บทนำ
วสันตฤดูเป็นช่วงเวลาน่ายินดี ยิ่งน่ายินดีเมื่อเช้านี้มีเสียงแตรดังก้องทั่วถนนสายหลักเมืองจงเหนียน
ขบวนสังคีตเดินนำหน้าอาชาเจ้าบ่าว ตามด้วยรถม้าเจ้าสาวประดับเพชรพลอยห้อยผ้าแดงอลังการ
ขบวนแห่งความสุขนี้กำลังมุ่งหน้าไปยังจวนเจ้าเมือง..เพื่อรับตัวเจ้าสาว
“อีกไม่นานคงมาถึงแล้วกระมัง”
เสียงสาวใช้ในห้องนอนเอ่ยขึ้นยามเสียงดนตรีอึกทึกดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ตัวเจ้าสาวหน้าคันฉ่องเองก็ได้ยิน
เงาสะท้อนจากภายในนั้นจึงยิ่งดูหมองหม่น ราวกับเป็นวันตายเสียอย่างนั้น
“คุณหนู.. บ่าวคลุมผ้าเลยนะเจ้าคะ”
“อืม”
นางตอบรับสั้นห้วน ก่อนภาพเบื้องหน้าจะกลายเป็นสีแดงเฉกเช่นผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวที่บังตาไว้
วันนี้เป็นวันแต่งงานเพื่อเชื่อมสัมพันธ์สองแคว้น เจ้าบ่าวคือแม่ทัพผู้องอาจเกรียงไกรแห่งแคว้นโจวหนาน นามว่าสวี่ห่าวซวน ส่วนเจ้าสาวคือโฉมสะคราญบุตรสาวเจ้าเมืองจงเหนียน นามว่าลู่เจียวจู
หากนึกภาพตามใครๆก็คงว่าช่างเป็นคู่ที่เหมาะสมราวกิ่งทองใบหยก
ใครจะคิด..ว่าการแต่งงานนี้ต้องแลกด้วยอะไรบ้าง
อย่างแรกคืออิสรภาพของข้า ประการต่อมาคือความปลอดภัยของข้า เพราะต้องแต่งเข้าบ้านของอดีตศัตรู
“เฮ้อ!”
เสียงถอนหายใจก้องในห้องอันเงียบงัน สาวใช้ที่ช่วยจัดอาภรณ์งดงามอยู่ก็สะดุ้งร้องเตือน “คุณหนู ร่าเริงหน่อยเถอะเจ้าค่ะ”
“จริงเจ้าค่ะ วันแต่งงานทั้งที”
“แต่งให้คนที่ไม่รัก เป็นพวกเจ้าจะร่าเริงได้หรือ”
ถึงไม่รู้ว่านางกำลังมีสีหน้าแบบไหน แต่เพียงฟังน้ำเสียงก็รู้แล้วว่าไม่สบอารมณ์อย่างมาก
“อย่างน้อยก็ช่วยนำความสงบมาให้เมืองจงเหนียนของเราได้นะเจ้าคะ”
อา...ใช่ เพราะผู้ครองแคว้นโจวหนานสั่งบุตรชายที่รั้งตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ผู้นั้นบุกโจมตีเมืองเราไม่หยุด บิดาข้าถึงได้ต้องใช้วิธีนี้เป็นทางออก
เดิมทีผู้ครองแคว้นโจวหนานอันยิ่งใหญ่ไม่ถูกกับเจ้าเมืองจงเหนียน ตลอดร้อยปีไม่เคยมีความปรองดองเพราะทั้งสองฝั่งพุ่งหอกดาบและเกาทัณฑ์ใส่ฝั่งตรงข้ามมาโดยตลอด
จะมามีคราวโชคของชาวเมืองก็ตอนที่เจ้าแคว้นโจวหนานคนใหม่เกิดความคิดอันใดไม่ทราบ ถึงยอมทำพันธะสงบศึก โดยมีข้อแม้ว่าเจ้าเมืองจงเหนียนต้องส่งบุตรสาวให้แต่งกับบุตรชายแม่ทัพของเขา
ว่าให้ง่าย คือข้ากลายเป็นเครื่องบรรณาการ ต้องสังเวยตนเพื่อบ้านเมือง
แต่เอาเถิด.. มันก็มิใช่ว่าจะถึงขั้นยอมรับไม่ได้ อย่างน้อยไม่มีคนตายเพิ่มก็นับว่าเป็นเรื่องดี
และในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว ข้าก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากต้องเดินหน้าต่อ
ลู่เจียวจูพยายามปลุกกำลังใจตัวเอง ยามที่นางลุกขึ้นแล้ว ชุดแดงมงคลปักดิ้นทองลายหงส์ทิ้งชายยาวตามทางที่นางย่างก้าว มีสาวใช้คอยประคองออกไปนอกเรือน ขณะเดียวกันเจ้าบ่าวก็ยืนรอทำพิธีอยู่พอดี
ที่บ้านเจ้าสาวไม่ได้มีพิธีสำคัญอะไรมาก เพียงเข้ามาคารวะพ่อเจ้าสาวเพื่อบอกกล่าวคำอำลาและรับคำอวยพร
บุรุษที่ยืนอยู่ข้างๆนี้ ลู่เจียวจูไม่เคยพบมาก่อน แต่ฟังจากเสียงฝีเท้าอันหนักแน่นของเขา ทำให้พอกะได้ว่าเป็นบุรุษตัวสูงใหญ่
