เมื่อเห็นลิ้นชักที่ว่างเปล่า หัวใจของเธอก็จมลงทันทีสมุดภาพเล่มนั้นเป็นสิ่งของที่ตกทอดมาจากพี่สาว แต่ถูกเธอทําหายแล้วซูหว่านจ้องมองลิ้นชักอย่างอึ้งอยู่สองสามวินาที แล้วหันหลังเดินไปตรงหน้าเสิ่นหนานอี้ วิเคราะห์อย่างใจเย็นว่า"ขโมยธรรมดาจะสนใจแต่เงินเท่านั้น แต่พวกเขากลับขโมยแบบแปลนการออกแบบของเราไป แสดงว่าพวกเขามาเพื่อแบบแปลนการออกแบบ คุณลองคิดดูสิว่ามีเพื่อนร่วมทางที่อยากได้สมุดภาพชูยี่หรือเปล่า?"เสิ่นหนานอี้ยังคงส่งรูปพู่กันสีทองให้ซูหว่านอยู่ เมื่อได้ยินซูหว่านถามแบบนี้ก็ชะงักไปครู่หนึ่งเขาเงยหน้ามองซูหว่าน "นักออกแบบหลายคนล้วนคิดถึงสมุดภาพของชูยี แต่ไล่ตามมาขโมยที่วอชิงตัน..."เขาเหมือนนึกอะไรออก รีบบอกชื่อนักออกแบบหลายคนให้พวกเขาไปตรวจสอบหลังจากได้รับเบาะแสและจากไป เสิ่นหนานอี้ก็เดินไปหาซูหว่าน"โรงแรมนี้ไม่ปลอดภัย เราเปลี่ยนที่กันเถอะ"ซูหว่านเคยผ่านประสบการณ์นี้มาแล้ว รู้สึกว่าที่ไหนก็ไม่ปลอดภัย"ตอนนี้สํารวจสถานที่ก่อสร้างเสร็จแล้ว ยังต้องอยู่ที่นี่ทําอะไรอีกไหม?"ถ้าไม่จําเป็นต้องอยู่ที่นี่ กลับประเทศเร็วหน่อยดีกว่า"เดิมทีสํารวจเสร็จก็กลับประเทศได้แล้ว ตอนนี้ข
หลังจากที่ซูหว่านดิ้นออกมาจากอ้อมกอดของจี้ซือหานได้ ก็ถอยหลังไปหนึ่งก้าว แนบตัวติดกับขอบลิฟต์ มองไปที่เขา "คุณจะพาฉันไปไหนคะ?"จี้ซือหานเห็นเธอคอยระมัดระวังขนาดนี้ ดวงตาที่เปล่งประกาย ค่อย ๆ หมองหม่นลง "ไปคฤหาสน์ของฉัน"ซูหว่านได้ยินคำพูดประโยคนี้ รู้สึกหน่ายใจเล็กน้อย "คำพูดที่ฉันพูดกับคุณในโรงพยาบาล คุณไม่เข้าใจเหรอคะ?"ความหมายของเธอคือไม่ไปมาหาสู่กันอีก และไม่ต้องพบเจอกันอีก เขากลับให้เธอไปคฤหาสน์ของเขางั้นเหรอ?จี้ซือหานมองเธออย่างใจจดใจจ่อ พูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ ว่า "ฉันเข้าใจแล้ว แต่สถานการณ์ของเธอในตอนนี้ จะไปที่ไหนได้?"ซูหว่านชะงักไปกับคำพูดของเขา ในขณะที่พูดไม่ออกนั้น ก็รู้สึกเขินอายอย่างมากไปด้วย "ฉันกับเพื่อนของฉันจะคิดหาวิธีกันเองค่ะ"จี้ซือหานยกมุมปากขึ้นมา พูดขึ้นมาด้วยเสียงเย็นชา "เขายังเอาตัวเองไม่รอดเลย จะคิดหาวิธีอะไรออกมาได้"ขณะที่อยู่ต่อหน้าเขา ซูหว่านอยากจะกู้หน้าของตัวเองกลับมาบ้าง กลับพบว่าเขาพูดถูก แต่ว่า..."ฉัน..."ซูหว่านยังไม่ทันได้พูดออกมา ก็โดนจี้ซือหานขัดจังหวะเสียแล้ว "ซูหว่าน โรงแรมไม่ปลอดภัย เธอเชื่อฉัน ไปอยู่ที่คฤหาสน์ของฉัน"ต่างประเทศวุ
