หลังจากเสี่ยวโยวเดินออกไป ซูหว่านก็อึ้งไปเล็กน้อย เธอไม่คาดคิดเลยว่าจี้ซือหานไม่เพียงแค่ช่วยซ่งซือเยว่เอาไว้ แถมเขายังหาคนมาช่วยดูแลซ่งซือเยว่อีกด้วยเมื่อเห็นว่าเธอเหม่อไป ซ่งซือเยว่ก็รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ เขาวางตะเกียบในมือลงเบาๆ มองเธอด้วยสายตาที่ซับซ้อน"หว่านหว่าน สามปีมานี้ จี้ซือหานได้ทำอะไรลงไปมากมายเพื่อที่จะให้ฉันมีชีวิตต่อไป...""เหมือนกับว่าเขากำลังใช้วิธีนี้ในการชดใช้ความผิด ถึงแม้ฉันจะไม่รู้แน่ชัดว่าเขากำลังชดใช้ความผิดอะไรก็ตามที แต่ฉันรู้ว่าเขารักเธอมาก"หลังจากที่ซ่งซือเยว่พูดสี่คำหลังจบก็เท่ากับเขาได้ชดเชยความเสียใจที่ไม่ได้สารภาพกับซูหว่านไปในตอนนั้นเรียบร้อยแล้วเขาถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่ก็อดที่จะมองเธอไม่ได้ ราวกับอยากจะรู้ว่าเธอที่หายไปสามปียังมีความรู้สึกรักจี้ซือหานอยู่หรือไม่ซูหว่านหลุบสายตาลง หลังจากที่กลบเกลื่อนความรู้สึกในแววตาเรียบร้อยก็พูดกับเขาอย่างนุ่มนวล "ทั้งๆ ที่คุณก็ยังมีชีวิตอยู่ แต่ทำไมหนังสือพิมพ์ถึงลงข่าวว่าคุณตายไปแล้วล่ะ?"เธอไม่ได้ตอบคำถามของเขาโดยเลือกที่จะหนี เป็นเพราะยังมีจี้ซือหานอยู่ในใจหรือว่าปล่อยวางเขาได้แล้วกันแน่นะ...ซ่
มือที่กำลังคีบตะเกียบของซ่งซือเยว่ชะงักไป มองซูหว่านอย่างอึ้งๆ สายตาเต็มไปด้วยความคาดไม่ถึงหลังจากที่ซูหว่านกดตัดสายจิเหยียนโจวไปก็อธิบายให้เขาฟัง"ซือเยว่ หลังจากที่ฉันฟื้นขึ้นมาหลังจากที่หมดสติไปก็ได้ยินข่าวเรื่องการตายของคุณ ฉันไม่เชื่อว่าคุณจากไปแล้ว ก็เลยรีบร้อนที่จะกลับประเทศเพื่อสืบความจริง""แต่จิเหยียนโจวกลัวว่าฉันจะเอาหัวใจของพี่สาวหนีไปโดยไม่ยอมกลับก็เลยขอให้ฉันแต่งงานกับเขา ไม่เช่นนั้นจะไม่ยอมให้ฉันได้กลับประเทศ ฉันก็เลยตอบตกลงไป แต่ว่าฉันใช้ชื่อชูยีของพี่แต่งกับเขา ระหว่างฉันกับเขาเราไม่ได้รักกันเลย"เมื่อซ่งซือเยว่ฟังจบแววตาตกใจแต่เดิมก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสงสาร "หว่านหว่าน ขอโทษนะ เพราะความขาดสติของฉัน ทำให้เธอต้องถูกคนข่มขู่แบบนี้"ซูหว่านส่ายหน้า สีหน้าสงบนิ่งราวกับเข้าใจในทุกอย่าง "ต่อให้ฉันไม่ตอบตกลงแต่งงานกับเขาก็ยังถูกเขาใช้หัวใจของพี่สาวมาควบคุมอยู่ดี"ซ่งซือเยว่ค่อยๆ ขมวดคิ้วมุ่น "หว่านหว่าน จิเหยียนโจวไม่ใช่คนดีอะไร ถ้าเธออยู่กับเขาคงต้องบาดเจ็บแน่"เกี่ยวกับเรื่องนี้ แน่นอนว่าซูหว่านย่อมรู้ดี "ฉันรู้ว่าเขาไม่ใช่คนดีอะไร ดังนั้นฉันจะหาทางขอร้องให้เขาปล่อยฉั
