แต่ว่า ทั้งๆ ที่เขาเป็นคนส่งเธอเข้าไปในกองเพลิงเองกับมือ แต่ทำไมเธอถึงยังมายืนอยู่ตรงหน้าเขาได้แบบไร้รอยขีดข่วนเช่นนี้...เขาสงสัยว่าเธอไม่ใช่ตัวจริง แต่นิ้วมือที่โอบอยู่บริเวณด้านหลังของเธอ กลับสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิร่างกายของเธอ นี่มันคนตัวเป็นๆ ชัดๆเขาใช้มือที่สั่นระริกของตัวเอง ประคองร่างของหญิงสาว ที่นอนร้องไห้ฟูมฟาย ซบตักของเขาอยู่ ใช้สองมือประคองใบหน้าของเธอ จ้องมองเธออย่างละเอียดถึงแม้เวลาจะผ่านไปนานถึงสามปี แต่เธอก็ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง กลับกันใบหน้าที่ข่าวซีดในอดีตกลับกลายเป็นมีชีวิตชีวาขึ้นมาราวกับได้ลาขาดจากโรคร้ายที่ทุกข์ทรมานในอดีต ตอนนี้เธอได้มีชีวิตใหม่ที่สดใส...เขามองเธอ ก่อนจะอ้าปากเรียกออกไปเบาๆ "หว่านหว่าน..."ซูหว่านเงยหน้าขึ้นมามองเขาแล้วยิ้มออกมาทั้งๆ ที่ดวงตาทั้งคู่เต็มไปด้วยคราบน้ำตา "ฉันอยู่นี่"เธออยู่นี่ เธออยู่นี่มาตลอด...ใบหน้าที่เปียกชื้นของซ่งซือเยว่เองก็ปรากฎรอยยิ้มออกมาเช่นกัน "ยังดีนะที่ฉันเชื่อฟังคำพูดของเธอ"ซูหว่านไม่ค่อยเข้าใจนัก "คำพูดอะไร?"ซ่งซือเยว่อึ้งไป ดูท่า...เธอคงลืมสิ่งที่เคยพูดกับเขาไว้ แต่ว่าไม่เป็นไร แค่เขาจำได้ก็
หลังจากที่เธอเหม่ออยู่นานก็ดึงสติกลับมาได้ ค่อยๆ มองไปที่ขาของเขา "คุณล่ะ เกิดอะไรขึ้นกับขาของคุณ?"ซ่งซือเยว่มองไปตามสายตาของเธอแล้วจับไปที่ขาพิการของตัวเอง พูดออกมาเหมือนไม่ใส่ใจ "แผลจากการถูกยิงน่ะ ไม่ต้องเป็นห่วง"เมื่อซูหว่านได้ยินคำว่าแผลถูกยิงก็คิดไปถึงเรื่องที่เขาฆ่าตัวตายเพราะตรอมใจจนความรู้สึกผิดแสดงออกมาทางสีหน้า "หรือว่าตอนที่อยู่ต่อหน้าหลุมศพของฉัน คุณ..."ซ่งซือเยว่ส่ายหน้า ปฏิเสธว่า "ไม่ใช่ ไม่เกี่ยวกับเธอ เธอไม่ต้องรู้สึกผิด"ซูหว่านไม่เชื่อ เธอขมวดคิ้วมุ่นแล้วพูดกับเขา "ซือเยว่ คุณกับฉันรู้จักกันมาตั้งหลายปี ยังมีเรื่องอะไรที่บอกฉันไม่ได้กัน?"พวกเขาเคยเป็นรักแรกของกันและกัน และเป็นครอบครัวเดียวกันมาหลายปี ความรู้สึกที่มีต่อกันมันลึกซึ้งจนแม้แต่กาลเวลาก็ไม่อาจจะลบเลือนได้ซ่งซือเยว่มองหน้าเธอเงียบๆ อยู่นาน ก่อนจะค่อยๆ พูดออกมาว่า "ในวันที่เจ็ด ฉันคิดจะตามเธอไป เป็นจี้ซือหานที่ห้ามฉันเอาไว้"เมื่อเขาพูดถึงตรงนี้ก็มองไปที่ซูหว่านโดยสัญชาตญาณ เมื่อเห็นว่าสีหน้าของเธอยังเหมือนเดิมก็จึงพูดต่อ "เขาแย่งปืนในมือของฉันไป แต่ฉันตั้งใจที่จะตายไว้แล้ว ในระหว่างที่ยื้อยุดกัน