ส่วนใบหน้า..เคยได้ยินเพียงคำร่ำลือว่าเป็นชายหนุ่มรูปงาม ก็เท่านั้น
“ขอให้ครองคู่กันนานๆนะ”
เป็นบิดาของลู่เจียวจูที่เอ่ยคำอวยพรด้วยรอยยิ้ม..ซึ่งไม่อาจทราบได้ว่าข้างในยินดีจริงหรือไม่
หญิงสาวเงียบ ภายใต้ผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวไม่ทราบมีสีหน้าอย่างไรเหมือนเช่นเคย มีเพียงเสียงหายใจฮึดฮัดเบาๆจากฝั่งเจ้าบ่าว
เขาที่เคยเป็นศัตรูกันคงไม่มีทางพอใจ แต่ถึงกระนั้นจะไม่รับคำอวยพรไว้ก็เสียมารยาท
เสร็จสิ้นพิธี บ่าวสาวเดินเคียงกันไป นางขึ้นรถม้า ส่วนเขาขึ้นหลังอาชาด้านหน้า บังคับให้มันเดินช้าต่างจากตอนออกศึก
จนกระทั่งไปถึงจวนเจ้าบ่าวที่แคว้นโจวหนานในช่วงราวๆยามเซิน
การกราบไหว้ฟ้าดินยังเป็นไปตามธรรมเนียม แม้เลยฤกษ์งามยามดีไปแล้ว แต่นี่มิใช่การแต่งงานที่ทั้งคู่พอใจ เช่นนั้นจะเริ่มหรือจบเมื่อใดก็หาใช่เรื่องสำคัญ
ญาติผู้ใหญ่ก็ล้วนให้คำอวยพรส่งๆไปอย่างนั้น จนถึงตอนเข้าห้องหอรอบเย็นเพื่อเปิดหน้าเจ้าสาวยังกระทำอย่างเรียบง่าย เพียงลู่เจียวจูนั่งลงบนเตียงซึ่งประดับประดาด้วยกลีบดอกไม้ ผลส้ม และธัญพืชมงคล รอให้สวี่ห่าวซวนนั่งลงข้างๆ เลิกผ้าคลุมออกเพียงเท่านั้น
ไม่สิ..ต้องเรียกว่าเขากระชากอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์มากกว่า
เป็นครั้งแรกที่ทั้งคู่ได้พบหน้ากัน ดวงตาสบประสาน ทั้งที่งดงามทว่ากลับดูเย็นชา
ชายหนุ่มมีเครื่องหน้าที่ดูทรงเสน่ห์ดุดัน ดวงตาเรียวดุจมังกร คิ้วทรงกระบี่เสริมความห้าวหาน สันจมูกโด่ง ริมฝีปากไม่หนาไม่บางจนเกินไป หน้าเรียวได้รูป หนวดเคราโกนจนเกลี้ยงเกลาเพราะเป็นวันแต่งงาน
ส่วนฝั่งหญิงสาวเล่า ช่างสมกับที่ได้ชื่อว่าเป็นยอดสตรีอันดับหนึ่งของเมือง ดวงตากลมโตสีอ่อน ดวงหน้าจิ้มลิ้มพริ้มเพรา พวงแก้มสีอมชมพูดูอ่อนเยาว์ ผิวขาวผ่องดุจไข่มุก ยิ่งเมื่อแต่งแต้มด้วยเครื่องประทินโฉมก็ยิ่งงามผุดผาด
“...”
ความเงียบปกคลุมรอบห้อง เมื่อทั้งคู่เพียงจ้องหน้ากันแต่ไร้ซึ่งอารมณ์หวานซึ้งอย่างที่กล่าว ราวกับไม่ใช่คนที่กำลังจะเป็นสามีภรรยากันกระนั้น
“ไหนมาให้พวกข้าทดสอบว่าเจ้าบ่าวเราแข็งแกร่งสมคำร่ำลือที่ว่าดวลพันจอกยังไม่ล้มจริงหรือไม่”
เสียงญาติผู้ใหญ่ที่เป็นสักขีพยานในการเปิดหน้าดังขึ้นเพื่อให้บรรยากาศไม่อึมครึมเกินไปนัก สวี่ห่าวซวนถึงลุกขึ้นคารวะเหล่าผู้อาวุโสทั้งหลาย
“คงต้องขอคำชี้แนะจากพวกท่านอีกมาก”
ว่าแล้วเขาก็เดินกลับออกไปในงานเลี้ยงด้วยใบหน้าเรียบเฉย ไม่ต่างจากหญิงสาวที่ไม่สนใจจะมองแผ่นหลังของผู้เป็นสามีด้วยซ้ำ
“เอาล่ะๆ เจ้าเดินทางมาไกล ไยไม่ชำระกายให้สบายตัวสักหน่อย”
ระหว่างนี้จะมีอะไร เจ้าบ่าวโดนเชิญไปชนจอกมอมเหล้า ส่วนเจ้าสาวก็ไปผลัดผ้าอาบน้ำให้กายติดกลิ่นหอมจรุงเพื่อรอสามีกลับทำกิจในคืนเข้าหอ
“รบกวนพวกท่านแล้ว”
ลู่เจียวจูตอบเหล่าท่านป้าท่านน้าทั้งหลายตามมารยาท น้ำเสียงของนางฟังไม่ดูมีความสุขหรือตื่นเต้นสักเท่าใด ราวกับไม่ได้รอคอยเวลาในคืนเข้าหอสุดหฤหรรษ์เหมือนที่สาวรุ่นราวคราวเดียวกันเฝ้าจินตนาการวาดหวัง