เขาตั้งใจกดเสียงให้ต่ำลง และแฝงไปด้วยความความเย้ายวนจนเหมือนกับว่ากำลังหลอกล่อเธอแต่ซูหว่านกลับไม่สะทกสะท้าน และยังคงหันไปส่ายหน้าให้เขาเบา ๆ อย่างแน่วแน่"ไม่เกี่ยวกับเธอค่ะ"ตอนอยู่ที่โรงพยาบาลเธอก็พูดไปชัดเจนแล้ว ที่ปฏิเสธเขาเป็นเพราะว่าการรักเขามันเหนื่อยเกินไปหลายปีมานี้ ระหว่างพวกเขาไม่เคยมีความจริงใจในการชอบพอกันเลย ทั้งคู่ต่างลองใจกัน และหวาดระแวงซึ่งกัน และกันแม้ว่าเหตุผลจะถูกสร้างขึ้นมาจากความเข้าใจผิด แต่ความเจ็บปวด และความสิ้นหวังนั้นกลับเป็นสิ่งที่เธอได้เผชิญกับมันจริง ๆการทรมานซึ่งกัน และกันแบบนั้นผ่านไปอย่างยุ่งเหยิงไม่ชัดเจนจนทำให้ภายในใจของเธอเกิดความกลัว และไม่กล้าที่จะทำให้เธอกลับไปรักได้อีกครั้งจี้ซือหานอยากเห็นความหึงหวงอยู่ในสายตาของเธอ แต่กลับไม่มีอะไรเลย ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เพราะเซิ่งจิ่นจริง ๆเขาค่อย ๆ เว้นระยะห่างออกจากเธอ และดวงตาเย็นชานุ่มลึกก็เต็มไปด้วยความผิดหวัง "ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้สนใจเลยว่าฉันจะไปอยู่กับใคร"ซูหว่านมองเขาหนึ่งครั้ง และครั้งนี้ก็พูดตรงไปตรงมากับเขาอย่างมีความกล้า "เมื่อก่อนเคยสนใจ"คำว่าเมื่อก่อนสองคำ ทำให้จี้ซือหานรู้ไ
การกระทำแบบนี้ทำให้จี้ซือหานที่เพิ่งจะระงับความโกรธลงไปไม่สามารถความคุมตัวเองได้เขาจับไปที่แขนของซูหว่านแล้วลากเธอกลับเข้ามาด้านในรถ ดวงตาสีแดงเข้มจ้องมาที่เธอมั่น"ซูหว่าน ฉันจะบอกเธอให้ วอชิงตันมันไม่ปลอดภัย เธอเอาคำพูดของฉันเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาเหรอ? ""ฉัน..."ริมฝีปากของซูหว่านเพิ่งจะอ้าออก จี้ซือหานที่เร็วกว่าก็พูดขึ้นมาก่อน "ฉันรู้ว่าเธอไม่อยากไปที่คฤหาสน์ของฉัน แต่เธอเคยคิดหรือเปล่าว่าที่วอชิงตันนี้ คุณรู้จักใคร และไปที่ไหนได้ ? "ภายในน้ำเสียงโกรธเคืองของเขานั้นแฝงไปด้วยความสิ้นหวังอยู่หลายส่วน "ทำไมในสถานการณ์แบบนี้ถึงไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากฉัน เธอเกลียดฉันถึงขนาดนั้นเลยเหรอ ? "เขาพยายามในการเดินเข้าไปใกล้เธอเป็นหมื่น ๆ ก้าว เปิดเผยความใจในกับเธอจนนับไม่ท้วน เธอไม่สนใจก็ไม่เป็นไรแต่ทำไมในตอนที่เธอต้องการความช่วยเหลือมากที่สุดเธอยังคงเลือกที่จะปฏิเสธเขา ?หรือว่าไม่รักเขาแล้วก็สามารถทำเป็นมองไม่เห็นความรักของเขาทั้งยังจงใจเหยียบย่ำได้ ?ซูหว่านมองไปที่จี้ซือหานที่โกรธอย่างไม่มีเหตุผลด้วยความมึนงงอยู่พักใหญ่ถึงได้สติกลับมา"คุณกำลังคิดว่าฉันจะหนีไป ?"เธอเห็นจี้ซือห