เมื่ออลันเห็นว่าเธอขอบคุณตัวเอง ในใจก็ยิ่งรู้สึกผิด เรื่องที่เกิดขึ้นตอนนั้นเธอยังติดใจอยู่แต่อยู่ต่อหน้ากู้จิ่งเซิน ต่อให้จะมีเรื่องที่อยากจะบอกเธอมากมายแค่ไหน ก็ไม่รีบที่จะบอกออกไปหรอกหลังจากที่เธอใช้เวลาพูดคุยรำลึกความหลังกับซูหว่านไม่นาน ก็ไปตรวจอาการที่ขาของกู้จิ่งเซินให้ หลักๆ ก็ตรวจเรื่องกล้ามเนื้อลีบนี่แหละเส้นประสาทช่วงขาของเขาเสียไปหมดแล้ว คงจะยืนขึ้นอีกครั้งได้ยาก ตอนนี้แค่พยายามรักษาไม่ให้กล้ามเนื้อขาลีบจนเกินไปเท่านั้นหลังจากที่ตรวจเสร็จ ซูหว่านก็รีบดึงตัวเธอไปถามอย่างใจร้อนทันที "คุณหมอโจว ขาของเขาเป็นอย่างไรบ้าง? จะสามารถยืนขึ้นได้เมื่อไร?"เธอกำลังจะบอกความจริง แต่คนที่นั่งอยู่บนรถเข็นกลับกำมือข้างหนึ่งแล้วแกล้งทำเป็นไอออกมา จากนั้นก็ส่งสายตาเป็นสัญญาณบอกให้เธออย่าพูดอลันนวดที่หัวคิ้วทีหนึ่ง ไม่เข้าใจว่าทำไมกู้จิ่งเซินต้องปิดบังซูหว่านด้วย หลังจากที่ลังเลอยู่สักพักจึงได้พูดกับซูหว่านว่า "เธอถามเขาเองเถอะ"เธอไม่อยากที่จะทำเรื่องช่วยปกปิดอาการป่วยแล้ว ต่อไปหากว่าเจอสถานการณ์แบบนี้ ก็โยนให้คนป่วยไปจัดการเองแล้วกันซูหว่านหันหน้ากลับไปมองซ่งซือเยว่ทีหนึ่ง เมื่
อลันนิ่งอึ้งไป เพิ่งจะตั้งสติกลับมาได้ว่าทั้งสองคนได้เจอกันแล้วก็จริง คฤหาสน์หลังนี้ ไม่ใช่ว่าใครจะเข้าออกได้ง่ายๆ นอกจากว่าประธานจี้จะเป็นคนมาส่งด้วยตัวเองเพียงแค่คิดไม่ถึงว่าทั้งๆ ที่สองคนได้เจอกันแล้ว แต่คุณซูก็ยังดูต่อต้านประธานจี้ขนาดนั้น เป็นเพราะยังไม่ได้ปรับความเข้าใจกันงั้นเหรอ?อลันลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะรวบรวมความกล้าพูดกับซูหว่านอีกครั้ง "คุณซู ประธานจี้รักคุณมากนะคะ ตอนที่คุณตายไปแล้วเขา...""อลัน"จู่ๆ ซูหว่านก็เรียกชื่อของเธอขึ้นมา ทำให้อลันหยุดพูดในทันที"คุณเป็นคนที่สี่แล้วที่บอกว่าเขารักฉันมากตั้งแต่ฉันกลับประเทศมา"จิเหยียนโจว ซานซาน ซือเยว่ อลัน ทุกคนต่างก็พูดประโยคนี้กับเธอเหมือนกับพวกเขาคิดว่าถ้าหากเธอรู้ว่าจี้ซือหานรักเธอ แล้วเธอจะยอมกลับไปอยู่ข้างกายเขาโดยไม่สนใจอะไรอย่างนั้นแหละแต่พวกเขาเคยคิดถึงเธอบ้างหรือเปล่า?เคยคิดบ้างไหมว่าในสายตาของเธอจี้ซือหานเป็นคนยังไง?เธอมองไปที่อลันด้วยดวงตาที่แดงก่ำราวกับไม่สามารถควบคุมอารมณ์ไว้ได้อีกแล้ว"อลัน ถ้าเขารักฉัน เขาจะบังคับให้ฉันคุกเข่ารินเหล้าให้เขาหลังจากที่เราแยกทางกันไหม?""ถ้ารักฉัน จะโยนเช็คห้าร
