จี้ซือหานแบมือออกมา มองดูไปที่รอยแผลบนฝ่ามือของตัวเอง แล้วจู่ๆ ก็ยิ้มออกมาน้อยๆรอยยิ้มอย่างสิ้นหวังสุดขีดแบบนั้น ซูหว่านก็เพิ่งจะเคยเห็นเป็นครั้งแรก...เธออดที่จะก้าวขาขยับเดินเข้าไปใกล้เขาไม่ได้ แต่เขากลับพูดว่า "อย่าเข้ามาเลย"เขาไม่ได้หันหน้ากลับมาอีก แต่น้ำเสียงแหบพร่าก็ได้ดังออกมาจากในรถ "คฤหาสน์ที่อยู่ข้างหน้าหลังนั้นก็คือที่ๆ เขาพักอยู่ในตอนนี้ เธอเข้าไปหาเขาเถอะ"ซูหว่านมองไปยังทิศที่ตั้งคฤหาสน์แว๊บหนึ่ง แล้วก็หันมามองผู้ชายในรถแว๊บหนึ่ง สุดท้ายก็เก็บสายตาแล้วหมุนตัวเดินออกไปทางทิศของคฤหาสน์ในตอนที่เห็นเงาร่างเล็กๆ นั้นเดินออกไปหาซ่งซือเยว่โดยไม่อาลัยวาวรณ์ ขอบตาของจี้ซือหานก็ค่อยๆ แดงขึ้น...เขาค่อยๆ กำฝ่ามือของตัวเองช้าๆ ราวกับตัดสินใจที่จะปิดผนึกเรื่องราวในอดีตทั้งหมด ไม่พูดถึงอีก แล้วก็จะไม่ดึงดันอะไรอีกซูชิงหันหน้ากลับมามองที่จี้ซือหาน "ประธานจี้ คุณเองก็เคยฆ่าตัวตายเพราะเธอนะครับ..."จี้ซือหานยกริมฝีปากบางขึ้นแล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า "เรื่องพวกนี้ต่อไปห้ามบอกให้เธอรู้"ซูชิงขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่เข้าใจ "เพราะอะไรครับ?"เขาเองก็ทำเรื่องมากมายเพื่อคุณ
เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่คุ้นเคย ก็ทำให้ร่างของคนที่นั่งอยู่บนรถเข็นตัวแข็งทื่อไปเขาค่อยๆ หันหน้ากลับมาช้าๆ มองมายังคนที่ยืนอยู่บนบันได...เธอสวมชุดเดรสยาวสีแดง ผมสั้น สายลมอ่อนโยนที่พัดผ่านเผยให้เห็นใบหน้าที่งดงามใบหน้าในความทรงจำที่เขาเคยฝันถึงนับครั้งไม่ถ้วน ถึงแม้การแต่งตัวจะไม่เหมือนเมื่อก่อน แต่ใบหน้านั้นก็ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงเขาทอดสายตามองผ่านแสงอาทิตย์ ผ่านทุ่งดอกไม้ ได้แต่มองเธออยู่อย่างนั้น แต่กลับไม่กล้าที่จะขยับตัวแม้แต่นิด ทำได้แค่มองดูอยู่ไกลๆ...เธอเคยปรากฎตัวด้วยวิธีนี้หลายครั้ง แต่ทุกครั้งตอนที่เขาวิ่งเข้าไปหาเธอ เธอก็จะหายไปตลอดคนที่อยู่ตรงหน้านี้เกรงว่าก็คงจะเป็นภาพลวงตาอีกตามเคย แตะต้องไม่ได้ เช่นนั้นก็อย่าไปรบกวนเธอ ให้เธอได้อยู่ตรงนี้นานๆ หน่อย..."ซือเยว่..."น้ำเสียงอ่อนหวานดังเรียกชื่อเขาขึ้นอีกครั้ง ทำให้เขารู้สึกเหมือนฝัน...จนกระทั่งเมื่อเขาเห็นเธอค่อยๆ เดินลงจากบันได ผ่านทุ่งดอกไม้มายืนอยู่ตรงหน้าเขา เขาถึงได้มีปฏิกริยาตอบสนองหนังสือที่ถืออยู่ในมือร่วงหล่นลงไปทันที เขาเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าคนที่อยู่ตรงหน้าของตัวเองช้าๆ อย่างไม่อยากจะเชื่อสา
