คําพูดที่อบอุ่นและอ่อนน้อมถ่อมตนดังมาจากข้างหู ทําให้เธอใจสั่นเธอเอียงศีรษะเล็กน้อย มองจี้ซือหานที่กอดเธอแน่นจากด้านหลังไม่ยอมปล่อยใบหน้าของเขาซูบผอม หน้าซีด ตาแดงกํ่า แม้แต่หางตาก็แดงกํ่าจี้ซือหานในความทรงจําของเธอ อยู่เหนือกว่าคนอื่นเสมอแต่ตอนนี้ เขากลับยอมลดตัวที่สูงส่งและหยิ่งผยองลงครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อเธอเหมือนดวงดาวที่ไกลเกินเอื้อมในท้องฟ้ายามคํ่าคืน จู่ ๆ ก็ตกตํ่าลงจนฝุ่นตลบแต่ดวงดาวที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นก็เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์บนท้อง จะเปลี่ยนแปลงเพื่อเธอได้อย่างไรเธอยกมือขึ้นลูบผมหนา ๆ บนหน้าผากของเขา...สัมผัสที่อ่อนโยนเช่นนี้ ทําให้จี้ซือหานตัวแข็งเขามองผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเขา เหมือนจะเห็นความเด็ดขาดภายใต้ความอ่อนโยนในสายตาของเธอเขากอดเธอแน่นโดยไม่รู้ตัว "ซูหว่าน ขอร้อง อย่าใจร้ายกับฉันขนาดนี้..."แรงมหาศาลนั้นเกือบจะบีบเธอเข้าไปในกระดูก บังคับให้สิ่งที่ซูหว่านอยากจะพูดกลับไปเธอชักมือกลับ ก้มหน้ามองมือขวาที่เต็มไปด้วยบาดแผลของเขา หลังจากเงียบไปนาน ก็ถอนหายใจลึก ๆ"กี่วันที่คุณพูดถึงคือเท่าไหร่กันแน่คะ?"จี้ซือหานสีหน้าอึมครึม ดวงตาที่หม่นหมองถูกย้
กํ่าการกระทำนี้ของเขา ทำให้ซูหว่านตกใจจนรีบชักเท้าเก็บแล้วพูดด้วยสีหน้าตกใจกลัว "คุณไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้ค่ะ"ขอแค่ในระหว่งานี้ไม่ทำร้ายเธอก็พอแล้ว ไม่ต้องลดฐานะตนเองแบบนี้มันทำให้คนรู้สึกไม่สบายใจจี้ซือหานเงยแววตาแสนลึกซึ้งขึ้นแล้วพยักหน้าให้ซูหว่าน แต่ยังคงถอดรองเท้าอีกข้างโดยไม่ฟังคำทักท้วงเขาวางรองเท้าที่ถอดออกบนพื้นแล้วอุ้มซูหว่านขึ้น เปิดผ้าห่มออกแล้ววางเธอลงบนเตียงนุ่มเขาห่มผ้าให้เธอแล้วยกมือขึ้นลูบหน้าเธอเบา ๆ "เธอนอนก่อนนะ ไว้รอเธอตื่นแล้วฉันค่อยทำกับข้าวให้เธอ"คิ้วเรียวของซูหว่านขมวดเล็กน้อย "ฉันไม่ต้องอะไรพวกนี้จากนาย นายเป็นเหมือนเมื่อก่อนก็พอแล้ว..."จี้ซือหานได้ยินก็เหมือนจะเข้าใจเธอผิด อยู่ ๆ ก็อุ้มเธอขึ้นจากเตียงทันทีเขาอุ้มซูหว่านที่มีท่าทางตกใจไปนั่งลงบนโซฟา กดเอวเธอไว้ให้เธอนั่งควบลงบนขาของเขาจากนั้นก็ยกนิ้วเรียวเป็นข้อชัดเจนกดหลังคอเธอไว้ให้เธอก้มหน้าเล็กน้อย ส่วนเขาก็เงยหน้าขึ้นขณะที่จมูกของทั้งสองชนกัน จี้ซือหานเชิดคางขึ้น ริมฝีปากบางนั่นงับลงบนนริมฝีปากของเธอแล้วจูบลงไปเต็มแรงถ้าเขาไม่ได้แตะตัวเธอยังดีแต่ถ้าเมื่อแตะก็เหมือนเป็นบ้า ทันทีที่ผิวสัมผ