ดวงตาคู่สวยของจี้ซือหานหรี่ลงเล็กน้อย แววตาดูสับสน แต่สติของเขากลับชัดเจนมากเขารู้ว่าคนที่มาคืออลันและรู้ว่าเธอจะมาหยุดเขา แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรและยังคงดื่มไวน์แดงต่อไปอลันแย่งแก้วเหล้าไป พูดกับเขาด้วยสีหน้าเย็นชาว่า "ประธานจี้คะ ถ้าคุณยังเป็นแบบนี้ต่อไป การล้างกระเพาะก็ช่วยคุณไม่ได้นะคะ"จี้ซือหานยังคงไม่พูดอะไรสักคํา เหมือนไม่อยากพูดอะไร นิ้วเรียวยาวของเขายืนไปหยิบแก้วไวน์อีกแก้วหนึ่งอลันเห็นเขาดื้อรั้นแบบนี้ พลันคิ้วเรียวงามก็ขมวดเป็นปม "ประธานจี้คะ คุณซูยังมีชีวิตอยู่ คุณควรตั้งสติให้ดีและไปตามจีบกลับมาใหม่ ไม่ใช่ใช้ชีวิตด้วยการดื่มเหล้าเหมือนเมื่อก่อน นี่ไม่ใช่ประธานจี้ที่ฉันรู้จักนะคะ"เขาในอดีต ทั้งสูงส่งสง่างามและเย็นชาราวกับเป็นเทพบุตรที่จุติลงมาจากสวรรค์ ไม่อาจจะแตะต้องได้เลยแต่ตอนนี้เขาสูญเสียความตั้งใจที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปโดยสิ้นเชิง ดวงตาทั้งคู่มืดมัวราวกับมองไม่เห็นความหวังแม้แต่น้อยอลันแย่งแก้วเหล้าของเขาไปอีกครั้ง แล้วพูดกับเขาว่า "ประธานจี้คะ คุณทําตัวแบบนี้เพื่อคุณซูต่อไป เธอก็ไม่เห็นหรอกค่ะ สิ่งที่เธอเห็นตอนนี้ มีแต่ความโหดร้ายที่คุณเคยทํากับเธอ และก่อนตา
ดวงตาแดงก่ำของจี้ซือหานสั่นไหวเล็กน้อย เหมือนกําลังสับสน แต่หลังจากลังเลอยู่ไม่กี่วินาที เขาก็กลับมาเฉยเมยเหมือนเดิมเขากำแก้วเหล้าด้วยมือข้างเดียว มองอลันด้วยสายตาเย็นชาและห่างเหิน "อย่าไปหาเธอ แล้วก็อย่าไปรบกวนเธอด้วย..."ในเมื่อเลือกจะส่งเสริมเธอกับซ่งซือเยว่ งั้นก็ปล่อยมือ อย่าทําให้เธอลําบากใจอีก...อลันตกใจ ถามเขาด้วยความเหลือชื่อ "ประธานจี้ คุณยอมแพ้แล้วเหรอคะ?"เธอโตมาขนาดนี้ ยังไม่เคยเห็นผู้ชายคนไหนรักผู้หญิงได้ถึงขนาดนี้จี้ซือหานเป็นคนแรก เขารักซูหว่าน รักจนยอมสละชีวิต ยอมสละทุกอย่างแต่ผู้ชายแบบนี้กลับเลือกที่จะปล่อยมือ?จี้ซือหานไม่ได้ตอบคําพูดของอลันอีก เพียงแค่เงยหน้ากระดกไวน์แดงทีละแก้วไม่รู้ว่าดื่มเร็วเกินไปหรือว่าเป็นเพราะอะไร ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาพลันเปลี่ยนไปเป็นสีขาวซีดเขาวางแก้วไวน์ในมือลง นิ้วมือเรียวยาวจับที่บาร์แล้วก้มตัวลง ก่อนจะกระอักเลือดลงในถังขยะด้านล่างเลือดสีแดงสดไหลลงมาตามมุมปากหยดลงบนพื้น ไม่นานก็ย้อมถังขยะและพื้นสะอาดให้เป็นสีแดงฉาน...พออลันเห็นเลือดเต็มพื้นก็ตกใจจนร้องอุทาน "ประธานจี้ คุณเลือดออกในกระเพาะแล้ว ใครก็ได้รีบมาที รีบพาเขา
ทางด้านซูหว่าน พอเข้าไปในวิลล่า ก็เห็นห้องรับแขกถูกทุบจนเละเทะเหล่าแม่บ้านในห้องต่างตัวสั่นเลิกลั่ก ยืนอยู่ข้าง ๆ ไม่กล้าพูดอะไรส่วนผู้ก่อเหตุกําลังนั่งอยู่บนโซฟาและเล่นมีดปอกผลไม้อยู่เมื่อซูหว่านเห็นมีดในมือของเขา เธอก็รู้สึกกลัวเล็กน้อย แต่ก็ยังรวบรวมความกล้าและเดินไปหาเขา"ฉัน... กลับมาแล้วค่ะ"จิเหยียนโจวค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น ดวงตาสีดําสนิทจ้องเธอเขม็งเขาไม่ได้พูดอะไรสักคํา เพียงแค่จ้องมองเธออย่างนั้น ราวกับกําลังจ้องมองเหยื่อที่กําลังจะตายซูหว่านถูกเขาจ้องจนรู้สึกขนพองสยองเกล้า มือที่กําแน่นเต็มไปด้วยเหงื่อเธอบังคับตัวเองให้สงบลง จากนั้นเงยหน้าขึ้นมองจิเหยียนโจว..."