หลังจากที่จี้ซือหานพาตัวของซูหว่านออกจากสนามบินก็ได้ขึ้นรถหรูคันหนึ่งไปซูหว่านนั่งอยู่ที่เบาะนั่งด้านหลัง ในตอนที่กำลังดึงเข็มขัดนิรภัยเตรียมจะคาดนั้นนิ้วมือเรียวยาวของจี้ซือหานก็คว้าเข็มขัดนิรภัยไปแล้วช่วยเธอคาดหลังจากที่คาดดีแล้ว เขาก็เหลือบดวงตาที่ยาวรีสวยราวดอกท้อของตัวเองขึ้นมามองที่ซูหว่านเมื่อเห็นใบหน้าที่สงบนิ่ง อีกทั้งร่างกายที่นั่งตัวตรงทื่อของเธอ ก็หันไปสั่งให้ซูชิงออกรถในทันทีหลังจากที่รถเคลื่อนตัวออกไป ซูหว่านก็หันหน้าออกไปมองทางหน้าต่างอย่างเงียบๆจี้ซือหานเองก็หันหน้าออกไปมองนอกหน้าต่างด้วยสีหน้าเย็นชา ไม่พูดอะไรเช่นกันทั้งๆ ที่ทั้งคู่นั่งอยู่บนเบาะนั่งแถวเดียวกัน แต่เหมือนกับระหว่างกลางมีแม่น้ำสายใหญ่ขวางกั้น ช่างดูห่างเหินราวกับคนแปลกหน้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผ่านไปนานเท่าไร จี้ซือหานก็อดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมองเธอ...เธอนั่งชิดกับประตูรถ หน้าต่างถูกเลื่อนลงมาครึ่งบาน ลมจากภายนอกที่พัดเข้ามาเบาๆ ทำให้เส้นผมสั่นถูกพัดกระเจิงท่าทางตอนที่เธอหันหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง ช่างดูสงบว่าง่าย เหมือนกับตอนที่เคยอยู่กับเขา ราวกับว่าไม่เปลี่ยนไปเลยจี้ซือหานที่มองเห็น
แต่จี้ซือหานกลับใช้มือข้างหนึ่งจับคางของเธอเอาไว้ บังคับให้เธอต้องหันมาสบตากับเขาผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า ยังคงดูสูงส่งเหมือนในอดีต เขายังคงดูหล่อเหลาไม่เปลี่ยนแปลงเลยสักนิดมีเพียงขอบตาใต้ดวงตาที่ลึกซึ้งคู่นั้นเท่านั้นที่ดูดำคล้ำขึ้น แต่ก็ไม่ส่งผลกระทบกับหน้าตาของเขาเลยผมของเขาที่ถูกจัดทรงอย่างเรียบร้อยยิ่งทำให้เขาดูสูงส่งเกินเอื้อมเข้าไปอีก...เสื้อเชิ๊ตขาวภายใต้เสื้อสูท ถูกเขาปลดกระดุมออกสองเม็ด...คอเสื้อที่เปิดออกน้อยๆ เผยให้เห็นกระดูกไหปราร้าอย่างชัดเจน...ด้านล่างนั้นเป็นแผ่นอกแข็งแกร่ง และขายาวๆนี่เป็นครั้งแรกที่ซูหว่านได้มองเขาอย่างละเอียดหลังจากที่กลับมา ทั้งรู้สึกว่าเขาเปลี่ยนไปแล้ว แต่ก็คล้ายว่าไม่เปลี่ยนไปเลยในตอนที่จี้ซือหานเห็นเงาร่างของตัวเองปรากฎอยู่ในดวงตาของเธอ เขาก็ยกยิ้มมุมปากขึ้นน้อยๆ ก็มีแต่ในเวลานี้เท่านั้นที่เธอจะมีเขาอยู่ในสายตาเขาใช้มือคู่สวยของตัวเองลูบไปที่ผมสั้นของเธอเบาๆ "ฉันจำได้ว่าเมื่อก่อนเธอชอบไว้ผมยาว"ขนตาของซูหว่านกระเพื่อมไหวน้อยๆ ที่เมื่อก่อนเธอชอบไว้ผมยาวก็เพราะว่าเขาชอบคนผมยาว เธอก็เลยไม่เคยที่จะตัดตอนนี้ถูกจิเหยียนโจวบังคับให้ต้อง
