบตามองคนขับอย่างเย็นชา "วางแผ่นกั้นลง!"คนขับตกใจกับสายตาของเขาและรีบวางแผ่นกั้นลงด้วยความตกใจหลังจากปิดกั้นสายตาแล้ว คนขับรถก็ได้ยินเขาออกคําสั่งอย่างเย็นชาว่า "ภายในสิบนาทีไปถึงโรงพยาบาลซะ!"คนขับรถตอบกลับด้วยความเคารพว่าครับ และสตาร์ทรถอย่างรวดเร็วเพื่อไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดเมื่อเสิ่นหนานอี้ไล่ตามออกมา ก็เห็นเพียงแค่ควันไอเสียที่รถหรูทิ้งไว้ เขาโกรธจนรีบโบกรถแล้วตามไปทันทีที่เบาะหลัง จี้ซือหานวางซูหว่านไว้ด้านข้าง เขาไม่กล้
จี้ซือหานนั่งอยู่หน้าเตียงผู้ป่วย ใช้ถุงน้ำแข็งลดอุณหภูมิให้เธอร่างกายที่ร้อนและแดงของเธอค่อย ๆ กลับเป็นสีเลือดตามปกติเขาวางถุงน้ำแข็งลง ยกนิ้วขึ้นลูบแก้มของเธอเมื่อรู้สึกได้ว่าใบหน้าของเธอไม่ได้ร้อนขนาดนั้นแล้ว คิ้วเข้มที่ขมวดแน่นจึงค่อย ๆ คลายออกเขาจับมือเล็ก ๆ ของเธอ จ้องมองใบหน้าเล็กขนาดเท่าฝ่ามือนั้นอย่างเงียบ ๆ สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความรักล้นพ้นแต่ไม่อาจครอบครองได้เวลาผ่านไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งกลางคืนเปลี่ยนเป็นกลางวัน คนที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้จึงขมวดคิ้วและค่อย ๆ ลืมตาขึ้นสิ่งที่สะท้อนสู่สายตาคือใบหน้าที่คมคาย ดวงตาคู่นั้นกําลังจ้องมองเธออย่างไม่ขยับเขยื้อนซูหว่านลดตาลงเพื่อหลีกเลี่ยงการสบตากับเขาโดยไม่รู้ตัว แต่ภาพที่เธอจูบเขานั้นกลับปรากฏขึ้นในสมองอย่างกะทันหันเธอใจสั่น เพิ่งนึกได้ว่าตัวเองดื่มไปไม่กี่อึก ร่างกายก็ผิดปกติแล้ว จากนั้น...เธอแอบมองจี้ซือหานแวบหนึ่ง พอดีเห็นรอยเขียวช้ำที่คอของเขา เต็มไปด้วยรอยจูบที่แน่นขนัดเธอเป็นคนจูบเขา หลังจากดื่มเหล้าแล้ว เธอทําเรื่องบางอย่างกับเขาอย่างอุกอาจ...ซูหว่านหวนคิดถึงตรงนี้ ใบหน้าก็แดงก่ำ เธอกระอักกระอ่วนมากจนรีบล
เขามองดูดวงตาดอกท้อคู่นั้นของเธอ เต็มไปด้วยความอาลัยอาวรณ์ที่ไม่มีที่สิ้นสุด "ให้ฉันอยู่กับเธอในขณะที่เธออยู่ในวอชิงตัน"ซูหว่านได้ยินดังนั้น ดวงตาพลันฉายแววไม่อยากเชื่อ ก่อนจะรีบกลับสู่ธรรมชาติอย่างรวดเร็ว "คุณจี้ มันไม่เหมาะสมค่ะ"ครั้งนี้เธอดื่มของที่ไม่ควรดื่มเข้าไป เธอถึงได้พัวพันกับจี้ซือหาน แต่ไม่จําเป็นต้องพัวพันต่อไปเพราะเหตุนี้จี้ซือหานหยักริมฝีปากบาง ยิ้มอย่างขมขื่น "คุณซู กลัวว่าสามีที่บ้านจะถือสาหรือ?"