มันก็ถูกแล้ว...ข้าไม่เคยรอคอยให้เวลาเช่นนี้เกิดขึ้น
บทที่ 1รับฝีปากคืนเข้าหอจันทราเอ๋ย...เจ้าจะขึ้นช้ากว่านี้สักเค่อไม่ได้เลยหรืออย่างไรในใจหญิงสาวรำพึงรำพันยามแหงนหน้ามองท้องฟ้าราตรีในวสันตฤดู ไม่มีความแช่มชื่นปรากฏอยู่เลยแม้สักเสี้ยวในแววตาด้านนอกยังมีเสียงงานเลี้ยงครึกครื้นยิ่ง นางก็ภาวนาในใจว่าขอให้สวี่ห่าวซวนผู้นั้นโดนพวกผู้ใหญ่จับกรอกเหล้าจนเมาคอพับอยู่ในงานเสียแต่สวรรค์มิเป็นใจให้ลู่เจียวจูได้สมปรารถนา เพราะเพียงนางภาวนาจบไม่นานเสียงบานประตูห้องหอก็ดังขึ้นจะเป็นใครไปได้...หากไม่ใช่เจ้าบ่าวของนางสวี่ห่าวซวนเองก็ไปอาบน้ำชำระกาย อยู่ในชุดนอนผ้าบางเหมือนกัน ยังหน้าแดงหูแดงเพราะฤทธิ์สุราอีกต่างหากดูท่าคืนนี้คงหนีไม่พ้นแล้วกระมัง..ลู่เจียวจูกลืนน้ำลายฝืดคอ แต่ก็ยังทำใจสู้ นั่งนิ่งไม่ไหวติง แสร้งทำเป็นไม่มีปฏิกิริยาต่อกลิ่นสุราหึ่งทั่วตัวสวี่ห่าวซวนอีกด้วยให้เขารู้ว่านางกำลังใจสั่นไม่ได้หรอก เสียเชิงสตรีหมดพอดี“ขยับไป”เสียงเขาสั่งนางก็ทำตาม ถึงความจริงแม้ไม่สั่งก็ตั้งใจจะขยับถอยห่างไปเป็นลี้แล้วก็เถิดชายหนุ่มก้าวเข้ามา หยิบกาสุราบนโต๊ะเล็กมารินส่งให้นางจอกหนึ่ง ถือไว้เองจอกหนึ่ง ลู่เจียวจูก็ทำหน้างง “นี่คือ?”“สุรามงคลในคื
ตอนที่ 2สามีหนีรุ่งอรุณแสงตะวันส่องลอดช่องหน้าต่าง แพขนตาหนางอนดุจปีกผีเสื้อเปิดขึ้นเล็กน้อย กะพริบถี่ๆปรับให้ภาพที่เห็นชัดเจนขึ้นนี่ไม่ใช่ห้องนอนที่คุ้นเคย เพราะมันคือในจวนของสามีพูดถึงสามี ลู่เจียวจูก็หันมองที่เตียง พบว่า..เขาหายไปแล้วหายไปก็ดี ไม่ใช่ว่าข้าอยากจะพบหน้าท่านนักหรอกนางคิด ยิ่งคิดไปถึงวาจาเหน็บแนมระคายหูเมื่อคืน สาบานได้ว่าตั้งแต่เกิดมานางไม่เคยพบเจอบุรุษที่ไหนที่ฝีปากจัดจ้านเท่านี้ ยิ่งไม่เคยพบบุรุษผู้เป็นถึงบุตรชายเจ้าผู้ครองแคว้นซ้ำยังเป็นถึงแม่ทัพใหญ่ แต่ไม่รักษาหน้าใคร ไร้มารยาทเท่ากับที่สวี่ห่าวซวนเป็นช่างเถิดๆ ใช่ว่าข้าหงอให้เจ้าลิงถือดาบนั่นสักหน่อยดูคล้ายว่า จากนี้ไปในสายตาของลู่เจียวจู สวี่ห่าวซวนจะมิใช่แม่ทัพนายกองผู้องอาจ หากแต่ดูไม่ต่างอันใดกับวานรโมโหร้ายที่รู้วิชากระบี่เท่านั้นแต่แม้ไม่อยากพบหน้าอย่างไร ลู่เจียวจูก็มิใช่ว่าจะสามารถทำตามใจได้ เมื่อแต่งงานกันแล้วก็ถือว่าเป็นคนคนเดียวกัน ร่วมเดินทางด้วยกัน มีอุปสรรคก็ต้องร่วมฟันฝ่าและอุปสรรคแรกของนางก็กำลังจะมาถึง นั่นคือธรรมเนียมเยี่ยมบ้านเจ้าสาวหลังแต่งงานหากว่าแต่งออกไปแล้วความสัมพันธ์ระหว่างสอ
ตอนที่ 3เมียบุกมาตามสวี่ห่าวซวนประมาทลู่เจียวจูมากไป เขาไม่รู้ว่าสตรีผู้นี้สามารถควบม้าได้เร็วไม่ต่างจากพวกพลทหารม้าเลยเพียงไม่ถึงชั่วยาม ลู่เจียวจูที่ดูแผนที่เมืองผ่านตารอบเดียวก็มาปรากฏตัวอยู่หน้าฐานทัพเสียแล้ว“ไม่ทราบแม่นาง...”ทหารเฝ้ายามหน้าประตูกั้นหอกยาว แต่วาจาเขาเอ่ยไม่จบคำเมื่อพิจารณาใบหน้าหญิงสาวผู้ลงมาจากหลังม้าชัดๆโฉมสะคราญใบหน้าอ่อนเยาว์ราวกับพึ่งเลยวัยปักปิ่นมาไม่กี่วันผู้นี้เป็นใครกัน?...