คุณจิ เราคุยกันหน่อยเถอะค่ะ""ได้สิ"จิเหยียนโจวตบโซฟาที่อยู่ข้าง ๆ แล้วยกมุมปากขึ้นยิ้มนิด ๆรอยยิ้มนี้และแววตาเมื่อครู่ต่างทําให้ซูหว่านรู้สึกหวาดกลัวยิ่งนักเธอไม่ได้นั่งข้างเขา แต่เลือกที่จะนั่งลงบนโซฟาเดี่ยวตรงข้ามเขาแทน"คุณจิ ฉันกลับไปอังกฤษกับคุณไม่ได้แล้วค่ะ""ได้สิ"จิเหยียนโจวพยักหน้า เหมือนเดาการตัดสินใจของเธอออกตั้งนานแล้ว จึงไม่แปลกใจที่ได้ยินเรื่องนี้ซูหว่านรู้ว่าหลังจากที่เขาพูดคําว
ซูหว่านเงียบไป ไม่ได้ตอบเขา ดวงตาที่เย็นชาคู่นั้นไม่มีอารมณ์ใด ๆ ทั้งสิ้น นั่นทําให้จิเหยียนโจวไม่เข้าใจหลังจากเขาเงียบไปหลายวินาที ก็พูดอย่างไม่สนใจว่า "ถ้าเธอไม่ตอบ งั้นก็อยู่ข้างกายฉัน เป็นตัวแทนของชูยีต่อไปละกัน..."ซูหว่านบีบฝ่ามือที่กําแน่นเป็นกําปั้น เธอยังคงเลือกที่จะไม่ตอบคำถามแต่ถามกลับไปแทนว่า "ดังนั้น คุณจิ เราหย่ากันได้ไหมคะ?"จิเหยียนโจวได้ยินเธอพูดแบบนี้ ก็คิดว่าเธอยอมรับแล้ว ก็อดแค่นหัวเราะไม่ได้ "นิสัยเธอนี่ไม่เหมือนพี่สาวเธอเลยสักนิด ถ้าเป็นพี่เธอล่ะก็ ถูกทําร้ายแบบนี้ ต่อให้ตายก็ไม่มีทางยอมหันหลังกลับหรอก เธอนี่กลับกัน ไอ้ตัวซวยนั่นพูดปลอบสักสองสามคํา ก็ยอมกลับสู่อ้อมกอดของมันซะแล้ว"ซูหว่านนิ่งเงียบ ก่อนจะพูดตามคําพูดของเขาว่า "ใช่ค่ะ ฉันไม่เหมือนพี่สาวฉันเลยสักนิด ข้อนี้คุณก็รู้ดีอยู่แก่ใจ แต่คุณกลับยังบังคับให้ฉันเป็นเธอ..."จิเหยียนโจวสีหน้าสําลัก ไม่ได้ตอบเธอกลับ แต่ซูหว่านกลับพูดต่อ "คุณฉือ ที่จริงฉันก็รู้อยู่แก่ใจว่าคุณเห็นฉันเป็นพี่สาว ไม่ใช่เพราะหัวใจดวงนี้เท่านั้น แต่ยังเพื่อบรรเทาความรู้สึกผิดที่มีต่อพี่สาวด้วยนะคะ"จิเหยียนโจวได้ยินก็แค่นหัวเราะเสี
ช่างเสื้อหยิบชุดเจ้าสาวชุดนั้นลงมา เมื่อสัมผัสโดนเนื้อผ้าและเพชรที่ประดับอยู่ด้านบน ก็อึ้งไปชุดแต่งงานชุดนี้เต็มไปด้วยผ้ากอซสีอ่อนหลายชั้น ประดับด้วยดอกกุหลาบและเพชรที่ทอจากผ้าซาตินเนื้อนุ่ม ตัวชุดเป็นสีขาวคริสตัลเรียบง่ายและวิจิตรงดงามด้วยเพชรที่ถูกเย็บเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ส่องประกายด้วยเสน่ห์อันงดงามและสง่างามจนน่าทึ่งถ้าดูไม่ผิด หากอ่านไม่ผิด นี่คือชุดแต่งงานเพียงชุดเดียวในโลกที่ถูกออกแบบโดยดีไซน์เนอร์ชุดแต่งงานชื่อดังระดับโลกหลายปีก่อน ชุดเจ้าสาวชุดนี้ถูกเก็บเอาไว้ในห้องนิทรรศการที่ต่างประเทศ แต่ต่อมาได้ยินว่าถูกคนซื้อไปในราคาสูงลิ่วคิดไม่ถึงว่าคนที่ซื้อชุดเจ้าสาวไป จะเป็นท่านประธานของกลุ่มบริษัทจี้ ถ้าไม่ได้รักอีกฝ่ายจริง จะยอมจ่ายหนักขนาดนี้ได้ยังไง?