ไม่ได้เปิดเครื่องมาสามเดือนกว่า หน้าจอแสดงผลว่าแบตหมด กำลังจะชาร์จแบตอาเจ๋อก็มาพอดีเขาวางโทรศัพท์ไว้ข้าง ๆ เงยหน้ามองอาเจ๋อที่ถือของมาเยอะแยะ "บอกให้นายไปทำงานไม่ใช่เหรอ?"อาเจ๋อทยอยวางถุงใบใหญ่หลายถุงไว้บนโต๊ะทำงานแล้วตอบอย่างต้องการทำชม "ผมไปมาแล้ว หาของกลับมาหมดแล้วนี่ไงครับ?" ""เขาทำสีหน้าเหมือนอยากจะสื่อว่า 'คุณท่าน รีบชมผมสิ' แต่เมื่อจี้ซือหานเห็นของพวกนั้นรอยยิ้มในตาก็หายไปทันที"ใครสั่งให้นายหาเจอเร็วขนาดนี้?!"อาเจ๋องงไปหมด ปกติพวกเขาที่เป็น 'S' ก็ทำงานรวดเร็วอยู่แล้วนี่คุณท่านรู้ระเบียบดีไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงได้ด่าเขาว่าทำงานเร็ว?จี้ซือหานหน้าบึ้งตึงแล้วผลักของพวกนั้นไปให้เขา "ส่งกลับไป!"อาเจ๋อถามอย่างไม่เข้าใจด้วยสีหน้าประหลาดใจ "ทำไมเหรอครับคุณท่าน?"จี้ซือหานสูดหายใจเข้าลึก ความเย็นชาที่แผ่ซ่านออกมาจากแววตาเย็นพอที่จะทำให้อาเจ๋อแข็งตายได้อาเจ๋อที่กำลังงุนงงเห็นแววตาเย็นเฉียบนั้นก็รู้สึกว่า เหมือนเขาพร้อมจะหักแขนขาน้อย ๆ ของตนที่ทำงานมีประสิทธิภาพอย่างรวดเร็วได้ทุกเมื่ออาเจ๋อสะดุ้งไปทั้งตัวขณะเดียวกันเลือดลมก็แล่นไปทั้งตัว "คุณท่านครับ จากนี้ไป ทุกเรื่องที่เก
ซูหว่านสูดหายใจลึก ใบหน้าเล็กโกรธจนแดง เมือ่กี้เธอไม่น่ายอมด้วยความใจอ่อนเลย!เมื่อเห็นท่าทางฉุนเฉียวของเธอ จี้ซือหานก็ยกยิ้มเล็กน้อย แววตาเต็มไปด้วยรอยยิ้มเขาอดใจไม่ไหวจูบเธออีกครั้งถึงคค่อยปล่อยเธอ "พอแล้ว ไม่แกล้งแล้ว ลุกขึ้นมากินอะไรก่อนสิ"ซูหว่านไม่มีอารมณ์กินอะไรทั้งนั้น ยังนอนไม่พอเลยก็ถูกเขาจูบปลุกซะแล้ว โกรธจนอิ่มแทนแล้วเมื่อจี้ซือหานเห็นเธอไม่ยอมลุกก็ไม่ได้เร่งรัดเธอแต่อย่างใด เขายกถ้วยโจ๊กแปะฮะไปนั่งลงบนโซฟาข้างเตียงเขาคนโจ๊กในถ้วยไปมาจนเย็นแล้วตักขึ้นมาคำเล้ก ๆ ยื่นไปที่ปากของเธอ "อ้าปาก"ซูหว่านตาขวางใส่เขาแล้วพลิกตัวสองมือหนุนแนบหน้า จ้องสวนดอกไม้นอกหน้าต่างอย่างงอน ๆจี้ซือหานมองแผ่นหลังของเธอในแววตาเต็มไปด้วยความคลั่งรัก"หว่านหว่าน ถ้าเธอยังไม่หิวงั้นเราทำเรื่องอย่างอื่นดีไหม?"เมื่อซูหว่านได้ยินก็พลิกตัวกลับมา ดวงตากลมใสจ้องเขาตษโตด้วยความฉุนจี้ซือหานเอามือยันเข่าสองข้างไว้แล้วโน้มตัวเข้าไปจ้องตาเธอ"หว่านหว่าน ฉันอดทนมาหลายปีแล้ว ทรมานมากเลย..."ซูหว่านไม่อยากได้ยินคำพูดน่าอายของเขาต่อแล้ว จึงห่อผ้าห่มลุกขึ้นมาแล้วยื่นมือไปหาเขา"เอาโจ๊กมาให้ฉัน"จ