พวกเขาได้เพียงนึกสงสัย ดูจากอาภรณ์อย่างผู้สูงศักดิ์ นางมิใช่ชาวบ้านร้านตลาด และมิน่าจะเป็นเพียงคุณหนูจากตระกูลเล็กๆเป็นแน่“หลีกทางให้ข้า”“เราต้องหลีกทางให้เจ้าด้วยเหตุใด”น้ำเสียงแข็งกร้าวกับสายตาคมปลาบของนางตวัดจ้องให้พวกเขาได้สติรู้จักหน้าที่ของตนขึ้นมา หอกยาวสองเล่มจึงยังพาดไขว้อยู่เบื้องหน้าไม่ยอมหลีก“ด้วยเหตุที่ข้าต้องพบแม่ทัพสวี่”“แม่นาง เจ้ายังไม่บอกพวกข้าเลยว่าเป็นผู้ใดและมาพบท่านแม่ทัพด้วยเหตุอะไร ข้าต้องขออภัยที่หลีกทางให้ไม่ได้”สายสืบที่เป็นสตรีหลอกบุรุษได้ง่ายดาย แต่พวกเขาไม่หลงกล ..เรียกว่าไม่กล้าปล่อยปละละเลย ไม่อย่างนั้นชีวิตน้อยๆอาจปลิวไปสู่ปรโลกตั้งแต่ยังไม่
ตอนที่ 4กลับเยี่ยมบ้านในห้องเงียบไปชั่วอึดใจ ก่อนสวี่ห่าวซวนเลิกคิ้ว “ไยต้องไป?”“เพราะสุภาพชนผู้ยิ่งใหญ่ย่อมรู้จักธรรมเนียมปฏิบัติ”“แต่งานข้ายุ่งมาก เชิญภรรยากลับเมืองจงเหนียนไปผู้เดียวเถิด”“งานของแม่ทัพจะยุ่งก็ต่อเมื่อมีสงคราม แต่ตอนนี้แคว้โจวหนานกับเมืองจงเหนียนพึ่งทำพันธะสงบศึก แล้วจะมีอะไรให้ยุ่งนัก”นางจ้องตาฟาดฟันกับสามีอย่างไม่ลดละ ยื่นหน้าเข้าไปเน้นย้ำเต็มเสียง “พรุ่งนี้ท่านต้องกลับเมืองจงเหนียนกับข้า”“แล้วถ้าหากข้าไม่ทำเล่า”ความยียวนของสวี่ห่าวซวนเป็นรองนางเสียเมื่อไร ในใต้หล้านี้เขาอาจมีภาพลักษณ์เป็นแม่ทัพหนุ่มมาดนิ่งแสนเย็นชา แต่ความจริงเนื้อแท้กลับเป็นคนหัวรั้นปากร้ายอย่างที่แสดงให้ลู่เจียวจูเห็น“ไม่กลับก็ได้” นางยักไหล่ทำไม่แยแสแต่สิ่งที่จะกล่าวต่อจากนี้ถึงกับทำให้ไฟโทสะในใจอีกฝ่ายโหมลุก“ท่านไม่กลับ ข้าก็แค่บอกท่านพ่อให้ฉีกสัญญาสงบศึก เท่านี้ชีวิตอันผาสุขของชาวเมืองก็ถือว่าท่านเป็นผู้ทำลายมันเพราะความอยากเอาชนะของท่าน”“เจ้า! เจ้ากล้าเอาเรื่องนี้มาอ้างแล้วยังโยนความผิดให้ข้า!?”“ข้าไม่ใช้เป็นแค่ข้ออ้างแน่ รองตรึกตรองดูให้ถี่ถ้วนท่านก็จะรู้ว่าหากเราสองคนทำตัวห่าง
ตอนที่ 5ยาปลุกกำหนัดบรรยากาศในวันเยี่ยมบ้านเจ้าสาว เรียกว่าแช่มชื่นผิดหูผิดตา ยังชวนหายใจคล่องกว่าในวันแต่งงานของทั้งคู่ด้วยซ้ำอาหารค่ำที่จัดเตรียมไว้รอคู่รักยังใหม่ก็หรูหราอลังการสมฐานะของเจ้าเมือง มองแต่ละจานก็รู้ว่าทำจากวัตถุดิบที่ดีที่สุด ราคาแพงที่สุด“มาๆ วันนี้ข้าให้คนครัวเตรียมอาหารอย่างเหลาเลยเชียว”และไม่ต้องกังวลเรื่องพิษในอาหาร เพราะเจ้าเมืองเป็นคนคีบนั่นคีบนี่กินก่อนแขกเสียอีกลู่จุนเฟิงเองใช่ไม่รู้ว่าลูกเขยต้องนึกระแวงสงสัยแน่ เช่นนั้นก็แสร้งทำตัวไม่มีมารยาทไปเสียให้แขกไม่รู้สึกกระอักกระอ่วน“ขอบคุณท่านพ่อตา ความจริงข้าเป็นคนกินง่ายอยู่ง่าย ไม่น่าต้องสิ้นเปลืองเลย”“ข้าจะกล้าไม่ต้อนรับเจ้าให้ดีได้อย่างไร”พ่อตายังทำท่าถ่อมตนเกินความจำเป็นในสายตาสวี่ห่าวซวน... แต่ช่างเถิด วันนี้เขาไม่ได้มาเพื่อจับผิดใครสักหน่อย แค่ร่วมกินข้าวตามธรรมเนียม พรุ่งนี้ยามฟ้าสางก็อำลาแล้ว“จะว่าไป ข้าได้ยินมาว่าเจ้าเป็นคอสุรา ดวงร้อยจอกพันจอกไม่มีล้มจริงหรือ”พ่อตาเปิดประเด็นเรื่องสุรา สวี่ห่าวซวนตัวแข็งเกร็งวูบหนึ่ง แต่ยังเก็บอาการเผยยิ้มมั่นใจออกไป “ท่านพ่อตากล่าวหนักไป ข้ามิได้คอทองแดงถึงเ