ซูหว่านส่ายหน้าเบา ๆ พูดกับเขาว่า "คุณจี้คะ ตอนที่ฉันรักคุณ ฉันเหนื่อยมาก ฉันไม่อยากทําผิดซ้ำอีกค่ะ"ครั้งแรกที่เขาได้ยินเธอพูดว่ารักเขาด้วยตัวเอง หัวใจของจี้ซือหานหยุดเต้นทันที ดวงตาแดงก่ำเล็กน้อย "ซูหว่าน ฉันรอประโยคนี้ของคุณ รอมาหลายปีแล้ว..."ซูหว่านเงยหน้าขึ้นมองเขาแล้วยิ้มมุมปากเล็กน้อย "ฉันก็รอคุณบอกรักฉันมาหลายปีแล้วเหมือนกันค่ะ..."จี้ซือหานเห็นรอยยิ้มที่ผ่อนคลายบนใบหน้าของเธอ ก็ปวดใจจนหายใจแทบไม่ออกเขาใช้มือข้างหนึ่งลูบแก้มขนาดเท่าฝ่ามือของเธอ แล้วโน้มตัวเข้าไปถามเธอว่า "ในเมื่อเรารักกัน ยังอยู่ด้วยกันได้ไหม?"ซูหว่านยังคงยิ้มและแก้ไขให้เขา "คุณจี้ เคยรั
ช่างเสื้อหยิบชุดเจ้าสาวชุดนั้นลงมา เมื่อสัมผัสโดนเนื้อผ้าและเพชรที่ประดับอยู่ด้านบน ก็อึ้งไปชุดแต่งงานชุดนี้เต็มไปด้วยผ้ากอซสีอ่อนหลายชั้น ประดับด้วยดอกกุหลาบและเพชรที่ทอจากผ้าซาตินเนื้อนุ่ม ตัวชุดเป็นสีขาวคริสตัลเรียบง่ายและวิจิตรงดงามด้วยเพชรที่ถูกเย็บเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ส่องประกายด้วยเสน่ห์อันงดงามและสง่างามจนน่าทึ่งถ้าดูไม่ผิด หากอ่านไม่ผิด นี่คือชุดแต่งงานเพียงชุดเดียวในโลกที่ถูกออกแบบโดยดีไซน์เนอร์ชุดแต่งงานชื่อดังระดับโลกหลายปีก่อน ชุดเจ้าสาวชุดนี้ถูกเก็บเอาไว้ในห้องนิทรรศการที่ต่างประเทศ แต่ต่อมาได้ยินว่าถูกคนซื้อไปในราคาสูงลิ่วคิดไม่ถึงว่าคนที่ซื้อชุดเจ้าสาวไป จะเป็นท่านประธานของกลุ่มบริษัทจี้ ถ้าไม่ได้รักอีกฝ่ายจริง จะยอมจ่ายหนักขนาดนี้ได้ยังไง?ที่สำคัญอีกชุดนึงที่อยู่ในตู้ ราคาก็ไม่ธรรมดา ดูก็รู้ว่าเป็นรุ่นลิมิเต็ด เดาว่าก็น่าจะมีแค่ชุดเดียว ไม่ซ้ำใคร"คุณนายจี้ ท่าทางคุณผู้ชายจะรักคุณมากเลยนะคะ..."ซูหว่านได้ยินคำพูดของช่างเสื้อ ก็พยักหน้าอย่างไม่ปิดบังผู้ชายคนนั้นรักเธอมาก รักจนยอมมอบทุกอย่างให้กับเธอ รักจนยอมตายไปพร้อมกับเธอเธอคิดว่าชีวิตที่เหลืออยู่หล
ซูหว่านพยักหน้าด้วยความเข้าใจ "ก็ได้ค่ะ ฉันเอาตามที่คุณพูด ตอนนี้ถ้าคุณไม่ขึ้นเครื่องบิน ก็ต้องขึ้นรถพยาบาลก่อน..."ถ้ายังไม่ห้ามเลือดอีก เขาจะทนไม่ไหวเอา จี้ซือหานเห็นว่าเธอเป็นห่วงเขา ถึงได้จับมือเธอขึ้นเครื่องบินอย่างว่าง่ายคืนนี้ ซูหว่านเฝ้าอยู่ข้างกายจี้ซือหาน รอหมอห้ามเลือด เย็บแผล เปลี่ยนยาให้เขาเสร็จ เธอถึงได้โล่งใจเมื่อเห็นว่าฟ้าเริ่มสาง ซูหว่านก็รู้สึกว่าไม่น่าจะจัดงานแต่งได้ จึงเอ่ยข้อเสนอกับเขา "หรือเลื่อนออกไปวันนึงไหม"ชายหนุ่มที่ถือผ้าขนหนูช่วยเช็ดผมให้เธอ พูดด้วยความแน่วแน่ "ไม่ได้ ยังไงวันนี้ก็ต้องจัดงานแต่ง!"