คุณเย่คนนี้อยู่ในที่มืด หว่านหว่านจะมีอันตรายได้ตลอดเวลา จําเป็นต้องดึงออกมาโดยเร็วที่สุดมีแต่ส่งเขาเข้าไปในคุก ขังเขาไว้สักสิบเจ็ดสิบแปดปีถึงจะสบายใจได้คนขับรถเสิ่นหนานอี้เห็นทั้งสองคนเดินอ้อมไปห้องฉุกเฉินอีก ถอนหายใจอย่างจนใจแล้วเดินตามไปบาดแผลไม่ใหญ่ หลังจากจัดการอย่างง่าย ๆ ทั้งสามคนก็ออกจากโรงพยาบาลอย่างรวดเร็วเสิ่นหนานอี้ทําเรื่องดีจนถึงที่สุด ส่งสาวโสดสองคนกลับบ้าน และถือโอกาสเข้าไปทานอาหารเย็นด้วยกันเมื่อซานซานและซูหว่านปรึกษากันว่าจะลากคุณเย่ออกมาอย่างไร เสิ่นหนานอี้ที่ก้มหน้าก้มตากินอย่างเมามันก็พูดอย่างคลุมเครือว่า "ล่องูออกจากถํ้า"ซานซานกําลังจะตอบว่าไม่ได้ เธอเคยใช้วิธีนี้เมื่อสามปีก่อนแล้ว แต่ซูหว่านกลับพูดก่อน "ตอนนี้เขารู้แล้วว่าฉันยังมีชีวิตอยู่ จะต้องมาหาฉันอีกแน่นอน ไม่สามารถป้องกันได้ ต้องล่อเขาออกมาเอง"เมื่อคิดถึงตรงนี้ ซูหว่านก็วางตะเกียบลง หยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดสมุดรายชื่อเขาดึงคุณเย่ออกจากบัญชีดําและเข้าสู่ไลน์เพื่อค้นหาคําขอเป็นเพื่อน คลิกผ่านเธอจ้องมองรูปโปรไฟล์ของคุณเย่ หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็เริ่มเขียนข้อความให้คุณเย่[คุณเย่ ในเมื่อคุณร
อาคารที่ออกแบบโดยพี่สาวไม่เพียงแต่เต็มไปด้วยความคิดที่แปลกประหลาดเท่านั้น แต่ยังสวยงามและสูงส่งอีกด้วยสิ่งที่สําคัญที่สุดคือภาพเหล่านี้มีความรู้สึกของเทคโนโลยีในอนาคตอย่างมาก เหมือนกับนิยายวิทยาศาสตร์จากอีกมิติหนึ่งไม่แปลกใจที่เสิ่นหนานอี้จะพูดว่าอาคารที่ออกแบบโดยพี่สาวเป็นอาคารที่เป็นสัญลักษณ์ที่เป็นตัวแทนของทุกประเทศและทุกเมืองมันเป็นเรื่องยากสําหรับเธอที่จะประสบความสําเร็จเช่นพี่สาว แต่...ซูหว่านหาปากกา ไม้บรรทัด กระดาษ มานั่งหน้าโต๊ะหนังสือ เริ่มวาดบนกระดาษเธอไม่ได้จับปากกาเพื่อจัดองค์ประกอบมานานแล้ว แต่เนื่องจากพรสวรรค์และทักษะของเธอตั้งแต่เด็ก เธอจึงสามารถวาดโครงร่างได้เพียงไม่กี่จังหวะเท่านั้นเธอก้มหน้าลง สมาธิทั้งหมดจดจ่ออยู่กับภาพ แต่เพียงชั่วครู่ บ้านที่มีเอกลักษณ์ปรากฏบนกระดาษเธอวางปากกาลงและหยิบมันขึ้นมาดู รู้สึกว่ามันไม่น่าเชื่อ...เธอไม่เคยวาดภาพการออกแบบมาก่อน แต่หลังจากได้เห็นภาพวาดของพี่สาวแล้ว เธอกลับมีความคิดที่มีเอกลักษณ์ในสมอง และยังวาดได้ด้วยมือตัวเองหรือว่าเขาจะเป็นเหมือนพี่สาวที่มีพรสวรรค์ในการออกแบบสถาปัตยกรรม?ซูหว่านไม่อยากจะเชื่อ วางภาพร่าง