เธอเคยบอกว่าจะไม่มีทางเป็นมือที่สามของใครเด็ดขาด เขาจะทำเรื่องที่ทำให้เธอผิดหวังได้อย่างไรเขากอดเธอเอาไว้แน่นแล้วพูดความในใจออกไปอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ "ถ้าหากว่าเธอไม่กลับมา ตลอดชีวิตนี้ฉันก็คงไม่ยอมแต่งงานกับใคร"เมื่อซูหว่านได้ยินดังนั้นก็อึ้งไป ความรังเกียจในสายตาถูกแทนที่ด้วยความตกใจ ราวกับคิดไม่ถึงว่าเขาจะมีความตั้งใจแบบนี้เธอรู้สึกตกใจมาก แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก แล้วก็ไม่ได้ถามด้วยว่าทำไมสุดท้ายเขาถึงไม่ได้แต่งงานกับหนิงหว่านจี้ซือหานยกมือขึ้นมาลูบไปที่แก้มของเธอ "คนที่ฉันอยากแต่งงานด้วยมาตลอดก็คือเธอ"น้ำเสียงของเขาเคร่งขรึมแต่ก็แฝงไว้ด้วยความลึกซึ้งที่พยายามจะปกปิด ซูหว่านรู้สึกหวั่นไหวในใจ แต่ไม่นานความรู้สึกนั้นก็หายไปเพราะความไม่เชื่อจี้ซือหานอ้าปากบางเล็กน้อย อยากจะพูดอะไรต่อแต่เสียงของซูชิงก็ดังขึ้นมาจากข้างหน้า "ประธานจี้ ถึงแล้วครับ"จี้ซือหานเงยหน้าขึ้นมาเล็กน้อย มองไปทางซูหว่านอย่างอาลัย จากนั้นก็กอดเธอแน่นอีกครั้งแต่ซูหว่านกลับใช้สีหน้าเรียบเฉยมองเขา ราวกับกำลังโทษที่เขาไม่ยอมรักษาคำพูดจี้ซือหานยกยิ้มมุมปากขึ้นอย่างขมขื่น จากนั้นก็พูดออกมาเบาๆ ว่า
จี้ซือหานแบมือออกมา มองดูไปที่รอยแผลบนฝ่ามือของตัวเอง แล้วจู่ๆ ก็ยิ้มออกมาน้อยๆรอยยิ้มอย่างสิ้นหวังสุดขีดแบบนั้น ซูหว่านก็เพิ่งจะเคยเห็นเป็นครั้งแรก...เธออดที่จะก้าวขาขยับเดินเข้าไปใกล้เขาไม่ได้ แต่เขากลับพูดว่า "อย่าเข้ามาเลย"เขาไม่ได้หันหน้ากลับมาอีก แต่น้ำเสียงแหบพร่าก็ได้ดังออกมาจากในรถ "คฤหาสน์ที่อยู่ข้างหน้าหลังนั้นก็คือที่ๆ เขาพักอยู่ในตอนนี้ เธอเข้าไปหาเขาเถอะ"ซูหว่านมองไปยังทิศที่ตั้งคฤหาสน์แว๊บหนึ่ง แล้วก็หันมามองผู้ชายในรถแว๊บหนึ่ง สุดท้ายก็เก็บสายตาแล้วหมุนตัวเดินออกไปทางทิศของคฤหาสน์ในตอนที่เห็นเงาร่างเล็กๆ นั้นเดินออกไปหาซ่งซือเยว่โดยไม่อาลัยวาวรณ์ ขอบตาของจี้ซือหานก็ค่อยๆ แดงขึ้น...เขาค่อยๆ กำฝ่ามือของตัวเองช้าๆ ราวกับตัดสินใจที่จะปิดผนึกเรื่องราวในอดีตทั้งหมด ไม่พูดถึงอีก แล้วก็จะไม่ดึงดันอะไรอีกซูชิงหันหน้ากลับมามองที่จี้ซือหาน "ประธานจี้ คุณเองก็เคยฆ่าตัวตายเพราะเธอนะครับ..."จี้ซือหานยกริมฝีปากบางขึ้นแล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า "เรื่องพวกนี้ต่อไปห้ามบอกให้เธอรู้"ซูชิงขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่เข้าใจ "เพราะอะไรครับ?"เขาเองก็ทำเรื่องมากมายเพื่อคุณ
เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่คุ้นเคย ก็ทำให้ร่างของคนที่นั่งอยู่บนรถเข็นตัวแข็งทื่อไปเขาค่อยๆ หันหน้ากลับมาช้าๆ มองมายังคนที่ยืนอยู่บนบันได...เธอสวมชุดเดรสยาวสีแดง ผมสั้น สายลมอ่อนโยนที่พัดผ่านเผยให้เห็นใบหน้าที่งดงามใบหน้าในความทรงจำที่เขาเคยฝันถึงนับครั้งไม่ถ้วน ถึงแม้การแต่งตัวจะไม่เหมือนเมื่อก่อน แต่ใบหน้านั้นก็ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงเขาทอดสายตามองผ่านแสงอาทิตย์ ผ่านทุ่งดอกไม้ ได้แต่มองเธออยู่อย่างนั้น แต่กลับไม่กล้าที่จะขยับตัวแม้แต่นิด ทำได้แค่มองดูอยู่ไกลๆ...เธอเคยปรากฎตัวด้วยวิธีนี้หลายครั้ง แต่ทุกครั้งตอนที่เขาวิ่งเข้าไปหาเธอ เธอก็จะหายไปตลอดคนที่อยู่ตรงหน้านี้เกรงว่าก็คงจะเป็นภาพลวงตาอีกตามเคย แตะต้องไม่ได้ เช่นนั้นก็อย่าไปรบกวนเธอ ให้เธอได้อยู่ตรงนี้นานๆ หน่อย..."ซือเยว่..."น้ำเสียงอ่อนหวานดังเรียกชื่อเขาขึ้นอีกครั้ง ทำให้เขารู้สึกเหมือนฝัน...จนกระทั่งเมื่อเขาเห็นเธอค่อยๆ เดินลงจากบันได ผ่านทุ่งดอกไม้มายืนอยู่ตรงหน้าเขา เขาถึงได้มีปฏิกริยาตอบสนองหนังสือที่ถืออยู่ในมือร่วงหล่นลงไปทันที เขาเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าคนที่อยู่ตรงหน้าของตัวเองช้าๆ อย่างไม่อยากจะเชื่อสา
แต่ว่า ทั้งๆ ที่เขาเป็นคนส่งเธอเข้าไปในกองเพลิงเองกับมือ แต่ทำไมเธอถึงยังมายืนอยู่ตรงหน้าเขาได้แบบไร้รอยขีดข่วนเช่นนี้...เขาสงสัยว่าเธอไม่ใช่ตัวจริง แต่นิ้วมือที่โอบอยู่บริเวณด้านหลังของเธอ กลับสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิร่างกายของเธอ นี่มันคนตัวเป็นๆ ชัดๆเขาใช้มือที่สั่นระริกของตัวเอง ประคองร่างของหญิงสาว ที่นอนร้องไห้ฟูมฟาย ซบตักของเขาอยู่ ใช้สองมือประคองใบหน้าของเธอ จ้องมองเธออย่างละเอียดถึงแม้เวลาจะผ่านไปนานถึงสามปี แต่เธอก็ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง กลับกันใบหน้าที่ข่าวซีดในอดีตกลับกลายเป็นมีชีวิตชีวาขึ้นมาราวกับได้ลาขาดจากโรคร้ายที่ทุกข์ทรมานในอดีต ตอนนี้เธอได้มีชีวิตใหม่ที่สดใส...เขามองเธอ ก่อนจะอ้าปากเรียกออกไปเบาๆ "หว่านหว่าน..."ซูหว่านเงยหน้าขึ้นมามองเขาแล้วยิ้มออกมาทั้งๆ ที่ดวงตาทั้งคู่เต็มไปด้วยคราบน้ำตา "ฉันอยู่นี่"เธออยู่นี่ เธออยู่นี่มาตลอด...ใบหน้าที่เปียกชื้นของซ่งซือเยว่เองก็ปรากฎรอยยิ้มออกมาเช่นกัน "ยังดีนะที่ฉันเชื่อฟังคำพูดของเธอ"ซูหว่านไม่ค่อยเข้าใจนัก "คำพูดอะไร?"ซ่งซือเยว่อึ้งไป ดูท่า...เธอคงลืมสิ่งที่เคยพูดกับเขาไว้ แต่ว่าไม่เป็นไร แค่เขาจำได้ก็