แต่ว่า ทั้งๆ ที่เขาเป็นคนส่งเธอเข้าไปในกองเพลิงเองกับมือ แต่ทำไมเธอถึงยังมายืนอยู่ตรงหน้าเขาได้แบบไร้รอยขีดข่วนเช่นนี้...เขาสงสัยว่าเธอไม่ใช่ตัวจริง แต่นิ้วมือที่โอบอยู่บริเวณด้านหลังของเธอ กลับสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิร่างกายของเธอ นี่มันคนตัวเป็นๆ ชัดๆเขาใช้มือที่สั่นระริกของตัวเอง ประคองร่างของหญิงสาว ที่นอนร้องไห้ฟูมฟาย ซบตักของเขาอยู่ ใช้สองมือประคองใบหน้าของเธอ จ้องมองเธออย่างละเอียดถึงแม้เวลาจะผ่านไปนานถึงสามปี แต่เธอก็ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง กลับกันใบหน้าที่ข่าวซีดในอดีตกลับกลายเป็นมีชีวิตชีวาขึ้นมาราวกับได้ลาขาดจากโรคร้ายที่ทุกข์ทรมานในอดีต ตอนนี้เธอได้มีชีวิตใหม่ที่สดใส...เขามองเธอ ก่อนจะอ้าปากเรียกออกไปเบาๆ "หว่านหว่าน..."ซูหว่านเงยหน้าขึ้นมามองเขาแล้วยิ้มออกมาทั้งๆ ที่ดวงตาทั้งคู่เต็มไปด้วยคราบน้ำตา "ฉันอยู่นี่"เธออยู่นี่ เธออยู่นี่มาตลอด...ใบหน้าที่เปียกชื้นของซ่งซือเยว่เองก็ปรากฎรอยยิ้มออกมาเช่นกัน "ยังดีนะที่ฉันเชื่อฟังคำพูดของเธอ"ซูหว่านไม่ค่อยเข้าใจนัก "คำพูดอะไร?"ซ่งซือเยว่อึ้งไป ดูท่า...เธอคงลืมสิ่งที่เคยพูดกับเขาไว้ แต่ว่าไม่เป็นไร แค่เขาจำได้ก็
หลังจากที่เธอเหม่ออยู่นานก็ดึงสติกลับมาได้ ค่อยๆ มองไปที่ขาของเขา "คุณล่ะ เกิดอะไรขึ้นกับขาของคุณ?"ซ่งซือเยว่มองไปตามสายตาของเธอแล้วจับไปที่ขาพิการของตัวเอง พูดออกมาเหมือนไม่ใส่ใจ "แผลจากการถูกยิงน่ะ ไม่ต้องเป็นห่วง"เมื่อซูหว่านได้ยินคำว่าแผลถูกยิงก็คิดไปถึงเรื่องที่เขาฆ่าตัวตายเพราะตรอมใจจนความรู้สึกผิดแสดงออกมาทางสีหน้า "หรือว่าตอนที่อยู่ต่อหน้าหลุมศพของฉัน คุณ..."ซ่งซือเยว่ส่ายหน้า ปฏิเสธว่า "ไม่ใช่ ไม่เกี่ยวกับเธอ เธอไม่ต้องรู้สึกผิด"ซูหว่านไม่เชื่อ เธอขมวดคิ้วมุ่นแล้วพูดกับเขา "ซือเยว่ คุณกับฉันรู้จักกันมาตั้งหลายปี ยังมีเรื่องอะไรที่บอกฉันไม่ได้กัน?"พวกเขาเคยเป็นรักแรกของกันและกัน และเป็นครอบครัวเดียวกันมาหลายปี ความรู้สึกที่มีต่อกันมันลึกซึ้งจนแม้แต่กาลเวลาก็ไม่อาจจะลบเลือนได้ซ่งซือเยว่มองหน้าเธอเงียบๆ อยู่นาน ก่อนจะค่อยๆ พูดออกมาว่า "ในวันที่เจ็ด ฉันคิดจะตามเธอไป เป็นจี้ซือหานที่ห้ามฉันเอาไว้"เมื่อเขาพูดถึงตรงนี้ก็มองไปที่ซูหว่านโดยสัญชาตญาณ เมื่อเห็นว่าสีหน้าของเธอยังเหมือนเดิมก็จึงพูดต่อ "เขาแย่งปืนในมือของฉันไป แต่ฉันตั้งใจที่จะตายไว้แล้ว ในระหว่างที่ยื้อยุดกัน