ตอนที่ 6ศรีภรรยาจูบอันร้อนแรงไม่ได้หยุดที่ริมฝีปากเมื่อสวี่ห่าวซวนเริ่มไล้ริมฝีปากและเรียวลิ้นระเรื่อยไปบนซอกคอ หัวไหล่ลาดมน จนถึงเนินอกอิ่มที่มือเขากอบกุมขยำเล่นอยู่เมื่อครู่ยิ่งดูดดึงขบกัดก็ยิ่งครางเสียงทุ้มต่ำออกมา อย่างกับเขาพอใจยอดอกเต่งตึงอวบอิ่มนี้ยิ่งนัก จนนางอดหยอกไม่ได้“ท่านชอบมากหรือ”“อืม..ชอบ..”ในยามที่เมามายไร้สติ สวี่ห่าวซวนราวกับเปลี่ยนเป็นคนละคน จากเดิมที่ออกจะปาแข็งกลับกลายเป็นยอมรับด้านที่หื่นกามกระหายใคร่เช่นนี้ง่ายดาย“อืม..ข้าก็ชอบเหมือนกัน ทำแรงๆ สิ”ลู่เจียวจูเองก็ไม่ต่างกัน..จากที่ปากแข็งปากร้ายก็ลืมไปจนหมดสิ้นดั่งค่ำคืนนี้ สัญชาตญาณดิบของทั้งคู่เป็นสิ่งที่มีอิทธิพลเหนือทิฐิทั้งปวงมือสากไล่ไต่ไปบนผิวเนื้อเนียนขาว เข้าขยำตรงนั้นตรงนี้ เฉกเช่นที่มือนุ่มของหญิงสาวไล้ไปบนแผ่นหลังของผู้เป็นสามี จิกกรงเล็บระบายควงามเสียวซ่านลากเป็นทางยาวให้เขาสูดปากเบาๆ“เมียข้า..เจ้าชอบความรุนแรงอย่างนั้นหรือ”“คงไม่ได้ชอบน้อยไปกว่าท่านหรอกกระมัง”ถึงเป็นยามที่ไร้สติอย่างนี้ทั้งคู่ก็ยังต่อปากต่อคำกันได้อย่างไม่มีใครยอมใคร คงเพราะการโต้ตอบกับอีกฝ่ายอย่างเจ้บแสบมันฝังอยู่ในกระ
ตอนที่ 7เมียหนีชานเมืองจงเหนียน มีคฤหาสน์ของคหบดีผู้มีอันจะกินหลังหนึ่งซึ่งวันนี้บรรยากาศอันเงียบสงบได้ถูกทำลายลงเมื่อมีแขกมาเยือน“เฉินเฉิน! เฉินเฉิน!”เสียงตะโกนเรียกนามคนผู้ซึ่งบังเอิญเดินออกมาหน้าบ้านพอดี เป็นพ่อค้าเจ้าของบ้านนามอี้เฉิน สหายของลู่เจียวจูชายหนุ่มหน้าขาวใสมองตามเสียงเรียกอันคุ้นเคย รอยยิ้มเผยกว้างทีเดียวก่อนเขาวิ่งมาหยุดตรงหน้าเหมือนเมื่อสมัยเด็ก “เจียวจู”ยามเมื่อนางลงจากหลังม้า อี้เฉินก็ยิ่งดูตื่นเต้น ความดีใจและความคิดถึงเกลื่อนใบหน้าไปหมด“ข้าคิดถึงเจ้า เราไม่ได้เจอกันตั้งนาน”เขาก็ยังเป็นคนเดียวที่ต้อนรับนางด้วยรอยยิ้มจริงใจเช่นนี้ ลู่เจียวจูเองไม่ใช่ไม่คิดถึงบรรยากาศสบายใจยามอยู่ใกล้อี้เฉิน“ข้าก็คิดถึงเจ้าเฉินเฉิน”นางยังเรียกชื่อเล่นของเขาอย่างสนิทสนมเหมือนเมื่อก่อน ฟังเช่นนั้นชายหนุ่มยิ่งน้ำตาคลอหน่วย “เช่นนั้นเจ้าเข้ามาก่อน ข้าจะให้คนครัวเตรียมข้าวเช้าให้”“เจ้ายังรู้ใจข้าเหมือนเดิม”อี้เฉินเป็นเพื่อนสมัยเด็กเพียงคนเดียวของลู่เจียวจู เป็นบุรุษเพียงคนเดียวในชีวิตที่นางมองว่าในตัวเขาเต็มไปด้วยข้อดี นิสัยอ่อนโยน ท่าทางสุภาพ ไม่เคยไม่ให้เกียรติผู้อื่น ยังเ
ตอนที่ 8ฉากสำคัญที่คฤหาสน์พ่อค้าแถบชานเมืองตะวันออกนั้น ลู่เจียวจูนั่งร่ำสุราเมามาย ข้างกันมีอี้เฉินที่คอยประคองคอยปรามนางเมื่อเริ่มจะดื่มมากไป“เจียวจู เจ้าดื่มมากเช่นนี้ คงเพราะมีเรื่องกลุ้มใจสินะ”เขาเป็นเพื่อนนางมาตั้งสิบปี เรื่องอะไรจะดูไม่ออกว่าสตรีผู้นี้กำลังกลัดกลุ้ม ถึงได้ใช่น้ำจัณฑ์เป็นที่ระบายเช่นนี้“อืม..ถูกอย่างเจ้าว่า”ลู่เจียวจูวางจอกที่กระดกพรวดเดียวหมดเมื่อครู่ลง ดวงหน้างามแดงก่ำคลุ้งกลิ่นชวนเมา มีรอยยิ้มขื่นส่งให้อี้เฉิน“ข้ากับสามี..ไม่ค่อยลงรอยกันเท่าไร”อา..เช่นนี้เองการแต่งงานของลู่เจียวจูกับสวี่ห่าวซวนยิ่งใหญ่เอิกเกริกถึงเพียงนั้น อี้เฉินเองถึงบ้านอยู่ชานเมือง ยังติดธุระสำคัญทำให้ไปร่วมงานไม่ได้ แต่ก็ไม่ใช่จะไม่รู้ข่าวคราวอะไรเลยการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์สองแคว้น ...พอลองคิดดูย่อมไม่มีเรื่องดีเกิดขึ้นสำหรับผู้ที่ต้องเสียสละ“ข้าเข้าใจเจ้านะ ไปอยู่ต่างบ้านต่างเมือง เจ้าย่อมปรับตัวยากเป็นธรรมดา นอกจากเรื่องการใช้ชีวิตแล้วเจ้ายังต้อง
