คุณเย่คนนี้อยู่ในที่มืด หว่านหว่านจะมีอันตรายได้ตลอดเวลา จําเป็นต้องดึงออกมาโดยเร็วที่สุดมีแต่ส่งเขาเข้าไปในคุก ขังเขาไว้สักสิบเจ็ดสิบแปดปีถึงจะสบายใจได้คนขับรถเสิ่นหนานอี้เห็นทั้งสองคนเดินอ้อมไปห้องฉุกเฉินอีก ถอนหายใจอย่างจนใจแล้วเดินตามไปบาดแผลไม่ใหญ่ หลังจากจัดการอย่างง่าย ๆ ทั้งสามคนก็ออกจากโรงพยาบาลอย่างรวดเร็วเสิ่นหนานอี้ทําเรื่องดีจนถึงที่สุด ส่งสาวโสดสองคนกลับบ้าน และถือโอกาสเข้าไปทานอาหารเย็นด้วยกันเมื่อซานซานและซูหว่านปรึกษากันว่าจะลากคุณเย่ออกมาอย่างไร เสิ่นหนานอี้ที่ก้มหน้าก้มตากินอย่างเมามันก็พูดอย่างคลุมเครือว่า "ล่องูออกจากถํ้า"ซานซานกําลังจะตอบว่าไม่ได้ เธอเคยใช้วิธีนี้เมื่อสามปีก่อนแล้ว แต่ซูหว่านกลับพูดก่อน "ตอนนี้เขารู้แล้วว่าฉันยังมีชีวิตอยู่ จะต้องมาหาฉันอีกแน่นอน ไม่สามารถป้องกันได้ ต้องล่อเขาออกมาเอง"เมื่อคิดถึงตรงนี้ ซูหว่านก็วางตะเกียบลง หยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดสมุดรายชื่อเขาดึงคุณเย่ออกจากบัญชีดําและเข้าสู่ไลน์เพื่อค้นหาคําขอเป็นเพื่อน คลิกผ่านเธอจ้องมองรูปโปรไฟล์ของคุณเย่ หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็เริ่มเขียนข้อความให้คุณเย่[คุณเย่ ในเมื่อคุณร
อาคารที่ออกแบบโดยพี่สาวไม่เพียงแต่เต็มไปด้วยความคิดที่แปลกประหลาดเท่านั้น แต่ยังสวยงามและสูงส่งอีกด้วยสิ่งที่สําคัญที่สุดคือภาพเหล่านี้มีความรู้สึกของเทคโนโลยีในอนาคตอย่างมาก เหมือนกับนิยายวิทยาศาสตร์จากอีกมิติหนึ่งไม่แปลกใจที่เสิ่นหนานอี้จะพูดว่าอาคารที่ออกแบบโดยพี่สาวเป็นอาคารที่เป็นสัญลักษณ์ที่เป็นตัวแทนของทุกประเทศและทุกเมืองมันเป็นเรื่องยากสําหรับเธอที่จะประสบความสําเร็จเช่นพี่สาว แต่...ซูหว่านหาปากกา ไม้บรรทัด กระดาษ มานั่งหน้าโต๊ะหนังสือ เริ่มวาดบนกระดาษเธอไม่ได้จับปากกาเพื่อจัดองค์ประกอบมานานแล้ว แต่เนื่องจากพรสวรรค์และทักษะของเธอตั้งแต่เด็ก เธอจึงสามารถวาดโครงร่างได้เพียงไม่กี่จังหวะเท่านั้นเธอก้มหน้าลง สมาธิทั้งหมดจดจ่ออยู่กับภาพ แต่เพียงชั่วครู่ บ้านที่มีเอกลักษณ์ปรากฏบนกระดาษเธอวางปากกาลงและหยิบมันขึ้นมาดู รู้สึกว่ามันไม่น่าเชื่อ...เธอไม่เคยวาดภาพการออกแบบมาก่อน แต่หลังจากได้เห็นภาพวาดของพี่สาวแล้ว เธอกลับมีความคิดที่มีเอกลักษณ์ในสมอง และยังวาดได้ด้วยมือตัวเองหรือว่าเขาจะเป็นเหมือนพี่สาวที่มีพรสวรรค์ในการออกแบบสถาปัตยกรรม?ซูหว่านไม่อยากจะเชื่อ วางภาพร่าง
