จี้ซือหานนั่งอยู่หน้าเตียงผู้ป่วย ใช้ถุงน้ำแข็งลดอุณหภูมิให้เธอร่างกายที่ร้อนและแดงของเธอค่อย ๆ กลับเป็นสีเลือดตามปกติเขาวางถุงน้ำแข็งลง ยกนิ้วขึ้นลูบแก้มของเธอเมื่อรู้สึกได้ว่าใบหน้าของเธอไม่ได้ร้อนขนาดนั้นแล้ว คิ้วเข้มที่ขมวดแน่นจึงค่อย ๆ คลายออกเขาจับมือเล็ก ๆ ของเธอ จ้องมองใบหน้าเล็กขนาดเท่าฝ่ามือนั้นอย่างเงียบ ๆ สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความรักล้นพ้นแต่ไม่อาจครอบครองได้เวลาผ่านไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งกลางคืนเปลี่ยนเป็นกลางวัน คนที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้จึงขมวดคิ้วและค่อย ๆ ลืมตาขึ้นสิ่งที่สะท้อนสู่สายตาคือใบหน้าที่คมคาย ดวงตาคู่นั้นกําลังจ้องมองเธออย่างไม่ขยับเขยื้อนซูหว่านลดตาลงเพื่อหลีกเลี่ยงการสบตากับเขาโดยไม่รู้ตัว แต่ภาพที่เธอจูบเขานั้นกลับปรากฏขึ้นในสมองอย่างกะทันหันเธอใจสั่น เพิ่งนึกได้ว่าตัวเองดื่มไปไม่กี่อึก ร่างกายก็ผิดปกติแล้ว จากนั้น...เธอแอบมองจี้ซือหานแวบหนึ่ง พอดีเห็นรอยเขียวช้ำที่คอของเขา เต็มไปด้วยรอยจูบที่แน่นขนัดเธอเป็นคนจูบเขา หลังจากดื่มเหล้าแล้ว เธอทําเรื่องบางอย่างกับเขาอย่างอุกอาจ...ซูหว่านหวนคิดถึงตรงนี้ ใบหน้าก็แดงก่ำ เธอกระอักกระอ่วนมากจนรีบล
เขามองดูดวงตาดอกท้อคู่นั้นของเธอ เต็มไปด้วยความอาลัยอาวรณ์ที่ไม่มีที่สิ้นสุด "ให้ฉันอยู่กับเธอในขณะที่เธออยู่ในวอชิงตัน"ซูหว่านได้ยินดังนั้น ดวงตาพลันฉายแววไม่อยากเชื่อ ก่อนจะรีบกลับสู่ธรรมชาติอย่างรวดเร็ว "คุณจี้ มันไม่เหมาะสมค่ะ"ครั้งนี้เธอดื่มของที่ไม่ควรดื่มเข้าไป เธอถึงได้พัวพันกับจี้ซือหาน แต่ไม่จําเป็นต้องพัวพันต่อไปเพราะเหตุนี้จี้ซือหานหยักริมฝีปากบาง ยิ้มอย่างขมขื่น "คุณซู กลัวว่าสามีที่บ้านจะถือสาหรือ?"ซูหว่านส่ายหน้าเบา ๆ พูดกับเขาว่า "คุณจี้คะ ตอนที่ฉันรักคุณ ฉันเหนื่อยมาก ฉันไม่อยากทําผิดซ้ำอีกค่ะ"ครั้งแรกที่เขาได้ยินเธอพูดว่ารักเขาด้วยตัวเอง หัวใจของจี้ซือหานหยุดเต้นทันที ดวงตาแดงก่ำเล็กน้อย "ซูหว่าน ฉันรอประโยคนี้ของคุณ รอมาหลายปีแล้ว..."ซูหว่านเงยหน้าขึ้นมองเขาแล้วยิ้มมุมปากเล็กน้อย "ฉันก็รอคุณบอกรักฉันมาหลายปีแล้วเหมือนกันค่ะ..."จี้ซือหานเห็นรอยยิ้มที่ผ่อนคลายบนใบหน้าของเธอ ก็ปวดใจจนหายใจแทบไม่ออกเขาใช้มือข้างหนึ่งลูบแก้มขนาดเท่าฝ่ามือของเธอ แล้วโน้มตัวเข้าไปถามเธอว่า "ในเมื่อเรารักกัน ยังอยู่ด้วยกันได้ไหม?"ซูหว่านยังคงยิ้มและแก้ไขให้เขา "คุณจี้ เคยรั