ซูหว่านมองแผ่นหลังของเสิ่นหนานอี้ ชะงักนิ่งอยู่กับที่เธอไม่คิดว่าโครงการแรกที่พี่รับจะเป็นขององค์การนาซ่าเธอไม่กลัวที่จะต้องลงพื้นที่จริงปฏิบัติ แต่เธอกลัว...อลันเคยบอกว่าจี้ซือหานอยู่ที่องค์การนาซ่า ถ้าบังเอิญเจอกันล่ะก็...ซานซานเห็นซูหว่านก้มหน้าเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ก็รู้ความคิดเธอทันทีเธอปลอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน "หว่านหว่าน ไม่ต้องห่วงหรอก องค์การนาซ่าใหญ่ขนาดนั้น ไม่บังเอิญเจอง่ายขนาดนั้นหรอก..."ใช่ จี้ซือหานรับผิดชอบด้านการบินและอวกาศ ส่วนเธอรับผิดชอบด้านการออกแบบคนหนึ่งอยู่บนฟ้า อีกคนอยู่บนดิน งานสองงานที่แตกต่างกันจะทำงานที่เดียวกันได้ยังไง เธอคงคิดมากไปซูหว่านเก็บความคิดแล้วถาม "ซานซาน เธอจะไปด้วยไหม?"แม้ซานซานจะอยากไปดูโลกกว้างบ้างแต่ก็ส่ายมือ "ฉันไม่ไปแล้วล่ะ ไนท์คลับยุ่งมากไปไม่ได้หรอก"ซานซานพูดจบก็ย้ำเตือนเธอเหมือนย้ำเตือนลูก "หว่านหว่าน อย่าเข้าใกล้เสิ่นหนานอี้นะ เธออยู่เมืองนอกต้องดูแลความปลอดภัย ป้องกันตัวเองให้ดี ๆ เข้าใจไหม?"ซูหว่านคล้องแขนเธอแล้วตอบอย่างหมดหนทาง "ได้ ฉันรู้แล้ว คุณพี่สุดที่รักของฉัน..."ซานซานยิ้มลูบผมสั้นเธอเบา ๆ แล้วให้เธอรีบไปเ
เมื่อเครื่องบินแลนด์อิ้งที่วอชิงตัน ซูหว่านก็ปวดเมื่อยไปทั้งตัวแต่เสิ่นหนานอี้ไม่เป็นอะไรทั้งนั้น ยังคงรักษาบุคลิกท่าทางอดทนเป็นเวลาสิบกว่าชั่วโมงเมื่อลงเครื่องเสร็จก็รีบไปโรงแรมทันทีโดยไม่หยุดพัก...เขาน่าจะมาทำงานที่วอชิงตันบ่อยจึงคุ้นชินกับที่นี่มาก ไม่จำเป็นต้องมีคนมารับที่สนามบินด้วยซ้ำซูหว่านเห็นเขารู้จักเส้นทางก็ค่อยโล่งใจ ท้ายที่สุดเธอก็ยังกลัวเล็กน้อยเพราะไม่ว่ายังไงก็อยู่เมืองนอกต่างถิ่นเสิ่นหนานอี้ทำเรื่องเชคอินเสร็จก็ยื่นคีย์การ์ดให้ซูหว่าน "คืนนี้เธอพักผ่อนให้ดี ๆ พรุ่งนี้จะไปที่องค์การนาซ่าเลย"ซูหว่านพยักหน้ารับคีย์การ์ดมาแล้วถามเขา "ถ้าเราสำรวจพื้นที่จริงจะต้องเข้าไปในองค์การไหม?"เสิ่นหนานอี้เดินพาเธอไปที่ห้องพักและตอบไปด้วย "ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันต้องดูอีกฝ่าย"ซูหว่านขมวดคิ้วเล็กน้อยกังวลว่าจะบังเอิญเจอกับจี้ซือหานแต่เมื่อลองคิดดูแล้ว ถ้าบังเอิญเจอจริงแล้วยังไงล่ะ มีอะไรให้กลัวเมื่อคิดได้ดังนี้ความกังวลของเธอก็ค่อย ๆ จางลงซูหว่านหยิบกระเป๋าเดินเข้าไปในห้องพัก เมื่อประตูปิดลงเธอก็เดินไปตรงกน้าต่างบานใหญ่พวกเขาพักในโรงแรมที่หรูหราที่สุดในวอชิงตัน จอง