คําพูดของเขาทําให้ซูหว่านนึกถึงภาพไร้สาระเหล่านั้นอีกครั้ง ใบหน้าอับอายจนแดงก่ำจี้ซือหานกลับทําเหมือนไม่ได้สังเกต ยกนิ้วเรียวยาวขึ้นมาลูบแก้มที่ร้อนผ่าวของเธอ"คุณซู ตั้งแต่วินาทีที่คุณกับผมลั้าเส้นกัน คุณก็ทําผิดต่อซ่งซือเยว่แล้ว ทําไมต้องยึดติดกับสิ่งเหล่านี้อีก"เขาพูดจบ ไม่รอให้ซูหว่านตอบก็อุ้มเธอเดินไปทางห้องน้ําโดยตรงหลังจากเขาวางเธอลงในอ่างอาบนํ้าแล้ว ก็พูดกับเธอว่า "คุณดูเหนื่อยมาก อาบนํ้าเสร็จแล้วพักผ่อนให้สบายเถอะ"ชายคนนั้นรับผ้าเช็ดตัวจากแม่บ้านมาวางไว้บนชั้นวางของในห้องนํ้าแล้วหันหลังเดินออกไปซูหว่านจ้องมองประตูที่ปิดแล้วถอนหายใจสิ่งที่จี้ซือหานพูดนั้นถูกต้อง เมื่อคืนสิ่งที่ควรทําก็ทําไปหมดแล้ว ต่อให้ไม่อยากยุ่งกับเขาอีก เรื่องเหล่านี้ก็กลายเป็นความจริงไปแล้วพอนางคิดถึงสิ่งเหล่านี้ อารมณ์ก็เปลี่ยนเป็นหนักอึ้งและกดดัน ทั้งร่างก็เหนื่อยล้าอย่างถึงที่สุดเธอเลิกคิดมากไป ถอดชุดออกนอนในอ่างอาบนํ้า มองแสงไฟเหนือศีรษะอย่างเหม่อลอยหลังจากจี้ซือหานออกจากห้องนํ้า เขาก็รีบเดินเข้าไปในห้องหนังสือ อาเจ๋อเห็นเขาเข้ามา ก็รีบลุกขึ้นจากโซฟา"คุณท่าน ท่านกลับมาแล้วเหรอครับ"
คําพูดที่อบอุ่นและอ่อนน้อมถ่อมตนดังมาจากข้างหู ทําให้เธอใจสั่นเธอเอียงศีรษะเล็กน้อย มองจี้ซือหานที่กอดเธอแน่นจากด้านหลังไม่ยอมปล่อยใบหน้าของเขาซูบผอม หน้าซีด ตาแดงกํ่า แม้แต่หางตาก็แดงกํ่าจี้ซือหานในความทรงจําของเธอ อยู่เหนือกว่าคนอื่นเสมอแต่ตอนนี้ เขากลับยอมลดตัวที่สูงส่งและหยิ่งผยองลงครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อเธอเหมือนดวงดาวที่ไกลเกินเอื้อมในท้องฟ้ายามคํ่าคืน จู่ ๆ ก็ตกตํ่าลงจนฝุ่นตลบแต่ดวงดาวที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นก็เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์บนท้อง จะเปลี่ยนแปลงเพื่อเธอได้อย่างไรเธอยกมือขึ้นลูบผมหนา ๆ บนหน้าผากของเขา...สัมผัสที่อ่อนโยนเช่นนี้ ทําให้จี้ซือหานตัวแข็งเขามองผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเขา เหมือนจะเห็นความเด็ดขาดภายใต้ความอ่อนโยนในสายตาของเธอเขากอดเธอแน่นโดยไม่รู้ตัว "ซูหว่าน ขอร้อง อย่าใจร้ายกับฉันขนาดนี้..."แรงมหาศาลนั้นเกือบจะบีบเธอเข้าไปในกระดูก บังคับให้สิ่งที่ซูหว่านอยากจะพูดกลับไปเธอชักมือกลับ ก้มหน้ามองมือขวาที่เต็มไปด้วยบาดแผลของเขา หลังจากเงียบไปนาน ก็ถอนหายใจลึก ๆ"กี่วันที่คุณพูดถึงคือเท่าไหร่กันแน่คะ?"จี้ซือหานสีหน้าอึมครึม ดวงตาที่หม่นหมองถูกย้
กํ่าการกระทำนี้ของเขา ทำให้ซูหว่านตกใจจนรีบชักเท้าเก็บแล้วพูดด้วยสีหน้าตกใจกลัว "คุณไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้ค่ะ"ขอแค่ในระหว่งานี้ไม่ทำร้ายเธอก็พอแล้ว ไม่ต้องลดฐานะตนเองแบบนี้มันทำให้คนรู้สึกไม่สบายใจจี้ซือหานเงยแววตาแสนลึกซึ้งขึ้นแล้วพยักหน้าให้ซูหว่าน แต่ยังคงถอดรองเท้าอีกข้างโดยไม่ฟังคำทักท้วงเขาวางรองเท้าที่ถอดออกบนพื้นแล้วอุ้มซูหว่านขึ้น เปิดผ้าห่มออกแล้ววางเธอลงบนเตียงนุ่มเขาห่มผ้าให้เธอแล้วยกมือขึ้นลูบหน้าเธอเบา ๆ "เธอนอนก่อนนะ ไว้รอเธอตื่นแล้วฉันค่อยทำกับข้าวให้เธอ"คิ้วเรียวของซูหว่านขมวดเล็กน้อย "ฉันไม่ต้องอะไรพวกนี้จากนาย นายเป็นเหมือนเมื่อก่อนก็พอแล้ว..."