เมื่อเห็นเงาร่างนั้นที่เดินออกไปจากคฤหาสน์อย่างไม่ลังเล จู่ๆ ซ่งซือเยว่ก็ขอบตาแดงขึ้นมา...หัวใจของเขาราวกับถูกมีดกรีดออกเป็นพันๆ ชิ้น เจ็บจนแทบจะหยุดหายใจ มันปวดจนอยากที่จะวิ่งตามไปกอดเธอเขาไว้แล้วบอกให้เธออย่าไปแต่ขาของเขาทั้งสองข้างกลับไม่ตอบสนองเลยสักนิด คนที่เป็นเหมือนคนไร้ค่าอย่างเขา มีสิทธิ์อะไรจะไปรั้งเธอไว้ให้อยู่ข้างกาย...เขาเงยหน้าขึ้นไปมองแสงอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้า อยากจะไล่น้ำตาของตัวเองออกไปให้หมด แต่น้ำตาเจ้ากรรมก็ดูเหมือนไม่ยอมฟังคำสั่ง เอาแต่ไหลลงมาไม่หยุดเขาใช้มือข้างหนึ่งปิดหน้าตัวเองไว้ ในตอนที่กำลังร้องไห้ราวจะขาดใจอยู่นั้น เงาร่างเล็กเงาหนึ่งก็ปรากฎขึ้นช่วยเขาบดบังแสงอาทิตย์แสบตาที่สาดส่องซ่งซือเยว่มองเห็นซูหว่านกำลังเอียงคอแล้วบิดฝาขวดน้ำเปล่าในมือก่อนจะยื่นมาให้เขาอย่างเลือนรางผ่านร่องนิ้วมือของตัวเอง"ซือเยว่ ฉันเห็นว่าริมฝีปากของคุณแห้งหมดแล้ว ก็เลยไปขอน้ำจากเสี่ยวโยวมาขวดหนึ่ง ฉันจะป้อนให้คุณดื่มนะดีไหม?"ที่แท้เธอก็ไม่ได้ไป...บอกไม่ถูกว่าเป็นความรู้สึกดีใจมากกว่าหรือว่ากลัวทำให้เธอเดือดร้อนมากกว่าเขาในตอนนี้ทำได้เพียงแค่อ้าปากอย่างว่าง่าย ป
หลังจากเสี่ยวโยวเดินออกไป ซูหว่านก็อึ้งไปเล็กน้อย เธอไม่คาดคิดเลยว่าจี้ซือหานไม่เพียงแค่ช่วยซ่งซือเยว่เอาไว้ แถมเขายังหาคนมาช่วยดูแลซ่งซือเยว่อีกด้วยเมื่อเห็นว่าเธอเหม่อไป ซ่งซือเยว่ก็รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ เขาวางตะเกียบในมือลงเบาๆ มองเธอด้วยสายตาที่ซับซ้อน"หว่านหว่าน สามปีมานี้ จี้ซือหานได้ทำอะไรลงไปมากมายเพื่อที่จะให้ฉันมีชีวิตต่อไป...""เหมือนกับว่าเขากำลังใช้วิธีนี้ในการชดใช้ความผิด ถึงแม้ฉันจะไม่รู้แน่ชัดว่าเขากำลังชดใช้ความผิดอะไรก็ตามที แต่ฉันรู้ว่าเขารักเธอมาก"หลังจากที่ซ่งซือเยว่พูดสี่คำหลังจบก็เท่ากับเขาได้ชดเชยความเสียใจที่ไม่ได้สารภาพกับซูหว่านไปในตอนนั้นเรียบร้อยแล้วเขาถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่ก็อดที่จะมองเธอไม่ได้ ราวกับอยากจะรู้ว่าเธอที่หายไปสามปียังมีความรู้สึกรักจี้ซือหานอยู่หรือไม่ซูหว่านหลุบสายตาลง หลังจากที่กลบเกลื่อนความรู้สึกในแววตาเรียบร้อยก็พูดกับเขาอย่างนุ่มนวล "ทั้งๆ ที่คุณก็ยังมีชีวิตอยู่ แต่ทำไมหนังสือพิมพ์ถึงลงข่าวว่าคุณตายไปแล้วล่ะ?"เธอไม่ได้ตอบคำถามของเขาโดยเลือกที่จะหนี เป็นเพราะยังมีจี้ซือหานอยู่ในใจหรือว่าปล่อยวางเขาได้แล้วกันแน่นะ...ซ่