บทส่งท้ายไม่กี่เดือนหลังจากนั้น แคว้นโจวหนานก็มีข่าวดี..ฮูหยินของแม่ทัพสวี่ตั้งครรภ์แรกแล้วหลังจากเริ่มรู้ตัวว่าระดูไม่มา และอยู่ๆก็เกิดอาการเหม็นอาหารหลายอย่าง ลู่เจียวจูก็สังหรณ์ใจว่าในท้องน่าจะมีเจ้าตัวเล็กแล้ว นางจึงให้หมอมาตรวจอาการดู“ยินดีกับฮูหยินสวี่ด้วย” หมอชราประสานมือให้นางด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเป็นอย่างที่คาดไว้จริงๆเย็นย่ำเมื่อสามีกลับมาบ้านและรู้ข่าวนี้ ความยินดีก็ฉายเกลื่อนใบหน้าเขาเช่นกัน ก่อนสวี่ห่าวซวนเข้ามาสวมกอดคลอเคลีย“จะเป็นเด็กชายหรือเด็กหญิงกันนะ”“ท่านคงต้องรออีกนานกว่าจะได้เห็นหน้าลูก”เขารอลุ้นอยากเห็นหน้าลูกแทบไม่ไหว ทั้งที่อีกตั้งหลายเดือนกว่านางจะคลอด“ไม่เป็นไร ข้ารอได้ ขอแค่คลอดอย่างปลอดภัยก็พอ”เสียงเขาฟังช่างชวนอบอุ่นหัวใจ ลู่เจียวจูก็อดยิ้มกว้างไม่ได้ค่ำคืนนั้นสามีนัวเนียอยู่แต่กับร่างนาง มีจูบหวานล้ำมอบให้ทั้งบนริมฝีปากและหน้าท้องที่ยังไม่นูนออกมาเลย“จากนี้ข้าจะดูแลเจ้าให้ดีกว่าเดิม”ราวกับเป็นคำมั่
ตอนที่ 29เข้าหออีกครั้งถึงแม้จะบอกว่าการหย่าร้างไม่เคยเกิดขึ้น แต่สุดท้ายการเลี้ยงฉลองใหญ่โตประหนึ่งงานสมรสครั้งใหม่กลับเกิดขึ้นเสียอย่างนั้น“ไหนท่านว่าไม่เคยหย่ากับข้า แต่ทำไมจัดงานเสียอย่างกับแต่งกับข้าอีกครั้งเช่นนี้”“ใครว่าเป็นงานแต่งเล่า นี่มันงานฉลองที่แคว้นโจวหนานมีชัยเหนือยแคว้นเดิมของเจ้าเท่านั้น”ลู่เจียวจูฟังคำกล่าวอ้างของสามีแล้วต้องแอบเบ้ปากนิดๆ หากบอกว่าเป็นงานฉลองจริงเขาจะบังคับให้นางสวมชุดแดงมงคล สวมมงกุฎทับทิมทองเก้าชั้น ร่วมเดินเคียงข้างเขาที่สวมชุดแดงเต็มยศเช่นนี้หรือบางทีสวี่ห่าวซวนอาจอยากเสริมความมงคลให้ชีวิติด้วยการจัดงานที่เสมือนเป็นงานแต่งกับภรรยาคนนี้อีกครั้ง เพื่อให้ทุกคนร่วมอวยพรให้เขาได้ครองรักกับนางนานๆก็เป็นได้และพอถึงตอนค่ำ สุรามงคลก็ยังวางอยู่บนโต๊ะ ราวกับรอให้บ่าวสาวมารินลงจอกแล้วคล้องแขนดื่มชมจันทร์ด้วยกัน“ไหนท่านว่าไม่ใช่งานสมรสซ้ำ”“งานสมรสมีรอบเดียวน่ะดี แต่เรื่องร่วมหอมีหลายๆครั้งไม่นับว่าเสียหาย
ตอนที่ 28ข้าไม่เคยหย่ากับเจ้า‘หากเจ้าอยากตามหานาง เช่นนั้นก็ไปตามหาเอาในปรโลกเถิด’นั่นคือคำที่ลู่จุนเฟิงทิ้งเอาไว้ให้สวี่ห่าวซวนก่อนถูกลากคอไปแน่นอนว่าข้าไม่มีทางเชื่ออย่างสนิทใจเขาใช่จะอ่านความคิดลู่จุนเฟิงไม่ออก ในเมื่ออีกฝ่ายรู้ว่าตัวเองจะต้องตายอยู่แล้ว เช่นนั้นคงไม่มีทางยอมเห็นใบหน้าดีใจเปี่ยมล้นของศัตรูเด็ดขาดลู่เจียวจูยังไม่ตายแน่ๆ..แต่แค่ต้องหาตัวนางให้พบการปูพรมค้นหาสตรียอดดวงใจแม่ทัพสวี่เริ่มต้นขึ้น แต่ผิดคาดจากที่ตอนแรกคิดว่าอาจพบตัวนางได้ยากสักหน่อย ที่ไหนได้กลับมาเจอเอาง่ายๆในห้องลับของจวนเจ้าเมืองเสียอย่างนั้นถึงสภาพนาง..จะดูย่ำแย่มากเต็มทีก็ตาม“เจียวจู!!”เสียงนั้นเป็นสามีเรียกหานาง โซ่ตรวนถูกปลดออกให้เขาได้กอดร่างหญิงสาวผู้เป็นที่รักไว้นางยังพอมีสติอยู่บ้าง รู้ว่าคนที่มาช่วยเป็นใคร น้ำตาก็ไหลรินอย่างไม่อาจห้าม มือที่ไร้เรี่ยวแรงและซีดขาวค่อยๆเลื่อนมาโอบกอดตอบเขาเบาๆ“ไม่นึกว่าจะเป็