จี้ซือหานได้ยินก็เหมือนจะเข้าใจเธอผิด อยู่ ๆ ก็อุ้มเธอขึ้นจากเตียงทันทีเขาอุ้มซูหว่านที่มีท่าทางตกใจไปนั่งลงบนโซฟา กดเอวเธอไว้ให้เธอนั่งควบลงบนขาของเขาจากนั้นก็ยกนิ้วเรียวเป็นข้อชัดเจนกดหลังคอเธอไว้ให้เธอก้มหน้าเล็กน้อย ส่วนเขาก็เงยหน้าขึ้นขณะที่จมูกของทั้งสองชนกัน จี้ซือหานเชิดคางขึ้น ริมฝีปากบางนั่นงับลงบนนริมฝีปากของเธอแล้วจูบลงไปเต็มแรงถ้าเขาไม่ได้แตะตัวเธอยังดีแต่ถ้าเมื่อแตะก็เหมือนเป็นบ้า ทันทีที่ผิวสัมผ
ไม่ได้เปิดเครื่องมาสามเดือนกว่า หน้าจอแสดงผลว่าแบตหมด กำลังจะชาร์จแบตอาเจ๋อก็มาพอดีเขาวางโทรศัพท์ไว้ข้าง ๆ เงยหน้ามองอาเจ๋อที่ถือของมาเยอะแยะ "บอกให้นายไปทำงานไม่ใช่เหรอ?"อาเจ๋อทยอยวางถุงใบใหญ่หลายถุงไว้บนโต๊ะทำงานแล้วตอบอย่างต้องการทำชม "ผมไปมาแล้ว หาของกลับมาหมดแล้วนี่ไงครับ?" ""เขาทำสีหน้าเหมือนอยากจะสื่อว่า 'คุณท่าน รีบชมผมสิ' แต่เมื่อจี้ซือหานเห็นของพวกนั้นรอยยิ้มในตาก็หายไปทันที"ใครสั่งให้นายหาเจอเร็วขนาดนี้?!"อาเจ๋องงไปหมด ปกติพวกเขาที่เป็น 'S' ก็ทำงานรวดเร็วอยู่แล้วนี่คุณท่านรู้ระเบียบดีไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงได้ด่าเขาว่าทำงานเร็ว?จี้ซือหานหน้าบึ้งตึงแล้วผลักของพวกนั้นไปให้เขา "ส่งกลับไป!"อาเจ๋อถามอย่างไม่เข้าใจด้วยสีหน้าประหลาดใจ "ทำไมเหรอครับคุณท่าน?"จี้ซือหานสูดหายใจเข้าลึก ความเย็นชาที่แผ่ซ่านออกมาจากแววตาเย็นพอที่จะทำให้อาเจ๋อแข็งตายได้อาเจ๋อที่กำลังงุนงงเห็นแววตาเย็นเฉียบนั้นก็รู้สึกว่า เหมือนเขาพร้อมจะหักแขนขาน้อย ๆ ของตนที่ทำงานมีประสิทธิภาพอย่างรวดเร็วได้ทุกเมื่ออาเจ๋อสะดุ้งไปทั้งตัวขณะเดียวกันเลือดลมก็แล่นไปทั้งตัว "คุณท่านครับ จากนี้ไป ทุกเรื่องที่เก
ช่างเสื้อหยิบชุดเจ้าสาวชุดนั้นลงมา เมื่อสัมผัสโดนเนื้อผ้าและเพชรที่ประดับอยู่ด้านบน ก็อึ้งไปชุดแต่งงานชุดนี้เต็มไปด้วยผ้ากอซสีอ่อนหลายชั้น ประดับด้วยดอกกุหลาบและเพชรที่ทอจากผ้าซาตินเนื้อนุ่ม ตัวชุดเป็นสีขาวคริสตัลเรียบง่ายและวิจิตรงดงามด้วยเพชรที่ถูกเย็บเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ส่องประกายด้วยเสน่ห์อันงดงามและสง่างามจนน่าทึ่งถ้าดูไม่ผิด หากอ่านไม่ผิด นี่คือชุดแต่งงานเพียงชุดเดียวในโลกที่ถูกออกแบบโดยดีไซน์เนอร์ชุดแต่งงานชื่อดังระดับโลกหลายปีก่อน ชุดเจ้าสาวชุดนี้ถูกเก็บเอาไว้ในห้องนิทรรศการที่ต่างประเทศ แต่ต่อมาได้ยินว่าถูกคนซื้อไปในราคาสูงลิ่วคิดไม่ถึงว่าคนที่ซื้อชุดเจ้าสาวไป จะเป็นท่านประธานของกลุ่มบริษัทจี้ ถ้าไม่ได้รักอีกฝ่ายจริง จะยอมจ่ายหนักขนาดนี้ได้ยังไง?