เมื่อเห็นเงาร่างนั้นที่เดินออกไปจากคฤหาสน์อย่างไม่ลังเล จู่ๆ ซ่งซือเยว่ก็ขอบตาแดงขึ้นมา...หัวใจของเขาราวกับถูกมีดกรีดออกเป็นพันๆ ชิ้น เจ็บจนแทบจะหยุดหายใจ มันปวดจนอยากที่จะวิ่งตามไปกอดเธอเขาไว้แล้วบอกให้เธออย่าไปแต่ขาของเขาทั้งสองข้างกลับไม่ตอบสนองเลยสักนิด คนที่เป็นเหมือนคนไร้ค่าอย่างเขา มีสิทธิ์อะไรจะไปรั้งเธอไว้ให้อยู่ข้างกาย...เขาเงยหน้าขึ้นไปมองแสงอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้า อยากจะไล่น้ำตาของตัวเองออกไปให้หมด แต่น้ำตาเจ้ากรรมก็ดูเหมือนไม่ยอมฟังคำสั่ง เอาแต่ไหลลงมาไม่หยุดเขาใช้มือข้างหนึ่งปิดหน้าตัวเองไว้ ในตอนที่กำลังร้องไห้ราวจะขาดใจอยู่นั้น เงาร่างเล็กเงาหนึ่งก็ปรากฎขึ้นช่วยเขาบดบังแสงอาทิตย์แสบตาที่สาดส่องซ่งซือเยว่มองเห็นซูหว่านกำลังเอียงคอแล้วบิดฝาขวดน้ำเปล่าในมือก่อนจะยื่นมาให้เขาอย่างเลือนรางผ่านร่องนิ้วมือของตัวเอง"ซือเยว่ ฉันเห็นว่าริมฝีปากของคุณแห้งหมดแล้ว ก็เลยไปขอน้ำจากเสี่ยวโยวมาขวดหนึ่ง ฉันจะป้อนให้คุณดื่มนะดีไหม?"ที่แท้เธอก็ไม่ได้ไป...บอกไม่ถูกว่าเป็นความรู้สึกดีใจมากกว่าหรือว่ากลัวทำให้เธอเดือดร้อนมากกว่าเขาในตอนนี้ทำได้เพียงแค่อ้าปากอย่างว่าง่าย ป
หลังจากเสี่ยวโยวเดินออกไป ซูหว่านก็อึ้งไปเล็กน้อย เธอไม่คาดคิดเลยว่าจี้ซือหานไม่เพียงแค่ช่วยซ่งซือเยว่เอาไว้ แถมเขายังหาคนมาช่วยดูแลซ่งซือเยว่อีกด้วยเมื่อเห็นว่าเธอเหม่อไป ซ่งซือเยว่ก็รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ เขาวางตะเกียบในมือลงเบาๆ มองเธอด้วยสายตาที่ซับซ้อน"หว่านหว่าน สามปีมานี้ จี้ซือหานได้ทำอะไรลงไปมากมายเพื่อที่จะให้ฉันมีชีวิตต่อไป...""เหมือนกับว่าเขากำลังใช้วิธีนี้ในการชดใช้ความผิด ถึงแม้ฉันจะไม่รู้แน่ชัดว่าเขากำลังชดใช้ความผิดอะไรก็ตามที แต่ฉันรู้ว่าเขารักเธอมาก"หลังจากที่ซ่งซือเยว่พูดสี่คำหลังจบก็เท่ากับเขาได้ชดเชยความเสียใจที่ไม่ได้สารภาพกับซูหว่านไปในตอนนั้นเรียบร้อยแล้วเขาถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่ก็อดที่จะมองเธอไม่ได้ ราวกับอยากจะรู้ว่าเธอที่หายไปสามปียังมีความรู้สึกรักจี้ซือหานอยู่หรือไม่ซูหว่านหลุบสายตาลง หลังจากที่กลบเกลื่อนความรู้สึกในแววตาเรียบร้อยก็พูดกับเขาอย่างนุ่มนวล "ทั้งๆ ที่คุณก็ยังมีชีวิตอยู่ แต่ทำไมหนังสือพิมพ์ถึงลงข่าวว่าคุณตายไปแล้วล่ะ?"เธอไม่ได้ตอบคำถามของเขาโดยเลือกที่จะหนี เป็นเพราะยังมีจี้ซือหานอยู่ในใจหรือว่าปล่อยวางเขาได้แล้วกันแน่นะ...ซ่
