เมื่อเห็นลิ้นชักที่ว่างเปล่า หัวใจของเธอก็จมลงทันทีสมุดภาพเล่มนั้นเป็นสิ่งของที่ตกทอดมาจากพี่สาว แต่ถูกเธอทําหายแล้วซูหว่านจ้องมองลิ้นชักอย่างอึ้งอยู่สองสามวินาที แล้วหันหลังเดินไปตรงหน้าเสิ่นหนานอี้ วิเคราะห์อย่างใจเย็นว่า"ขโมยธรรมดาจะสนใจแต่เงินเท่านั้น แต่พวกเขากลับขโมยแบบแปลนการออกแบบของเราไป แสดงว่าพวกเขามาเพื่อแบบแปลนการออกแบบ คุณลองคิดดูสิว่ามีเพื่อนร่วมทางที่อยากได้สมุดภาพชูยี่หรือเปล่า?"เสิ่นหนานอี้ยังคงส่งรูปพู่กันสีทองให้ซูหว่านอยู่ เมื่อได้ยินซูหว่านถามแบบนี้ก็ชะงักไปครู่หนึ่งเขาเงยหน้ามองซูหว่าน "นักออกแบบหลายคนล้วนคิดถึงสมุดภาพของชูยี แต่ไล่ตามมาขโมยที่วอชิงตัน..."เขาเหมือนนึกอะไรออก รีบบอกชื่อนักออกแบบหลายคนให้พวกเขาไปตรวจสอบหลังจากได้รับเบาะแสและจากไป เสิ่นหนานอี้ก็เดินไปหาซูหว่าน"โรงแรมนี้ไม่ปลอดภัย เราเปลี่ยนที่กันเถอะ"ซูหว่านเคยผ่านประสบการณ์นี้มาแล้ว รู้สึกว่าที่ไหนก็ไม่ปลอดภัย"ตอนนี้สํารวจสถานที่ก่อสร้างเสร็จแล้ว ยังต้องอยู่ที่นี่ทําอะไรอีกไหม?"ถ้าไม่จําเป็นต้องอยู่ที่นี่ กลับประเทศเร็วหน่อยดีกว่า"เดิมทีสํารวจเสร็จก็กลับประเทศได้แล้ว ตอนนี้ข
หลังจากที่ซูหว่านดิ้นออกมาจากอ้อมกอดของจี้ซือหานได้ ก็ถอยหลังไปหนึ่งก้าว แนบตัวติดกับขอบลิฟต์ มองไปที่เขา "คุณจะพาฉันไปไหนคะ?"จี้ซือหานเห็นเธอคอยระมัดระวังขนาดนี้ ดวงตาที่เปล่งประกาย ค่อย ๆ หมองหม่นลง "ไปคฤหาสน์ของฉัน"ซูหว่านได้ยินคำพูดประโยคนี้ รู้สึกหน่ายใจเล็กน้อย "คำพูดที่ฉันพูดกับคุณในโรงพยาบาล คุณไม่เข้าใจเหรอคะ?"ความหมายของเธอคือไม่ไปมาหาสู่กันอีก และไม่ต้องพบเจอกันอีก เขากลับให้เธอไปคฤหาสน์ของเขางั้นเหรอ?จี้ซือหานมองเธออย่างใจจดใจจ่อ พูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ ว่า "ฉันเข้าใจแล้ว แต่สถานการณ์ของเธอในตอนนี้ จะไปที่ไหนได้?"ซูหว่านชะงักไปกับคำพูดของเขา ในขณะที่พูดไม่ออกนั้น ก็รู้สึกเขินอายอย่างมากไปด้วย "ฉันกับเพื่อนของฉันจะคิดหาวิธีกันเองค่ะ"จี้ซือหานยกมุมปากขึ้นมา พูดขึ้นมาด้วยเสียงเย็นชา "เขายังเอาตัวเองไม่รอดเลย จะคิดหาวิธีอะไรออกมาได้"ขณะที่อยู่ต่อหน้าเขา ซูหว่านอยากจะกู้หน้าของตัวเองกลับมาบ้าง กลับพบว่าเขาพูดถูก แต่ว่า..."ฉัน..."ซูหว่านยังไม่ทันได้พูดออกมา ก็โดนจี้ซือหานขัดจังหวะเสียแล้ว "ซูหว่าน โรงแรมไม่ปลอดภัย เธอเชื่อฉัน ไปอยู่ที่คฤหาสน์ของฉัน"ต่างประเทศวุ