ที่สำคัญอีกชุดนึงที่อยู่ในตู้ ราคาก็ไม่ธรรมดา ดูก็รู้ว่าเป็นรุ่นลิมิเต็ด เดาว่าก็น่าจะมีแค่ชุดเดียว ไม่ซ้ำใคร"คุณนายจี้ ท่าทางคุณผู้ชายจะรักคุณมากเลยนะคะ..."ซูหว่านได้ยินคำพูดของช่างเสื้อ ก็พยักหน้าอย่างไม่ปิดบังผู้ชายคนนั้นรักเธอมาก รักจนยอมมอบทุกอย่างให้กับเธอ รักจนยอมตายไปพร้อมกับเธอเธอคิดว่าชีวิตที่เหลืออยู่หล
ซูหว่านพยักหน้าด้วยความเข้าใจ "ก็ได้ค่ะ ฉันเอาตามที่คุณพูด ตอนนี้ถ้าคุณไม่ขึ้นเครื่องบิน ก็ต้องขึ้นรถพยาบาลก่อน..."ถ้ายังไม่ห้ามเลือดอีก เขาจะทนไม่ไหวเอา จี้ซือหานเห็นว่าเธอเป็นห่วงเขา ถึงได้จับมือเธอขึ้นเครื่องบินอย่างว่าง่ายคืนนี้ ซูหว่านเฝ้าอยู่ข้างกายจี้ซือหาน รอหมอห้ามเลือด เย็บแผล เปลี่ยนยาให้เขาเสร็จ เธอถึงได้โล่งใจเมื่อเห็นว่าฟ้าเริ่มสาง ซูหว่านก็รู้สึกว่าไม่น่าจะจัดงานแต่งได้ จึงเอ่ยข้อเสนอกับเขา "หรือเลื่อนออกไปวันนึงไหม"ชายหนุ่มที่ถือผ้าขนหนูช่วยเช็ดผมให้เธอ พูดด้วยความแน่วแน่ "ไม่ได้ ยังไงวันนี้ก็ต้องจัดงานแต่ง!"ซูหว่านที่เพิ่งแช่น้ำอุ่นในอ่างอาบน้ำ อุงไอน้ำร้อนๆในมือ หันกลับไปมองเขา "แต่แผลของคุณ..."จี้ซือหานพูดอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น "ต่อให้แผลจะใหญ่กว่านี้ ก็ไม่สำคัญเท่ากับการจัดงานแต่ง"ซูหว่านยังอยากพูดอะไรอีก แต่จี้ซือหานหยิบไดร์ขึ้นมาเป่าผมให้เธอจากนั้น ขับรถไปส่งเธอที่วิลล่าของซานซานด้วยตัวเอง โดยไม่สนคำทัดท้านของเธอ"สิบเอ็ดโมง ฉันจะพาคนของตระกูลจี้ มารับเธอ"กำหนดการณ์เดิมคือสิบโมง แต่กลัวว่าเธอจะเหนื่อยเกินไป อยากให้เธอพักผ่อนกว่านี้อีกหน่อย ชาย
จี้ซือหานกอดเธอ สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากร่างกายของเธอ หัวใจที่เจ็บปวดจนชา ก็ค่อยๆสงบลงเขาคลายซูหว่านออก เห็นร่างกายของเธอเปียกปอนไปทั้งตัว ทั้งยังสั่นระริกด้วยความหนาวเหน็บ หัวใจก็เจ็บแปล๊บขึ้นมาอีก"คนที่ควรพูดขอโทษคือฉัน ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน เธอก็ไม่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้""คุณพูดอะไรโง่ๆ เราเป็นสามีภรรยากัน ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ ก็ต้องรับผิดชอบร่วมกันสิ"ซูหว่านพูดจบ ก้มหน้าลงมองมือตัวเองแวบนึง เมื่อเห็นเลือดที่เลอะเต็มมือ ใบหน้าก็ซีดไปทันที"แผลที่หลังของคุณฉีกแล้ว รีบขึ้นรถพยาบาลเถอะ..."เมื่อกี้เธอนึกว่าเป็นน้ำทะเล ไม่คิดว่าทั้งหมดนั้นล้วนเป็นเลือด แผลที่หลังจะต้องฉีกออกแล้วแน่ๆ!