ตอนที่ 27ทวงคืนคืนวันต่อจากนั้น ความทรมานของลู่เจียวจูยังไม่สิ้นสุด ยังไม่อาจเห็นแสงสว่างใดลอดเข้ามาเช่นเดียวกับความหวัง...ส่วนลู่จุนเฟิง ความเครียดยิ่งเพิ่มพูนเมื่อเขาเริ่มกลับมาครุ่นคิดถึงหนทางต่อจากนี้เพราะลู่เจียวจูหย่ากับสวี่ห่าวซวนแล้ว สัญญาสงบศึกจึงเป็นอันสิ้นสุดลง ระหว่างแคว้นโจวหนานกับเมืองจงเหนียนกลับไปสู่ความขัดแย้งเหมือนเช่นร้อยปีที่ผ่านมาหากยังอยู่เฉยๆ..ไม่แน่ว่าภัยอาจจะมาเยือนเขาในอีกไม่ช้า เช่นนั้นลู่จุนเฟิงจึงออกคำสั่งต่อแม่ทัพของเขา ให้เริ่มจัดเตรียมกระบวนรบเพื่อบุกแคว้นโจวหนานอีกคราเพราะสวี่ห่าวซวนพึ่งหย่ากับลู่เจียวจูไป ซ้ำทางแคว้นโจวหนานพึ่งสิ้นศึกกับแดนใต้ กำลังรบน่าจะยังไม่ฟื้นคืนเต็มที่ เรียกว่าจะบุกมาหาเรานั่นเป็นไปไม่ได้ จะตั้งรับก็อาจจะยากเกินไปด้วยซ้ำนี่เป็นเวลาทองที่จะใช้ยึดอำนาจ ให้แคว้นโจวหนานตกมาอยู่ใต้อาณัติของเราเสีย!การจัดตั้งกองทัพเดินทางสู่ชายแดนสองเมืองเต็มไปด้วยความฮึกเหิมเปี่ยมล้นแต่ผิดคาด...ลู่จ
ตอนที่ 26หย่าขาด“ในเมื่อเจ้าไม่เห็นว่าข้าเป็นสามีที่คู่ควรกับเจ้าอีกต่อไป เช่นนั้นก็หย่าให้มันจบเรื่องไปเสีย”ยามกล่าวน้ำเสียงสวี่ห่าวซวนทั้งเข้มข่มขวัญ แววตาของเขาก็ช่างดุดันน่ากลัวอย่างยิ่งราวกับเขาโกรธจริงๆ และไม่คิดอยากจะมองหน้านางให้ยิ่งโกรธเพิ่มไปกว่านี้อีกจริงๆ...ลู่เจียวจูไม่ได้อยากได้รับปฏิกิริยาเช่นนี้ แต่นางต้องกลั้นใจว่าต่อ“พรุ่งนี้ ข้าจะไปยื่นหนังสือหย่าของเรากับท่านผู้ครองโจวหนานเอง ท่านโปรดวางใจ”“เช่นนั้นก็ดี ข้าจะได้ไม่ต้องเหนื่อยสะสางธุระน่ารำคาญให้ยิ่งลำบากกาย”ฟังวาจาเขาบาดหูได้อย่างเจ็บแสบนัก ลู่เจียวจูเกือบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่แล้วแต่นางยังต้องทนต่อไป กล่าวอำลาอย่างเร็วๆก่อนจากออกมา“จากนี้ข้า..ไม่ใช่ฮูหยินสวี่อีกต่อไป ต้องขอลา”“เชิญ ข้าไม่ส่งนะ”เขาทำทีไร้เยื่อใยได้อย่างแนบเนียนมากจริงๆสมดังตั้งใจ ลู่เจียวจูดูไม่ออกเลยว่าอะไรจริงอะไรปลอมกันแน่
ตอนที่ 25คำตอบรับคืนค่ำ หลังจากวันนั้นที่สวี่ห่าวซวนออกจากบ้านไป ผ่านมาสองคืนก็แล้ว สามคืนก็แล้ว ยังไม่มีวี่แววว่าเขาจะกลับมาเลยจุดประสงค์ของท่านคืออะไร? ตั้งใจหนีหน้าข้า หรือแค่อยากให้ความคิดของข้าตกตะกอนมากขึ้นกันแน่?“เฮ้อ!”ลู่เจียวจูผ่อนลมหายใจไม่ต่ำกว่าคืนละร้อยหนนางยังนั่งคอยนอนคอยอยู่บนเตียงอย่างกับจะตายลงเช่นเดิม กระทั่งบ่าวรับใช้หน้าประตูเข้ามารายงาน “ฮูหยินเจ้าคะ มีจดหมายมาถึงท่านเจ้าค่ะ”“จากท่านแม่ทัพหรือ!?”เพียงได้ยินว่ามีจดหมาย แววตานางพลันเปล่งประกายขึ้นมา ประหนึ่งวิญญาณกลับเข้าร่างแล้วกระนั้นแต่ฉับพลันมันก็ต้องวูบดับไปเมื่อได้รับคำเฉลย “ไม่ใช่เจ้าค่ะ เป็นจากท่านเจ้าเมืองจงเหนียนเจ้าค่ะ”จากลู่จุนเฟิงอย่างนั้นหรือรับจดหมายมาแล้ว ลู่เจียวจูยังไม่กล้าทำใจเปิด ด้วยหัวใจกระหน่ำเต้นลุ้นระทึกเขาจะเขียนอะไรมากันนะ...เมื่อในห้องนี้มีเพียงนาง ก็ยิ่งราวกับว่าเสียงหัวใ