ซูหว่านมองแผ่นหลังของเสิ่นหนานอี้ ชะงักนิ่งอยู่กับที่เธอไม่คิดว่าโครงการแรกที่พี่รับจะเป็นขององค์การนาซ่าเธอไม่กลัวที่จะต้องลงพื้นที่จริงปฏิบัติ แต่เธอกลัว...อลันเคยบอกว่าจี้ซือหานอยู่ที่องค์การนาซ่า ถ้าบังเอิญเจอกันล่ะก็...ซานซานเห็นซูหว่านก้มหน้าเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ก็รู้ความคิดเธอทันทีเธอปลอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน "หว่านหว่าน ไม่ต้องห่วงหรอก องค์การนาซ่าใหญ่ขนาดนั้น ไม่บังเอิญเจอง่ายขนาดนั้นหรอก..."ใช่ จี้ซือหานรับผิดชอบด้านการบินและอวกาศ ส่วนเธอรับผิดชอบด้านการออกแบบคนหนึ่งอยู่บนฟ้า อีกคนอยู่บนดิน งานสองงานที่แตกต่างกันจะทำงานที่เดียวกันได้ยังไง เธอคงคิดมากไปซูหว่านเก็บความคิดแล้วถาม "ซานซาน เธอจะไปด้วยไหม?"แม้ซานซานจะอยากไปดูโลกกว้างบ้างแต่ก็ส่ายมือ "ฉันไม่ไปแล้วล่ะ ไนท์คลับยุ่งมากไปไม่ได้หรอก"ซานซานพูดจบก็ย้ำเตือนเธอเหมือนย้ำเตือนลูก "หว่านหว่าน อย่าเข้าใกล้เสิ่นหนานอี้นะ เธออยู่เมืองนอกต้องดูแลความปลอดภัย ป้องกันตัวเองให้ดี ๆ เข้าใจไหม?"ซูหว่านคล้องแขนเธอแล้วตอบอย่างหมดหนทาง "ได้ ฉันรู้แล้ว คุณพี่สุดที่รักของฉัน..."ซานซานยิ้มลูบผมสั้นเธอเบา ๆ แล้วให้เธอรีบไปเ
เมื่อเครื่องบินแลนด์อิ้งที่วอชิงตัน ซูหว่านก็ปวดเมื่อยไปทั้งตัวแต่เสิ่นหนานอี้ไม่เป็นอะไรทั้งนั้น ยังคงรักษาบุคลิกท่าทางอดทนเป็นเวลาสิบกว่าชั่วโมงเมื่อลงเครื่องเสร็จก็รีบไปโรงแรมทันทีโดยไม่หยุดพัก...เขาน่าจะมาทำงานที่วอชิงตันบ่อยจึงคุ้นชินกับที่นี่มาก ไม่จำเป็นต้องมีคนมารับที่สนามบินด้วยซ้ำซูหว่านเห็นเขารู้จักเส้นทางก็ค่อยโล่งใจ ท้ายที่สุดเธอก็ยังกลัวเล็กน้อยเพราะไม่ว่ายังไงก็อยู่เมืองนอกต่างถิ่นเสิ่นหนานอี้ทำเรื่องเชคอินเสร็จก็ยื่นคีย์การ์ดให้ซูหว่าน "คืนนี้เธอพักผ่อนให้ดี ๆ พรุ่งนี้จะไปที่องค์การนาซ่าเลย"ซูหว่านพยักหน้ารับคีย์การ์ดมาแล้วถามเขา "ถ้าเราสำรวจพื้นที่จริงจะต้องเข้าไปในองค์การไหม?"เสิ่นหนานอี้เดินพาเธอไปที่ห้องพักและตอบไปด้วย "ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันต้องดูอีกฝ่าย"ซูหว่านขมวดคิ้วเล็กน้อยกังวลว่าจะบังเอิญเจอกับจี้ซือหานแต่เมื่อลองคิดดูแล้ว ถ้าบังเอิญเจอจริงแล้วยังไงล่ะ มีอะไรให้กลัวเมื่อคิดได้ดังนี้ความกังวลของเธอก็ค่อย ๆ จางลงซูหว่านหยิบกระเป๋าเดินเข้าไปในห้องพัก เมื่อประตูปิดลงเธอก็เดินไปตรงกน้าต่างบานใหญ่พวกเขาพักในโรงแรมที่หรูหราที่สุดในวอชิงตัน จอง