ซูหว่านควงแขนของเขาได้ ก็เตรียมจะเดินไปยังทิศทางของรถพยาบาล ทว่าจี้ซือหานกลับดึงเธอกลับมา"หว่านหว่าน แผลแค่นี้ไม่เท่าไหร่หรอก"เขาพูดจบ ก็มองเจียงโม่ที่ยืนห่างออกไปไม่ไกลแวบนึง"จับตัวเธอ แล้วค่อยแจ้งคุณเจียง ให้เขามาไถ่ตัวด้วยตัวเอง ไม่งั้นก็ปลดชีวิตเธอซะ!"คำพูดนั้นเขาพูดกับซูชิง ซูชิงรีบรับคำสั่งทันที "ครับ ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้!"เจียงโม่ที่คาดเดาได้ตั้งแต่แรกว่าคุณเย่ไม่มีทางปล่อยเธอ เห็นซ
ซูหว่านครุ่นคิด ก่อนจะถามเขา "คุณแซ่ชู งั้นคุณรู้จัก..."ชูยีไหม?ยังไม่ทันจะได้เอ่ยคำนี้ออกไป ก็ถูกชูจิ่นเหยียนตัดบท "ผมจะส่งคุณกลับไป"ซูหว่านได้ยินดังนั้น ก็กลืนคำพูดลงไป ขมวดคิ้วมองเขา "ลำบากแทบตายกว่าฉันจะหนีออกมาได้ จะส่งกลับไปทำไม?"ชูจิ่นเหยียนกรอกตาใส่เธออย่างหมดคำพูด "ผมหมายความว่า จะส่งคุณกลับบ้าน..."ซูหว่านจึงได้พยักหน้า ลุกขึ้นจากหาดทราย เธอต้องรีบกลับไปบอกจี้ซือหาน...ว่าเธอหนีออกมาแล้ว เธอปลอดภัย เธอไม่ได้กลายเป็นภาระของเขา และเขาก็ไม่ต้องถูกแบล็กเมล์อีกหลังจากที่เธอขึ้นฝั่งมากับชูจิ่นเหยียน ก็เห็นรถพยาบาลคันแล้วคันเล่าขับตรงไปยังบีชคลับอย่างรวดเร็วฝีเท้าของเธอชะงัก ช้อนสายตามองไปยังชายหาดที่อยู่ห่างไกล มองเห็นร่างมนุษย์ไม่ชัด เห็นแต่เรือลำเล็กลำใหญ่แล่นลงทะเลทีละลำซูหว่านทอดสายตาลงต่ำครุ่นคิดอยู่สักครู่ เอาแต่รู้สึกว่าเจียงโม่ไม่น่าจะส่งคนจำนวนมากขนาดนั้นมาตามหาและช่วยชีวิตเธอ หรือว่าจี้ซือหานมาแล้ว?ถ้าจี้ซือหานมาถึงแล้ว รู้ว่าเธอกระโดดลงทะเล เกรงว่าจะทำให้เขาตกใจมาก เพราะคิดมาถึงตรงนี้ซูหว่านก็เปลี่ยนความคิด"เราไปดูตรงนู้นหน่อยเถอะ?"ไปดูแปบนึง ถ้าจี้
ซูหว่านที่พยายามหนีถึงสามครั้งแต่ก็ถูกจับกลับมาได้ทุกครั้ง หันกลับมามองเจียงโม่ที่เดินตามหลังเป็นระยะๆเธอเห็นเอาแต่รับโทรศัพท์ตลอดเวลา ราวกับกำลังปรึกษาเรื่องอะไรอยู่ เพราะระยะค่อนข้างห่าง จึงได้ยินไม่ชัด แต่บางครั้งก็จะได้ยินแค่ชื่อของจี้ซือหานเธอไม่รู้ว่าจี้ซือหานรับปากหรือไม่ แล้วก็ไม่รู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง รู้แค่ว่าตัวเองจะกลายเป็นภาระของจี้ซือหานไม่ได้เธอมองไปยังผืนน้ำทะเลที่สาดเป็นคลื่นดุเดือด หลังจากมองอยู่หลายอึดใจ ก็กระโดดเข้าไปในทะเลโดยไม่ลังเล...เธอเคยพูดว่าถ้าหากมีใครเอาตัวเธอเพื่อไปข่มขู่จี้ซือหาน ถ้างั้นเธอก็จะไม่ยอมกลายเป็นตัวถ่วงของเขาเด็ดขาดเจียงโม่ที่กำลังเกลี้ยกล่อมพ่อบุญธรรมว่าอย่าแบล็กเมลล์จี้ซือหานอีก ได้เห็นภาพช็อตนั้น ก็ตกใจจนหน้าซีดในทันที"ซูหว่าน!"เธอกรีดร้องออกมาทีนึง โยนโทรศัพท์แล้วพุ่งลงไปในทะเลเพื่อช่วยชีวิต ทว่าถูกร่างใครบางคนพุ่งตัดหน้าเข้ามาก่อน...เสียงกระโดดลงทะเลดัง "ตู้ม" ของชูจิ่นเหยียน ว่ายเข้าไปหาร่างเล็กบางที่พุ่งเข้าไปในคลื่นทะเลด้วยความแข็งขันเจียงโม่ที่อยู่บนชายหาด ตอนแรกยังพอจะเห็นร่างของทั้งสองคนลอยอยู่เหนือผิวน