ซูหว่านวบในอกเขา สบตากับดวงตาดอกท้อที่ไม่เก็บความคลั่งรักแม้แต่นิดสักพักก็พยักหน้าอย่างว่าง่ายท่าทางอ่อนโยนพูดน้อยแบบนี้ของเธอเหมือนกลับไปเป็นดั่งเมื่อก่อน แววตายิ้มบาง ๆ ของจี้ซือหานสดใสขึ้นเรื่อย ๆเขาอุ้มซูหว่านมายังห้องแต่งตัว วางเธอไว้บนโซฟาแล้วกดปุ่มอัตโนมัติบนผนังตุ้เสื้อผ้าหรุหลายบานเปิดออกทันที ชุดกระโปรงยาวสั่งตัดพิเศษที่สไตล์ใกล้เคียงกันเรียงกันเป็นแถบต่อหน้าซูหว่านเธอเห็นเสื้อผ้าพวกนี้ก็รู้สึกประหลาดใจ นี่มันเสื้อผ้าสไตล์ที่เธอเคยใส่ จี้ซือหานยังจำได้..."หลังจากที่เธอกลับบ้านกับฉันฉันก้ให้คนใช้เตรียมไว้ให้ล่วงหน้าแล้ว"จี้ซือหานอธิบายคร่าว ๆ แล้วหยิบกระโปรงยาวรัดเอวทรงเอมาหนึ่งชุดยื่นให้เธอ แล้วพเยิดคางไปที่ห้องลองชุดสื่อให้เธอไปเปลี่ยนชุดซูหว่านยื่นมือรับมาแล้วมองจี้ซือหานอย่างลังเล อยากถามว่ามีชุดชั้นในไหมแต่ก็อายไม่กล้าถามขณะที่เธอกะจะใส่แบบโป๊ ๆ ทันใดนั้นมือเรียวเป็นข้อชัดเจนของจี้ซือหานก็หยิบชุดชั้นในจากลิ้นชักแล้วยื่นให้เธอ"หุ่นเธอไม่ได้เปลี่ยนไปมาก ยังเหมือนเมื่อก่อน น่าจะพอดี"ซูหว่านมองเสื้อในสีชมพูดูม ๆ นั้นแล้วก็มองชายหนุ่มที่หน้านิ่งไม่เปลี่ยนสี
จี้ซือหานพาซูหว่านไปที่ชั้นบนสุดของโรงแรมที่นี่เป็นร้านอาหารฝรั่งเศสแห่งหนึ่ง นั่งตรงนี้สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ยามค่ำคืนด้านล่างทั้งหมดได้ดูเหมือนเขาจะจองเหมาทั้งร้าน ข้างในมีกลุ่มบริกรในชุดทักซิโด้ผูกโบว์ที่คอยดูแลเฉพาะพวกเขาเท่านั้นผู้จัดการชาวฝรั่งเศสผู้กระตือรือร้นใส่ชุดสูทผูกเน็คไทหลังจากทักทายต้อนรับพวกเขาพาไปนั่งลงที่ดาาดฟ้าเสร็จแล้วก็ก้มลงยื่นเมนูสุดหรูให้พวกเขาจี้ซือหานยื่นมือออกมารับแล้วส่งให้ซูหว่าน "หว่านหว่าน เธออยากกินอะไร?"ซูหว่านเปิดเมนูดูแล้วเห็นว่าเมนูเป็นภาษาฝรั่งเศษทั้งหมดสีหน้าเธอก็ดูลำบากเธออ่านไม่ออก ใบหน้าที่สวยงามของเธอปรากฏร่องรอยของความเขินอายขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว เธอยกมือที่ประหม่าจนทำอะไรไม่ถูกขึ้นมาแตะผมสั้นที่ข้างหูตัวเองด้วยความเขินอายจี้ซือหานซึ่งนั่งอยู่ตรงข้ามรีบเหยียดนิ้วเรียวยาวของเขามาหยิบเมนูจากมือเธอไปเขาไม่รู้ว่าเธอชอบกินอะไร ดังนั้นเขาจึงอยากให้เธอสั่งเอง แต่เขาก็ไม่ได้คิดให้รอบคอบจี้ซือหานรู้สึกผิด เขามองซูหว่านแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรเขาหันหน้าไปสั่งอาหารเรียกน้ำย่อยและอาหารจานหลักโดยจงใจภาษาอังกฤษกับผู้จัดการชาวฝรั่งเศสที่โน้มตัว