ที่สำคัญอีกชุดนึงที่อยู่ในตู้ ราคาก็ไม่ธรรมดา ดูก็รู้ว่าเป็นรุ่นลิมิเต็ด เดาว่าก็น่าจะมีแค่ชุดเดียว ไม่ซ้ำใคร"คุณนายจี้ ท่าทางคุณผู้ชายจะรักคุณมากเลยนะคะ..."ซูหว่านได้ยินคำพูดของช่างเสื้อ ก็พยักหน้าอย่างไม่ปิดบังผู้ชายคนนั้นรักเธอมาก รักจนยอมมอบทุกอย่างให้กับเธอ รักจนยอมตายไปพร้อมกับเธอเธอคิดว่าชีวิตที่เหลืออยู่หล
ซูหว่านพยักหน้าด้วยความเข้าใจ "ก็ได้ค่ะ ฉันเอาตามที่คุณพูด ตอนนี้ถ้าคุณไม่ขึ้นเครื่องบิน ก็ต้องขึ้นรถพยาบาลก่อน..."ถ้ายังไม่ห้ามเลือดอีก เขาจะทนไม่ไหวเอา จี้ซือหานเห็นว่าเธอเป็นห่วงเขา ถึงได้จับมือเธอขึ้นเครื่องบินอย่างว่าง่ายคืนนี้ ซูหว่านเฝ้าอยู่ข้างกายจี้ซือหาน รอหมอห้ามเลือด เย็บแผล เปลี่ยนยาให้เขาเสร็จ เธอถึงได้โล่งใจเมื่อเห็นว่าฟ้าเริ่มสาง ซูหว่านก็รู้สึกว่าไม่น่าจะจัดงานแต่งได้ จึงเอ่ยข้อเสนอกับเขา "หรือเลื่อนออกไปวันนึงไหม"ชายหนุ่มที่ถือผ้าขนหนูช่วยเช็ดผมให้เธอ พูดด้วยความแน่วแน่ "ไม่ได้ ยังไงวันนี้ก็ต้องจัดงานแต่ง!"ซูหว่านที่เพิ่งแช่น้ำอุ่นในอ่างอาบน้ำ อุงไอน้ำร้อนๆในมือ หันกลับไปมองเขา "แต่แผลของคุณ..."จี้ซือหานพูดอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น "ต่อให้แผลจะใหญ่กว่านี้ ก็ไม่สำคัญเท่ากับการจัดงานแต่ง"ซูหว่านยังอยากพูดอะไรอีก แต่จี้ซือหานหยิบไดร์ขึ้นมาเป่าผมให้เธอจากนั้น ขับรถไปส่งเธอที่วิลล่าของซานซานด้วยตัวเอง โดยไม่สนคำทัดท้านของเธอ"สิบเอ็ดโมง ฉันจะพาคนของตระกูลจี้ มารับเธอ"กำหนดการณ์เดิมคือสิบโมง แต่กลัวว่าเธอจะเหนื่อยเกินไป อยากให้เธอพักผ่อนกว่านี้อีกหน่อย ชาย
จี้ซือหานกอดเธอ สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากร่างกายของเธอ หัวใจที่เจ็บปวดจนชา ก็ค่อยๆสงบลงเขาคลายซูหว่านออก เห็นร่างกายของเธอเปียกปอนไปทั้งตัว ทั้งยังสั่นระริกด้วยความหนาวเหน็บ หัวใจก็เจ็บแปล๊บขึ้นมาอีก"คนที่ควรพูดขอโทษคือฉัน ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน เธอก็ไม่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้""คุณพูดอะไรโง่ๆ เราเป็นสามีภรรยากัน ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ ก็ต้องรับผิดชอบร่วมกันสิ"ซูหว่านพูดจบ ก้มหน้าลงมองมือตัวเองแวบนึง เมื่อเห็นเลือดที่เลอะเต็มมือ ใบหน้าก็ซีดไปทันที"แผลที่หลังของคุณฉีกแล้ว รีบขึ้นรถพยาบาลเถอะ..."เมื่อกี้เธอนึกว่าเป็นน้ำทะเล ไม่คิดว่าทั้งหมดนั้นล้วนเป็นเลือด แผลที่หลังจะต้องฉีกออกแล้วแน่ๆ!