มือที่กำลังคีบตะเกียบของซ่งซือเยว่ชะงักไป มองซูหว่านอย่างอึ้งๆ สายตาเต็มไปด้วยความคาดไม่ถึงหลังจากที่ซูหว่านกดตัดสายจิเหยียนโจวไปก็อธิบายให้เขาฟัง"ซือเยว่ หลังจากที่ฉันฟื้นขึ้นมาหลังจากที่หมดสติไปก็ได้ยินข่าวเรื่องการตายของคุณ ฉันไม่เชื่อว่าคุณจากไปแล้ว ก็เลยรีบร้อนที่จะกลับประเทศเพื่อสืบความจริง""แต่จิเหยียนโจวกลัวว่าฉันจะเอาหัวใจของพี่สาวหนีไปโดยไม่ยอมกลับก็เลยขอให้ฉันแต่งงานกับเขา ไม่เช่นนั้นจะไม่ยอมให้ฉันได้กลับประเทศ ฉันก็เลยตอบตกลงไป แต่ว่าฉันใช้ชื่อชูยีของพี่แต่งกับเขา ระหว่างฉันกับเขาเราไม่ได้รักกันเลย"เมื่อซ่งซือเยว่ฟังจบแววตาตกใจแต่เดิมก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสงสาร "หว่านหว่าน ขอโทษนะ เพราะความขาดสติของฉัน ทำให้เธอต้องถูกคนข่มขู่แบบนี้"ซูหว่านส่ายหน้า สีหน้าสงบนิ่งราวกับเข้าใจในทุกอย่าง "ต่อให้ฉันไม่ตอบตกลงแต่งงานกับเขาก็ยังถูกเขาใช้หัวใจของพี่สาวมาควบคุมอยู่ดี"ซ่งซือเยว่ค่อยๆ ขมวดคิ้วมุ่น "หว่านหว่าน จิเหยียนโจวไม่ใช่คนดีอะไร ถ้าเธออยู่กับเขาคงต้องบาดเจ็บแน่"เกี่ยวกับเรื่องนี้ แน่นอนว่าซูหว่านย่อมรู้ดี "ฉันรู้ว่าเขาไม่ใช่คนดีอะไร ดังนั้นฉันจะหาทางขอร้องให้เขาปล่อยฉั
เมื่ออลันเห็นว่าเธอขอบคุณตัวเอง ในใจก็ยิ่งรู้สึกผิด เรื่องที่เกิดขึ้นตอนนั้นเธอยังติดใจอยู่แต่อยู่ต่อหน้ากู้จิ่งเซิน ต่อให้จะมีเรื่องที่อยากจะบอกเธอมากมายแค่ไหน ก็ไม่รีบที่จะบอกออกไปหรอกหลังจากที่เธอใช้เวลาพูดคุยรำลึกความหลังกับซูหว่านไม่นาน ก็ไปตรวจอาการที่ขาของกู้จิ่งเซินให้ หลักๆ ก็ตรวจเรื่องกล้ามเนื้อลีบนี่แหละเส้นประสาทช่วงขาของเขาเสียไปหมดแล้ว คงจะยืนขึ้นอีกครั้งได้ยาก ตอนนี้แค่พยายามรักษาไม่ให้กล้ามเนื้อขาลีบจนเกินไปเท่านั้นหลังจากที่ตรวจเสร็จ ซูหว่านก็รีบดึงตัวเธอไปถามอย่างใจร้อนทันที "คุณหมอโจว ขาของเขาเป็นอย่างไรบ้าง? จะสามารถยืนขึ้นได้เมื่อไร?"เธอกำลังจะบอกความจริง แต่คนที่นั่งอยู่บนรถเข็นกลับกำมือข้างหนึ่งแล้วแกล้งทำเป็นไอออกมา จากนั้นก็ส่งสายตาเป็นสัญญาณบอกให้เธออย่าพูดอลันนวดที่หัวคิ้วทีหนึ่ง ไม่เข้าใจว่าทำไมกู้จิ่งเซินต้องปิดบังซูหว่านด้วย หลังจากที่ลังเลอยู่สักพักจึงได้พูดกับซูหว่านว่า "เธอถามเขาเองเถอะ"เธอไม่อยากที่จะทำเรื่องช่วยปกปิดอาการป่วยแล้ว ต่อไปหากว่าเจอสถานการณ์แบบนี้ ก็โยนให้คนป่วยไปจัดการเองแล้วกันซูหว่านหันหน้ากลับไปมองซ่งซือเยว่ทีหนึ่ง เมื่