องค์การนาซ่า ผู้ควบคุมการบินและอวกาศกลุ่มหนึ่งกำลังนั่งประชุมในห้องประชุมผู้ชายที่เป็นหัวหน้า สวมชุดสูทราคาแพงที่ตัดเย็บเข้ากับหุ่นอย่างดี สองขาเรียวยาวไขว่ห้าง หลังพิงกับเก้าอี้หนังใบหน้าที่ราวกับถูกแกะสลักมางดงามจนแทบไร้ที่ติ เครื่องหน้าลึกมีมิติ จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากบางเซ็กซี่คิ้วเรียวยาวเรียบร้อยเป็นระเบียบราวน้ำค้างแข็ง ขนตายาวหนาปกคลุมดวงตาที่เย็นชาดุจหิมะคู่นั้นเล็กน้อยออร่าที่แผ่ออกมาได้มีแค่เพียงความเย็นชา แต่ยังมีออร่าอยู่ในตำแหน่งสูงส่งทรงพลังจนคนไม่กล้าสบตาเขาที่มีหน้าตาดุจภาพวาด ขณะนี้กำลังใช้มือเรียวยาวข้างซ้ายลูบบาดแผลบนฝ่ามือข้างขวาคนในห้องประชุมเถียงกันจนวุ่นวาย แต่เขายังคงไม่สะทกสะท้าน ก้มหน้าก้มตาจ้องบาดแผลนั้นอย่างเหม่อลอย"จี้ นี่คือสิ่งที่พวกเราร่วมกันคิดค้นพัฒนาขึ้นมา ไม่มีทางให้สิทธิบัตรทั้งหมดกับพวกนาย..."จี้ซือหานได้ยินว่ามีคนพูดถึงเขาถึงค่อยค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น มองไปยังปีเตอร์ที่โมโหคนของกลุ่มบริษัทจี้จนหน้าแดงคอเป็นเอ็นคนของกลุ่มบริษัทจี้เห็นปีเตอร์รบกวนท่านประธานของตนก็ตบโต๊ะด่าเปิงทันที "นายยังมีหน้ามาบอกว่าร่วมกันคิดขึ้นพัฒนาอีก ตลอดสามเ
เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบอาคารองค์การนาซ่าต้อนรับเสิ่นหนานอี้และซูหว่าน นำทางเดินผ่านห้องโถงแล้วเลี้ยวไปยังอาคารอีกหลังหนึ่งซูหว่านเดินไปพลางสํารวจสภาพแวดล้อมภายใน แบบจําลองจรวด ชุดอวกาศ อวกาศและอื่น ๆ ทําให้เธอมีความเข้าใจเกี่ยวกับการบินและอวกาศลึกซึ้งมากขึ้นก่อนหน้านี้เธอไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์มากนัก แต่พอได้มาเห็นกับตาตัวเอง นอกจากความตกตะลึงแล้วยังทําให้เธอได้แรงบันดาลใจในการออกแบบอาคารอีกด้วยเธอถือแปลนเดินตามหลังเสิ่นหนานอี้ไป ได้ยินเสียงพนักงานต้อนรับเดินไปพลางพูดให้พวกเขาฟังว่า "ที่นี่คือสํานักงานใหญ่นาซ่า สํานักงานบริหารของเราอยู่อีกอาคารหนึ่ง เดี๋นวฉันจะพาพวกคุณไปพบผู้รับผิดชอบโครงการ"เสิ่นหนานอี้ยิ้มแหย ๆ และพยักหน้าให้พนักงานต้อนรับ อีกฝ่ายก็พาพวกเขาเดินเข้าไปในอาคารหลังข้าง ๆจี้ซือหานยืนอยู่ในลิฟต์ ใบหน้างดงามไร้ที่ติของเขาไร้อารมณ์ แต่จากคิ้วหนาที่ขมวดแน่นมีแวววิตกกังวลปรากฎให้เห็น ดวงตาที่เย็นชาราวกับน้ำค้างแข็งนั้นกระพริบขึ้นลงปริบ ๆ เขาจ้องมองตัวเลขบนหน้าจอลิฟต์อย่างใจจดใจจ่อตึกนี้มีหลายชั้นมาก แถมยังมีคนเข้า ๆ ออก ๆ ตลอด เลนทำให้เสียเวลาไปไม่น้อย กว
เสิ่นหนานอี้กำหมัดแน่นขี้นกว่าเดิมโครงการที่ชูยีเคยรับเมื่อก่อนมีฐานะสูงกว่านาซ่ามากทุกครั้งที่เขาไปตรวจงาน หัวหน้าผู้รับผิดชอบมักจะเสิร์ฟอาหารเครื่องดื่มอร่อย ๆ ให้ต้อนรับอย่างดีใครจะไปคิดว่าคนของนาซ่าจะหยิ่งขนาดนี้ถ้านี่ไม่ใช่โครงการทีชูยีทิ้งไว้ ตอนนี้เขาก็คงลากซูหว่านออกไปแล้ว ค่าผิดสัญญาอะไรก็ช่างมันในขณะที่เสิ่นหนานอี้กำลังหัวร้อน