จี้ซือหานเห็นเธอเงียบไป ก็รู้คําตอบของเธอแล้วเขายกนิ้วกดปุ่มบนเตียงในโรงพยาบาลผู้อํานวยการเดินเข้ามาจากนอกห้องผู้ป่วยอย่างรวดเร็ว "ประธานจี้ มีอะไรจะรับสั่งครับ?"จี้ซือหานเอนหลังพิงโซฟา จับจ้องใบหน้าเล็กที่ยังซีดอยู่ เอ่ยเสียงเย็นชาว่า "ช่วยเธอตรวจร่างกายหน่อย ดูว่ายาพวกนั้นทําลายอวัยวะของร่างกายหรือไม่"ผู้อํานวยการอยากบอกว่าแค่ใช้ยาธรรมดาเท่านั้น ไม่ถึงกับทําลายอวัยวะหรอกมั้งซูหว่านเองก็รู้สึกว่าไม่จําเป็น แต่ยังไม่ทันได้พูดห้ามปราม ผู้อํานวยการก็หันหลังออกจากห้องผู้ป่วยไปแล้วเรื่องที่ผู้ถือหุ้นใหญ่สั่งมา แม้แต่ผู้อํานวยการก็ไม่กล้าขัด เขารีบแจ้งทุกแผนกให้ส่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมาตรวจซูหว่านถูกหมอเหล่านี้ตรวจทั่วร่างกาย แม้แต่อาการของโรคโลหิตจางก็ยังไม่กล้าปิดบังแม้แต่น้อย และรายงานทั้งหมดให้จี้ซือหานทราบเขาดูเหมือนจะมีความกลัวทางจิตใจต่อรายงานเท็จในอดีต จึงเปลี่ยนหมอตรวจซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนเมื่อได้รับคําตอบที่ตรงกัน จึงยอมเชื่อพวกเขาจักษุแพทย์เป็นคนตรวจคนสุดท้าย เมื่อเขาตรวจดูดวงตาของเธอ รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติเขาหันกลับไปมองชายที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ทันที "ประธานจี้ครับ ต
"ฉันเดินเองได้ คุณปล่อยฉันลงมาค่ะ"เธอไม่ได้ได้รับบาดเจ็บสาหัส จะต้องให้เขาอุ้มไปทำไมซูหว่านดิ้นรนจะลงมา แต่จี้ซือหานกลับไม่ยอมให้เธอขยับตัวหลังจากเขาอุ้มเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ก็พาเธอเข้าไปในรถทันที"วอชิงตันไม่ปลอดภัย ฉันจะส่งเธอกลับไป"จี้ซือหานดึงเข็มขัดนิรภัยมาผูกให้เธอแล้วส่งสัญญาณให้คนขับรถลงจากรถคนขับรถถูกส่งมาจากสาขาบริษัทของวอชิงตัน ไม่ค่อยรู้สไตล์การสั่งงานของประธานจี้นัก จึงค่อนข้างงงงวยเขาจ้องมองซูหว่านหลายครั้งก่อนจะรู้ตัวว่าท่านประธานกําลังจะจีบสาวจึงรีบเปิดประตูลงจากรถจี้ซือหานมองคนขับรถอย่างเย็นชา "วันหลังไม่ต้องมาแล้ว"คนขับรถยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ไม่ต้องมาขับรถ หรือไม่ต้องมาบริษัท?เขามองรถที่จากไปอย่างไร้ฝุ่นคันนั้น เกาหัวคิดอยู่นานถึงค่อยคิดออก"ให้ตายสิ ฉันถูกไล่ออกแล้ว!!!"จี้ซือหานสตาร์ทรถ ถอยรถด้วยมือเดียว หลังจากขับรถออกจากถนนในวอชิงตันแล้ว ก็หันไปถามซูหว่านว่า "เธอพักที่ไหน?"ซูหว่านไม่อยากให้เขาไปส่ง แต่จี้ซือหานทําตามใจชอบจนเคยชินแล้วแต่ไหนแต่ไรมาเขาอยากทําอะไรก็ทํา เธอไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธเธอจับเข็มขัดนิรภัยและบอกที่อยู่โรงแรมให้เขาอย่างไม่พ