ซูหว่านควงแขนของเขาได้ ก็เตรียมจะเดินไปยังทิศทางของรถพยาบาล ทว่าจี้ซือหานกลับดึงเธอกลับมา"หว่านหว่าน แผลแค่นี้ไม่เท่าไหร่หรอก"เขาพูดจบ ก็มองเจียงโม่ที่ยืนห่างออกไปไม่ไกลแวบนึง"จับตัวเธอ แล้วค่อยแจ้งคุณเจียง ให้เขามาไถ่ตัวด้วยตัวเอง ไม่งั้นก็ปลดชีวิตเธอซะ!"คำพูดนั้นเขาพูดกับซูชิง ซูชิงรีบรับคำสั่งทันที "ครับ ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้!"เจียงโม่ที่คาดเดาได้ตั้งแต่แรกว่าคุณเย่ไม่มีทางปล่อยเธอ เห็นซ
ซูหว่านครุ่นคิด ก่อนจะถามเขา "คุณแซ่ชู งั้นคุณรู้จัก..."ชูยีไหม?ยังไม่ทันจะได้เอ่ยคำนี้ออกไป ก็ถูกชูจิ่นเหยียนตัดบท "ผมจะส่งคุณกลับไป"ซูหว่านได้ยินดังนั้น ก็กลืนคำพูดลงไป ขมวดคิ้วมองเขา "ลำบากแทบตายกว่าฉันจะหนีออกมาได้ จะส่งกลับไปทำไม?"ชูจิ่นเหยียนกรอกตาใส่เธออย่างหมดคำพูด "ผมหมายความว่า จะส่งคุณกลับบ้าน..."ซูหว่านจึงได้พยักหน้า ลุกขึ้นจากหาดทราย เธอต้องรีบกลับไปบอกจี้ซือหาน...ว่าเธอหนีออกมาแล้ว เธอปลอดภัย เธอไม่ได้กลายเป็นภาระของเขา และเขาก็ไม่ต้องถูกแบล็กเมล์อีกหลังจากที่เธอขึ้นฝั่งมากับชูจิ่นเหยียน ก็เห็นรถพยาบาลคันแล้วคันเล่าขับตรงไปยังบีชคลับอย่างรวดเร็วฝีเท้าของเธอชะงัก ช้อนสายตามองไปยังชายหาดที่อยู่ห่างไกล มองเห็นร่างมนุษย์ไม่ชัด เห็นแต่เรือลำเล็กลำใหญ่แล่นลงทะเลทีละลำซูหว่านทอดสายตาลงต่ำครุ่นคิดอยู่สักครู่ เอาแต่รู้สึกว่าเจียงโม่ไม่น่าจะส่งคนจำนวนมากขนาดนั้นมาตามหาและช่วยชีวิตเธอ หรือว่าจี้ซือหานมาแล้ว?ถ้าจี้ซือหานมาถึงแล้ว รู้ว่าเธอกระโดดลงทะเล เกรงว่าจะทำให้เขาตกใจมาก เพราะคิดมาถึงตรงนี้ซูหว่านก็เปลี่ยนความคิด"เราไปดูตรงนู้นหน่อยเถอะ?"ไปดูแปบนึง ถ้าจี้
ซูหว่านที่พยายามหนีถึงสามครั้งแต่ก็ถูกจับกลับมาได้ทุกครั้ง หันกลับมามองเจียงโม่ที่เดินตามหลังเป็นระยะๆเธอเห็นเอาแต่รับโทรศัพท์ตลอดเวลา ราวกับกำลังปรึกษาเรื่องอะไรอยู่ เพราะระยะค่อนข้างห่าง จึงได้ยินไม่ชัด แต่บางครั้งก็จะได้ยินแค่ชื่อของจี้ซือหานเธอไม่รู้ว่าจี้ซือหานรับปากหรือไม่ แล้วก็ไม่รู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง รู้แค่ว่าตัวเองจะกลายเป็นภาระของจี้ซือหานไม่ได้เธอมองไปยังผืนน้ำทะเลที่สาดเป็นคลื่นดุเดือด หลังจากมองอยู่หลายอึดใจ ก็กระโดดเข้าไปในทะเลโดยไม่ลังเล...เธอเคยพูดว่าถ้าหากมีใครเอาตัวเธอเพื่อไปข่มขู่จี้ซือหาน ถ้างั้นเธอก็จะไม่ยอมกลายเป็นตัวถ่วงของเขาเด็ดขาดเจียงโม่ที่กำลังเกลี้ยกล่อมพ่อบุญธรรมว่าอย่าแบล็กเมลล์จี้ซือหานอีก ได้เห็นภาพช็อตนั้น ก็ตกใจจนหน้าซีดในทันที"ซูหว่าน!"เธอกรีดร้องออกมาทีนึง โยนโทรศัพท์แล้วพุ่งลงไปในทะเลเพื่อช่วยชีวิต ทว่าถูกร่างใครบางคนพุ่งตัดหน้าเข้ามาก่อน...เสียงกระโดดลงทะเลดัง "ตู้ม" ของชูจิ่นเหยียน ว่ายเข้าไปหาร่างเล็กบางที่พุ่งเข้าไปในคลื่นทะเลด้วยความแข็งขันเจียงโม่ที่อยู่บนชายหาด ตอนแรกยังพอจะเห็นร่างของทั้งสองคนลอยอยู่เหนือผิวน