องค์การนาซ่า ผู้ควบคุมการบินและอวกาศกลุ่มหนึ่งกำลังนั่งประชุมในห้องประชุมผู้ชายที่เป็นหัวหน้า สวมชุดสูทราคาแพงที่ตัดเย็บเข้ากับหุ่นอย่างดี สองขาเรียวยาวไขว่ห้าง หลังพิงกับเก้าอี้หนังใบหน้าที่ราวกับถูกแกะสลักมางดงามจนแทบไร้ที่ติ เครื่องหน้าลึกมีมิติ จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากบางเซ็กซี่คิ้วเรียวยาวเรียบร้อยเป็นระเบียบราวน้ำค้างแข็ง ขนตายาวหนาปกคลุมดวงตาที่เย็นชาดุจหิมะคู่นั้นเล็กน้อยออร่าที่แผ่ออกมาได้มีแค่เพียงความเย็นชา แต่ยังมีออร่าอยู่ในตำแหน่งสูงส่งทรงพลังจนคนไม่กล้าสบตาเขาที่มีหน้าตาดุจภาพวาด ขณะนี้กำลังใช้มือเรียวยาวข้างซ้ายลูบบาดแผลบนฝ่ามือข้างขวาคนในห้องประชุมเถียงกันจนวุ่นวาย แต่เขายังคงไม่สะทกสะท้าน ก้มหน้าก้มตาจ้องบาดแผลนั้นอย่างเหม่อลอย"จี้ นี่คือสิ่งที่พวกเราร่วมกันคิดค้นพัฒนาขึ้นมา ไม่มีทางให้สิทธิบัตรทั้งหมดกับพวกนาย..."จี้ซือหานได้ยินว่ามีคนพูดถึงเขาถึงค่อยค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น มองไปยังปีเตอร์ที่โมโหคนของกลุ่มบริษัทจี้จนหน้าแดงคอเป็นเอ็นคนของกลุ่มบริษัทจี้เห็นปีเตอร์รบกวนท่านประธานของตนก็ตบโต๊ะด่าเปิงทันที "นายยังมีหน้ามาบอกว่าร่วมกันคิดขึ้นพัฒนาอีก ตลอดสามเ
เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบอาคารองค์การนาซ่าต้อนรับเสิ่นหนานอี้และซูหว่าน นำทางเดินผ่านห้องโถงแล้วเลี้ยวไปยังอาคารอีกหลังหนึ่งซูหว่านเดินไปพลางสํารวจสภาพแวดล้อมภายใน แบบจําลองจรวด ชุดอวกาศ อวกาศและอื่น ๆ ทําให้เธอมีความเข้าใจเกี่ยวกับการบินและอวกาศลึกซึ้งมากขึ้นก่อนหน้านี้เธอไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์มากนัก แต่พอได้มาเห็นกับตาตัวเอง นอกจากความตกตะลึงแล้วยังทําให้เธอได้แรงบันดาลใจในการออกแบบอาคารอีกด้วยเธอถือแปลนเดินตามหลังเสิ่นหนานอี้ไป ได้ยินเสียงพนักงานต้อนรับเดินไปพลางพูดให้พวกเขาฟังว่า "ที่นี่คือสํานักงานใหญ่นาซ่า สํานักงานบริหารของเราอยู่อีกอาคารหนึ่ง เดี๋นวฉันจะพาพวกคุณไปพบผู้รับผิดชอบโครงการ"เสิ่นหนานอี้ยิ้มแหย ๆ และพยักหน้าให้พนักงานต้อนรับ อีกฝ่ายก็พาพวกเขาเดินเข้าไปในอาคารหลังข้าง ๆจี้ซือหานยืนอยู่ในลิฟต์ ใบหน้างดงามไร้ที่ติของเขาไร้อารมณ์ แต่จากคิ้วหนาที่ขมวดแน่นมีแวววิตกกังวลปรากฎให้เห็น ดวงตาที่เย็นชาราวกับน้ำค้างแข็งนั้นกระพริบขึ้นลงปริบ ๆ เขาจ้องมองตัวเลขบนหน้าจอลิฟต์อย่างใจจดใจจ่อตึกนี้มีหลายชั้นมาก แถมยังมีคนเข้า ๆ ออก ๆ ตลอด เลนทำให้เสียเวลาไปไม่น้อย กว