ซูหว่านกลับยอมอ่อนข้อให้พูดว่า "งั้นคุณไรเดอร์ช่วยให้คนไปพาเราไปที่ตั้งโครงการหน่อยนะคะ"ไรเดอร์ไม่ค่อยเต็มใจ เขาโทรศัพท์หาใครสักคนแล้วไม่นานก็มีผู้หญิงชื่อเจนนี่เดินเข้ามาเมื่อเจนนี่พาทั้งสองออกจากศูนย์บริหาร ไรเดอร์จ้องตามหลังซูหว่านด้วยสายตายิ้มเยาะ เมื่อเห็นขาที่ขาวเรียวยาวของเธอ สายตาของเขาก็ค่อย ๆ ฉายแววความปรารถนาออกมาหลังจากพวกเขาออกจากตึกแล้ว พวกเขาเดินออกจากทางประตูด้านข้างของตึกนาซ่า ตอนขึ้นไปนั่งบนรถซูหว่านมองออกไปนอกหน้าต่างตามความเคยชินบังเอิญเห็นคนร่างสูงใหญ่ร่างหนึ่งในตึกนาซ่ากําลังรีบเดินไปที่อาคารศูนย์บริหารงานกลาง...เขาสวมสูทสีดำราคาแพง ยังคงหล่อเหลามาดเข้มเหมือนเดิมไปเปลี่ยน ทั้งตัวปรกคลุมไปด้วยกลิ่นอายแห่งความเยือ
"จี้ซือหาน คุณรับปากว่าจะให้ฉันจีบคุณ แล้วคุณทําแบบนี้กับคนที่ตามจีบคุณเนี่ยนะ"เมื่อเจอกับคําถามนี้ของเซิ่งจิ่น หน้าตางดงามของจี้ซือหานก็หมนหมองลงเล็กน้อย"สามเดือน หมดเวลาแล้ว คุณไสหัวไปได้แล้ว"เซิ่งจิ่นหายใจไม่ออก เธอมองใบหน้าที่เย็นชาราวน้ำค้างแข็งของจี้ซือหานแล้วก็ทําอะไรไม่ถูกเงื่อนไขที่เธอเสนอในตอนนั้นคือขอจีบสามปี แต่เขาให้เวลาเธอแค่สามเดือนเท่านั้นสามเดือนนี้เหมือนคำนวนมาอย่างดีแล้วเลย เขาหลบอยู่ในองค์การนาซ่าไม่ยอมออกมาเลยอุตส่าห์รอจนเขาออกมาแล้วแท้ ๆ แต่ก็ดันครบกำหนดสามเดือนพอดีสมกับเป็นท่านประธานกลุ่มบริษัทจี้ คํานวณได้แม่นยําจริง ๆแต่แล้วจะยังไง คนอย่างเซิ่งจิ่นถ้าอยากจีบใครสักคน เธอไม่เคยสนใจว่าคนที่ถูกจีบจะรู้สึกอย่างไรเซิ่งจิ่นรู้ว่าเขาเป็นคนรักความสะอาดและรู้ว่าเขาเป็นคนจืดชืด จึงไม่ได้สนใจพฤติกรรมที่เสียมารยาทของเขาเมื่อกี้เธอกดประตูลิฟต์ค้างไว้ ไม่ได้พูดอะไร แค่มองจี้ซือหานแล้วยิ้มอย่างมั่นใจในวินาทีที่ลิฟต์ปิดเมื่อก่อนตอนสมัยเรียนไม่มีโอกาสจะได้เข้าใกล้เขาด้วยซ้ำ ตอนนี้มีโอกาสได้เชื่อมสัมพันธ์กับเขาแล้ว ด้วยมารยาต่าง ๆ ของเธอเธอต้องสามารถเอาชนะใจ
ช่างเสื้อหยิบชุดเจ้าสาวชุดนั้นลงมา เมื่อสัมผัสโดนเนื้อผ้าและเพชรที่ประดับอยู่ด้านบน ก็อึ้งไปชุดแต่งงานชุดนี้เต็มไปด้วยผ้ากอซสีอ่อนหลายชั้น ประดับด้วยดอกกุหลาบและเพชรที่ทอจากผ้าซาตินเนื้อนุ่ม ตัวชุดเป็นสีขาวคริสตัลเรียบง่ายและวิจิตรงดงามด้วยเพชรที่ถูกเย็บเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ส่องประกายด้วยเสน่ห์อันงดงามและสง่างามจนน่าทึ่งถ้าดูไม่ผิด หากอ่านไม่ผิด นี่คือชุดแต่งงานเพียงชุดเดียวในโลกที่ถูกออกแบบโดยดีไซน์เนอร์ชุดแต่งงานชื่อดังระดับโลกหลายปีก่อน ชุดเจ้าสาวชุดนี้ถูกเก็บเอาไว้ในห้องนิทรรศการที่ต่างประเทศ แต่ต่อมาได้ยินว่าถูกคนซื้อไปในราคาสูงลิ่วคิดไม่ถึงว่าคนที่ซื้อชุดเจ้าสาวไป จะเป็นท่านประธานของกลุ่มบริษัทจี้ ถ้าไม่ได้รักอีกฝ่ายจริง จะยอมจ่ายหนักขนาดนี้ได้ยังไง?