เขาตั้งใจกดเสียงให้ต่ำลง และแฝงไปด้วยความความเย้ายวนจนเหมือนกับว่ากำลังหลอกล่อเธอแต่ซูหว่านกลับไม่สะทกสะท้าน และยังคงหันไปส่ายหน้าให้เขาเบา ๆ อย่างแน่วแน่"ไม่เกี่ยวกับเธอค่ะ"ตอนอยู่ที่โรงพยาบาลเธอก็พูดไปชัดเจนแล้ว ที่ปฏิเสธเขาเป็นเพราะว่าการรักเขามันเหนื่อยเกินไปหลายปีมานี้ ระหว่างพวกเขาไม่เคยมีความจริงใจในการชอบพอกันเลย ทั้งคู่ต่างลองใจกัน และหวาดระแวงซึ่งกัน และกันแม้ว่าเหตุผลจะถูกสร้างขึ้นมาจากความเข้าใจผิด แต่ความเจ็บปวด และความสิ้นหวังนั้นกลับเป็นสิ่งที่เธอได้เผชิญกับมันจริง ๆการทรมานซึ่งกัน และกันแบบนั้นผ่านไปอย่างยุ่งเหยิงไม่ชัดเจนจนทำให้ภายในใจของเธอเกิดความกลัว และไม่กล้าที่จะทำให้เธอกลับไปรักได้อีกครั้งจี้ซือหานอยากเห็นความหึงหวงอยู่ในสายตาของเธอ แต่กลับไม่มีอะไรเลย ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เพราะเซิ่งจิ่นจริง ๆเขาค่อย ๆ เว้นระยะห่างออกจากเธอ และดวงตาเย็นชานุ่มลึกก็เต็มไปด้วยความผิดหวัง "ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้สนใจเลยว่าฉันจะไปอยู่กับใคร"ซูหว่านมองเขาหนึ่งครั้ง และครั้งนี้ก็พูดตรงไปตรงมากับเขาอย่างมีความกล้า "เมื่อก่อนเคยสนใจ"คำว่าเมื่อก่อนสองคำ ทำให้จี้ซือหานรู้ไ
การกระทำแบบนี้ทำให้จี้ซือหานที่เพิ่งจะระงับความโกรธลงไปไม่สามารถความคุมตัวเองได้เขาจับไปที่แขนของซูหว่านแล้วลากเธอกลับเข้ามาด้านในรถ ดวงตาสีแดงเข้มจ้องมาที่เธอมั่น"ซูหว่าน ฉันจะบอกเธอให้ วอชิงตันมันไม่ปลอดภัย เธอเอาคำพูดของฉันเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาเหรอ? ""ฉัน..."ริมฝีปากของซูหว่านเพิ่งจะอ้าออก จี้ซือหานที่เร็วกว่าก็พูดขึ้นมาก่อน "ฉันรู้ว่าเธอไม่อยากไปที่คฤหาสน์ของฉัน แต่เธอเคยคิดหรือเปล่าว่าที่วอชิงตันนี้ คุณรู้จักใคร และไปที่ไหนได้ ? "ภายในน้ำเสียงโกรธเคืองของเขานั้นแฝงไปด้วยความสิ้นหวังอยู่หลายส่วน "ทำไมในสถานการณ์แบบนี้ถึงไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากฉัน เธอเกลียดฉันถึงขนาดนั้นเลยเหรอ ? "เขาพยายามในการเดินเข้าไปใกล้เธอเป็นหมื่น ๆ ก้าว เปิดเผยความใจในกับเธอจนนับไม่ท้วน เธอไม่สนใจก็ไม่เป็นไรแต่ทำไมในตอนที่เธอต้องการความช่วยเหลือมากที่สุดเธอยังคงเลือกที่จะปฏิเสธเขา ?หรือว่าไม่รักเขาแล้วก็สามารถทำเป็นมองไม่เห็นความรักของเขาทั้งยังจงใจเหยียบย่ำได้ ?ซูหว่านมองไปที่จี้ซือหานที่โกรธอย่างไม่มีเหตุผลด้วยความมึนงงอยู่พักใหญ่ถึงได้สติกลับมา"คุณกำลังคิดว่าฉันจะหนีไป ?"เธอเห็นจี้ซือห