เมื่อเห็นลิ้นชักที่ว่างเปล่า หัวใจของเธอก็จมลงทันทีสมุดภาพเล่มนั้นเป็นสิ่งของที่ตกทอดมาจากพี่สาว แต่ถูกเธอทําหายแล้วซูหว่านจ้องมองลิ้นชักอย่างอึ้งอยู่สองสามวินาที แล้วหันหลังเดินไปตรงหน้าเสิ่นหนานอี้ วิเคราะห์อย่างใจเย็นว่า"ขโมยธรรมดาจะสนใจแต่เงินเท่านั้น แต่พวกเขากลับขโมยแบบแปลนการออกแบบของเราไป แสดงว่าพวกเขามาเพื่อแบบแปลนการออกแบบ คุณลองคิดดูสิว่ามีเพื่อนร่วมทางที่อยากได้สมุดภาพชูยี่หรือเปล่า?"เสิ่นหนานอี้ยังคงส่งรูปพู่กันสีทองให้ซูหว่านอยู่ เมื่อได้ยินซูหว่านถามแบบนี้ก็ชะงักไปครู่หนึ่งเขาเงยหน้ามองซูหว่าน "นักออกแบบหลายคนล้วนคิดถึงสมุดภาพของชูยี แต่ไล่ตามมาขโมยที่วอชิงตัน..."เขาเหมือนนึกอะไรออก รีบบอกชื่อนักออกแบบหลายคนให้พวกเขาไปตรวจสอบหลังจากได้รับเบาะแสและจากไป เสิ่นหนานอี้ก็เดินไปหาซูหว่าน"โรงแรมนี้ไม่ปลอดภัย เราเปลี่ยนที่กันเถอะ"ซูหว่านเคยผ่านประสบการณ์นี้มาแล้ว รู้สึกว่าที่ไหนก็ไม่ปลอดภัย"ตอนนี้สํารวจสถานที่ก่อสร้างเสร็จแล้ว ยังต้องอยู่ที่นี่ทําอะไรอีกไหม?"ถ้าไม่จําเป็นต้องอยู่ที่นี่ กลับประเทศเร็วหน่อยดีกว่า"เดิมทีสํารวจเสร็จก็กลับประเทศได้แล้ว ตอนนี้ข
หลังจากที่ซูหว่านดิ้นออกมาจากอ้อมกอดของจี้ซือหานได้ ก็ถอยหลังไปหนึ่งก้าว แนบตัวติดกับขอบลิฟต์ มองไปที่เขา "คุณจะพาฉันไปไหนคะ?"จี้ซือหานเห็นเธอคอยระมัดระวังขนาดนี้ ดวงตาที่เปล่งประกาย ค่อย ๆ หมองหม่นลง "ไปคฤหาสน์ของฉัน"ซูหว่านได้ยินคำพูดประโยคนี้ รู้สึกหน่ายใจเล็กน้อย "คำพูดที่ฉันพูดกับคุณในโรงพยาบาล คุณไม่เข้าใจเหรอคะ?"ความหมายของเธอคือไม่ไปมาหาสู่กันอีก และไม่ต้องพบเจอกันอีก เขากลับให้เธอไปคฤหาสน์ของเขางั้นเหรอ?จี้ซือหานมองเธออย่างใจจดใจจ่อ พูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ ว่า "ฉันเข้าใจแล้ว แต่สถานการณ์ของเธอในตอนนี้ จะไปที่ไหนได้?"ซูหว่านชะงักไปกับคำพูดของเขา ในขณะที่พูดไม่ออกนั้น ก็รู้สึกเขินอายอย่างมากไปด้วย "ฉันกับเพื่อนของฉันจะคิดหาวิธีกันเองค่ะ"จี้ซือหานยกมุมปากขึ้นมา พูดขึ้นมาด้วยเสียงเย็นชา "เขายังเอาตัวเองไม่รอดเลย จะคิดหาวิธีอะไรออกมาได้"ขณะที่อยู่ต่อหน้าเขา ซูหว่านอยากจะกู้หน้าของตัวเองกลับมาบ้าง กลับพบว่าเขาพูดถูก แต่ว่า..."ฉัน..."ซูหว่านยังไม่ทันได้พูดออกมา ก็โดนจี้ซือหานขัดจังหวะเสียแล้ว "ซูหว่าน โรงแรมไม่ปลอดภัย เธอเชื่อฉัน ไปอยู่ที่คฤหาสน์ของฉัน"ต่างประเทศวุ