ที่สำคัญอีกชุดนึงที่อยู่ในตู้ ราคาก็ไม่ธรรมดา ดูก็รู้ว่าเป็นรุ่นลิมิเต็ด เดาว่าก็น่าจะมีแค่ชุดเดียว ไม่ซ้ำใคร"คุณนายจี้ ท่าทางคุณผู้ชายจะรักคุณมากเลยนะคะ..."ซูหว่านได้ยินคำพูดของช่างเสื้อ ก็พยักหน้าอย่างไม่ปิดบังผู้ชายคนนั้นรักเธอมาก รักจนยอมมอบทุกอย่างให้กับเธอ รักจนยอมตายไปพร้อมกับเธอเธอคิดว่าชีวิตที่เหลืออยู่หล
ซูหว่านพยักหน้าด้วยความเข้าใจ "ก็ได้ค่ะ ฉันเอาตามที่คุณพูด ตอนนี้ถ้าคุณไม่ขึ้นเครื่องบิน ก็ต้องขึ้นรถพยาบาลก่อน..."ถ้ายังไม่ห้ามเลือดอีก เขาจะทนไม่ไหวเอา จี้ซือหานเห็นว่าเธอเป็นห่วงเขา ถึงได้จับมือเธอขึ้นเครื่องบินอย่างว่าง่ายคืนนี้ ซูหว่านเฝ้าอยู่ข้างกายจี้ซือหาน รอหมอห้ามเลือด เย็บแผล เปลี่ยนยาให้เขาเสร็จ เธอถึงได้โล่งใจเมื่อเห็นว่าฟ้าเริ่มสาง ซูหว่านก็รู้สึกว่าไม่น่าจะจัดงานแต่งได้ จึงเอ่ยข้อเสนอกับเขา "หรือเลื่อนออกไปวันนึงไหม"ชายหนุ่มที่ถือผ้าขนหนูช่วยเช็ดผมให้เธอ พูดด้วยความแน่วแน่ "ไม่ได้ ยังไงวันนี้ก็ต้องจัดงานแต่ง!"ซูหว่านที่เพิ่งแช่น้ำอุ่นในอ่างอาบน้ำ อุงไอน้ำร้อนๆในมือ หันกลับไปมองเขา "แต่แผลของคุณ..."จี้ซือหานพูดอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น "ต่อให้แผลจะใหญ่กว่านี้ ก็ไม่สำคัญเท่ากับการจัดงานแต่ง"ซูหว่านยังอยากพูดอะไรอีก แต่จี้ซือหานหยิบไดร์ขึ้นมาเป่าผมให้เธอจากนั้น ขับรถไปส่งเธอที่วิลล่าของซานซานด้วยตัวเอง โดยไม่สนคำทัดท้านของเธอ"สิบเอ็ดโมง ฉันจะพาคนของตระกูลจี้ มารับเธอ"กำหนดการณ์เดิมคือสิบโมง แต่กลัวว่าเธอจะเหนื่อยเกินไป อยากให้เธอพักผ่อนกว่านี้อีกหน่อย ชาย
จี้ซือหานกอดเธอ สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากร่างกายของเธอ หัวใจที่เจ็บปวดจนชา ก็ค่อยๆสงบลงเขาคลายซูหว่านออก เห็นร่างกายของเธอเปียกปอนไปทั้งตัว ทั้งยังสั่นระริกด้วยความหนาวเหน็บ หัวใจก็เจ็บแปล๊บขึ้นมาอีก"คนที่ควรพูดขอโทษคือฉัน ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน เธอก็ไม่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้""คุณพูดอะไรโง่ๆ เราเป็นสามีภรรยากัน ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ ก็ต้องรับผิดชอบร่วมกันสิ"ซูหว่านพูดจบ ก้มหน้าลงมองมือตัวเองแวบนึง เมื่อเห็นเลือดที่เลอะเต็มมือ ใบหน้าก็ซีดไปทันที"แผลที่หลังของคุณฉีกแล้ว รีบขึ้นรถพยาบาลเถอะ..."เมื่อกี้เธอนึกว่าเป็นน้ำทะเล ไม่คิดว่าทั้งหมดนั้นล้วนเป็นเลือด แผลที่หลังจะต้องฉีกออกแล้วแน่ๆ!