ฝีเท้าของซูหว่านชะงักไปทันทีเธออยากจะหันกลับไปโต้ตอบเขาสักสองสามประโยค แต่ก็กลัวจะเสียเวลา จึงไม่ได้สนใจอีกฝ่าย แต่ผลักประตูห้องน้ำหญิงด้วยความรวดเร็วหลังจากที่เธอเข้าไปแล้ว ก็เดินสำรวจห้องน้ำรอบนึง เมื่อเห็นว่าด้านข้างมีหน้าต่างบานเล็ก ก็รีบเดินเข้าไปแล้วเปิดออกข้างนอกเป็นถนนหลวง แค่ปีนออกจากตรงนี้ไป ก็จะสามารถเดินไปถึงถนนหลวงได้ และโอกาสที่จะหนีรอดก็สูงมากทีเดียวเธอเองก็ขี้เกียจมานั่งคิดว่าหลังจากเดินไปถนนหลวงแล้วจะกลับไปยังไง จึงพับแขนเสื้อขึ้น แล้วปีนไปยังขอบหน้าต่างสูงชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนถนนหลวง เขางอขาข้างหนึ่งขึ้น มือข้างหนึ่งทาบบนเข่า กำลังสูบบุหรี่ไปพร้อมกับที่มองดูเธอปีนออกไปนอกหน้าต่างพิลึกคน!ถ้าอยากจะออก ก็เดินผ่านคลับ ออกจากมาประตูหลัก หรือไม่ก็ข้ามชายหาดมาก็ได้แล้ว ทำไมต้องปีนหน้าต่าง?"นี่!"เขาแหกปากคำนึง ทำเอาซูหว่านตกใจจนตกลงมาจากบนขอบหน้าต่าง...ซูหว่านล้มลงอย่างแรง เธอหน้าบูดบึ้งเนื่องจากความเจ็บปวด โชคดีที่ด้านล่างเต็มไปด้วยทราย ไม่อย่างนั้นคงได้กระดูกหักเธอตะเกียกตะกายขึ้นมาจากพื้น จ้องผู้ชายที่นั่งสูบบุหรี่อยู่บนถนนหลวงตาเขม็ง "นายเป็นโรคหรือไง
เจียงโม่ไม่หลงกล ซูหว่านจึงใช้เล่นแง่ในทางความรู้สึกแทน"คุณหนูเจียง คุณก็รู้ว่าคนที่จี้ซือหานแคร์ มีแต่ฉันมาโดยตลอด""คุณกักตัวเพื่อนของฉันไม่ยอมปล่อย ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรเท่าไหร่ ทำไมต้องให้คนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่มารับเคราะห์ด้วยล่ะ?"เจียงโม่จ้องดวงตาใสบริสุทธิ์ของซูหว่านนานอยู่สักพัก จากนั้นก็โบกมือ "ช่างเถอะ แค่คุณอยู่ก็พอแล้วล่ะ"เธอส่งคนไปโทรศัพท์ หลังจากที่เห็นอีกฝ่ายวางสาย ก็หันมาพยักหน้าให้เธอ แล้วจึงอธิบายให้ซูหว่านฟัง"เพื่อนของคุณไม่รู้ว่าตัวเองถูกลักพาตัว ฉันก็แค่ส่งคนไปก่อกวนพวกเขานิดหน่อย หลังจากที่คุณกลับไป อย่าพูดถึงเรื่องนี้ก็แล้วกัน"สรุปว่าที่ซานซานออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้า ที่อลันกับซีอี้ไม่ได้มาที่วิลล่า ไม่ใช่เพราะถูกลักพาตัว แต่ถูกคนของเจียงโม่สร้างสถานการณ์แต่ว่า ฟังจากความหมายของเจียงโม่ ถ้าเธอไม่มาล่ะก็ คตที่สร้างสถานการณ์กลุ่มนั้น จะต้องลงมือกับพวกซานซานเป็นแน่...เพียงแต่เพราะเจียงโม่คำนึงถึงจี้ซือหานหรือเธอ ถึงได้เลือกใช้วิธีนุ่มนวล ไม่งั้นลักพาตัวไปเลยก็จะง่ายกว่า...แต่ไม่ว่าคนที่เจียงโม่คำนึงเป็นใคร หรือไม่ว่าจะคิดยังไง มันก็ไม่สำคัญทั้งนั้น