ฝีเท้าของซูหว่านชะงักไปทันทีเธออยากจะหันกลับไปโต้ตอบเขาสักสองสามประโยค แต่ก็กลัวจะเสียเวลา จึงไม่ได้สนใจอีกฝ่าย แต่ผลักประตูห้องน้ำหญิงด้วยความรวดเร็วหลังจากที่เธอเข้าไปแล้ว ก็เดินสำรวจห้องน้ำรอบนึง เมื่อเห็นว่าด้านข้างมีหน้าต่างบานเล็ก ก็รีบเดินเข้าไปแล้วเปิดออกข้างนอกเป็นถนนหลวง แค่ปีนออกจากตรงนี้ไป ก็จะสามารถเดินไปถึงถนนหลวงได้ และโอกาสที่จะหนีรอดก็สูงมากทีเดียวเธอเองก็ขี้เกียจมานั่งคิดว่าหลังจากเดินไปถนนหลวงแล้วจะกลับไปยังไง จึงพับแขนเสื้อขึ้น แล้วปีนไปยังขอบหน้าต่างสูงชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนถนนหลวง เขางอขาข้างหนึ่งขึ้น มือข้างหนึ่งทาบบนเข่า กำลังสูบบุหรี่ไปพร้อมกับที่มองดูเธอปีนออกไปนอกหน้าต่างพิลึกคน!ถ้าอยากจะออก ก็เดินผ่านคลับ ออกจากมาประตูหลัก หรือไม่ก็ข้ามชายหาดมาก็ได้แล้ว ทำไมต้องปีนหน้าต่าง?"นี่!"เขาแหกปากคำนึง ทำเอาซูหว่านตกใจจนตกลงมาจากบนขอบหน้าต่าง...ซูหว่านล้มลงอย่างแรง เธอหน้าบูดบึ้งเนื่องจากความเจ็บปวด โชคดีที่ด้านล่างเต็มไปด้วยทราย ไม่อย่างนั้นคงได้กระดูกหักเธอตะเกียกตะกายขึ้นมาจากพื้น จ้องผู้ชายที่นั่งสูบบุหรี่อยู่บนถนนหลวงตาเขม็ง "นายเป็นโรคหรือไง
เจียงโม่ไม่หลงกล ซูหว่านจึงใช้เล่นแง่ในทางความรู้สึกแทน"คุณหนูเจียง คุณก็รู้ว่าคนที่จี้ซือหานแคร์ มีแต่ฉันมาโดยตลอด""คุณกักตัวเพื่อนของฉันไม่ยอมปล่อย ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรเท่าไหร่ ทำไมต้องให้คนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่มารับเคราะห์ด้วยล่ะ?"เจียงโม่จ้องดวงตาใสบริสุทธิ์ของซูหว่านนานอยู่สักพัก จากนั้นก็โบกมือ "ช่างเถอะ แค่คุณอยู่ก็พอแล้วล่ะ"เธอส่งคนไปโทรศัพท์ หลังจากที่เห็นอีกฝ่ายวางสาย ก็หันมาพยักหน้าให้เธอ แล้วจึงอธิบายให้ซูหว่านฟัง"เพื่อนของคุณไม่รู้ว่าตัวเองถูกลักพาตัว ฉันก็แค่ส่งคนไปก่อกวนพวกเขานิดหน่อย หลังจากที่คุณกลับไป อย่าพูดถึงเรื่องนี้ก็แล้วกัน"สรุปว่าที่ซานซานออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้า ที่อลันกับซีอี้ไม่ได้มาที่วิลล่า ไม่ใช่เพราะถูกลักพาตัว แต่ถูกคนของเจียงโม่สร้างสถานการณ์แต่ว่า ฟังจากความหมายของเจียงโม่ ถ้าเธอไม่มาล่ะก็ คตที่สร้างสถานการณ์กลุ่มนั้น จะต้องลงมือกับพวกซานซานเป็นแน่...เพียงแต่เพราะเจียงโม่คำนึงถึงจี้ซือหานหรือเธอ ถึงได้เลือกใช้วิธีนุ่มนวล ไม่งั้นลักพาตัวไปเลยก็จะง่ายกว่า...แต่ไม่ว่าคนที่เจียงโม่คำนึงเป็นใคร หรือไม่ว่าจะคิดยังไง มันก็ไม่สำคัญทั้งนั้น