ตอนที่ 24หาทางออกยามย่ำรุ่ง ลู่เจียวจูตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ข้างเตียงก็ว่างเปล่าเสียแล้วสวี่ห่าวซวน..หายไปไหนกัน?หญิงสาวนิ่งคิด ก่อนลุกออกไปถามบ่าวหน้าประตู “ท่านแม่ทัพล่ะ”“ท่านแม่ทัพไปที่ฐานทัพตะวันตกเจ้าค่ะ”“ไปตอนไหน แล้วไปอย่างไร”“ท่านแม่ทัพขี่ม้า..ไปตั้งแต่ตะวันยังไม่ขึ้นเจ้าค่ะ”ได้รับคำตอบแล้วลู่เจียวจูต้องสูดหายใจเข้าลึกสะกดกลั้นอารมณ์ไม่ให้ระเบิดนี้เขา..ฝืนขี่ม้าไปไกลถึงเพียงนั้น..เพื่อหนีหน้าข้าเนี่ยนะ!ทั้งๆที่ยังไม่หายดีแท้ๆ ตอนนี้นางเป็นห่วงก็เป็นห่วงอยู่ แต่โมโหในความไร้เหตุผลของสามีมากกว่า“เฮอะ! ในเมื่อไม่อยากเห็นหน้าข้ามาก เช่นนั้นก็ไม่ต้องพบกันอีก!!”นางประชดประชันก่อนปิดประตูห้องเสียดังลั่น แต่คนที่รับทั้งเสียงประชดและเสียงกระแทกนั่นก็มีแต่บ่าวรับใช้ หาใช่ตัวสามีโดยตรงพวกเขา..ทะเลาะอะไรกันอีก?คนรอบข้างไม่มีทางไม่สงสัย แต่ก
ตอนที่ 23ไม่อาจทรยศตอนแต่งเข้ามาในจวนนี้..ทีแรกข้าก็ตั้งใจจะทำภารกิจให้สำเร็จอยู่หรอกในวันแรกหลังจากผ่านพิธีสมรสมา ลู่เจียวจูยังจำได้ดีว่าตัวเองพยายามตามหาตราประจำกองทัพของสวี่ห่าวซวนขนาดไหนโชคดีที่เขาไม่อยู่ห้องตั้งแต่ตอนนางตื่น เช่นนั้นนางจึงสามารถค้นดูได้อย่างถนัดแต่ก็เป็นโชคร้ายเหมือนกัน ที่หาเท่าไรก็ยังไม่พบสุดท้ายนางเลยต้องเปลืองแรงขยายขอบเขตการตามหา โดยทำทีว่าต้องการเรียนรู้เรื่องต่างๆในจวน ทั้งเดินสำรวจไปทั่ว เข้าไปในห้องหนังสือเพื่อศึกษาตำราต่างๆอีก แม้ความจริงนางจัดการบัญชีทรัพย์สินได้อย่างชำนาญ และการดูแลบ่าวในจวนก็ไม่ใช่งานยากอะไร‘ไม่เจอ...’ในตอนที่ลู่เจียวจูพบกับความล้มเหลว นางเหงื่อแตกมือสั่นใจเต้นแรง พอเข้าวันที่สองก็เริ่มกระวนกระวายจนเหมือนจะทนไม่ได้เพราะอะไรน่ะหรือ...ก็อีกไม่นานจะต้องกลับไปเยี่ยมญาติแล้วอย่างไรเล่าหากว่าพ่อบุญธรรมของนางเกิดถามไถ่ขึ้นมา นางจะตอบอย่างไร..ความล้มเหลวเป็นสิ่งที่ลู่เจียวจูผู้
ตอนที่ 22อดีตของลู่เจียวจูในความเงียบนั้น สวี่ห่าซวนรู้สึกเหมือนมีคนเอาค้อนมาทุบศีรษะเขา ทำเอามึนงงจนกล่าวอะไรไม่ได้เขาได้เพียงมองตานาง ซึ่งฉายความมุ่งมั่นอย่างครึ่งๆกลางๆเท่านั้นก็เห็นชัดอยู่ว่าเจ้ารักข้า...แล้วเหตุใด..“เจ้าลองคิดดูอีกที ว่าต้องการอย่างนั้นจริงหรือไม่”เขาถามย้ำโดยพยามยามไม่ให้ตัวเองเสียงสั่น คอยดูปฏิกิริยาจากนางใจจ่อลู่เจียวจูพยักหน้าตอบช้าๆ ไร้ซึ่งถ้อยคำจะกล่าวฮะๆๆ.. น่าขัน ช่างน่าขันอะไรเช่นนี้“ถ้าเจ้าหย่ากับข้า ก็ถือว่าการแต่งงานเพื่อสานสัมพันธ์ของสองแคว้นสิ้นสุดลง เจ้าลองตรองดูใหม่ว่าต้องการอย่างนั้นจริงๆหรือไม่ อยากให้เกิดสงครามเหมือนร้อยปีที่ผ่านมาหรือไม่ ไม่อยาก..ไม่อยากให้ชาวเมืองจงเหนียนที่เจ้ารักมีชีวิตอันสงบสุขแล้วอย่างนั้นหรือ? หรือไม่แยแสเลยถึงแม้ต่อให้วันหนึ่งคนที่เจ้าให้ความสำคัญมากๆอย่างเจ้าอี้เฉินนั่นจะต้องถูกเกณฑ์มาเป็นไพร่พลกำลังรบ?”เขาร่ายยาวมาขนาดนี้ ก็เพื่อให้นางได้ตัดส