ซูหว่านที่เพิ่งแช่น้ำอุ่นในอ่างอาบน้ำ อุงไอน้ำร้อนๆในมือ หันกลับไปมองเขา "แต่แผลของคุณ..."จี้ซือหานพูดอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น "ต่อให้แผลจะใหญ่กว่านี้ ก็ไม่สำคัญเท่ากับการจัดงานแต่ง"ซูหว่านยังอยากพูดอะไรอีก แต่จี้ซือหานหยิบไดร์ขึ้นมาเป่าผมให้เธอจากนั้น ขับรถไปส่งเธอที่วิลล่าของซานซานด้วยตัวเอง โดยไม่สนคำทัดท้านของเธอ"สิบเอ็ดโมง ฉันจะพาคนของตระกูลจี้ มารับเธอ"กำหนดการณ์เดิมคือสิบโมง แต่กลัวว่าเธอจะเหนื่อยเกินไป อยากให้เธอพักผ่อนกว่านี้อีกหน่อย ชาย
จี้ซือหานกอดเธอ สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากร่างกายของเธอ หัวใจที่เจ็บปวดจนชา ก็ค่อยๆสงบลงเขาคลายซูหว่านออก เห็นร่างกายของเธอเปียกปอนไปทั้งตัว ทั้งยังสั่นระริกด้วยความหนาวเหน็บ หัวใจก็เจ็บแปล๊บขึ้นมาอีก"คนที่ควรพูดขอโทษคือฉัน ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน เธอก็ไม่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้""คุณพูดอะไรโง่ๆ เราเป็นสามีภรรยากัน ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ ก็ต้องรับผิดชอบร่วมกันสิ"ซูหว่านพูดจบ ก้มหน้าลงมองมือตัวเองแวบนึง เมื่อเห็นเลือดที่เลอะเต็มมือ ใบหน้าก็ซีดไปทันที"แผลที่หลังของคุณฉีกแล้ว รีบขึ้นรถพยาบาลเถอะ..."เมื่อกี้เธอนึกว่าเป็นน้ำทะเล ไม่คิดว่าทั้งหมดนั้นล้วนเป็นเลือด แผลที่หลังจะต้องฉีกออกแล้วแน่ๆ!ซูหว่านควงแขนของเขาได้ ก็เตรียมจะเดินไปยังทิศทางของรถพยาบาล ทว่าจี้ซือหานกลับดึงเธอกลับมา"หว่านหว่าน แผลแค่นี้ไม่เท่าไหร่หรอก"เขาพูดจบ ก็มองเจียงโม่ที่ยืนห่างออกไปไม่ไกลแวบนึง"จับตัวเธอ แล้วค่อยแจ้งคุณเจียง ให้เขามาไถ่ตัวด้วยตัวเอง ไม่งั้นก็ปลดชีวิตเธอซะ!"คำพูดนั้นเขาพูดกับซูชิง ซูชิงรีบรับคำสั่งทันที "ครับ ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้!"เจียงโม่ที่คาดเดาได้ตั้งแต่แรกว่าคุณเย่ไม่มีทางปล่อยเธอ เห็นซ