มือที่กำลังคีบตะเกียบของซ่งซือเยว่ชะงักไป มองซูหว่านอย่างอึ้งๆ สายตาเต็มไปด้วยความคาดไม่ถึงหลังจากที่ซูหว่านกดตัดสายจิเหยียนโจวไปก็อธิบายให้เขาฟัง"ซือเยว่ หลังจากที่ฉันฟื้นขึ้นมาหลังจากที่หมดสติไปก็ได้ยินข่าวเรื่องการตายของคุณ ฉันไม่เชื่อว่าคุณจากไปแล้ว ก็เลยรีบร้อนที่จะกลับประเทศเพื่อสืบความจริง""แต่จิเหยียนโจวกลัวว่าฉันจะเอาหัวใจของพี่สาวหนีไปโดยไม่ยอมกลับก็เลยขอให้ฉันแต่งงานกับเขา ไม่เช่นนั้นจะไม่ยอมให้ฉันได้กลับประเทศ ฉันก็เลยตอบตกลงไป แต่ว่าฉันใช้ชื่อชูยีของพี่แต่งกับเขา ระหว่างฉันกับเขาเราไม่ได้รักกันเลย"เมื่อซ่งซือเยว่ฟังจบแววตาตกใจแต่เดิมก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสงสาร "หว่านหว่าน ขอโทษนะ เพราะความขาดสติของฉัน ทำให้เธอต้องถูกคนข่มขู่แบบนี้"ซูหว่านส่ายหน้า สีหน้าสงบนิ่งราวกับเข้าใจในทุกอย่าง "ต่อให้ฉันไม่ตอบตกลงแต่งงานกับเขาก็ยังถูกเขาใช้หัวใจของพี่สาวมาควบคุมอยู่ดี"ซ่งซือเยว่ค่อยๆ ขมวดคิ้วมุ่น "หว่านหว่าน จิเหยียนโจวไม่ใช่คนดีอะไร ถ้าเธออยู่กับเขาคงต้องบาดเจ็บแน่"เกี่ยวกับเรื่องนี้ แน่นอนว่าซูหว่านย่อมรู้ดี "ฉันรู้ว่าเขาไม่ใช่คนดีอะไร ดังนั้นฉันจะหาทางขอร้องให้เขาปล่อยฉั
เมื่ออลันเห็นว่าเธอขอบคุณตัวเอง ในใจก็ยิ่งรู้สึกผิด เรื่องที่เกิดขึ้นตอนนั้นเธอยังติดใจอยู่แต่อยู่ต่อหน้ากู้จิ่งเซิน ต่อให้จะมีเรื่องที่อยากจะบอกเธอมากมายแค่ไหน ก็ไม่รีบที่จะบอกออกไปหรอกหลังจากที่เธอใช้เวลาพูดคุยรำลึกความหลังกับซูหว่านไม่นาน ก็ไปตรวจอาการที่ขาของกู้จิ่งเซินให้ หลักๆ ก็ตรวจเรื่องกล้ามเนื้อลีบนี่แหละเส้นประสาทช่วงขาของเขาเสียไปหมดแล้ว คงจะยืนขึ้นอีกครั้งได้ยาก ตอนนี้แค่พยายามรักษาไม่ให้กล้ามเนื้อขาลีบจนเกินไปเท่านั้นหลังจากที่ตรวจเสร็จ ซูหว่านก็รีบดึงตัวเธอไปถามอย่างใจร้อนทันที "คุณหมอโจว ขาของเขาเป็นอย่างไรบ้าง? จะสามารถยืนขึ้นได้เมื่อไร?"เธอกำลังจะบอกความจริง แต่คนที่นั่งอยู่บนรถเข็นกลับกำมือข้างหนึ่งแล้วแกล้งทำเป็นไอออกมา จากนั้นก็ส่งสายตาเป็นสัญญาณบอกให้เธออย่าพูดอลันนวดที่หัวคิ้วทีหนึ่ง ไม่เข้าใจว่าทำไมกู้จิ่งเซินต้องปิดบังซูหว่านด้วย หลังจากที่ลังเลอยู่สักพักจึงได้พูดกับซูหว่านว่า "เธอถามเขาเองเถอะ"เธอไม่อยากที่จะทำเรื่องช่วยปกปิดอาการป่วยแล้ว ต่อไปหากว่าเจอสถานการณ์แบบนี้ ก็โยนให้คนป่วยไปจัดการเองแล้วกันซูหว่านหันหน้ากลับไปมองซ่งซือเยว่ทีหนึ่ง เมื่