คําพูดของเขาทําให้ซูหว่านนึกถึงภาพไร้สาระเหล่านั้นอีกครั้ง ใบหน้าอับอายจนแดงก่ำจี้ซือหานกลับทําเหมือนไม่ได้สังเกต ยกนิ้วเรียวยาวขึ้นมาลูบแก้มที่ร้อนผ่าวของเธอ"คุณซู ตั้งแต่วินาทีที่คุณกับผมลั้าเส้นกัน คุณก็ทําผิดต่อซ่งซือเยว่แล้ว ทําไมต้องยึดติดกับสิ่งเหล่านี้อีก"เขาพูดจบ ไม่รอให้ซูหว่านตอบก็อุ้มเธอเดินไปทางห้องน้ําโดยตรงหลังจากเขาวางเธอลงในอ่างอาบนํ้าแล้ว ก็พูดกับเธอว่า "คุณดูเหนื่อยมาก อาบนํ้าเสร็จแล้วพักผ่อนให้สบายเถอะ"ชายคนนั้นรับผ้าเช็ดตัวจากแม่บ้านมาวางไว้บนชั้นวางของในห้องนํ้าแล้วหันหลังเดินออกไปซูหว่านจ้องมองประตูที่ปิดแล้วถอนหายใจสิ่งที่จี้ซือหานพูดนั้นถูกต้อง เมื่อคืนสิ่งที่ควรทําก็ทําไปหมดแล้ว ต่อให้ไม่อยากยุ่งกับเขาอีก เรื่องเหล่านี้ก็กลายเป็นความจริงไปแล้วพอนางคิดถึงสิ่งเหล่านี้ อารมณ์ก็เปลี่ยนเป็นหนักอึ้งและกดดัน ทั้งร่างก็เหนื่อยล้าอย่างถึงที่สุดเธอเลิกคิดมากไป ถอดชุดออกนอนในอ่างอาบนํ้า มองแสงไฟเหนือศีรษะอย่างเหม่อลอยหลังจากจี้ซือหานออกจากห้องนํ้า เขาก็รีบเดินเข้าไปในห้องหนังสือ อาเจ๋อเห็นเขาเข้ามา ก็รีบลุกขึ้นจากโซฟา"คุณท่าน ท่านกลับมาแล้วเหรอครับ"
คําพูดที่อบอุ่นและอ่อนน้อมถ่อมตนดังมาจากข้างหู ทําให้เธอใจสั่นเธอเอียงศีรษะเล็กน้อย มองจี้ซือหานที่กอดเธอแน่นจากด้านหลังไม่ยอมปล่อยใบหน้าของเขาซูบผอม หน้าซีด ตาแดงกํ่า แม้แต่หางตาก็แดงกํ่าจี้ซือหานในความทรงจําของเธอ อยู่เหนือกว่าคนอื่นเสมอแต่ตอนนี้ เขากลับยอมลดตัวที่สูงส่งและหยิ่งผยองลงครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อเธอเหมือนดวงดาวที่ไกลเกินเอื้อมในท้องฟ้ายามคํ่าคืน จู่ ๆ ก็ตกตํ่าลงจนฝุ่นตลบแต่ดวงดาวที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นก็เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์บนท้อง จะเปลี่ยนแปลงเพื่อเธอได้อย่างไรเธอยกมือขึ้นลูบผมหนา ๆ บนหน้าผากของเขา...สัมผัสที่อ่อนโยนเช่นนี้ ทําให้จี้ซือหานตัวแข็งเขามองผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเขา เหมือนจะเห็นความเด็ดขาดภายใต้ความอ่อนโยนในสายตาของเธอเขากอดเธอแน่นโดยไม่รู้ตัว "ซูหว่าน ขอร้อง อย่าใจร้ายกับฉันขนาดนี้..."แรงมหาศาลนั้นเกือบจะบีบเธอเข้าไปในกระดูก บังคับให้สิ่งที่ซูหว่านอยากจะพูดกลับไปเธอชักมือกลับ ก้มหน้ามองมือขวาที่เต็มไปด้วยบาดแผลของเขา หลังจากเงียบไปนาน ก็ถอนหายใจลึก ๆ"กี่วันที่คุณพูดถึงคือเท่าไหร่กันแน่คะ?"จี้ซือหานสีหน้าอึมครึม ดวงตาที่หม่นหมองถูกย้