ซูหว่านควงแขนของเขาได้ ก็เตรียมจะเดินไปยังทิศทางของรถพยาบาล ทว่าจี้ซือหานกลับดึงเธอกลับมา"หว่านหว่าน แผลแค่นี้ไม่เท่าไหร่หรอก"เขาพูดจบ ก็มองเจียงโม่ที่ยืนห่างออกไปไม่ไกลแวบนึง"จับตัวเธอ แล้วค่อยแจ้งคุณเจียง ให้เขามาไถ่ตัวด้วยตัวเอง ไม่งั้นก็ปลดชีวิตเธอซะ!"คำพูดนั้นเขาพูดกับซูชิง ซูชิงรีบรับคำสั่งทันที "ครับ ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้!"เจียงโม่ที่คาดเดาได้ตั้งแต่แรกว่าคุณเย่ไม่มีทางปล่อยเธอ เห็นซ
ซูหว่านครุ่นคิด ก่อนจะถามเขา "คุณแซ่ชู งั้นคุณรู้จัก..."ชูยีไหม?ยังไม่ทันจะได้เอ่ยคำนี้ออกไป ก็ถูกชูจิ่นเหยียนตัดบท "ผมจะส่งคุณกลับไป"ซูหว่านได้ยินดังนั้น ก็กลืนคำพูดลงไป ขมวดคิ้วมองเขา "ลำบากแทบตายกว่าฉันจะหนีออกมาได้ จะส่งกลับไปทำไม?"ชูจิ่นเหยียนกรอกตาใส่เธออย่างหมดคำพูด "ผมหมายความว่า จะส่งคุณกลับบ้าน..."ซูหว่านจึงได้พยักหน้า ลุกขึ้นจากหาดทราย เธอต้องรีบกลับไปบอกจี้ซือหาน...ว่าเธอหนีออกมาแล้ว เธอปลอดภัย เธอไม่ได้กลายเป็นภาระของเขา และเขาก็ไม่ต้องถูกแบล็กเมล์อีกหลังจากที่เธอขึ้นฝั่งมากับชูจิ่นเหยียน ก็เห็นรถพยาบาลคันแล้วคันเล่าขับตรงไปยังบีชคลับอย่างรวดเร็วฝีเท้าของเธอชะงัก ช้อนสายตามองไปยังชายหาดที่อยู่ห่างไกล มองเห็นร่างมนุษย์ไม่ชัด เห็นแต่เรือลำเล็กลำใหญ่แล่นลงทะเลทีละลำซูหว่านทอดสายตาลงต่ำครุ่นคิดอยู่สักครู่ เอาแต่รู้สึกว่าเจียงโม่ไม่น่าจะส่งคนจำนวนมากขนาดนั้นมาตามหาและช่วยชีวิตเธอ หรือว่าจี้ซือหานมาแล้ว?ถ้าจี้ซือหานมาถึงแล้ว รู้ว่าเธอกระโดดลงทะเล เกรงว่าจะทำให้เขาตกใจมาก เพราะคิดมาถึงตรงนี้ซูหว่านก็เปลี่ยนความคิด"เราไปดูตรงนู้นหน่อยเถอะ?"ไปดูแปบนึง ถ้าจี้
ซูหว่านที่พยายามหนีถึงสามครั้งแต่ก็ถูกจับกลับมาได้ทุกครั้ง หันกลับมามองเจียงโม่ที่เดินตามหลังเป็นระยะๆเธอเห็นเอาแต่รับโทรศัพท์ตลอดเวลา ราวกับกำลังปรึกษาเรื่องอะไรอยู่ เพราะระยะค่อนข้างห่าง จึงได้ยินไม่ชัด แต่บางครั้งก็จะได้ยินแค่ชื่อของจี้ซือหานเธอไม่รู้ว่าจี้ซือหานรับปากหรือไม่ แล้วก็ไม่รู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง รู้แค่ว่าตัวเองจะกลายเป็นภาระของจี้ซือหานไม่ได้เธอมองไปยังผืนน้ำทะเลที่สาดเป็นคลื่นดุเดือด หลังจากมองอยู่หลายอึดใจ ก็กระโดดเข้าไปในทะเลโดยไม่ลังเล...เธอเคยพูดว่าถ้าหากมีใครเอาตัวเธอเพื่อไปข่มขู่จี้ซือหาน ถ้างั้นเธอก็จะไม่ยอมกลายเป็นตัวถ่วงของเขาเด็ดขาดเจียงโม่ที่กำลังเกลี้ยกล่อมพ่อบุญธรรมว่าอย่าแบล็กเมลล์จี้ซือหานอีก ได้เห็นภาพช็อตนั้น ก็ตกใจจนหน้าซีดในทันที"ซูหว่าน!"เธอกรีดร้องออกมาทีนึง โยนโทรศัพท์แล้วพุ่งลงไปในทะเลเพื่อช่วยชีวิต ทว่าถูกร่างใครบางคนพุ่งตัดหน้าเข้ามาก่อน...เสียงกระโดดลงทะเลดัง "ตู้ม" ของชูจิ่นเหยียน ว่ายเข้าไปหาร่างเล็กบางที่พุ่งเข้าไปในคลื่นทะเลด้วยความแข็งขันเจียงโม่ที่อยู่บนชายหาด ตอนแรกยังพอจะเห็นร่างของทั้งสองคนลอยอยู่เหนือผิวน