อลันนิ่งอึ้งไป เพิ่งจะตั้งสติกลับมาได้ว่าทั้งสองคนได้เจอกันแล้วก็จริง คฤหาสน์หลังนี้ ไม่ใช่ว่าใครจะเข้าออกได้ง่ายๆ นอกจากว่าประธานจี้จะเป็นคนมาส่งด้วยตัวเองเพียงแค่คิดไม่ถึงว่าทั้งๆ ที่สองคนได้เจอกันแล้ว แต่คุณซูก็ยังดูต่อต้านประธานจี้ขนาดนั้น เป็นเพราะยังไม่ได้ปรับความเข้าใจกันงั้นเหรอ?อลันลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะรวบรวมความกล้าพูดกับซูหว่านอีกครั้ง "คุณซู ประธานจี้รักคุณมากนะคะ ตอนที่คุณตายไปแล้วเขา...""อลัน"จู่ๆ ซูหว่านก็เรียกชื่อของเธอขึ้นมา ทำให้อลันหยุดพูดในทันที"คุณเป็นคนที่สี่แล้วที่บอกว่าเขารักฉันมากตั้งแต่ฉันกลับประเทศมา"จิเหยียนโจว ซานซาน ซือเยว่ อลัน ทุกคนต่างก็พูดประโยคนี้กับเธอเหมือนกับพวกเขาคิดว่าถ้าหากเธอรู้ว่าจี้ซือหานรักเธอ แล้วเธอจะยอมกลับไปอยู่ข้างกายเขาโดยไม่สนใจอะไรอย่างนั้นแหละแต่พวกเขาเคยคิดถึงเธอบ้างหรือเปล่า?เคยคิดบ้างไหมว่าในสายตาของเธอจี้ซือหานเป็นคนยังไง?เธอมองไปที่อลันด้วยดวงตาที่แดงก่ำราวกับไม่สามารถควบคุมอารมณ์ไว้ได้อีกแล้ว"อลัน ถ้าเขารักฉัน เขาจะบังคับให้ฉันคุกเข่ารินเหล้าให้เขาหลังจากที่เราแยกทางกันไหม?""ถ้ารักฉัน จะโยนเช็คห้าร
ดวงตาคู่สวยของจี้ซือหานหรี่ลงเล็กน้อย แววตาดูสับสน แต่สติของเขากลับชัดเจนมากเขารู้ว่าคนที่มาคืออลันและรู้ว่าเธอจะมาหยุดเขา แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรและยังคงดื่มไวน์แดงต่อไปอลันแย่งแก้วเหล้าไป พูดกับเขาด้วยสีหน้าเย็นชาว่า "ประธานจี้คะ ถ้าคุณยังเป็นแบบนี้ต่อไป การล้างกระเพาะก็ช่วยคุณไม่ได้นะคะ"จี้ซือหานยังคงไม่พูดอะไรสักคํา เหมือนไม่อยากพูดอะไร นิ้วเรียวยาวของเขายืนไปหยิบแก้วไวน์อีกแก้วหนึ่งอลันเห็นเขาดื้อรั้นแบบนี้ พลันคิ้วเรียวงามก็ขมวดเป็นปม "ประธานจี้คะ คุณซูยังมีชีวิตอยู่ คุณควรตั้งสติให้ดีและไปตามจีบกลับมาใหม่ ไม่ใช่ใช้ชีวิตด้วยการดื่มเหล้าเหมือนเมื่อก่อน นี่ไม่ใช่ประธานจี้ที่ฉันรู้จักนะคะ"เขาในอดีต ทั้งสูงส่งสง่างามและเย็นชาราวกับเป็นเทพบุตรที่จุติลงมาจากสวรรค์ ไม่อาจจะแตะต้องได้เลยแต่ตอนนี้เขาสูญเสียความตั้งใจที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปโดยสิ้นเชิง ดวงตาทั้งคู่มืดมัวราวกับมองไม่เห็นความหวังแม้แต่น้อยอลันแย่งแก้วเหล้าของเขาไปอีกครั้ง แล้วพูดกับเขาว่า "ประธานจี้คะ คุณทําตัวแบบนี้เพื่อคุณซูต่อไป เธอก็ไม่เห็นหรอกค่ะ สิ่งที่เธอเห็นตอนนี้ มีแต่ความโหดร้ายที่คุณเคยทํากับเธอ และก่อนตา