เขาตั้งใจกดเสียงให้ต่ำลง และแฝงไปด้วยความความเย้ายวนจนเหมือนกับว่ากำลังหลอกล่อเธอแต่ซูหว่านกลับไม่สะทกสะท้าน และยังคงหันไปส่ายหน้าให้เขาเบา ๆ อย่างแน่วแน่"ไม่เกี่ยวกับเธอค่ะ"ตอนอยู่ที่โรงพยาบาลเธอก็พูดไปชัดเจนแล้ว ที่ปฏิเสธเขาเป็นเพราะว่าการรักเขามันเหนื่อยเกินไปหลายปีมานี้ ระหว่างพวกเขาไม่เคยมีความจริงใจในการชอบพอกันเลย ทั้งคู่ต่างลองใจกัน และหวาดระแวงซึ่งกัน และกันแม้ว่าเหตุผลจะถูกสร้างขึ้นมาจากความเข้าใจผิด แต่ความเจ็บปวด และความสิ้นหวังนั้นกลับเป็นสิ่งที่เธอได้เผชิญกับมันจริง ๆการทรมานซึ่งกัน และกันแบบนั้นผ่านไปอย่างยุ่งเหยิงไม่ชัดเจนจนทำให้ภายในใจของเธอเกิดความกลัว และไม่กล้าที่จะทำให้เธอกลับไปรักได้อีกครั้งจี้ซือหานอยากเห็นความหึงหวงอยู่ในสายตาของเธอ แต่กลับไม่มีอะไรเลย ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เพราะเซิ่งจิ่นจริง ๆเขาค่อย ๆ เว้นระยะห่างออกจากเธอ และดวงตาเย็นชานุ่มลึกก็เต็มไปด้วยความผิดหวัง "ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้สนใจเลยว่าฉันจะไปอยู่กับใคร"ซูหว่านมองเขาหนึ่งครั้ง และครั้งนี้ก็พูดตรงไปตรงมากับเขาอย่างมีความกล้า "เมื่อก่อนเคยสนใจ"คำว่าเมื่อก่อนสองคำ ทำให้จี้ซือหานรู้ไ
การกระทำแบบนี้ทำให้จี้ซือหานที่เพิ่งจะระงับความโกรธลงไปไม่สามารถความคุมตัวเองได้เขาจับไปที่แขนของซูหว่านแล้วลากเธอกลับเข้ามาด้านในรถ ดวงตาสีแดงเข้มจ้องมาที่เธอมั่น"ซูหว่าน ฉันจะบอกเธอให้ วอชิงตันมันไม่ปลอดภัย เธอเอาคำพูดของฉันเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาเหรอ? ""ฉัน..."ริมฝีปากของซูหว่านเพิ่งจะอ้าออก จี้ซือหานที่เร็วกว่าก็พูดขึ้นมาก่อน "ฉันรู้ว่าเธอไม่อยากไปที่คฤหาสน์ของฉัน แต่เธอเคยคิดหรือเปล่าว่าที่วอชิงตันนี้ คุณรู้จักใคร และไปที่ไหนได้ ? "ภายในน้ำเสียงโกรธเคืองของเขานั้นแฝงไปด้วยความสิ้นหวังอยู่หลายส่วน "ทำไมในสถานการณ์แบบนี้ถึงไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากฉัน เธอเกลียดฉันถึงขนาดนั้นเลยเหรอ ? "เขาพยายามในการเดินเข้าไปใกล้เธอเป็นหมื่น ๆ ก้าว เปิดเผยความใจในกับเธอจนนับไม่ท้วน เธอไม่สนใจก็ไม่เป็นไรแต่ทำไมในตอนที่เธอต้องการความช่วยเหลือมากที่สุดเธอยังคงเลือกที่จะปฏิเสธเขา ?หรือว่าไม่รักเขาแล้วก็สามารถทำเป็นมองไม่เห็นความรักของเขาทั้งยังจงใจเหยียบย่ำได้ ?ซูหว่านมองไปที่จี้ซือหานที่โกรธอย่างไม่มีเหตุผลด้วยความมึนงงอยู่พักใหญ่ถึงได้สติกลับมา"คุณกำลังคิดว่าฉันจะหนีไป ?"เธอเห็นจี้ซือห