ฝีเท้าของซูหว่านชะงักไปทันทีเธออยากจะหันกลับไปโต้ตอบเขาสักสองสามประโยค แต่ก็กลัวจะเสียเวลา จึงไม่ได้สนใจอีกฝ่าย แต่ผลักประตูห้องน้ำหญิงด้วยความรวดเร็วหลังจากที่เธอเข้าไปแล้ว ก็เดินสำรวจห้องน้ำรอบนึง เมื่อเห็นว่าด้านข้างมีหน้าต่างบานเล็ก ก็รีบเดินเข้าไปแล้วเปิดออกข้างนอกเป็นถนนหลวง แค่ปีนออกจากตรงนี้ไป ก็จะสามารถเดินไปถึงถนนหลวงได้ และโอกาสที่จะหนีรอดก็สูงมากทีเดียวเธอเองก็ขี้เกียจมานั่งคิดว่าหลังจากเดินไปถนนหลวงแล้วจะกลับไปยังไง จึงพับแขนเสื้อขึ้น แล้วปีนไปยังขอบหน้าต่างสูงชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนถนนหลวง เขางอขาข้างหนึ่งขึ้น มือข้างหนึ่งทาบบนเข่า กำลังสูบบุหรี่ไปพร้อมกับที่มองดูเธอปีนออกไปนอกหน้าต่างพิลึกคน!ถ้าอยากจะออก ก็เดินผ่านคลับ ออกจากมาประตูหลัก หรือไม่ก็ข้ามชายหาดมาก็ได้แล้ว ทำไมต้องปีนหน้าต่าง?"นี่!"เขาแหกปากคำนึง ทำเอาซูหว่านตกใจจนตกลงมาจากบนขอบหน้าต่าง...ซูหว่านล้มลงอย่างแรง เธอหน้าบูดบึ้งเนื่องจากความเจ็บปวด โชคดีที่ด้านล่างเต็มไปด้วยทราย ไม่อย่างนั้นคงได้กระดูกหักเธอตะเกียกตะกายขึ้นมาจากพื้น จ้องผู้ชายที่นั่งสูบบุหรี่อยู่บนถนนหลวงตาเขม็ง "นายเป็นโรคหรือไง
เจียงโม่ไม่หลงกล ซูหว่านจึงใช้เล่นแง่ในทางความรู้สึกแทน"คุณหนูเจียง คุณก็รู้ว่าคนที่จี้ซือหานแคร์ มีแต่ฉันมาโดยตลอด""คุณกักตัวเพื่อนของฉันไม่ยอมปล่อย ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรเท่าไหร่ ทำไมต้องให้คนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่มารับเคราะห์ด้วยล่ะ?"เจียงโม่จ้องดวงตาใสบริสุทธิ์ของซูหว่านนานอยู่สักพัก จากนั้นก็โบกมือ "ช่างเถอะ แค่คุณอยู่ก็พอแล้วล่ะ"เธอส่งคนไปโทรศัพท์ หลังจากที่เห็นอีกฝ่ายวางสาย ก็หันมาพยักหน้าให้เธอ แล้วจึงอธิบายให้ซูหว่านฟัง"เพื่อนของคุณไม่รู้ว่าตัวเองถูกลักพาตัว ฉันก็แค่ส่งคนไปก่อกวนพวกเขานิดหน่อย หลังจากที่คุณกลับไป อย่าพูดถึงเรื่องนี้ก็แล้วกัน"สรุปว่าที่ซานซานออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้า ที่อลันกับซีอี้ไม่ได้มาที่วิลล่า ไม่ใช่เพราะถูกลักพาตัว แต่ถูกคนของเจียงโม่สร้างสถานการณ์แต่ว่า ฟังจากความหมายของเจียงโม่ ถ้าเธอไม่มาล่ะก็ คตที่สร้างสถานการณ์กลุ่มนั้น จะต้องลงมือกับพวกซานซานเป็นแน่...เพียงแต่เพราะเจียงโม่คำนึงถึงจี้ซือหานหรือเธอ ถึงได้เลือกใช้วิธีนุ่มนวล ไม่งั้นลักพาตัวไปเลยก็จะง่ายกว่า...แต่ไม่ว่าคนที่เจียงโม่คำนึงเป็นใคร หรือไม่ว่าจะคิดยังไง มันก็ไม่สำคัญทั้งนั้น