ซูหว่านฟังเข้าใจความหมายที่แฝงในคำพูดของเจียงโม่ ก็ถามเธอว่า "ฉันขอกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนได้ไหม?"เจียงโม่อ่านความคิดของเธอออกทันที "คุณซู คิดถึงสถานการณ์ของเพื่อนคุณให้มากหน่อยก็ดีค่ะ"ความหมายอีกอย่างก็คือ มีชีวิตของเพื่อนเธออยู่ในกำมือ ถึงเธอจะใช้ข้ออ้างไปบอกบอดี้การ์ด หรือแหกปากร้องตะโกนก็ไม่มีประโยชน์ซูหว่านครุ่นคิด ปล่อยมือที่ประคองประตูรถมาตลอดลง ไพล่ไว้ด้านหลัง ทำสัญลักษณ์ให้กับบอดี้การ์ดหลังจากที่เธอส่งสัญญาณมือโดยเงียบเชียบเสร็จ ก็เปิดประตูรถ แล้วเข้าไปนั่งข้างในเห็นเธอขึ้นรถมาแต่โดยดี เจียงโม่ก็เขี่ยซิก้าร์ในมือจนมอด จากนั้นสตาร์ทรถ...ตอนที่เธอเหยียบคันเร่ง มองกระจกมองหลังแวบนึง บอดี้การ์ดกลุ่มนั้นตามมาดังคาดเจียงโม่ดึงสายตากลับ เหยียบคันเร่งจนมิด เลี้ยวผ่านไปไม่กี่โค้งก็สลัดบอดี้การ์ดสำเร็จถึงยังไงก็เป็นถึงระดับหัวหน้าของทีมย่อยในS การที่เจียงโม่สลัดบอดี้การ์ดทิ้งได้ ก็เป็นเรื่องที่ง่ายดายมากซูหว่านกำเข็มขัดนิรภัยแน่นถึงไม่โดนสะบัดออกจากรถไป ทว่าความรู้สึกพะอืดพะอมในท้องกลับทำให้เธออยากอ้วกเธอกุมหน้าอกที่เต้นระรัว อดกลั้นความรู้สึกสะอิดสะเอียนไว้ มองไปย
นิ้วของเจียงโม่ที่คีบซิการ์ เคาะขี้เถ้าเบาๆ"คุณซู มีใครเค้าพาสามีไปร่วมปาร์ตี้คนโสดกันบ้าง?"การที่เจียงโม่จะปฏิเสธ เป็นสิ่งที่คาดเดาไว้ได้อยู่แล้ว เพียงแต่ทำไมล่ะ?ที่เจียงโม่เชิญเธอไปร่วมงานปาร์ตี้คนโสด ก็เพราะอยากให้เธอสอนว่าจะจีบเจียงเจ๋อยังไงไม่ใช่หรอ?งั้นถ้าเธอจะพาจี้ซือหานไปด้วย ก็ไม่ได้หน่วงต่อการสอนเจียงโม่จีบเจียงเจ๋อไม่ใช่หรอ?เธอคิดว่าบางทีเจียงโม่อาจจะอยากอาศัยปาร์ตี้นี้เพื่อพาตัวเธอไป ส่วนเป้าหมายคืออะไร เกรงว่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เจียงเจ๋อคุยกับจี้ซือหานหลังจากที่ซูหว่านคิดได้ดังนั้น ก็มองเจียงโม่ด้วยสายตาที่จริงใจ"คุณหนูเจียง ฉันกับจี้ซือหานถูๆไถๆกันมาเกือบสิบปี กว่าจะได้แต่งงานกันไม่ง่ายเลย ฉันไม่อยากให้เกิดเรื่องไม่คาดฝันอะไรขึ้นก่อนวันแต่งงาน""พรุ่งนี้เช้า ฉันแค่อยอยากสวมชุดแต่งงานที่เขาส่งมาให้ แต่งให้เขาด้วยสภาพร่างกายจิตใจที่สมบูรณ์แบบที่สุด หวังว่าพวกคุณจะช่วยให้เราสมหวังด้วย"ตอนที่พูดสิ่งเหล่านี้ เธอเห็นสีหน้าของเจียงโม่ เปลี่ยนไปเล็กน้อย ก็รู้ได้ทันทีว่าเจียงโม่มีจุดประสงค์อย่างแท้จริง จึงยกริมฝีปากยิ้ม"คุณหนูเจียง ถ้าคุณอยากให้ฉันสอนคุณจีบ