กํ่าการกระทำนี้ของเขา ทำให้ซูหว่านตกใจจนรีบชักเท้าเก็บแล้วพูดด้วยสีหน้าตกใจกลัว "คุณไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้ค่ะ"ขอแค่ในระหว่งานี้ไม่ทำร้ายเธอก็พอแล้ว ไม่ต้องลดฐานะตนเองแบบนี้มันทำให้คนรู้สึกไม่สบายใจจี้ซือหานเงยแววตาแสนลึกซึ้งขึ้นแล้วพยักหน้าให้ซูหว่าน แต่ยังคงถอดรองเท้าอีกข้างโดยไม่ฟังคำทักท้วงเขาวางรองเท้าที่ถอดออกบนพื้นแล้วอุ้มซูหว่านขึ้น เปิดผ้าห่มออกแล้ววางเธอลงบนเตียงนุ่มเขาห่มผ้าให้เธอแล้วยกมือขึ้นลูบหน้าเธอเบา ๆ "เธอนอนก่อนนะ ไว้รอเธอตื่นแล้วฉันค่อยทำกับข้าวให้เธอ"คิ้วเรียวของซูหว่านขมวดเล็กน้อย "ฉันไม่ต้องอะไรพวกนี้จากนาย นายเป็นเหมือนเมื่อก่อนก็พอแล้ว..."จี้ซือหานได้ยินก็เหมือนจะเข้าใจเธอผิด อยู่ ๆ ก็อุ้มเธอขึ้นจากเตียงทันทีเขาอุ้มซูหว่านที่มีท่าทางตกใจไปนั่งลงบนโซฟา กดเอวเธอไว้ให้เธอนั่งควบลงบนขาของเขาจากนั้นก็ยกนิ้วเรียวเป็นข้อชัดเจนกดหลังคอเธอไว้ให้เธอก้มหน้าเล็กน้อย ส่วนเขาก็เงยหน้าขึ้นขณะที่จมูกของทั้งสองชนกัน จี้ซือหานเชิดคางขึ้น ริมฝีปากบางนั่นงับลงบนนริมฝีปากของเธอแล้วจูบลงไปเต็มแรงถ้าเขาไม่ได้แตะตัวเธอยังดีแต่ถ้าเมื่อแตะก็เหมือนเป็นบ้า ทันทีที่ผิวสัมผ
ไม่ได้เปิดเครื่องมาสามเดือนกว่า หน้าจอแสดงผลว่าแบตหมด กำลังจะชาร์จแบตอาเจ๋อก็มาพอดีเขาวางโทรศัพท์ไว้ข้าง ๆ เงยหน้ามองอาเจ๋อที่ถือของมาเยอะแยะ "บอกให้นายไปทำงานไม่ใช่เหรอ?"อาเจ๋อทยอยวางถุงใบใหญ่หลายถุงไว้บนโต๊ะทำงานแล้วตอบอย่างต้องการทำชม "ผมไปมาแล้ว หาของกลับมาหมดแล้วนี่ไงครับ?" ""เขาทำสีหน้าเหมือนอยากจะสื่อว่า 'คุณท่าน รีบชมผมสิ' แต่เมื่อจี้ซือหานเห็นของพวกนั้นรอยยิ้มในตาก็หายไปทันที"ใครสั่งให้นายหาเจอเร็วขนาดนี้?!"อาเจ๋องงไปหมด ปกติพวกเขาที่เป็น 'S' ก็ทำงานรวดเร็วอยู่แล้วนี่คุณท่านรู้ระเบียบดีไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงได้ด่าเขาว่าทำงานเร็ว?จี้ซือหานหน้าบึ้งตึงแล้วผลักของพวกนั้นไปให้เขา "ส่งกลับไป!"อาเจ๋อถามอย่างไม่เข้าใจด้วยสีหน้าประหลาดใจ "ทำไมเหรอครับคุณท่าน?"จี้ซือหานสูดหายใจเข้าลึก ความเย็นชาที่แผ่ซ่านออกมาจากแววตาเย็นพอที่จะทำให้อาเจ๋อแข็งตายได้อาเจ๋อที่กำลังงุนงงเห็นแววตาเย็นเฉียบนั้นก็รู้สึกว่า เหมือนเขาพร้อมจะหักแขนขาน้อย ๆ ของตนที่ทำงานมีประสิทธิภาพอย่างรวดเร็วได้ทุกเมื่ออาเจ๋อสะดุ้งไปทั้งตัวขณะเดียวกันเลือดลมก็แล่นไปทั้งตัว "คุณท่านครับ จากนี้ไป ทุกเรื่องที่เก