การรับประทานอาหารค่ำใต้แสงเทียนมื้อนี้จบลงท่ามกลางเสียงบรรเลงเชลโลเพลงแล้วเพลงเล่าตอนที่ซูหว่านลุกขึ้น ลมเย็นพัดผมสั้นของเธอ ผมที่ยุ่งเหยิงบังตาจี้ซือหานยื่นมือมาปัดผมออกให้เธอ แล้วหยิบเสื้อสูทขึ้นมาคลุมให้จากนั้นก็จูงมือเธออีกครั้ง แล้วพาเธอลงไปชั้นล่าง "หว่านหว่าน มีละเวที เธอ..."เขาก้มศีรษะลงและมองไปที่ซูหว่านที่อยู่ข้างๆ เมื่อเขาเห็นว่าเธอกำลังมองไปที่อาคารรัฐสภาที่อยู่ไกล ๆ เขาก็หยุดพูดเขาเผยิดหน้าให้บอดี้การ์ดที่อยู่ข้างหลัง และก็มีคนเข้าใจทันทีว่าเขาหมายถึงอะไรจึงรีบเดินไปที่ทำเนียบขาว"หว่านหว่าน งั้นเราไปที่รัฐสภากัน"ซูหว่านเพิ่งตั้งสติได้เธอส่ายหัวให้เขา "ไม่ต้องหรอก คุณได้เตรียมละครเวทีไว้แล้ว งั้นเราก้ไปดูละครเวทีกันเถอะ"เธอแค่ได้ยินเสิ่นหนานอี้บอกว่าอาคารรัฐสภาได้แรงบันดางใจมาจากการออกแบบของกรีกและโรมโบราณ ดังนั้นเธอจึงอดไม่ได้ที่จะมองดูนานหน่อยแต่เธอไม่คาดคิดว่าแค่เธอมองนานไปหน่อยแล้วจี้ซือหานจะพาเธอไปที่รัฐสภา นี่มันจะคำนึงถึงความรู้สึกของเธอมากเกินไปจี้ซือหานไม่ได้พูดอะไรมาก เขาแค่จับมือเธอแล้วเดินไปทางรัฐสภา...ซูหว่านคิดว่าแค่ชมรอบนอกเท่านั้น แต่เข
จี้ซือหานอุ้มเธอกลับไปที่รถแล้วเดินไปที่ สถาบันจอห์น เอฟ. เคนเนดีเพื่อศิลปะการแสดงก่อนที่เขาจะพาเธอเข้าไป เขาก็หยุดและมองลงไปที่ซูหว่าน"หว่านหว่าน คุณชอบละครเพลงหรือชอบการแสดงดนตรี?"เขามัวแต่สนใจวางแผนกิจกรรมจนลืมถามเธอเกี่ยวกับความชอบของเธอจริง ๆ แล้ว ซูหว่านไม่ได้สนใจละครเพลงมากนัก ดังนั้นเธอจึงดูลังเลเล็กน้อยเธอลังเลเพียงสองวินาที จี้ซือหานก็อ่านความคิดเธอออกอย่างรวดเร็ว เขาเผยอหน้าให้บอดี้การ์ดที่อยู่ข้างหลังเขาอีกครั้งบอดี้การ์ดไปที่ห้องแสดงดนตรีทันที และหลังจากที่พวกเขาเดินเข้าไป ก็มีคนพาพวกเขาไปที่ห้องชุดประธานาธิบดีบนชั้นสามเวทีคอนเสิร์ตฮอลล์ตกแต่งด้วยไปป์ออร์แกนนับไม่ถ้วนซึ่งดูสวยงามและอลังการซูหว่านกำลังนั่งอยู่ในห้องรับรองก้มหน้าชมการแสดงที่น่าตื่นตาบนเวที รอยยิ้มค่อย ๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปากของเธอ...จี้ซือหานที่มองเธอตลอดเวลา พอเห็นรอยยิ้มนั้น สายตาของเขาก็มีความสุข"หว่านหว่าน ในที่สุดเธอก็ยิ้มได้"หลังจากที่เธอกลับประเทศ รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอก็กลายเป็นความขมขื่นที่แสร้งทำเป็นนิ่งเฉย เขาไม่ได้เห็นรอยยิ้มที่มีความสุขเช่นนี้มานานแล้วเมื่อได้ยินแบบนี้ ซูหว่า