ซูหว่านครุ่นคิด ก่อนจะถามเขา "คุณแซ่ชู งั้นคุณรู้จัก..."ชูยีไหม?ยังไม่ทันจะได้เอ่ยคำนี้ออกไป ก็ถูกชูจิ่นเหยียนตัดบท "ผมจะส่งคุณกลับไป"ซูหว่านได้ยินดังนั้น ก็กลืนคำพูดลงไป ขมวดคิ้วมองเขา "ลำบากแทบตายกว่าฉันจะหนีออกมาได้ จะส่งกลับไปทำไม?"ชูจิ่นเหยียนกรอกตาใส่เธออย่างหมดคำพูด "ผมหมายความว่า จะส่งคุณกลับบ้าน..."ซูหว่านจึงได้พยักหน้า ลุกขึ้นจากหาดทราย เธอต้องรีบกลับไปบอกจี้ซือหาน...ว่าเธอหนีออกมาแล้ว เธอปลอดภัย เธอไม่ได้กลายเป็นภาระของเขา และเขาก็ไม่ต้องถูกแบล็กเมล์อีกหลังจากที่เธอขึ้นฝั่งมากับชูจิ่นเหยียน ก็เห็นรถพยาบาลคันแล้วคันเล่าขับตรงไปยังบีชคลับอย่างรวดเร็วฝีเท้าของเธอชะงัก ช้อนสายตามองไปยังชายหาดที่อยู่ห่างไกล มองเห็นร่างมนุษย์ไม่ชัด เห็นแต่เรือลำเล็กลำใหญ่แล่นลงทะเลทีละลำซูหว่านทอดสายตาลงต่ำครุ่นคิดอยู่สักครู่ เอาแต่รู้สึกว่าเจียงโม่ไม่น่าจะส่งคนจำนวนมากขนาดนั้นมาตามหาและช่วยชีวิตเธอ หรือว่าจี้ซือหานมาแล้ว?ถ้าจี้ซือหานมาถึงแล้ว รู้ว่าเธอกระโดดลงทะเล เกรงว่าจะทำให้เขาตกใจมาก เพราะคิดมาถึงตรงนี้ซูหว่านก็เปลี่ยนความคิด"เราไปดูตรงนู้นหน่อยเถอะ?"ไปดูแปบนึง ถ้าจี้
ซูหว่านที่พยายามหนีถึงสามครั้งแต่ก็ถูกจับกลับมาได้ทุกครั้ง หันกลับมามองเจียงโม่ที่เดินตามหลังเป็นระยะๆเธอเห็นเอาแต่รับโทรศัพท์ตลอดเวลา ราวกับกำลังปรึกษาเรื่องอะไรอยู่ เพราะระยะค่อนข้างห่าง จึงได้ยินไม่ชัด แต่บางครั้งก็จะได้ยินแค่ชื่อของจี้ซือหานเธอไม่รู้ว่าจี้ซือหานรับปากหรือไม่ แล้วก็ไม่รู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง รู้แค่ว่าตัวเองจะกลายเป็นภาระของจี้ซือหานไม่ได้เธอมองไปยังผืนน้ำทะเลที่สาดเป็นคลื่นดุเดือด หลังจากมองอยู่หลายอึดใจ ก็กระโดดเข้าไปในทะเลโดยไม่ลังเล...เธอเคยพูดว่าถ้าหากมีใครเอาตัวเธอเพื่อไปข่มขู่จี้ซือหาน ถ้างั้นเธอก็จะไม่ยอมกลายเป็นตัวถ่วงของเขาเด็ดขาดเจียงโม่ที่กำลังเกลี้ยกล่อมพ่อบุญธรรมว่าอย่าแบล็กเมลล์จี้ซือหานอีก ได้เห็นภาพช็อตนั้น ก็ตกใจจนหน้าซีดในทันที"ซูหว่าน!"เธอกรีดร้องออกมาทีนึง โยนโทรศัพท์แล้วพุ่งลงไปในทะเลเพื่อช่วยชีวิต ทว่าถูกร่างใครบางคนพุ่งตัดหน้าเข้ามาก่อน...เสียงกระโดดลงทะเลดัง "ตู้ม" ของชูจิ่นเหยียน ว่ายเข้าไปหาร่างเล็กบางที่พุ่งเข้าไปในคลื่นทะเลด้วยความแข็งขันเจียงโม่ที่อยู่บนชายหาด ตอนแรกยังพอจะเห็นร่างของทั้งสองคนลอยอยู่เหนือผิวน