เสิ่นหนานอี้กำหมัดแน่นขี้นกว่าเดิมโครงการที่ชูยีเคยรับเมื่อก่อนมีฐานะสูงกว่านาซ่ามากทุกครั้งที่เขาไปตรวจงาน หัวหน้าผู้รับผิดชอบมักจะเสิร์ฟอาหารเครื่องดื่มอร่อย ๆ ให้ต้อนรับอย่างดีใครจะไปคิดว่าคนของนาซ่าจะหยิ่งขนาดนี้ถ้านี่ไม่ใช่โครงการทีชูยีทิ้งไว้ ตอนนี้เขาก็คงลากซูหว่านออกไปแล้ว ค่าผิดสัญญาอะไรก็ช่างมันในขณะที่เสิ่นหนานอี้กำลังหัวร้อน ซูหว่านกลับยอมอ่อนข้อให้พูดว่า "งั้นคุณไรเดอร์ช่วยให้คนไปพาเราไปที่ตั้งโครงการหน่อยนะคะ"ไรเดอร์ไม่ค่อยเต็มใจ เขาโทรศัพท์หาใครสักคนแล้วไม่นานก็มีผู้หญิงชื่อเจนนี่เดินเข้ามาเมื่อเจนนี่พาทั้งสองออกจากศูนย์บริหาร ไรเดอร์จ้องตามหลังซูหว่านด้วยสายตายิ้มเยาะ เมื่อเห็นขาที่ขาวเรียวยาวของเธอ สายตาของเขาก็ค่อย ๆ ฉายแววความปรารถนาออกมาหลังจากพวกเขาออกจากตึกแล้ว พวกเขาเดินออกจากทางประตูด้านข้างของตึกนาซ่า ตอนขึ้นไปนั่งบนรถซูหว่านมองออกไปนอกหน้าต่างตามความเคยชินบังเอิญเห็นคนร่างสูงใหญ่ร่างหนึ่งในตึกนาซ่ากําลังรีบเดินไปที่อาคารศูนย์บริหารงานกลาง...เขาสวมสูทสีดำราคาแพง ยังคงหล่อเหลามาดเข้มเหมือนเดิมไปเปลี่ยน ทั้งตัวปรกคลุมไปด้วยกลิ่นอายแห่งความเยือ
"จี้ซือหาน คุณรับปากว่าจะให้ฉันจีบคุณ แล้วคุณทําแบบนี้กับคนที่ตามจีบคุณเนี่ยนะ"เมื่อเจอกับคําถามนี้ของเซิ่งจิ่น หน้าตางดงามของจี้ซือหานก็หมนหมองลงเล็กน้อย"สามเดือน หมดเวลาแล้ว คุณไสหัวไปได้แล้ว"เซิ่งจิ่นหายใจไม่ออก เธอมองใบหน้าที่เย็นชาราวน้ำค้างแข็งของจี้ซือหานแล้วก็ทําอะไรไม่ถูกเงื่อนไขที่เธอเสนอในตอนนั้นคือขอจีบสามปี แต่เขาให้เวลาเธอแค่สามเดือนเท่านั้นสามเดือนนี้เหมือนคำนวนมาอย่างดีแล้วเลย เขาหลบอยู่ในองค์การนาซ่าไม่ยอมออกมาเลยอุตส่าห์รอจนเขาออกมาแล้วแท้ ๆ แต่ก็ดันครบกำหนดสามเดือนพอดีสมกับเป็นท่านประธานกลุ่มบริษัทจี้ คํานวณได้แม่นยําจริง ๆแต่แล้วจะยังไง คนอย่างเซิ่งจิ่นถ้าอยากจีบใครสักคน เธอไม่เคยสนใจว่าคนที่ถูกจีบจะรู้สึกอย่างไรเซิ่งจิ่นรู้ว่าเขาเป็นคนรักความสะอาดและรู้ว่าเขาเป็นคนจืดชืด จึงไม่ได้สนใจพฤติกรรมที่เสียมารยาทของเขาเมื่อกี้เธอกดประตูลิฟต์ค้างไว้ ไม่ได้พูดอะไร แค่มองจี้ซือหานแล้วยิ้มอย่างมั่นใจในวินาทีที่ลิฟต์ปิดเมื่อก่อนตอนสมัยเรียนไม่มีโอกาสจะได้เข้าใกล้เขาด้วยซ้ำ ตอนนี้มีโอกาสได้เชื่อมสัมพันธ์กับเขาแล้ว ด้วยมารยาต่าง ๆ ของเธอเธอต้องสามารถเอาชนะใจ