หลังจากที่เธอเหม่ออยู่นานก็ดึงสติกลับมาได้ ค่อยๆ มองไปที่ขาของเขา "คุณล่ะ เกิดอะไรขึ้นกับขาของคุณ?"ซ่งซือเยว่มองไปตามสายตาของเธอแล้วจับไปที่ขาพิการของตัวเอง พูดออกมาเหมือนไม่ใส่ใจ "แผลจากการถูกยิงน่ะ ไม่ต้องเป็นห่วง"เมื่อซูหว่านได้ยินคำว่าแผลถูกยิงก็คิดไปถึงเรื่องที่เขาฆ่าตัวตายเพราะตรอมใจจนความรู้สึกผิดแสดงออกมาทางสีหน้า "หรือว่าตอนที่อยู่ต่อหน้าหลุมศพของฉัน คุณ..."ซ่งซือเยว่ส่ายหน้า ปฏิเสธว่า "ไม่ใช่ ไม่เกี่ยวกับเธอ เธอไม่ต้องรู้สึกผิด"ซูหว่านไม่เชื่อ เธอขมวดคิ้วมุ่นแล้วพูดกับเขา "ซือเยว่ คุณกับฉันรู้จักกันมาตั้งหลายปี ยังมีเรื่องอะไรที่บอกฉันไม่ได้กัน?"พวกเขาเคยเป็นรักแรกของกันและกัน และเป็นครอบครัวเดียวกันมาหลายปี ความรู้สึกที่มีต่อกันมันลึกซึ้งจนแม้แต่กาลเวลาก็ไม่อาจจะลบเลือนได้ซ่งซือเยว่มองหน้าเธอเงียบๆ อยู่นาน ก่อนจะค่อยๆ พูดออกมาว่า "ในวันที่เจ็ด ฉันคิดจะตามเธอไป เป็นจี้ซือหานที่ห้ามฉันเอาไว้"เมื่อเขาพูดถึงตรงนี้ก็มองไปที่ซูหว่านโดยสัญชาตญาณ เมื่อเห็นว่าสีหน้าของเธอยังเหมือนเดิมก็จึงพูดต่อ "เขาแย่งปืนในมือของฉันไป แต่ฉันตั้งใจที่จะตายไว้แล้ว ในระหว่างที่ยื้อยุดกัน
เมื่อเห็นเงาร่างนั้นที่เดินออกไปจากคฤหาสน์อย่างไม่ลังเล จู่ๆ ซ่งซือเยว่ก็ขอบตาแดงขึ้นมา...หัวใจของเขาราวกับถูกมีดกรีดออกเป็นพันๆ ชิ้น เจ็บจนแทบจะหยุดหายใจ มันปวดจนอยากที่จะวิ่งตามไปกอดเธอเขาไว้แล้วบอกให้เธออย่าไปแต่ขาของเขาทั้งสองข้างกลับไม่ตอบสนองเลยสักนิด คนที่เป็นเหมือนคนไร้ค่าอย่างเขา มีสิทธิ์อะไรจะไปรั้งเธอไว้ให้อยู่ข้างกาย...เขาเงยหน้าขึ้นไปมองแสงอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้า อยากจะไล่น้ำตาของตัวเองออกไปให้หมด แต่น้ำตาเจ้ากรรมก็ดูเหมือนไม่ยอมฟังคำสั่ง เอาแต่ไหลลงมาไม่หยุดเขาใช้มือข้างหนึ่งปิดหน้าตัวเองไว้ ในตอนที่กำลังร้องไห้ราวจะขาดใจอยู่นั้น เงาร่างเล็กเงาหนึ่งก็ปรากฎขึ้นช่วยเขาบดบังแสงอาทิตย์แสบตาที่สาดส่องซ่งซือเยว่มองเห็นซูหว่านกำลังเอียงคอแล้วบิดฝาขวดน้ำเปล่าในมือก่อนจะยื่นมาให้เขาอย่างเลือนรางผ่านร่องนิ้วมือของตัวเอง"ซือเยว่ ฉันเห็นว่าริมฝีปากของคุณแห้งหมดแล้ว ก็เลยไปขอน้ำจากเสี่ยวโยวมาขวดหนึ่ง ฉันจะป้อนให้คุณดื่มนะดีไหม?"ที่แท้เธอก็ไม่ได้ไป...บอกไม่ถูกว่าเป็นความรู้สึกดีใจมากกว่าหรือว่ากลัวทำให้เธอเดือดร้อนมากกว่าเขาในตอนนี้ทำได้เพียงแค่อ้าปากอย่างว่าง่าย ป