ฝีเท้าของซูหว่านชะงักไปทันทีเธออยากจะหันกลับไปโต้ตอบเขาสักสองสามประโยค แต่ก็กลัวจะเสียเวลา จึงไม่ได้สนใจอีกฝ่าย แต่ผลักประตูห้องน้ำหญิงด้วยความรวดเร็วหลังจากที่เธอเข้าไปแล้ว ก็เดินสำรวจห้องน้ำรอบนึง เมื่อเห็นว่าด้านข้างมีหน้าต่างบานเล็ก ก็รีบเดินเข้าไปแล้วเปิดออกข้างนอกเป็นถนนหลวง แค่ปีนออกจากตรงนี้ไป ก็จะสามารถเดินไปถึงถนนหลวงได้ และโอกาสที่จะหนีรอดก็สูงมากทีเดียวเธอเองก็ขี้เกียจมานั่งคิดว่าหลังจากเดินไปถนนหลวงแล้วจะกลับไปยังไง จึงพับแขนเสื้อขึ้น แล้วปีนไปยังขอบหน้าต่างสูงชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนถนนหลวง เขางอขาข้างหนึ่งขึ้น มือข้างหนึ่งทาบบนเข่า กำลังสูบบุหรี่ไปพร้อมกับที่มองดูเธอปีนออกไปนอกหน้าต่างพิลึกคน!ถ้าอยากจะออก ก็เดินผ่านคลับ ออกจากมาประตูหลัก หรือไม่ก็ข้ามชายหาดมาก็ได้แล้ว ทำไมต้องปีนหน้าต่าง?"นี่!"เขาแหกปากคำนึง ทำเอาซูหว่านตกใจจนตกลงมาจากบนขอบหน้าต่าง...ซูหว่านล้มลงอย่างแรง เธอหน้าบูดบึ้งเนื่องจากความเจ็บปวด โชคดีที่ด้านล่างเต็มไปด้วยทราย ไม่อย่างนั้นคงได้กระดูกหักเธอตะเกียกตะกายขึ้นมาจากพื้น จ้องผู้ชายที่นั่งสูบบุหรี่อยู่บนถนนหลวงตาเขม็ง "นายเป็นโรคหรือไง
เจียงโม่ไม่หลงกล ซูหว่านจึงใช้เล่นแง่ในทางความรู้สึกแทน"คุณหนูเจียง คุณก็รู้ว่าคนที่จี้ซือหานแคร์ มีแต่ฉันมาโดยตลอด""คุณกักตัวเพื่อนของฉันไม่ยอมปล่อย ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรเท่าไหร่ ทำไมต้องให้คนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่มารับเคราะห์ด้วยล่ะ?"เจียงโม่จ้องดวงตาใสบริสุทธิ์ของซูหว่านนานอยู่สักพัก จากนั้นก็โบกมือ "ช่างเถอะ แค่คุณอยู่ก็พอแล้วล่ะ"เธอส่งคนไปโทรศัพท์ หลังจากที่เห็นอีกฝ่ายวางสาย ก็หันมาพยักหน้าให้เธอ แล้วจึงอธิบายให้ซูหว่านฟัง"เพื่อนของคุณไม่รู้ว่าตัวเองถูกลักพาตัว ฉันก็แค่ส่งคนไปก่อกวนพวกเขานิดหน่อย หลังจากที่คุณกลับไป อย่าพูดถึงเรื่องนี้ก็แล้วกัน"สรุปว่าที่ซานซานออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้า ที่อลันกับซีอี้ไม่ได้มาที่วิลล่า ไม่ใช่เพราะถูกลักพาตัว แต่ถูกคนของเจียงโม่สร้างสถานการณ์แต่ว่า ฟังจากความหมายของเจียงโม่ ถ้าเธอไม่มาล่ะก็ คตที่สร้างสถานการณ์กลุ่มนั้น จะต้องลงมือกับพวกซานซานเป็นแน่...เพียงแต่เพราะเจียงโม่คำนึงถึงจี้ซือหานหรือเธอ ถึงได้เลือกใช้วิธีนุ่มนวล ไม่งั้นลักพาตัวไปเลยก็จะง่ายกว่า...แต่ไม่ว่าคนที่เจียงโม่คำนึงเป็นใคร หรือไม่ว่าจะคิดยังไง มันก็ไม่สำคัญทั้งนั้น