ซูหว่านฟังเข้าใจความหมายที่แฝงในคำพูดของเจียงโม่ ก็ถามเธอว่า "ฉันขอกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนได้ไหม?"เจียงโม่อ่านความคิดของเธอออกทันที "คุณซู คิดถึงสถานการณ์ของเพื่อนคุณให้มากหน่อยก็ดีค่ะ"ความหมายอีกอย่างก็คือ มีชีวิตของเพื่อนเธออยู่ในกำมือ ถึงเธอจะใช้ข้ออ้างไปบอกบอดี้การ์ด หรือแหกปากร้องตะโกนก็ไม่มีประโยชน์ซูหว่านครุ่นคิด ปล่อยมือที่ประคองประตูรถมาตลอดลง ไพล่ไว้ด้านหลัง ทำสัญลักษณ์ให้กับบอดี้การ์ดหลังจากที่เธอส่งสัญญาณมือโดยเงียบเชียบเสร็จ ก็เปิดประตูรถ แล้วเข้าไปนั่งข้างในเห็นเธอขึ้นรถมาแต่โดยดี เจียงโม่ก็เขี่ยซิก้าร์ในมือจนมอด จากนั้นสตาร์ทรถ...ตอนที่เธอเหยียบคันเร่ง มองกระจกมองหลังแวบนึง บอดี้การ์ดกลุ่มนั้นตามมาดังคาดเจียงโม่ดึงสายตากลับ เหยียบคันเร่งจนมิด เลี้ยวผ่านไปไม่กี่โค้งก็สลัดบอดี้การ์ดสำเร็จถึงยังไงก็เป็นถึงระดับหัวหน้าของทีมย่อยในS การที่เจียงโม่สลัดบอดี้การ์ดทิ้งได้ ก็เป็นเรื่องที่ง่ายดายมากซูหว่านกำเข็มขัดนิรภัยแน่นถึงไม่โดนสะบัดออกจากรถไป ทว่าความรู้สึกพะอืดพะอมในท้องกลับทำให้เธออยากอ้วกเธอกุมหน้าอกที่เต้นระรัว อดกลั้นความรู้สึกสะอิดสะเอียนไว้ มองไปย
นิ้วของเจียงโม่ที่คีบซิการ์ เคาะขี้เถ้าเบาๆ"คุณซู มีใครเค้าพาสามีไปร่วมปาร์ตี้คนโสดกันบ้าง?"การที่เจียงโม่จะปฏิเสธ เป็นสิ่งที่คาดเดาไว้ได้อยู่แล้ว เพียงแต่ทำไมล่ะ?ที่เจียงโม่เชิญเธอไปร่วมงานปาร์ตี้คนโสด ก็เพราะอยากให้เธอสอนว่าจะจีบเจียงเจ๋อยังไงไม่ใช่หรอ?งั้นถ้าเธอจะพาจี้ซือหานไปด้วย ก็ไม่ได้หน่วงต่อการสอนเจียงโม่จีบเจียงเจ๋อไม่ใช่หรอ?เธอคิดว่าบางทีเจียงโม่อาจจะอยากอาศัยปาร์ตี้นี้เพื่อพาตัวเธอไป ส่วนเป้าหมายคืออะไร เกรงว่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เจียงเจ๋อคุยกับจี้ซือหานหลังจากที่ซูหว่านคิดได้ดังนั้น ก็มองเจียงโม่ด้วยสายตาที่จริงใจ"คุณหนูเจียง ฉันกับจี้ซือหานถูๆไถๆกันมาเกือบสิบปี กว่าจะได้แต่งงานกันไม่ง่ายเลย ฉันไม่อยากให้เกิดเรื่องไม่คาดฝันอะไรขึ้นก่อนวันแต่งงาน""พรุ่งนี้เช้า ฉันแค่อยอยากสวมชุดแต่งงานที่เขาส่งมาให้ แต่งให้เขาด้วยสภาพร่างกายจิตใจที่สมบูรณ์แบบที่สุด หวังว่าพวกคุณจะช่วยให้เราสมหวังด้วย"ตอนที่พูดสิ่งเหล่านี้ เธอเห็นสีหน้าของเจียงโม่ เปลี่ยนไปเล็กน้อย ก็รู้ได้ทันทีว่าเจียงโม่มีจุดประสงค์อย่างแท้จริง จึงยกริมฝีปากยิ้ม"คุณหนูเจียง ถ้าคุณอยากให้ฉันสอนคุณจีบ