ซูหว่านฟังเข้าใจความหมายที่แฝงในคำพูดของเจียงโม่ ก็ถามเธอว่า "ฉันขอกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนได้ไหม?"เจียงโม่อ่านความคิดของเธอออกทันที "คุณซู คิดถึงสถานการณ์ของเพื่อนคุณให้มากหน่อยก็ดีค่ะ"ความหมายอีกอย่างก็คือ มีชีวิตของเพื่อนเธออยู่ในกำมือ ถึงเธอจะใช้ข้ออ้างไปบอกบอดี้การ์ด หรือแหกปากร้องตะโกนก็ไม่มีประโยชน์ซูหว่านครุ่นคิด ปล่อยมือที่ประคองประตูรถมาตลอดลง ไพล่ไว้ด้านหลัง ทำสัญลักษณ์ให้กับบอดี้การ์ดหลังจากที่เธอส่งสัญญาณมือโดยเงียบเชียบเสร็จ ก็เปิดประตูรถ แล้วเข้าไปนั่งข้างในเห็นเธอขึ้นรถมาแต่โดยดี เจียงโม่ก็เขี่ยซิก้าร์ในมือจนมอด จากนั้นสตาร์ทรถ...ตอนที่เธอเหยียบคันเร่ง มองกระจกมองหลังแวบนึง บอดี้การ์ดกลุ่มนั้นตามมาดังคาดเจียงโม่ดึงสายตากลับ เหยียบคันเร่งจนมิด เลี้ยวผ่านไปไม่กี่โค้งก็สลัดบอดี้การ์ดสำเร็จถึงยังไงก็เป็นถึงระดับหัวหน้าของทีมย่อยในS การที่เจียงโม่สลัดบอดี้การ์ดทิ้งได้ ก็เป็นเรื่องที่ง่ายดายมากซูหว่านกำเข็มขัดนิรภัยแน่นถึงไม่โดนสะบัดออกจากรถไป ทว่าความรู้สึกพะอืดพะอมในท้องกลับทำให้เธออยากอ้วกเธอกุมหน้าอกที่เต้นระรัว อดกลั้นความรู้สึกสะอิดสะเอียนไว้ มองไปย
นิ้วของเจียงโม่ที่คีบซิการ์ เคาะขี้เถ้าเบาๆ"คุณซู มีใครเค้าพาสามีไปร่วมปาร์ตี้คนโสดกันบ้าง?"การที่เจียงโม่จะปฏิเสธ เป็นสิ่งที่คาดเดาไว้ได้อยู่แล้ว เพียงแต่ทำไมล่ะ?ที่เจียงโม่เชิญเธอไปร่วมงานปาร์ตี้คนโสด ก็เพราะอยากให้เธอสอนว่าจะจีบเจียงเจ๋อยังไงไม่ใช่หรอ?งั้นถ้าเธอจะพาจี้ซือหานไปด้วย ก็ไม่ได้หน่วงต่อการสอนเจียงโม่จีบเจียงเจ๋อไม่ใช่หรอ?เธอคิดว่าบางทีเจียงโม่อาจจะอยากอาศัยปาร์ตี้นี้เพื่อพาตัวเธอไป ส่วนเป้าหมายคืออะไร เกรงว่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เจียงเจ๋อคุยกับจี้ซือหานหลังจากที่ซูหว่านคิดได้ดังนั้น ก็มองเจียงโม่ด้วยสายตาที่จริงใจ"คุณหนูเจียง ฉันกับจี้ซือหานถูๆไถๆกันมาเกือบสิบปี กว่าจะได้แต่งงานกันไม่ง่ายเลย ฉันไม่อยากให้เกิดเรื่องไม่คาดฝันอะไรขึ้นก่อนวันแต่งงาน""พรุ่งนี้เช้า ฉันแค่อยอยากสวมชุดแต่งงานที่เขาส่งมาให้ แต่งให้เขาด้วยสภาพร่างกายจิตใจที่สมบูรณ์แบบที่สุด หวังว่าพวกคุณจะช่วยให้เราสมหวังด้วย"ตอนที่พูดสิ่งเหล่านี้ เธอเห็นสีหน้าของเจียงโม่ เปลี่ยนไปเล็กน้อย ก็รู้ได้ทันทีว่าเจียงโม่มีจุดประสงค์อย่างแท้จริง จึงยกริมฝีปากยิ้ม"คุณหนูเจียง ถ้าคุณอยากให้ฉันสอนคุณจีบ