ซูหว่านฟังเข้าใจความหมายที่แฝงในคำพูดของเจียงโม่ ก็ถามเธอว่า "ฉันขอกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนได้ไหม?"เจียงโม่อ่านความคิดของเธอออกทันที "คุณซู คิดถึงสถานการณ์ของเพื่อนคุณให้มากหน่อยก็ดีค่ะ"ความหมายอีกอย่างก็คือ มีชีวิตของเพื่อนเธออยู่ในกำมือ ถึงเธอจะใช้ข้ออ้างไปบอกบอดี้การ์ด หรือแหกปากร้องตะโกนก็ไม่มีประโยชน์ซูหว่านครุ่นคิด ปล่อยมือที่ประคองประตูรถมาตลอดลง ไพล่ไว้ด้านหลัง ทำสัญลักษณ์ให้กับบอดี้การ์ดหลังจากที่เธอส่งสัญญาณมือโดยเงียบเชียบเสร็จ ก็เปิดประตูรถ แล้วเข้าไปนั่งข้างในเห็นเธอขึ้นรถมาแต่โดยดี เจียงโม่ก็เขี่ยซิก้าร์ในมือจนมอด จากนั้นสตาร์ทรถ...ตอนที่เธอเหยียบคันเร่ง มองกระจกมองหลังแวบนึง บอดี้การ์ดกลุ่มนั้นตามมาดังคาดเจียงโม่ดึงสายตากลับ เหยียบคันเร่งจนมิด เลี้ยวผ่านไปไม่กี่โค้งก็สลัดบอดี้การ์ดสำเร็จถึงยังไงก็เป็นถึงระดับหัวหน้าของทีมย่อยในS การที่เจียงโม่สลัดบอดี้การ์ดทิ้งได้ ก็เป็นเรื่องที่ง่ายดายมากซูหว่านกำเข็มขัดนิรภัยแน่นถึงไม่โดนสะบัดออกจากรถไป ทว่าความรู้สึกพะอืดพะอมในท้องกลับทำให้เธออยากอ้วกเธอกุมหน้าอกที่เต้นระรัว อดกลั้นความรู้สึกสะอิดสะเอียนไว้ มองไปย
นิ้วของเจียงโม่ที่คีบซิการ์ เคาะขี้เถ้าเบาๆ"คุณซู มีใครเค้าพาสามีไปร่วมปาร์ตี้คนโสดกันบ้าง?"การที่เจียงโม่จะปฏิเสธ เป็นสิ่งที่คาดเดาไว้ได้อยู่แล้ว เพียงแต่ทำไมล่ะ?ที่เจียงโม่เชิญเธอไปร่วมงานปาร์ตี้คนโสด ก็เพราะอยากให้เธอสอนว่าจะจีบเจียงเจ๋อยังไงไม่ใช่หรอ?งั้นถ้าเธอจะพาจี้ซือหานไปด้วย ก็ไม่ได้หน่วงต่อการสอนเจียงโม่จีบเจียงเจ๋อไม่ใช่หรอ?เธอคิดว่าบางทีเจียงโม่อาจจะอยากอาศัยปาร์ตี้นี้เพื่อพาตัวเธอไป ส่วนเป้าหมายคืออะไร เกรงว่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เจียงเจ๋อคุยกับจี้ซือหานหลังจากที่ซูหว่านคิดได้ดังนั้น ก็มองเจียงโม่ด้วยสายตาที่จริงใจ"คุณหนูเจียง ฉันกับจี้ซือหานถูๆไถๆกันมาเกือบสิบปี กว่าจะได้แต่งงานกันไม่ง่ายเลย ฉันไม่อยากให้เกิดเรื่องไม่คาดฝันอะไรขึ้นก่อนวันแต่งงาน""พรุ่งนี้เช้า ฉันแค่อยอยากสวมชุดแต่งงานที่เขาส่งมาให้ แต่งให้เขาด้วยสภาพร่างกายจิตใจที่สมบูรณ์แบบที่สุด หวังว่าพวกคุณจะช่วยให้เราสมหวังด้วย"ตอนที่พูดสิ่งเหล่านี้ เธอเห็นสีหน้าของเจียงโม่ เปลี่ยนไปเล็กน้อย ก็รู้ได้ทันทีว่าเจียงโม่มีจุดประสงค์อย่างแท้จริง จึงยกริมฝีปากยิ้ม"คุณหนูเจียง ถ้าคุณอยากให้ฉันสอนคุณจีบ